Thursday, 19 June 2025
NEWS FEED

คึกคัก!! นักท่องเที่ยวแห่ชม ‘ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง’ จ.ยะลา

เบตง นักท่องเที่ยวทั้งไทยและมาเลเซีย ยังคงเดินทางมาท่องเที่ยวสกายวอล์ก ชมความงดงามของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ถึงแม้ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเกิดเหตุความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้ม รักษาความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว

วันที่ 26 พ.ย.65 แม้สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงมีเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง แต่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ก็ยังคงเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ยังคงคึกคัก นักท่องเที่ยวทั้งไทยและมาเลเซียยังคงหลั่งไหลเดินทางมาท่องเที่ยว ที่สกายวอล์ก ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง มาชมความงามงดของทะเลหมอกอัยเยอร์เวงและรอชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า บางคนมาคอยตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ป่านันทนาการจะเปิดบริการให้ประชาชนนักท่องเที่ยวขึ้นไปบนสกายวอล์ค ในเวลา 05.30 น. เสียอีก เพื่อที่จะได้ขึ้นไปชมแสงแรกของวัน นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปบนสกายวอล์ก เมื่อเดินไปตรงจุดชมทะเลหมอก ทุกคนจะได้สัมผัสกับไอหมอกที่ลอยอยู่รอบๆ ตัว เห็นทะเลหมอก วิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง แบบพาโนรามา 360 องศา สามารถมองเห็นหมอกขาวโพลนที่ลอยอยู่ตรงหน้า และมีไอหมอกมาปะทะใบหน้าร่างกาย จนทำให้เสื้อผ้าเปียกเลยทีเดียว ประชาชน นักท่องเที่ยว ต่างๆ ก็จะนำกล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ มาถ่ายรูป เซลฟี่ เก็บภาพ ความสวยงามของทะเลหมอก ยิ่งช่วงนี้ใกล้สิ้นปี เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวของในพื้นที่ ทำให้อากาศเย็นสบาย ในอุณหภูมิเฉลี่ย 20-22 องศาเซลเซียส เกือบทุกวันหมอกจะมาแบบเต็มคาราเบล สร้างความตื่นตาตื่นใจ สร้างความประทับใจ ให้กับผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวมาชมทะเลหมอกเป็นอย่างมาก 

ชาวนาสุดปลื้ม!! จุรินทร์ ยันประกันรายได้ ‘ส่วนต่าง-ไร่ละ 1,000’ จ่ายครบแน่นอน

26 พฤศจิกายน 2565 ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจ่ายเงินประกันรายได้ปีที่ 4 ว่าเงินที่จะโอนให้ชาวนามี 2 ส่วนใหญ่ๆ ส่วนที่ 1 คือเงินส่วนต่างประกันรายได้ ส่วนที่ 2 คือไร่ละ 1,000 บาท

สำหรับประกันรายได้ หรือเงินส่วนต่างนั้นทั้งหมดที่จะโอนเข้าบัญชี ธกส. ซึ่งชาวนามาขึ้นทะเบียนไว้ก่อนแล้ว 33 งวด เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับ 3 สมาคมชาวนากดปุ่มโอนเงินไปแล้ว 6 งวด ที่ต้องโอนพร้อมกันทีเดียว เพราะค้างจ่ายชาวนามาตั้งแต่ วันที่ 15 ตุลาคม 2565 และงวดที่ 7 คาดว่าน่าจะจ่ายในวันพุธที่ 30 พฤศจิกายนนี้ หลังจากนั้นอีก 26 งวดก็จะทยอยโอนทุกสัปดาห์ คาดว่าจะเป็นทุกๆวันพุธ ที่กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการอยู่ปกติจะเป็นแบบนี้  

‘เจ้าของร้านหมูกระทะ’ แจง ขออนุญาตขายถูกต้อง ชี้!! ขายมา 19 ปี ปฏิบัติตามระเบียบทุกอย่าง

จบประเด็นดราม่า!! ร้านหมูกระทะหน้าโรงพักขายบนทางเท้า เจ้าของร้านชี้แจงชัด ขายมาแล้วกว่า 19 ปี ได้รับอนุญาตผ่อนปรน จากเทศบาลเมืองกันตังอย่างถูกต้อง และปฏิบัติตามระเบียบทุกอย่าง

