Tuesday, 29 April 2025
เซาท์ไทม์

ตาก – ฝ่ายปกครองแม่สอด ผู้ใหญ่หมี พร้อม อส.ลงพื้นที่ตรวจป่าขุนห้วยแม่สอด พบการบุกรุกตัดไม้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

นายธวัชชัย. อ่อนสาร ปลัดป้องกันอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พร้อมด้วยนายปรีชา สอนแวว "ผู้ใหญ่หมี ลีลาวดี "ผู้ใหญ่บ้านหนองบัว หมู่ 7  ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก =นายสุวรรณ  กรณ์สน ผู้ใหญ่บ้านห้วยหินฝน หมู่ 6 ต.แม่ปะ ,อาสาสมัครรักษาดินแดน(อส)กองร้อย 3 แม่สอด ,สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล ,ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ) ฝ่ายปกครอง ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบภายหลังทราบว่ามีการบุกรุกตัดไม้ ทำลายป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ  ที่ป่าขุนห้วยแม่สอด,เขตติดต่อบ้านหนองบัว และบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก จากการตรวจสอบพบมีต้นไม้ถูกลักลอบตัด จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและติดตามหาบุคคลที่กระทำผิดต่อไป

ตราด – พายุฝนตกถล่มกลางดึก พัดไม้ล้มทับบ้าน ขวางถนนหลายจุดทั่วเมืองตราด

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. สมาคมสว่างบุญช่วยเหลือธรรมสถานตราด ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ เหตุพายุฝนตกหนัก และมีต้นไม้ล้มขวางถนน กีดขวางกการจราจรหลายจุดในเขตอำเภอเมืองตราด อำเภอบ่อไร่ และอำเอแหลมงอบ หลังรับแจ้งจึงแจ้งอาสาสมัครกู้ภัยนำกำลังรุดไปให้ความช่วยเหลือ จุดแรกที่ถนนสาย 3 ตราด –กรุงเทพ หลักกม.ที่ 5-6 ขาออกจากตัวเมืองตราด พบต้นกระถินเทพา ถูกพายุดพัดโค่นล้มขวางถนน จึงช่วยกันตัดและรื้อออกจากผิวจราจร จุดที่ 2 ที่บ้านโป่งต.วังตะเคียน อ.เขาสมิง  ต้นไม้ล้มขวางถนนเช่นกัน จุดที่ 3 ที่ถนนสายตราด-แหลมศอก ต.หนองคันทรงอ.เมือง จ.ตราด โดยสมาคมตราดพุทธสงเคราะห์ ช่วยตัดต้นไม้รื้อออกจากผิวจราจร ขณะที่ถนนสายตราด-แหลมงอบ พายุพัดกิ่งไม้หักขวางถนนเป็นระยะ ๆ ตลอดเส้นทาง แต่ไม่มีไม้ล้ม

ส่วนที่บ้านธรรมชาติล่าง ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ ต้นมะม่วงขนาดใหญ่ถูกพายุดพัดหักกลางต้น ต้นมะม่วงโค่นล้มลงมาทับหลังคาบ้านเลขที่ 63 ม.6 ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ ของนางรุ่งอรุณ หอยสังข์ ได้รับความเสียหาย หลังคาพังไปทั้งแถบ และทับรถยนต์กระบะได้รับความเสียหายไปด้วย ขณะเดียวกันต้นไม้ยังล้มทับสายไฟฟ้าขาด ทำให้เกิดเหตุไฟฟ้าดับไปทั้งหมู่บ้านอาสาสมัครกู้ภัยจึงช่วยกันตัดรื้อต้นไม้ กิ่งไม้ออกจากบ้านของนางรุ่งอรุณ โดยใช้เวลาในการรื้อนานเกือบ 1 ชม.

