Wednesday, 14 May 2025
POLITICS NEWS

กระทรวงแรงงาน จัดพิธีมอบธงและใบประกาศเกียรติคุณ GLP ให้สถานประกอบกิจการ ที่มุ่งมั่นนำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดีมาบริหารจัดการ

กระทรวงแรงงานจัดพิธีมอบธงสัญลักษณ์และใบประกาศเกียรติคุณแก่สถานประกอบกิจการ และเขตอุตสาหกรรมที่นำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (good labour practices: GLP) ไปใช้ในการบริหารจัดการด้านแรงงานซึ่งเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวในฐานะเป็นประธานในพิธีมอบธงสัญลักษณ์และใบประกาศเกียรติคุณแก่สถานประกอบกิจการ และเขตอุตสาหกรรมที่นำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (good labour practices: GLP) ไปใช้ ณ ศูนย์การค้า Terminal 21 จังหวัดนครราชสีมา ว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สั่งการให้นำนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำหนดนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ นโยบายของรัฐบาล และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนประเทศ โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตในการทำงานให้ดีขึ้น 

จึงกำหนดนโยบายผลักดันและยกระดับการบริหารจัดการแรงงานในสถานประกอบกิจการให้มีมาตรฐานเพื่อมุ่งสู่งานที่มีคุณค่า (Decent Work) และส่งเสริมให้มีการพัฒนาแรงงานที่ยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายสากล กระทรวงแรงงานจึงกำหนดนโยบายเพื่อตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย ได้กำหนดมาตรการถอดรายการสินค้าออกจากรายการที่ถูกขึ้นบัญชีการใช้แรงงานเด็กหรือแรงงานบังคับ โดยการส่งเสริมการจัดทำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (Good Labour Practices: GLP) ในอุตสาหกรรมกุ้ง อาหารทะเล และอุตสาหกรรมเรือประมง ซึ่งถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาองค์กรให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดี อันนำไปสู่การเสริมสร้างความสามารถทางการค้าของประเทศไทย และเป็นการแสดงออกถึงการประกอบธุรกิจอย่างมีจริยธรรม สามารถเพิ่มโอกาสทางการค้าและภาพลักษณ์ที่ดีแก่ผู้ประกอบการ ในยุคที่กระแสความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค 

นางโสภา เกียรตินิรชา รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานครั้งนี้ เป็นการสร้างความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนซึ่งเป็นสถานประกอบกิจการที่ช่วยกันขับเคลื่อนนิคมอุตสาหกรรมต้นแบบแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (GLP) ในด้านการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ไม่มีการค้ามนุษย์

ซึ่งปัจจุบันมีสถานประกอบกิจการที่นำแนวปฏิบัติ การใช้แรงงานที่ดี (GLP) ไปใช้ในการบริหารจัดการด้านแรงงาน จำนวน 21,787 แห่ง ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตลูกจ้าง 1,337,142 คน โดยในวันนี้ได้มอบธงสัญลักษณ์และใบประกาศเกียรติคุณแก่สถานประกอบกิจการจำนวน 138 แห่ง เพื่อประกาศเกียรติคุณและยกย่องสถานประกอบกิจการและเขตอุตสาหกรรมในจังหวัดนครราชสีมาที่มุ่งมั่นในการนำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดีมาใช้ในการบริหารจัดการด้านแรงงาน ถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม สามารถเป็นต้นแบบให้กับสถานประกอบกิจการอื่นนำไปใช้เป็นแบบอย่างในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม

ตำรวจชี้ เร่งสอบ 3 นิ้วกระทำผิดมาตรา 112 แยกราชประสงค์ วันที่ 24 มีนาคม ส่วนผู้ต้องหาปราศรัยหน้าสถานทูตเยอรมันบางรายหลบหายไปต่างประเทศ

พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ บช.น.อยู่ระหว่างถอดเทปคำปราศรัยของแกนนำที่ร่วมชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา หากพบบุคคลใด มีการกล่าวถ้อยคำ หรือแสดงออกในลักษณะที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะความผิดกฎหมายตามมาตรา 112 ก็จะถูกดำเนินคดีเป็นราย ๆ ไป

