Thursday, 12 June 2025
NEWS FEED

'ลอยด์ เจ.ออสติน' เตรียมเยือนไทย ร่วมหารือกับ 'บิ๊กตู่' ยกระดับความสัมพันธ์ทางทหาร 2 ประเทศให้แน่นแฟ้น

(9 มิ.ย. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันจันทร์ที่ 13 มิ.ย. 2565 กระทรวงกลาโหม กำหนดจัดพิธีต้อนรับและรับรอง นาย Lloyd J.Austin III (ลอยด์ เจ.ออสติน ที่สาม) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา และคณะในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกระทรวงกลาโหม โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับ ณ ศาลาว่าการกลาโหม

เวลา 15.00 น. ​พิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสมสามเหล่าทัพ ณ ลานอเนกประสงค์ ในศาลาว่าการกลาโหม

'ปธ.สภาฯ รัสเซีย' แฉ!! สหรัฐฯ แบนน้ำมันรัสเซีย แต่กลับเดินหน้าซื้อน้ำมันเพิ่มเกือบเท่าตัว

สหรัฐฯ เผยให้เห็นถึงความเจ้าเล่ห์ตลบตะแลง ด้วยการประกาศแบนน้ำมันรัสเซีย แต่ความจริงคือยังคงเดินหน้าซื้อเชื้อเพลิงของมอสโกในปริมาณมาก จากการเปิดเผยของ ยาเชสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย (สภาดูมา) เมื่อช่วงกลางสัปดาห์

วอชิงตัน อ้างว่า ได้เคลื่อนไหวห้ามนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมบางส่วน ก๊าซธรรมชาติเหลวและถ่านหิน ในช่วงต้นเดือนมีนาคม ส่วนหนึ่งในมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานมอสโก ตอบโต้กรณีรุกรานยูเครน

"น้ำมันรัสเซียจะไม่เป็นที่ต้อนรับตามท่าเรือต่างๆ ของสหรัฐฯ อีกต่อไป" โจ ไบเดน ประธานาธิบดีอเมริกา ประกาศ ณ เวลานั้น แต่คำพูดไม่ได้มาพร้อมกับการกระทำ โวโลดิน เหน็บแนมผ่านข้อความที่โพสต์บนเทเลแกรมในวันพุธ (8 มิ.ย.)

ประธานรัฐสภารัสเซียเขียนต่อว่า "ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ บ่งชี้ว่ามีการส่งมอบน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในเดือนมีนาคม เปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ จาก 2,325 ล้านบาร์เรล เป็น 4,218 ล้านบาร์เรลตามลำดับ"

"แม้ประกาศแบน แต่ประเทศของเราขยับขึ้นจากที่ 9 สู่ลำดับ 6 ในอันดับประเทศที่ส่งน้ำมันป้อนแก่สหรัฐฯ มากที่สุด" เขากล่าว

โวโลดิน เน้นย้ำข้อเท็จจริงที่ว่าในเดือนดังกล่าว เป็นช่วงเวลาที่วอชิงตันกำลังกดดันให้อียูละทิ้งน้ำมันรัสเซีย และสุดท้ายก็ประสบความสำเร็จ "ชัดเจนว่ามันเป็นสัญญาณของ 2 มาตรฐาน" เขาระบุ "ตอนนี้ ปล่อยให้พวกนักการเมืองและข้าราชการในยุโรปอธิบายประชาชนของพวกเขาเองว่า ทำไมพวกเขาถึงต้องอดทนกับการขึ้นราคาของไบเดน"

ความเห็นดังกล่าวเป็นการพาดพิงถึงประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่พยายามเชื่อมโยงภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ราคาก๊าซและอาหารที่พุ่งทะยาน กับปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย โดยให้คำจำกัดความมันว่า "การขึ้นราคาของปูติน"

วุฒิสภา จัดใหญ่ “เหลียวหลัง แลหน้า วุฒิสภาเพื่อประชาชน” โชว์ผลงาน 3 ปี  “พรเพชร” ลั่นไม่เคยรับคำสั่งใคร เป็นกลางมาตลอด

วันที่ 8 มิ.ย. 65 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดกิจกรรม และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ของวุฒิสภา ในโอกาสวุฒิสภาครบ 3 ปี กล่าวถึงการจัดกิจกรรมโครงการ “เหลียวหลัง แลหน้า วุฒิสภาเพื่อประชาชน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบอกถึงอำนาจหน้าที่ และผลงานด้านต่างๆของวุฒิสภา ทั้งด้านกลั่นกรองกฎหมาย การบริหารราชการแผ่นดิน การให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่ง และการเร่งรัดติดตามการปฏิรูปประเทศ รวมถึงรับฟังความต้องการ ข้อเสนอแนะของประชาชน

