Sunday, 6 July 2025
NEWS FEED

เปิดวิธีสมัคร ‘โครงการฝากบ้านกับตำรวจ’ ช่วยเพิ่มความปลอดภัย - เที่ยวสุขใจ เทศกาลปีใหม่ 68

เมื่อวันที่ (25 ธ.ค. 67) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 68 รัฐบาลห่วงใยประชาชน พร้อมดูแลความปลอดภัย และทรัพย์สินในช่วงเทศกาล โดยขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาตรการเข้มป้องกัน ปราบปรามอาชญากรรม ดูแลชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนช่วงเทศกาลคริสต์มาส – ปีใหม่ 68 และดำเนินโครงการ “ฝากบ้านกับตำรวจ “ยุคใหม่ใส่ใจดูแล ซึ่งเป็นโครงการร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ”  ทั้งนี้ ประชาชนสามารถฝากบ้านได้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 2 ม.ค.68 ผ่าน 2 ช่องทาง  ดังนี้

1.แจ้งผ่านออนไลน์ แอปพลิเคชัน ฝากบ้าน 4.0 (OBS) โหลดผ่าน App Store หรือ Googlr play Store เท่านั้น โดยลงทะเบียน ข้อมูลผู้เข้าร่วมโครงการ ใส่รายละเอียด ภาพถ่าย และโลเคชัน พร้อมกับแจ้งสถานีตำรวจใกล้บ้าน แสดงบัตรประชาชนผู้แจ้ง และแนบภาพถ่ายบ้านและโลเคชัน

นายอนุกูล กล่าวด้วยว่า ขอแนะนำ 10 สิ่งต้องทำเมื่อฝากบ้านกับตำรวจ ดังนี้ 1.เตรียมบัตรประชาชน ประสาน สน. / สภ.ผ่านช่องทาง ฝากบ้านกับตำรวจ 2.กรอกแบบฟอร์มยืนยัน แนบภาพถ่ายบ้าน 3.ก่อนออกเดินทางสำรวจทรัพย์สินมีค่า จัดเก็บในที่ปลอดภัย 4.ก่อนออกเดินทางสำรวจไฟฟ้า ธูป เทียน แก๊ส 5.สำรวจความเรียบร้อยของประตู – หน้าต่าง 6. หากติดตั้งกล้องวงจรปิด  ตรวจสอบให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน 7.ฝากบ้านข้างเคียงช่วยดูแลเป็นหู เป็นตา 8.ติดตามการอัปเดตข้อมูลรายงาน “ฝากบ้าน” จากตำรวจเสมอ 9. กรณีกลับบ้านล่าช้าเกินเวลาที่ฝากบ้าน แจ้งให้ตำรวจรับทราบ และ 10.เมื่อเดินทางกลับมาแล้วให้รีบแจ้งตำรวจไปพบเพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน

“ก่อนออกเดินทางแนะประชาชนสำรวจทรัพย์สินมีค่า จัดเก็บในที่ปลอดภัย สำรวจไฟฟ้า ธูป เทียน แก๊ส และความเรียบร้อยของประตู – หน้าต่าง หากติดกล่องวงจรปิดไว้ ตรวจสอบให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ติดตามการอัปเดตข้อมูลรายงาน “ฝากบ้าน” จากตำรวจเสมอ กรณีกลับบ้านล่าช้าเกินเวลาที่ฝากบ้าน แจ้งให้ตำรวจทราบ เมื่อเดินทางกลับมาแล้วให้รีบแจ้งตำรวจเพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน คริสต์มาส – ปีใหม่ 68 นี้ ขอให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวปลอดภัย หากเกิดเหตุด่วนขอความช่วยเหลือโทร 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม.” นายอนุกูล ระบุ

เชียงใหม่-กองบิน 41 จัดตั้งหน่วยบริการประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2568

(26 ธ.ค.67) นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 เป็นประธานในพิธีเปิดหน่วยบริการประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2568 โดยมีหัวหน้าหน่วยขึ้นตรง กองบิน 41 ร่วมพิธี ณ สถานีบริการเชื้อเพลิงสวัสดิการ กองบิน 41