เรียกได้ว่ากำลังเป็นเรื่องราวที่มีการถกเถียงกันอย่างสนั่นบนโลกโซเซียล หลังจากที่โลกออนไลน์ได้มีการโพสต์ภาพร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งใน จ.ตรัง ได้เกิดขายและให้ลูกค้านั่งกินกันบนทางเท้าติดกับรั้วหน้าโรงพักมากว่า 20 ปี อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ภายหลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตหลายคนพากันวิพากษ์วิจารณ์เสียงแตกสนั่น ออกเป็นสองฝั่งโดยบางกลุ่มมองว่า “เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านเมืองตรัง เพราะร้านริมฟุตปาธเยอะมากและสะดวกสบายของกินอร่อย คนตรังอยู่กันได้มานานแต่ทำไมคนอื่นเข้ามาเดือนร้อนแทนกันด้วย” 

นอกจากนี้ชาวเน็ตบางกลุ่มหลายคนมองว่า “เป็นการทำผิดจนเคยตัว พอบังคับใช้กฎหมายก็หาว่ารังแกคนหาเช้ากินค่ำ ทั้งที่เป็นเรื่องของระเบียบวินัย ความสะอาด ซึ่งวอนขอให้เทศบาลลงมาตรวจสอบโดยเร็วว่านี่เป็นพื้นที่ผ่อนปรนตามกฎหมาย หรือเป็นการละเลยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ”

จากประเด็นร้อนแรงดังกล่าว เมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ 25 พ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ตรัง ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบว่าร้านดังกล่าวชื่อร้าน ‘หมูกระทะข้างโรงพัก’ ตั้งอยู่บนฟุตปาธติดกับรั้วข้าง สภ.กันตัง ริมถนนเทศบำรุง (ภายในเขตเทศบาลเมืองกันตัง) เปิดขายเวลา 17.00-21.00 น. โดยพนักงานของร้านจำนวน 5 ชีวิต ต่างตระเตรียมขนย้ายข้าวของจากบ้านพักตำรวจภายใน สภ.กันตัง ออกมาจัดวางบนฟุตปาธ เพื่อเปิดรอรับลูกค้า และยังพบว่าบริเวณบนฟุตปาธหน้า สภ.กันตัง และด้านข้างยังคงมีร้านแผงลอยอื่นๆ ตั้งขายอยู่ประมาณ 4-5 ร้าน อีกด้วย

ผู้สื่อข่าวได้พบกับ น.ส.ภุชดาภรณ์ เตชะเดช หรือเกิ้ล อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน พร้อมด้วยเพื่อนๆ พ่อค้าแม่ขายที่ค้าขายกันอยู่บนฟุตปาธได้นำใบเสร็จที่ร้านต่างๆ รวมทั้งร้านหมูกระทะดังกล่าวจ่ายเป็นค่าที่และค่าบำรุงให้กับเทศบาลเมืองกันตัง ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ได้รับอนุญาตผ่อนปรน รวมทั้งนำใบทะเบียนพาณิชย์มาชี้แจงให้ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบด้วยเช่นกัน

น.ส.ภุชดาภรณ์ หรือเกิ้ล กล่าวว่า ได้เห็นเรื่องราวของร้านที่มีการนำไปโพสต์กันในโลกโซเซียลแล้ว โดยร้านเปิดตรงนี้มากว่า 19 ปีแล้ว เมื่อก่อนพ่อคือ ร.ต.ต.นพพร เตชะเดช หรือหมวดพร อายุ 56 ปี รอง สวป.สภ.กันตัง และแม่ซึ่งได้เสียชีวิตไปเป็นคนขาย โดยตนมารับช่วงต่อเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตั้งแต่ต้นทางเราได้ขออนุญาตจากเทศบาลเมืองกันตังถูกต้อง ไม่ได้ตั้งร้านถาวร เป็นการผ่อนปรน อยู่ในระเบียบ เงื่อนไข และเวลาที่กำหนด และมีเจ้าหน้าที่เทศบาลและเทศกิจมาตรวจสอบ กวดขัน และดูแลอยู่ตลอด ทั้งการขายตามช่วงเวลาที่กำหนด หลังร้านปิดก็เก็บอุปกรณ์และของทุกอย่างกลับ ทำความสะอาดพื้นที่ ซึ่งเราปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัดทุกอย่าง และมีการเก็บค่าที่และค่าบำรุงวันละ 20 บาท ซึ่งราคานี้เก็บมาตั้งแต่แม่ที่เสียชีวิตลงไปขายอยู่ หรือ 19 ปีที่ผ่านมาแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ร้านก็มีตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ทั้งมาคู่ และมากันยกครอบครัว

