Thursday, 28 March 2024
POLITICSQUIZ

เฉไฉไปเรื่อย!! ‘ศุภชัย’ ฉะ ‘ชูวิทย์’ ลั่น!! ทำตัวเหมือน ‘เด็กเลี้ยงแกะ’ หลังไร้เอกสารโอน 3 หมื่นล้าน ไปสิงคโปร์ ปมรถไฟฟ้าสีส้ม

‘ศุภชัย’ ซัด ‘ชูวิทย์’ อย่าทำตัวเป็น ‘เด็กเลี้ยงแกะ’ หลังผ่านมาจะ 2 สัปดาห์ ยังไม่ปรากฏเอกสารโอนเงินไปธนาคาร สิงคโปร์ กรณีรถไฟฟ้าสีส้ม

(11 มี.ค.66)  นายศุภชัย ใจสมุทร  ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวทวงถามนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่บอกว่ามีเอกสารการโอนเงิน หรือบอกว่ามีเงินทอน 3 หมื่นล้าน โอนจากประเทศไทยไปสิงคโปร์ ธนาคาร HSBC ว่าสิ่งที่นายชูวิทย์ ออกมาพูดไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องเก่า ขณะนี้เป็นเวลานานแล้ว หากมีเอกสารจริง ควรจะได้นำออกมาให้สาธารณชนได้รับทราบ แต่พอกระทรวงคมนาคมถามไปว่าใครเป็นคนโอน ใครเป็นคนรับโอน ก็เฉไฉไปเรื่อย ๆ และไม่ยอมตอบ

บทเรียนสอนใจ 'แรมโบ้' ยก ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ กรณีศึกษาสอน 'เศรษฐา' ย้อนถาม!! กินข้าวกับชาวนาเพื่อรับฟัง หรือเห็นประโยชน์

'แรมโบ้' ตอกกลับ 'เศรษฐา' ไปกินข้าว รับฟังความเห็นชาวนา จริงใจหรือประโยชน์การเมืองกันแน่ ย้ำนโยบายช่วยชาวนาของรัฐบาล มุ่งสร้างความเข้มแข็ง เพิ่มผลผลิตสร้างรายได้เพิ่ม ตามโครงการข้าวรักษ์โลก BCG ให้กับชาวนา ไม่เหมือนนโยบายโกงจำนำข้าวที่ทำชาวนาจนผูกคอตายไปหลายราย เตือนนักธุรกิจที่เคยค้าความร่ำรวยจากประชาชน เข้ามาบริหารประเทศ ให้ดูชะตากรรมนายทักษิณ ยิ่งลักษณ์เป็นบทเรียนสอนใจ

(11 มี.ค. 66) - นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่พระนครศรีอยุธยาฟังปัญหาชาวนาวิจารณ์ 8 ปีอยู่ในหลุมดำรายได้ต่ำ ราคาข้าวไม่ดี มีแต่น้ำท่วม-แล้ง โดยนายเสกสกลยืนยันว่าที่ผ่านมารัฐบาล นายกฯประยุทธ์ ให้ความสำคัญกับเกษตรกร และชาวนามาโดยตลอด และมีหลายนโยบายออกมาให้ความช่วยเหลือ มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีรายได้เพียงพอและอยู่ดีมีสุข และอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งทำควบคู่ไปกับการบริหารจัดการน้ำของประเทศอยู่แล้ว

ขณะเดียวกันการส่งออกข้าวกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการชี้แจงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอดปี 2565 การส่งออกทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.5 ล้านตัน มีผู้ส่งออกขอใบอนุญาตส่งออกแล้ว 8.58 ล้านตัน และคาดการณ์ปี 66 ปริมาณการส่งออกจะสูงกว่าปี 65 แน่นอน

“นโยบายการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ นายเศรษฐา อาจจะมองว่าไม่หวือหวาหรือช่วยชาวนาให้อยู่ดีกินดีได้ทันที แต่เป็นนโยบายที่สร้างความมั่นคงให้กับชาวนาได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าการผลิต โครงการข้าวรักษ์โลก BCG ที่เดินหน้าไปอย่างต่อเนื่องเป็นที่ถูกใจของชาวนามาก ไม่เหมือนกับนโยบายโกงจำนำข้าวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในอดีต ที่สร้างปัญหาส่งผลให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ต้องเข้ามาแก้ไขตามใช้หนี้จนทุกวันนี้ยังไม่หมด อีกทั้งนโยบายโกงจำนำข้าวของเพื่อไทยนี้ยังสร้างความเจ็บปวดให้กับชาวนาเป็นอย่างมาก ผูกคอตายไปหลายคน ครอบครัวเดือดร้อนสิ้นเนื้อประดา นี่คือผลงานของเพื่อไทยมิใช่หรือ

จะเริ่มได้ยัง!! ‘โรม’ บี้ถาม ‘ผบ.ตร.ปราบยา’ เมื่อไรแจ้งข้อหา ‘ส.ว.อุปกิต’ ลั่น!! ไม่อยากเห็นคนผิดลอยนวล ฝาก ‘ผบ.ตร.’ ดูความคืบหน้า

‘โรม’ ถามดัง ๆ ผบ.ตำรวจปราบยา หายหน้าไปไหน เมื่อไรจะนำตัว ‘ส.ว.ทรงเอ’ มาแจ้งข้อหา ฝาก ผบ.ตร. ติดตามการทำงานผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย

(10 มี.ค. 66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา มาดำเนินคดีกรณีมีข้อครหาเกี่ยวข้องพัวพันกับการฟอกเงินขบวนการค้ายาเสพติดของ ‘ทุนมินลัต’ ว่า หลังจากตนยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อแจ้งเบาะแสสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผ่านมาแล้ว 10 วัน ยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไรทั้งนั้น ง่ายที่สุดคือการเอาตัว ส.ว.อุปกิต มาแจ้งข้อหาเพื่อที่จะฟ้องคดีต่อไป ซึ่งตั้งแต่ 1 มีนาคมเป็นต้นมา หมดสมัยประชุมรัฐสภาแล้ว ส.ว. ไม่มีความคุ้มกันใด ๆ ที่จะไม่ถูกหมายเรียกหรือหมายจับได้อีก

รังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องย้อนไปตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2565 ในตอนนั้นตำรวจสืบนครบาล (บก.สส. บช.น.) ที่จับทุนมินลัตและขยายผลมาถึง ส.ว.อุปกิต ได้เคยขอหมายจับต่อศาลแล้ว ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับให้ แต่กลับมาถอนการอนุมัติในบ่ายวันเดียวกัน แล้วให้ตำรวจไปออกหมายเรียกก่อน อ้างว่าเพราะเป็นบุคคลสำคัญ ทั้งนี้ การออกหมายเรียกนั้น ตำรวจทำเองได้ แต่ในกรณีนี้ หน่วยงานที่มีอำนาจออกหมายเรียกนั้นไม่ใช่ตำรวจสืบนครบาล แต่เป็นอำนาจของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ซึ่งในช่วงเดือนตุลาคม 2565 เป็นช่วงที่ปิดสมัยประชุมสภาอยู่ ถ้า บช.ปส. มีการออกหมายเรียก ส.ว.อุปกิต มารับทราบข้อกล่าวหาให้ทันก่อนสภาเปิด ก็อาจยังเดินหน้าคดีต่อไปได้ หรือถ้าออกหมายเรียกแล้วไม่มาใน 15 วัน ก็ยังไปขอหมายจับกับศาลอีกรอบได้ แต่การขอหมายเรียกจาก บช.ปส. ก็ไม่เคยเกิดขึ้น ทั้งในช่วงนั้นและดูเหมือนในช่วงนี้ด้วย ในขณะที่คดีทุนมินลัตอยู่ในชั้นศาล แต่ ส.ว.อุปกิต กลับยังไม่ถูกแจ้งข้อหาเสียที ทำให้เดินหน้าคดีต่อไม่ได้ 
 

คิดให้ดีก่อนพูด!! ‘พล.ท.นันทเดช’ ท้า!! ‘อุ๊งอิ๊ง’ เปิดชื่อผู้ต้องหา ‘ม.112’ ลั่น!! เป็นนักการเมือง อย่าพูดให้ตนเองเดือดร้อน