ทั้งนี้ กองบิน 41 ได้จัดตั้งจุดบริการประชาชน ภายใต้ชื่อ 'ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ' ช่วงเทศกาลปีใหม่ประจำปี 2568 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน รวมถึงเพื่อช่วยลดปัญหาอุบัติเหตุทางถนนให้สอดคล้องกับสถานการณ์และช่วงเวลาในการเดินทางของประชาชน ทั้งนี้ การดำเนินงานตั้งจุดบริการประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ มุ่งลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน 

โดยมาตรการลดปัจจัยเสี่ยงด้านต่าง ๆ ได้แก่ การช่วยกวดขันความพร้อมของผู้ขับขี่ การตรวจสภาพความปลอดภัยของยานพาหนะ การบริการเครื่องดื่ม การบริการทางการแพทย์ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างปลอดภัย เต็มเปี่ยมด้วยความสุขและมีความปลอดภัยตลอดช่วงเทศกาล

นายกรัฐมนตรีเปิดนิทรรศการของขวัญปีใหม่ พ.ศ.2568 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 5 โครงการเพื่อความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว 

(26 ธ.ค.67) เวลา 09.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้การต้อนรับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานเปิดนิทรรศการของขวัญปีใหม่ พ.ศ.2568 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มอบให้แก่ประชาชน ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีจเรตำรวจแห่งชาติ , รอง ผบ.ตร. , ผู้ช่วย ผบ.ตร. และข้าราชการตำรวจในสังกัด ร่วมต้อนรับ 

ทั้งนี้ ของขวัญปีใหม่ พ.ศ.2568 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มอบให้แก่ประชาชน จำนวน 5 โครงการ ได้แก่

1. โครงการ Cyber Check : เป็นแอปพลิเคชันที่จะช่วยคัดกรองมิจฉาชีพจากเบอร์โทรปริศนาที่โทรเข้ามา รวมทั้งใช้ตรวจสอบเลขบัญชีธนาคารก่อนจะโอนเงิน โดยใช้ฐานข้อมูลโดยตรงจากระบบรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

2. โครงการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน นักท่องเที่ยว ผ่านแอปพลิเคชัน Thailand Tourist Police : แอปพลิเคชันแนะนำข้อมูลข่าวสารแก่นักท่องเที่ยวในการท่องเที่ยวประเทศไทยอย่างปลอดภัย ให้นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อตำรวจท่องเที่ยว แจ้งเหตุฉุกเฉิน และแชร์โลเคชันแบบออนไลน์ เพื่อรับความช่วยเหลือจากตำรวจท่องเที่ยวได้อย่างทันท่วงที

3. โครงการบูรณาการระบบบริหารรับแจ้งเหตุนักท่องเที่ยว 1155 และศูนย์ประสานงานการแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวแบบรวมศูนย์ : เมื่อนักท่องเที่ยวต้องการความช่วยเหลือ หรือแจ้งเหตุฉุกเฉิน สามารถประสานผ่านตำรวจท่องเที่ยว หมายเลข 1155 พร้อมกับนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว และการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมในการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการดูแลและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว การปฏิบัติการฉุกเฉิน 

4. โครงการส่วนลดพิเศษสำหรับที่พัก The Cop Hotel and Villa Pattaya : สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีที่พักติดทะเล ริมถนนใหญ่ในพื้นที่ ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเปิดให้ข้าราชการตำรวจและประชาชนทั่วไปสามารถเข้าพักได้ ในราคาพิเศษ

5. โครงการห้องพักทั่วไทย จากใจตำรวจทางหลวง 205 แห่ง ทั่วประเทศ : ตำรวจทางหลวงมีการให้บริการสำหรับผู้เดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ สามารถพักผ่อนระหว่างการเดินทางไกลอย่างปลอดภัย ณ 205 หน่วยบริการตำรวจทางหลวง เข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2567 ถึง 10 มกราคม 2568 รวมทั้งมีจุดกางเต็นท์สำหรับสายแคมป์ปิ้ง โดยบริการฟรีทั่วประเทศ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ขอขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้มอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน และขอบคุณเจ้าหน้าที่และตำรวจทุกนายที่ได้ร่วมกันทำงานขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลที่ผ่านมา ขอให้ช่วยกันปฏิบัติหน้าที่ ตรวจตรา ดูแลรักษาความปลอดภัยและการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ต่อไป

'พล.ต.อ.กรไชยฯ' เยี่ยมตำรวจ 2 นายที่ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหายิงภรรยาเสียชีวิต

เมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.67) เวลา 16.00 น. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปเยี่ยมข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ จากเหตุการณ์ปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหาที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จำนวน 2 นาย ได้แก่ ด.ต.วิสุทธิ์ชัย ฉวีเวช และ ด.ต.กิตติศักดิ์ สุขประเสริฐ ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.สส.ภ.1

จากกรณีนางจิตรา อายุ 46 ปี ถูกนายวสันต์ อายุ 51 ปี สามี ใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตภายในบ้าน ต.โคกข้าง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา สาเหตุมาจากความหึงหวง หลังก่อเหตุนายวสันต์ได้หลบหนีไป ต่อมาพนักงานสอบสวนสอบสวน สภ.บางไทร ได้ขอศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกหมายจับนายวสันต์ ในข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแสที่คาดว่านายวสันต์หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 3 ต.โคกช้าง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุ 600 เมตร พล.ต.ต.โชติวัตน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. บางไทร , สภ.ช้าง และชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กว่า 50 นาย ปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าว ปรากฏว่านายวสันต์ ได้ชักปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเกิดการยิงโต้ตอบ สุดท้ายนายวสันต์ ถูกยิงเสียชีวิต และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย คือ ด.ต.วิสุทธิ์ชัยฯ และ ด.ต.กิตติศักดิ์ฯ ได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลบางไทร และส่งต่อมารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ 

พล.ต.อ.กรไชยฯ กล่าวว่า ได้กำชับให้ดูแลข้าราชการตำรวจที่บาดเจ็บทั้ง 2 นาย และดูแลสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาจัดสนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ ที่จะนำมาใช้ในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันอันตรายแก่ชีวิตของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ ควบคู่กับการฝึกปฏิบัติทางยุทธวิธี ซึ่งจะนำไปสู่การดูแลประชาชนที่มีประสิทธิภาพต่อไป 

(สุรินทร์) พลเอก ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกองกำลังสุรนารีและอำนวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2568 

เมื่อวานนี้ (25 ธ.ค. 67) พลเอก ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกำลังป้องกันชายแดน และอำนวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2568 เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับกำลังพลที่เสียสละปฏิบัติหน้าที่ป้องกันอธิปไตยของชาติ ณ กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยมี พลตรี นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 พลตรี สมภพ ภาระเวช  ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พลตรี ไชยนคร  กิจคณะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง/หน่วยขึ้นควบคุมทางยุทธการ และกำลังพลของกองกำลังสุรนารี ร่วมให้การต้อนรับ  

ในโอกาสนี้ ได้พบปะกำลังพล อวยพรปีใหม่ และมอบของขวัญปีใหม่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพลที่เสียสละปฏิบัติหน้าที่ป้องกันอธิปไตยของชาติตามแนวชายแดน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดศรีสะเกษ และได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ ขอให้ดูแลรักษาความปลอดภัยให้ประชาชน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนทุกคน สุดท้าย ได้อ่านสารอวยพรปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ของ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการกองทัพบก ความว่า “เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ผมขอส่งความปรารถนาดี และความห่วงใยมายังเพื่อนทหารและตำรวจตระเวนชายแดนทุกท่าน ที่ได้ยึดมั่นในอุดมการณ์ และปฏิบัติการกิจหลักในการป้องกันประเทศได้อย่างดียิ่ง การปฏิบัติการกิจในรอบปีที่ผ่านมาทุกท่านเป็นกำลังสำคัญที่ได้ทุ่มเท เสียสละ  แรงกาย แรงใจ ปกป้องเอกราช อธิปไตย และรักษาดำรงไว้ซึ่งผลประโยชน์ของชาติ ตลอดจนสนับสนุนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนา และแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศชาติ ทำให้ภารกิจทุกด้านสำเร็จลุล่วงเป็นผลดีต่อส่วนรวม อีกทั้งสามารถเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดการยอมรับเชื่อมั่น ศรัทธาในการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพบกที่พร้อมเป็นหลักด้านความมั่นคงให้กับประเทศชาติ ผมขอชื่นชม และขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ 

สำหรับในปีพุทธศักราช 2568 กองทัพบกจะต้องเตรียมการทุกด้าน เพื่อให้พร้อมต่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคต ในการเป็นกองทัพบกที่มีศักยภาพ ทันสมัย เป็นที่เชื่อมั่นของประชาชน และเป็นหนึ่งในกองทัพบกชั้นนำของภูมิภาค 

