Tuesday, 10 June 2025
NEWS FEED

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่สุโขทัยติดตามเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน 

วันที่ 14 มิถุนายน 2565 พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมติดตามการดำเนินงานโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together) ของตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย ณ ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย เพื่อรับนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และประชาชนพื้นที่อยู่ดีมีสุข ปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีพลตำรวจตรี พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมด้วยพลตำรวจตรี อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย และตำรวจภูธรในพื้นที่เข้าร่วมในการประชุม พร้อมรายงานผลการดำเนินงานตามโครงการดังกล่าว 

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข กล่าวว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อร่วมกันสร้างชุมชน และสังคมทั่วทั้งประเทศให้เกิดความสุข สงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริม รักษา ต่อยอดทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว กำหนดให้สถานีตำรวจทุกแห่ง สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน รับรู้ความต้องการและความเดือดร้อน เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบร่วมกับ ภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ทั้งในระดับอำเภอ และระดับจังหวัด 

นักการเมืองมะกันเสนอ ‘กม.เพิ่มอำนาจรัฐบาล’ ระงับการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ไปจีน

นักการเมืองอเมริกาเห็นพ้องต่อข้อเสนอที่จะเพิ่มอำนาจให้รัฐบาล ระงับการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในจีน อ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของการรับมืออิทธิพลที่ขยายตัวขึ้นของจีนในอนาคต

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครต และรีพับลิกัน ได้หารือกันและเห็นพ้องที่จะเพิ่มอำนาจให้รัฐบาลชุดปัจจุบัน ด้วยการออกกฎหมายว่าด้วยการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของสหรัฐฯ ต่อจีน ด้วยการมอบเงินสนับสนุน 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้บริษัทผู้ผลิตชิปในการขยายภาคการผลิต เพื่อแข่งขันกับจีน

วุฒิสมาชิก มาร์ค วอร์เนอร์ บอกกับ Reuters ว่า เวลากำลังจะหมดลงในการออกกฎหมายชิป ซึ่งจะดึงการลงทุนออกนอกประเทศ ให้กลับเข้ามาในประเทศได้เป็นมูลค่ามหาศาล อีกทั้งจะช่วยให้สหรัฐฯ ลดการพึ่งพาชิปของจีน และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของสหรัฐฯ ในด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีด้วย ด้วยเป้าหมายสูงสุดคือ ทำให้สหรัฐฯ คานอิทธิพลที่กำลังเพิ่มมากขึ้นของจีนได้

"ผอ.ศพดส.ตร."นำคณะ UNHCR พร้อมภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่ จ.สตูล ดูความเป็นอยู่ 59 ต่างด้าว ที่ถูกลอยแพบนเกาะดง ยันทางการไทย ช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยชน อย่างเต็มที่

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2565 ที่ห้องประชุม ภ.จว.สตูล พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร ,และศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ผอ.ศพดส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข หน.ชป.TATIP ศพดส.ตร., พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.ปส.และ พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์ ผบก.ภ.จว.สตูล, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รองผบก.ปคม., พ.ต.อ.ทรงเอก พัชรวิชญ์ รอง ผบก.ตท. พ.ต.ต.ภัทรยศ หร่ายเจริญ สว.ฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 2 นายแอนดรูว์ วสุวงศ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิไอเจเอ็ม, นางอภิญญา ทาจิตต์ รองผู้อำนวยการ Stella maris Thailand, Mr. Peter Grady Senior Protection Officer (เจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครองอาวุโส Unhcr ), นางสาวสุอัยดา พิศสุวรรณ Protection Associate (เจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครอง Unhcr), Mr. Mohammed Mashud Hassan Senior Protection Assistant เจ้าหน้าที่บริการชุมชนและล่าม Unhcr 
และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมประชุมเพื่อเร่งรัดติดตามผลความคืบหน้าการช่วยเหลือบคุคลต่างด้าวจํานวน 59 คน เกาะดง จ.สตูล

