Tuesday, 3 June 2025
NEWS FEED

'เซเลนสกี้' เร้ายุโรปยกระดับคว่ำบาตร แก้แค้นสงคราม 'ก๊าซ' ของรัสเซีย

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันจันทร์ (25 ก.ค. 65) เรียกร้องยุโรปแก้เผ็ด "สงครามก๊าซ" ของรัสเซีย ด้วยการยกระดับมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานมอสโก

"สิ่งที่เราได้ยินในวันนี้ก็คือคำขู่รอบใหม่เกี่ยวกับการจ่ายก๊าซสู่ยุโรป มันคือสงครามก๊าซอย่างเปิดเผยที่รัสเซียกำลังทำกับความเป็นหนึ่งเดียวของยุโรป" เซเลนสกีกล่าว ตอบสนองต่อถ้อยแถลงของก๊าซพรอม รัฐวิสาหกิจพลังงานของรัสเซีย ที่ประกาศลดจ่ายก๊าซป้อนยุโรปรอบใหม่

ก่อนหน้านี้ ก๊าซพรอม เผยว่าจะปรับลดการส่งมอบก๊าซไปยังยุโรป ผ่านท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม เหลือเพียง 33 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือราว 20% ของความจุ เริ่มตั้งแต่วันพุธ (27 ก.ค. 65) เป็นต้นไป

ถ้อยแถลงของก๊าซพรอมระบุว่า จำเป็นต้องระงับปฏิบัติการของกังหันแปลงก๊าซ 1 ใน 2 ตัวสุดท้าย สืบเนื่องจากสภาพทางเทคนิคของเครื่องยนต์ อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลเยอรมนีบอกว่าพวกเขาไม่เห็นเหตุผลทางเทคนิคใด ๆ สำหรับการปรับลดจ่ายก๊าซล่าสุด 

ยุโรป พึ่งพิงทรัพยากรทางพลังงานของรัสเซียเป็นอย่างมาก และตะวันตกกล่าวหามอสโกกำลังใช้พลังงานเป็นอาวุธ ตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรที่บังคับใช้ หลังรัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครน

โฆษกเพื่อไทยจี้ ป.ป.ช.เร่งสืบข้อเท็จจริงเอาผิดคนรับกล้วยหลังศึกซักฟอก ชี้ทั้งหมดเป็นผลไม้พิษจาก รธน.60

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส. กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ในท้ายที่สุดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและนั่งร้านรวม 11 คน จะอยู่รอดปลอดภัยในสภา แต่ศรัทธาของประชาชนหมดสิ้นแล้ว จากข้อมูลที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เปิดโปงข้อมูลส่อทุจริตในหลายประเด็น เช่น กรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวข้องทุจริตถุงมือยางภาค 2 วงเงิน 2,000 ล้าน ที่ควรถูก ป.ป.ช.อายัด แต่ถูกเบิกออกยักย้ายถ่ายเทหนี , กรณีโอนหุ้นออกจากบริษัทเอกชนของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่เคยถือหุ้นอยู่ มีหลักฐานมีพิรุธ ไม่น่าเชื่อถือ,

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่บกพร่องไม่ดูแลภัยแกงค์อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ แต่งตั้งคนสนิทเป็นที่ปรึกษารับงานศูนย์ดิจิทัลที่ส่อทุจริต รวมถึงประเด็นการขาดจริยธรรม หรือกรณีที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการท่อส่งน้ำ EEC เป็นต้น ซึ่งส่วนหนึ่งของความไม่ชอบมาพากลที่มาพร้อมหลักฐานที่ฝ่ายค้านรวบรวมมาได้จะสามารถมัดตัวผู้กระทำผิดโดยเฉพาะนักการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นการทุจริตเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะประเด็นหลังการลงมติไม่ไว้วางใจที่ได้ปรากฎหลักฐานการแจกจ่ายเงินให้กับพรรคการเมืองเพื่อต่อคานอำนาจให้พลเอกประยุทธ์ได้อยู่ต่อ กระบวนการต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ต้องเร่งดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริงให้แน่ชัดและเอาผิดโดยเร็ว
 


 

'กลุ่มทะลุแก๊ส' นัดชุมนุมหน้าสถานทูตพม่าในไทย ไม่มีการแจ้งต่อเขตล่วงหน้า และ มีทีท่าพกพาอาวุธ

ไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก LOOK Myanmar ได้โพสต์ข้อความ เผยกลุ่มทะลุแก๊สจะมีการนัดชุมนุมที่หน้าสถานทูตเมียนมาในวันที่ 26 ก.ค. เวลา 13.00 น. ซึ่งมีความไม่เหมาะสมในหลายๆ ประการ ระบุว่า...

