Tuesday, 13 May 2025
NEWS FEED

อย่างนี้ต้อง​ไล่ออก!! >> 'ศรีสุวรรณ' จี้กองทัพไทยต้องไล่ออกสถานเดียว​ กรณีทหารเลวล่าสัตว์ป่า

นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ตามที่ผู้อำนวยการสำนักบริหารอนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้ออกมาเปิดเผยว่ามีผู้หวังดีแจ้งว่ามีกลุ่มบุคคลเข้าไปลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค ท้องที่บ้านไทรโยคใหญ่ หมู่ที่ 7 ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

และเมื่อนำกำลังไปตรวจค้นพบทหารยศ พันจ่าเอก สังกัดหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 11 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนหลายประเภท รวมทั้งอุปกรณ์ล่าสัตว์ต่างๆมากมาย ที่สำคัญพบซากนกเงือก จำนวน 7 ซาก ซากนกกาเหว่า จำนวน 2 ซาก ซากนกเขียวคราม จำนวน 1 ซาก รวมทั้งยังพบยาบ้าพร้อมอุปกรณ์เสพยา และกัญชาอัดแท่งอีกด้วยนั้น

หลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงพฤติการณ์ของทหารคนดังกล่าวที่ไม่ยี่หระต่อกฎหมาย และวินัยทหาร เพราะคิดว่าเป็นทหารมีอาวุธ จะทำอะไรก็ได้ จึงได้กล้ากระทำการดังกล่าวอันเป็นการเย้ยหยันคนไทยที่รักสัตว์ป่า รวมทั้งนักอนุรักษ์

และนักสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศเป็นอย่างมาก และน่าจะกระทำมาหลายต่อหลายครั้ง จนย่ามใจ และอาจชี้ให้เห็นว่าหน่วยงานต้นสังกัด ไม่ได้มีการฝึกอบรมหรือสั่งสอนให้มีความรับผิดชอบชั่วดี ให้เกิดขึ้นในก้นบึ้งของหัวใจของความเป็นทหารเลยแต่อย่างใด

กรณีที่เกิดขึ้นทหารคนดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินคดีหลายข้อหา ทั้งการฝ่าฝืน พรบ.อุทยานแห่งชาติ 2562 พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 พรบ.อาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน 2490 พรบ.ยาเสพติดให้โทษ 2522

และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งล้วนเป็นข้อหาหนักซึ่งต้องถูกจำคุกก็ตาม แต่สำหรับโทษทางทหารนั้น นอกจากเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร 2476 แล้วยังมี พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการทหาร 2521 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งเป็นการฝ่าฝืนระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยประมวลจริยธรรม 2551 อีกด้วย

ซึ่งพฤติกรรมและหรือการกระทำดังกล่าวของพันจ่าเอก สังกัดหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ จะต้องถูกต้นสังกัด คือ “กองบัญชาการกองทัพไทย” สอบสวนและลงทัณฑ์โดยพลัน

ซึ่งโทษสูงสุดควรที่จะต้อง “ไล่ออก” จากความเป็นทหารเท่านั้น แต่หากมีการช่วยเหลือปกป้องให้กันและกัน ก็จะทำให้องค์กรในภาพรวมมัวหมองตามไปด้วย และผู้บังคับบัญชาก็จะต้องมีโทษเฉกเช่นผู้กระทำผิดตามไปด้วย นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด


ที่มา: https://siamrath.co.th/n/217846

'หมอยง'​ ชี้ข้อดีของวัคซีน​ Sputnik V จากรัสเซีย สเป็กเดียวกับ​ AztraZeneca พร้อมประสิทธิภาพแตะ 91.6% >> ลบคำครหาวัคซีนห่วย

หมอยง หรือ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เพื่อไขข้อสงสัยดังกล่าวโดยระบุว่า...

