Monday, 9 June 2025
NEWS FEED

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นประธานพิธีปิดและมอบเกียรติบัตรโครงการฝึกอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบ Smart Safety Zone 4.0 ของนักเรียนนายร้อยตำรวจ

วันนี้ (24 ส.ค. 65) เวลา 16.30 น. ณ สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีปิดฝึกอบรมการถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบ Smart Safety Zone 4.0 ตามโครงการวิจัย
เรื่อง สมาร์ท เซฟตี้ โซน เพื่อความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน (Smart Safety Zone for the Safety of People’s Lives and Properties) รุ่นที่ 2      

โดยหลังจากที่นักเรียนนายร้อยตำรวจได้ผ่านการฝึกอบรมดังกล่าวเป็นเวลา 2 วัน เพิ่มทักษะในการนำเทคโนโลยีที่มีการติดตั้งเพิ่มเติมตามสถานีตำรวจที่เข้าร่วมโครงการ Smart Safety Zone 4.0 ซึ่งนำมาประยุกต์ใช้ในด้านการติดตามสืบสวนสอบสวนหรือด้านจราจร และงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ และเป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีระบบ Smart Safety Zone 4.0 ตามแนวความคิด “เมืองอัจฉริยะ” ซึ่งเป็นเรื่องใหม่และมีความทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์โลกปัจจุบัน

SCBS ล้มดีล!! ซื้อหุ้น 'บิทคับ ออนไลน์' 1.78 หมื่นลบ. หลัง 'บิทคับ' ยังเคลียร์ปัญหากับ กลต. ไม่ลงตัว

ไม่นานมานี้ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ได้ออกประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊กของบริษัท ระบุว่า...

ประกาศ ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2565 เวลา 13.22 น.

สืบเนื่องจากประกาศของบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ ได้มีมติอนุมัติให้ SCBS เข้าทำสัญญาธุรกรรมซื้อหุ้นในบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด จาก บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ในสัดส่วน 51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด นั้น

ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ทางบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCBS) ได้ดำเนินการสอบทานธุรกิจ (due diligence) ร่วมกันอย่างรอบคอบ โดยบริษัทฯ ได้ให้ความร่วมมืออย่างดีกับบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ และได้ทำการเปิดเผยข้อมูลที่แสดงถึงความสามารถในการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มีศักยภาพ และแสดงผลประกอบการอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา ตลอดจนนำเสนอแผนกลยุทธ์การดำเนินงานและพัฒนาธุรกิจในอนาคต

จากการสอบทานธุรกิจ ทางบริษัทผู้ซื้อ (SCBS) “ไม่พบข้อบ่งชี้ถึงความผิดปกติอันเป็นนัยสำคัญที่ไม่สามารถแก้ไขได้” อย่างไรก็ดีเนื่องจากบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ยังคงมีประเด็นคงค้างกับสำนักงาน กํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่อาจส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินการธุรกรรมดังกล่าว บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด และบริษัทผู้ซื้อ (SCBS) จึงได้ตกลงร่วมกันที่จะยกเลิกธุรกรรมการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ เพื่อให้บริษัทดำเนินการหาข้อสรุปในประเด็นต่าง ๆ ตามคำชี้แนะและสั่งการโดยคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป

บริษัทขอเรียนว่าการดำเนินงานและการประกอบธุรกิจของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด บริษัทยังคงเป็นผู้นำในตลาดศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยพร้อมมีทรัพยากรสำหรับการดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่องตามแผนงานและยุทธศาสตร์ที่ได้วางไว้ และยังคงเดินหน้าต่อไปตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ เพื่อสร้างระบบนิเวศของตลาดการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมีคุณภาพและประกอบธุรกิจตามหลักบรรษัทภิบาล เพื่อให้บริการผู้ลงทุนอย่างโปร่งใสและสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียมแก่ผู้คนในสังคมต่อไป

ขณะที่ด้าน บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการ บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) ในการประชุมครั้งที่ 13/2564 เมื่อวันที่ 2 พ.ย.64 ได้มีมติอนุมัติให้ SCBS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SCB เข้าทำสัญญาซื้อหุ้น ในบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub) จาก บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ในสัดส่วน 51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ Bitkub คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 17,850 ล้านบาทนั้น

ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ และ SCBS ได้ร่วมกันดำเนินการสอบทานธุรกิจ (due diligence) ด้วยความรอบคอบระมัดระวัง และได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้ขายและ Bitkub โดยในระหว่างกระบวนการสอบทานธุรกิจ บริษัทฯ และ SCBS ได้เห็นศักยภาพและความสามารถในหลากหลายด้านของกลุ่ม Bitkub และเห็นโอกาสในการร่วมมือพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินธุรกิจของ Bitkub ในอีกหลายด้าน

'ครูมิกกี้' แนะ หากมีเงินให้ส่งลูกเรียนเอกชน-ตปท. ชี้!! รร.รัฐ ครูทำแต่เอกสาร - ไม่มีเวลาเตรียมสอน

'ครูมิกกี้' ระบายร่ายยาวเรื่องราวเกี่ยวกับเอกสาร SDQ ชี้ทำให้ครูไม่มีเวลาสอนหนังสือ ถึงมีก็ทำไม่เต็มที่ แนะผู้ปกครองที่มีกำลังส่งลูกไปเอกชนหรือต่างประเทศ หนีไปให้ไกลจากโรงเรียนรัฐ ระบุโรงเรียนคือแหล่งผลิตเอกสารขยะรอวันทิ้ง ไม่ใช่ที่บ่มเพาะศักยภาพของเด็กอีกแล้ว

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'TeacherMickey Suphanta' หรือ 'ครูมิกกี้' ออกมาตำหนิระบบการศึกษาของไทยโดยเฉพาะโรงเรียนของรัฐบาล โดยเจ้าตัวแนะนำหากมีกำลังทรัพย์ให้ส่งลูกไปเรียนเอกชน หรือต่างประเทศไปเลยจะดีกว่า ชี้ครูโรงเรียนรัฐไม่เวลามาสั่งสอน มัวแต่ทำเอกสาร การศึกษาไทยถึงไม่พัฒนา ทั้งนี้ เจ้าตัวได้ระบุข้อความระบายออกมาว่า

"เชิญชมเอกสารงี่เง่าอีก 1 ชุดค่ะ SDQ ผู้ปกครองท่านไหนคิดอยากจะส่งลูกไปโรงเรียน ถ้ามีเงินมากพอ มีกำลังส่งไปเรียนเอกชน สาธิต หรือโปรแกรมดีๆ ไปต่างประเทศให้ รีบลาออก หรือผู้ปกครองทำบ้านเรียนเองเลย

อย่าส่งลูกคุณไปโรงเรียนรัฐค่ะ เพราะครูไม่มีเวลามาอบรมสั่งสอนลูกของคุณค่ะ ไม่ใช่ว่าครูไม่ดี หรือไม่อยากสอน แต่เป็นเพราะครูยุ่งอยู่ กรอกเอกสารอยู่ค่ะ นักเรียนมีกี่คนก็คูณเข้าไป

ถามว่ามีข้อมูลมันดีมั้ย มันก็ดีมากๆ ถ้ากรอกแล้วเอาไปใช้เพื่อพัฒนาผู้เรียนจริง ไม่ใช่กรอกส่งหน่วยเหนือแล้ว รายงานแล้ว ทิ้งไว้ให้ปลวกกิน (SDQ อันนี้คือครูต้องแจกให้ผู้ปกครองกรอก)

แต่ส่วนใหญ่แล้ว เขาแค่กรอกส่งเฉยๆ ตามหน้าที่ค่ะ นี่เป็นแค่เอกสาร 0.1% ที่ครู "ต้องทำ ต้องส่ง หรือต้องตามเก็บจากผู้ปกครองให้ครบ" ต้องทำอย่างปฏิเสธไม่ได้ เขาเลยไม่ค่อยมีเวลาเตรียมสอนกัน แล้วคุณภาพผู้เรียนก็ออกมาเละเทะ อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ไง

จริงๆ ถ้าอยากได้ข้อมูลพวกนี้ แค่ปล่อยครูไปอยู่กับนักเรียนเยอะๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ ว่าจุดแข็ง จุดอ่อน ของนักเรียนแต่ละคนเป็นยังไง ก็เห็นหน้า เห็นพฤติกรรมกันอยู่ทุกวัน