รวมถึงตรวจพิสูจน์ตัวบุคคลอีกอย่างน้อย 10 คน ที่ถือป้ายข้อความในลักษณะหมิ่นสถาบัน หากพบมีความผิดชัดเจน ก็จะทยอยออกหมายเรียก มาแจ้งความดำเนินคดีต่อไป พร้อมประสานกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพื่อเอาผิดกับผู้โพสต์ข้อความชักชวนให้มวลชนมารวมชุมนุมในทุกครั้งที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เบื้องต้น สามารถรวบรวมข้อมูลได้ในระดับหนึ่งแล้ว

ส่วนกรณีการติดตามตัวเพื่อนสาวคนสนิทของ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอททอมบลูส์ ที่ร่วมกับแอมมี่ ก่อเหตุเผาพระบรมฉายาลักษณ์ ด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ล่าสุด ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัว และทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ ยังคงอยู่ในประเทศ ส่วนผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่ถูกออกหมายเรียกจากการชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทยก่อนหน้านี้ จากการติดตามล่าสุดทราบว่า มีบางคนหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว

.

ที่มา: https://www.naewna.com/local/561959


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน

ประจำวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2564


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

รองโฆษก ปชป. แจง เปลี่ยนตัววิปรัฐบาล ให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาทำหน้าที่ตามนโยบายของพรรค

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่มีการปรับปรุงตัวบุคคลในวิปรัฐบาล ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีการเปลี่ยนตัวบุคคลนั้น เนื่องจาก ส.ส.ที่เป็นกรรมการวิปรัฐบาลอยู่ก่อนหน้านี้ เต็มใจที่จะออกจากตำแหน่ง เพื่อต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำหน้าที่

ซึ่งการสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาทำหน้าที่ก็เป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ และเมื่อได้รับแจ้งจากนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานวิปรัฐบาลว่าจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวบุคคล จึงให้แต่ละพรรคการเมืองไปพิจารณาว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลหรือไม่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้มีหารือและได้ปรับเปลี่ยนตัวบุคคลดังที่ปรากฎไป

“รุ่นพี่ที่เป็น ส.ส.มาแล้วหลายสมัย ที่อยู่ในวิปรัฐบาลมีสปิริตและเต็มใจออกเพื่อที่จะเปิดทางให้กับคนรุ่นใหม่ เข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งได้มี ส.ส.ที่เป็นคนรุ่นใหม่แจ้งความจำนงว่าอยากจะเข้ามาทำหน้าที่ ผู้ใหญ่ในพรรคจึงได้พิจารณาให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น” นายอัครเดช กล่าว

“เทพไท” เข้าใจหัวอก “เอ๋ ปรีณา” ชะตากรรมเดียวกัน ถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. พร้อมอวยพรขอให้โชคดี

เมื่อวันที่ 26 มี.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า มีข่าวเกี่ยวกับคดีความการขึ้นโรงขึ้นศาลที่ปรากฏในหน้าสื่ออยู่หลายข่าว แต่ข่าวที่ปรากฎในหน้าสื่อมากที่สุด ก็น่าจะเป็นข่าวของ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์  ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับคำร้องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และมีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว ทำให้ข่าวของคุณเสก โลโซ ที่ถูกศาลฎีกามีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว เล็กลงไปทันที รวมไปถึงข่าวการเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ของตน ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ปรากฎเป็นข่าวเล็ก ๆ ในสื่อบางสำนักเท่านั้นเอง

“ในฐานะที่เป็นนักการเมืองคนหนึ่ง และเคยถูกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราวมาก่อน ย่อมเข้าใจความรู้สึกของ คุณปารีณา เป็นอย่างดี และรู้สึกเห็นใจ เพราะคนที่เป็นนักการเมืองย่อมมีความผูกพันกับชาวบ้านในเขตพื้นที่เลือกตั้งเป็นธรรมดา แต่ระหว่างที่กำลังสู้คดีความนั้น  คุณปารีณาก็สามารถทำหน้าที่ ส.ส.นอกสภาได้เหมือนเดิม เพียงแต่ไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถอภิปราย หรือใช้สิทธิ์ลงมติใด ๆ ได้เท่านั้น 

แต่การทำหน้าที่ ส.ส. ที่เป็นตัวแทนของประชาชนนอกสภา ก็ยังสามารถทำได้เหมือนเดิม  เช่น การลงพื้นที่เยี่ยมเยียนพบปะพี่น้องประชาชน หรือร่วมกิจกรรมต่างๆ ก็ยังคงทำได้เหมือนเดิม และเชื่อว่าบทบาทของคุณปารีณา ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ก็คงยังปรากฏให้เห็นอยู่บนหน้าสื่อเหมือนเดิม เพียงแต่อาจจะน้อยลงไปบ้าง ถ้าหากต้องเจียดเวลาไปเตรียมการต่อสู้คดีในศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จนกว่าคดีจะถึงที่สุด”

