Sunday, 8 June 2025
NEWS FEED

‘กองสลาก’ ปิดจ็อบฟังความเห็นออกหวย 3 ตัว เล็ง เปิดขายต้นปี 66 เคาะราคาใบละ 50 บาท

‘กองสลาก’ ปิดจ็อบฟังความเห็นออกหวย 3 ตัว แจงพร้อมขายต้นปี 2566 เคาะใบละ 50 บาท ยันมีแจ็คพ็อต-อั้นแทง ส่วนสลากดิจิทัลยังตรึงยอดขาย 10 ล้านใบต่ออีก 2-3 งวด หลังขายอืด

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ตามโครงการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและศึกษาผลกระทบทางสังคม เกี่ยวกับการกำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อจัดทำผลิตภัณฑ์สลากรูปแบบใหม่ หรือ สลากตัวเลข 3 หลัก (N3) และ สลาก 6 ตัว (L6) ซึ่งเป็นรอบสุดท้าย หลังเปิดรับฟังไปแล้ว 5 ครั้งทั่วประเทศ

ทั้งนี้ บรรยากาศในช่วงเริ่มต้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่เมื่อประชุมกันไปได้สักระยะ ผู้ค้าที่มาแลกเปลี่ยนมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในหลายเรื่อง ทั้งประเด็นการให้สิทธิ์ขายสลากดิจิทัลแบบใบขายก่อนสลากแบบใบ, การตัดสิทธิ์การซื้อ-จอง, การจัดสรรโควตา, การให้สลากผู้ค้ารายละ 5 เล่มน้อยเกินไป และบางกลุ่มก็สนับสนุนการขายสลากแบบดิจิทัล เป็นต้น ส่งผลให้มีผู้ขายบางส่วนไม่พอใจ ถกเถียง โต้ตอบในห้องประชุมกันอย่างมาก กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่าสิบนายต้องเข้ามาดูแลความเรียบร้อยจนสุดท้ายก็สามารถดำเนินขั้นตอนต่อไปได้

นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ตัวเลข 3 หลัก และสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก ต้องเข้าใจว่ามีผู้เกี่ยวข้องสูงมาก คนซื้อต้องได้ราคาที่ 80 บาท ส่วนคนขายต้องการสลากจำนวนมาก ต้องการกำไรสูงสุด แล้วก็กลัวว่าหากออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 ตัว จะมาทำลายอาชีพ บางกลุ่มก็กลัวการมอมเมาสังคม สวนทางกับอีกกลุ่มที่มองว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะมาช่วยดึงเงินจากหวยใต้ดินเข้ามาได้ ดังนั้นจึงต้องรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย

ทั้งนี้ ยืนยันว่าจุดประสงค์หลักของการออกสลากตัวเลข 3 หลักไม่ได้เข้าไปแข่งกับหวยใต้ดิน แต่เป็นผลพลอยได้ที่จะดึงเงินเข้ามา จึงตั้งราคาสลาก 3 หลักไว้ที่ 50 บาท เพื่อใกล้เคียงกับหวยใต้ดิน และผลตอบแทนแตกต่างจากสลาก 6 หลักแบบเดิมที่สูงกว่า แต่ก็ไม่ขายราคาถูกจนเข้าถึงง่ายแบบใบละ 10-20 บาท จนเป็นการมอมเมา

นอกจากนี้ จากการรับฟังความเห็นทั่วประเทศ ภาพรวมยังไม่มีการต่อต้านสลากตัวเลข 3 หลัก เพียงแค่กังวลเรื่องคนขายหลุดออกจากระบบ โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือประชาชนต้องได้ซื้อสลากในราคา 80 บาท แล้วผลิตภัณฑ์ใหม่คนขายเองก็ไม่ต้องลงเงินก่อนเพื่อนำไปขาย ทั้งยังได้ส่วนแบ่งทันทีในทุกวัน จึงเชื่อว่าน่าจะเดินหน้าต่อไปได้ เพราะที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับที่ดีมาก