ด้าน นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ส.ว.ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.2562 โดยดำเนินการด้านต่างๆ ภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย อย่างเต็มกำลัง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศและประชาชน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญปี 2560 วุฒิสภามีอำนาจหน้าที่ 4 ด้าน คือ ด้านนิติบัญญัติ ด้านการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ด้านการให้คำแนะนำ และให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งสำคัญตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และด้านสุดท้ายคืองานที่วุฒิสภาต้องปฏิบัติตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ได้เพิ่มอำนาจหน้าที่ให้ส.ว. ในการติดตามเสนอแนะเร่งรัดการปฏิรูป และการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ

ดังนั้น กลไกสำคัญของส.ว. ในการปฏิบัติตามบทเฉพาะกาล คือต้องรับฟังความเห็นปัญหา และอุปสรรคต่างๆของประชาชนในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งการทำงานของส.ว. 3 ปีที่ผ่านมา มีปัญหาเรื่องการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปลายปี 2562 จึงต้องปรับเปลี่ยนการทำงาน โดยนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม สำหรับงานในวันนี้เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องเหลียวหลังทบทวนบทบาทหน้าที่ในวันเวลาที่ผ่านมา เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแลหน้าอีก 2 ปี เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ และประชาชน

จากนั้น นายพรเพชร ให้สัมภาษณ์ว่า ภารกิจของวุฒิสภาทั้งภารกิจปกติ และภารกิจที่เป็นบทเฉพาะกาล สิ่งเหล่านี้ควรบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ คนไทยลืมง่ายว่าปี 2557 มีอะไรเกิดขึ้น ประวัติศาสตร์บันทึกไว้แต่ไม่มีใครสนใจ วันนี้ประวัติศาสตร์ก็ต้องบันทึกไว้ ตนสั่งให้บันทึกทุกอย่างที่พูดและแสดงในวันนี้ ไม่ใช่ดีทั้งหมดหรือแย่ทั้งหมด แต่มีทั้งดีและไม่ดี หากมีอะไรที่ประชาชนจะวิจารณ์ก็ทำได้ไม่มีปัญหา นี่คือวัตถุประสงค์ของงานนี้

'ปวิน' พอใจ ศาลญี่ปุ่นสั่งจำคุก 20 เดือน คนร้ายบุกบ้าน เจ้าตัวเชื่ออำนาจเก่าอยู่เบื้องหลัง เพราะไม่มีศัตรูในญี่ปุ่น

(8 มิ.ย) ศาลแขวงโตเกียว ออกคำพิพากษาจำคุก ทัตสึฮิโกะ ซาโตะ (Tatsuhiko Sato) ชายชาวญี่ปุ่นวัย 43 ปีในความผิดบุกเข้าบ้านที่กรุงโตเกียวของ รศ.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการชาวไทยและเป็นคนร้ายคดีหมิ่นที่กำลังลี้ภัยอยู่ในญี่ปุ่นเวลานี้ เมื่อปี 2019 และทำร้ายร่างกาย โดยศาลแขวงโตเกียวตัดสินโทษจำคุกนาน 20 เดือนในเรือนจำ เจ้าตัวยืนยันเชื่อกลุ่มอำนาจเก่าอยู่เบื้องหลังยืนยันพอใจต่อคำตัดสิน

เอเอฟพีรายงานว่า ทัตสึฮิโกะ ซาโตะ (Tatsuhiko Sato) ชายชาวญี่ปุ่นวัย 43 ปีผู้ต้องหาคดีบุกทำร้ายนักวิชาการคนดังสายเสื้อแดง รศ.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ล่าสุด (วันพุธ 8) พบว่า ศาลแขวงโตเกียวได้ออกคำพิพากษาลงโทษจำคุก 20 เดือนในเรือนจำ จากการที่บุกรุกเข้าบ้านผู้อื่นยามวิกาลและทำร้ายผู้เสียหายและอีกคนที่อยู่ด้านในด้วยการพ่นแก๊สน้ำตาใส่ อ้างอิงเวลาเกิดเหตุจากการให้สัมภาษณ์ของอาจารย์ปวินสำหรับสื่อไทยพบว่าเกิดขึ้นราวตี 4 ของวันนั้น 