ส่วนตัวกับคุณปารีณารู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แม้บางครั้งอาจจะถูกคุณปารีณาให้ข่าวพาดพิงถึงบ้างก็ตาม  แต่ก็ไม่ได้ถือสาและตอบโต้แต่อย่างใด มาวันนี้เมื่อคุณปารีณา เจอชะตากรรมเหมือนที่ผมเคยเจอมาก่อน ก็ย่อมเข้าใจความรู้สึกเป็นอย่างดี ขอให้กำลังใจในฐานะนักการเมืองด้วยกัน และขอให้โชคดีนะครับ” นายเทพไท ระบุ

ศรีสุวรรณ บุก สภ.ภูพิงค์ เชียงใหม่ แจ้งความ เอาผิด ก๊วนทำธงชาติไร้สีน้ำเงิน - นักแสดงดัง

วันที่ 16 มีนาคม นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางไปยัง สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ที่นำธงชาติไทยแต่ไร้แถบสีน้ำเงินมากระทำการในลักษณะไม่สมควร เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 บริเวณคณะวิจิตรศิลป์ มช.ตามพระราชบัญญัติธง พ.ศ.2522 โดยมีนักแสดงหญิงชื่อดังที่ทำตัวเป็นท่อน้ำเลี้ยงพ่วงอยู่ด้วยนั้น

สืบเนื่องมาจาก รศ.อัศวิณีย์ หวานจริง คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ ได้เข้าไปหอศิลป์มหาลัยในฐานะคณะบดีวิจิตรศิลป์ เพื่อดูความพร้อมของสถานที่ เตรียมรับผลงานแสดงวิทยานิพนธ์ของต่างสถาบัน ที่มาขอใช้พื้นที่แสดงงานแล้วตรวจพบธงชาติไทยที่เอาสีน้ำเงินออก พร้อมข้อความด่าทอในลักษณะต่างๆ ซึ่งเป็นธงที่เคยใช้ในม็อบต่อต้าน112 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 ที่สนามกีฬา มช. เมื่อไม่กี่วันก่อน ปะปนอยู่กับงานศิลปะนักศึกษา โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงให้เจ้าหน้าที่เอาออกไป จนกลายเป็นข่าววิพากษ์วิจารณ์กันมากในขณะนี้

ซึ่งการจัดทำธงชาติไทย แต่ไม่มีแถบสีน้ำเงินนั้น เป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ธง 2522 ในหลายมาตรา อาทิ ม.53 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด อาทิ ประดิษฐ์รูป ตัวอักษร ตัวเลข หรือเครื่องหมายอื่นใดในผืนธง ใช้ ชัก หรือแสดงธง รูปจำลองของธง หรือในแถบสีของธง อันมีลักษณะโดยไม่สมควร ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ม.54 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการเหยียดหยามต่อธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีธงที่ได้บัญญัติกำหนดลักษณะไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่กำหนดในกฎของกระทรวง ซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

และตามประมวลกฎหมายอาญา ม.118 ก็ยังบัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการใด ๆ ต่อธงหรือเครื่องหมายอื่นใดอันมีความหมายถึงรัฐ เพื่อเหยียดหยามประเทศชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ดังนั้น สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงไม่อาจทนดูพฤติกรรมของผู้ที่นำธงของชาติไทยมาลบหลู่ ดูหมิ่น และใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไปได้ จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานมาแจ้งความต่อ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพื่อเอาผิดผู้ที่ทำธงดังกล่าว รวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมที่สนามกีฬา มช. เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 ฐานเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิด ตาม พรก.ฉุกเฉิน 2548 และ พรบ.โรคติดต่อ 2558 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ม.116 และ ม.215

‘พรรคกล้า กทม.’ ร้องผู้ว่า กทม. จ่ายเงินลูกจ้างโครงการ หลังค้างจ่ายค่าจ้าง 3 เดือน ขอเร่งบรรเทาความเดือดร้อน แก้ระเบียบหรือสำรองจ่ายไปก่อน