นางรุ่งอรุณ เจ้าของบ้านเล่าให้ฟังว่า ก่อเกิดเหตุกำลังนอนหลับอยู่ในบ้าน เกิดเหตุฝนตกหนัก พายุพัดรุนแรง และเกิดเหตุต้นมะม่วงข้างบ้านถูกพายุพัดโค่นล้มทับบ้านเสียงดังสนั่น ออกมาดูพบต้นมะม่วงหักล้มทับบ้านดังกล่าว จึงรีบโทรศัพท์แจ้งกู้ภัยให้มาช่วยดังกล่าว ส่วนความเสียหายทั้งบานทั้งรถถยนต์น่าจะเป็นเงินหลายหมื่นบาท โดยจะแจ้งทางราชการให้มาตรวจสอบให้ความช่วยเหลือในช่วงเช้าต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฐวุฒิ สวัสดิ์วารี 

ตราด - ศรชล.ภาค 1/ทรภ.1 เร่งค้นหาลูกเรือพลัดตกทะเล ล่าสุดพบเป็นศพในทะเล ช่วยเหลือนำเข้าฝั่ง

จากกรณี น.อ.นฤพนธ์ วิไลธัญญา รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จังหวัดตราด และศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือ (ศคท.) จว.ตราด ได้รับแจ้งจาก ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือคลองใหญ่ (ศจร.คลองใหญ่) ว่าเมื่อเวลา 04.50 น.วันที่ 3 พ.ค.64 ขณะเรือประมง ส.เทพอุดมพร 2 ขนาด 53 ตันกรอส เรืออวนล้อมจับ มีลูกเรือพลัดตกทะเลระหว่างทำการประมง ระยะ 3.9 ไมล์ จากปลายแหลมเทียน เกาะกูด จ.ตราด ทราบชื่อ นายสุรเชษฐ์ มังกร อายุ 49 ปี สัญชาติไทย ขณะเรือปล่อยอวนทำประมง นายสุรเชษฐ์ ได้เกิดอาการชักและพลัดตกทะเล  โดยพล.ร.ท.โกวิท อินทร์พรหม ผบ.ทรภ.1/ผอ.ศรชล.ภาค 1 หลังรับแจ้งได้สั่งการและประสานหน่วยเกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้แก่ ศรชล.จว.ตราด หมวดเรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 (มชด./1) หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด (นปก.) สภ.เกาะกูด และมูลนิธิสว่างบุญช่วยเหลือ สาขาเกาะกูด ให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ล่าสุดเมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 5 พ.ค.64 ได้รับแจ้งจาก นายรังสรรค์ สง่างาม เจ้าของเรือประมง ส.เทพอุดมพร 2 ว่าได้พบร่างลูกเรือประมงเสียชีวิตคาดว่าเป็น นายสุรเชษฐ์ มังกร ลูกเรือที่พลัดตกน้ำตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.64 ที่ผ่านมา

พล.ร.ท.โกวิท  อินทร์พรหม ผบ.ทรภ.1/ผอ.ศรชล.ภาค 1 ได้สั่งการให้ มชด. จัดเรือ ต.271 ให้การช่วยเหลือ โดยเรือ ต.271 ออกเรือจากท่าเทียบเรือเอนกประสงค์คลองใหญ่ เพื่อปฏิบัติงานร่วมกับ จนท.ของสมาคมสว่างบุญช่วยเหลือธรรมสถานตราด เขต 2 อำเภอคลองใหญ่ จว.ตราด ในการนำร่างลูกเรือประมงกลับเข้าฝั่ง โดยให้เรือ ต.271 เป็นเรืออำนวยการ และใช้เรือเร็วของสมาคมสว่างบุญช่วยเหลือฯ ในการเก็บและลำเลียงร่างลูกเรือเสียชีวิต เนื่องจากสามารถปฏิบัติงานได้คล่องตัวกว่า

โดยเรือเร็วของสมาคมสว่างบุญช่วยเหลือฯ เข้าเทียบท่าเรือชลาลัย อ.คลองใหญ่ จว.ตราด และนำส่งรพ.คลองใหญ่ ดำเนินการชันสูตร พร้อมได้สั่งการให้ ศรชล.จว.ตราด และ ศคท.จว.ตราด ประสานและอำนวยการให้ จนท.สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และ จนท.จัดหางาน ประจำ ศจร.คลองใหญ่ ดำเนินการติดตามการช่วยเหลือจากภาครัฐ และจากเจ้าของเรือต่อไป


ภาพ/ข่าว ศรชล.ภาค 1 / ทรภ.1

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

สุราษฎร์ธานี – ชาวประมงพื้นบ้านนับพันคน ออกเก็บลูกหอยแครง ในอ่าวบ้านดอนคึกคัก

ขณะที่ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี หวั่นเป็นแหล่งแพร่ระบาดโควิด-19 เตือนให้สวมใส่หน้ากากอนามัยขณะอยู่บนเรือ