สำหรับคดีนี้อัยการต้องการให้ศาลสั่งลงโทษจำคุกซาโตะในเรือนจำ 2 ปี

เจแปนไทม์สรายงานก่อนหน้าว่า ในการไต่สวนนัดแรกของศาลแขวงโตเกียวพบว่าคนร้ายยอมรับต่อข้อหาและกล่าวว่า การบุกรุกเข้าบ้านของผู้เสียหายที่กรุงโตเกียวเมื่อกรกฎาคม ปี 2019 นั้นเป็นไปตามคำสั่งของ “รุ่นพี่” โดยเขาใช้คำว่า “เซ็นไป” (senpai) แต่ปฎิเสธที่จะเปิดเผยต่อในรายละเอียดรวมไปถึงชื่อของผู้สั่งการรายนั้น

นักวิชาการเสื้อแดงกล่าวต่อศาลว่า เขายังคงมีชีวิตอยู่ในความกลัวต่อไป

อ้างอิงการรายงานจาก NHK อัยการญี่ปุ่นกล่าวต่อศาลว่า พบว่าซาโตะเคยไปดูลาดเลาที่บ้านพักมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ครั้ง

ขณะที่ รศ.ปวิน ได้กล่าวต่อศาลโดยชี้ให้เห็นว่า เขาไม่มีศัตรูอยู่ในญี่ปุ่นและการที่เขาเป็นผู้ทำลายขนบด้วยการเปิดการอภิปรายอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับระบบสถาบันกษัตริย์ของไทยทำให้เขาเชื่อว่า รัฐบาลไทยอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีบุกทำร้ายนี้

'อลงกรณ์' แจงปัญหาทุเรียนไทยไร้คุณภาพส่งออกไปจีนหลังมีคลิปแชร์ว่อนโลกโซเชียล

'อลงกรณ์' แจงปัญหาทุเรียนไทยไร้คุณภาพส่งออกไปจีนหลังมีคลิปแชร์ว่อนโลกโซเชียล ยอมรับส่งออกทุเรียน 120 ล้านลูก 4 แสนตันใน 4 เดือนย่อมมีผิดพลาดบ้าง ยืนยันฟรุ้ทบอร์ดแก้ไขปัญหาจนสถานการณ์ดีขึ้น ทำให้ไทยครองแชมป์ส่งออกทุเรียนไปจีนเป็นอันดับหนึ่งทะลุแสนล้านเป็นครั้งแรก

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ (เฉพาะกิจ) โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับประเด็นคลิปทุเรียนไทยไร้คุณภาพส่งออกไปจีนที่แชร์กันในโลกโซเชียลโดยบทความที่นายอลงกรณ์คีย์แมนคนสำคัญของฟรุ้ทบอร์ดเขียนมีสาระน่าสนใจดังข้อความต่อไปนี้

…เพื่อนแชร์คลิปของสุภาพสตรีท่านหนึ่งพูดถึงประเด็นทุเรียนไทยไร้คุณภาพส่งออกไปจีน”จึงคิดว่าควรเขียนทำความเข้าใจในประเด็นที่เกี่ยวข้องครับ

ปัญหาทุเรียนไร้คุณภาพเช่นทุเรียนอ่อนทุเรียนแก่มีจริงเพราะ 4 เดือนมานี้มีทุเรียนที่ส่งออกกว่า 4 แสนตันหรือกว่า 120 ล้านลูก ย่อมเกิดผิดพลาดจากมือตัด มือคัดและผู้ประกอบการโดยเฉพาะมือใหม่ที่เข้ามาค้าขายทุเรียนในช่วงปี 2 ปีนี้เนื่องจากราคาดีตลาดโต

แต่ปัญหาทุเรียนอ่อนทุเรียนแก่ทุเรียนสวมสิทธิ์ในฤดูกาลปีนี้ลดลงและมีแนวโน้มดีขึ้นมาก

