Monday, 12 May 2025
POLITICS NEWS

'อ.หริรักษ์' ชี้!! หากกฎหมายยุบพรรคการเมืองเป็นการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย การแก้ไข 112 ตามมุม 44 สส. ก็เป็นการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์

เมื่อวานนี้ (9 ส.ค.67) รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr โดยระบุว่า ในคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ศาลรัฐธรรมนูญตอบข้อโต้แย้งทั้งหมดของพรรคก้าวไกล และดูเหมือนศาลรัฐธรรมนูญจะให้ความสำคัญต่อกรณีที่ สส.พรรคก้าวไกล 44 คนเข้าชื่อกันขอแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 ว่าเป็นเจตนาที่จะเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสำคัญ

ใครที่คิดว่าเป็นการดำเนินการตามกระบวนการนิติบัญญัติธรรมดา ต้องไปอ่านรายละเอียดเสียก่อนว่า เนื้อหาเป็นอย่างไร

ถ้าบอกว่ากฎหมายที่ให้มีการยุบพรรคการเมืองได้เป็นการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย การแก้ไขมาตรา 112 ตามแนวทางของสส.44 คน ก็เป็นการยิ่งกว่าบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์เสียอีก เพราะไปยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งผู้ที่หมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ มีโทษจำคุก 3 ถึง 15 ปี ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล มาเป็นดังนี้

มาตรา 135/5 ผู้ใดดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 135/6 ผู้ใดดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระราชินี องค์รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 135/7 ผู้ใดติชม หรือแสดงความคิดเห็น หรือแสดงข้อความใดโดยสุจริต เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ผู้นั้นไม่มีความผิดตามมาตรา 135/5 และมาตรา 135/6

มาตรา 135/8 ความผิดฐานในลักษณะนี้ ถ้าผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าผิดนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ หากข้อที่กล่าวหาที่ว่าเป็นความผิดนั้น เป็นเรื่องความเป็นอยู่ส่วนพระองค์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัว แล้วแต่กรณี และการพิสูจน์นั้นไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน

มาตรา 135/9 ความผิดในลักษณะนี้เป็นความผิดอันยอมความได้
ให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหายในความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติของพระมหากษัตริย์...........

ข้อสรุปที่สำคัญคือ
1. โทษจำคุกสูงสุดของผู้ที่ดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์คือ 1 ปี หรือจะเสียค่าปรับ 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล เป็นการลดโทษลงมาให้เหลือเท่ากับการหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา และจำคุก 6 เดือน หรือปรับสองแสนบาทสำหรับ พระราชินี องค์รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งต่ำกว่าโทษจำคุกบุคคลธรรมดา
2. หากติชมหรือแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่มีความผิด
3. หากพิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่หมิ่นประมาท เป็นความจริง ไม่ต้องรับโทษ
4. ยอมความได้ เพราะเอาออกจากหมวดความมั่นคง
5. ให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์ และเป็นผู้เสียหายแทน

อย่างนี้จะไม่เรียกว่า ‘เซาะกร่อนบ่อนทำลาย’ สถาบันพระมหากษัตริย์แล้วจะเรียกว่าอะไร โทษจำคุกเพียง 1 ปี หรือน้อยกว่า เสียค่าปรับเอาก็ได้ ยอมความก็ได้ หรือไม่มีความผิด ไม่ต้องรับโทษ ก็เป็นไปได้

ถ้าให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์ สำนักพระราชวังต้องใช้เจ้าหน้าที่กี่คนจึงจะปฏิบัติงานนี้ให้ได้ผลได้ เพราะเหตุนี้ประธานรัฐสภาจึงไม่กล้าบรรจุเข้าวาระการประชุม และอย่าได้อ้างว่าเป็นการกระทำของปัจเจกบุคคล ไม่ใช่เป็นการกระทำของพรรค เพราะการอ้างแบบนี้เป็นการอ้างแบบศรีธนญชัย ซึ่งใครๆก็มองออก และแท้ที่จริงแล้วต้องการยกเลิกมาตรา 112 แต่เห็นว่าเป็นไปได้ยาก จึงจะแก้ไขให้มีผลใกล้เคียงกับการยกเลิกมากที่สุด