โควิด 19 วัคซีน Sputnik V ของรัสเซีย

ในที่สุดข้อมูลการศึกษาระยะที่ 3 วัคซีน Sputnik V ได้มีการเผยแพร่ในวารสารชื่อดัง Lancet กลบข้อกล่าวหาที่เคยคลุมเครือในอดีต ประสิทธิภาพสูงถึง 91.6%

วัคซีนของรัสเซียตั้งชื่อตามดาวเทียม ที่เคยสู่อวกาศเป็นเครื่องแรกของโลก

ข้อมูลประสิทธิภาพค่อนข้างชัดเจนมากในการศึกษาวิจัย

วัคซีน Sputnik V เป็นไวรัส Vector เช่นเดียวกับ AstraZeneca ที่ใช้ adenovirus เป็นตัวนำสารพันธุกรรมเข้าสู่เซลล์มนุษย์​ แล้วให้เซลล์มนุษย์สร้างโปรตีนเปลือกผิวของไวรัสโควิด ที่เรียกว่าสไปรท์โปรตีน

AstraZeneca ใช้ adenovirus ของลิงชิมแปนซี เพื่อหวังหลบหลีกภูมิต้านทานของมนุษย์ ใช้ 2 เข็มเหมือนกัน

วัคซีน​ Sputnik V ของรัสเซียใช้ adenovirus ของมนุษย์ แต่ใช้ไวรัส 2 ตัว คือ adenovirus 5 และ adenovirus 26

การฉีดใน 2 เข็ม วัคซีนที่ใช้ฉีดจะต่างชนิดกัน เช่นครั้งแรกให้ adenovirus 5 เข็มที่ 2 จะให้ adenovirus 26 เพื่อป้องกันภูมิต้านทานต่อ adenovirus ที่ฉีดในเข็มแรก มารบกวนการสร้างภูมิต้านทานของเข็มที่ 2 ซึ่งก็มีเหตุผล

จากการทดลองของรัสเซียพบว่า ถ้าให้ไวรัสชนิดเดียวที่ เป็น vector ตัวเดียวกัน การกระตุ้นเข็มที่ 2 ภูมิต้านทานจะขึ้นน้อย ไม่เหมือนกับการใช้ไวรัสต่างชนิด ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูงมากกว่า

ดังนั้นวัคซีน Sputnik V ของรัสเซียจะฉีดเข็มที่ 1 และ 2 จะต้องมีการแยกแยะจากกัน จะไม่ฉีดไวรัสเวกเตอร์ตัวเดียวกัน เหมือนอย่างใน AstraZeneca

ข้อมูลที่ลงพิมพ์ในวารสาร Lancet ทำให้วัคซีนของรัสเซีย น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

วัคซีน Sputnik V ได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินแล้ว 17 ประเทศ และให้ทะเบียนแบบปกติ 1 ประเทศ

ราคาที่ประกาศไว้บนหน้าเว็บของบริษัทก็บอกไว้ว่าราคาไม่เกิน 10 เหรียญ US ขึ้นอยู่กับการต่อรอง

เมื่อศึกษาในรายละเอียดแล้วเป็นวัคซีนที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง

(Sputnik 1-4 (I-IV) เป็นชื่อดาวเทียม ที่ส่งขึ้นก่อนใครในโลก Sputnik V รัสเซียต้องการตั้งเป็นนัย ว่าผลิตวัคซีนได้ก่อนใครในโลก จึงตั้งชื่อเดียวกับดาวเทียม 1-4 แล้วต่อตัวที่ 5 เป็นชื่อวัคซีนไปเลย) #หมอยง


ที่มา: https://m.facebook.com/story.phpstory_fbid=5193538847355357&id=100000978797641

'หมอวรงค์' เผยเอกสารสำคัญ​ 'กรณีไลฟ์วัคซีนของธนาธร' ถึงมือ 'กระทรวงดีอีเอส' แล้ว >> แอบงง!! เหตุที่ธนาธรทำไป​ เพราะอ้างปกป้องสถาบัน

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้

#ธนาธรอ้างปกป้องสถาบัน

วันนี้ผมไปยื่นเอกสารสำคัญ ให้กระทรวงดีอีเอส กรณีนายธนาธร ไลฟ์เรื่องวัคซีน และกระทรวงขอให้ศาล มีคำสั่งลบคลิปนี้ เพราะมีข้อมูลบิดเบือน สร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบัน

แต่นายธนาธรใช้สิทธิ์อุทธรณ์ต่อศาล ผมจึงนำเอกสารสำคัญไปมอบให้ เพื่อให้กระทรวงดีอีเอสมอบต่อศาล ไปยื่นคัดค้านคำขอนายธนาธร

