Monday, 12 May 2025
POLITICS

ครม. อนุมัติ 1,500 ล้านบาทให้ ธ.ออมสิน เปิด “มาตรการสินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ” เป็นเงินทุนเริ่มต้นในการประกอบอาชีพ หรือเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบอาชีพช่างทุกประเภท

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ธนาคารออมสินดำเนินมาตรการสินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ โดยอนุมัติวงเงิน 1,500 ล้านบาท ในส่วนที่ธนาคารออมสินขอชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ร้อยละ 30 ของวงเงินสินเชื่อที่อนุมัติทั้งหมด  5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้ธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นเงินเริ่มทุนเริ่มต้นในการประกอบอาชีพ หรือเสริมสภาพคล่องให้สามารถกลับมาประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อไปได้  ทั้งยังช่วยลดการพึ่งพาสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงหรือสินเชื่อนอกระบบ  โดยมีรายละเอียดมาตรการ ฯ ดังนี้

-กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่  1)ผู้เริ่มประกอบอาชีพและผู้ประกอบการรายย่อย  เช่นผู้ผ่านการอบรมอาชีพ “ช่าง” ทุกประเภท เช่น ช่างปูน ช่างแอร์ ช่างไฟฟ้าช่างเชื่อม ช่างซ่อมอุปกรณ์ เป็นต้น และผู้ที่ไม่ใช่ช่าง เช่น เสริมสวยหรือตัดผมชาย คนขายของออนไลน์ เป็นต้น โดยมีใบประกาศนียบัตรหรือวุฒิบัตรที่ผ่านการอบรมจากหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนหรือเอกสาร อื่นๆตามประเภทของอาชีพหรือมีประสบการณ์ ในการประกอบอาชีพดังกล่าว 2) ผู้ประกอบการขนาดย่อม ที่มีสถานที่จำหน่ายแน่นอน เช่นค้าปลีก ค้าส่ง โชห่วย แฟรนไชส์ เป็นต้น โดยมีทะเบียนพาณิชย์ ทะเบียนการค้า สัญญาแฟรนไซส์ หรือเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของอื่น ๆ และ 3) ผู้ขับขี่รถสาธารณะ เช่น ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ รถตู้สาธารณะ รถขนส่งสินค้า รถบรรทุก โดยมีใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะหรือเอกสาร อื่นๆตามประเภทของอาชีพ

-วงเงินรวม   5,000 ล้านบาท 
-วงเงินสินเชื่อ  ไม่เกินรายละ 300,000 บาท
-ระยะเวลาการขอยื่นสินเชื่อ   ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถึง 30 กันยายน 2565
- ระยะเวลาการกู้  รวมระยะเวลาทั้งสิ้นต้องไม่เกิน 5 ปี  (ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก) 
- อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.99 ต่อปี

ครม.รับทราบรายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2564 พร้อมเห็นชอบปรับปรุงโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs  พร้อมขยายระยะเวลานายจ้างลงทะเบียนรอบ 2 ตั้งแต่ 21 พ.ย. - 20 ธ.ค. นี้ 

น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบรายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2564 และให้เสนอต่อรัฐสภาต่อไป โดยสาระสำคัญของผลการดำเนินงานรับจ่ายเงินงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 ที่สำคัญได้แก่ รายรับประเภทรายได้แผ่นดิน มีการประมาณการจัดเก็บรายได้ทั้งสิ้น 2.677 ล้านล้านบาท ซึ่งมีการจัดเก็บรายรับจริงเข้าเงินคงคลัง 2.438 ล้านล้านบาท แต่รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้จากรัฐพาณิชย์และรายได้อื่นสูงกว่าประมาณการ  โดยรายรับที่มาจากรายได้แผ่นดินต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ 0.239 ล้านล้านบาท  สำหรับรายรับประเภทเงินกู้ที่ได้ประมาณการไว้ 0.609 ล้านล้านบาท แต่มีการกู้จริง 0.735 ล้านล้านบาท