เพราะ 2-3 ปีมานี้ ทางราชการเข้มงวดกวดขันจับกุมไปหลายราย ลองไปดูตัวอย่างแถวระยอง จันทบุรีและตราด เจ้าหน้าที่ ชาวสวนและล้งร่วมมือกันเข้มแข็งมากๆ เพื่อรักษาคุณภาพทุเรียน ตั้งแต่ในสวนจนถึงตลาด มีชุดตรวจพิเศษจับเอาโทษหนักทั้งจำคุก-ปรับและถอนใบอนุญาต รวมทั้งการป้องกันทุเรียนต่างชาติมาสวมเป็นทุเรียนไทยเพื่อส่งออกเป็นไปตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรฯ และภายใต้ 18 มาตรการของฟรุ้ทบอร์ด ซึ่งมาตรการลำดับที่ 1 คือ มาตรการรักษาคุณภาพและมาตรฐานทุเรียน สวนทุเรียนและล้ง

ในแต่ละปีมีสวนที่ส่งออกทุเรียนและผลไม้ไปจีนต้องมีใบรับรอง GAP เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 แสนแปลง โดยในปี 2565 เพิ่มเป้าหมายเป็น 120,000 แปลง และ GMP plus สำหรับล้ง ซึ่งยังไม่มีประเทศใดในโลกที่พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานได้แบบนี้ 

ด้วยมาตรฐานเช่นนี้ ประเทศไทยจึงเป็นประเทศเดียวที่จีนยอมให้ส่งทุเรียนสดไปขายในจีนได้

ส่วนทุเรียนประเทศอื่นต้องแช่เย็น แช่แข็งหรือแปรรูปถึงจะส่งออกไปจีนเพราะสวนทุเรียนไม่ผ่านมาตรฐานของจีนครับ

วันนี้ทุเรียนไทยสามารถครองตลาดจีนเป็นที่หนึ่งแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทำเงินเข้าประเทศจากการส่งออกทะลุกว่าแสนล้านบาทในปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จากไม่กี่หมื่นล้านเมื่อ 4 ปีก่อน



ถ้ารวมผลไม้ทั้งหมด ไทยครองมาร์เก็ตแชร์ในตลาดจีนกว่า 40% เป็นอันดับ 1 ส่วนอันดับ 2 คือ ชิลี 14% อันดับ 3 ได้แก่ เวียดนาม 6% ทั้งที่เวียดนามมีพรมแดนติดจีน

เรียกว่าทุเรียนไทยผลไม้ไทยครองตลาดและครองใจคนจีนแบบแน่นหนามั่นคง

อย่างไรก็ตาม การส่งออกด้วยปริมาณมากๆและภายในเวลาที่จำกัดย่อมมีผิดพลาดบ้างแม้จะช่วยกันดูแลเข้มข้นแค่ไหนก็ตาม เพราะมีปริมาณการส่งออกทุเรียน 4 แสนกว่าตันหรือกว่า 120 ล้านลูกในช่วง 4 เดือนแรกของฤดูกาลผลิตผลไม้ปี 2565

นี่คือความจริงและความยากในการค้าขายทุเรียนสด

ยิ่งกว่านั้นยังมีปัญหาใหม่เกิดขึ้นคือผู้ค้ารายใหม่ทั้งไทยและจีนที่เห็นตลาดโตราคาดีเข้ามาค้าขายเพิ่มขึ้นแต่ขาดประสบการณ์จึงมักเกิดปัญหาเรื่องการตัดการคัดทุเรียน กรมวิชาการของกระทรวงเกษตรจึงต้องจัดหลักสูตรฝึกอบรมบ่มเพาะพัฒนาฝีมือมือตัดและมือคัดทุเรียนและล้งเช่นสวพ.6ที่จันทบุรี

นอกจากนี้ทุเรียนกว่า 120 ล้านลูก ต้องขนส่งไปจีนข้ามน้ำข้ามเขาข้ามลาวข้ามเวียดนามด้วยระยะทางกว่า 2 พันกิโลเมตร บางครั้งติดด่าน 10 วัน 20 วันย่อมมีโอกาสบอบช้ำหรืองอมมากไปบ้าง ซึ่งพ่อค้าแม่ขายส่วนใหญ่คงไม่มีใครอยากขายครั้งเดียวแล้วเลิกจากการขายทุเรียนอ่อนหรือทุเรียนแก่นอกจากคนเห็นแก่ตัวบางส่วน ซึ่งมีการนำระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่นำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น รวมทั้งการพัฒนาระบบแปลงใหญ่ (Big Farm) การใช้เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมใหม่เช่นเครื่องมือตรวจเปอร์เซ็นต์เนื้อแป้งแบบดิจิตอล ระบบความเย็น (cold chain system) แบบไนโตรเจน ฟรีซเซอร์ (Nitrogen Freezer) ซึ่งติดตั้งแล้วหลายยูนิตที่ภาคตะวันออกและภาคใต้มีคุณภาพเหนือกว่าระบบแช่แข็งแบบเดิมที่ใข้ในเวียดนามและมาเลเซีย

