Thursday, 9 May 2024
นอร์ทไทม์

เชียงใหม่ เปิดโครงการพัฒนา และฝึกอบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ สำหรับมัคคุเทศก์ ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 รุ่นที่ 1

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2564 รองศาสตราจารย์  ดร.ชรินทร์ เตชะพันธ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้เกียรติ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาและฝึกอบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุสำหรับมัคคุเทศก์ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) รุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 2 เมษายน 2564  ณ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมด้วย  แขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานผู้สนับสนุนโครงการ และเครือข่ายพันธมิตร ได้แก่ ผศ. สุรพงษ์ เลิศทัศนีย์ ที่ปรึกษาอาวุโสโครงการเมดิโคโพลิสเชียงใหม่ ภายใต้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) , นายมานพ แซ่เจีย นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ , นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชียงใหม่ , ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ และสมาคมสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่

รองศาสตราจารย์ ดร.ชรินทร์ เตชะพันธ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า เซ็กชั่นที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) มากที่สุดก็คือ เช็กชั่นการท่องเที่ยว กลุ่มมัคคุเทศก์ ซึ่งเดิมมีอาชีพหลักอยู่ก็ทำให้ได้รับผลกระทบในระยะยาว  ยังคิดว่าในระยะ 1 ปียังไม่พลิกฟื้นที่สมบูรณ์ เพราะฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องหาทางเลือกในการประกอบอาชีพให้เขา ประกอบกับทาง TCELS  สนับสนุนในเรื่องงบประมาณในการฝึกอบรมการดูแลผู้สูงอายุ ก็มองเป้าหมายมาที่กลุ่มของมัคคุเทศก์ก่อน เพื่อจะบรรเทาความเดือดร้อนจากผลกระทบโควิด 19

และเป็นการเตรียมคน เพราะว่าผู้สูงอายุไม่ได้มีเฉพาะคนไทย รวมถึงถ้าการท่องเที่ยวฟื้นกลับมาแบบสมบูรณ์ กลุ่มตลาดท่องเที่ยวใหญ่ที่ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มองเป้าไว้ในเรื่องโครงการเมดิโคโพลิส ก็คือ การทำให้เราเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ กลุ่มหนึ่งก็คือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นผู้สูงอายุ ฉะนั้นก็จะสอดรับกับกลุ่มมัคคุเทศก์ที่เข้ามา ในการรับการฝึกอบรมในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าการท่องเที่ยวฟื้นตัวแล้วเขาไม่ได้ประกอบอาชีพนี้ แต่ท้ายที่สุดมีการท่องเที่ยวของกลุ่มผู้สูงอายุอยู่มัคคุเทศก์ก็สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปที่จะไปดูแลได้  

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการบาดของโรคติดต่อทางเดินหายใจของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ที่ระบาดไปทั่วโลก องค์การอนามัยโลกจึงได้ประกาศให้โรคติดเชื้อดังกล่าวเป็นภาวะฉุกเฉินระดับนานาชาติ (Public health emergency of international concern – PHEIC) ทำให้หลายประเทศออกมาตรการห้ามการเดินทางเข้า - ออกประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเทียวจีนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนสูงสุดที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมากเนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นตัวแปรสำคัญในโครงสร้างทางเศรษฐกิจ

โดยในปี พ.ศ. 2563 พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ถึง 83.21% ส่งผลให้ผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ในเมืองท่องเที่ยว เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับผลกระทบ และว่างงานเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าปัญหาการว่างงานเป็นปัญหาที่สำคัญ และควรบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์อย่างเร่งด่วน เพื่ออุดหนุนให้ผู้ประกอบการและบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทุกภาคส่วนให้สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในขณะเดียวกันนี้ ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ในปี พ.ศ. 2564 โดยจะมีประชากรผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป เกินกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวพบเช่นเดียวกันเกือบทุกประเทศทั่วโลก

คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับความไว้วางใจจากศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย (Thailand Center of Excellence for Life Sciences – TCELS) , สมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่, สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชียงใหม่และเครือข่ายพันธมิตร ให้เป็นผู้ดำเนินการจัดโครงการพัฒนาและฝึกอบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุสำหรับมัคคุเทศก์ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) รุ่นที่ 1 ขึ้น เพื่อเพิ่มทักษะความรู้ใหม่ด้านการดูแลผู้สูงอายุให้แก่มัคคุเทศก์ เพื่อแก้ไขปัญหามัคคุเทศก์ผู้ว่างงานอันเนื่องมากจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา-19 และเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุโดยบูรณาการความรู้ร่วมกับการให้บริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยผู้เข้าอบรมจะได้เรียนทั้งภาคทฤษฎี/ภาคปฏิบัติ รวมถึงฝึกปฏิบัติภาคสนาม

สำหรับการจัดโครงการพัฒนาและฝึกอบรมในครั้งนี้ มีมัคคุเทศก์เข้าร่วมการอบรมทั้งสิ้น จำนวน 50 คน จากจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการพยาบาลผู้สูงอายุของคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ผศ. สุรพงษ์ เลิศทัศนีย์ ที่ปรึกษาอาวุโสโครงการเมดิโคโพลิสเชียงใหม่ ภายใต้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า TCELS  ได้มาเริ่มโครงการเมดิโคโพลิสที่เชียงใหม่ เมื่อปลายปี 2562“และทราบจากหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ว่ากลุ่มมัคคุเทศก์ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ทาง TCELS ก็ได้ไปปรึกษากับทางคณะพยาบาล ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่ามีความเป็นไปได้ไหมที่จะอบรมมัคคุเทศก์ให้มีความรู้เบื้องต้นในการดูแลผู้สูงวัยในระดับเบื้องต้น เพื่อที่จะนำความรู้เหล่านี้ไปช่วยในการดูแลผู้สูงวัย และนักท่องเที่ยว เป็นโครงการแรกที่เริ่มทำในปีนี้ และจะมีโครงการต่อๆไปที่ทำร่วมกับหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยเชื่อมโยงการท่องเที่ยวให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่” 

นายมานพ แซ่เจีย นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ กล่าวว่า เนื่องจากระหว่างที่โรคระบาดโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย และมัคคุเทศก์ก็ยังตกงาน และเพื่อเป็นการให้มัคคุเทศก์ได้เพิ่มทักษะในการดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะหลังโควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย  แล้วมัคคุเทศก์กลับมาทำงาน ก็จะได้ความรู้ ประสบการณ์ ทักษะในการดูแลผู้สูงอายุชาวต่างชาติ ซึ่งจะมีผลในด้านความปลอดภัยในสุขภาพของนักท่องเที่ยวในระหว่างที่มาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่และประเทศไทยซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง

ที่ผ่านมามัคคุเทศก์ก็มีทักษะในการดูแลช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นเท่านั้น การอบรมครั้งนี้ก็จะเพิ่มความรู้ให้มัคคุเทศก์ที่สามารถสังเกตและให้ความดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะผู้สูงอายุชาวต่างชาติเป็นความรู้ที่เราจะสามารถเรียนรู้แล้วไปต่อยอดใช้กับงานด้านมัคคุเทศก์ ทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยแล้วมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น เพราะมัคคุเทศก์ได้ผ่านการอบรมโครงการผู้ดูแลผู้สูงอายุมาแล้ว


ภาพ/ข่าว  วิภาดา เชียงใหม่

ระยอง จัดกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ และเที่ยวชมความงามสถานที่ท่องเที่ยว “ปั่นราย็อง ท่องริมเล” เรียกความเชื่อมั่นกระตุ้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยว หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

เมื่อวันที่ 21 มี.ค.64 ที่บริเวณสนามสวนศรีเมือง อ.เมืองระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ และเที่ยวชมความงามสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัด “ปั่นราย็อง ท่องริมเล” มีว่าที่ ร.ต.พิรุณ เหมะรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายอินทรีย์ เกิดมณี ปลัดจังหวัดระยอง นางสาวสายทอง จิตต์สว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดระยอง นายพงษ์อนันต์ จันทร์ไพร ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดระยอง หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และนักปั่นจำนวน 1,000 คนร่วมกิจกรรมฯ โดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะทาง ได้แก่ 30 กิโลเมตร 60 กิโลเมตร และ 100 กิโลเมตร บนเส้นทางเลียบแนวชายฝั่งทะเลหาดแม่รำพึงถึงชายหาดแหลมแม่พิมพ์ รวมทั้งแวะเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ 15 จุดของจังหวัด เช่น เรือรบประแสร์ สะพานรักษ์แสม ทุ่งโปรงทอง สวนพฤษศาสตร์บ้านเพ ลานหินขาว หาดแม่รำพึง