ด้านรายจ่าย มีการประมาณการประเภทรายจ่ายงบประมาณไว้ 3.217 ล้านล้านบาท แต่มีการเบิกจ่ายจริงและกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี 3.181 ล้านล้านบาท ทั้งนี้งบประมาณปี 2564 ไม่มีรายจ่ายตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง ส่วนดุลของงบประมาณประจำปี เมื่อเปรียบเทียบรายได้แผ่นดินที่นำส่งคลังกับยอดรวมรายจ่ายประจำปีพบว่า รายได้แผ่นดินต่ำกว่ารายจ่ายตามงบประมาณ 0.575 ล้านล้านบาท โดยต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ 0.204 ล้านล้านบาท ส่วนดุลการรับ-จ่ายเงิน เมื่อเปรียบเทียบรายรับรวมทั้งสิ้นกับรายจ่ายตามงบประมาณประจำปี และรายจ่ายจากเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี ส่งผลให้ดุลรายรับต่ำกว่ารายจ่ายทั้งสิ้น 0.036 ล้านล้านบาท

 

นอกจากนี้ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่23 พ.ย. 64 เห็นชอบให้มีการปรับปรุงโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs เพื่อให้การดำเนินโครงการ ฯบรรลุวัตถุประสงค์ รวมทั้งธุรกิจ SMEs สามารถดำเนินการได้ต่อเนื่อง รายละเอียดในการปรับปรุงโครงการ ดังนี้
1. เงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุน   

(1)  นายจ้างที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการต้องลงทะเบียนนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม  ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปโดยให้มีผลในงวดเงินสมทบเดือนพฤศจิกายน นี้เป็นต้นไป (นำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2564) 

2. วิธีดำเนินงาน  

(2) เพิ่มช่องทางการลงทะเบียน ทั้งผ่านเว็บไซต์ส่งเสริมการจ้างงาน เอสเอ็มอี.doe.go.th  และยื่นแบบฟอร์มพร้อมหลักฐาน ณ สำนักงานจัดหางานหรือหน่วยเคลื่อนที่ของสำนักงานจัดหางาน  เพื่อให้เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลลงในระบบแทนนายจ้าง
(3) ขยายระยะเวลาการลงทะเบียน โดยผู้ลงทะเบียนรอบที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. -  20 ธ.ค. 2564 จะได้รับเงินอุดหนุนตามจำนวนการจ้างงานลูกจ้างสัญชาติไทย ไม่เกิน 200 คน ระยะเวลา 2 เดือน (ธันวาคม 2564 และมกราคม 2565)  
(4) ปรับปรุงรูปแบบการจ่ายเงินอุดหนุน หลังจากวันที่ 15 ของเดือนถัดไป หากรัฐยังจ่ายเงินอุดหนุนยังไม่ครบถ้วนอีก ให้สามารถจ่ายเงินเพิ่มเติมได้จนกว่าจะครบถ้วนตามสิทธิ์ที่นายจ้างพึงได้รับ

“วิษณุ” คาด กกต. ส่งร่าง พรป.เลือกตั้ง ส.ส. ให้ ครม. เดือน ธ.ค.นี้ เล็ง ยื่นสภาต่อช่วง ม.ค. 65 ชี้ ยุ่งแน่! ถ้ายุบสภาก่อนประกาศใช้กม.ลูก ภาวนาอย่าให้เกิด

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ในส่วนของรัฐบาล ว่า ตอนนี้ร่างที่กกต.ดำเนินการยกร่างพปร.ดังกล่าวนั้นได้ถูกเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ของกกต. เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆแล้ว โดย กกต. ต้องเปิดรับฟังความเห็นเป็นเวลา 15 วัน จากนั้นจึงนำความคิดเห็นที่ได้ไปใช้ปรับปรุงตัวร่างอีกครั้ง ก่อนส่งกลับมายังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งคาดว่าจะส่งมาให้ ครม. พิจารณาได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยครม. จะรีบพิจารณาเรื่องนี้แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาอีกภายใน 4-5 วัน ก่อนจะส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งควรจะเป็นต้นเดือนมกราคม 2565 โดยทุกอย่างเป็นไปตามปฏิทิน 

นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนร่างของพรรคร่วมรัฐบาลนั้นเป็นการดำเนินการอีกส่วนหนึ่ง ไม่ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมครม. เพราะเขาสามารถเสนอต่อสภาได้เลย อย่างไรก็ตาม ได้มีการพูดคุยเป็นการภายในเมื่อวันที่ตนได้เจอกับคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ว่า เพื่อไม่ให้มีปัญหาความขัดแย้งกันมากนัก ควรมีการประชุมร่วมกันระหว่างรัฐบาล กกต. และพรรคการเมือง ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมาร่วมด้วยหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่หากพรรคร่วมฝ่ายค้านอยากมาร่วมด้วยก็สามารถเข้ามาได้ ซึ่งการประชุมนี้จะทำให้เราได้ปรับจูนทำความเข้าใจกันในประเด็นที่พอจะปรับให้กลมกลืนกันได้ แต่หากมีประเด็นใดที่ไม่สามารถปรับเข้าหากันได้ก็รอให้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ 

เมื่อถามว่า แสดงว่าจะนำร่างของรัฐบาลและร่างที่ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเสนอไปประกบกันในชั้น กมธ. ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ใช่ โดยแต่ละทางต่างนำเสนอเข้ามาที่สภาฯ ซึ่งการพิจารณาจะใช้ร่างของรัฐบาล หรือร่างที่กกต.เป็นผู้จัดทำมาเป็นหลัก ขณะที่ฝ่ายค้านก็สามารถเสนอร่างกฎหมายลูกในนามพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เช่นกัน 

เมื่อถามว่า ถ้ามีการยุบสภาก่อนประกาศใช้กฎหมายนี้จะยุ่งหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวทันมีว่า “ยุ่ง” และ “อย่างนึกเลย”

เมื่อถามย้ำว่า ได้เตรียมทางออกไว้แล้วใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “อย่าพูดเลย ได้แต่ภาวนาขออย่าให้มันเกิด”

เมื่อถามถึงรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมเสนอแก้รัฐธรรมนูญอีกครั้ง นายวิษณุ กล่าวว่า ก็แล้วแต่เขา จะแก้หลายครั้งก็ได้ 

'เสกสกล' ซัด 'ณัฐชา' ก่อนเสี้ยมพรรคอื่นแตกคอ ให้ย้อนดูพรรคตัวเอง ขัดแย้ง-งูเห่า

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนาย​ณัฐชา​ บุญไชยอินสวัสดิ์​ โฆษกพรรคก้าวไกล วิจารณ์การทำงานของนายกรัฐมนตรีนั้นรวบอำนาจ ว่า นายณัฐชา เป็นถึง ส.ส. ที่มาจากประชาชน ควรจะสนับสนุนนโยบายการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ไม่ไช่ว่าจะออกมาขัดขวางการทำงานของรัฐบาล กีดกันไม่ให้ประชาชนได้รับการแก้ไขปัญหา หรือได้รับประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล การทำงานหลายกระทรวงร่วมกัน เป็นการบูรณาการช่วยกันแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ยืนยันพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่น ไม่ได้มีปัญหาอะไร อย่ามาพูดใส่ร้าย ยุยง เสี้ยมให้พรรคร่วมแตกคอกัน ไม่มีทางเกิดขึ้น ขอให้นายณัฐชา ย้อนมองดูพรรคการเมืองตัวเองก่อนว่าแตกคอกันมากน้อยแค่ไหน เห็นมีแต่งูเห่าเต็มไปหมด เพราะไม่มีใครอยากอยู่กับพรรคการเมืองที่จ้องแต่จะจาบจ้วง ก้าวล่วง ล้มล้าง โดยไม่สนใจความเป็นอยู่ของประชาชน

“จุรินทร์” ชี้ บัตรลต.2 ใบ ทำปชต.-พรรคการเมือง เข้มแข็ง หนุนเบอร์เดียวทั่วปท.เพื่อง่ายต่อปชช.เลือก สวน”สมชัย”ฟันธงระบบ เอื้อพท.โกยคะแนน แค่การคาดคะแนนบัตร  ชี้ที่สุดอยู่ที่ปชช.ตัดสิน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงรัฐธรรมนูนฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่กำหนดให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ว่า สูตรการคำนวณนั้นมีหลักเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญภาพรวมอยู่แล้ว อธิบายเข้าใจง่ายๆ คือถ้าพรรคไหนได้คะแนน 100% ก็ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน ถ้าพรรคไหนได้ระบบบัตรใบที่ 2 ได้ 60 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ส.ส. 60 คนหลักก็เป็นประมาณนี้ ถ้าคำนวณอย่างนี้ก็เข้าใจง่ายๆ แต่ถ้าจะเอาตัวนั้นตัวนี้ไปหารก็จะซับซ้อน ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ความสำคัญกับพรรคการเมืองมากขึ้น