ขอเรียนท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่เคารพ ในฐานะพ่อเมืองของกรุงเทพมหานคร โปรดทราบว่ากลุ่มทะลุแก๊สจะมีการนัดชุมนุมที่หน้าสถานทูตเมียนมาในวันที่ 26 ก.ค. เวลา 13.00 น. โดยสถานที่ดังกล่าวไม่เป็นไปตามข้อกำหนดสถานที่ซึ่งอนุญาตให้ชุมนุมอันได้แก่...

1. ลานคนเมือง เขตพระนคร

2. ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง

3. ที่สาธารณะใต้สะพานรัชวิภา (ใกล้ซอยวิภาวดีรังสิต 36) เขตจตุจักร

4. ลานจอดรถหน้าสำนักงานเขตพระโขนง เขตพระโขนง

5. ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เขตมีนบุรี

6. ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ เขตทุ่งครุ

7. สวนมณฑลภิรมย์ เขตตลิ่งชัน

บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ร่วมกับสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดชลบุรี มอบสิ่งของให้เด็กๆ ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 12

วันนี้ (25 ก.ค 65) เวลา 10.00 น. นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด พร้อมด้วยนางสาวจุลพา ชลัษเฐียร ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดชลบุรี นำพนักงาน เจ้าหน้าที่บริษัท ไทย สมายล์ บัส และสวท.ชลบุรี ร่วมกันมอบสิ่งของให้เด็กๆ ที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 12 ต.หนองชาก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี โดยมี นางสาวทักษิณา ช่วยบำรุง วิทยาฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 12 จ.ชลบุรี และเจ้าหน้าที่ศูนย์การศึกษาพิเศษให้การต้อนรับ

‘SEED THAILAND’ ลุยสร้างผู้นำยุคใหม่ บ่มเพาะเยาวชนสู่ผู้นำท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์

ปีที่ 2 ของโครงการ SEED THAILAND มาในธีม ‘การสร้างผู้นำยุคใหม่ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์’ ดึงเยาวชนในพื้นที่ ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มาร่วมกันออกแบบโครงการที่จะเปลี่ยนท้องถิ่น เชื่อมสังคม เกิดเป็นการเปลี่ยนแปลงจากระดับฐานราก ผ่านการสนับสนุนจากมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม ร่วมกับ วุฒิสภา

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคดิจิทัล ท้องถิ่นถูกเชื่อมเข้าสู่โลกผ่านเทคโนโลยีการสื่อสาร เป็นตัวขับเคลื่อนสังคมใหม่ในทุกระดับเยาวชนที่เป็น ‘เด็ก’ จากท้องถิ่น ทั้งตัวแทนองค์กรเยาวชน อย่างสภาเด็กและเยาวชน, NGO ที่กระจายตามท้องถิ่นล้วนมีความคิด ไอเดียและไฟที่อยากจะเปลี่ยนแปลงสังคม SEED THAILAND จึงเปิดพื้นที่เชื่อมโยงผู้แทนเยาวชนท้องถิ่น สู่ผู้นำสังคมด้วยทักษะที่จะกล้าคิด กล้าทำ 

โดยเฉพาะเมื่อปีที่ผ่าน SEED THAILAND ได้มีโครงการที่มาจากเด็กท้องถิ่นจำนวนมากที่มาเข้าร่วมโครงการ ผ่านการสนับสนุนพัฒนาทักษะให้เขาเหล่านั้นกลับไปพัฒนาบ้านเกิดอย่างรอบด้าน อาทิ โครงการ SEED Recheck,  SEED Digital Alert SEED มัธยมฯ และหัวหินบ้านของพ่อ ซึ่งทั้งหมดเป็นผลผลิตจากกล้าพันธุ์ SEED ที่ผ่านการพัฒนาจากการอบรบและลงมือปฏิบัติจริงให้เกิดผลเชิงรูปธรรมต่อสังคม