พล.ต.อ.รอย ได้กําชับในที่ประชุม ให้ทุกหน่วยงานในสังกัดให้ดําเนินการ ป้องกันและปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์อย่างเด็ดขาด สำหรับกรณีที่เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2565 เจ้าหน้าท่ีได้รับแจ้งว่าพบบุคคลต่างด้าว จํานวน 59 คน ได้ถูกนํามาปล่อยทิ้งไว้ที่ เกาะดง เขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล จากการตรวจสอบบุคคลต่างด้าว แบ่งเป็นชาย จํานวน 34 คน เป็นหญิง 25 คน สอบถามเบื้องต้นผ่านล่ามแปลภาษาพม่า ปรากฏว่า เดินทาง มากับเรือจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จุดมุ่งหมายประเทศมาเลเซีย เมื่อถึงบริเวณเกาะดง คนขับเรือได้ แจ้งว่ามาถึงประเทศมาเลเซียแล้วให้ทุกคนลงจากเรือ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งและพบบุคคลต่างด้าวดังกล่าว พบว่าแต่ละคนร่างกายอิดโรย ขาดอาหาร จึงนํามาพักคอยที่ ศูนย์พักพิงชั่วคราว กองร้อยตํารวจตระเวน ชายแดนที่ 436 อําเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล

พล.ต.อ.รอย ได้เปิดเผยอีกว่ากรณีนี้ ได้สั่งการ ผบช.ภ.9 และ ผบก.ภ.จว.สตูล ให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยมี การบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วนให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับด้านมนุษยธรรม โดยมีการจัดที่พัก มอบเสื้อผ้า อาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค ตรวจคัดกรองป้องกันโรคและทําการรักษาพยาบาลเบื้องต้น เพื่อให้ฟื้นฟูสภาพ ร่างกาย และจิตใจก่อนทําการซักถามปากคําคัดแยกผู้เสียหาย ตํารวจภูธรจังหวัดสตูลได้บูรณาการร่วมกับ ทีมสหวิชาชีพ ในการคัดแยกผู้เสียหาย หากเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จะส่งเข้าสถานคุ้มครองผู้เสียหาย จากการค้ามนุษย์ ตามมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 หากไม่เป็น ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จะนําส่งสํานักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อดําเนินการ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2565

ขณะนี้อยู่ระหว่างดําเนินการคัดแยกผู้เสียหาย พบว่าบุคคลต่างด้าวดังกล่าวมีบัตร UNHCR จํานวน 26 คน โดยขึ้นทะเบียนที่สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ขณะนี้ได้ประสานไปยัง UNHCR เพื่อตรวจสอบ สถานะบุคคลต่างด้าวกลุ่มดังกล่าว ดําเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศต่อไป

สำหรับกรณี นี้มีการนําเสนอข่าวคาดเคลื่อนกับความเป็นจริง เกี่ยวกับการดําเนินงานของเจ้าหน้าที่ว่ามีการรีบ ผลักดันบุคคลต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวออกจากประเทศไทย นั้น

ในวันนี้ได้รับ มอบหมายจาก ผบ.ตร.และคณะกรรมการ ปกค. จึงได้เชิญ ผู้แทน UNHCR ผู้แทน IJM และ ผู้แทน STELLA MARIS THAILAND เป็นผู้สังเกตการณ์ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าและตรวจเยี่ยม ซึ่งจากการติดตามความคืบหน้าและการตรวจเยี่ยมพบว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พมจ. สตูล แรงงานจังหวัดสตูล และเจ้าหน้าที่ตํารวจ ว่าได้มีการช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยชน และอยู่ระหว่างการฟื้นฟู จิตใจ เพื่อดําเนินการคัดกรอง คัดแยกว่าเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์หรือไม่ และอยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตํารวจตรวจคนเข้า เมืองตรวจสอบสถานะบุคคลต่างด้าว

"ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้รีบผลักดันบุคคลต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวออกจากประเทศไทยตามที่ เสนอข่าวแต่อย่างใด โดยบุคคลต่างด้าวทั้ง 59 คน ยังอยู่ ศูนย์พักพิงชั่วคราว กองร้อยตํารวจตระเวนชายแดนที่ 436 อําเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล"

โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดําเนินการดังนี้
1.) กรณีพบบุคคลต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย ที่พบข้อบ่งชี้ที่คาดว่าจะเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ขอให้ปฏิบัติตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism : NRM)

ตร. เตือน ระวังถูกชวนไปทำงานต่างประเทศ หวังได้เงินเยอะ สุดท้ายถูกหลอกบังคับให้ทำงานผิดกฎหมาย