เนื่องจากหากเป็นระบบบัตรใบเดียวต้องเอาคนกับพรรคมามัดรวมกัน ประชาชนไม่สามารถแยกได้ ถ้าต้องการเลือกคน แต่ไม่ต้องการเลือกพรรค หรือเลือกพรรคแต่ไม่ต้องการเลือกคน ระบบบัตรใบเดียวตัวบุคคลจึงมีความสำคัญ แต่พรรคการเมืองก็เหมือนถูกด้อยค่าลงไป ซึ่งหลักประชาธิปไตยพรรคการเมืองควรเป็นสถาบัน หรือกลไกที่มีความสำคัญเป็นลำดับต้น เพราะถ้าพรรคการเมืองไม่มีความเข้มแข็ง ไม่มีความสำคัญประชาธิปไตยก็ไปยาก

นายจุรินทร์ กล่าวว่า แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นระบบบัตร 2 ใบ ตนก็คิดว่าจะทำให้พรรคการเมืองมีความสำคัญ การลงสมัครรับเลือกตั้งนอกจากประชาชนจะพิจารณาตัวบุคคลแล้ว ต้องพิจารณาพรรคการเมืองด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีและพรรคประชาธิปัตย์ก็สนับสนุนมาโดยตลอดเมื่อมาถึงวันนี้ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบอบประชาธิปไตย

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องปรับโครงสร้างเพื่อรองรับระบบการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า คงไม่ต้องปรับอะไรเพราะเราก็คุ้นเคยกับระบบนี้มาอยู่แล้ว แต่พอมาเป็นรัฐธรรมนูญ ปี 60 ที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว อันนั้นเราต้องปรับ และต้องปรับทุกพรรคแต่ถ้าย้อนกลับไปใช้ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เป็นสิ่งที่มันเป็นสิ่งที่เราเคยทำมาแล้ว และประชาชนก็เข้าใจดีว่าบัตรใบที่ 1 เลือกบุคคล บัตรที่ 2 เลือกพรรค มันมีความชัดเจนในตัวของมัน

เมื่อถามว่าควรจะเป็นเบอร์เดียวกันหรือไม่ทั้งบุคคลและพรรค นายจุรินทร์ กล่าวว่า ควรจะเป็นเบอร์เดียวกันเพื่อความสะดวกของประชาชนพี่จะพิจารณาและตัดสินใจ ส่วนพรรคจะส่งครบทุกเขตหรือไม่นั้นกำลังดำเนินการอยู่ แล้วในเรื่องตัวบุคคลที่มีความคืบหน้าเยอะแล้วแต่โดยหลักควรจะส่งให้ครบทุกเขต 

เมื่อถามว่า นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต.ระบุว่า ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะทำให้เทคะแนนไปที่พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์กังวลหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน การวิเคราะห์หรือวิจารณ์อาจจะตรงหรือไม่ตรงกลับข้อเท็จจริงก็ได้ ถึงเวลาประชาชนอาจจะพิจารณาไปทางใดทางหนึ่งก็ได้อันนั้นขึ้นอยู่กับเสียงของประชาชน เราไปคาดคะเนไปก่อนก็คือการคาดคะเนเท่านั้น

“บิ๊กป้อม” โบ้ย ลต.ให้ถามปปช.  ปัด พปชร.ได้เปรียบบัตรสองใบ

ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการเลื่อนจัดงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล จากวันที่ 26พ.ย. ไปเป็นวันที่ 3 ธ.ค. ว่าเพราะส.ส.ติดธุระเยอะ และเกี่ยวกับการประชุมสภาฯเดี๋ยวจะไม่พร้อมกัน 

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเป็นบัตรเลือกตั้ง2ใบ พรรคพลังประชารัฐ ประเมินภายในหรือไม่ว่าได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างไร พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ สองใบก็ต้องสองใบ ก็ต้องเลือกกันไป ก็แล้วแต่ประชาชน  เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์ว่าพรรคที่ได้เปรียบในการเลือกตั้งคือพรรคขนาดใหญ่ เช่น พปชร. และพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะไปรู้ได้อย่างไร ว่าได้เปรียบหรือไม่ได้เปรียบ ต้องไปถามประชาชนว่าใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ

‘สมชัย’ ฟันธง บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เชื่อ ‘เพื่อไทย’ กวาดเก้าอี้ ส.ส.ทิ้ง พปชร.

