Monday, 28 April 2025
CRIMES

‘นอท กองสลากพลัส’ รับสารภาพขายสลากเกินราคา ศาลสั่งปรับ 2.6 ล้าน เจ้าตัว เผย รับให้เรื่องจบ ๆ ไป

(10 มี.ค. 66) ที่ศาลเเขวงพระนครเหนือ ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลเเขวง 1 นำตัว นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ ‘นอท กองสลากพลัส’ ไปยื่นฟ้องคดีจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา โดยในวันนี้ นายพันธ์ธวัชเดินทางมาพร้อมทนายความ

เมื่อถึงเวลานัด นายศุภชัย เศวตกิตติกุล อัยการเชี่ยวชาญสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 1 ได้พิจารณาแล้ว จึงมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 3 ราย จากนั้น จึงนำคำฟ้องและผู้ต้องหาไปยื่นฟ้องต่อศาลแขวงพระนครเหนือทันที

นายศุภชัย กล่าวว่า วันนี้อัยการได้ส่งฟ้องผู้ต้องหา 3 คนคือ ‘นอท กองสลากพลัส’ นิติบุคคล และกรรมการบริษัทลอตเตอรี่ออนไลน์จำกัด ใน 2 ข้อหา คือ ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา และขายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้แก่เยาวชนที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี จำนวน 510 กรรม ตามพยานที่มีการสอบปากคำพยานมากกว่า 300 กว่าคน

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะสอบคำให้การจำเลย หากจำเลยให้การรับสารภาพศาลจะสั่งปรับและสามารถจบคดีได้เร็ว แต่หากจำเลยให้การปฏิเสธก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาล โดยจะมีการนัดสอบคำให้การและสืบพยานในชั้นศาลต่อไป แต่ว่าคดีนี้มีพยานบุคคลจำนวนมาก อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการสืบพยานนานพอสมควร

ด้าน นายพันธ์ธวัช ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนขณะเดินทางไปศาลแขวงพระนครเหนือซึ่งอยู่ชั้น 2 ของศูนย์ราชการฯ สั้น ๆ ว่า ตนอยู่ในฐานะผู้ต้องหา ไม่สามารถพูดอะไรมากกว่านี้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา กองบังคับการปราบปรามการ กระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้นำสำนวนการสอบสวน พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายพันธ์ธวัช หลังจากได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์การขายสลากกินแบ่งเกินราคา 2 งวด คือ งวดวันที่ 16 มี.ค. 65 และงวดวันที่ 30 เม.ย. 65

โดยทั้ง 2 งวด พบว่ามีผู้ซื้อทั่วประเทศ 4,214 ราย แต่ตำรวจติดตามได้และได้รับความร่วมมือ 384 ราย จากการกระทำความผิดทั้งหมด 406 กรรม จึงได้สรุปสำนวนคดีส่งอัยการนำตัวผู้ต้องหามายื่นฟ้องศาลในวันนี้

คุณพระ(ไม่)ช่วย! สืบนครบาลรวบหนุ่มหลอกขายพระเครื่องผ่านเพจเฟซบุ๊กและกลุ่มไลน์

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./  ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  PCT สั่งการให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมากในปัจจุบัน สืบเนื่องจาก “ชุดลาดตระเวนออนไลน์”สืบสวนนครบาล IDMB ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนผู้เดือดว่าพบพฤติการณ์ผู้ต้องหาเปิดเฟจหลอกให้สั่งจองพระเครื่องบูชาพระเกจิชื่อดังแล้วเชิดเงินหลบหนีไป อันสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนศรัทธาในศาสนาเป็นวงกว้าง

วันที่ 8 มี.ค. 66 เวลาประมาณ  21.30 น. พล.ต.ท..ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./ หัวหน้าชุด PCT ชุดปฏิบัติการ 5 พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธัญญพันธ์ บุญสม ผกก.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ สีเสมอ พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รอง ผกก.กก.สส.2 บช.น. พ.ต.ต.สมพร คำเกตุ สว.กก.สส.2 บช.น. , ร.ต.อ. วรเวช ปรุงเรณู รอง สว.กก.สส.๒ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลัง ได้ร่วมกันจับกุมตัว

นายพีรพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ที่อยู่ 50 ซอยสุทธิพงศ์ 1 แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง  กรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.107/2566 ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ในคดีอาญาที่ 167/2566

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกหลวง นำเข้าสู่ระบบ คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการน่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน' โดยจับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 50 ซอยสุทธิพงศ์ 1 แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 

พฤติการณ์ของนายพีรพงศ์ฯ จะเป็นผู้จัดสร้างพระเครื่องบูชาสายหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน 
หลวงพ่อรวย ปาสาธิโก วัดตะโกและพระเครื่องต่างๆ โดยเปิดให้สั่งจองผ่านเพจเฟชบุ๊คของนายพีรพงศ์ฯ  และกลุ่มไลน์พระเครื่องที่นายพีรพงศ์ฯเป็นแอดมินแต่ในช่วงกลางปี 2565 นายพีรพงศ์ฯ ได้เปิดสั่งจองพระเครื่องหลวงพ่อพัฒน์ จำนวน 100 กล่อง ราคากล่องละ 19,000 บาท และได้ให้คนชื่อ 'ส้ม' เป็นผู้รับผลิต แต่นายพีรพงศ์ฯ ไม่สามารถจัดส่งพระเครื่องให้กับผู้สั่งจองได้ครบตามจำนวน จึงถูกผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.กระทุ่มแบน จนถูกออกหมายจับ และจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา

ทำกันได้ลง!! ‘สืบสวนนครบาล’ รวบสาวนายหน้า หลอกขายประกันโควิด-19 คนหลงซื้อเพียบ ตร.เตือน ตรวจสอบข้อมูลก่อนตกเป็นเหยื่อ

(9 มี.ค. 66) ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี PCT ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรม ที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก

โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น.ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหายว่าถูกคนร้ายขายประกันชีวิต โควิด-19 ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เป็นที่นิยม ราคาถูก จึงอาศัยโอกาสโพสต์ขายอ้างตนเป็นตัวแทนบริษัทประกันชีวิตในส่วนของโควิด-19 ที่มีชื่อต่าง ๆ ในลักษณะเงื่อนไขแบบเจอจ่ายจบผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ Facebook กรมธรรม์ 590 บาท จ่าย 10,000 บาท ผู้เสียหายเป็นโควิด-19 นำกรมธรรม์ไปเบิกเงิน ทราบว่าเป็นกรมธรรม์ปลอมซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส. บช.น. หัวหน้าชุด PCT ชุดปฏิบัติการ 5 พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส. บช.น. พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส. บช.น. พ.ต.ท.ชนะชัย ศิริสว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส. บช.น. จับกุมนางริญญภัสร์ ผสมทรัพย์ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงชลบุรี ที่ 292/2565 วันที่ 2 พ.ย.2565 ข้อหา “ฉ้อโกง โดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง ละโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง” จับกุมได้ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ จับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 8/6 หมู่ที่ 9 ตลาดนัดสังกะสี ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. เวลาประมาณ 10.30 น. ที่ผ่านมา

หลังคนร้ายประกอบอาชีพนายหน้าขายประกันชีวิต เนื่องจากสถานการณ์แพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ประกันโควิด-19 เป็นที่นิยม ราคาถูก และมีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก คนร้ายจึงอาศัยโอกาสโพสต์ขาย อ้างตนเป็นตัวแทนบริษัทประกันชีวิตในส่วนของโควิด-19 ที่มีชื่อต่าง ๆ ในลักษณะเงื่อนไขแบบ ‘เจอจ่ายจบ’ ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ Facebook และเมื่อมีผู้สนใจ จะทำการติดต่อดำเนินเอกสารกรมธรรม์ให้ แต่เมื่อผู้เสียหายมีสิทธิ์ใช้ประกันดังกล่าว และต้องการเบิกเงินประกันที่ผู้เสียหายต้องได้รับ พบว่า เอกสารกรมธรรม์ดังกล่าว เป็นเอกสารที่คนร้ายจัดทำขึ้นด้วยตนเอง ไม่ผ่านขั้นตอนของบริษัทประกัน ทำให้ไม่สามารถใช้การได้ ผู้เสียหายทราบว่า ตนเองนั้นถูกหลอกลวง จึงได้เดินทางแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี

'ผกก ตม.จว.เลย พร้อมชุดสืบสวนปราบปราม จับ 3สเหงียนเวียดนาม และ 2 ลาว เข้ามาวีซ่าท่องเที่ยว แต่แอบทำงานในไทยไม่ได้รับอนุญาต

ไม่มีใบอนุญาตทำงาน แย่งงานคนไทย ไม่เสียภาษีรายได้ทำงานให้ไทย และอยู่มาราชอาณาจักรไทยเกินกำหนด หลบหนีเข้าเมือง เป็นภัยต่อความมั่นคงของไทย วันนี้ 9 มี.ค.2566 เวลา 09.00 น. พ.ต.อ.ชนะพณ สุวรรณศรีนนท์ ผกก.ตม.จว เลย แถลงข่าวการจับกุมต่างชาติ     โดยสั่งการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ, พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.4 , พ.ต.อ.กฤษฎากรณ์  กลิ่นเกษร รอง ผบก.ตม.4,พ.ต.อ.มณุวัฒน์ กอสนาน รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ชนะพณ สุวรรณศรีนนท์  ผกก.ตม.จว.เลย บก.ตม.4, , พ.ต.ท.หญิง อารมณ์  ขวัญเนตร  รอง ผกก.ตม.จว.เลย บก.ตม.4 และ ว่าที่ พ.ต.ท.โสภณ ศิลารัตน์  สว.ตม.จว.เลย บก.ตม.4 มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่งานสืบสวนปราบปราม บูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ได้ร่วมกันจับกุมตัว           

1. MR.VAN  THONG  DAU    อายุ 35 ปี   สัญชาติเวียดนาม 
2. MR.DUC  CANH    PHAM    อายุ 39 ปี   สัญชาติเวียดนาม           
3. MR.ANH TUAN     DAU    อายุ 28 ปี   สัญชาติเวียดนาม

ยังไม่พร้อม!! ‘เมฆ รามา’ สามี ‘หยาดทิพย์’ เลื่อนให้ปากคำ ‘ดีเอสไอ’ ในฐานะพยาน ปมซื้อเพนท์เฮ้าส์หรู เพื่อฟอกเงิน

‘เมฆ รามา’ สามี หยาดทิพย์ ขอเลื่อนให้การกับ ดีเอสไอ ในฐานะพยาน ปมซื้อเพนท์เฮ้าส์หรูย่านสุขุมวิทของ ‘อภิรักษ์’ ซีอีโอ ฟอเร็กซ์3ดี

(9 มี.ค.66) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายหลังจากมีกระแสข่าวว่า นายรามา รัศมีรามา หรือ เมฆ สามีของนางเอกสาว หยาดทิพย์ ราชปาล จะเดินทางเข้าให้การกับดีเอสไอในฐานะพยาน จากมูลฐานคดีฟอกเงิน เพื่อชี้แจงปมรับซื้อเพนท์เฮ้าส์หรูย่านสุขุมวิท ซึ่งอดีตเป็นทรัพย์สินของ นายอภิรักษ์ โกฎธิ ซีอีโอ ฟอเร็กซ์ 3 ดี

ล่าสุดรายงานข่าวแจ้งว่า นายรามาได้ส่งทนายความส่วนตัว ออกหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ ขอเลื่อนเข้าให้ปากคำในฐานะพยานไปก่อน โดยไม่ได้ระบุวันเวลาในการเข้าให้ปากคำว่าจะเข้าให้ปากคำในช่วงเวลาใด

ตายทิพย์!! ‘2 แม่ลูก’ แจ้งความ ถูกญาติฝั่งพ่อหลอกว่า ‘พ่อเสียชีวิต’ หวังลวงเอาค่าทำศพ ตร. เร่งสอบปากคำผู้ร่วมขบวนการ