วันที่ 14 มิ.ย.2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า มีพี่น้องประชาชนบางส่วนตกเป็นเหยื่อของการถูกหลอกชักชวนไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ โดยข้อมูลที่ได้จากผู้เสียหายทราบว่า กลุ่มคนร้ายจะประกาศรับทำงานผ่านสื่อสังคมออนไลน์ อ้างว่าจะเป็นการจ้างไปทำงานในคาสิโนแห่งหนึ่ง ซึ่งจะได้รับค่าตอบแทนที่สูง จากนั้นจะให้ติดต่อกับนายหน้าผ่านทางแอปพลิเคชัน WeChat (วีแชต) เมื่อเหยื่อตกลงกับนายหน้าเรื่องการจ้างงานแล้ว นายหน้าก็จะนัดหมายเหยื่อในการเดินทางข้ามชายแดน โดยนายหน้าจะพาเหยื่อลักลอบข้ามแม่น้ำโขงเพื่อเข้าไปในเขตของประเทศเพื่อนบ้านโดยผิดกฎหมาย เมื่อไปถึงจะถูกกักตัวระยะหนึ่ง 

จากนั้นนายหน้าจะอ้างว่างานที่จ้างมาถูกยกเลิกแล้ว ให้เหยื่อไปทำงานอื่นที่ผิดกฎหมายโดยเฉพาะการหลอกลวงผู้อื่นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น การหลอกชักชวนให้คนไทยลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (หลอกรักชวนลงทุน หรือ Hybrid Scam) หรือหลอกลวงขายสินค้าออนไลน์ เป็นต้น 

ผบ.ฉก.นราธิวาส เปิดการจัดกิจกรรมฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพชุดปฏิบัติการลาดตระเวนทางน้ำ ตามแนวลำน้ำชายแดนไทย-มาเลเซีย 

ที่ฐานปฏิบัติการกองร้อยชุดควบคุมป้องกันชายแดน ที่ 4 บ้านศรีพงัน ตำบลเกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางลงพื้นที่ เป็นประธานพิธีเปิดการจัดกิจกรรมฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพชุดปฏิบัติการลาดตระเวนทางน้ำ ตามแนวลำน้ำชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยมีพันเอก จตุพร ธานีพัฒน์ รองผู้บังคับชุดควบคุมป้องกันชายแดน, หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ, ตำรวจตระเวนชายแดน และส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม 

สำหรับกิจกรรมฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพชุดปฏิบัติการลาดตระเวนทางน้ำ ตามแนวลำน้ำชายแดนไทย-มาเลเซีย จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความรู้ความสามารถในการขับเรือยนต์ลาดตระเวนทางน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีความรู้ในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์เรือให้สามารถใช้การได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าใจยุทธวิธีของฝ่ายตรงข้าม กรณีถูกซุ่มโจมตี สามารถตอบโต้ได้อย่างทันท่วงที เพื่อให้กำลังพลรู้หลักและยุทธวิธีการตรวจค้นเรือ และตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายเพิ่มขึ้น  

ตลอดจนเพื่อให้กำลังพลรู้หลักการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ และสามารถทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว มีกำลังพลผู้เข้าการอบรมทั้งสิ้น จำนวน  50 นาย จัดจาก เจ้าหน้าที่ทหาร ชุดควบคุมป้องกันชายแดน ที่ 3 และ ชุดควบคุมป้องกันชายแดน ที่ 4 จำนวน 20 นาย, เจ้าหน้าที่ ตำรวจตระเวนชายแดน จัดจากชุดเฝ้าตรวจชายแดน ในพื้นที่ อำเภอสุไหงโกลก และ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส จำนวน 30 นาย ได้แก่ ชุดเฝ้าตรวจที่ 4412, ชุดเฝ้าตรวจที่ 4413 และ ชุดเฝ้าตรวจที่ 4414 จำนวยหน่วยละ 10 นาย ที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ตามแนวชายแดน ด้านจังหวัดนราธิวาส โดยมี วิทยากรชุดครูฝึก จัดจาก หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ เป็นผู้อบรม ให้ ความรู้ แก่กำลังพลผู้เข้ารับการฝึกทุกนาย 

‘ชัชชาติ’ เผยกทม. พบเสพกัญชาดับ 1 ราย ยังนอนร.พ.อีก 3 มีเด็กอายุ 16 ด้วย

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เผยข้อมูลสำนักการแพทย์ พบผู้ป่วยใช้กัญชามากเกินขนาดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 4 ราย และ หนึ่งในนั้นเสียชีวิต 1 ราย เล็งประกาศให้โรงเรียนในสังกัดปลอดกัญชา ขอพิจารณากฎหมายทำได้หรือไม่