ผู้ประกอบการ 19 องค์กรใน จ.สงขลา เสนอโครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ต่อ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมหารือแนวทางฟื้นฟูการท่องเที่ยว

(8 มิ.ย.65) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมพบผู้ประกอบการ นักธุรกิจในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และจังหวัดสงขลา เพื่อหารือแนวทางฟื้นฟูการท่องเที่ยวพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และสงขลา โดยมีนายธนวัฒน์ พูนศิลป์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา นำตัวแทนผู้ประกอบการ อาทิ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา สมาคมธนาคารไทยจังหวัดสงขลา คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันจังหวัดสงขลา และกรรมการร่วมภาคเอกชนรวม 19 องค์กร อาทิ หอการค้าจังหวัดสงขลา สภาอุตสาหกรรมจังหวัดส งขลา ชมรมธนาคารจังหวัดสงขลา สมาคมไทย-จีนจังหวัดสงขลา ,สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา,สมาคม SME จังหวัดสงขลา ,สมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดสงขลา ,สมาคมการค้าธุรกิจยานยนต์, สมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา ,ชมรมร้านทองหาดใหญ่ YEC จังหวัดสงขลา,สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวสงขลา,สมาคมโลจิสติกส์และขนส่ง ภาคใต้ เข้าร่วมในการประชุม เพื่อระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในส่วนของการฟื้นฟูการท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และสงขลา พร้อมกันนี้ทางผู้ประกอบการได้ร่วมกันยื่นหนังสือต่อ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนโครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต โดยมีสาระสำคัญคือ ผู้ประกอบการทั้ง 19 องค์กรได้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการคำเนินการ โครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่ประชุมมีมติสนับสนุนโครงการดังกล่าว ด้วยเหตุผลสำคัญดังนี้

1. โครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต เป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากการลงทุนทั้งอุตสาหกรรมการเกษตร อุตสาหกรรมผลิตอาหารทะเลแปรรูปอุตสาหกรรมอาหาร ฮาลาล อุตสาหกรรมยางพารา , ปาล์มน้ำมัน อุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าสะอาด อุตสาหกรรมศูนย์รวมและกระจายสินค้า ท่าเรือน้ำลึก อุตสาหกรรมต่อเนื่องกับกิจกรรมหลังท่าเรืออุตสาหกรรมศูนย์รวมการขนส่งและกระจายสินค้า ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จและแหล่งที่พักอาศัย

2. โครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจขอปประชากรในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจังหวัดอื่นๆ ทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งประกอบอาชีพด้านการประมง การเกษตร ทั้งด้านการจำหน่าย และการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร อุตสาหกรรมยางพารา ปาล์มน้ำมัน ที่มีอยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออก การยกระดับผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตร การผลิตเพิ่มมูลค่าสินค้า และยกระดับเศรษฐกิจด้วยอุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคต

3. โครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ และแก้ไขปัญหาการว่างงานของประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วยสร้างงานให้กับเยาวชน ประชาชนและผู้สำเร็จการศึกษาในหลายสาขาวิชาชีพ ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ช่วยลดปัญหาความยากจน และแก้ไขปัญหาการเดินทางไปหางานทำของคนในพื้นที่ ที่ต้องเดินทางไปทำงานต่างพื้นที่ และในประเทศใกล้เคียง นอกเหนือจากการจ้างงานตามตำแหน่งงานที่เกิดขึ้นในโครงการแล้ว ยังสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับประชาชนใน 14 จังหวัดภาคใต้ในการทำการเกษตร การปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ การประมง สามารถส่งวัตถุดิบและการกระจายสินค้า ให้กับโรงงานอุตสาหกรรมการแปรรูป รวมถึงการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ได้สะดวก รวดเร็ว อีกด้วย

4. โครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต เป็นโครงการที่ภาคเอกชนลงทุน รัฐบาลเป็นผู้อำนวยความสะดวก โดยไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งนอกเหนือจากอุตสาหกรรมที่ลงทุนแล้ว ยังเปิดโอกาสให้เอกชนมีการลงทุนที่สอดคล้องกับพื้นที่ เช่น อาหารฮาลาลครบวงจร การลงทุนด้านเทคโนโลยี และอุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัย ด้วยเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน พลังงงานแสงอาทิตย์ พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ และการลงทุนด้านอื่นๆ อีกมากมาย

'นักวิชาการอิสระ' ชี้ ไม่มีคำสั่งจับตาชาวอิหร่าน ย้ำ!! 'ไทย-อิหร่าน' เป็นมิตรที่ดีต่อกัน

เมื่อไม่นานมานี้ ดร.โญธิน มานะบุญ นักวิชาการอิสระ ด้านความมั่นคง และประวัติศาสตร์สงครามสมัยใหม่ ครับ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า...

กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า คำสั่งลับ สตช. ให้ตร.เฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของชาวอิหร่านเป็นข่าวปลอม (Fake news)

ตามที่มีรายงานข่าวเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕ ระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งลับ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของบุคคลสัญชาติอิหร่านนั้น 

กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจสอบกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทย และขอชี้แจงว่ารายงานข่าวดังกล่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติมิได้ให้ข้อมูลข่าวดังกล่าว

กระทรวงการต่างประเทศขอยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและอิหร่านเป็นความสัมพันธ์ฉันท์มิตรที่ดียิ่งมาตลอดเวลาช้านาน และเป็นความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนความเคารพซึ่งอธิปไตยและศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน 

รัฐบาลอิหร่านได้ให้คำมั่นกับประเทศไทยว่า จะดูแลอย่างดียิ่งที่จะไม่ให้มีสิ่งใดมาเป็นปัจจัยทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันได้ทั้งสิ้น ข่าวที่มีการนำเสนอโดยมิได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงและเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบ และนำไปสู่ความเสียหายในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ที่มา นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ (โฆษกกระทรางการต่างประเทศ)

‘มะกัน’ พล่าน!! หวั่นจีนแผ่อิทธิพลผ่านอ่าวไทย หลังสะพัด!! ซุ่มปักธงฐานทัพเรือลับในกัมพูชา

(8 มิ.ย.65) สำนักข่าว Washington Post รายงานว่า จีนเตรียมเปิดฐานทัพเรือของตนในท่าเรือเรียม ประเทศกัมพูชาอย่างลับๆ หลังจากที่ซุ่มวางแผนพัฒนาท่าเรือริมฝั่งอ่าวไทยมานาน และเตรียมจะทำพิธีวางศิลาฤกษ์ภายในสัปดาห์นี้ 

ทั้งนี้สื่อสหรัฐฯ ได้อ้างอิงจากแหล่งข่าววงในของรัฐบาลกัมพูชา ถึงแผนการปักธงยุทธศาสตร์ในทะเลจีนใต้ ที่เลือกใช้ท่าเรือของกัมพูชาในอ่าวไทยตั้งฐานทัพเรือ ภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนได้เซ็นข้อตกลงด้านความมั่นคงกับประเทศหมู่เกาะโซโลมอนไปแล้ว ไว้ว่า ส่วนหนึ่งมาจากความไม่ประสบผลสำเร็จใจการเจรจากับกลุ่มประเทศในแปซิฟิกอีก 10 ชาติ เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น

และหากจีนทำได้สำเร็จ ท่าเรือเรียมจะกลายเป็นฐานทัพจีนแห่งแรกในย่านอินโด-แปซิฟิก และเป็นฐานทัพเรือแห่งที่สอง นอกดินแดนของจีนต่อจากฐานทัพที่ประเทศจิบูตี ด้านชายฝั่งแอฟริกาตะวันออก รวมถึงจีนจะขยับสร้างเครือข่ายอิทธิพลด้านการทหารผ่านโครงการฐานทัพเรือลับในอีกหลายประเทศทั่วโลกอีกด้วย

สำหรับโครงการฐานลับเรือลับจีน เคยมีรายงานข่าวมาตั้งแต่ช่วงปี 2019 ที่จีนได้ตกลงกับรัฐบาลกัมพูชาในด้านความร่วมมือทางทหาร โดยแลกกับการให้จีนได้ใช้พื้นที่ในการตั้งฐานทัพเรือได้อย่างลับ ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชา และ สหรัฐฯ ไม่น้อย แต่โครงการนี้ก็เงียบไปจนกระทั่งกลายเป็นข่าวขึ้นมาในวันนี้ 