โดยการเตรียมกำลังและการใช้กำลังอย่างประสานสอดคล้องเสริมสร้างความรู้ และทักษะ ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ให้มีความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติงานทั้งมิติด้านความมั่นคง และมิติด้านการพัฒนา พร้อมกับปรับปรุงแผนปฏิบัติทางทหารให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อม มีการพัฒนาด้านการข่าว การเฝ้าตรวจ และเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน 

โดยบูรณาการร่วมกับมิตรประเทศ เหล่าทัพ และทุกภาคส่วน เพื่อรองรับภัยคุกคาม  และสถานการณ์ด้านความมั่นคงทุกรูปแบบ ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างเข้มแข็งควบคู่กับการสร้างความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน โดยน้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มายึดถือปฏิบัติพร้อมแก้ไขในสิ่งผิด และพัฒนาตนเองให้เป็นทหารอาชีพที่มีความแข็งแกร่งทั้งร่างกาย และจิตใจ มีระเบียบ วินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต ดำรงตนอยู่บนความไม่ประมาทและคำนึงความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ตลอดจนยึดมั่นในอุดมการณ์ และจุดยืนของกองทัพบก ที่มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนตลอดไป

เชียงใหม่-เปิดปฏิบัติการทะลายรังผลิตชิ้นส่วนอาวุธปืนเถื่อนส่งขายออนไลน์

ตำรวจภูธรภาค 5 ,ศปอส.ภ.5, บก.สส.ภ.5 เปิดปฏิบัติการทะลายรังผลิตชิ้นส่วนอาวุธปืนเถื่อนส่งขายออนไลน์ 2 จุด รวบ 2 ผู้ต้องหา พร้อมตรวจยึดชิ้นส่วนอาวุธปืนและเครื่องมือการผลิตกว่า 100 รายการ

โดยการอำนวยการ : พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.นพดล กรึงไกร รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ประจำฯ ช่วยราชการ ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ,พล.ต.ต.ดเรศ  กัลยา ผบก.ภ.จว.น่าน, พ.ต.อ.จิตรพิสุทธิ์ อิ่มสงวน รอง ผบก.สส.ภ.5  และ พ.ต.อ.วชิรศักดิ์ ศรีประสม รอง ผบก.สส.ภ.5เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุม ตำรวจภูธรภาค 5

โดย เจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศตำรวจภูธรภาค 5 (ศปอส.ภ.5) ,เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.ภ.5เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปัว จว.น่าน, สภ.สันป่าตอง จว.เชียงใหม่,ผู้ต้องหา รวมจำนวน 2 ราย นายสนธยา สงวนนามสกุล อายุ 52 ปี ที่อยู่ ต.สกาด อ.ปัว จว.น่าน นายอัศวิน สงวนนามสกุล อายุ 35 ปี ที่อยู่ ต.บ้านกลาง อ.สันป่าตอง จว.เชียงใหม่

ฐานความผิด “ทำ ประกอบ มี หรือจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต” (ตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่) สถานที่จับกุม บริเวณบ้านพัก ต.สกาด อ.ปัว จว.น่าน และ ต.บ้านกลาง อ.สันป่าตอง จว.เชียงใหม่ ทำการตรวจยึด อุปกรณ์การผลิตชิ้นส่วนอาวุธปืนกว่า 100 รายการ พฤติการณ์แห่งการจับกุม เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ภาค 5 และ บก.สส.ภ.5  ได้เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นร่วมจับกุมแหล่งผลิตชิ้นส่วนอาวุธปืนเถื่อนในพื้นที่ 2 จังหวัด 

จุดที่ 1 สามารถจับกุม  นายสนธยา (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ในพื้นที่  ต.สกาด อ.ปัว จว.น่าน พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง ,ชุดลั่นไก จำนวน 3 ชิ้น, เสื้อปืน จำนวน 5 ชิ้น ,แม็กกาซีนปืนสีดำ ใช้กับกระสุนปืนขนาด .22 มม.จำนวน 5 ชิ้น และกล่องส่งพัสดุสำหรับรับ-ส่งสินค้า จำนวน 1 ชิ้น และจุดที่ 2 สามารถจับกุม นายอัศวิน (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี  ในพื้นที่  ต.บ้านกลาง อ.สันป่าตอง จว.เชียงใหม่ 