แล้วคือถ้าถ่ายเอกสารออกมาเป็นแผ่นๆ แบบนี้ หมายความว่า ผปค./ครู แต่ละคนต้องใช้มือติ๊ก ทีละข้อ ทีละข้อ ของนักเรียนแต่ละคน เสร็จแล้วครูต้องไปไล่ตามเก็บไปเข้าเล่ม รายงาน หลังจากนั้นไปอีก 2-3 ปี หรือรอจนกระดาษเหลืองแล้ว เราก็เตรียมชั่งกิโลขายกระดาษค่ะ

เบื่อจริงๆ พวกนักสำรวจ สำรวจอย่างเดียว รอรายงานอย่างเดียว ไม่รู้เลยหรือไงว่าเอกสารพวกนี้คือสิ่งที่แย่งเวลาครูไป แย่งเวลาเรียนของนักเรียนไป คุณภาพการศึกษาบ้านเราถึงตกต่ำ ต่ำแบบต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ไม่มีวันได้ผุดได้เกิดกันขนาดนี้

คิดว่าครูเขาว่างมากนักหรือไง เอกสาร 80 อย่าง จะแบ่งเวลาตรงไหนมาสอน ต่อให้สอนก็ไม่เต็มที่ เพราะเวลามีไม่พอที่จะเตรียมตัว หรือทำสื่อ หรือมีเวลามาใส่ใจลูกของคุณ

'ดร.นิว' แนะ 'บิ๊กตู่' ใช้ช่วงหยุดหน้าที่นายกฯ พักผ่อน หากหวนคืนตำแหน่ง ขอให้มุ่งสู่เส้นทาง 'รัฐบุรุษ'

(25 ส.ค. 2565) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาดังนี้ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก ๕ ต่อ ๔ ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ก็ขอให้ท่าน ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha พักผ่อนจากภาระอันหนักอึ้ง

หากท่านมีโอกาสได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ก็ขอให้ท่านเลือกเส้นทางของ 'รัฐบุรุษ' นำพาประชาชนไปสร้างประชาธิปไตยตามแนวทางราชประชาสมาสัยอย่างสันติให้เป็นผลสำเร็จ ถ่ายโอนอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง สถาปนาระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องและมีความเป็นธรรม ตลอดจนมีรัฐธรรมนูญที่เป็นผลสำเร็จของการสร้างประชาธิปไตยในที่สุด

ดร.ศุภณัฐ
๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕

#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ

พลเอกประยุทธ์จะเป็น "โมฆบุรุษ" หรือ "รัฐบุรุษ" ? การเป็น "โมฆบุรุษ" หรือ "รัฐบุรุษ" ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการดำรงตำแหน่งครบแปดปีเมื่อไหร่ หรือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร หากแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและการกระทำของพลเอกประยุทธ์เอง

จริงๆ พลเอกประยุทธ์น่าจะเป็นรัฐบุรุษไปแล้วเสียด้วยซ้ำ หากยึดอำนาจแล้วนำมาสร้างประชาธิปไตย ทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชนอย่างแท้จริง แต่ก็ไม่ได้นำพา วกกลับมาสู่ระบอบเผด็จการลัทธรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับการรัฐประหารทุกครั้ง

การไม่สร้างประชาธิปไตยของพลเอกประยุทธ์จึงทำให้อำนาจอธิปไตยยังคงเป็นของคนส่วนน้อยเหมือนเดิม ทำให้การเคลื่อนไหวที่ผิดหลักวิชาภายใต้ระบอบเผด็จการยังคงอยู่ ไม่ได้ยุติความขัดแย้งและความเห็นผิดทางการเมืองให้หมดสิ้นไปแต่อย่างใด

ถ้าพลเอกประยุทธ์ไม่สร้างประชาธิปไตย ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้ระบอบเผด็จการต่อไป คอยรับใช้อำนาจอธิปไตยของคนส่วนน้อย เอื้อผลประโยชน์แก่นายทุนนักธุรกิจหลังม่านการเมือง แล้วปล่อยให้ระบอบปรสิตของนักการเมืองทำนาบนหลังคนร่ำไป

ในที่สุดพลเอกประยุทธ์ก็จะพังไปเองโดยไม่ต้องมีใครมาขับไล่ นำไปสู่จุดจบทางการเมืองแล้วกลายเป็น "โมฆบุรุษ" เฉกเช่นนายกรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ในระบอบเผด็จการแห่งนี้ ที่เข้ามาแสวงอำนาจและผลประโยชน์โดยไม่สร้างประชาธิปไตยให้กับประชาชน