นางสาวสายทอง จิตต์สว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดระยอง กล่าวว่า จังหวัดระยอง ได้ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง เกิดปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมรวมถึงภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง ซึ่งสถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว จึงได้มีการจัดกิจกรรมปั่นจักรยาน “ปั่นราย็อง ท่องริมเล” ขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น กระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดระยอง ส่งเสริมกิจกรรมด้านสุขภาพและความตระหนึกถึงความสำคัญการออกำลังกายจนนำไปสู่ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและสุขภาพที่แข็งแรง


ภาพ/ข่าว : วฐิต กลางนอก  / ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน

เริ่มแล้ว "งานกระบี่นาคาเฟส" สัมผัสสายลมเสียงเพลงอิ่มอร่อยอาหารซีฟู๊ดหาดคลองม่วง บรรยากาศคึกคัก คาดเงินสะพัด 10 ล้าน

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 เวลา 19.30 นาฬิกา นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และนายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ร่วมเปิดการจัดงานกระบี่นาคาเฟส 2021 ครั้งที่ 7 ชวนชม เชียร์ ชิม ช๊อป ชิว กับบรรยากาศชายทะเล ภายใต้วิถีนิวนอมอลและมาตรฐานเอสเฮชเอ

โดยสร้างความสุขในบรรยากาศทะเล เสียงดนตรี หาดทราย สายลม ชมทะเล ฟังเสียงคลื่น รื่นเริงเสียงดนตรี ชิวๆรายล้อมรอบกายด้วยอ้อมกอดแห่งขุนเขาและทะเลอันดามัน วันที่ 19 – 21 มีนาคม 2564 เวลา 17.00 – 24.00 นาฬิกา ที่ชายหาดคลองม่วง ตำบลหนองทะเล อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับจังหวัดกระบี่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ และองค์การบริหารส่วนตำบลหนองทะเล ตลอดจนภาคีเครือข่ายธุรกิจการท่องเที่ยวจัดขึ้น

งานดังกล่าว เพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวจังหวัดกระบี่ ที่ได้พัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงดนตรีผสมผสานกับความเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ ให้เกิดการเรียนรู้และเข้าใจ มีประสบการณ์ใหม่ที่เหมาะกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน เพื่อเป็นการกระตุ้นการเดินทางและเพิ่มการใช้จ่าย ในการสร้างงานสร้างรายได้สู่จังหวัดกระบี่  และช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 คลี่คลายลง

ให้ชาวกระบี่และนักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสสายลมเสียงเพลงแห่งท้องทะเล ฟังบทเพราะๆสนุกสนานกับบรรยากาศยามเย็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า และค่ำคืนแห่งดวงดาวเคล้าคลอไปกับเสียงเกลียวคลื่น พร้อมอิ่มอหร่อยกับสุดยอดเมนูซีฟู๊ดอาหารจากโรงแรมระดับ 4 – 5 ดาวที่มาร่วมออกบูธ  ทั้งบูธสินค้าโอท๊อป และอาหารพื้นบ้านจากทะเล สด ๆ รวมถึงสินค้าชุมชนที่ขึ้นชื่อของจังหวัดกระบี่ ที่ปลอดโฟมช่วยลดปริมาณขยะ รักษาสิ่งแวดล้อมและลดมลพิษทางอากาศ

ส่วนกิจกรรมภาคกลางวัน การเล่นกีฬาทางน้ำเพ็ตเดิ้ลบอร์ด การสอนวิธีเล่นเซิฟบอร์ด  การออกร้านของผู้ประกอบการโรงแรมและร้านค้าชุมชน ส่วนภาคกลางคืนพบกับมินิคอนเสิร์ตและสุดยอดศิลปินนักร้องคุณภาพตลอดทั้ง 3 คืน เช่นวงดนตรีจากวงฉ่อย วงดิอันดามัน ดีเจสเตย์โกล การแสดงกระบองไฟ มินิคอนเสิร์ตป๊อป ปองกูล อะตอม ชนะกันต์ อินดิโก้ วัชราวลี ลิปตา เบน ชลาทิศและมาเรียมบีไฟว์  ส้ม มารี เดอะทอย และมินิคอนเสิร์ตบอยพีชเมคเกอร์

ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานจังหวัดกระบี่ คาดว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมงาน 3 วัน 20,000 คน เป็นนักท่องเที่ยวไทย 15,000 คน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 500 คน สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท....