“เวลาเห็นเด็กที่เข้ามาร่วมโครงการ เด็กหลายคนเขาเป็นผู้นำเยาวชน อย่างบางคนเป็นประธานโรงเรียน เป็นประธานเด็กและเยาวชน คือเขามีไอเดียที่อยากจะพัฒนาท้องถิ่น พัฒนาสังคม เราเลยทำ SEED THAILAND เพื่อดึงเด็กที่มีไอเดียมีไฟมารวมกันคิดโปรเจกต์ เพื่อที่เวลาเขากลับไปบ้านเขาก็มีโครงการดี ๆ ที่เราสนับสนุนกลับไปช่วยท้องถิ่น” 

ปาริสา สัทธินทรีย์ ประธานโครงการ SEED THAILAND อดีตเยาวชน SEED รุ่นแรก เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ในตอนต้นตนเองเป็นประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมโครงการ แต่จากวันนั้นที่ปาริสาได้เข้าร่วมกับโครงการ ซึ่งมาพร้อมกับช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เยาวชน SEED ที่เป็นตัวแทนเยาวชนจากท้องถิ่นกลายเป็นพลังที่เชื่อมโยงท้องถิ่นกับสังคมผ่านการสื่อสารดิจิทัล ซึ่ง SEED THAILAND ได้มีการจัดอบรมพัฒนาทักษะเยาวชนอยู่ตลอดกลายเป็นโครงการศูนย์พักคอยในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากโครงการที่ตอบสนองต่อปัญหาของสังคมและเสริมให้ผู้นำเยาวชนมีพลวัตต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

'ทิพานัน' เผย 'บิ๊กป้อม' ลงพื้นที่สมุทรปราการติดตามความพร้อมรับมือฤดูฝน แก้ปัญหาน้ำท่วม ทั้งยังตั้งใจยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การลงพื้นที่ จ.สมุทรปราการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) และผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่จ.สมุทรปราการ เพื่อติดตามความพร้อมพื้นที่รับน้ำสมุทรปราการ ที่มีการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้ง โดยในช่วงปี 2561-2564 ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการไปแล้ว 148 โครงการ มีประชาชนได้รับประโยชน์ 89,782 ครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ 21,280 ไร่ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งศูนย์บริหารจัดการคุณภาพน้ำ เทศบาลปู่เจ้าสมิงพราย ซ่อมแซมคันป้องกันน้ำกัดเซาะ อ.บางบ่อ ซ่อมคันกั้นน้ำสถานีสูบน้ำคลองด่าน 2 ปรับปรุงกำแพงป้องกันน้ำเค็ม เชื่อมถนนปานวิถี-ประตูระบายน้ำชลหารพิจิตร โครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบายน้ำป้องกันน้ำเค็ม สถานีสูบน้ำบาง ซ่อมแซมเครื่องกว้านบานระบายน้ำ ประตูระบายน้ำคลองสวน โดยพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีส.ส.ในพื้นที่ ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่ประสานงานช่วยติดตามโครงการต่างๆ ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อพี่น้องประชาชน

‘บิ๊กตู่’ คุย ‘ชัชชาติ’ คาดสั่งการแก้น้ำท่วม ตอกย้ำชัด ทำทุกอย่างเพื่อประชาชน

เมื่อเวลา 09.30 น. (วันที่ 25 ก.ค. 65) ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ได้พูดคุยกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร และตัวแทนจากกองทัพ ประมาณ 5 นาที 

ทั้งนี้ คาดว่า มีการหารือ รวมทั้งสั่งการถึงมาตรการการช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่มีฝนตกลงมาและเกิดปัญหาน้ำท่วมขัง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางกองทัพ และกรุงเทพมหานครได้ประสานความร่วมมือในการช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว แต่คาดว่าในช่วงฤดูฝนขณะนี้อาจเกิดเหตุการซ้ำขึ้นมาอีก