ที่สำคัญ สัญญาการซื้อขายวัคซีนนั้น เป็นเรื่องของรัฐบาล กับทางแอสตรา เซนิก้า ประเทศอังกฤษ และแอสตรา เซนิก้า จ้าง Siam Bioscience ผลิต ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ควรจะเป็นเรื่องของแอสตรา เซนิก้า กับทางรัฐบาล

แต่นายธนาธรกลับโยงไปที่บริษัทผู้ผลิต ซึ่งควรจะเป็นเรื่องของแอสตรา เซนิก้า ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง Siam Bioscience และในส่วนของSiam Bioscience ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ควรจะเป็นกรรมการบริษัท ที่รับผิดชอบ

แต่นายธนาธร กลับพุ่งเป้าไปที่ผู้ถือหุ้น ซึ่งโยงไปถึงในหลวง ทั้งๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร แต่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เขาโยงถึงในหลวงถึง 14 ครั้ง ทั้งๆที่ควรจะเป็นกรรมการบริษัท Siam Bioscience ที่ต้องรับผิดชอบ (ถ้ามีปัญหาใดๆ)

ทั้งนี้​ นพ.วรงค์​ ยังได้ทิ้งท้ายอีกว่า...

ข้อมูลแปลกๆ​ ที่ได้รับคือ การที่นายธนาธรทำแบบนี้ เพราะเขาคิดว่า เขาต้องการปกป้องสถาบัน...???


ที่มา: https://www.facebook.com/1635406246730420/posts/2841003249504041/

สลากกินแบ่งเตือน!! รับไปขายต่อออนไลน์​ ผิดระเบียบ​ โดนยึดสิทธิการจำหน่าย ย้ำ!! ต้องไปขายด้วยตัวเองเท่านั้น

พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า จากกรณีที่มีการโพสต์ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านออนไลน์โซเชียลมีเดียนั้น ขอเตือนตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล และผู้ซื้อจองล่วงหน้าการนำสลากไปขายต่อนั้น

เป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญา และหลักเกณฑ์ในการรับสลากไปจำหน่าย ตามที่กำหนดให้ตัวแทนจำหน่ายและผู้ซื้อจองล่วงหน้า มีหน้าที่ต้องไปขายด้วยตนเองทุกงวดตลอดอายุสัญญา และต้องขายในลักษณะขายปลีกให้แก่ผู้บริโภคโดยตรงเท่านั้น ห้ามนำไปขายส่ง หรือขายให้แก่ผู้ที่ซื้อสลากเพื่อนำไปขายต่อเป็นอันขาด รวมถึงห้ามขายเกินราคาที่กำหนดด้วย

หากตรวจพบว่าไม่ได้ขายด้วยตนเองจะถือว่าผิดสัญญา และสำนักงานสลากฯ จะบอกเลิกสัญญา รวมถึงยกเลิกสิทธิการลงทะเบียน กรณีเป็นผู้ซื้อจองล่วงหน้า และผู้ที่จำหน่ายสลากเกินราคา มีความผิดตามกฎหมายระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท


ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/business/2027145

วันนี้เป็นวันสำคัญ โดยเฉพาะในมุมเรื่องราววัฒนธรรมของชาติ เนื่องจากวันนี้ถูกยกกำหนดให้เป็น ‘วันมวยไทยแห่งชาติ’

โดยที่มาของวันนี้ สืบเนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรม เล็งเห็นถึงคุณค่าของศิลปะการต่อสู้อันเก่าแก่ของชาติไทย ซึ่งปัจจุบันได้รับการความเผยแพร่ต่อในระดับนานาชาติ กลายเป็นศาสตร์การต่อสู้และป้องกันตัวที่ทั่วโลกให้การยอมรับ จึงได้มีการประกาศขึ้นทะเบียนมวยไทย เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมยังได้ร่วมกับหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกหลายฝ่าย ผลักดันให้มีการสถาปนา ‘วันมวยไทย’ โดยเลือกเอาวันขึ้นเสวยราชสมบัติของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (สมเด็จพระเจ้าเสือ) แห่งราชอาณาจักรอยุธยา คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2245 เป็นวันมวยไทย