‘สมชัย ศรีสุทธิยากร’ ชี้ ผลบังคับใช้ รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ทำเพื่อไทย จ่อได้เก้าอี้ ส.ส. เพิ่มเพียบ ทิ้งห่าง พปชร. ส่วน 12 พรรคจิ๋วสูญพันธุ์

วันนี้ (22 พ.ย.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกกต. โพสต์ข้อความ กรณีรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ประกาศในราชกิจจาฯ มีผลบังคับใช้วันนี้ ว่า จากนี้ ระบบการเลือกตั้ง เปลี่ยนเป็นบัตรสองใบ สัดส่วน ส.ส. เขต ต่อ บัญชีรายชื่อ เปลี่ยนเป็น 400 : 100 ผมเคยคำนวณ การเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรค จะได้ภายใต้กติกาใหม่ โดยใช้ฐานคะแนนการเลือกตั้งปี 2562 เป็นข้อมูล ปรากฏว่า เพื่อไทย ได้เพิ่มจาก 0 เป็น 22 พลังประชารัฐ เพิ่มจาก 19 เป็น 24 อนาคตใหม่ (ก้าวไกล) ลดจาก 50 เหลือ 18 พรรคกลาง พรรคเล็ก ลดลงทุกพรรค (ยกเว้น ประชาชาติ) พรรคจิ๋ว 1 เสียง 12 พรรค สูญพันธุ์หมด

‘เทพไท’ เย้ยพรรคร่วม รบ. ยื่นดาบให้ศัตรู ชี้ รธน.ฉบับแก้ไข ทำ ‘ระบอบทักษิณ’ คืนชีพ 

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กหลังรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมมีผลบังคับใช้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ระวัง!!! ระบอบทักษิณ คืนชีพ
หนีระบอบทักษิณ เจอระบอบประยุทธ์
หนีระบอบประยุทธ์ เจอระบอบทักษิณอีกครั้ง

หลังจากได้มีราชกิจจานุเบกษาประกาศให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่หนึ่ง พุทธศักราช 2564 มีผลบังคับใช้แล้ว เป็นความชัดเจนแล้วว่า การเลือกตั้งระบบ 2 ใบ และจำนวน ส.ส. ระบบเขต 400 คน ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ 100 คน มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ

ส่วนตัวสนับสนุนระบบการเลือกตั้งใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และใช้วิธีการคำนวณที่นั่ง ส.ส. แบบสัดส่วนผสม เหมือนกับรัฐธรรมนูญปี 2560 เดิม แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการคิดคำนวณแบบรัฐธรรมนูญปี 2540 เพราะวิธีการคำนวณที่นั่ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขใหม่ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคเพื่อไทยโดยตรง จากเดิมที่ไม่มี ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่อเลยแม้แต่คนเดียว แต่วิธีการคำนวณตามรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขใหม่นี้ จะทำให้มี ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่อไม่น้อยกว่า 30 คน จึงทำให้พรรคเพื่อไทยได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นเต็ม ๆ

รู้ไว้!! ความผิดอาญาบนโลกออนไลน์ แจ้งความได้ทั่วราชอาณาจักร

เพจ 'ฤๅ - Lue History' ได้โพสต์ข้อความไขข้อข้องใจ เหตุใดความผิดบนโลกออนไลน์ จึงแจ้งความได้ทั่วราชอาณาจักร ระบุว่า... 

เร็ว ๆ นี้มีข่าวว่า มีคนได้รับหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาคดี ม.112 ที่ จ.นราธิวาส ทั้ง ๆ ที่ตัวเองพักอยู่ที่นนทบุรี ทำให้ต้องเสียทั้งเวลา เสียทั้งค่าเดินทาง สุดท้ายลงเอยที่ว่า ม.112 ไม่มีความเป็นธรรมและสมควรยกเลิก