วันนี้(5 พ.ค.64)  นาวาเอก วศากร  สุนทรนันท์  รองผู้อำนวยการ ศรชล.จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนายศุภพงษ์  เชาวน์แล่น  ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี  ผู้แทนประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี และสื่อมวลชน ลงพื้นที่บริเวณอ่าวบ้านดอน  เขตท้องที่อำเภอท่าฉาง  จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยและสังเกตการณ์การเก็บลูกหอยแครงในพื้นที่สาธารณะอ่าวบ้านดอนเพื่อนำไปขาย โดยวันนี้พบเรือประมงพื้นบ้านจำนวนหลายร้อยลำ  กลุ่มชาวประมงชายหญิงนับพันคน  กำลังดำน้ำเก็บลูกหอยแครงด้วยวิธีธรรมชาติของชาวประมงพื้นบ้าน โดยไม่พบมีการใช้เครื่องมือทำการประมงที่ผิดกฎหมาย  เบื้องต้นได้ตักเตือนและขอความร่วมมือคนบนเรือไม่ให้มีจำนวนแออัดจนเกินไป  และขอให้สวมใส่หน้ากากอนามัยขณะอยู่บนเรือ  เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ด้าน นายวิชวุทย์  จินโต  ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามีกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านนับพันคน  ทั้งจากพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและต่างถิ่น  ใช้เรือประมง เรือหางยาว ประมาณ 500 ลำ ออกจับลูกหอยแครงบริเวณอ่าวบ้านดอน ในท้องที่ อ.ท่าฉาง  ซึ่งมีการรวมกลุ่มจำนวนมาก และหลายรายไม่สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 กลุ่มใหญ่ หากมีการติดเชื้อเกิดขึ้น จะนำไปสู่หมู่บ้านและครอบครัว ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างได้  เห็นควรให้มีการควบคุมจำนวนคนในเรือแต่ละลำไม่ให้แออัด และขณะอยู่บนเรือทุกคนต้องสวมหน้าอนามัย หรือหน้ากากผ้า สอดคล้องกับคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ผู้ที่ออกจากบ้านต้องสวมหน้ากาก 100 เปอร์เซ็นต์ก่อนนี้แล้ว 

นอกจากนี้จะให้มีการตรวจสอบว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้เดินทางมาจากพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือไม่  และได้แจ้งการเข้าพื้นที่ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคตามประกาศจังหวัดสุราษฎร์ธานีหรือไม่


ภาพ/ข่าว  สรเดช ส้มเกลี้ยง

พัทลุง - จยย.แหกโค้งลงคูร่องน้ำ เสียชีวิต ได้รับความเสียหายจากการชนท่อนไม้ขนาดเล็กที่ทอดเป็นสะพานข้ามร่องน้ำสายคลองชลประทาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.ประเสริฐ ด้วงเอียด ร้อยเวร สภ.เมืองพัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง เข้าตรวจสอบบริเวณสายคลองชลประทานบ้านตำนาน - ท่าแค ในท้องที่หมู่ที่ 5 ตำบลท่าแค อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ที่เกิดเหตุพบศพ นายชนะพงษ์ ยงหนู อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74/4 หมู่ที่ 4 ตำบลท่าแค อำเมืองพัทลุง ซึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ในร่องน้ำสายคลองชลประทาน ตรวจสอบสภาพศพมีข้อมือด้านขวาหักและบริเวณแขนด้านซ้ายบิดเบี้ยวมีแผลแตกบริเวณใต้คางประมาณ 4 ซม. ห่างกันเจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีน้ำเงิน-ขาว หมายเลขทะเบียน 1 กค 4461 พัทลุง เป็นของผู้เสียชีวิต อยู่ในสภาพด้านหน้าได้รับความเสียหายจากการชนท่อนไม้ขนาดเล็กที่ทอดเป็นสะพานข้ามร่องน้ำสายคลองชลประทาน 

 จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้น คาดว่าเกิดเหตุเมื่อตอน ตี1 ของเมื่อคืน มีชาวบ้านได้ยินเสียงสุนัขเห่าและก็เงียบหายไปแต่ไม่ได้ยินเสียงรถชน จนเมื่อช่วงเช้ามีชาวบ้านมาพบเห็นจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ  และจากการสอบถามญาติ ทราบว่า นายชนะพงษ์ ฯ กลับจากทำธุระบ้านเพื่อน เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงโค้ง มาด้วยความเร็วจึงทำให้แหกโค้งและร่างก็ไปกระแทกกับท่อนไม้ที่ทอดเป็นสะพานข้ามระหว่างคลองก่อนจะตกหล่นไปในคูน้ำไม่มีใครมาเห็นและเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำศพไปชันสูตรเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลพัทลุงเบื้องต้นญาติฯ ไม่ติดใจสาเหตุการณ์ตาย โดยได้นำศพไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป

สงขลา - บุกจับแอลบ่ออิฐนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ของ จ.สงขลาได้คาขนำในพื้นที่ ต.พะวง อ.เมืองสงขลา

พยายามวิ่งหนีลงไปในบึงน้ำแต่ตำรวจตามจับกุมได้ หลังขนยาบ้า 1 ล้านเม็ด ไอซ์ 10 กิโลกรัมมากับลูกและเมียแต่รถเก๋งเสียหลักชนราวเหล็กริมทางในพื้นที่ ต.ถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช และทิ้งรถหลบหนีส่วนแฟนสาวยอมเข้ามอบตัวไปก่อนแล้วเผยประวัติถูกจับกุมคดียาเสพติดเข้าออกเรือนจำมาแล้ว 4ครั้งนับตั้งแต่ ปี 2530 และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5

ภาพเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธร จ.สงขลา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา พ.ต.ท.ขวัญชาติ จันทะ สารวัตรกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา

เข้าปิดล้อมจับกุมนายมงคล สังข์แจ้ง อายุ 53 ปี หรือแอลบ่ออิฐ ซึ่งเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สงขลา ขณะซ่อนตัวอยู่ที่ขนำในพื้นที่บ้านโคกไร่ ม.8 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา แต่นายมงคล พยายามวิ่งหลบหนีการจับกุมลงไปในบึงน้ำข้างขนำ แต่ไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ไล่ติดตามจับกุมได้พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง

โดยนายมงคล เป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติดตามหมายจับของศาลจังหวัดทุ่งสง หลังจากที่เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ได้ขนยาบ้าเกือบ 1ล้านเม็ด และไอซ์อีก 10 กิโลกรัม จากกรุงเทพฯมากับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอ็กคอร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ. 2636 สงขลา โดยมีน.ส.จุฑาลักษณ์ เมืองคุ้ม แฟนสาวและเด็กหญิงอายุประมาณ 2 ขวบนั่งมาด้วยซึ่งเป็นลูกติดของแฟน ทำเหมือนกันเดินทางมาเป็นครอบครัวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเจ้าหน้าที่

แต่รถเกิดอุบัติเหตุชนราวเหล็กทางค้างริมถนนสายเอเชีย พื้นที่หมู่ 6 ต.ถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช ล้อหน้าซ้ายหลุดไปต่อไม่ได้ และได้ทิ้งรถขึ้นรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า สีขาวไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไป

เมื่อตำรวจเข้าตรวจสอบก็พบยาบ้าเกือบ 1ล้านเม็ด และไอซ์อีก 10กิโลกรัมอยู่ภายในรถและสอบสวนขยายผลจนรู้ตัวผู้ที่ขับขี่รถเก๋งคันนี้มา  ต่อมาเมื่อวันที่ 16 เมษายนได้ถูกศาลจังหวัดทุ่งสงได้ออกหมายจับ โดยน.ส. จุฑาลักษณ์ ได้ยอมเข้ามอบตัวไปก่อนแล้ว

ส่วนนายมงคล  ยังหลบหนีและเจ้าหน้าที่สืบสวนจนทราบว่าได้มากบดานอยู่ในพื้นที่บ้านโคกไร่ หมู่ 8 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา จึงวางแผนเข้าจับกุมได้ในที่สุด

พร้อมแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน20กรัมขึ้นไปไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าจำนวน 1,000,000 เม็ด) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”

สำหรับประวัติของนายมงคล หรือแอลบ่ออิฐ เป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่เคยถูกจับกุมเข้าออกเรือนจำมาแล้วถึง4 ครั้ง นับตั้งแต่ปี2530 ครั้งนี้เป็นครั้งที่5 เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวส่งสภ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช ท้องที่เกิดเพื่อดำเนินคดีต่อไป