ภาพ/ข่าว : ณัฏฐพงษ์  ศรีปล้อง

เชียงราย ซ้อมรับมือชาวเมียนมา ทะลักข้ามแดนจากสถานการณ์การเมือง

วันที่ 19 มี.ค.64 เจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง นำโดย พันเอก สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3  นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนราชการ หน่วยงาน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอาสาสมัครกิจการพลเรือน ในพื้นที่ อ.แม่สาย อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ได้จัดการฝึกซ้อมแผน และ การฝึกเฉพาะหน้าที่ ตามแผนการฝึกอพยพพลเรือน ปี 2564 เพื่อรองรับสถานการณ์การข้ามพรมแดนของประชาชนจากประเทศเมียนมา จากสถานการณ์การเมือง

โดยมีการแบ่งหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ตามที่ได้รับมอบหมายเพื่อรับมือกับกลุ่มคนที่อาจจะทะลักเข้ามาจากชายแดนประเทศเมียนมา จำนวนมาก โดยจะต้องมีการคัดกรองโรค ในอันดับแรก เพื่อป้องการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด - 19 และการคัดแยกผู้คนตามกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งมีทั้ง ประชาชนชาวเมียนมา ประชาชนชาวไทย นักการเมืองชาวเมียนมา และบุคคลสำคัญ ซึ่งจะต้องซักซ้อมในการลำเลียงบุคคลต่าง ๆ ไปยงสถานที่ที่รองรับของแต่ละกลุ่ม

การฝึกซ้อมครั้งนี้เป็นแผนการฝึกซ้อมประจำปี ประกอบกับสถานการณ์การเมืองในประเทศเมียนมา ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ หากเกิดความรุนแรงและมีประชาชนอพยพเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย จะได้มีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ และเจ้าหน้าที่แต่ละฝ่าย สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นไปตามแผนที่ซักซ้อมเอาไว้


ภาพ/ข่าว : ณัฐวัตร ลาพิงค์

ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย ไล่ล่าข้ามประเทศ ติดตามผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับประวัติสุดแสบ 4 ราย จากประเทศเมียนมา

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม 5,พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5,พ.ต.อ.ยศภณ จรรยาสถิต รอง ผบก.อก.สตม.,  พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5 และ พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ แสงเดือน ผกก.ตม.จว.เชียงราย ร่วมแถลงข่าว ดังนี้

ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 ได้รับการประสานจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดว่ามีผู้ต้องหาสำคัญหลายราย หลบหนีหมายจับคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มาหลบซ่อนตัวอยู่ใน เมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา จึงได้ประสานงานหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และคณะกรรมการชายแดนท้องถิ่นไทย – เมียนมา (แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก)

ในการสืบสวนจับกุม โดยนำตำหนิรูปพรรณและข้อมูลประสานการปฏิบัติในการติดตามตัวผู้ต้องหาดังกล่าว ต่อมาได้รับแจ้งจากตรวจคนเข้าเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ได้จับกุมตัวคนไทย 4 ราย ได้แก่

1.) นายกฤษณะ อายุ 28 ปี

2.) นายอธิปไตย อายุ 38 ปี

3.) นายยุทธนา  อายุ 35 ปี

4.) นายปราการ  อายุ 34 ปี

ในความผิดฐานยาเสพติดและหลบหนีเข้าเมือง โดยได้ดำเนินคดีจนถึงที่สุดเรียบร้อยแล้ว

ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงรายได้ประสานรับมอบตัวผู้ต้องหา ณ บริเวณจุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จากนั้นได้ทำการตรวจสอบข้อมูลบุคคลในระบบทะเบียนราษฎร์ ระบบสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(POLIS) และระบบสารสนเทศสถานีตํารวจ(CRIMES) พบว่ามีข้อมูลยืนยันว่าเป็นบุคคลตามหมายจับตามที่ได้ประสานไว้ ดังนี้