ท้า‘อุ๊งอิ๊ง’ เปิดชื่อผู้ต้องหา‘ม.112’โดนกลั่นแกล้ง สอนมวย ‘คิดก่อนพูด’

(10 มี.ค.66) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) แชร์โพสต์ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยสถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ตำหนิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พูดส่งเดชเกี่ยวกับมาตรา 112

วิชามาร!! ‘ดร.จักษ์’ โอด!! การเมืองเถื่อน หลังโดนทำลายป้ายหาเสียง ลั่น!! “ไม่ชอบแค่ไม่ลงเสียง อย่าถึงขั้นลงมือทำผิดกฎหมาย”

(9 มี.ค.66) ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพป้ายหาเสียงถูกทำลาย พร้อมระบุข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ผลงานของใครไม่อาจทราบได้และก็ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องทราบ “..ป้ายหาเสียงที่ติดเรียงกันอยู่หลายคน หลายพรรค ทุกป้ายปลอดภัยดี มีแต่ป้ายของอาจารย์จักษ์ถูกทำลาย ในสนามการเมือง ณ วันนี้ ยังคงไม่แตกต่างไปจากเดิมวิธีการเดิม ๆ รูปแบบเดิม ๆ..”

"..ไม่เป็นไรครับ ยิ่งทำแบบนี้ ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่า ผมจะต้องเข้าไปทำการเมืองให้ดีขึ้นให้ได้เข้าไปทำให้การเมืองสะอาด และสร้างสรรค์ยิ่งขึ้น ขอบคุณสำหรับพฤติกรรมที่ทำให้ผมเกิดความมุ่งมั่นยิ่งขึ้น เพื่อทำให้บ้านเมืองดีกว่าเดิม.."

แก้ปัญหาให้เก่งเหมือนใช้เงิน!! ‘ทักษิณ’ ซัดหนัก!! พรรคการเมืองคู่แข่งลอกนโยบาย เย้ย!! “จ่ายอย่างเดียว แต่ยังไม่เห็นนโยบายหาเงิน”

‘โทนี่’ แกว่งปากถล่มนโยบายพรรคคู่แข่ง แข่งประชานิยม จ่ายอย่างเดียว-หาเงินไม่เป็น

(8 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ ‘CARE คิด เคลื่อน ไทย’ เปิดเผยคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศ ซึ่งกล่าวถึงนโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ว่า “...นโยบายหลายพรรคตอนนี้แข่งกันเป็นประชานิยม จ่ายอย่างเดียว แต่หาเงินไม่เป็น...”

“เวลาออกนโยบาย ต้องคิดด้วยว่า ต้องมีนโยบายหาเงินประกอบด้วย ถ้าไม่มีแล้วจะใช้เงินอย่าง สุดท้ายจะเหมือนเวเนซุเอลา ดังนั้น ผู้นำต้องคิดว่าจะหาเงินยังไง ใช้เงินเก่งแต่หาเงินไม่เป็น เละ”

ชำแหละอเมริกา!! ‘อัษฎางค์’ เบิกเนตรคนไทยเรื่องอเมริกา กางทุกปัญหาเศรษฐกิจ-สังคม ของประเทศมหาอำนาจ

(4 มี.ค.66) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค’ ในหัวข้อ ‘เบิกเนตรคนไทยเรื่องอเมริกา’ โดยพูดถึงเรื่องปัญหาเศรษฐกิจและสังคมในอเมริกา มีเนื้อหาดังนี้

“ท่านเคยทราบหรือไม่ว่า!” สหรัฐอเมริกามหาอำนาจอันดับ 1 ของโลกก็มีปัญหาเศรษฐกิจและสังคมเหมือนกันกับเมืองไทย” ทำไมประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ กลับมีจำนวนคนไร้บ้านแตะ 6 แสนคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ ปัญหาคนไรบ้านสะท้อนถึงเรื่องอะไรบ้าง

สหรัฐเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน การมีที่อยู่อาศัยเป็นสิทธิมนุษยชนหลัก แต่คนหลายล้านคนยังไม่มีสิทธิพื้นฐานเหล่านี้ ซึ่งรวมไปถึงปัญหาการเหยียดผิว มีสถิติของทางสหรัฐอเมริกาเองระบุว่า ชาวอเมริกันผิวดำเป็นคนไร้บ้านมากกว่าผิวขาวถึงสามเท่า ชาวอเมริกันในหมู่เกาะแถบฮาวายและชนพื้นเมือง Native Americans ก็มีอัตราส่วนไร้บ้านมากกว่าคนผิวขาว การหาซื้อหรือเช่าบ้านของชนกลุ่มน้อยในอเมริกาก็มักโดนกีดกัน

นอกจากนี้ 30% ของคนอเมริกันไร้บ้านมีปัญหาเรื่องปัญหาทางจิตและ 38% ติดสิ่งเสพติดรวมทั้งแอลกอฮอล์ 26% ติดยาเสพติดแบบรุนแรง เมื่อมีปัญหาทางสุขภาพจิตและติดยาก็ทำให้โดนรังเกียจเมื่อไปหาบ้านเช่า ซึ่งมันคือปัญหาแบบงูกินหาง

“ท่านเคยทราบหรือไม่ว่า!” สหรัฐเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน แต่ความเสมอภาคทางเพศยังเป็นสิ่งที่ต้องปรับปรุงในอเมริกาอีกมาก เช่น กลุ่ม LGBTQ+ ไม่ได้รับการยอมรับเท่าเมืองไทยด้วยซ้ำ

Quote คำพูดของนายกรัฐมนตรี

(3 มี.ค.66) ที่วัดใหญ่ชัยมงคล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับออกจากวัดใหญ่ชัยมงคล ภายหลังจากที่ได้กราบไหว้สักการะพระพุทธชินราช และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และได้ขอพรอะไรบ้าง ว่า “ก็เหมือนทุกครั้ง เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน สืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทยที่พระมหากษัตริย์องค์ก่อน ๆ ได้ทำไว้”

 

เสื่อมเสียต่อสภาฯ!! สภาฯ สั่งลุย! ตั้งคณะกรรมการฯ สอบข้อเท็จจริง ปม ส.ส.เล่นพนัน ลั่น! หากผิดจริง ฟันตามกฎหมาย

(3 มี.ค.2566) ว่าที่ ร.ต.ยุทธนา สำเภาเงิน ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ในฐานะโฆษกประจำสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ชี้แจงกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ ส.ส. กรณีพบการเล่นการพนันในพื้นที่อาคารรัฐสภาบริเวณห้องทำงานของ ส.ส. ว่า ในการเข้าใช้ห้องทำงานของ ส.ส. ยังมีระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการบริหารจัดการพื้นที่และอาคารรัฐสภา พ.ศ. 2565 เกี่ยวกับข้อปฏิบัติทั่วไปในการใช้พื้นที่และอาคารรัฐสภา ข้อ 8 (2) ที่ห้ามมิให้มีการกระทำการใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมอันดี

 

ดังนั้น เมื่อปรากฏตามข้อร้องเรียนว่า มี ส.ส. เล่นการพนันภายในพื้นที่รัฐสภา ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 อันเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา และฝ่าฝืนข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ ส.ส. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ที่กำหนดให้สมาชิกฯ ต้องรักษาไว้และปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่กระทำการใด ๆ อันก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของประเทศชาติและสภาฯ

ถอนหงอกรุ่นใหญ่!! 'ชัยชนะ' อัด'ไตรรงค์' ปมเงินล็อบบี้ เพื่อนั่ง ‘กก.บห.’ ลั่น! “ให้ร้ายบ้านเก่าเพื่อเอาใจบ้านใหม่”

'ชัยชนะ' ซัด 'ไตรรงค์' ตบะแตกเข้าทำนอง 'ให้ร้ายบ้านเก่าเพื่อเอาใจบ้านใหม่' ชี้ต้องยอมออกหน้า ปมเงินล็อบบี้ 500,000 บาท เพื่อตำแหน่ง กก.บห. แทนเจ้าของเรื่อง เพราะอาศัยความมีหลักการและเครดิตที่สูง ชี้คนที่เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจง ยันอุดมการณ์ ปชป. ยังเข้มแข็งอยู่ตลอดไป แต่บางคนเท่านั้นที่อ่อนไหวไม่มั่นคงกับอุดมการณ์ของพรรคฯ