พร้อมของตรวจยึดอุปกรณ์ผลิตชิ้นส่วนอาวุธปืน ได้แก่ท่อนเหล็ก 5 เส้น, ตู้เชื่อมไฟฟ้า จำนวน 1 เครื่อง,โต๊ะเลื่อยฉลุ จำนวน 1 เครื่อง ,เครื่องเชื่อมไฟฟ้า  จำนวน 1 เครื่อง , สว่านไฟฟ้า จำนวน 2 เครื่อง , สว่านไขควงไฟฟ้า จำนวน 1 เครื่อง ,หินเจีย จำนวน 1 เครื่อง , อุปกรณ์เครื่องมืออื่นๆ ที่ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนอาวุธปืน รวมกว่า 100 ชิ้น โดยบุคคลทั้ง 2 ราย เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานความผิด “ทำ ประกอบ มี หรือจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต” 

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 (PCT ภาค 5) ได้ทำการสืบสวนกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมจำหน่ายอาวุธปืนหรือส่วนประกอบอาวุธปืนเถื่อนรายใหญ่ ในพื้นที่  จว.น่าน และ จว.เชียงใหม่  จนทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองได้ใช้บ้านพักของตนเป็นที่ตั้งและผลิตชิ้นส่วนอาวุธปืนเถื่อน ได้แก่ชุดลั่นไกปืน, ชุดลูกเลื่อน เสื้อปืน, แม็กกาซีนปืน ฯลฯ โดยมีที่ตั้งอยู่ที่ ต.สกาด อ.ปัว จว.น่าน และ ต.บ้านกลาง อ.สันป่าตอง จว.เชียงใหม่ 

โดยนำไปโพสต์ขายออนไลน์ จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบที่ตั้งและแหล่งผลิตทั้ง 2 จุด และรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับบุคคลทั้งสอง ในเวลาต่อมาศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้อนุมัติหมายจับ และได้ศาลอนุมัติหมายค้นในเวลาต่อมาจึงได้ทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ ชิ้นส่วนอาวุธปืน และอุปกรณ์การผลิตชิ้นส่วนอาวุธปืนกว่า 100 รายการ รับมีรายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือน 

จากการขยายผลพบว่า นายสนธยาฯ ได้ผลิตชุดลั่นไก ชุดลูกเลื่อน เพื่อประกอบเป็นอาวุธปืนโดยมีเครื่องมือการผลิตอยู่ที่บ้านพักแล้วโพสต์ประกาศขายในเฟซบุ๊กจำนวน 6 กลุ่ม ซึ่งมีสมาชิกติดตามกว่า  30,000 คน จากการตรวจสอบข้อมูลการซื้อขาย พบว่ามีรายได้กว่า 40,000 บาท ต่อเดือน โดยทำมาแล้วประมาณเกือบ 2 ปี  ส่วนนายอัศวินฯ ได้ผลิตชุดลั่นไก เพื่อประกอบเป็นอาวุธปืนโดยมีเครื่องมือการผลิตอยู่ที่บ้านพักแล้วโพสต์ประกาศขายในเฟซบุ๊กจำนวน 3 กลุ่ม มีสมาชิกติดตามกว่า 30,000 คน จากการตรวจสอบข้อมูลการซื้อขาย พบว่ามีรายได้กว่า 10,000 บาท ต่อเดือน โดยทำมาแล้วประมาณ 4 เดือน ซึ่งมีลูกค้าที่ซื้อชิ้นส่วนอาวุธปืนจากผู้ถูกจับทั้งสองไปแล้วกว่า 500 ราย ซี่งชุดจับกุมอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลต่อไป

ตำรวจภูธรภาค 5 ขอแจ้งเตือนประชาชน กรณีการซื้ออาวุธปืน ต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ให้ซื้ออาวุธปืน หากไม่ดำเนินการให้ถูกต้องจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 การซื้อ ขายการครอบครองชิ้นส่วนอาวุธปืน อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอาวุธปืน ล้วนเป็นความผิดตามกฎหมายทั้งสิ้น  

จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้เข้าใจและคอยสอดส่องดูแลทำความเข้าใจโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ถึงโทษตามความผิดทางกฎหมาย และอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการใช้อาวุธปืนโดยไม่ได้มีการศึกษาหรือฝึกฝนและอยู่ในการควบคุมดูแลที่ถูกต้อง