“สลากแบบเลข 3 หลักจะมีการตั้งอัตราการจ่ายจูงใจ ในกรณีเลขที่มีคนซื้อมาก ๆ เงินรางวัลก็ไม่ได้ต่ำจนเกินไป อาจพิจารณาอั้นจำนวนผู้ซื้อด้วยอัตราจูงใจ เช่น ในกรณีขายสลากใบละ 50 บาท ก็ไม่ควรได้เงินรางวัล ต่ำกว่า 50 บาท รวมทั้งยังมีแจ๊คพ็อต 1% ขณะที่ข้อกังวลว่า จะเลือกผู้ค้าอย่างไร มี 2 แนวทางที่จะต้องไปตกผลึกก่อน คือ ให้สิทธิ์รายใหม่เลย หรือ ให้ทั้งคนเก่าและคนใหม่” นายธนวรรธน์ กล่าว

นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า จากเปิดรับฟังความเห็นทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว สำนักงานสลากฯ จะนำข้อมูลสรุป เสนอคณะกรรมการผลิตภัณฑ์ใหม่แล้วเสนอคณะกรรมการสลากในเดือน ก.ย. 2565 จากนั้นนำเสนอให้ รมว.การคลังพิจารณา เมื่อเห็นชอบจึงนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หากทุกอย่างได้รับการเห็นชอบตามแผนคาดว่าจะได้เห็นสลากผลิตภัณฑ์ใหม่ในต้นปี 2566

EA ร่วมกับ บลูเทคซิตี้ มอบทุนแก่นักศึกษา ปี 2565 ภายใต้โครงการ EEC HDC และ Star of The Future

เมื่อวันที่ ( 9 ส.ค. 65 ) เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมโชคอนันต์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษา แก่นิสิตและนักศึกษา ภายใต้โครงการ EEC HDC และ Star of The Future  โดยมีนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด( มหาชน ) นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) รองศาสตราจารย์ ดร.ดวงพร ภู่ผะกา รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏราชครินทร์ คุณสุรีย์ วศินพิตรพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ ในนามผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทราบลูเทค ซิตี้ และนายวุฒิเลิศ เจียรนิลกุลชัย กรรมการบริหารกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน) ร่วมมอบทุนการศึกษาฯ เพื่อการพัฒนาบุคลากรเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC  โดย บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน) และ ทุน Star of the Future โดย นิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทราบลูเทคซิตี้ ประจำปี 2555 

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การมอบทุนการศึกษาฯ ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาบุคลากรให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 และการพัฒนากำลังคนรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการพัฒนาบุคคลากรด้านเทคโนโลยี ระบบกักเก็บพลังงานประสิทธิภาพสูง (Energy Storage System) อุตสาหกรรมด้านโอลิโอเคมีคัล (Oleochemical) ร่วมกับสถาบันการศึกษาในพื้นที่ EEC คือ มหาวิทยาลัยและสถาบันอาชีวศึกษา ในระดับปริญญาตรีและระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ตามลำดับ

‘นายกฯ’ ตั้งเป้า!! ไทยขึ้นเทียร์ 1 เดินหน้าแก้ปัญหาค้ามนุษย์ให้สิ้น

(10 ส.ค. 65) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี 2564 และชื่นชมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ จนทำให้สถานะการค้ามนุษย์ (TIP) ประจำปี 2022 ของไทย ที่รายงานโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อยู่ในระดับ เทียร์ 2 ดีขึ้นกว่าสองปีที่ผ่านมา และเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วนสำเร็จเป้าหมาย เลื่อนสถานะสู่ เทียร์ 1 และขจัดการค้ามนุษย์ให้หมดไปในที่สุด