นายเอกชัย ผ่องจิตร์ เลขานุการกลุ่มกรุงเทพมหานคร พรรคกล้า เรียกร้องถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จ่ายค่าตอบแทนลูกจ้างโครงการของ กทม. เนื่องจากไม่ได้ค่าตอบแทนการทำงานเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบันได้รับผลกระทบสถานการณ์โควิดระบาด และยังต้องปฏิบัติหน้าอยู่

นายเอกชัย กล่าวว่า "ลูกจ้างกลุ่มนี้มีการแต่งตั้งภายใต้คำสั่ง การแต่งตั้งบุคคลภายนอกที่ช่วยปฏิบัติราชการเกี่ยวกับกิจกรรมส่งเสริมกีฬา ศูนย์เยาวชน ดนตรี ห้องสมุดประชาชน สภาเยาวชนเขตต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกิจการพัฒนาเด็ก เยาวชน และประชาชนตามโครงการหรือกิจกรรมที่ช่วยปฏิบัติราชการ อื่น ๆ ตามคำสั่ง"

โดยยึดระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยอัตราค่าตอบแทนค่ารางวัล ค่าเบี้ยเลี้ยง ฯลฯ พ.ศ.2539 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2557 อัตราค่าจ้างคิดเป็น 360 บาทต่อวัน ระยะเวลาการจ้างงานสัญญาปีต่อปี ทำงานทุกวันคือ 7 วันต่อสัปดาห์ ไม่เว้นวันหยุด พร้อมถูกหักเงินเข้าประกันสังคมด้วย โดยจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือนมาตลอด จนกระทั่งมีการร่างระเบียบขึ้นใหม่เพื่อปรับอัตราค่าจ้างขึ้นเป็น 480 บาท แต่สำนักงานเขตหลายแห่งไม่สามารถทำเรื่องเบิกค่าตอบแทนดังกล่าวได้ เพราะระเบียบไม่ได้ระบุค่าตอบแทนให้ทางสำนักงานเขตเป็นผู้จ่าย แต่ระบุให้สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร เป็นผู้จัดการเท่านั้น ให้ทำเรื่องเบิกจ่ายทำได้แต่เพียงหน่วยงานเดียว

แต่ต่อมา สำนักวัฒนธรรมฯ ได้ยกเลิกระเบียบเดิม โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงทำให้สำนักงานเขตหลายแห่ง ไม่สามารถอ้างถึงระเบียบการจ่ายใด ๆ ได้เลย ทำให้ลูกจ้างไม่ได้รับอัตราค่าตอบแทนตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่เช่นเดิม ได้เงินเยียวยาตามโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนในช่วงโควิด-19 เพียงเท่านั้น

นายเอกชัย ฝากถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขอให้แก้ไขปัญหานี้ให้กับลูกจ้างโครงการฯ ที่ได้รับความเดือดร้อนหลายพันคน ขอเสนอให้ลูกจ้างโครงการได้รับเงินเดือนตามอัตราที่จ้างไม่ว่าจะเป็นระเบียบเดิมหรือระเบียบใหม่โดยเร็วที่สุด หรือจะเป็นการเบิกเงินสำรองจ่าย หรือเงินอื่น ๆ ที่พึงกระทำได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ทีมงานในระดับผู้ปฏิบัติงาน ได้มีพลังในการทำหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายเพื่อชาวกรุงเทพฯ ด้วย


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

“วิรัช” แจง ปรับวิปรัฐบาล เพื่อความเหมาะสม ชี้! อดีต รมต.กปปส. “ณัฏฐพล –พุทธิพงษ์”ก็ลาออกด้วย

เมื่อวันที่ 26 มี.ค.นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนตำแหน่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร(ปสส.) ว่า สาเหตุที่พรรคพปชร.มีการปรับเปลี่ยน เนื่องจากบุคคลที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร ต้องทำหน้าที่ใน กมธ. จึงไม่มีเวลามาร่วมประชุมกับวิปรัฐบาล อาทิ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. ที่เป็นประธาน กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน  นายสุชาติ อุสาหะ  ส.ส.เพชรบุรี ประธานกมธ.ศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม  นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา ประธาน กมธ.การเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน  

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็จะขอลาออกจากวิปรัฐบาล เนื่องจากมีภารกิจงานอื่นใน กมธ.ค่อนข้างมาก จึงจะสลับให้นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม. กลับเข้ามาเป็นวิปรัฐบาลอีกครั้ง ทั้งนี้ยังมีพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องการขอเปลี่ยนตัววิปด้วยเช่นเดียวกัน  ขณะที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส)ที่ลาออกจากวิปรัฐบาลเช่นกัน