‘อ.ต่อตระกูล’ ประกาศเลิกดูรายการ ‘เจาะลึกทั่วไทย’ หลัง ‘หมาแก่’ บอกเสียดาย ‘กิตติรัตน์’ ไม่ได้เป็น ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ

(25 ธ.ค. 67) รองศาสตราจารย์ ต่อตระกูล ยมนาค นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า... “หมาแก่” ช่อง อสมท. ( MCOT 30 ) ออกมาประกาศ ช่วยสนับสนุน กิตติรัตน์ เป็นประธานแบงก์ชาติ โดยเอ่ยคำว่า “เสียดาย กิตติรัตน์” (ถ้าไม่ได้เป็น ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ )

และก็ได้เผยแพร่ เอกสารสำคัญ เป็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ แต่งตั้ง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้เป็น ประธานที่ปรึกษา ของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ลงวันที่ 14 กันยายน 2567

และรายชื่อ 830 บุคคลที่เป็นที่เชื่อถือในวงการวิชาการ ซึ่งรวมทั้งอดีตผู้ว่าฯธนาคารแห่งประเทศไทย อีกถึง 4 คนด้วย

ถึงผมจะไม่ได้ ไปลงชื่อใน 830 รายชื่อนั้นด้วย แต่ก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง ในเหตุผลต่างๆที่เหล่าผู้ทรงคุณวุฒิ และวิชาการสายเศรษฐศาสตร์ ได้อธิบายถึงเหตุผลต่างๆ อื่นๆอีกหลายประการ ในการคัดค้าน นอกเหนือจากการที่นายกิตติรัตน์ มีตำแหน่งทางการเมือง

ผมขอแสดงตน ว่าร่วมการสนับสนุน การคัดค้านมิให้ผู้ที่ฝักใฝ่ในการเมืองใดๆ เข้ามารับตำแหน่งสำคัญของประเทศใน ธนาคารชาติ 

โดย หากมีการชุมนุมคัดค้านอีกเมื่อใด ผมจะขอเดินออกจากบ้านไปแสดงตนร่วมคัดค้านต่อไปจนถึงที่สุด

สำหรับวันนี้ 25 ธค 2567 จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมขอประกาศเลิกดูรายการ “เจาะลึกทั่วไทย” ยุค ทักษิณ เริงอำนาจ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เชียงใหม่ - บรรยากาศรับสมัครเลือกตั้ง นายกอบจ.เชียงใหม่ คึกคักท่ามกลางกองเชียร์ ที่มาให้กำลังใจผู้สมัครตั้งแต่เช้า 

(25 ธ.ค. 67) การรับสมัคร นายก อบจ.เชียงใหม่  และสมาชิก ส.อบจ เชียงใหม่ วันแรกเป็นไปด้วยความคึกคัก ท่ามกลางบรรดากองเชียร์ของผู้สมัครแต่ละพรรคที่มาส่งแรงใจให้ผู้สมัครกันตั้งแต่เช้า โดยวันแรกมีว่าที่ผู้สมัครนายก  3 คน  ขณะที่ ผอ.กกต.เชียงใหม่ ตั้งเป้ามีผู้มาใช้สิทธิ์ 75 % 

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งใช้เป็นสถานที่รับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ วันแรกของการรับสมัคร บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ท่ามกลางบรรดากองเชียร์ของแต่ละพรรคที่มาคอยให้กำลังใจผู้สมัครตั้งแต่เช้า 

นายพิชัย เลิศพงษ์อดิศร แชมป์เก่าจากพรรคเพื่อไทย และ นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ จากพรรคประชาชน มาถึงที่สมัครพร้อมกันก่อนเวลา 08.30 น. ซึ่งตกลงกันไม่ได้ จึงได้มีการจับสลากหมายเลขสมัคร   ปรากฏว่านายพิชัย เลิศพงษ์อดิศร ได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 2, นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 1 และผู้สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 42 เขต ครบทั้ง 2 พรรค และพลตรี ดร.พนม ศรีเผือด ผู้สมัครอิสระ ได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 3

โดยหลังเสร็จสิ้นการสมัครเรียบร้อยแล้ว ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่แต่ละรายได้มาพบปะบรรดากองเชียร์ และผู้สนับสนุน ที่มารอต้อนรับ ท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่น รวมถึงลงพื้นที่พบปะประชาชน ออกหาเสียง บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก เป็นอย่างมาก