เหตุที่เลือกเอาวันเสวยราชสมบัติของสมเด็จพระเจ้าเสือ เนื่องจากพระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถในศิลปะการต่อสู้ประเภทนี้ ครั้งหนึ่งขณะที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นหลวงสรศักดิ์ ทรงเคยชกต่อยกับพระยาวิไชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ขุนนางฝรั่งในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมาแล้ว

สมเด็จพระเจ้าเสือยังทรงวางระบบการคัดเลือกชายฉกรรจ์มาฝึกมวยไทยในราชสำนัก โดยเป็นพระอาจารย์ด้วยพระองค์เอง และทรงคิดตำรับท่าแม่ไม้มวยไทยซึ่งเรียกว่ามวยไทยตำรับพระเจ้าเสือ ตำราแม่ไม้มวยไทยที่เก่าแก่ที่สุด ต่อมายังได้ถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในสมัยรัชกาลที่ 5 อีกด้วย

มวยไทยถือเป็นศิลปะการต่อสู้และศาสตร์การป้องกันตัวของชนชาติไทยที่เป็นเอกลักษณ์ ควรค่าแก่การอนุรักษ์และเผยแพร่แก่คนรุ่นหลังให้ได้สืบต่อและรักษาเอาไว้ตราบนานเท่านาน

“วิษณุ” ยัน คนแก่ไม่ติดคุก ปมรับเงินสองทาง เผยคัดกรองแล้วเจอมีปัญหาราว 6,000 คน ระบุต้องสอบทานรับสิทธิ์โดยสุจริตหรือไม่ ล่าสุดมีคนแก่ตกใจหาเงินมาคืนแล้วกว่า 130 ล้านบาท

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับคณะกรรมการค่าเบี้ยยังชีพ ถึงปัญหาการจ่ายเบี้ยยังชีพคนชราซ้ำซ้อน ว่า ที่ประชุมไม่ได้มีมติเรื่องนี้ เพราะเป็นเพียงการรับฟังสรุปจากหน่วยงานต่างๆ เท่านั้นและต้องการรับฟังความก้าวหน้าของแต่ละหน่วยงาน ไม่ได้มีอำนาจสั่งการใด ๆ

โดยผู้มีอำนาจตัดสินใจสุดท้ายคือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เบื้องต้นสามารถตอบคำถามได้ 3 เรื่อง คือ 1.) จะไม่มีการดำเนินคดีอาญากับผู้สูงอายุที่ไม่คืนเบี้ยยังชีพคนชรา เรื่องนี้ไม่เคยดำเนินการในอดีตและจะไม่ดำเนินการในอนาคตด้วย เพราะการดำเนินคดีอาญาจะต้องตั้งข้อหาฉ้อโกง แต่คนเหล่านี้ไม่ได้มีพฤติกรรมฉ้อโกง จึงไม่มีผู้ใดที่จะติดคุก

นายวิษณุ กล่าวว่า 2.) การรับผิดทางแพ่ง หรือการคืนเงิน สรุปง่าย ๆ หากได้มาโดยสุจริตไม่ต้องคืน แต่ถ้าเงินยังเหลืออยู่จะต้องคืนหากไม่เหลือก็ไม่ต้องคืน กรณีถ้ามีเงินเหลือยู่ แต่ไม่ใช่เงินที่ได้รับจากเบี้ยยังชีพคนชราก็ไม่ต้องคืน โดยแต่ละรายจะรับสุจริตหรือไม่จะดูเป็นรายบุคคล และมีผู้อยู่ในข่ายที่จะต้องถูกไต่สวนทวนพยานว่าสุจริตหรือไม่ ประมาณ 6,000 คนทั่วประเทศ

"ถ้าปล่อยให้เป็นคดีอาญา 6,000 คดีทั่วประเทศ คดีจะรกศาล เป็นภาระอัยการในฐานะโจทก์ เป็นภาระของคุณตา คุณยาย ในฐานะจำเลย ที่จะต้องไปจ้างทนาย เขากินไม่ได้ นอนไม่หลับ เป็นทุกข์ จึงกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดคดีอาญา ดังนั้นอย่าไปคิดเลยว่าจะมีการฟ้อง" นายวิษณุ ระบุ