การดิ้นรนต่อสู้ด้วยการอ้าง 14 ล้านเสียงที่เลือกมา ต้องบอกด้วยว่าใน 14 ล้านเสียงที่เลือกมา มีกี่ล้านเสียงที่เลือกไม่ใช่เพราะต้องการให้ไปแก้หรือยกเลิกมาตรา 112 มีจำนวนมากที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพรรคก้าวไกลจะทำแบบนี้ แต่เลือกเพราะอยากให้โอกาสคนหนุ่มสาวบ้างโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าหนุ่มสาวพวกนี้จะไปทำอะไรต่อประเทศ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์บ้าง และมีกี่ล้านเสียงที่เลือกเพราะไม่ต้องการให้มีการเกณฑ์ทหาร เลือกเพราะต้องการค่าแรงขั้นต่ำวันละ 450 บาท เลือกเพราะต้องการเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท สารพัดเหตุผล การที่ประชาชนเลือกพรรคก้าวไกล ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเลือกให้แล้ว จะไปทำอะไรก็ได้ ทำผิดกฎหมายก็ได้

การดิ้นรน การประกาศโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ การประกาศยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อในรูปแบบเดิม หมายถึงการที่จะต้องเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์ในแบบที่พรรคก้าวไกลต้องการให้ได้ และการที่สถานทูตฝั่งตะวันตก 18 ประเทศ การแถลงการณ์ของสหรัฐอเมริกา องค์การสหประชาชาติ องค์กรเอกชนที่เป็นแนวร่วม ตลอดจนสำนักข่าวฝั่งตะวันตก ต่างออกมาประสานเสียงว่า การยุบพรรคก้าวไกลเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย ยิ่งทำให้น่าเชื่อได้ว่า พรรคก้าวไกลกับประเทศเหล่านี้ มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน และน่าจะมีวาระหรือ agenda บางอย่างต่อประเทศไทย การยุบพรรคก้าวไกลอาจเป็นการขัดขวางวาระหรือ agenda นั้น ไม่ให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการก็ได้

ขอให้ข้อมูลว่า นาย Ben Cardin วุฒิสมาชิกของสหรัฐอเมริกา ที่ส่งหนังสือถึงรัฐบาลไทย แสดงความกังวลเรื่องการวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นวุฒิสมาชิกที่พยายามยื่นให้มีการแก้ไขกฎหมายที่ห้ามไม่ให้ใครก็ตามกล่าวหา หรือโจมตีประเทศอิสราเอล ซึ่งมีการบังคับใช้อยู่ใน 38 รัฐในสหรัฐอเมริกา ให้กำหนดโทษเป็นคดีอาญาโดยให้ผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก แต่ยังไม่สำเร็จ

ต้องขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยด้วยความไม่หวั่นไหวต่อการกดดันของพรรคก้าวไกลและแนวร่วมที่มีชื่อเสียงหลายคน จากเหตุผลและข้อมูลข้างต้น การตัดสินใจของศาลรัฐธรรมนูญนับเป็นผลดีต่อประเทศชาติ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ต้องห่วงว่าการยุบพรรคก้าวไกลจะทำให้คนที่สนับสนุนโกรธแค้นจนไประเบิดในคูหาเลือกตั้งครั้งต่อๆไปอย่างที่อดีตหัวหน้าพรรคประกาศ เพราะความจริงได้รับการเปิดเผยมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่ายังมีคนที่ยังมองไม่เห็นอีกไม่น้อย แต่รับรองว่าไม่ใช่ตายสิบเกิดแสนอย่างที่คุยโม้กัน

สำหรับสส. 44 คนของพรรคก้าวไกลที่เข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็ขอให้โชคดี เพราะพวกคุณต้องการคำนี้มากกว่าใครๆในขณะนี้

‘ผู้กำกับ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ ชี้!! ประวัติศาสตร์ไทยช่วง 2475 ขาดหาย ‘ในหลวง ร.7’ ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญและสละราชสมบัติ แต่ไม่เคยปรากฏในหนังสือเรียนไทย

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 67 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้จัดกิจกรรมเสวนา 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' และรับชมภาพยนตร์ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ ณ ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

สำหรับการเสวนาในหัวข้อ 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' นั้น หนึ่งในวิทยากรที่ขึ้นบรรยายได้แก่ นายวิวัธน์ จิโรจน์กุล ผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ ได้พูดถึงวัตถุประสงค์ของการดำเนินการสร้างภาพยนตร์ดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันด้านประวัติศาสตร์ และยังแก้ไขความเข้าใจผิดให้กับบุคคลในประวัติศาสตร์ รวมถึงความพยายามที่จะถ่ายทอดข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี 2475 ที่ผ่านการศึกษาและค้นคว้าแจกแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือและบิดเบือน

โดยบางช่วงบางตอน นายวิวัธน์ได้กล่าวว่า “ประวัติศาสตร์ไทย มีช่วงที่ขาดหายไป โดยเฉพาะในช่วงปี 2475 หลังจากเหตุการณ์ปฏิวัติ และในหลวง รัชกาลที่ 7 ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญและสละราชสมบัติ ซึ่งประวัติศาสตร์หลังจากนี้หายไปและไม่ปรากฏในหนังสือเรียนเลย”

'กิตติ สิงหาปัด' โพสต์!! รอแถลงการณ์จากพรรคการเมือง หลังก้าวไกลถูกยุบ แต่พรรคอื่นนิ่ง ฟาก 'ชาว X' เมนต์สวนจุกๆ

ไม่นานมานี้ นายกิตติ สิงหาปัด ผู้สื่อข่าว โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์) ระบุว่า...

"การยุบพรรคเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่ดูเหมือนผมยังไม่เห็นแถลงการณ์อย่างเป็นทางการใดๆออกจากพรรค พท./ภจท./พปชร./รทสช./ปชป. ต่อกรณียุบพรรคก้าวไกล หรือสังคมนักการเมืองของไทยเรา ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติพวกนี้"

หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ ก็มีชาว X เข้ามาคอมเมนต์ในดังกล่าว เช่น...

"เสรีภาพไม่ใช่รึ เค้าจะพูดไม่พูด ก็เรื่องของเขา"

"พรรคหนึ่งทำผิดกม.แล้วถูกยุบก็เรื่องปกติมั้ยคะ? ทำไมพรรคอื่นต้องมีแถลงการณ์ถึงพรรคนั้นด้วยล่ะ อีกอย่างพรรคที่ถูกยุบๆเพราะกรณีล้มล้างการปกครอง พรรคอื่นจะแถลงการณ์ถึงเพื่อ?!"

"เวลาคุณขับรถบนถนน แล้วทำผิดกฎจราจร เพื่อจะได้แซงคนอื่นๆ เพื่อให้ไปเร็วขึ้น ผู้โดยสารนั่งในรถ ดีใจกันใหญ่ ฉันถึงที่หมายคนแรก ชนะแล้ว แต่มันมีด่านตำรวจดักจับอยู่ แล้วคนอื่นที่ขับตามมาเห็น คุณกำลังโดนใบสั่ง คุณคิดยังไง สมน้ำหน้าไงคะ แล้วเยาะเย้ยกลับด้วย พี่เคยโดนมาแล้ว พี่รู้ดี"

"แล้วตอนที่ พรรคไทยรักไทย / พรรคพลังประชาชน / พรรคไทยรักษาชาติ ถูกยุบ มีพรรคฝ่ายตรงข้ามออกมาแถลงการณ์อะไรมั้ยครับ? แม้แต่สื่อมวลชน อย่างพวกคุณยังแสดงออกชัดเจนว่าสมน้ำหน้าที่ถูกยุบด้วยซ้ำ"

"ถามว่าก่อนจะโดน...ทุกพรรคเตือนแล้วเคยฟังมั้ยล่ะ นอกจากมั่นหน้ากันแล้ว ยังดูถูกคนอื่นว่าเค้าไม่แน่จริงเท่าตัวเอง ถ้าคิดว่าอยากให้มีแถลงการณ์ก็ออกเองเลยค่ะ จะเห็นอกเห็นใจก็ตามสบาย ว่างๆ ก็ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคใหม่ที่เพิ่งตั้งเลย ทำตัวเองทั้งนั้นเวลาเดือดร้อนจะให้คนอื่นซวยไปด้วย ตลก"

"ไม่รู้กฎหมายเหรอคะ ศาลตัดสินแล้วก็จบ จะไปวิจารณ์อะไร แล้วนี่ก็ไปตั้งพรรคใหม่ชื่นมื่น ยักไหล่แล้วไปต่อ จะไปอะไรเขาคะ"

"คุณกิตติมีแถลงการณ์หรือความเห็นยังไงกรณีที่สื่อมวลชนผู้ประกาศข่าวร่วมอาชีพเดียวกันโดนคดีทุจริตจนต้องติดคุกแล้วก็ยังออกมาทำหน้าที่สื่อเหมือนเดิมในองค์กรสื่อเดียวกันกับคุณกิตติครับ ขอความเห็นในฐานะสื่อที่ทำข่าวเรื่องการทุจริตอย่างสม่ำเสมอครับ???"