1.) นายกฤษณะ  อายุ 28 ปี เป็นบุคคลที่มีหมายจับศาลจังหวัดพิจิตร ที่ จ 146/2559 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2559 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน“ลักทรัพย์นายจ้าง หรือรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(11),357”

2.) นายอธิปไตย อายุ 38 ปี เป็นบุคคลที่มีหมายจับศาลจังหวัดพะเยา ที่ จ. 182/2553 ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2553 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน“มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่” และ หมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 308/2552 ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2552 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน“จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)โดยไม่ได้รับอนุญาต”

3.) นายยุทธนา อายุ 35 ปี เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดยะลา ที่ 79/2563 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ยักยอกทรัพย์” และ หมายจับศาลจังหวัดนราธิวาส ที่ 115/2563 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน“พยายามในข้อหาฆ่าผู้อื่น”

4.) นายปราการ อายุ 34 ปี เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 228/2560  ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2560 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน ไฮโตรคลอไรด์)มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินยี่สิบกรัมขึ้นไปโดยผิดกฎหมายฯ” และ หมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 310/2560 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2560 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงรายจึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรแม่สาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ผู้ต้องหาทั้ง 4 รายเป็นเครือข่ายยาเสพติดที่หลบหนีในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา โดยเฉพาะนาย กฤษณะ เป็นหนึ่งในกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดมันทุกเม็ด

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประเทศเพื่อนบ้าน ให้บริการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด  กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178  หรือที่ www.immigration.go.th ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

สมุทรปราการแตก พบโควิดรวดเดียว 12 ราย รอผลอีก 40 ราย

วันที่ 19 มีนาคม 2564 เจ้าหน้าสาธารณสุข จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ซอยสุขุมวิท 117  (ซอยภานุวงศ์) ภายในไซค์งานก่อสร้าง ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ไปนำตัวแรงงานก่อสร้าง จำนวน  12 ราย แยกเป็นพม่า 1 ราย กัมพูชา 6 ราย คนไทย 5 ราย ที่ติดโควิด 19 ไปรักษาตัวตามสถานที่ที่จัดไว้

โดยสื่บเนื่องจากเมื่อวานนี้ทาง ทีมสาธารณสุข จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก (active case finding) กับ กลุ่มแรงงานก่อสร้างไซค์ดังกล่าว จำนวน 600 คน ผลปรากฏว่า มีผู้ติดเชื้อ จำนวน 12 คน และ รอการยืนยันผลการติดเชื้ออีก 40 คน ในช่วงเย็นนี้  จึงได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ กำชับ แจ้งการห้ามเคลื่อนย้ายแรงงาน และแจ้งแนวทางปฏิบัติกับผู้ประกอบการทราบ

จากการสอบถาม นายสุรัตน์ พัศดุ เจ้าหน้าที่สาธารณะสุขชำนาญการ สาธารณะสุข อำเภอเมืองสมุทรปราการ กล่าว่า ตอนนี้มีผู้ติดเชื่อโควิด 19 จำนวน 12 ราย แบ่งเป็นพม่า 1 ราย กัมพูชา 6 ราย คนไทย 5 ราย โดยทามไลน์อยู่ระหว่างการสอบสวน โดยในไซค์งานก่อสร้างนี้ก่อนเข้ามาก็มีการตรวจสุขภาพมาแล้วโดยทางไซค์งานนี้ก็มีมาตรการป้องกันอยู่แล้ว

โดยการพบครั้งนี้เป็นการตรวจเชิงรุก โดยเมื่อวานตรวจ 600 ราย ผลออกมาเมื่อเช้านี้ พบ 12 ราย และรอยืนยันอีก 40 ราย ในเย็นวันนี้ ว่าติดหรือไม่ติด  โดยตอนนนี้พื้นที่ดังกล่าวได้ปิดกั้นไม่ให้เข้าออกในส่วนของคนงาน และจะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจเพิ่มเติมในรัศมี 500 เมตร ถ้ามีทามไลน์กับชุมชนด้วยทางเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบเพิ่มเติม โดยทั้ง 12 ราย ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการแสดง โดยเจ้าหน้าที่สวอตเจอเชื้อ ไม่ได้ป่วยไปโรงพยาบาล 