แต่หลังจากที่สื่อสหรัฐฯ รายงานข่าวความคืบหน้าในโครงการฐานทัพเรือลับที่ท่าเรือเรียมไม่นาน นายไพ สีพัน หัวหน้ากองโฆษกรัฐบาลกัมพูชา ก็ออกมาปฏิเสธว่า “ไม่เป็นความจริง” โดยทางรัฐบาลกัมพูชาไม่ได้อนุญาติให้จีนใช้กัมพูชาตั้งฐานทัพ หรือมีพิธีวางศิลาฤกษ์ดังที่มีการกล่าวอ้าง หากแต่เป็นเพียงการเปิดโรงงานซ่อมบำรุงเรือรบ และก่อสร้างทางลาดเท่านั้น 

กองทัพอากาศ  ดำเนินการจัดการทดสอบการใช้กำลังทางอากาศ  ประจำปี 2565

พลอากาศเอก คงศักดิ์ จันทรโสภา ผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมปฏิบัติการในการทดสอบการใช้กำลังทางอากาศ กองทัพอากาศ ทั้ง 3 แห่ง เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2565 โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

- ตรวจความพร้อมหน่วยบินที่เข้าร่วมทดสอบฯ และเยี่ยมชมปฏิบัติการเตรียมความพร้อมของหน่วยบินขับไล่สกัดกั้นที่จะทำการขึ้นบินสกัดกั้นอากาศยานที่ไม่ทราบฝ่ายเข้าล้ำน่านฟ้าของประเทศไทย (Hot scramble)  ณ กองบิน 4 (อำเภอตาคลี  จังหวัดนครสวรรค์) 

- ตรวจความพร้อมการปฏิบัติการทางอากาศ ณ กองบิน 1 (อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา) 

- ชมภาพสถานการณ์การทดสอบใช้กำลังทางอากาศ และ ชมการสาธิตการปฏิบัติการทางอากาศ ณ สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล (อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี)

สำหรับการทดสอบการใช้กำลังของกองทัพอากาศ (Air Operations) กำหนดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 มิถุนายน 2565 โดยมี พลอากาศโท ตากเพชร พินพันธุ์ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ เป็น ผู้อำนวยการทดสอบการใช้กำลังของกองทัพอากาศ ประจำปี 2565 มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบการบัญชาการและควบคุมการปฏิบัติทางอากาศในการปฏิบัติทางอากาศยุทธวิธีต่าง ๆ และการป้องกันทางอากาศรวมถึงการปฏิบัติการร่วมกับเหล่าทัพอื่น อีกทั้งยังทดสอบในภารกิจที่มิใช่การรบในการทดสอบการลำเลียงผู้ป่วยในระบบการแพทย์ฉุกเฉินด้วยเฮลิคอปเตอร์กองทัพอากาศร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) โดยจัดตั้งศูนย์ควบคุม ณ กองบัญชาการควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ  

จเรตำรวจแห่งชาติ ชื่นชม ‘ครู ตชด.’ หัวใจแกร่ง แบก นร.ป่วย ฝ่าทางทุรกันดาร ช่วยชีวิตทันเวลา

ตามที่ปรากฏข่าว ครูศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านโกแประได้ช่วยเหลือนักเรียนชั้น ป.2 มีอาการหอบหืด กำเริบ แบกนักเรียนเดินทางด้วยความยากลำบาก ไปลงเรือ และเช่าเหมารถชาวบ้านต่อเพื่อไปส่งโรงพยาบาลแม่สะเรียง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2565 พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ได้มีหนังสือ จตช.ที่ 0001(จตช)/123 ลง 8 มิ.ย.2565 ถึง ผบช.ตชด.เพื่อชมเชย ส.ต.อ.กิจตณศักดิ์ เจริญ ธนหิรัญกิจ ครูศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านโกแประ ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน กรณี ช่วยเหลือนักเรียนชั้นประถมปีที่ 2 ซึ่งมีอาการหอบหืดกำเริบ เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2565 เวลา 04.30 โดยได้แบกนักเรียนขึ้นหลัง เดินเท้ากว่า 2.5 กม. ก่อนไปว่าจ้างเรือผ่านไปตามแม่น้ำสาละวินใช้เวลาเกือบชั่วโมง เพื่อไปเช่าเหมารถชาวบ้านอีกต่อหนึ่ง จนส่งถึงมือแพทย์ รพ.แม่สะเรียง และนำตัวนักเรียนที่ป่วยเข้ารักษาเร่งด่วนในห้อง ICU จนอาการปลอดภัย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top