ทั้งนี้ ภายในงานมอบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 นายกรัฐมนตรี ยังได้รับฟังเพลงสดุดีพระแม่ไทย บรรเลงและขับร้องโดยวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ด้วย

จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระบรมราชานุญาต และพระบรมราชวินิจฉัย ให้รัฐบาลจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ และพระราชทานแบบตราสัญลักษณ์ พร้อมความหมายภาษาไทยและภาษาอังกฤษด้วยแล้ว รัฐบาลจึงขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความจงรักภักดี เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 โดยร่วมกันจัดทำโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ และถวายพระราชกุศลให้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ ตลอดปี 2565 นี้

ปธ.บริษัทในเครือ ฮงล้ง กรุ๊ป มอบข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อนำไปใช้ในงานประเพณีทิ้งกระจาดแจกทาน ประจำปี 2565 ของทางแม่สอดมูลนิธิสามัคคีการกุศล

ณ บริเวณห้องโถงศาลเจ้าจีนปุงเฒ่ากงม่า อ.แม่สอด จ.ตาก ดร.สุขาติ จึงกิจรุ่งโรจน์ ประธานบริษัทในเครือ ฮงล้ง กรุ๊ปพร้อมด้วยคณะครอบครัว ได้นำข้าวสารอาหารแห้ง ประกอบไปด้วย ข้าวสาร 50 กระสอบ อาหารแห้ง (มาม่า) น้ำดื่ม นมเปรี้ยว จำนวน 30 ลัง มามอบให้กับแม่สอดมูลนิธิสามัคคีการกุศล โดยมี นายสมศักดิ์  คะวีรัตน์ ประธานแม่สอดมูลนิธิสามัคคีการกุศลพร้อมด้วยคณะกรรมการเถ้านั้ง ชุดที่ 53 ประจำปี 2565 เป็นผู้ร่วมรับมอบและให้การต้อนรับ 

การมอบข้าวสารอาหารแห้งในครั้งนี้ เพื่อให้ทางแม่สอดมูลนิธิสามัคคีการกุศลได้นำไปใช้ภายในงานประเพณีทิ้งกระจาดแจกทาน ศาลเจ้าปุงเฒ่ากงอำเภอแม่สอด ชุดที่ 53 ประจำปี 2565 ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมานานของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน เพื่ออุทิศส่วนบุญกุศลส่วนกุศล แก่บรรพบุรุษ และดวงวิญญาณอื่นๆ มีกิจกรรมแจกทานแก่ผู้ยากไร้ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต


ภาพและข่าว วรภา  พันลุตัน จ.ตาก

จับอีก!! ผู้ค้าสลากหวังเก็งกำไร ซื้อสลากดิจิทัลนำไปขายต่อเกินราคา

ตามที่มีนโยบายรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานร่วมกันบูรณาการในการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ดำเนินการควบคุมและกำกับดูแลในการตรวจสอบผู้ที่มีพฤติการณ์ที่มีการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา ซึ่งได้มีการดำเนินการกันมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ (21 ก.ค. 65) ที่ผ่านมา พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้มอบอำนาจให้ผู้แทนเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ภ.จว.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีพฤติการณ์ในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา พฤติการณ์กล่าวคือ ผู้จำหน่ายสลากรายดังกล่าวได้มีการนำเอาภาพของสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีการจำหน่ายผ่านช่องทางสลากดิจิทัล นำมาเสนอขายผ่านทางหน้าเพจ Thai Lotto ในเฟซบุ๊ก ราคาฉบับละ ๑๐๐ บาท หากถูกรางวัลจะโอนเงินรางวัลให้ก่อนทันที การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการเสนอจำหน่ายสลากเกินราคา จึงได้แจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดดังกล่าว