เราต้องทราบก่อนว่า ตามหลักการทางกฎหมาย หากมีการกระทำผิดในคดีอาญา การฟ้องร้องหรือรับทราบข้อกล่าวหา จะต้องดำเนินการในท้องที่ที่พบการกระทำผิด ซึ่งการโพสต์หมิ่นประมาทในโลกออนไลน์ ข้อความนั้นมันสามารถไปโผล่ได้ทุกที่ กรณีแบบนี้ กฎหมายถือว่าทำให้เกิดความเสียหายได้ “ทั่วราชอาณาจักร” ดังนั้น ผู้พบเห็นข้อความหมิ่นประมาท สามารถเข้าแจ้งความในท้องที่ที่ตนเองเปิดข้อความอ่านได้ทันที

'ราเมศ' ย้ำ ร่างแก้ไข กฎหมายเลือกตั้งพร้อม  เสนอที่ประชุม ส.ส.พรรค พรุ่งนี้ 

 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณา ศึกษา รวบรวม ข้อมูลในการยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561
ได้กล่าวถึงการเตรียมร่างแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวว่า

เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 1 พ.ศ.2564 ได้มีผลใช้บังคับในวันนี้แล้ว ซึ่งมีสาระสำคัญคือการกำหนดจำนวน ส.ส.เขต เป็น 400 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เพื่อให้ประชาชนเลือก ส.ส.เขต ได้หนึ่งใบ ส่วนบัตรเลือกตั้งอีกใบเลือกพรรคการเมืองก็คือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมได้กำหนดให้ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อกำหนดวิธีการคำนวณคะแนนและหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การรับสมัคร การออกเสียงลงคะแนน  การนับคะแนน การรวมคะแนน การประกาศผลการเลือกตั้ง และเรื่องอื่นๆ นั้น

นายราเมศกล่าวในเรื่องนี้ว่า ในส่วนของพรรคได้มีการยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุม ส.ส.ในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้แสดงความคิดเห็น และรณะทำงานจะเรียกประชุมเพื่อพิจารณาขั้นสุดท้ายในวันพุธที่จะถึงนี้

“ชวน” ไฟเขียว พร้อมบรรจุร่างกม.ลูกเข้าวาระประชุมสภาฯ รอ รบ.เสนอ คาดภายในเดือน ธ.ค. หวัง ไม่ยุบสภาก่อนพิจารณาเสร็จ “ชวน” ไฟเขียว พร้อมบรรจุร่างกม.ลูกเข้าวาระประชุมสภาฯ รอ รบ.เสนอ คาดภายในเดือน ธ.ค. หวัง ไม่ยุบสภาก่อนพิจารณาเสร็จ 

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีพระบรมราชโองการการโปรดเกล้าฯ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2564 ว่า เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว กฎหมายก็จะมีผลใช้บังคับ กระบวนการต่อไปที่สภาฯ ต้องเตรียมรับ คือ การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมใหม่ ขณะนี้สิ่งที่สภาฯ เตรียมรับ คือ รัฐบาลกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประสานกัน โดย กกต.จะมีหน้าที่เตรียมกฎหมายทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวเพื่อส่งไปยังรัฐบาล และรัฐบาลก็จะเป็นผู้เสนอกฎหมายต่อสภาฯ หรือมิเช่นนั้น ส.ส. ก็จะเข้าชื่อกันเสนอกฎหมาย

ดังนั้น ตนคิดว่าน่าจะเดือนธ.ค.หรือ ม.ค. ที่รัฐบาลจะเสนอกฎหมายเข้ามา ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ส่งสัญญาณอธิบายเรื่องนี้มา 2-3 ครั้งแล้ว โดยฝ่ายสภาฯ ก็หารือกับฝ่ายเลขาสภาฯ ไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องเตรียมอะไรบ้างเพื่อรับกฎหมายที่กกต.และรัฐบาลเสนอเข้ามา ทั้งนี้ กฎหมายให้ใช้บังคับการเลือกตั้งทั่วไป ฉะนั้น ในช่วงเวลาดังกล่าวหากมีการยุบสภาขึ้นมาก็จะมีปัญหาเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจว่ากระบวนการคงไม่ช้า เพราะเท่าที่สอบถามภายในทราบว่า กกต.ได้เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วในเบื้องต้น นับตั้งแต่ที่กฎหมายนี้ผ่านสภาฯ ไป เพียงแค่รัฐบาลจะเสนอเข้ามาเมื่อไหร่ หากเสนอเข้ามาในช่วงเดือน ธ.ค. ก็สามารถบรรจุเข้าระเบียบวาระในเดือน ธ.ค.ได้เลย