เมื่อวันที่ (14 มิ.ย.2565)  นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยข้อมูลในการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร กรณีพบข้อมูลผู้ป่วยใช้กัญชามากจนเกินไปภายหลังปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดเมื่อวันที่ (9 มิ.ย.2565) ที่ผ่านมา ว่า   สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร รายงานข้อมูลผู้ป่วย Overdose  กัญชาที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสังกัดสำนักการแพทย์ พบ 4 ราย มี 1 รายเสียชีวิต ประกอบด้วย

1. รพ.ตากสิน ผู้ป่วย 2 ราย เพศชายอายุ 17 ปี และ 25 ปี อาการใจสั่น คาดว่าเกิดจากผลข้างเคียงของการเสพกัญชา

2. เจริญกรุงประชารักษ์ 1 ราย เพศชาย อายุ 51 ปี แน่นหน้าอกหลังเสพกัญชา มาด้วย heart failure และมี cardiac arrest ผู้ป่วยเสียชีวิต

3. รพ.หลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินธโรอุทิศ 1 ราย เพศชายอายุ 16 ปี 6 เดือน เสพกัญชามาก  Overdose  ขณะนี้ On ET  tube อยู่ icu

นายกฯ ตรวจราชการจังหวัดสกลนคร ติดตามงานนโยบายรัฐบาล15 มิ.ย.นี้

นายกฯ ตรวจราชการ ‘สกลนคร’ (15 มิ.ย.) นี้ ตามติดโครงการพระราชดำริ เยี่ยมชมเกษตรมูลค่าสูง สมุนไพรปลอดสารเคมี พบกลุ่มผู้เลี้ยงโคขุนโพนยางคำ พร้อมกราบนมัสการหลวงปู่อว้าน สักการะองค์พระธาตุเชิงชุมวรวิหาร และหลวงพ่อพระองค์แสน

ในวันที่ 15 มิถุนายน 2565 พลเอก ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะฯ มีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดสกลนคร โดยเวลา 07.00 น. นายกฯ พร้อมด้วยพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะฯ จะเดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯไปยังสนามบินกองทัพบกค่ายกฤษณ์สีวะรา ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร โดยเครื่องบิน Superjet ของกองทัพอากาศ และลงสนามบินกองทัพบกค่ายกฤษณ์สีวะรา เวลาประมาณ 08.00 น.

จากนั้นจะเดินทางด้วยขบวนรถยนต์ ไปยังโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ต.พรรณา อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เพื่อตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าการเป็นศูนย์กลางสมุนไพร โดยนางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ให้การต้อนรับ ก่อนรับฟังรายงานผลการดำเนินงานด้านเกษตรมูลค่าสูง สมุนไพรอินทรีย์ปลอดสารเคมี (มหานครแห่งพฤษเวช) โดยโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร แผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย (ปี 2560 – 2564) โดยสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสกลนคร

เวลาประมาณ 10.00 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะจะเดินทางไปยังศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.ห้วยยาง อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการพระราชดำริ ของจังหวัดสกลนคร ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.เมืองสกลนคร โดยจะชมวีดิทัศน์ผลการดำเนินงานตามโครงการพระราชดำริ ของจังหวัดสกลนคร พร้อมเยี่ยมชมโครงการพระราชดำริด้านปศุสัตว์ อาทิ หมูดำ, ไก่ดำ, โคดำ, กระต่ายดำ, แพะ ฯลฯ
 

ห้างวอลมาร์ทเลิกขาย ‘กะทิชาวเกาะ’ ของไทย หลัง PETA แฉใช้แรงงานลิงเก็บมะพร้าวเยี่ยงทาส

‘วอลมาร์ท’ ค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯตามอย่างห้างดังอื่น ๆ ในอเมริกาสั่งยกเลิกขายกะทิชาวเกาะแบรนด์ดังจากไทยหลัง PETA เปิดเผยการใช้แรงงานลิงบังคับขึ้นเก็บมะพร้าวในไทย 

บิสซิเนสอินไซเดอร์ รายงานวันพฤหัสบดี(9 มิ.ย)ว่า ในรายงานการสอบสวนของ PETA จำนวน 2 ชิ้นค้นพบว่ามีการใช้ลิงล่ามโซ่เก็บมะพร้าวโดยลิงเหล่านี้โดนขังกรงในอุตสาหกรรมการผลิตน้ำกะทิกระป๋องชื่อดังจากไทย