น.ส.รัชดา กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ (พม.) รายงาน ผลดำเนินงาน ว่า สามารถจับกุมและเริ่มการดำเนินคดีอาญา 188 คดี เพิ่มจากปี 2563 ร้อยละ 41.75 ในจำนวนนี้ เป็นคดีที่มาจากการสืบสวนสอบสวนช่องทางออนไลน์มากที่สุด จำนวน 107 คดี คิดเป็นร้อยละ 56.91 ของจำนวนคดีค้ามนุษย์ในชั้นสืบสวน และสามารถดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น 17 คน นอกจากนั้นยังช่วยเหลือและคุ้มครองผู้เสียหาย 414 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 79.22 เช่น คุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และผู้เสียหายจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการที่เข้ารับการคุ้มครองในสถานคุ้มครอง 148 คน ลดระยะเวลาการคุ้มครองผู้เสียหายในสถานคุ้มครองจาก 158 วัน ในปี 2563 เป็น 143 วัน ในปี 2564 ทำให้ผู้เสียหายไม่ต้องอยู่ในสถานคุ้มครองนานเกินความจำเป็น และเตรียมความพร้อมให้กับผู้เสียหายเข้าสู่กระบวนการทางศาลอย่างเหมาะสม รวมทั้งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการคุ้มครองพยาน เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ถึงร้อยละ 153.02 และผู้เสียหายได้รับเงินเยียวยาชดเชยในฐานะผู้เสียหายและพยานในคดีอาญา เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 123.9 และดำเนินการพัฒนากฎหมายสำคัญที่เกี่ยวกับสิทธิคนต่างด้าวในการจัดตั้งสหภาพแรงงาน เพื่อยกระดับมาตรฐานด้านแรงงานสัมพันธ์ให้เหมาะสม

สหรัฐฯ ชื่นชม อิสราเอล ถล่มที่อยู่ชาวปาเลสไตน์ สังหารเด็ก 15 ผู้หญิง 4 ด้วยจรวดที่ทันสมัย

WorldUpdate เปิดเผยกรณีอิสราเอล สั่งกองทัพใช้เครื่องบินล้ำน่านฟ้าฉนวนกาซ่า แล้วยิงจรวดใส่อาคารที่อยู่อาศัยชาวปาเลสไตน์ที่อยู่กันอย่างหนาแน่นและยากจนราว 2 ล้านคน รวมทั้งระดมยิงขีปนาวุธภาคพื้นดินใส่ตามอาคารที่พักอาศัยของพลเรือนเหล่านั้น โดยอ้างดื้อ ๆ ว่าโจมตีสังหารผู้นำกองกำลังปาเลสไตน์ ที่ไม่ใช่พลเรือนอิสราเอล และไม่ใช่ดินแดนอิสราเอล แม้ว่าฝ่ายปาเลสไตน์ที่ด้อยกว่ามากจะยิงจรวดจริงปนจรวดปลอมป้องกันตนเองสวนไปใส่กรุงเทลอาวีฟราวเกือบ 1,000 ลูก แต่จรวดเหล่านั้นถูกสกัดด้วยระบบต่อต้านอากาศยาน Iron  drome ของอิสราเอลราว 70% หลุดรอดไป 30% ใส่กรุงเทลอาวีฟ และสนามบิน ในอิสราเอล แต่โดนส่วนไม่ค่อยสำคัญนัก

ล่าสุดมีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 44 คน เป็นเด็กเล็ก 15 คน ผู้หญิง 4 คน ผู้บาดเจ็บสาหัส จำนวน 360 คนเด็กหลายคนถึงต้องตัดขาที่เละทิ้งทั้ง 2 ข้าง แม้อิสราเอล จะรับปากกับอียิปต์ว่าจะหยุดยิง แต่ภายหลังกำหนดก็ยังยิงขีปนาวุธมาลงตามตึกอาคารอีกเป็นระยะ 

>> ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้แถลงชื่นชมรัฐบาลอิสราเอลที่ปกป้องประชาชนอิสราเอลจากชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา 3 วันของการโจมตีได้สังหารชาวปาเลสไตน์หลายสิบคนเสียชีวิตและบาดเจ็บ

"ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ อิสราเอลได้ปกป้องประชาชนของตนจากการโจมตีด้วยจรวดใส่กลุ่มปาเลสไตน์ สหรัฐฯ ภูมิใจที่ได้สนับสนุนระบบ Iron-Dome ของอิสราเอล ซึ่งสามารถสกัดกั้นจรวดหลายร้อยลูกและช่วยชีวิตผู้คนอิสราเอลนับไม่ถ้วน”

>> ส่วนรัฐบาลอังกฤษ และรัฐบาลยูเครน ก็แถลงชื่นชมอิสราเอล แนวทางเดียวกับสหรัฐฯ

ในข้อเท็จจริงแล้ว ชาวปาเลสไตน์บางส่วนเคยออกไปต่อสู้กับพวกกลุ่มก่อการร้าย ISIS ในซีเรีย อิรัก ที่สหรัฐฯ อิสราเอลหนุนหลัง ต่อมากลุ่มก่อการร้ายนี้พ่ายแพ้เหลือน้อยนิดจากการถล่มของรัสเซีย และสลายตัวไปหลบอยู่ตามค่ายทหารเถื่อนสหรัฐในตอนเหนือ ซีเรีย อิรัก

ชาวปาเลสไตน์ จึงไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นนักรบ แต่ทุกคนกลับถูกอิสราเอล สหรัฐฯ อังกฤษ เหมารวมคนหลายล้านคนว่าเป็นผู้ก่อการร้ายภัยคุกคาม เมื่ออยู่ในฉนวนกาซาพวกเขาก็เป็นชาวบ้านทำมาหากินธรรมดา แต่เมื่อใดที่ถูกอิสราเอล นำเครื่องบินมาทิ้งระเบิดใส่ก่อน และยิงขีปนาวุธใส่ พวกเขาก็ต้องยิงจรวดที่มีไม่มากนักตอบโต้ไปบ้าง จะให้ถูกยิงถล่มฝ่ายเดียวย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่พวกเขากลับถูกเหมารวมว่าเป็นภัยต่อชาวยิวที่สุขสบาย มีอาวุธทันสมัยที่ไล่ล่าและสังหารเด็ก ๆ ที่ไม่สามารถจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ได้เลย

รับตัวครูแดนกลับไทยผู้กำกับคิวบู๊ภาพยนต์ชายแดนแม่สาย

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา พันเอก สุทธิ์เขตต์ ศรีนิลทิน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมืองในฐานะประธานฝ่ายไทยของคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมาร์พร้อมด้วยชุดประสานงานชายแดนไทย-เมียนมาร์ พันตำรวจเอก เขมชาติ วัฒนนภาเกษม ผู้กำกับด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางมายังด่านชายแดนมิตรภาพไทย-เมียนมาร์แห่งที่2

เพื่อเดินทางมารับมอบตัวนาย ระม้าย โมริพันธ์ หรือครูแดนผู้กำกับคิวบู๊ภาพยนต์ละครและครูสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับดารานักแสดงหลังจากก่อนหน้านี้ได้ถูกคุมขังอยู่ในคุกเมืองโต๋นเมียนมาร์เขตปกครองพิเศษว้าโดยเจ้าหน้าที่รัฐว้าได้นำตัวครูแดนมาส่งให้กับทางเจ้าหน้าที่ทหารเมียนมาร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็กตรงกันข้ามด่านชายแดนอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงรายตั้งแต่วันที่ 7สิงหาคม 2565 โดยทางเจ้าหน้าที่เมียนมาร์ได้สอบปากคำครูแดนแล้วเสร็จโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 1 วันก่อนติดต่อทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยผ่านทางคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมาร์ระดับท้องถิ่นหรือชุดทีบีซีเพื่อขอส่งมอบตัวครูแดนกลับสู่ประเทศไทย

ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าครูแดนถูกหลอกให้เข้าไปถ่ายทำละครในรัฐฉานประเทศเมียนมาร์แต่มีขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มหนึ่งหลอกให้ไปถูกคุมขังที่เมืองโต๋นเขต ปกครองพิเศษว้าแล้วมีการเรียกค่าไถ่จากญาติเป็นเงินจำนวน 24 ล้านบาทและปรากฎภาพครูแดนถูกใส่โซ่ตรวนและมีกองกำลังติดอาวุธดูแลอย่างเข็มงวดทำให้ นางคำ โมริพันธ์ มารดาของครูแดนขอความช่วยเหลือไปยังหลายหน่วยงานส่งผลทำให้ทางการไทยประสานไปยังรัฐบาลกลางเมียนมาร์และเขตปกครองพิเศษว้าจนมีการนำตัวมาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่เมียนมาร์จังหวัดท่าขี้เหล็กโดยหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ไทยจะได้สอบปากคำครูแดนอีกครั้งว่าข้อเท็จจริงของเรื่องนี้เป็นอย่างไรพร้อมกับจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป


สันติ วงศ์สุนันท์/ผู้สื่อข่าวเชียงราย

ผู้ปกครองจีนดูถูก ‘ครู’ ปั่นจักรยานมาโรงเรียน บอกครูยังจนแบบนี้ เด็กจะตั้งใจเรียนไปทำไม

กำลังเกิดกระแสการถกเถียงในโซเชียลมีเดียของจีน หลังจากมีแชตสนทนาหลุดระหว่างครูโรงเรียนแห่งหนึ่งและผู้ปกครองที่เขียนข้อความเชิงตำหนิครูรายดังกล่าวที่เดินทางมาโรงเรียนด้วยการปั่นจักรยาน ซึ่งอาจทำให้ลูกของเธอหมดความตั้งใจในการเรียน เพราะขนาดคนเป็นครูยังไม่มีปัญญาใช้รถยนต์หรู ๆ เลย

ภาพสกรีนช็อตของบทสนทนาดังกล่าวถูกแชร์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ โดยมีความคิดเห็นจำนวนมาก ระบุว่า แม่คนนี้เป็นพวกวัตถุนิยม หัวสูง และหยาบคาย

เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายนเมื่อครูแซ่หวังรายนี้กำลังปั่นจักรยานไปทำงาน และเจอกับเด็กนักเรียนชายคนหนึ่ง เว็บไซต์ข่าว qq.com รายงาน

ทั้งคู่ทักทายกันอย่างสุภาพและไปตามทางของตัวเอง แต่เมื่อหวังมาถึงห้องพักครูและเช็คกลุ่มวีแชตสำหรับครูและผู้ปกครอง เขากลับพบข้อความแปลก ๆ จากแม่ของเด็กคนดังกล่าว

หวังตอบกลับว่า "ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงนะครับคุณแม่น้องหยงหยงนะครับ แต่ผมสนุกกับการปั่นจักรยาน และบ้านผมก็อยู่ใกล้โรงเรียนนิดเดียวเอง"

แต่คุณแม่รายนี้ยังคงซักไซ้ต่อว่า "แล้วถ้าฝนตกล่ะ มันจะไม่สะดวกนะ คุณควรซื้อรถยนต์ดีกว่า

"ถ้าฝนตก ผมไม่ใช้จักรยานหรอกครับ ผมถือร่มเดินไปโรงเรียนก็ได้ ผมสะดวกจริง ๆ ครับ" ครูหวัง ตอบ 

มาถึงจุดนี้ คุณแม่ก็ยอมเปิดเผยเหตุผลจริง ๆ ที่อยากให้ครูหวังใช้รถยนต์ว่า "ลูกฉันนั่ง BMW มาตั้งแต่เกิด คนรอบ ๆ ตัวเขาก็ใช้รถยนต์หรูกันหมด แล้วถ้าคนเป็นครูอย่างคุณยังปั่นจักรยาน คุณคิดว่าเขาจะคิดยังไงล่ะ"