ถ้าพลเอกประยุทธ์สร้างประชาธิปไตย โค่นระบอบเผด็จการของคณะราษฎรเสียให้สิ้น บดขยี้การเคลื่อนไหวแนวทางผิดทั้งหมด ด้วยการเมืองกระแสสูงที่นำพาประชาชนไปสร้างประชาธิปไตย แล้วทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชนได้เป็นผลสำเร็จ

พลเอกประยุทธ์ก็จะได้รับการยกย่องสรรเสริญ และถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะ "รัฐบุรุษ" แถมยังเป็น "วีรบุรุษประชาธิปไตย" ของปวงชนอีกด้วย เพราะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านระบอบเผด็จการไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

ถ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้ ผมจะขอโทษประชาชนที่ไม่ได้ทำตามสัญญา ไม่ได้สร้างประชาธิปไตยที่ถูกต้องสมบูรณ์ตั้งแต่ตอนเข้าสู่อำนาจ แต่นับจากวินาทีนี้ไป ผมจะนำพาประชาชนไปสร้างประชาธิปไตยอย่างสันติ เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย

วิกฤตภัยแล้งจีน ทำระดับน้ำลด เผยให้เห็นฐานพระใหญ่เล่อซาน

องค์พระใหญ่เล่อซาน หนึ่งในมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน นับเป็นพระพุทธรูปหินแกะสลักที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของโลก ซึ่งในช่วงนี้ มีปรากฏการณ์ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำแยงซีลดลงจนปรากฏให้เห็นฐานด้านล่างทั้งหมดใต้องค์พระ

สำนักข่าวซินหัว สื่อทางการของจีน เผยภาพถ่ายให้เห็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำแยงซี จำนวน 3 สาย มีระดับน้ำลดลงเพราะภัยแล้งในช่วงไม่นานนี้ ส่งผลให้เห็นส่วนฐานของพระใหญ่เล่อซานได้อย่างชัดเจน

ทั้งนี้พระพุทธรูปดังกล่าวแกะสลักขึ้นริมผาภูเขาเล่อซาน และตั้งอยู่ ณ จุดที่แม่น้ำสาขาทั้งสามสายไหลมาบรรจบกัน ได้แก่ แม่น้ำหมิ่นเจียง, แม่น้ำชิงอี และแม่น้ำต้าตู้ ที่มาของพระใหญ่ในสมัยราชวงศ์ถัง เกิดจากแนวคิดของพระสงฆ์รูปหนึ่งนามว่า “ไห่ทง” ที่ทราบว่าบริเวณจุดตัดแม่น้ำสามสายมีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง การสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ น่าจะช่วยปกป้องให้การโดยสารทางน้ำปลอดภัย รวมทั้งป้องกันปัญหาจากอุทกภัย

'อรรถวิชช์' ชวนร่วมงาน 'KLA FEST : สุขอุราไทย' 27 ส.ค.นี้ เปิดจุดยืน ทะลุอุปสรรคกฎหมาย ขยายโอกาสเกษตรกร แปรรูปสินค้าเกษตร สู่สุราชั้นเลิศ

ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก เชิญชวนประชาชนและผู้สนใจมาร่วมงาน "KLA FEST : สุขอุราไทย" เสวนาแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการแปรรูปสินค้าเกษตร สู่สินค้าพรีเมียม สุราไทยชั้นเลิศ ใช้ทฤษฎีไม้เสียบลูกชิ้น เรียงร้อยกฎหมายที่เป็นอุปสรรคแล้วทะลุให้หมด เพื่อขยายโอกาส เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร เพิ่มศักยภาพแข่งขันด้านการท่องเที่ยว โดยในงานมีทั้งนักวิชาการ ผู้ประกอบการสุรา มาร่วมงานเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกัน โดยงานจัดวันเสาร์ที่ 27 ส.ค.นี้ ที่ลานหน้า ตั้งแต่ 17.00น. เป็นต้นไป

"🥂 อยากรู้จักสุราไทยชั้นเลิศ มาเจอกันที่พรรคกล้า เสาร์นี้

"ทฤษฎีไม้เสียบลูกชิ้น" เรียงร้อยกฎหมายที่เป็นอุปสรรคแล้วทะลุให้หมด เราเคยส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนอัดงบประมาณไปมาก

แล้วผลคือ? เรามีสุราดีชั้นเลิศ ทำได้ แต่ขายไม่ออก เพราะรัฐห้ามขายออนไลน์  ห้ามขาย 2 โมงถึง 5 โมงเย็น ทั้งที่ไทยคือประเทศท่องเที่ยว

เขื่อนยกระดับน้ำ 'สิงห์บุรี-พิจิตร' และ 'ท่าเรือนครสวรรค์-พิจิตร' ช่วยลดค่าใช้จ่ายขนส่ง-เชื่อมต่อระบบราง-จัดการน้ำลงตัว

เพจ 'โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Structure' ได้โพสต์ข้อมูลโครงการเขื่อนยกระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าทางแม่น้ำ ที่มีต้นทุนการให้บริการที่ต่ำมาก รวมถึงยังสามารถการแก้ไขปัญหาแล้งของแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางช่วงเวลาน้ำแห้งขอด ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลไว้อย่างน่าสนใจ ผ่านหัวข้อ เขื่อนยกระดับน้ำ บนแม่น้ำเจ้าพระยา 'สิงห์บุรี-พิจิตร' รองรับการขนส่งสินค้าทางเรือ ควบคู่กับการพัฒนา 'ท่าเรือนครสวรรค์' และ 'พิจิตร' ว่า...

พอดีมีลูกเพจส่งข้อมูลเรื่องการทำเขื่อนยกระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าทางแม่น้ำ ที่มีต้นทุนการให้บริการที่ต่ำมาก รวมถึงการแก้ไขปัญหาแล้งของแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางช่วงเวลาน้ำแห้งขอดอีกด้วย จึงมีการวางแผนในการพัฒนาเขื่อนยกระดับแม่น้ำเจ้าพระยา 2 จุด คือ...

1. เขื่อนบน กม.345 ในเขตอำเภอพยุหะคีรี นครสวรรค์

2. เขื่อนล่าง กม.205 ในเขตอำเภอพรหมบุรี สิงห์บุรี

เป้าหมายเพื่อให้เรือกินน้ำลึกไม่เกิน 3 เมตร ที่ใช้ในการขนส่งข้าวสาร, น้ำตาล, ถ่านหิน และปุ๋ย สามารถให้บริการได้จนถึงท่าเรือตะพานหิน จังหวัดพิจิตร 

>> ว่าแต่ทำไมต้องพัฒนาการขนส่งทางแม่น้ำ???

รู้รึเปล่าว่าการขนสินค้าทางแม่น้ำ สูงถึง 9.5% โดยมีต้นทุนการขนส่งที่ต่ำที่สุด เพียง 0.64 บาท/ตัน/กิโลเมตร

แต่กลับกัน แม่น้ำเจ้าพระยา สามารถใช้ประโยชน์ในการขนส่งสินค้าได้สูงสุดในบางฤดูกาล ได้แค่อ่างทอง หรือเพียง 180 กิโลเมตร จากปากแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ลดต่ำลง

ดังนั้น จึงทำให้มีโครงการก่อสร้างเขื่อนเพื่อยกระดับน้ำใน 'แม่น้ำเจ้าพระยา' และ 'แม่น้ำน่าน' ขยายพื้นที่ให้บริการขนสินค้าทางเรือไปได้ถึง ท่าเรือตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ที่ กม. 475 จากปากแม่น้ำเจ้าพระยา

>> รายละเอียดโครงการ

ในโครงการมีการก่อสร้างเขื่อนเพื่อยกระดับน้ำ 2 จุด คือ...

1. เขื่อนบน กม.345 ในเขตอำเภอพยุหะคีรี นครสวรรค์ ระดับกักเก็บน้ำ 20.50 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง

2. เขื่อนล่าง กม.205 ในเขตอำเภอพรหมบุรี สิงห์บุรี ระดับกักเก็บน้ำ 8.50 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง

โดยทั้ง 2 จุด จะมีประตูเรือสัญจร เพื่อยกเรือขึ้นตามความสูงของระดับน้ำในแต่ละขั้น

ควบคู่กับการทำประตูระบายน้ำ ซึ่งรองรับการระบายน้ำได้มากกว่า 2,400 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เพื่อช่วยระบายในช่วงฤดูน้ำหลาก