ภาพ/ข่าว ก๊วก สมุทรปราการ

"คำรณวิทย์" เดินหน้าสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย พร้อมดันเด็กปทุมเป็นทีมชาติ ให้นานาชาติยอมรับ

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2564 เวลา 15:30 น.  พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เป็นประธานในการมอบทุนการศึกษา ที่สนามกีฬา สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตำบลบ้านปทุม อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานในการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนยากไร้ในโครงการ  “ มอบทุน มอบรัก มอบใจ สู้ภัยโควิด-19 ” พร้อมถุงพอเพียงให้กับนักเรียนจาก 13 โรงเรียน จำนวน 26 ทุน โดยมี พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล อุปนายกและเลขาธิการสนามกีฬาสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย , นายสมนึก เกกีงาม เป็นประธานคณะกรรมการมูลนิธิครอบครัวพอเพียง สาขาจังหวัดปทุมธานี และ นายพงศธรรศ รุจิพุฒธันยพัต นายกสมาคมนักข่าวปทุมธานี กล่าวรายงาน โครงการมอบทุน มอบรัก มอบใจ สู้ภัยโควิด-19

ในวันนี้เกิดจาก สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย , มูลนิธิครอบครัวพอเพียง สาขาจังหวัดปทุมธานี , พุทธสมาคมจังหวัดปทุมธานี , มูลนิธิมงคลจงกล ธูปกระจ่าง และสมาคมนักข่าวปทุมธานี ได้ตระหนักถึงผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี จึงได้ร่วมมอบทุนการศึกษาพร้อมถุงพอเพียงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมชมการฝึกซ้อมของเยาวชนทีมชาติไทยที่ได้ฝึกซ้อมภายในกีฬาสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยแห่งใหม่

ด้าน พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล อุปนายกและเลขาธิการสนามกีฬาสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ชมรมกรีฑาเดิมตั้งอยู่หลังสนามกีฬาแห่งชาติปทุมวัน ต่อมาบริเวณนั้นเริ่มแออัดใกล้ศูนย์การค้า เห็นว่ามีผลกระทบต่อความมุ่งมั่นของนักกีฬาเรา หลังเอเชียเกมส์ปี 2541 ได้ย้ายออกมาอยู่ที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต  โดยที่ดินบริเวณนี้ซื้อตั้งแต่ ปี 2553 จากนั้นเมื่อ 3 ปี ที่แล้วเริ่มทำลานกีฬา จากนั้นเมื่อปี 2563 ได้สร้างสนามลู่วิ่ง ที่มีมาตรฐานเทียบระดับโลก เราสามารถจัดการแข่งขันระดับนานาชาติได้  เราได้จัดชิงแชมป์ประเทศไทยได้รับถ้วยพระราชทานจากในหลวง เมื่อเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา

สำหรับในอนาคตสนามกรีฑาแห่งนี้จะเป็นที่ทำการของ สมาพันธ์กีฑาเอเชีย ที่ได้ย้ายมาจากประเทศสิงคโปร์ ปัจจุบันตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อที่นี่มีอาคารพร้อมที่พักพร้อมจะได้ย้ายเข้ามาทันที ประกอบด้วย สมาพันธ์กรีฑาเอเชีย สมาพันธ์กรีฑาเซาท์อีสเอเชีย และสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ที่แห่งนี้จะเป็นศูนย์พัฒนาการกรีฑาของประเทศไทย และเป็นศูนย์ฝึกของนักกีฬากรีฑาทีมชาติรวมถึงนักกีฬากรีฑาจากนานาชาติที่จะมาซ้อมกับเราที่นี่ด้วย