"แล้วเขาจะคิดยังไงหรอครับ" ครูหวัง ถามด้วยความงงงวย

คุณแม่จึงตอบกลับว่า "ฉันพร่ำบอกให้เขาตั้งใจเรียนทุกวัน แต่เขาเห็นว่าคุณปั่นจักรยานมาทำงาน เขาจะคิดยังไงล่ะ เขาคงคิดว่าคนเป็นครูยังหาเงินไม่ได้เลย เรียนไปก็คงไม่มีประโยชน์"

‘ครม.’ เทงบ 4,019 ล้านบาท ปัน 5 กระทรวง บริหารน้ำฤดูฝน 65 เก็บน้ำฤดูแล้ง 65/66

(9 ส.ค. 65) ผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ระบุว่า ครม.อนุมัติงบกลาง วงเงิน 4,019 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในช่วงฤดูฝน ปี 2565 และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้งปี 2565 / 2566 จำนวน 1,361 รายการ ให้กับ 5 กระทรวง 13 หน่วยงาน เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ และเพิ่มศักยภาพในการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้งในปี 65/66 ในพื้นที่เป้าหมาย คือ พื้นที่เสี่ยงเกิดอุทกภัย ภัยแล้ง ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด และพื้นที่เสี่ยงที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไข บรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งโดยเร่งด่วน ตามที่หน่วยงานในพื้นที่จังหวัดเสนอผ่านคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด ใน 5 กลุ่มประเภทโครงการ ได้แก่...

1. การซ่อมแซม ปรับปรุง อาคารชลศาสตร์ เช่น ซ่อมแซม ปรับปรุงพนังกั้นน้ำ คันกั้นน้ำ ประตูระบายน้ำ คลองส่ง ระบายน้ำ อาคารบังคับน้ำ สถานีโทรมาตร เป็นต้น

2. การปรับปรุง แก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ และกำจัดผักตบชวา ที่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การระบายน้ำและการจัดการพื้นที่น้ำท่วม พื้นที่ชะลอน้ำ

3. การขุดลอกคูคลอง เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ 

4. การเตรียมความพร้อมวางแผนเครื่องจักรเครื่องมือ เช่น ซ่อมแซมเครื่องสูบน้ำเครื่องมือเครื่องจักร ยานพาหนะขนย้าย

และ5. การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเพื่อเก็บกักไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง เป็นการจัดหาแหล่งน้ำรองรับน้ำส่วนเกินในช่วงฤดูฝนสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งถัดไป เช่นสระ /อ่างเก็บน้ำ ระบบกระจายน้ำ ธนาคารน้ำใต้ดิน ขุดเจาะบาดาล ปฏิบัติการฝนหลวง เป็นต้น

สำหรับ 5 กระทรวง 13 หน่วยงาน ที่จะดำเนินการตามโครงการฯ จำนวน 1,361 รายการ ได้แก่…

1. กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบก หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จำนวน 32 รายการ วงเงิน 23.31 ล้านบาท

2. กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) จำนวน 2 รายการ วงเงิน 76.45 ล้านบาท 

3. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 411 รายการ วงเงิน 1,190.43 ล้านบาท 

'อลงกรณ์' คิกออฟงานเกษตรปลอดภัย ชูเพชรบุรีโมเดล ต้นแบบเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร(City of Gastronomy)ของยูเนสโก