ห้างยักษ์ใหญ่วอลมาร์ท(Walmart)ชื่อดังที่มีสาขาทั่วสหรัฐฯล่าสุดยกเลิกการจำหน่าย "กะทิชาวเกาะ" แบรนด์ดังจากไทย ยอมเดินตามอย่างห้างยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ ในอเมริการายอื่น ๆ ก่อนหน้า

ทั้งนี้ห้างในอเมริกาอื่น ๆ ที่ตัดสินใจยกเลิกการจำหน่ายกะทิชาวเกาะเป็นต้นว่า ห้างทาร์เก็ต(Target) ที่มีสาขาทั่วอเมริการาว 1,931 สาขา ห้างโครเกอร์ (Kroger) มีสาขาเกือบ 2,800 สาขา ห้างอัลเบิร์ตสันส์(Albertsons) มีราว 2,253 สาขา ห้าง Stop & Shop มีราว 415 สาขา ห้างฟู๊ดไลออน (Food Lion) มีราว 1,100 สาขา ห้างพับลิกซ์ (Publix)มีราว 1,288 สาขา ส่วนห้างเว็กแมนส์( Wegmans)มีราว 107 สาขา และห้างคอสต์โก(Costco)มีราว 572 สาขาทั่วสหรัฐฯ ต่างพร้อมใจยกเลิกการจำหน่ายกะทิชาวเกาะเช่นกันเป็นผลมาจากการเผยแพร่การสอบสวนของ PETA ในเรื่องนี้

สำหรับวอลมาร์ทพบว่ามีสาขาทั่วอเมริการาว 10,500 สาขา ซึ่งทั้งห้างวอลมาร์ท ห้างทาร์เก็ตและห้างคอสต์โกนั้นเป็นห้างที่มีสาขาเปิดทั่วโลก

บริษัทเทพพดุงพรมะพร้าวจำกัดเป็นผู้ผลิตกะทะชาวเกาะมีฐานการผลิตอยู่ในไทย 

โดยบนเว็บไซต์ทางการในรายงานการสอบสวนของ PETA ภายใต้หัวข้อ “10 เหตุผลที่ลิงต้องการให้พวกเราต้องไม่ซื้อกะทิชาวเกาะ” (https://www.peta.org/features/chaokoh-coconut-milk-monkeys/) กล่าวยืนยันว่า กะทิชาวเกาะที่มีจำหน่ายในบางห้างทั่วสหรัฐฯนั้นมีการใช้แรงงานทาสจากลิงเกิดขึ้น

โดยในรายงานกล่าวว่าลิงที่ถูกใช้เก็บมะพร้าวเพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำกะทินั้นถูกล่ามโซ่ตลอดเวลา ทำการฝึกสอนอย่างทารุณ และบังคับให้ลิงขึ้นต้นมะพร้าวเพื่อเก็บมะพร้าว

ซึ่งหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทาง PETA ให้กับผู้บริโภคจนนำมาสู่การบอยคอตจากห้างชื่อดังหลายห้างในสหรัฐฯคือ ลิงจำนวนมากในไทยที่ถูกใช้ในอุตสาหกรรมมะพร้าวมีรายงานว่าเป็นลิงเถื่อนที่ถูกพรากมาจากครอบครัวของพวกมัน

นอกจากนี้ในเหตุผลอื่น ๆ ยังรวมไปถึงลิงเหล่านี้ถูกปฎิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมด้วยการที่ลิงพวกนี้ไม่สามารถมีอิสระในการเคลื่อนไหวร่างกายหรืออยู่รวมกลุ่มกับลิงอื่นๆเหมือนตามธรรมชาติ ส่งผลทำให้ลิงเหล่านี้อยู่ในสภาพไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

นอกจากนี้ทางกลุ่มสิทธิสัตว์ยังยกตัวอย่างไปถึงการขนย้ายลิงในกรงใหญ่กว่าตัวที่ลิงไม่มากนักและยังถูกบรรทุกบนหลังรถปิ๊กอัพไปท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนักโดยที่ไม่มีสิ่งป้องกัน ประการสุดท้ายที่สำคัญที่สุดที่ PETA ชี้ให้เห็นคือ "ลิงถือเป็นสัตว์ป่าที่มนุษย์ไม่สมควรที่จะแสวงหาประโยชน์ ทารุณ หรือนำไปใช้งาน"