(8 มี.ค. 66) ทีมข่าวลงพื้นที่วัดบ้านร่อม ต.บ้านร่อม อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้พูดคุยกับนางสุกัญญา สิงห์ทอง อายุ 47 ปี เมียหลวงของหนุ่มตายทิพย์ และนางสาวอภิชญาดาร์ สิงห์ทอง อายุ 22 ปี ลูกสาว เล่าว่าเมื่อ 28 ปีที่แล้วนางสุกัญญาได้อยู่กินกับนายวิรัตน์ ได้ 6 ปีจนมีลูกสาว 1 คน โดยทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสกัน จากนั้นได้แยกกันอยู่แต่ไม่ได้ทำการหย่า โดยฝ่ายชายมีเมียน้อย เลิกไป 3 คน เหลือ 2 คน คนที่อยู่ปัจจุบันชื่อติ๋ม มีลูกชายชื่อเต้ อายุประมาณ 13 ปี อาศัยกันอยู่ที่ อ.บ้านหมอ ต.ตลาดน้อย จ.สระบุรี ฝ่ายชายประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัท แห่งหนึ่ง ตั้งแต่เลิกกันมา 22 ปี ฝ่ายชายเคยส่งเสียเงินมาแค่ 1 หมื่นบาท จากนั้นประมาณเดือนเมษายน ปี 2564 ได้เคยมาขอหย่ากับนางสุกัญญา แต่ทางนี้ไม่ได้ไปหย่า และเดือนธันวาคม ปี 2565 ได้ส่งหลานสาวมาเจรจาขอหย่าอีกครั้ง โดยเสนอเงินค่าหย่าให้ 6 แสนบาท โดยนัดเจอที่อำเภอท่าเรือในวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมาแต่ไม่มา จากนั้นได้มีการเจราขอหย่าอีกครั้งในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้

นางสาวอภิชญาดาร์ สิงห์ทอง ลูกสาว เล่าว่าวันที่ 4 มีนาคม เวลา 4 โมงเย็น เหลนของฝ่ายชายชื่อบอลโทร มาบอกกับตน ว่า พ่อของเธอถูกรถพ่วงชนเสียชีวิตที่ถนนเส้นสี่แยกบ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ซึ่งตนก็ได้ถามย้ำไปว่าเป็นเรื่องจริงใช่ไหม ก็ได้รับการยืนยันว่าจริงจากนั้นตัวลูกสาวก็ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลพระพุทธบาท เมื่อเจอพยาบาลก็ได้สอบถาม และยืนยันว่าพ่อตัวเองเสียชีวิตแล้วแต่ถูกส่งต่อไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต จ.ปทุมธานี โดยศพได้ออกไปก่อนหน้าที่เธอมาประมาณ 15 นาที ตนเองจึงตัดสินใจกลับบ้านและมาพูดคุยกันเรื่องการจัดเตรียมงานศพของพ่อ โดยได้พูดคุยกับญาติฝ่ายพ่อซึ่งเป็นพี่สาวของพ่อชื่อป้าอร เกี่ยวกับเรื่องเงินประกันต่างๆโดยมีการบอกว่า ให้ฝั่งของเธอนั้นรอเอกสารและเรื่องงานศพพ่อนั้นก็จะให้ทางฝั่งของเธอเป็นคนจัดเตรียมงาน