2 มี.ค. 2566 - นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ระบุถึงอดีตที่ผ่านมามีคนในปชป. เสนอเงิน 500,000 บาท ให้แก่ น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อให้ช่วยล็อบบี้คนในกลุ่มของ น.ส.วชิราภรณ์ โหวตเป็นดำรงกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ว่า นึกไม่ถึงนายไตรรงค์ ที่เคยถูกยกย่องว่าเป็นนักการเมืองคุณภาพคนหนึ่งในวงการการเมือง จะทำตัวเข้าทำนอง 'ให้ร้ายบ้านเก่าเพื่อเอาใจบ้านใหม่' เพราะที่ผ่านมา หลังจากนายไตรรงค์ ได้ย้ายไปสังกัด รทสช. แล้ว ก็ไม่ได้มีการพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด แต่เมื่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า มีพรรคการเมืองที่ไม่ได้เติบโตด้วยตนเอง แต่อาศัยตกปลาในบ่อเพื่อน ปรากฏว่า นายไตรรงค์ ออกอาการตบะแตก และแสดงพฤติกรรมไม่ต่างจากบางคนที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และไปสังกัดพรรคใหม่ คือการวาดภาพให้พรรคเดิมออกมาเลวร้าย เพื่อหวังให้ประชาชนสงสาร และตัดสินใจเลือกกลับเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง

กรณีที่นายไตรรงค์ กล่าวอ้างว่า ในการเลือกกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ มีการใช้เงินให้ได้ดำรงตำแหน่งฯ โดยกล่าวอ้างคำบอกเล่าของ น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ บุตรสาวของนายชุมพล กาญจนะ ว่าอยู่ๆ มีคนเอาเงินมาให้ 500,000 บาท บอกให้ช่วยเจรจากับคนในกลุ่มอีก 3 คน เพื่อให้ยกมือสนับสนุนนั้น ตนสงสัยว่า ทำไมนายไตรรงค์ ถึงเพิ่งออกมาพูด ทั้งๆ ที่เวลาล่วงเลยมานานแล้ว ดังนั้น ตนขอชี้แจงว่า ยืนยันไม่มีใครเสนอให้เงินบุตรสาวนายชุมพล กาญจนะ ถึง 500,000 บาท ซึ่งหากไตรรงค์และ น.ส.วชิราภรณ์ มีข้อเท็จจริงก็ขอให้ยืนยันมา

ที่ผ่านๆมา นายไตรรงค์ ก็เป็นคนพูดจามีหลักการ และหลายๆคน ก็ยกย่องว่าเป็นนักการเมืองน้ำดี แต่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ นายไตรรงค์ อาจจะพูดจาแบบไม่ทันได้ยั้งคิด จึงทำให้เกิดผลกระทบลามไปจนถึงพรรคที่ท่านสังกัดอยู่ในเวลานี้ รวมทั้งหากไม่มีหลักฐานตามที่กล่าวอ้างแล้ว นายไตรรงค์ก็ทราบดีว่า คนที่ถูกพาดพิงก็มีสิทธิที่จะปกป้องตัวเองตามกฎหมายเช่นเดียวกัน

"ที่ผ่านมา ผมก็ทราบว่า บางคนที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไป ก็พยายามสร้างภาพให้ประชาชนดูว่า ที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไป เพราะตัวเองถูกรังแกบ้าง ไม่ได้รับโอกาสบ้าง รวมทั้งแกล้งทำเป็นหลงลืมเพื่อจะได้พูดจาตอบโต้พรรคที่เคยจากมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เองก็ได้แก้ปัญหาโดยการเปิดตัวคนใหม่ ให้มาเป็นผู้สมัครของพรรคฯ อย่างต่อเนื่อง เปรียบเสมือนการเพาะพันธุ์ปลาตัวใหม่ โดยเสริมวัคซีนเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาจับปลาในบ่อไปได้อีก รวมทั้งพยายามที่จะไม่โต้ตอบกับคนที่พูดจาในลักษณะนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top