นายวิษณุ กล่าวว่า และ 3.) เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ที่รับผิดชอบจ่ายเงินดังกล่าว จะมีส่วนต้องรับผิดด้วยหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องดูอีกครั้ง สำหรับผู้สูงอายุบางส่วนที่รับเงินเบี้ยยังชีพคนชราและซ้ำซ้อนกับเงินสวัสดิการอื่น ก่อนหน้านี้มีทั้งหมด 15,300 คน เมื่อตรวจสอบรายละเอียดเหลือผู้สูงอายุที่รับเงินซ้ำซ้อนประมาณ 6,000 คน

ส่วนนี้จำเป็นที่ต้องหยุดจ่ายเงินเบี้ยยังชีพคนชราไว้ก่อน แต่ยืนยันว่าไม่นาน โดยปกติผู้สูงอายุจะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ 3 ส่วนคือ เบี้ยยังชีพคนชรา หากเจ็บป่วยจะได้รับเบี้ยผู้พิการ ถ้าฐานะยากจนจะได้บัตรคนจนด้วย ซึ่งระเบียบของเบี้ยคนพิการและบัตรคนจนไม่ได้ห้ามรับเงินบำนาญ จึงไม่มีปัญหา จึงเหลือแค่เบี้ยยังชีพคนชราอย่างเดียวที่ต้องไปแก้ไข และหยุดจ่ายส่วนนี้ไปก่อน

รองนายกฯ กล่าวว่า "วันนี้ขอให้ผู้สูงอายุสบายใจได้ว่าไม่ติดคุกแน่ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลระบุว่ามีผู้สูงอายุที่รู้ข่าวแล้วตกใจจึงรีบเอาเงินมาคืน มียอดรวมทั้งหมด 130 ล้านบาท ส่วนจะต้องพิจารณาคืนเงินกลับไปให้ผู้สูงอายุที่คืนเงินมาแล้วหรือไม่นั้น โดยหลักเรื่องลาภที่มิควรได้ เมื่อคุณเอามาคืนและถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจะมาขอคืนไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นการชำระหนี้ และถือว่ารัฐรับกลับคืน เว้นแต่จะผ่อนผันให้ ซึ่งเป็นเรื่องที่กำลังคิดอยู่"

ส่วนในอนาคตมีแนวคิดที่จะทำให้ผู้สูงอายุรับเงินได้ทั้งสองทางหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า "ไม่ขอตอบเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของนโยบาย"

 

 

หลังจากที่มีข่าวว่า Alibaba เตรียมที่จะออกพันธบัตรตราสารหนี้ในตลาดต่างประเทศมากถึง 5 หมื่นล้านเหรียญ แม้ว่าจะมีข่าวไม่ค่อยดีว่ารัฐบาลจีนอาจบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกตลาดกับกลุ่มธุรกิจในเครือ Alibaba

และก็เป็นดังคาด ทันทีที่ Alibaba ประกาศเปิดจองหุ้นกู้ ก็มียอดจองเข้ามาอย่างถล่มทลายกว่า 3.8 หมื่นล้านเหรียญจากนักลงทุนรายใหญ่หน้าเดิม ๆ ในตลาด เช่น ผู้บริหารกองทุนความมั่งคั่งของรัฐบาล กองทุนบำเหน็จบำนาญ กองทุนสินทรัพย์ต่างประเทศจากสหรัฐอเมริกา และยุโรป ที่มักสนใจลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่มีอนาคตอยู่แล้ว อาทิ Amazon Google หรือ Tencent

จึงกลายเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า นักลงทุนไม่ค่อยวิตกกับคดีความที่ Alibaba หรือแจ็ค หม่า อาจต้องเจอในอนาคต แต่ยังเชื่อมั่นว่าธุรกิจ E-commerce ของ Alibaba ยังสดใส และไปต่อได้อีกไกล

และในเมื่อหุ้นกู้ของ Alibaba ยังเป็นที่ต้องการของนักลงทุนรายใหญ่อย่างมาก ก็ทำให้ Alibaba สามารถกำหนดราคาหุ้นกู้ได้ดีกว่าที่คิด โดย Alibaba ได้เสนอขายหุ้นกู้ 4 ประเภทตามระยะเวลาของสัญญา เริ่มต้นตั้งแต่ 10 ปี 20 ปี 30 ปี และ 40 ปี