นอกจากนี้ในสัดส่วนของครม. ก็มีผู้ลาออก ได้แก่ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรมว.ศึกษาธิการ  นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรมว.ดีอีเอส ดังนั้นจะมีประกาศปรับปรุงองค์ประกอบในคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.)ออกมาใหม่อีก1 ฉบับ

“ไม่อยากให้มองตรงนี้เป็นเรื่องของความขัดแย้ง ที่ผ่านมาวิปรัฐบาล มีการประสานงานร่วมกันด้วยดีทุกพรรค และที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวบุคคล เพราะตลอดเวลากว่า 1 ปี ทุกคนมีภารกิจ มีงานเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไม่มีเวลามาทำงานตรงนี้ได้ จึงได้สลับปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม” นายวิรัช กล่าว 

“นฤมล” เยือนชลบุรี ยกระดับศักยภาพคนพิการ สร้างอาชีพที่มั่นคง

วันที่ 26 มีนาคม 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวิฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน นางสาวอำพันธ์ ธุววิทย์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะ เยี่ยมชมการดำเนินงานของมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ประกอบด้วย สายด่วนคนพิการ 1479 ศูนย์พัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม โรงเรียนพิเศษคุณพ่อเรย์ ศูนย์แฟลชโฮม สาขาโรงเรียนเด็กพิเศษคุณพ่อเรย์ ห้องพักและศูนย์ประชุมพระมหาไถ่ และวิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา ให้กำลังใจแก่นักเรียน นักศึกษา บุคลากรของมูลนิธิฯ รวมถึงเปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์ไทวัสดุ ณ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ จังหวัดชลบุรี

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการเป็นองค์กรชั้นนำด้านคนพิการระดับสากล มีประสบการณ์ในการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการสู่การมีงานทำที่มีคุณค่า มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในด้านการจัดการศึกษา การฝึกอาชีพ บริการจัดหางาน รณรงค์ด้านการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของคนพิการ นอกจากนี้ยังมีการให้บริการสายด่วนคนพิการประชารัฐ การผลิตรายการโทรทัศน์ กิจกรรมด้านสื่อและการประชาสัมพันธ์ สะท้อนให้เห็นถึงการเปิดโอกาสให้คนพิการได้มีบทบาทและมีส่วนร่วมในสังคมมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการยอมรับในศักยภาพของคนพิการ อันเกิดจากความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมที่ร่วมผลักดันและขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

รมช.แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์ไทวัสดุเพื่อคนพิการวันนี้ เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสนับสนุนการส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการ ยกระดับการทำงาน รวมถึงเป็นการประสานความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการสู่การมีงานทำที่มีคุณค่าของคนพิการอย่างยั่งยืน ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกทักษะอาชีพให้คนพิการ เพื่อนำไปสู่การยอมรับของสังคม และมีความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และเหมาะสมต่อกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทุกกลุ่ม เพื่อให้มีทักษะ สามารถนำไปประกอบอาชีพ ให้มีงานทำ มีรายได้ที่ยั่งยืนต่อไป

“กลุ่มคนพิการเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญและมีศักยภาพเพียงพอต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้คนพิการได้มีโอกาสเข้าถึงทุกอาชีพ เพื่อสะท้อนศักยภาพของคนพิการให้เกิดการยอมรับในสังคมเทียบเท่ากับคนปกติ” รมช.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

“อนุชา” ชี้! รมต.พปชร.มี “ความรู้-ความสามารถ” มั่นใจเป็นคนเก่ง-คนดี ทำงานได้

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงรัฐมนตรีใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ 2 คน ได้แก่ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่า รัฐมนตรีทั้งคู่เป็นคนที่มีความเหมาะสม มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในฐานะส.ส.หลายสมัย มั่นใจว่ารัฐมนตรีทั้ง 2 ของพรรค จะเป็นผู้บริหารงานในกระทรวงได้เป็นอย่างดี

“ผมเคยทำงานร่วมกับคุณนางสาวตรีนุช ในขณะที่เป็น ส.ส.พรรคไทยรักไทย 2 สมัย ส่วนคุณชัยวุฒิ ได้ร่วมงานกันตอนพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่เริ่มต้น จึงเห็นศักยภาพของทั้ง 2 ท่านว่าเป็นคนเก่ง เป็นคนดี มีความรู้ความสามารถ” นายอนุชา กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top