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ หมายเลข 2 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า
การเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ ครั้งนี้มีความมั่นใจ 100%ในผลงานเพราะตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาได้สร้างผลงานและทำงานอย่างเต็มที่ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ให้พี่น้องประชาชนนำไปประกอบการพิจารณาว่าควรจะมาเป็นนายกอบจ.เชียงใหม่ สมัยที่ 2 ต่ออีกหรือไม่ ซึ่งตามกฎหมายในขณะนี้ได้ไม่เกิน 2 สมัย มีความมั่นใจในตัวเองและทีมงาน ทั้ง ทีม ส.อบจ.ลงครบทุกเขต 42 เขต 25 อำเภอ
    
ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ผมด้วย ซึ่งการเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ครั้งก่อนอดีตนายกฯทักษิณอยู่ต่างประเทศก็ใช้วิธีวิดีโอคอลมาช่วยหาเสียงให้ แต่ครั้งนี้อดีตนายกฯทักษิณ จะมาขึ้นเวทีพบปะพี่น้องชาวเชียงใหม่ในทุกอำเภอ เชียงใหม่เป็นเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกฯทักษิณ สร้างผลงานไว้มากมายจึงทำให้ผมมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ นายพิชัย กล่าว    

ประกอบกับกาคเลือกตั้งครั้งก่อนได้คะแนน 402,179 คะแนน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยผลงานที่ทำมาตลอด 4 ปีที่ชาวเชียงใหม่เห็นเป็นที่ประจักษ์จึงทำให้มั่นใจว่าครั้งนี้
จะได้คะแนนเลือกตั้งตามทึ่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ 6 แสนคะแนน อยากให้เป็นประวัติศาสตร์การเลือกตั้งท้องถิ่น
ของอบจ.เชียงใหม่ 

เพราะก่อนนั้นในปี 2551-2557 ตนเป็นสมาชิกวุฒิสภา และมาลงสมัครรับเลือกตั้งได้เป็น นายกอบจ.เชียงใหม่ 4 ปี ลงพื้นที่ทุกอำเภอ อีกทั้งส.อบจ.เชียงใหม่ก็เข้มแข็ง มีจิตอาสาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป ซึ่งผลงานที่ชัดเจนเช่นการจัดสร้างสวนสาธารณะบนที่ดินการรถไฟ ซึ่งตอนที่เป็นนายกอบจ.เชียงใหม่ ได้ขอให้การรถไฟยกให้อบจ.เชียงใหม่ดูแลและจะมีการพัฒนาต่อไป 

รวมถึงสวนสาธารณะบริเวณด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้พัฒนาให้เป็นสวนอบจ.เชียงใหม่เป็นสถานที่พักผ่อน ออกกำลังกายและนันทนาการ มีการจัดงาน Charming Chiang Mai ซึ่งขณะนี้ก็ยังจัดอยู่มีคนมาเที่ยวชมสวนดอกไม้กว่า 3 ล้านคนและมีโครงการในด้านสาธารณสุขจะสร้างโรงพยาบาลอบจ.เชียงใหม่ ขนาด 200เตียง ซึ่งมีสถานที่ก่อสร้างและของบประมาณจากทางรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นรูปธรรมแล้วพร้อมที่จะเข้ามาสานงานต่อในเรื่องนี้ต่อไป

ด้านนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ หมายเลข1 จากพรรคประชาชน กล่าวว่า การลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องบอกว่ามั่นใจสูง เพราะว่าพี่น้องประชาชนเชียงใหม่ก็อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตและมีประเด็นเรื่อง 3 ท. เรื่องความเท่าเทียมกัน ดูแลคนทุกคนทั่วถึง เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีอำเภอถึง 25 อำเภอ จากแม่อายจนถึงอมก๋อยใช้เวลาเกือบ 10ชั่วโมง ในการเดินทาง เพราะว่ามีความไม่เท่าเทียมกันในการพัฒนา ก็อยากจะลดช่องว่างนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในระดับท้องถิ่น
   
นายนพดล สุยะ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า วันแรกมีผู้สมัคร นายก อบจ.เชียงใหม่ 3 คน และสมาชิก อบจ. สังกัดพรรคเพื่อไทย ครบ 42 คน 42 เขต สมาชิก อบจ. สังกัดพรรคประชาชน ครบ 42 คน 42 เขตเรียบร้อยแล้ว ส่วนพรรคอิสระยังมาไม่ครบ 