ตามข้อมูลล่าสุดหุ้นกู้ระยะเวลา 30 ปีจะได้ดอกเบี้ย 3.15% 40 ปี จะได้ 3.25% ซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่น้อยกว่าตอนที่ Alibaba เคยออกหุ้นกู้ในปี 2017 ที่ให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนถึง 4.2% - 4.4% กับหุ้นกู้ระยะเวลา 30 ปี และ 40 ปี ตามลำดับ

ส่วนการจัดระดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ Alibaba ในครั้งนี้ สถาบัน Moody ให้ที่เกรด A1 ส่วน S&P และ Fitch ให้ที่เกรด A+

และสิ่งที่ทำให้ Alibaba เสนอขายหุ้นกู้ได้ในราคาดีกว่าเมื่อปี 2017 มาจากรายได้ที่โตขึ้นถึง 37% ในไตรมาศสุดท้ายของปีที่ผ่านมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นผลพวงจากยอดขายในวันเทศกาลคนโสด 11.11 ที่มีการขยายช่วงเวลานาทีทองลดราคานั่นเอง

นักวิเคราะห์การตลาดยังมองว่า อนาคตธุรกิจชอปปิ้งออนไลน์ในจีนยังสามารถโตได้ถึงปีละ 12% และธุรกิจ Cloud service อาจเพิ่มได้มากถึง 23% จนถึงปี 2023 ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่ Alibaba ยังคงได้รับผลประโยชน์จากกระแส E-Commerce ที่ยังเติบโตต่อเนื่อง

จึงทำให้นักลงทุนไม่ค่อยตื่นตระหนกกับข่าวการที่รัฐบาลจีนจะใช้มาตรการทุบ Alibaba ด้วยกฎหมายต่อต้านการผูกขาด หรือ แจ็ค หม่า อาจไม่ใช่หน้าตาของ Alibaba อีกต่อไป

ตราบใดที่แมวยักษ์ Alibaba ยังไล่ล่าจับหนูเก่ง นักลงทุนก็ไม่เกี่ยงว่าเจ้าของแมวจะเป็นใคร ขอให้จับหนูได้ก็แล้วกัน - ท่านประธานเหมา ไม่ได้กล่าว


อ้างอิง

https://www.scmp.com/business/banking-finance/article/3120368/alibaba-sell-us5-billion-dollar-bonds-analysts-say-risk

https://www.reuters.com/article/us-alibaba-fundraising-idUSKBN2A4083

‘บิ๊กป้อม’ สั่งทีมงานเร่งแก้ปัญหาน้ำเค็ม หลังพบแม่น้ำในพื้นที่ EEC มีค่าความเค็มเกินมาตรฐาน จากน้ำทะเลหนุนสูง พร้อมพร้อมให้กรมชลฯติดตามค่าความเค็มอย่างใกล้ชิด

พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ ประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ให้ประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะปัญหาคุณภาพน้ำในแม่น้ำที่มีค่าความเค็มสูงเกินกว่ามาตรฐาน เนื่องจากน้ำทะเลหนุนสูงในขณะนี้

พล.ร.อ.พิเชษ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรมีความห่วงใยประชาชน โดยขอให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ปัญหา สาเหตุความเค็มของน้ำในแม่น้ำสายหลักในพื้นที่อื่นๆด้วย นอกเหนือจากภาคตะวันออก เพื่อให้คุณภาพน้ำกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

สถานการณ์น้ำในปัจจุบัน พื้นที่ภาคตะวันออกมีแหล่งน้ำ 14,560 แห่ง แยกเป็น แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 6 แห่ง ขนาดกลาง 44 แห่ง และขนาดเล็ก 1 4,510 แห่ง ปัจจุบันมีการกักเก็บน้ำต้นทุนไว้แล้ว 1,942 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ตลอดช่วงฤดูแล้งปี 64 จะมีความต้องการใช้น้ำ 1,790 ล้าน ลบ.ม.