เมื่อถามว่า กระบวนการพิจารณาของสภาใช้เวลานานหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ตนเข้าใจว่ากฎหมายจะไม่ซับซ้อนมาก เพราะแก้เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติม 

เมื่อถามว่า หากระหว่างนี้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นจริงๆ นายชวน กล่าวว่า มันก็จะมีปัญหา ซึ่งตนพูดไว้เผื่อล่วงหน้า เพียงแต่ก็หวังว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฝ่ายสภาฯ ก็ต้องเตรียมรับกฎหมายที่รัฐบาลจะเสนอมาเป็นหลัก ซึ่งตนได้กำชับไปแล้วว่าเมื่อเสนอเข้ามาก็ให้รีบดูและพิจารณาให้พร้อม และเข้าสภาฯ ในทันที

“เสกสกล” หนุน “ซูเปอร์โพล" ไม่เห็นด้วยขบวนการสั่นคลอนสถาบัน เย้ย ส.ส.เพื่อไทย ทนทำตามคำสั่งนายใหญ่ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน “รู้ทันความเคลื่อนไหวทำลายชาติ”พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 96.5 ระบุสถาบันกษัตริย์เป็นรากฐานสำคัญของประเทศที่ต้องอยู่คู่กับประชาชน และร้อยละ 96.3 ไม่เห็นด้วยกับขบวนการสั่นคลอนสถาบัน พยายามบิดเบือน จาบจ้วงก้าวล่วง พาคนลงถนน คุกคามและไม่เคารพผู้อื่น ทำบ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวายและทำลายความหวังของประชาชนที่จะร่วมกันฟื้นฟูประเทศ

นายเสกสกล กล่าวว่า ผลสำรวจดังกล่าวเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ จงรักภักดี เคารพเทิดทูนต่อสถาบัน อย่างมั่นคงเคารพ ไม่ยอมให้ใครมาจาบจ้วงและเคลื่อนไหวทำลายชาติ สร้างความเดือดร้อนเด็ดขาด ดังนั้นขอให้กลุ่มม็อบและบางพรรคการเมืองที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องของสถาบัน ฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศว่าการออกมาเคลื่อนไหวจาบจ้วง ก้าวล่วงสถาบัน เป็นการทำร้ายจิตใจของคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ

“เพื่อชาติ” ชูนโยบาย เพื่อชาติ เพื่อประชาชน  

เรียกได้ว่าสร้างกระแสฮือฮาในแวดวงการเมืองได้ไม่น้อยสำหรับพรรคเพื่อชาติกับการเปิดตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ในการประชุมวิสามัญพรรคเมื่อวานที่ผ่านมา ( 21 พฤศจิกายน 2564)  สำหรับนาย ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ หรือพี่หนวดเอลวิส อดีต สส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย  

นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ ระบุว่า หลังจากเมื่อวานได้มีการเปิดตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ นาย ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ อดีต สส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย  ก็ได้สร้างความฮือฮาอย่างมากในแวดวงการเมือง เรียกได้ว่ากลบกระแสการเป็นงูเห่ากินกล้วยไปได้อย่างราบคาบสำหรับนายศรัณย์วุฒิ  เพราะท้ายที่สุดแล้ว นายศรัณย์วุฒิก็ไม่ได้ย้ายไปซบอกขั้วตรงข้ามอย่างที่หลายๆคนคิดกัน แต่ยังคงอยู่กับฟากฝั่งฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อชาติ ที่ยืนหยัดอยู่บนสโลแกนในการเป็นพรรคเกาะกลางประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถมาร่วมอุดมการณ์ได้ 

แต่ทีเด็ดที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือนโยบายที่ได้เปรยๆออกมาในงานประชุมใหญ่ครั้งนี้ ที่พรรคเพื่อชาติชู นโยาย เพื่อชาติ เพื่อประชาชน เตรียมผลักดันนโยบาย “เกษตรร่ำรวย” ออกมาเรียกคะแนนเสียงชาวเกษตรกร  ถือว่างานนี้คุณศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ และพรรคเพื่อชาติทำการบ้านมาดี งัดเอาตำราวิชาการด้านภูมิศาสตร์เศรษฐกิจมาใช้ มองคุณสมบัติเด่นของไทยที่อยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตร และการมีมรสุมพัดผ่าน กะว่าจะบริหารจัดการน้ำฝนแก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วม และให้ชาวเกษตรกรภาคอีสานรวมถึงภาคเหนือได้เฮไปพร้อมๆกัน 