ศธ. รับนโยบายปรับหลักสูตรปลูกฝังเด็กนักเรียน เน้นรัก ‘ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์’ หวงแหนแผ่นดินเกิด

เมื่อวันที่ 26 พ.ย.นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้พัฒนาและปรับปรุงการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ให้มีความน่าสนใจ และมีนโยบาย 8+1 กำหนดโครงสร้างเวลาเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานจัดรายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ ออกมา 1 รายวิชา เพื่อบ่มเพาะให้นักเรียนภาคภูมิใจรักความเป็นไทย หวงแหนในสิ่งที่บรรพชนให้ไว้เป็นมรดกทางปัญญา รักษา สืบสาน ต่อยอดและนำมาปรับประยุกต์ในปัจจุบัน 

โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ‘การบริหารจัดการโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ 1 รายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน’ และพิจารณาแนวทางขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ปีงบประมาณ 2566 เพื่อเป็นแนวทางให้ต้นสังกัดของสถานศึกษา และสถานศึกษาสามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายอนุชา กล่าวว่า ในร่างประกาศ ศธ. ฉบับดังกล่าว กําหนดให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานจัดโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และรายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ 1 รายวิชา โดยจัดเวลาเรียนรายวิชาประวัติศาสตร์ ระดับประถมศึกษา 40 ชั่วโมงต่อปี ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 40 ชั่วโมงต่อปี (1 หน่วยกิตต่อปี) และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รวม 3 ปี 80 ชั่วโมง (2 หน่วยกิต) ซึ่งสถานศึกษาสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาประวัติศาสตร์ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การใช้พิพิธภัณฑ์เป็นสื่อ การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและต่อยอดประวัติศาสตร์สู่งานอาชีพ การบูรณาการประวัติศาสตร์กับรายวิชาอื่น และการศึกษานอกสถานที่และแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เป็นต้น หากบอร์ด กพฐ.พิจารณาให้ความเห็นชอบ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ลงนามในประกาศ ศธ. จะมีการแยกรายการประเมินผลการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ใหม่ โดยในแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ.3) จะมีการแสดงผลการเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์แยกออกมา จากเดิมที่รวมอยู่ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 

'ฮ.ทหาร' บินด่วน!! ช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน นำส่ง รพ.หาดใหญ่ รักษาโรคหลอดเลือดสมอง

(26 พ.ย. 65) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้รับการประสานจาก โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติผ่านแพทย์ใหญ่กองทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอรับการสนับสนุนการลำเลียงผู้ป่วยด้วยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ารับการรักษาโรคหลอดเลือดสมองโดยเร่งด่วน จากจังหวัดนราธิวาส ไปยัง โรงพยาบาลหาดใหญ่ ผู้ป่วยชื่อ นายซุกรี อรอมะ อายุ 60 ปี ภูมิลำเนา จังหวัดนราธิวาส ซึ่งต้องได้รับรักษา ณ โรงพยาบาลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 

'อรนภา' แจง!! ตบดารารุ่นน้องกลางห้างดังเกาหลี ชี้!! ทนายดังเขียนเกินไป อย่าใช้คำว่าตบ

ม้า อรนภา เปิดปากพูดแล้ว หลังโดนโยงดราม่า ดารารุ่นใหญ่ตบดาราหนุ่มรุ่นน้องกลางห้างดังเกาหลี เหตุเพราะไม่ไปกินปูด้วย

(26 พ.ย.65) จากกรณี ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้เผยข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “นักแสดงรุ่นใหญ่ลายคราม รับจ็อบพาลูกค้าซึ่งเป็นนักแสดงน้องใหม่ ไปเสริมหล่อที่เกาหลี ปรากฏว่าไม่พอใจที่ชวนไปกินปูแล้วน้องดาราไม่ไป ตบหน้าฉาดใหญ่กลางห้างดัง!!!” จนกลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ มีการสอบถามกันจ้าละหวั่นว่า รุ่นใหญ่คนนั้นคือใคร?