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้าเกษตรปลอดภัยโดยมีนายณัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ที่ปรึกษารมช.พาณิชย์ อดีต ส.ส.เพชรบุรี ดร.กัมพล สุภาแพ่ง คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ อดีต ส.ส.เพชรบุรี นายอาณัติ หุ่นหลา เกษตรจังหวัดเพชรบุรี หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ประชาชนและ เกษตรกรชาวเพชรบุรี ร่วมพิธีเปิดงานแสดงสินค้าเกษตร ณ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ เพชรบุรี อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ภายหลังเป็นประธานเปิดงานว่า จังหวัดเพชรบุรีเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร (Gastronomy) นับเป็นจังหวัดตัวอย่างต้นแบบโดยเฉพาะรูปแบบการสร้างความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในยกระดับการพัฒนาภาคเกษตรและอาหารสอดรับกับเป้าหมายรัฐบาลที่จะก้าวไปสู่ประเทศชั้นนำท็อปเทนของโลกในการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร โดยขณะนี้ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับ 13 ของโลก จาก 200 กว่าประเทศซึ่งจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้โลกและสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้ทั่วโลกเผชิญกับวิกฤติการณ์ขาดแคลนอาหาร จึงเป็นโอกาสในวิกฤติของประเทศไทยและจังหวัดเพชรบุรีที่จะได้พัฒนาเพิ่มศักยภาพในการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัยตอบโจทย์ความต้องการของตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

'ผบช.ภ.4' แจงเหตุตำรวจต้องวิสามัญชายคลั่งยา เพราะอาละวาดไล่ฟันครู ตชด.หัวแบะ

เมื่อวันที่ (9 ส.ค. 2565) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) มีรายงานว่า พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 ได้รายงานเหตุกรณีที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญคนคลุ้มคลั่งก่อเหตุทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติการตามหน้าที่ ต่อผู้บังคับบัญชาระดับ ตร.ตามลำดับชั้นว่า ในวัน เวลา สถานที่เกิดเหตุ วันที่ 8 ส.ค.65 เวลาประมาณ 20.30 น.ที่ถนนทางเข้าวัดภูหัวบ้าน ต.โนนทอง อ.นายูง จว.อุดรธานี โดยมีผู้เสียชีวิตคือ นายรัญญูหรือมด ทองอินทร์ อายุ 36 ปี ราษฎร อ.น้ำโสม จว.อุดรธานี มีประวัติเสพยาเสพติด

สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ ด.ต.สะเด่น อันทะปัญญา อายุ 48 ปี ผบ.หมู่ ป.สภ.นายูง มีบาดแผลถูกมีดฟันที่ศีรษะยาวประมาณ 5 ซม.ลึกถึงกล้ามเนื้อ แต่ไม่ถึงกะโหลก แพทย์ได้ทำการเย็บแผล และให้รอดูอาการ 1 วัน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนสามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ เบื้องต้นอาการโดยรวมปลอดภัย ขณะนี้ได้ให้เพื่อนร่วมงานและญาติเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยิงคนร้าย ส.ต.อ.เฉลิมพล ชาภูธร ผบ.หมู่ ป.สภ.นายูง จว.อุดรธานี สำหรับ ของกลางในคดี มีอาวุธปืนพกสั้น ออโตเมติก ยี่ห้อซิก ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก(ที่ตำรวจใช้ยิงผู้ตาย) และอาวุธมีด จำนวน 2 เล่ม(ที่ผู้ตายใช้ก่อเหตุทำร้ายตำรวจ)

"ผบช.ภ.4 รายงานอีกว่าเหตุ" ซึ่งตามวันเวลาเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นายูง ได้รับแจ้งเหตุชายเมายาบ้าคลุ้มคลั่งใช้อาวุธมีดไล่ฟันครูที่ รร.ตชด.นาเมืองทอง ด.ต.สะเด่นฯพร้อมพวกและอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน จึงได้เข้าไประงับเหตุ เมื่อไปถึง รร.ฯปรากฎว่าชายดังกล่าวได้หลบหนีไปแล้ว จากการตรวจสอบทราบว่าชื่อนายรัญญูฯและได้หลบหนีไปที่บริเวณวัดที่เกิดเหตุ จึงได้ติดตามไปเพื่อป้องกันไม่ให้ไปก่อเหตุไล่ทำร้ายคนอื่นอีก เมื่อไปถึงบริเวณที่เกิดเหตุ พบผู้ตายเดินถืออาวุธมีดอยู่ จึงได้หยุดรถเพื่อที่จะจับกุม ปรากฏว่าระหว่างที่ ด.ต.สะเด่นฯเดินลงจากรถ ผู้ตายได้วิ่งเข้าใช้อาวุธมีดพุ่งเข้ามาฟันที่ศีรษะ ด.ต.สะเด่นฯทันที