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

กระบี่ - จับบังรอน ขาใหญ่ในพื้นที่ตำบลแหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมยาบ้า 9,947 เม็ด เก็บไว้ในตู้เย็น ล็อคด้วยกุญแจป้องกันของสูญหาย

พ.ต.ต.ธรรมนูญ  ศรีประไพ จนท.ปฏิบัติการฝ่ายข่าว กอ.รมน.จังหวัดกระบี่ ร.ต.อ.นิพนธ์ หนูชัยแก้ว หน.ชปส.กก.ตชด.42/จนท.กอ.รมน.จังหวัดกระบี่ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ได้เข้าทำการจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ประกอบด้วยนายสุรศักดิ์  มุกดา หรือ รอน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/1 หมู่ที่ 2 ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และนายสุริยา ผิวเหลือง หรือโอ  อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ที่ 5 ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่

พร้อมของกลาง ยาบ้า 9,947 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ถุงพลาสติกชนิดกดปิด-ดึงเปิดสำหรับแบ่งบรรจุยาเสพติดจำนวน 1 ห่อ อุปกรณ์การเสพยาเสพติดจำนวน 1 ชุด รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าสีเทา หมายเลขทะเบียน บม 6894 กระบี่

ทั้งนี้ก่อนการจับกุมทางเจ้าหน้าที่สืบทราบมาว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เป็นผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่รายสำคัญ จึงได้ทำการล่อซื้อยา จากนายสุรศักดิ์ และนายสุริยา โดยนัดแนะส่งยาบ้าบริเวณริมถนนหน้าโดมรีสอร์ท หมู่ที่ 5 ตำบลอ่าวลึกใต้ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เมื่อถึงเวลานัดหมาย มีรถยนต์ โตโยต้าสีเทา หมายเลขทะเบียน บม 6894 กระบี่ มาจอด ทางเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุม พร้อมยาบ้าจำนวนหนึ่ง

จากนั้นได้ขยายผลการจับกุมตรวจคุ้น บ้านเลขที่ 157 หมู่ที่ 1 ตำบลคลองหิน อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นบ้านนายสุรศักดิ์ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในบ้าน บริเวณห้องโถงพบตู้เย็น ล็อคด้วยกุญแจ อย่างแน่นหนา ทางเจ้าหน้าที่เลยให้นายสุรศักดิ์  ไขกุญแจ ซึ่งภายในตู้เย็บพบอุปกรณ์การเสพ กล่องกระดาษจำนวน 2 กล่อง เมื่อทางเจ้าหน้าที่ให้นายศุรศักดิ์แกะกล่องดังกล่าวพบยาบ้าบรรจใส่ถุงจำนวน 4 มัด รวมเป็นยาบ้าทั้งหมด  9,947 เม็ด

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ตู้เย็นเป็นของตนเอง ไม่มีใครสามารถมาเปิดได้ เพราะตนเองได้ล็อคกุญแจกเอาไว้ เพื่อใส่ยาบ้าและอุปกรณ์การเสพ จะเอาออกมาก็ต่อเมืองเอายาบ้าออกส่งขาย และเสพเองเท่านั้น

ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกการจับกุม ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง

ตราด - ลาดตระเวน 3 มิติ กวาดล้างยาเสพติดทะเลตราด

ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 สั่งการ หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน ผนึกกำลังทุกหน่วยงานมั่นคงทางทะเล ค้นหาไอซ์ทุกซอกมุมทะเลตราด

จากกรณี มีการตรวจพบยาเสพติดประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวนมาก ลอยในทะเลและติดตามชายฝั่งทะเลและเกาะแก่งพื้นที่จังหวัดตราด เมื่อช่วงต้นปี 63  กว่า 600 กก. และ ช่วงต้นปี 64 อีกกว่า 70 กก. ทำให้ฝ่ายข่าวประเมินว่าทะเลตราด อาจเป็นเส้นทางผ่านของยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไปสู่ประเทศที่ 3 หรืออาจเป็นแหล่งพักยาขนาดบิ๊กล็อตในทะเล

พลเรือโทโกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 (ผบ.ทรภ.1) จึงสั่งการให้ปฏิบัติการค้นหายาเสพติดในทะเล เพื่อกำจัดให้สิ้นซากไป พร้อมทั้งเป็นการป้องปรามมิให้พี่น้องชาวประมงและประชาชน ตามชายฝั่งทะเลและเกาะแก่งที่เก็บได้ หากพบเจอจะไม่ปกปิดเจ้าหน้าที่หรือเก็บไว้กับตัว นำไปจำหน่ายหรือเสพ ระหว่างวันที่ 28-29 เม.ย.ที่ผ่านมา

โดยมอบหมายให้ นาวาเอกเกียรติกูล สุวรรณ รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1/ผู้บังคับหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน (ผบ.มชด.) ผนึกกำลังทุกภาคส่วนออกลาดตระเวนทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ค้นหาแหล่งที่มาและกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ทะเลตราดให้สิ้นซาก

ซึ่งกำลังที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ ประกอบด้วย หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน โดยหมวดเรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 (มชด./1) ประกอบด้วย ร.ล.กันตัง เรือ ต.83 เรือ ต.261 และเรือ ต.271 เฮลิคอปเตอร์ จากฝูงบินทหารเรือ 3141 (ฝูงบิน ทร.3141) จากกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) กำลังของ ศรชล.จังหวัดตราด และ กอ.รมน.ตราด หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด (นปก.) หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะช้าง ทัพเรือภาคที่ 1 (ศรภ.ทร.เกาะช้าง ทรภ.1) หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 (ฉก.นย.182) รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง โดย น.อ.เกียรติกูล สุวรรณ ผบ.มชด. เป็นประธานวางแผนปฏิบัติการ ณ ห้องประชุมช้างธรรมชาติ ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 (ฐตร.ทรภ.1) อ.แหลมงอบ จ.ตราด

จากนั้นเริ่มปฏิบัติการ โดยกำลังทางเรือ เข้าตรวจพื้นที่ทางทะเลบริเวณหมู่เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก และเกาะรัง เรือยาง เข้าตรวจรอบเกาะในพื้นที่ชายฝั่งที่เดินเท้าเข้าไม่ถึง กำลังทางอากาศ บินลาดตระเวนค้นหาทางอากาศ และหน่วยงานทางบก ร่วมกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองค้นหาบริเวณชายฝั่งที่น่าจะมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่หรือลอยมาติดในพื้นที่รับผิดชอบ

ผลการปฏิบัติ ตรวจพบเพียงบรรจุภัณฑ์ที่คาดว่าจะเป็นยาเสพติด ลักษณะตรงกับข้อมูลจากการข่าว แต่ได้ถูกเปิดออกแล้ว ไม่พบยาเสพติดหลงเหลืออยู่ภายในแต่อย่างใด


ภาพ/ข่าว ศรชล.ภาค 1 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

สุราษฎร์ธานี - ลำเลียงอุปกรณ์ทางการแพทย์เต็มลำ เฮลิคอปเตอร์ เพื่อนำไปส่งต่อ สนับสนุนการดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคของทางจังหวัด

วันที่ 3 พฤษภาคม 2564  พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 สั่งการด่วน ให้เจ้าหน้าที่ทหารลำเลียงอุปกรณ์ทางการแพทย์ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อนำไปส่งต่อให้กับจังหวัด ที่มีความต้องการอุปกรณ์เพื่อใช้ในการป้องกันและควบคุมโรค และนำไปแจกจ่ายให้กับบุคลากรเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ยังโรงพยาบาลต่าง ๆ รวมไปถึงโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ ตลอดจนพี่น้องประชาชนในพื้นที่กลุ่มเสี่ยงได้ใช้ในการป้องกันตนเองจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19

ที่โถงชั้นล่างศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ส่งมอบอุปกรณ์ และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ให้กับ นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบไปด้วยหน้ากากอนามัย N 95 จำนวน 100 ชิ้น ชุด PPE จำนวน 100 ชุด แว่นตาป้องกันโรค จำนวน 100 อัน เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ และถุงมือยาง อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่กลุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 และโรงพยาบาลสนามที่ยังคงขาดแคลนอุปกรณ์ในการใช้ป้องกันตนเอง เนื่องจากเล็งเห็นว่าจังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และมีผู้ติดเชื้อแพร่กระจายอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 จนถึงปัจจุบัน จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีผู้ป่วยสะสม 822 ราย อุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการควบคุมโรคไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อ

พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า "จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในปัจจุบัน รัฐบาล โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมไปถึง พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้เล็งเห็นความสำคัญในการให้กองทัพบก เข้าไปช่วยเหลือสนับสนุน อำนวยความสะดวกให้แก่ หน่วยงานและส่วนราชการต่าง ๆ รองรับภารกิจในการควบคุมโรค รวมไปถึงการรักษา ขณะนี้กองทัพบกเองได้เข้าไปสนับสนุนทั้งบุคลากรและยุทโธปกรณ์ในการสร้างโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ทางจังหวัดร้องขอให้ดำเนินการในส่วนของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็มีมณฑลทหารบกที่ 45 ที่ได้จัดโรงพยาบาลสนามสำรองไว้ ยังพื้นที่กองพันเสนารักษ์ มณฑลทหารบกที่ 45 รองรับผู้ป่วยหากมีการแพร่กระจายของโรค และเตียงในการรักษาไม่เพียงพอ พร้อมจะเปิดทำการในทันที ซึ่งที่ผ่านมาส่วนราชการได้ดำเนินการตามมาตรการการควบคุมโรค ตามที่ สบค. กำหนดอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ทำความเข้าใจและตระหนักรับรู้ผลกระทบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐยึดปฏิบัติตามประกาศของแต่ละจังหวัดแต่ละพื้นที่ เชื่อว่าเราก็จะก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน"

ด้าน นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กล่าวขอบคุณ กองทัพภาคที่ 4  ที่มีความห่วงใยและสนับสนุนการดำเนินงานของจังหวัด และจะจัดมอบอุปกรณ์ที่ได้รับให้เกิดประโยชน์ต่อไป โดยจะจัดมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจต่าง ๆ ของจังหวัด เจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์  และ อสม.ที่ยังคงปฏิบัติงานควบคุมและเฝ้าระวังโรคในพื้นที่อยู่ สำหรับสถานการณ์โรคขณะนี้ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ช่วยกันป้องกันตัวเองโดยการสวมใส่หน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างทางสังคม หากมีอาการหรือสุ่มเสี่ยง อย่าปิดบังข้อมูลกับแพทย์ เพราะจะทำให้ปัญหาต่างๆ บานปลาย ส่วนในเรื่องของการปลดล็อก คงต้องดูสถานการณ์ต่อไปอีกสักระยะ


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์  หาดใหญ่ จ.สงขลา

 

สตูล - ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง และการกระทำผิดกฎหมาย

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล บูรณาการกำลังกับศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล,สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูล,ตำรวจน้ำสตูล, ด่านศุลกากรสตูล และ ชุดปฏิบัติการพิเศษ ทัพเรือภาคที่ 3 จัดเรือพร้อมกำลังพลออกลาดตระเวน เฝ้าตรวจพื้นที่ทางทะเลจาก ท่าเรือตำมะลังเกาะยาวแนวน่านน้ำรอยต่อทางทะเลไทย - มาเลเซีย  โดยเฝ้าตรวจเรือทุกลำที่มีทิศทางจากมาเลเซีย เรือโดยสาร เรือประมง เรือขนถ่ายสัตว์น้ำ และเรือที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย และสำรวจพื้นที่จุดล่อแหลมในการใช้กระทำความผิด     

               

ทั้งนี้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล บูรณาการกำลังกับศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล ,ตำรวจน้ำสตูลหน่วยปฏิบัติการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะหลีเป๊ะ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดสตูล และ หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล) จัดเรือออกลาดตระเวนเฝ้าตรวจพื้นที่ทางทะเลจาก ท่าเรือปากบาราเกาะตะรุเตา โดยทำการตรวจ เรือประมง เรือโดยสารท่องเที่ยว เรือท่องเที่ยว เรือขนถ่ายสินค้า และเรือที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยและสถานีเรดาร์เกาะปูยู หน่วยปฏิบัติการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 ตรวจการณ์ด้วยเรดาร์และกล้องสองตา หน่วยปฏิบัติการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 491 ตรวจการณ์ด้วยกล้องสองตาและทางทัศนะ


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top