'โฆษกรัฐบาลฯ' สวน 'พิธา' บอก ปากอ้างเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่วิธีทำงานยิ่งกว่าพรรคการเมืองเก่า ถามกลับ เคยได้ยินบ้างไหม ใครอยู่หลังม็อบให้เด็กออกมาเป็นโล่

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังคงบุญชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุรัฐบาลแช่แข็งความหวัง แช่แข็งความสำเร็จ ด้วยการโปรยเศษเงินให้กับพี่น้องประชาชน ว่า นายพิธาคงจะเข้าใจอะไรผิด เพราะน่าจะเป็นพรรคก้าวไกลมากกว่าหรือไม่ ที่แช่แข็งความหวังของประชาชนด้วยการบอกว่าตัวเองเป็นพรรคการเมืองใหม่ เป็นความหวังของประชาชน แต่วิธีการทำงานที่ผ่านมากลับยิ่งกว่าพรรคการเมืองที่ก่อตั้งมานานแล้วเสียอีก ทั้งรีบไปฉีดวัคซีนก่อนประชาชน ทั้งๆ ที่ปากด่าตลอดเวลาว่าวัคซีนไม่ดี หรือแม้กระทั่งไม่สามารถหาข้อมูลทุจริตต่างๆ ที่มีหลักฐานเพียงพอมาอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อล้มรัฐบาลในสภาฯ ได้ ก็ออกไปสนับสนุนม็อบอยู่บนถนนแทน

“ธรรมนัส” ฟุ้ง “พปชร.”สู้ศึกเลือกบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ยันส่งผู้สมัคร 400 เขต  มั่นใจ! กวาดที่นั่งมากขึ้น

ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.2564 ทำให้ขณะนี้การเลือกตั้งแบบใหม่บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และมี ส.ส.แบบเขต 400 คน  ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว  ยืนยันว่า พรรคพปชร.ที่มีพล.อ .ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรค  มีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งแบบใหม่นี้ และพร้อมที่จะส่งผู้สมัครลงแข่งขันรับเลือกตั้งทั้ง  400 เขตทั่วประเทศอย่างแน่นอน

ทั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมา หัวหน้าพรรค  ตนและบรรดาแกนนำพรรค  ได้ร่วมกันลงพื้นที่พบปะทั้งสมาชิกพรรคและผู้แทนว่าที่ผู้สมัครส.ส. ของพรรคทุกภาคอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการเตรียมพร้อมและมีว่าที่ผู้สมัครส.ส. ครบหมดทุกจังหวัดแล้ว และ ในทุกจังหวัด ได้ดำเนินการเลือกตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ที่มีเขตพื้นที่รับผิดชอบในเขตเลือกตั้งนั้น ครบเกือบหมดทุกเขตแล้ว ดังนั้น ตามกลไกของพรรคได้ถูกวางไว้เรียบร้อยหมดแล้ว จึงพร้อมมากสำหรับการเลือกตั้งในครั้งหน้า

“หัวหน้าพรรคฯ รวมถึงผมได้ลงพื้นที่ไปพบปะสมาชิกพรรคและตัวแทนพรรคแทบทุกวันอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำนโยบายของพรรคฯ เน้นย้ำยึดมั่นเชิดชูในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมุ่งทำงานเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ล่าสุดก็ไปที่ จ.ขอนแก่น  ที่ถือว่าเป็นเมืองหลวงของภาคอีสาน ซึ่งภาคอีสานถือว่ามีประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ มี ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญเก่าถึง 132 ที่นั่ง ดังนั้นพรรคจึงให้ความสำคัญอย่างมาก เพื่อการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ดังกล่าวที่กำลังจะมาถึงในอนาคต และมั่นใจว่า จะได้รับชัยชนะและได้ที่นั่งส.ส.ในภาคอีสานและจังหวัดอื่นทั่วประเทศมากขึ้น “ ร.อ. ธรรมนัส กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top