จากนั้นเช้าวันที่ 5 มี.ค.ให้มีการนัดกันที่วัดโคกงามซึ่งอยู่ใกล้บ้านพ่อ เพื่อจะนัดพูดคุยกันเรื่องค่าประกันต่างๆที่พอจะได้จากการเสียชีวิตประมาณ รวมๆกันได้ประมาณ 1,000,000 กว่าบาท แต่เมื่อถึงเวลาทางญาติของพ่อได้อ้างว่า พ่อได้บริจาคร่างกายให้โรงพยาบาลจึงไม่มีศพกลับมาให้ได้ โดยจะให้ตนเองไปเอาผมกับเล็บของพ่อเท่านั้น และมีการยืนยันอีกครั้งว่าให้ทั้งแม่ของตนเองจัดงานศพได้เลย โดยเส้นผมและเล็บของพ่อนั้น คนชื่อบอลซึ่งเป็นเหลนของพ่อก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์เอามาให้ถึงหน้าบ้านของตน ส่วนเอกสารใบมรณะบัตรต่างๆก็บอกว่าจะเอามาให้ตอนเย็นของวันที่ 5 มี.ค.
.
และได้บอกว่าพ่อของตนเองนั้นได้ทำการเปลี่ยนชื่อจากวิรัตน์หรือนายตั้ม สิงห์ทอง เป็นชื่อใหม่คือนายนิวัฒน์ สิงห์ทอง ซึ่งตนเองก็ได้ถามหาถึงเอกสารการเปลี่ยนชื่อของพ่อ ซึ่งทางฝั่งญาติของพ่อก็บ่ายเบี่ยง ที่จะเอามาให้โดยญาติของฝั่งของพ่อนั้น ก็ไม่มีใครเดินทางมางานศพเลย ซึ่งในวันที่ 5 มี.ค. นั้นตนก็ได้โทรเช็กทางโรงพยาบาลพระพุทธบาท ทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า พ่อของตนนั้นเสียชีวิตจริงๆหรือไม่ ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรพระพุทธบาท และสถานีตำรวจภูธรบ้านหมอ และได้ติดต่อสอบถามกู้ภัยต่างๆ ก็ไม่พบว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่จึงรู้ว่าตน และครอบครัวโดนหลอกจริงๆ
.
ด้านนายสรรพสิทธิ์ ช่างกลึง อายุ 33 ปี เจ้าของร้าน ป.ผ้าสวยดอกไม้ ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านหมอ จ.สระบุรี เล่าว่า ได้ถูกว่าจ้างจากนางสาวอภิชญาดาร์(พลอย) สิงห์ทอง อายุ 22 ปี ลูกสาวมาให้จัดดอกไม้และโลงศพภายในงาน จนนางสาวอภิชญาดาร์ ได้โทรมาปรึกษาว่า เกิดการผิดพลาดด้านเอกสาร ตนให้นางสาวอภิชญาดาร์ ไปตามเอกสารที่บ้านของญาติพ่อในเขตอำเภอบ้านหมอ จนนางสาวอภิชญาดาร์ ยอมรับกับตนว่าพ่อของตนยังไม่ได้ตาย โดยว่าจ้างดอกไม้และโลงศพในราคา 4 หมื่นกว่าบาท ตนจึงพาน้องพลอยไปสืบหาตามโรงพักๆว่ามีอุบัติเหตุจริงหรือไม ได้รับคำตอบว่าไม่มีการเกิดอุบัติเหตุขึ้น ตนและน้องพลอยจึงรู้ว่าโดนหลอก ซึ่งตนเองก็ยังไม่รู้ว่าจะได้รับเงินค่าจ้างหรือไม่ โดยมีการสวดพระอภิธรรมไปแล้ว 1 คืน เมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา ภายในโลงมีเพียงเส้นผมเท่านั้น มีแขกมาร่วมงานประมาณ 20 กว่าคนเท่านั้น แขกมาร่วมงานก็ไม่รู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าตายจริงหรือไม่จริง

ด้านนางสุกัญญา อดีตเมียอยากให้ฝั่งสามีมารับผิดชอบ เพราะว่าตนเองก็ไม่มีเงินไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่าทำศพ ซึ่งตนก็ต้องอับอาย ถ้าความจริงเป็นแบบนี้ตนจะยังไม่ยอมหย่า ตายเมื่อไหร่ค่อยเจอกันและเงินประกันที่ได้ตนเองก็จะไม่ให้ญาติพี่น้องของอดีตสามีเลยสักบาท ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทั้งหมดทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรโดยตัวเองนั้นก็ไม่มีเงินซ้ำ ตอนนี้ก็ยังมาเป็นหนี้ค่าจัดงานศพอีก ซึ่งตนเองที่จัดงานก็หวังว่าจะได้เงินประกันจากบริษัทจำนวน 200,000 บาท เอามาใช้จ่ายในงานศพของอดีตสามี ที่ผ่านมาเลิกกันฝ่ายสามีก็ไม่เคยส่งเสียเลี้ยงลูก มีเงินเท่าไหร่ก็ให้แต่เมียใหม่ ตนก็ไม่เคยไปเรียกร้องอะไร ซึ่งตนยืนยันว่าถ้าอดีตสามีตายจริงๆตนเองจะไม่ทำศพอดีตสามี