และจังหวัดเชียงใหม่มี  25 อำเภอ ประชากร 1 ล้าน 7 แสนคน เป็นผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 1,264,703 คน จำนวนครัวเรือน 559,541 ครัวเรือน มีหน่วยเลือกตั้ง 2,722 หน่วย 

คาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ 75 เปอร์เซ็นต์ โดยการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เพียง 72 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

หนิง ปณิตา นำทีม Dr.master ปฏิวัติวงการสินค้าดูแลเส้นผม! ปั้น Creator ให้เป็น Hair Master ตัวจริง

"Dr.master" แบรนด์ที่มุ่งแก้ปัญหาเส้นผมของคนไทย ด้วยการยกระดับสมุนไพรไทยผ่านการวิจัยและพัฒนาจนพิสูจน์ได้จริง พร้อมความร่วมมือจาก โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช (Masterpiece Hospital) ผู้เชี่ยวชาญอันดับต้นด้านการปลูกผมในประเทศไทย

Dr.master ตั้งเป้าหมายสร้างผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาเส้นผม แต่ยังให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ผู้ใช้งาน โดยมีการเปิดตัวในงาน "The Master of Hair Solutions" กับ 4 ผู้เชี่ยวชาญ
🌟 คุณดาว ลภัสรดา เลิศภานุโรจ
🌟 คุณหนิง ปณิตา พัฒนาหิรัญ
🌟 คุณภูริวัจน์ เสรีฐานุพัชร์
🌟 พญ.กุลธิดา ลุสวัสดิ์

4 ผลิตภัณฑ์ตัวเด่นที่ต้องลอง
✔️ Dr.master NewHair Shampoo: ต้านผมร่วง ผมหงอก ผมงอกใหม่แข็งแรง
✔️ Dr.master NewHair Conditioner: เติมความชุ่มชื้น นุ่มลึกถึงโคน
✔️ Dr.master HairVital Serum: กระตุ้นรากผม ลดการอักเสบ
✔️ Dr.master Nutri H Dietary: วิตามินบำรุงจากภายในสู่ภายนอก

💡 ส่วนผสมธรรมชาติคุณภาพสูง เช่น สมุนไพร วิตามิน และสารสกัดจากธรรมชาติ
📜 การันตีคุณภาพ จากงานวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

"Dr.master" ช่วยให้ทุกคนดูแลเส้นผมได้อย่างมั่นใจ เหมือนมีผู้เชี่ยวชาญดูแลคุณที่บ้าน

🌟 ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่
Facebook: Dr.master Official
Instagram: @drmaster.official
TikTok: @drmaster.official
Line: @Dr.master

ตำรวจท่องเที่ยวปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย เตรียมพร้อมดูแลนักท่องเที่ยวและประชาชนช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2568

​​​ตามนโยบายของรัฐบาล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว “สร้างรายได้ สร้างความสุข สร้างความปลอดภัย” ยกระดับการรักษาความปลอดภัยและการดูแลอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 นี้

​​(24 ธ.ค.67) เวลา 17.00 น. ณ บริเวณลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจัด พิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2568 โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ. กรไชย  คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร.,  พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. นางสาวนัทรียา ทวีวงส์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คณะผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทูตานุทูต และข้าราชการในสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและหน่วยร่วมบูรณาการ รวม 135 นาย

​​ไฮไลต์สำคัญของพิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงกำลังความพร้อมในการดูแลนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ยังเป็นโอกาสเปิดตัว Thailand Tourist Police Application (TTPB-APP) ของขวัญที่ตำรวจท่องเที่ยวมอบให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชน โดยมีจุดสำคัญ คือการให้นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อตำรวจท่องเที่ยว แจ้งเหตุฉุกเฉิน และแชร์โลเคชั่นได้แบบออนไลน์ เพื่อรับความช่วยเหลือจากตำรวจท่องเที่ยวได้อย่างทันท่วงที พร้อมกันนี้ ยังมีการสาธิตระบบปฏิบัติการรถโมบายตำรวจท่องเที่ยวเคลื่อนที่ ซึ่งจะออกประจำการในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศในปี 2568 ที่จะถึงนี้ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top