ซึ่งในรายงานกลุ่มสิทธิสัตว์กล่าวไปว่า การสนับสนุนผลิตภัณฑ์น้ำกะทิก็เท่ากับว่าเป็นการซื้อสิ่งที่ใช้แรงงานลิงบังคับ
 

'จีน' สั่งแบน!! ปลาเก๋านำเข้าจากไต้หวัน ฟากรัฐบาลไทเปสู้กลับ ขู่ฟ้อง WTO

ความตึงเครียดระหว่างจีน และไต้หวัน ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง และเมื่อวันศุกร์ (10 มิ.ย. 65) ที่ผ่านมา กรมศุลกากรจีนแถลงว่า ตรวจพบสาร Oxytetracycline ในปลาเก๋าที่นำเข้าจากไต้หวัน ซึ่งเป็นสารเคมีต้องห้าม ทำให้ทางการจีนออกคำสั่งแบนการนำเข้าปลาเก๋าจากไต้หวันทันที มีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป 

แน่นอนว่าเรื่องนี้ได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในไต้หวัน เนื่องจากพอทางการไต้หวันได้นำปลาเก๋ามาตรวจเอง ก็ไม่พบสารเคมีอันตราย หรือต้องห้ามแต่อย่างใด และเชื่อว่าคำสั่งห้ามนำเข้าปลาเก๋าจากไต้หวันของจีน จึงน่าจะเป็นการกดดันทางการเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลจีนก็เคยแบนผลผลิตทางการเกษตรของไต้หวันมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่สับปะรด และแอปเปิ้ล ที่เป็นผลไม้ขึ้นชื่อจากไต้หวัน ที่จีนสั่งห้ามนำเข้าและตีกลับทั้งล็อต จนรัฐบาลไทเปต้องเร่งออกแคมเปญขนานใหญ่ ทำการตลาดหาผู้ซื้อรายใหม่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร และมาคราวนี้เป็นปลาเก๋า ที่เพาะเลี้ยงจากบ่อในไต้หวันอีก

แม้ว่าปลาเก๋าไต้หวันกว่า 90% จะบริโภคกันเองในประเทศเป็นหลัก และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ส่งออก ทำให้ผลกระทบกับตลาดปลาเก๋าไต้หวันค่อนข้างน้อย แต่ทว่าจำนวนปลาเก๋าที่ส่งออกทั้งหมดนั้น ถูกส่งเข้าตลาดจีนถึง 90% หรือคิดเป็นปริมาณถึง 6 พันตันต่อปี

นั่นจึงสร้างปัญหาให้แก่ผู้ส่งออกชาวไต้หวันไม่น้อย ที่ต้องเร่งหาตลาดแหล่งใหม่ระบายปลาเก๋าในส่วนของตลาดจีนโดยทันที 

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมขับเคลื่อนการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ

เชียงใหม่ - พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบายรวมไทยสร้างชาติและขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together) ของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งการบูรณาการความร่วมมือของส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนทุกภาคส่วน รวมพลังกันเพื่อทำนุบำรุงสถาบันหลักของชาติ ได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ในทุกมิติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยดำเนินโครงการ “สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together)” โดยมีเป้าหมาย “เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอและแก้ไขปัญหา ชุมชนสังคมมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างยั่งยืน” โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข และ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ   

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า ในวันนี้ ตนได้เดินทางลงพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อขับเคลื่อนและตรวจติดตามผลการดำเนินการ ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องการดำเนินการตามโครงการฯ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 โดยได้ร่วมประชุมสรุปผลการดำเนินการร่วมกับตำรวจภูธรภาค 5 ทั้ง 8 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน พร้อมหัวหน้าสถานีตำรวจและข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.จว.เชียงราย และตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีการอบรมเครือข่ายประชาชนที่เป็นผู้นำ และผู้มีบทบาทในสังคมทุกสาขาอาชีพ จาก 159 สถานีตำรวจ สถานีตำรวจละ 50 คน รวม 7,950 คน ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึงปัจจุบัน ได้รับรายงานปัญหาที่ประชาชนเดือนร้อน จำนวน 640 เรื่อง และได้ติดตามขับเคลื่อนและเร่งรัดให้หน่วยดำเนินการแก้ไขปัญหาเสร็จสิ้นแล้ว 608 เรื่อง ได้แก่ ปัญหาด้านสังคม จำนวน 476 เรื่อง ปัญหาด้านเศรษฐกิจ จำนวน 21 เรื่อง ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม จำนวน 80 เรื่อง และปัญหาความขัดแย้ง จำนวน 31 เรื่อง และอยู่ระหว่างหน่วยดำเนินการแก้ไข โดยคาดว่าจะแก้ไขได้ จำนวน 32 เรื่อง