โดยที่ ด.ต.สะเด่นฯยังไม่ทันตั้งตัว ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างนั้น ส.ต.อ.เฉลิมพลฯเห็นว่า ผู้ตายจะเงื้อมีดทำร้ายร่างกายและก่อเหตุร้ายแรงกับ ด.ต.สะเด่นฯ จึงได้ใช้อาวุธปืนยังไปที่ผู้ตาย จำนวน 2 นัด เพื่อหยุดยั้งการกระทำ เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายทันที หลังเกิดเหตุจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และนำตัว ด.ต.สะเด่นฯส่ง รพ.นายูง เบื้องต้นในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว โดยในส่วนของ ภ.4 จะได้มอบเงินเพื่อบำรุงขวัญในลำดับต่อไป

เริ่มแล้ว !! มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2565 จัดทีมนำข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคลงพื้นที่แจกจ่ายให้กับผู้ขาดแคลน จังหวัดนครราชสีมา

เมื่อวานนี้ (วันจันทร์ 8 สิงหาคม 2565) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ มอบหมายให้ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จัดทีมเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร นำโดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ รักษาการหัวหน้าแผนกสาธารณภัย พร้อมด้วย นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย รักษาการหัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ  ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา แจกจ่ายชุดข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา บรรจุกระเป๋าผ้าดิบมูลนิธิฯ แก่ผู้ขาดแคลนในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอสูงเนิน อำเภอปากช่อง และอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา รวม 4 อำเภอ ชุดข้าวสารจำนวน 2,000 ชุด รวมงบประมาณทั้งสิ้น 700,000 บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนหน่วยงานรัฐ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย สมาคม/มูลนิธิแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี รวมทั้งนายสัญญา พรนารายณ์  นายสดใส รุ่งโพธิ์ทอง นายสิริพงศ์ สุขสมนาค (กิ๊ฟ โคกคูน) อาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี

และในช่วงกลางเดือนสิงหาคม - เดือนกันยายน 2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กำหนดลงพื้นที่แจกจ่ายชุดข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ขาดแคลนในพื้นที่จังหวัดชลบุรี สมุทรสาคร และ 50 เขต กรุงเทพมหานคร เป็นลำดับต่อไป คิดมูลค่าดำเนินการงานแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2565 ไม่ต่ำกว่า 11.7 ล้านบาท

ระหว่างวันที่ 8 กรกฎาคม - 24 สิงหาคม 2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมงานบุญมหากุศลประจำปี “ประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2565” สักการะหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) เพื่อความเป็นสิริมงคล ทำบุญชุดข้าวสารให้ผู้ล่วงลับ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ  พร้อมกับสมทบทุนข้าวสารและเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อเป็นการทำทานให้ผู้ขาดแคลนต่อไป

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดในขณะนี้ เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่ระบาด ในปีนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังคงรูปแบบการทำบุญทิ้งกระจาดแบบลดการสัมผัส เป็นการบริจาคทรัพย์เพื่อสมทบทุนในการจัดซื้อชุดข้าวสาร อาหารแห้ง พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ โดยสามารถทำบุญได้ 3  ช่องทาง ดังนี้ 

1. ทำบุญชุดข้าวสาร ที่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
(ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ขอความร่วมมือในการงดรับข้าวสาร หรือสิ่งของอื่น ๆ เพื่อลดการสัมผัส)
2. ทำบุญชุดข้าวสารออนไลน์: ผ่านบัญชีมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง 
3. เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ เพื่อลดความเสี่ยงและการเพิ่มมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาด มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงจัดให้มีช่องทางการร่วมทำบุญทิ้งกระจาดใหม่ ผ่านระบบออนไลน์ https://pttfny.net/newsh/ ในอีกทางหนึ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top