โดย ที่ท่าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้มีนโยบายพัฒนาเยาวชนของจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเราคิดว่ากีฬานั้นเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด ที่สร้างกรอบวินัยและสุขภาพที่แข็งแรงให้เยาวชน คนใดที่มีพรสวรรค์ก็จะก้าวสู่ทีมชาติในอนาคต คนที่มีการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอถึงจะไม่เก่งจนไปถึงระดับทีมชาติแต่ก็จะมีสุขภาพที่ดี ครั้งนี้โอกาสมาถึงแล้ว เพราะเรามีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ที่ใส่ใจเยาวชน และรักกีฬาจริง ๆ วันนี้เรานับหนึ่งเพื่อเดินไปด้วยกัน ที่จะส่งเสริมเอาลูกหลานชาวปทุมธานีออกมาเล่นกีฬาอย่างทั่วถึง และพัฒนาจะไปสู่ระดับชาติได้อย่างแน่นอน


ภาพ/ข่าว : ประภาพรรณ ขาวขำ / รายงาน

"คำรณวิทย์" ห่วงใยเด็กปทุมธานี วางยุทธศาสตร์การศึกษาให้มีที่เรียนระดับมหาลัยจบมามีงานทำ

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2564 เวลา 10:00 น. ที่โรงเรียนสามโคก ตำบลบ้านงิ้ว อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และหัวหน้าส่วนราชการเข้าเยี่ยมชมและมอบนโยบายในการดำเนินงานเเนวทางการบริหารของโรงเรียนสามโคก สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี

โดยมี นายชูชาติ เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการโรงเรียนสามโคก พร้อมด้วยคณะผู้บริหารโรงเรียนและนักเรียน รร.สามโคกให้การต้อนรับ โดยพล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วย นายเสวก ประเสริฐสุข นายเวนิต วัฒนธำรงค์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นายยุทธนา แสงพงศานนท์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้ชมนักเรียนแสดงความสามารถ ทางด้านภาษาต่างประเทศ การแสดงรำไทย โขน กลองยาว โปงลาง รวมถึงด้านกีฬา และมีการจัดบูธนิทรรศการผลงานนักเรียนที่ได้รางวัลในการแข่งขันต่าง ๆ ทั่วประเทศ จากนั้นได้เขียนบันทึกในสมุดเยี่ยมแสดงความชื่นชม ร.ร.สามโคกทุกด้านที่พัฒนาไปมาก และต้องพัฒนาต่อไป ลูก ๆ ร.ร.สามโคกต้องสู้ได้และชนะในทุกเวที

ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ผมได้เชิญ ผอ.กิจจา ชูประเสริฐ , ผอ.อารีวรรณ เอมโกษา , ผอ.สมชาย ฟักทอง , ผอ.วรพันธ์ แก้วอุดม , ผอ.วีระพงษ์ ประดิษฐ์ ซึ่งเป็นคณะที่ปรึกษาทางการศึกษาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี มาเพื่อระดมความคิดในการทำงานร่วมกับ นายชูชาติ เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการโรงเรียนสามโคก เราต้องการให้โรงเรียนสามโคกสามารถพัฒนาเด็กให้สู้กับโรงเรียนอื่น ๆ ได้ทุกเวที แต่ถ้าหากเรารับเด็กทั้งหมดโดยไม่ผ่านการคัดกรองก็จะไม่มีการแข่งขัน โดยมาร่วมกันอยู่เป็นจำนวนมาที่เดี่ยว ก็จะส่งผลกระทบให้โรงเรียนอื่นๆในพื้นที่เช่นจากที่เคยมีเด็กเกือบ 1,000 คน ทำให้เหลือเพียง 200 คน จึงต้องมีการแก้ไขทั้งระบบให้เด็กนักเรียนในจังหวัดปทุมธานีต้องพัฒนาไปด้วยกันทั้งจังหวัด อย่างเท่าเทียม

ซึ่งวันนี้ได้เห็นความสามารถการแสดงออกของเด็กพบว่าดีมากและไม่แพ้ใครเลย เพียงแต่ขาดการประชาสัมพันธ์รวมถึงไม่ได้สัมผัสกับอีก 22 โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาอื่น ๆ ภายในจังหวัดปทุมธานี เบื้องต้นได้ประสาน ผอ.เขตการศึกษา เพิ่มโรงเรียนสามโคกเป็นโรงเรียนที่ 23 เพื่อให้มีการทำงานร่วมกันกับโรงเรียนอื่น  นอกจากนี้ในวันที่ 23 มีนาคม 2564 จะมีการ MOU กับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เพื่อให้เด็กที่จบ ม.6 มีการต่อยอดการศึกษาหลากหลายด้านในการประกอบอาชีพในอนาคต ซึ่งทางตนเองและคณะที่ปรึกษาทางการศึกษากำลังวางแผน ยุทธศาสตร์ทางการศึกษาให้เด็กนักเรียนปทุมเรียนจนจบ ระดับมหาวิทยาลัยและมีงานรองรับทำงานเลี้ยงชีวิตและครอบครัวต่อไป ไม่ใช่เรียนจนจบแต่ไม่มีงานทำ