อาลัย 'สหายคำตัน' สิ้น!! 'หมอสอยเท้าเปล่า' หมอพื้นบ้านตีนเปล่าของมวลชน ต้นตำรับสมุนไพรรักษามะเร็ง ด้วยโรคชราในวัย 83 ปี

อาลัยหมอสอยเท้าเปล่า ‘พ่อหมอสอย เพชรฤทธิ์’ วัย 83 ปี หรือ ‘สหายคำตัน’ หมอพื้นบ้านหนองบัว ตำบลโคกสี อำเภอวังยาง จังหวัดนครพนม ต้นตำรับหมอสมุนไพรรักษาโรคมะเร็ง เรียนวิชาแพทย์แผนจีนยุคคอมมิวนิสต์ เสียชีวิตด้วยโรคชราเมื่อ 24 พ.ย. 65 สุดทึ่งมีเมียถึง 12 คน

วันที่ 25 พ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครพนมรายงานว่า นับเป็นข่าวเศร้าในวงการแพทย์แผนไทย หลังสูญเสียปราชญ์ชาวบ้าน และเป็นต้นตำรับหมอยาสมุนไพรพื้นบ้าน แพทย์แผนไทยทางเลือกชื่อดัง เจ้าของ ฉายา หมอสอยเท้าเปล่า หรือ พ่อหมอสอย เพชรฤทธิ์ อายุ 83 ปี หมอพื้นบ้านตีนเปล่าของมวลชน แห่งบ้านหนองบัว ต.โคกสี อ.วังยาง จ.นครพนม ที่เสียชีวิตด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา โดยทางครอบครัวได้นำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านพักเลขที่ 13 บ้านหนองบัว ต.โคกสี อ.วังยาง จ.นครพนม กำหนดพิธีฌาปนกิจศพ ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 ที่สถานฌาปนกิจศพชั่วคราว ใกล้บ้านพัก

สำหรับ พ่อหมอสอย เพชรฤทธิ์ อายุ 83 ปี หรือสหายคำตัน หมอพื้นบ้านตีนเปล่าของมวลชน แห่งบ้านหนองบัว ต.โคกสี อ.วังยาง จ.นครพนม ถือเป็นอดีตสหายที่เติบโตในยุคคอมมิวนิสต์ในพื้นที่สีแดง อ.นาแก อ.วังยาง และ อ.ปลาปาก จ.นครพนม จึงได้ต่อสู้ในยุคสงครามความแตกแยกทางความคิดระหว่างรัฐกับประชาชน ทำให้พ่อหมอสอยต้องหนีเข้าป่าเพื่อต่อสู้ตามอุดมการณ์ของประชาชน โดยตัดสินใจเดินทางเข้าป่า เมื่อปี 2509 จนกระทั่งออกจากป่าเมื่อปี 2527 รวมระยะเวลาเข้าป่าเกือบ 20 ปี

โดยพ่อหมอสอยเริ่มศึกษาพื้นฐานเรื่องยาสมุนไพรพื้นบ้านจากคุณปู่ มาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ จนกระทั่งอายุประมาณ 17 ปี ได้เข้าป่าร่วมกลุ่มกับพรรคคอมมิวนิสต์หรือสหาย จนได้ฉายาว่าสหายคำตัน และขอไปเรียนการทหารที่ประเทศเวียดนาม 2 ปีแต่ไม่ชอบ จึงขอไปเรียนศึกษาเกี่ยวกับการแพทย์รักษาโรค รวมถึงการใช้สมุนไพรรักษาโรคที่มณฑลยูนนาน กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน รวมระยะเวลากว่า 5 ปี ก่อนกลับมาประเทศไทย และออกจากป่าใช้ชีวิตเป็นเกษตรกร และเป็นหมอสมุนไพรรักษาชาวบ้าน

โดยเริ่มจากการรักษาคนในหมู่บ้าน รวมถึงในพื้นที่ จ.นครพนม จนมีชื่อเสียง และเดินเท้าเปล่าไปรักษาที่พื้นที่จังหวัดใกล้เคียงในภาคอีสาน จนมีชื่อเสียง ในชื่อ หมอพื้นบ้านตีนเปล่าของมวลชน แห่งบ้านหนองบัว เพราะไม่เคยสวมรองเท้า ส่วนการรักษาจะรักษาโรคทั่วไป อาทิ ไข้หวัด ความดัน เบาหวาน โรคผิวหนัง โรคกระเพาะ เป็นต้น ด้วยยาจากสูตรสมุนไพร ไปจนถึงโรคมะเร็ง และมีการศึกษาค้นหาการรักษาโรคมะเร็งให้กับภรรยาของตัวเอง ที่ป่วยจากโรคมะเร็งจนหาย ทำให้มีชื่อเสียงในการรักษาโรคมะเร็ง มีผู้ป่วยเดินทางมารักษา เป็นการรักษาแพทย์ทางเลือก หายป่วยหลายราย จนมีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ

'กรณ์' นำทีม ‘ชาติพัฒนากล้า’ หนุนนักศึกษา เสริมทักษะใหม่สู่โลกเศรษฐกิจอนาคต

(25 พ.ย. 65) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคฯ เดินสายพบปะคนรุ่นใหม่ ภายใต้โครงการ My Life My Goal โดยในช่วงเช้า ได้ไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยได้พูดถึงหลัก BANI ของ Jamais Cascio ซึ่งเป็นคลื่นลูกใหม่ ที่เกาะติดมากับ VUCA World ที่ทุกคนรับรู้ดีว่า เป็นโลกแห่งความผันผวน แต่ BANI ซับซ้อนยิ่งกว่า เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันผวน ไม่แน่นอน มีความสลับซับซ้อน ไม่รู้จะไปในทิศทางไหน ด้วยความเร็วหรือความเร่ง ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจำเป็นต้องเรียนและเข้าใจทั้ง 4 บริบท ได้แก่  Brittle ความเปราะบาง Anxiety โลกที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล Non Linear โลกใหม่ที่มีความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ไม่เป็นเส้นตรง และ Incomprehensible คือ โลกใหม่ที่เข้าใจยากกว่าเดิม 

ด้านนายวรนัยน์ กล่าวถึง พลังของซอฟท์พาวเวอร์ ว่าเป็นกระบวนการของการเมืองระหว่างประเทศ ที่ต้องเริ่มจากการส่งออกวัฒนธรรมร่วมสมัย หากชาวโลกลุ่มหลง มันก็จะต่อยอดสู่ความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้า และส่งผลให้สถานะของประเทศและอำนาจในการต่อรองบนเวทีโลก เช่น ฮอลลีวู้ด J-Pop K-Pop คือเครื่องมือที่ช่วยให้อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ประสบความสำเร็จบนเวทีโลก ซอฟท์พาวเวอร์ของไทยไม่ใช่ข้าวเหนียวมะม่วง ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์และไม่ใช่บุคคล วันนี้เราต้องรู้ก่อนว่า ชีพจรของชาวโลกต้องการอะไร คำตอบคือ วัฒนธรรม LGBTQ+ ร่วมสมัยของไทย ซึ่งมีศักยภาพอยู่แล้วในการผลิตซีรีส์ วาย และวงดนตรี ที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ ซึ่งสามารถต่อยอดไปถึงแบรนด์เศรษฐกิจโดยเฉพาะอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์และแฟชั่น ซึ่งสามารถนำไปสู่ 'Bangkok Pride Parade' เป็นเทศกาลระดับโลก ต่อยอดไปการท่องเที่ยว และสร้างสถานะของประเทศไทยบนเวทีโลกว่า นี่คือแบบอย่างของประเทศที่ทันสมัยและมีสิทธิเสรีภาพ

‘หน่อง ธนา’ น้ำตาไหล หลังแจ้งเรื่องลาบวช แต่นักข่าวดันโพล่งถาม “นอนๆ คิดอยู่แล้วอยากบวช?”

เมื่อไม่นานนี้ ‘หน่อง ธนา’ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเตรียมอุปสมบทในเดือนหน้า โดยเจ้าตัวกล่าวว่า "เดือนหน้าผมจะบวช แต่อาจจะไม่ได้เชิญสื่อ แม่อยากให้มีแค่คนในครอบครัว ตั้งใจอยากบวชให้แม่ครับ ก็อายุเยอะแล้วด้วย ขออนุญาตไม่แจ้งวัน"

"ตอนนี้ผมค่อนข้างเครียดนิดนึง เพราะว่ามันเป็นการบวชที่ไม่ได้วางแผนเอาไว้มันปุ๊บปั๊บพอสมควร แล้วช่วงนี้ผมรับงานเอาไว้แน่นมาก ฉะนั้นผมเครียด เพราะผมต้องไปวัดด้วยไปท่องบทสวดขออุปสมบทด้วย บางงานผมก็ต้องขอยกเลิกเพราะว่างานมันแน่นจริง ๆ เพราะผมต้องมีวันที่ต้องไปวัดด้วย แม่ก็ดีใจครับ เพราะก่อนหน้านี้ผมผลัดมาตลอด แต่พอตอนนี้มันมีความรู้สึกอยากบวชก็เลยตัดสินใจบวชเลย"

ปตท.ทูลเกล้าฯ ถวายแจกันดอกไม้-ลงนามถวายพระพร กรมสมเด็จพระเทพฯ

เมื่อเร็วๆ นี้ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมผู้บริหาร ปตท. ร่วมทูลเกล้าฯ ถวายแจกันดอกไม้และลงนามถวายพระพรแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top