จากการสืบสวนในกรณีดังกล่าวพบว่า ในหน้าเพจเฟซบุ๊ก Thai Lotto ดังกล่าวเป็นเพจของ นายภูริวัฒน์ ดิษฐเจริญ อายุ 34 ปี ได้มีการนำเสนอจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยการให้ลูกค้าเลือกเลขที่ต้องการ แล้วทักแชทเพื่อติดต่อขอซื้อสลากกินแบ่ง ทางเพจก็จะนำภาพสลากกินแบ่งรัฐบาลซึ่งเป็นภาพจากสลากดิจิทัล นำมาให้ลูกค้าเลือกเลข โดยเสนอจำหน่ายฉบับละ 100 บาท โดยให้ชำระเงินโดยการโอนเงินเข้าบัญชีของ น.ส.สกุลรัตน์ สมเกี่ยม ซึ่งเป็นภรรยาของนายภูริวัฒน์ฯ และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ทั้งนายภูริวัฒน์ฯ และ น.ส.สกุลรัตน์ฯ ได้มีการซื้อสลากดิจิทัลไปรวมกันจำนวน 1,800 ใบ นอกจากนี้ น.ส.สกุลรัตน์ฯ ยังเคยเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลกับบริษัท มังกรฟ้า ลอตเตอรี่ จำกัด อีกด้วย

'ผบก. ปส.4' นำทีมสะกดรอย รวบ 7 ผตห. ขบวนการค้ายาฯ ผงะ..!! เจอยาไอซ์ 14 กระสอบหนัก 631 กก.

เมื่อวันที่ (25 กรกฎาคม 2565) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.(ปป.) และผู้อำนวยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.ตร.) ได้เปิดเผยว่า จากนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้กำชับนโยบายเร่งรัดการสืบสวนจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่องนั้น ซึ่งวันนี้ ได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. ว่าเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมาได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการข่าวกรองยาเสพติด, เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด, เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจทางหลวง, เจ้าหน้าที่ทัพเรือภาคที่ 2, เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 9 จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 7 คน ได้แก่

1. นายลุกมัน หรือมัน อายุ 39 ปี ที่อยู่ ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส 
2. นางสาววนิดา หรือดา อายุ 40 ปี ที่อยู่ ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี 
3. นายแวแม หรือแม อายุ 38 ปี ที่อยู่ ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส 
4.นายดากี หรือกี  อายุ 37 ปี ที่อยู่ ตำบลบูกิต อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส 
5.นายอาลาดิง หรือหวัง  อายุ 32 ปี ที่อยู่ ตำบลกาลิซา อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส 
6.นายมะเปาซี หรือนูซี  อายุ 24 ปี ที่อยู่ ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส 
และ7.นายนครินทร์ หรือมีน อายุ 33 ปี ที่อยู่ ตำบลตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยของกลาง ได้แก่

1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 14,กระสอบ น้ำหนักประมาณ  631 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ท้ายกระบะบรรทุกรถยนต์ 2. รถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน 3. รถยนต์เก๋ง จำนวน 1 คัน 4. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง  5. เงินสด จำนวน 240 บาท 

โดยกล่าวหาว่า "ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป โดยไม่ได้ รับอนุญาต" สถานที่จับกุม บริเวณริมทางหลวงสาย 4 ตำบลโคกทราย อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง ต่อเนื่อง บริเวณด่านตรวจตำรวจทางหลวงพรุพ้อ ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา และ ริมถนนเพชรเกษม ขาล่อง ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนและตรวจสอบข้อมูลของนักค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนกระทั่งวันที่ (22 กรกฎาคม 2565) พบว่า นายแม็ง หรือนายนครินทร์ เป็นนักค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีการลำเลียงยาเสพติดมาจากพื้นที่ภาคกลางไปส่งให้กับเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะซุกซ่อนยาเสพติดมากับรถยนต์กระบะยี่ห้อมิชซูบิชิ และจะใช้รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว และรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทำหน้าที่เป็นรถนำทางเพื่อตรวจการณ์การตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้ทำการสืบสวน เฝ้าติดตามรถดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 41 ตั้งแต่บริเวณรอยต่อจังหวัดนครศรีธรรมราช-พัทลุง อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง จนถึงจุดตรวจทางหลวงรัตภูมิ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top