จากนั้น พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้เดินทางลงพื้นที่พบปะเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย เยี่ยมเยียนและพบปะประชาชนทั้งในพื้นที่และผ่านทางแอปพลิเคชันคลับเฮาส์การมีส่วนร่วมของชุมชนบ้านโพธนาราม และมอบสิ่งของให้กับประชาชนที่ได้รับการช่วยเหลือตามโครงการฯ สอบถามและรับฟังความคิดเห็น รับทราบสภาพปัญหาและความต้องการ ตลอดจนข้อเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาจากเครือข่ายภาคประชาชนในชุมชนบ้านโพธนารามและชุมชนบ้านสันกอง พร้อมทั้งตรวจติดตามผลการแก้ไขปัญหาของทุกชุมชนใน อ.แม่จัน จ.เชียงราย

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวต่อว่า ผลการปฏิบัติของ สภ.แม่จัน ในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนตามโครงการฯ ในพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ที่น่าพอใจในห้วงเวลาที่ผ่านมา เช่น...

1.ด้านเศรษฐกิจ ประสานสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอแม่จัน ดำเนินโครงการจัดหาแหล่งน้ำ พร้อมการบริหารจัดการเส้นทางน้ำอย่างยั่งยืน และประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาอำเภอแม่จัน ดำเนินโครงการขยายไฟฟ้าเพื่อการเกษตรของหมู่บ้านเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มคุณภาพผลผลิต ประสานเกษตรอำเภอแม่จันส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเพื่อเพิ่มรายได้และกำหนดราคาที่คุ้มทุนได้ ลดการกู้หนี้นอกระบบและลดปัญหาหนี้สิน

2.ด้านสิ่งแวดล้อม แก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบ่อยครั้งบนถนนทางการเกษตรและถนนสาธารณะ และจัดชุดจิตอาสา สภ.แม่จัน ร่วมกิจกรรมปรับปรุงเส้นทางร่วมกับชาวบ้านในชุมชนจนแก้ไขปัญหาได้สำเร็จลุล่วง

3.ด้านสังคม ติดตั้งเครื่องหมายและสัญลักษณ์จราจรแจ้งเตือน ประสานเทศบาลตำบลสันทราย เพื่อทาสี ตีเส้นบนผิวทางและเสาไฟฟ้าเพื่อลดอุบัติเหตุ แก้ไขปรับปรุงระบบไฟฟ้าส่องสว่างในชุมชน วางระบบป้องกันภัยหมู่บ้าน และติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดทั่วพื้นที่ชุมชน

4.ด้านความขัดแย้ง ได้ดำเนินโครงการวางท่อระบายน้ำและทำพนังกั้นน้ำ เพื่อแก้ปัญหาข้อขัดแย้งเรื่องการใช้น้ำจากแม่น้ำห้วยน้ำขุ่นเพื่อการเกษตร ระหว่างชาวบ้านสันกอง และกลุ่มชาติพันธุ์ได้สำเร็จ

5.จัดตั้งแอปพลิเคชันคลับเฮาส์ของทุกชุมชน เป็นช่องทางในการสื่อสารสภาพปัญหาและความต้องการของเครือข่ายภาคประชาชนกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง เพื่อลดขั้นตอน อำนวยความสะดวกและความรวดเร็วในการเข้าถึงและแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งให้ความรู้ทางกฎหมายและแนวทางการระวังป้องกันตนเองในอาชญากรรมรูปแบบใหม่ เช่น แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งสามารถสร้างการรับรู้ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง 

พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดชุมชนสัมพันธ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ประสานงานเครือข่ายของ 8 จังหวัดในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 และทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ ให้เร่งประสานงานกับเครือข่ายภาคประชาชนที่ได้รับการคัดเลือก ให้สะท้อนสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชนและประชาชนในพื้นที่ เพื่อประสานหน่วยงานผู้รับผิดชอบ เข้าช่วยเหลือและทำการแก้ไข พร้อมทั้งเร่งรัดการแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัด สำหรับสถานีตำรวจที่ยังมีผลการปฏิบัติน้อย ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับลงไปตรวจสอบ กำชับและกำกับดูแล ให้มีผลการปฏิบัติเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการและแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top