โดยทั้ง 2 เขื่อน จะมีการติดตั้ง โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไว้เพื่อใช้ประโยชน์จากการไหลของผ่าน ที่กำลังการผลิต 10 และ 8 mW

นอกจากการทำเขื่อนแล้วก็ต้องมีการขุดลอกร่องน้ำ ในแม่น้ำเจ้าพระยา ลึก 5-6 เมตร กว้าง 40-56 เมตร เพื่อให้รองรับการขนส่ง สินค้าทางเรือ

>> พัฒนาแม่น้ำแล้ว ก็ต้องมีท่าเรือในการขนส่งสินค้าที่สอดคล้อง โดยมีการพัฒนาท่าเรือในการขนส่งสินค้า 2 ท่า คือ...

1. ท่าเรือนครสวรรค์ (ท่าข้าวกำนันทรง) ใกล้กับสถานีรถไฟปากน้ำโพ พร้อมกับมีทางรถไฟเข้าท่าเรือเพื่อขนส่งสินค้าเชื่อมต่อกับเรืออีกด้วย

โดยมีสินค้าหลักที่ตั้งเป้าคือ ข้าว, มันสำปะหลัง และอาหารสัตว์ รวม 4 ล้านตัน/ปี

2. ท่าเรือตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ซึ่งพัฒนาต่อจากท่าเรือเดิม พร้อมกับการพัฒนาการเชื่อมต่อ และเปลี่ยนถ่ายทางรถไฟ 

โดยมีสินค้าหลักคือถ่านหิน กว่า 4 ล้านตัน/ปี รองรับการขนส่งถ่านหินเพื่อสนับสนุนโรงไฟฟ้าแม่เมาะในอนาคต

‘บิ๊กป้อม’ ถก กมช. ตั้ง เลขาฯบอร์ดไซเบอร์คนใหม่ ลุยป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างเป็นรูปธรรม

พล.อ.ประวิตร ประชุม กมช. ตั้ง เสธ.อมรฯ เลขาฯบอร์ดไซเบอร์ คนใหม่ สานต่อ MOU องค์กรในประเทศและมิตรประเทศ  ปิดช่องทางภัยคุกคามไซเบอร์ เพิ่มความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นประเทศ และบริการประชาชน

เมื่อ 24 ส.ค. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์  ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.)  ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ รายงานเหตุการณ์ภัยคุกคามที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยมีภาพรวมการปฏิบัติ ห้วง 1 เม.ย.-31ก.ค.65 จำนวน 138 เหตุการณ์ ส่วนใหญ่ เป็นเว็บการพนัน และการหลอกลวงประชาชน ซึ่งได้ดำเนินการปิดเว็บดังกล่าวแล้ว พร้อมมีการเฝ้าระวัง อย่างต่อเนื่องต่อไป และรับทราบรายงานผลการลงนามบันทึกความเข้าใจของ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) กับองค์กรภายในประเทศและต่างประเทศแล้ว ได้แก่ กองบัญชาการกองทัพไทย ,คณะอธิการบดีแห่งประเทศไทย ,สาธารณรัฐประชาชนจีน ,ประเทศอิสราเอล และบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด

ชื่นชม 'ไรเดอร์' ยกแบริเออร์เปิดทางให้รถฉุกเฉิน ยอมทำผิดกฎ เพื่อรักษาชีวิตคนบนรถ

ผู้ใช้ TikTok ชื่อ @thediary82 ได้โพสต์คลิปจากกล้องหน้ารถยนต์ของตัวเอง ซึ่งปรากฏภาพรถฉุกเฉินที่เปิดสัญญาณฉุกเฉินและต่อคิวจะกลับรถ แต่ด้านหน้ารถติดมาก จนกระทั่งมีไรเดอร์คนหนึ่งพยายามลากแบริเออร์เพื่อเปิดทางให้รถฉุกเฉินสามารถผ่านและกลับรถไปอีกฝั่งถนนได้อย่างรวดเร็ว 

โดยผู้ใช้ TikTok รายนี้โพสต์ข้อความว่า "ขอชื่นชมน้ำใจงามที่ไรเดอร์คนนี้ เห็นถึงความสำคัญของอีก 1 ชีวิตที่รอการช่วยเหลือ ยอมที่จะทำผิดกฎเพื่อรักษาชีวิตบนรถ นายคือ ฮีโร่ที่แท้จริงๆ #ไรเดอร์น้ำใจงาม #grab #ขอบคุณเจ้าหน้าที่กู้ภัย #ช่วยเหลือสังคม"