หนีไม่รอด!! บุกรวบ!! พ่อค้าลอบเลี้ยง ‘ลูกหมีควาย’  2 ตัว คาดฆ่าแม่หมีทิ้ง แล้วจับลูก เตรียมส่งขาย

เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม พ่อค้าลักลอบเลี้ยง ลูกหมีควาย 2 ตัว อ้างได้มาขณะหาของป่า คาดอาจฆ่าแม่หมีไปแล้ว โชคดีรวบทัน ก่อนถูกส่งขายต่อ

(8 มี.ค.66) นายพรเทพ เจริญสืบสกุล หัวหน้าสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ได้รับรายงานจากนายเกียรติศักดิ์ วังวล หน.อช. ถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ ว่าได้ร่วมกับทหารร้อย ร.713 และฝ่ายปกครองอำเภอหมีเมืองแม่ฮ่องสอน ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาลักลอบเลี้ยง ลูกควาย เพศผู้และเพศเมีย อายุประมาณ 1 เดือน จำนวน 2 ตัว

ตำรวจ ปส.(NSB) รุกหนักทลาย 4 เครือข่ายใหญ่ จับผู้ต้องหา 14 คน ยึดของกลางไอซ์กว่า 1.2 ตัน ยาบ้า 5.7 ล้านเม็ด และ คีตามีน 300 กิโลกรัม

วันนี้ (7 มี.ค. 66) เวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์  ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ 4 คดี    

หลังขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. อย่างต่อเนื่องโดยให้ทุกหน่วยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด จากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและพื้นที่ชุมชน รวมไปถึงการสืบสวนหาข่าว เพื่อจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดในทุกระดับ และตัดวงจรการลักลอบลำเลียง ยาเสพติด ที่จะส่งออกไปยังประเทศที่สาม รวมทั้งขยายผลยึดทรัพย์เครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.3, บก.ปส.4 และ บก.สกส. สามารถจับกุมผู้ต้องหาและยาเสพติดได้จำนวนมาก
คดีแรก

ก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.3 ได้รับแจ้งว่ามีเครือข่ายค้ายาเสพติดจะลำเลียงยาเสพติด จำนวนมากจากพื้นที่ จว.ตาก มาส่งให้กับกลุ่มเครือข่ายใน จว.สุพรรณบุรี และวันเดียวกันพบรถกระบะต้องสงสัย 2 คัน จอดอยู่ข้างกันภายในปั๊มเชลล์ สาขาพยุหะคีรี และขับตามกันออกมาไปบน ถ.พหลโยธิน อ.มโนรมย์ จว.ชัยนาท มุ่งหน้า อ.เมือง จว.ชัยนาท ก่อนจะขับมาจอดภายในปั๊มน้ำมันบางจาก สาขาศรีประจันต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอตรวจค้นตัวและรถ เบื้องต้นทราบชื่อคือ นายธงชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี และนายเฉลิมชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี  เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง หมู่บ้านรวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จว.ตาก  ค้นรถหมายเลขทะเบียน บต-99XX ตาก พบไอซ์ บรรจุในถุงสุญญากาศห่อด้วยถุงบรรจุชาสีเขียว รวม 1,000 กิโลกรัม,ยาบ้ารวม 1.4 ล้านเม็ด และ คีตามีน  300 กิโลกรัม ถูกซุกซ่อนอยู่บริเวณท้ายกระบะ โดยมี มะเขือ แตงกวา ผักกาดขาว ปกปิดอำพรางมาด้วย ทั้งนี้ ตรวจยึดรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ 2 คัน, ทองรูปพรรณมูลค่า 100,000 บาท และเงินสด  844,000 บาท  

คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส.  และ บก.ปส.4  ได้ร่วมกันจับ 5 ผู้ต้องหา คือ นายพรเชษฐ์หรือหมู อายุ 38 ปี, นายกิตติภพหรือกอล์ฟ อายุ 21 ปี, นายภานุมาศ หรือตั้ม อายุ 31 ปี, น.ส.ปรียาภัทร หรือฟ้า ชู อายุ 20 ปี และ นายจิรเมธหรือกว้า อายุ 23 ปี หลังสืบสวนทราบว่ามีกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ จว.สงขลา จะลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ เข้าสู่พื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันตก และทางภาคใต้ เป็นประจำ กระทั่งพบ นายพรเชษฐ์ กับพวก เตรียมนำยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ อ.เชียงแสน จว.เชียงราย ไปส่งให้ลูกค้าใน จว.พระนครศรีอยุธยา อีกครั้ง เจ้าหน้าที่จึงจัดกำลังติดตามบนถนนหมายเลข 1 พหลโยธิน ตั้งแต่พื้นที่ อ.เมืองพะเยา-อ.เมืองลำปาง - อ.เถิน - อ.แม่พริก จว.ลำปาง ต่อเนื่อง พื้นที่ อ.เมืองตาก จว.ตาก จนรถยนต์หมายเลขทะเบียน ผน 99xx สงขลา (ซึ่งเป็นรถนำทาง) ขับมาถึงด่านตรวจยาเสพติด สภ.แม่พริก ขณะที่รถหมายเลขทะเบียน งร 71xx เชียงใหม่ (รถลำเลียงยาเสพติด) ได้ขับหลบเข้าไปในรีสอร์ต ริมถนน หมายเลข 1 พหลโยธิน ก่อนเจ้าหน้าที่จะติดตามจับกุมเครือข่ายได้ทั้งหมด ตรวจค้นรถพบยาบ้า ห่อหุ้มด้วยพลาสติกใสมีตัวอักษร “Superdry” และบนหีบห่อประทับตัวเลข '999' จำนวน 600 มัด รวมยาบ้า 1,200,000 เม็ด ถูกซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์หมายเลขทะเบียน งร 71xx เชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังตรวจยึดรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุรวม 2 คัน, โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง, เงินสด 35,000 บาท, สร้อยคอทองคำ 2 เส้น, แหวนทอง 4 วงและ สร้อยข้อมือ 2 เส้น 

คดีที่ 3 ก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ ตำรวจ บก.สกส., บก.ขส.ฯ และ กก.1 บก.ทล. (สิงห์บุรี) สืบทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหา มักลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ เพื่อนำไปส่งลูกค้าทางพื้นที่ภาคกลาง และพื้นที่ใกล้เคียงที่บริเวณริมทางถนนหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) ระหว่าง กม. 31 – 32 ต.ขวัญเมือง อ.บางปะหัน จว.พระนครศรีอยุธยา กระทั่งวันที่ 3 มี.ค.66 สามารถจับนายณัฐวุฒิ หรือแฉะ อายุ 33 ปี พบมีคดียาเสพติด 2 คดี, นายสุรัต หรือขาว อายุ 46 ปี และ นายรังสี หรือตัน อายุ 44 ปี พร้อมยาบ้า 3,000,000 เม็ด และ ไอซ์ 200 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องกระดาษสีน้ำตาลวางอยู่ภายในห้องโดยสารของรถตู้ นอกจากนี้ยังยึดรถ จำนวน 1 คัน ใช้ในการนำทาง/ สำรวจด่านตรวจ และ โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย 

‘ปคม.’ รวบ 2 ดาวทวิตเตอร์ ล่อลวงเด็ก ป.6 ถ่ายคลิปลามก พร้อมนำไปขายในโซเชียล เจ้าตัวสารภาพ ทำมานานแล้ว

(7 มี.ค. 66) พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. สั่งการให้ พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. พร้อมด้วย พ.ต.ท.วรพล เลิศวิริยะพงศ์ สว.กก.2 บก.ปคม. นำกำลังจับกุม นายลักษณ์คะณา หรือ ‘ซ้อโฟ’ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี และ ‘นายเก๋’ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี

ในข้อหา “สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ จากการผลิตหรือเผยแพร่วัตถุหรือสื่อลามก โดยได้กระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” โดยจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 ได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรี ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 จับกุมได้ที่บ้านพักในจังหวัดขอนแก่น