ซึ่งสามารถบริหารการใช้น้ำได้อย่างเพียงพอ แต่เนื่องจากสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง ทำให้ต้องมีการใช้น้ำต้นทุนผลักดันน้ำเค็ม เพื่อรักษาคุณภาพน้ำไว้ จึงต้องบริหารแผนการใช้น้ำอย่างระมัดระวัง โดยให้กรมชลประทานจะติดตามค่าความเค็ม ณ สถานีวัดคุณภาพน้ำทั้ง 4 แห่งอย่างใกล้ชิด

สำหรับรายงานความเค็มสูงสุดของแม่น้ำเจ้าพระยา วันที่ 4 ก.พ.64 พบว่า 1.) สถานีแจงร้อน 13.8 กรัม/ลิตร เวลา 10:00 น. 2.) สถานีดาวคะนอง 12.2 กรัม/ลิตร เวลา 10:00 น. 3.) สถานีบางกอกใหญ่ 10.6 กรัม/ลิตร เวลา 10:00 น. 4.) สถานีเทเวศร์ 11.0 กรัม/ลิตร เวลา 16:00 น. 5.) สถานีบางเขนใหม่ 7.2 กรัม/ลิตร เวลา 11:00 น. ทั้งนี้หากค่าความเค็มเกิน 1.2 กรัม/ลิตร ควรระมัดระวังในการใช้กับพืชทั่วไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เกษตรกรรม โดยมอบหมายให้ สทนช., กรมชลประทาน, กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมทรัพยากรน้ำ ร่วมกันประสานข้อมูลพื้นที่เกษตรกรรม

ทั้งในเขตชลประทาน และนอกเขตชลประทาน เพื่อให้การบริหารทรัพยากรน้ำ การจัดทำโครงการต่าง ๆ มีการแบ่งหน่วยงานรับผิดชอบอย่างชัดเจน ไม่ให้มีความซ้ำซ้อน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการจัดสรรน้ำครอบคลุมทุกภาคส่วน และให้มีน้ำที่มีคุณภาพใช้ เพื่อการเกษตร รวมถึงน้ำอุปโภคบริโภค การท่องเที่ยว และภาคอุตสาหกรรมอย่างเพียงพอ

‘วิษณุ เครืองาม’ ยันคดีรับจำนำข้าวทุกคดี ยังไม่หมดอายุความแม้แต่คดีเดียว หลังมีกระแสข่าว ระบุ ยังตามยึดทรัพย์ 'ยิ่งลักษณ์' อยู่ ไม่ต้องห่วง

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าคดีรับจำนำข้าว หมดอายุความในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 ว่า ทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา ยังไม่ขาดอายุความ รวมทั้งคดียึดทรัพย์และการบังคับคดีก็ยังไม่ขาดอายุความ

ซึ่งอายุความบังคับคดีคือ ถ้ายึดไม่ได้ภายใน 10 ปี ยึดมาได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ที่เหลือก็ยังไม่ขาดอายุความ บางคดีที่ต้องยึดทรัพย์เวลานี้ยังไม่นับหนึ่งด้วยซ้ำ ส่วนคดีแพ่งได้ฟ้องไปหมดทุกคดีแล้ว เมื่อฟ้องอายุความก็จะหยุด

นายวิษณุ กล่าวว่า "ส่วนคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าว มี 1,188 คดี ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการ ยังไม่มีคดีใดที่ขาดอายุความแม้แต่คดีเดียว สำหรับคดียึดทรัพย์บังคับคดี ได้ยึดทรัพย์ไปแล้วจำนวนมากและยังต้องตามยึดต่อ เพราะไม่รู้ว่าทรัพย์อยู่ที่ไหน

เท่าที่ทราบได้ยึดบ้านและรถ และกำลังจะนำขายทอดตลาด ในส่วนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ยึดไปแล้วจำนวนหนึ่ง ที่เหลือที่คิดว่าใช่นั้น ไม่ใช่ทรัพย์เขา ยังมีเวลาตรวจสอบ ยังไม่ขาดอายุความ และมีที่ต้องยึดต่ออีกเยอะ โดยคดีความที่จะหมดอายุความเร็วที่สุดคือปี 2565 เช่น คดีที่เกี่ยวกับโรงสี เป็นต้นเมื่อดำเนินการอะไรแล้วอายุความนั้นก็จะไม่หมด"

กรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือว่าปิดประตูเดินทางกลับบ้านแล้วใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า "ไม่ปิด กลับมาได้ไม่มีปัญหา การยึดทรัพย์กับการกลับบ้านเป็นคนละเรื่องกัน และมีลูกหนี้เยอะแยะที่เวลานี้ถูกตามยึดทรัพย์ แต่ก็ยังอยู่ไม่มีปัญหาอะไร"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top