รถไฟ Eurotunnel ข้ามช่องแคบอังกฤษขัดข้อง!! ทำผู้โดยสารติดอุโมงค์ใต้ทะเลกว่า 6 ชั่วโมง

ปกติเวลาเดินทาง หากรถไฟ เรือเมล์ เครื่องบิน เกิดเหตุขัดข้องต้องดีเลย์เป็นชั่วโมง ก็ทำให้เสียเวลาจนน่าหงุดหงิดใจมากพอแล้ว แต่ถ้าเกิดเป็นรถไฟใต้ดิน ที่ขัดข้องระหว่างทางภายในอุโมงค์ใต้ทะเลนานหลายชั่วโมง จะสร้างความหงุดหงิดปนระทึกได้ขนาดไหน?

เรื่องนี้เป็นฝันร้ายของผู้โดยสารที่ไม่อยากให้เกิด แต่มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ในเส้นทางรถไฟ Eurotunnel ของขบวนรถไฟ Le Shuttle ที่ข้ามช่องแคบอังกฤษ จากเมือง Calais ในฝรั่งเศส ไปขึ้นฝั่งที่สถานีปลายทางเมือง Folkestone ในประเทศอังกฤษ เกิดขัดข้องทางเทคนิคกะทันหัน ในช่วงกลางอุโมงค์ใต้ทะเลพอดี ในช่วงเวลาประมาณบ่าย 4 โมงเย็นของวันอังคารที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา 

โดยในขณะนั้น มีผู้โดยสารในขบวนรถไฟหลายร้อยคน ที่คาดหวังว่าน่าจะใช้เวลาไม่นาน ก็น่าจะเดินทางไปต่อได้ แต่ไปๆ มาๆ รอนานเป็นชั่วโมง ก็ยังซ่อมไม่สำเร็จ สุดท้าย ทางรถไฟ Le Shuttle ตัดสินใจประกาศให้ผู้โดยสารเปลี่ยนขบวนไปขึ้นรถที่จอดรอไว้ที่อุโมงค์เสริม ที่สถานีหน้า

หมายความว่า ผู้โดยสารทั้งหมดร้อยกว่าคนต้องเดินเท้าภายในอุโมงค์ใต้ทะเลแคบๆ ออกจากอุโมงค์ข้ามช่องแคบอังกฤษ ที่ระยะทางก็ไม่ใช่เล่นๆ กับหนึ่งในอุโมงค์ใต้ทะเลที่ยาวที่สุดในโลก

นั่นจึงปรากฏภาพผู้โดยสารกลุ่มใหญ่ แบกเป้ สะพายกระเป๋า บางคนอุ้มลูก บางคนจูงหมา เดินดุ่มๆ อย่างแออัดกันในอุโมงค์ที่ยังงงๆ ว่ามันจะไปสุดที่ตรงไหน มีผู้หญิงหลายคนที่เดินทางคนเดียว กลัวจนร้องไห้ ยิ่งใครเป็นโรคกลัวที่แคบยิ่งไม่ต้องพูดถึง และน่าจะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่จำจนวันตาย เล่าให้ลูกให้หลานฟังยังได้ 

กว่าจะเคลียร์ผู้โดยสารทุกคนออกจากขบวนและเดินเท้ามาถึงอุโมงค์สำรองได้ ใช้เวลาร่วม 6 ชั่วโมง

แต่ทว่าสถานีบนบกที่ต้นทางเมือง Calais ก็วุ่นวายไม่แพ้กัน เพราะมีคิวผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วรถไฟ รอคิวยาวเหยียด ขบวนรถไฟดีเลย์มากว่า 4 ชั่วโมง จากเดิมที่ใช้เวลาเดินทางในช่วงเวลาปกติเพียง 35 นาทีเท่านั้น จนทางสถานีต้นทางในฝรั่งเศสต้องออกมาประกาศว่า ใครที่ต้องการเดินทางไปถึงปลายทางที่เมือง Folkestone ให้กลับมาใหม่พรุ่งนี้ หลัง 6 โมงเช้า 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top