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า มีบัญชีทวิตเตอร์ ชื่อ ‘ซ้อ อโฟ’ ซึ่งเป็นบัญชีทวิตเตอร์ของหญิงสาวประเภทสอง มีผู้ติดตามมากกว่า 2.6 แสนยูสเซอร์ ภายในพบมีการลงภาพวิดีโอและข้อความเนื้อหาลามกอนาจาร การร่วมเพศกับเด็กผู้ชายเป็นจำนวนมาก พร้อมข้อความเชิญชวนรับชมคลิปวิดีโอแบบเต็มได้ที่ทวิตเตอร์แอคล็อก (ทวิตเตอร์แบบส่วนตัว) ชื่อทวิตเตอร์ ‘ซ้อ อ โฟ แอคล็อก’ ซึ่งผู้สนใจจะต้องเสียเงิน จำนวน 300 บาท เพื่อเข้าดู

นอกจากนี้ ยังพบบัญชีทวิตเตอร์ชื่อ ‘NINJANIN’ เป็นบัญชีทวิตเตอร์ของหญิงสาวประเภทสองเช่นกัน ซึ่งเป็นชื่อของนายเนตรนภา มีผู้ติดตามมากกว่า 1 แสนยูสเซอร์ มีการลงภาพวิดีโอและข้อความเนื้อหาลามกอนาจารเช่นเดียวกัน พร้อมข้อความเชิญชวนว่า หากใครสนใจชมคลิปวิดีโอเพิ่มเติม จะต้องเสียเงินจำนวน 399 บาท เพื่อรับชมคลิปวีดีโอแบบเต็มได้ที่กลุ่มไลน์ลับชื่อกลุ่มว่า ‘VIP Group N’kay @นินจานิน’

เจ้าหน้าที่จึงแฝงตัวขอเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มทั้งสอง พบว่ามีคลิปลามกอนาจารที่ผู้ต้องหาทั้งสองร่วมกันกระทำอนาจารและมีเพศสัมพันธ์กับเด็กผู้ชายวัยประถม จำนวน 4 คน และเมื่อมีการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลของเด็กชายทั้ง 4 คน ก่อนมีการเชิญตัวเยาวชนทั้ง 4 คน เข้าสู่กระบวนการสอบสวน และส่งไปเยียวยาทางร่างกายและจิตใจด้วย

ไม่เข็ด!! ‘ตม.ปทุมฯ’ รวบ 3 คนไทย ช่วย ‘ชาวจีน’ ลักลอบเข้าเมือง 1 ใน 3 สารภาพ เพิ่งถูกจับข้อหาเดียวกันเมื่อเดือนที่แล้ว

(6 มี.ค. 66) ตามนโยบายของ ผบ.ตร., ผบช.สตม.และ ผบก.ตม.3 ในการกวาดล้างอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคนต่างด้าว โดยเฉพาะในความผิดและผู้ช่วยเหลือสนับสนุนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2566 พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล ผกก.ตม.จังหวัดปทุมธานี สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนปราบปราม ตม.จังหวัดปทุมธานี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส.บช.ปส.และ สภ.คลองหลวง ร่วมตรวจสอบคนต่างด้าวสัญชาติจีน 1 ราย พร้อมด้วยคนไทย ซึ่งให้การช่วยเหลือให้คนต่างด้าวดังกล่าว ซึ่งเข้าเมืองมาผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม

ผู้ถูกจับรับว่า ได้เดินทางมาจากพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อนำคนต่างด้าวไปส่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้รับค่าจ้าง 20,000 บาท โดยใช้รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์เป็นยานพาหนะ และรถยนต์เก๋งเป็นรถนำทาง ซึ่งมีการให้สัญญานระหว่างรถทั้งสองคันตลอดการเดินทาง เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับแจ้งพฤติการณ์ต้องสงสัยรถคันดังกล่าว จึงได้ติดตามอย่างกระชั้นชิด และเข้าตรวจค้นยานพาหนะทั้งสองคัน พบการกระทำความผิด จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top