ส่วน นายชูชาติ เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการโรงเรียนสามโคก กล่าวว่า เนื่องจากลูก ๆ นักเรียนโรงเรียนสามโคกที่ได้เข้ามาเรียนก็มีความคาดหวังในการที่จะดูแล และสนับสนุน ในเรื่องของวิชาการ ทักษะอาชีพ ศีลปะ ดนตรี และกีฬา ถือว่าเป็นทักษะชีวิตสำหรับเขาที่จะออกไปเป็นคนที่มีคุณภาพ รวมถึง คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้ให้นโยบายมาเพื่อสร้างเครือข่ายทางการศึกษาร่วมกับ สถาบันการศึกษาขั้นพื้นฐานในจังหวัดและเขต

รวมถึงสถาบันระดับอุดมศึกษาเพื่อเติมเต็ม ซึ่งทางโรงเรียนให้ความร่วมมือ ถือว่าคุณครูของโรงเรียนจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้วิชาการ รวมถึงนักเรียนจะได้มีเวทีแสดงออกพบปะกับสังคมเพื่อการเรียนรู้ที่มากขึ้น และคาดหวังว่าลูก ๆ นักเรียนจะได้รับการสานต่อความรู้ความสามารถให้เป็นผู้ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีนำกลับมาตอบแทนท้องถิ่นให้จังหวัดปทุมธานีมีความเจริญก้าวหน้าต่อไป


ภาพ/ข่าว : ประภาพรรณ ขาวขำ / รายงาน

"ศรชล.(MECC)" จัดกิจกรรมสร้างการตระหนักรู้ให้แก่กลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน

วันที่ 18 มีนาคม 2564 เวลา 09.00 น  ณ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติชุมพรคาบาน่า หมู่ที่ 8 ตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร  นาวาเอก กิตติพงษ์ พุ่มสร้าง รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดชุมพร ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิด - ปิด กิจกรรมสร้างการตระหนักรู้ให้แก่กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านในเขตจังหวัดชุมพร ได้รับความสนใจจากชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดชุมพร และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้าร่วมรับฟังจำนวน 80 คน

นาวาโท กรภัทร ศรีพิพัฒน์ กล่าว่า ด้วยศูนย์อำนวยการอำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดชุมพร กำหนดจัดกิจกรรมสร้างการตระหนักรู้ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างการตระหนักรู้ และการมีส่วนร่วมของชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดชุมพร บรรยายถึงแนวทางการปฏิบัติงานตาม พ.ร.บ.ศรชล 2562 จากวิทยากร ศณชล จังหวัดชุมพร ได้รับรู้ถึงเรื่อง กฎ ระเบียบเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรณีการประกอบอาชีพการประมงพื้นบ้าน จากวิทยากร ทช.  วิทยากรสำนักงานประมงจังหวัดชุมพร และวิทยากรจากอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ศูนย์อำนวยการอำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดชุมพร กำหนดให้มีขึ้นในวันที่ 18 มีนาคม 2564 ณ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติชุมพรคาบาน่า และจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านที่เข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งจะนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน รวมถึงการปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ ต่อไป

นาวาเอก กิตติพงษ์ พุ่มสร้าง เปิดเผยว่า ขอขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและเข้าร่วมกิจกรรม สร้างการตระหนักรู้ให้แก่กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านด้วยศูนย์อำนวยการอำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดชุมพร กำหนดจัดกิจกรรมสร้างการตระหนักรู้ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างการตระหนักรู้ และการมีส่วนร่วมของชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดชุมพร  และจะได้นำไปประกอบการใช้ชีวิตในการทำประมงพื้นบ้านอย่างถูกต้องต่อไป


ภาพ/ข่าว : ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top