"จะให้พรรคที่กล่าวอ้างแถลงการณ์อย่างไร เมื่อผู้นำพรรค / สส. ก็แสดงความเสียใจและไม่เห็นด้วย แต่กลับถูกบรรดาด้อมส้มไปไล่ด่าพวกเขาเสียๆ หายๆ คุณกิตติทราบไหม"

"มันจะคล้าย ๆ กับที่ก้าวไกลเองก็ไม่ได้แสดงความออกใดๆ ในวันสำคัญของชาติเหมือนพรรคอื่นๆ นั้นละครับ"

"อยากถามกลับว่า จะแถลงการณ์เพื่ออะไร ถ้าคุณคิดตามหลักกฎหมายจริงๆ และสิ่งที่เกิดขึ้น คิดแบบไม่เข้าข้างใครเลยนะ แบบเป็นกลางสุดๆ พรรคก้าวไกล สมควรถูกยุบ และยุบถูกต้องแล้ว ถามหาแถลงการณ์? จริยธรรมที่ควรมีในพรรคก้าวไกล หมิ่นเบื้องสูง ลากสถาบันลงมาเล่นสนุก ดูหมิ่น ควรแล้วหรือ #อย่าบิด!!"

'อั้ม เนโกะ' รับ!! ไม่เห็นด้วย ศาลรธน. ยุบพรรคเลวๆ แม้จะทรยศผลประโยชน์ส่วนรวมของ ปชช.ในสังคม

(9 ส.ค.67) อั้ม เนโกะ-ศรัณย์ ฉุยฉาย นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งลี้ภัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก วิจารณ์คำตัดสินยุบพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญ และวิจารณ์พรรคก้าวไกล โดยระบุว่า...

“ทุกคนรู้โลกรู้ว่าบริบททางอำนาจของศาลไทยเป็นยังไง ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคส้ม แม้ว่าจะเป็นพรรคที่อ่อนหัดทางการเมือง เป็นพรรคขี้ข้าจักรวรรดินิยมตะวันตก ทรยศผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนในสังคม อ้างประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนพร้อมหันหน้าซุกไข่ประเทศมหาอำนาจที่ใช้คำว่าสิทธิมนุษยชนเป็นเครื่องหมายทางการค้า โดยไม่มีความคิดวิพากษ์หรือต่อต้านแต่อย่างใด ดังนั้นแล้วต่อให้พรรคก้าวไกลจะไม่ได้เป็นพรรคก้าวหน้า ไม่ใช่พรรคฝ่ายซ้าย หรือเป็นพรรคที่สามารถนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงได้ อั้มก็ไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคเลว ๆ นี้ค่ะ”

'ลอรี่' ขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ห่วงใย ปมยุบ 'ก้าวไกล' หวัง!! คงไม่นำมาใช้สร้างแรงกดดันต่อกันในเวทีสากล

ไม่นานมานี้ นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ หรือ ‘ลอรี่’ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีนายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ได้แสดงความเป็นกังวลต่อสถานการณ์การเมืองไทย หลังเหตุยุบพรรคก้าวไกลที่ระบุว่าคำตัดสินศาลอาจเป็นการบั่นทอนประชาธิปไตยในประเทศไทย โดยได้ชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษ (แปลไทย) ความว่า...

“ผมลอรี่ พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ ในฐานะตัวแทนประชาชนคนไทย เรายินดีน้อมรับความเป็นห่วงของท่าน แต่คงไม่มีประโยชน์อะไร หากนำมันมาสร้างแรงกดดันต่อกัน ระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ในเวทีสากล

เพราะประเด็นภายในชาติเรื่องนี้ มีความละเอียดอ่อน ความพยายามที่จะแก้ หรือยกเลิกกฎหมาย ‘Lèse-majesté’ หรือ ม.112 อันเป็นกฎหมายคุ้มครองประมุขแห่งรัฐ ซึ่งประเทศโดยมากมีบังคับใช้กันทั่ว ถือเป็นพฤติกรรมชัดเจนว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองไทย ที่เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข แยกขาดจากกันไม่ได้

ศาลรัฐธรรมนูญไทย ได้วินิจฉัย เมื่อพรรคมีความผิดสำเร็จในพฤติกรรมที่ทำให้สถาบันกษัตริย์อ่อนแอลง ย่อมเป็นการกระทำที่เป็นการบ่อนทำลายต่อระบอบการปกครองไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้

ผมหวังว่าท่านจะเข้าใจสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วง กฎหมายต้องเป็นกฎหมายบังคับใช้ได้ ขณะที่พรรคการเมืองจัดตั้งใหม่ ที่ทางพรรคก้าวไกลเปิดตัว ก็สามารถต่อสู้ในแนวทางประชาธิปไตยของตัวเองต่อไปได้

ขอบคุณในความห่วงใย.. แต่ประเทศไทยเราโอเค“

เปิดตำนาน 'พรรคประชาชน' ไม่ใช่ชื่อใหม่ถอดด้าม แต่เคยเป็นรังเก่า 'กลุ่ม 10 มกราฯ' เข้าสภาฯ 19 คน

(9 ส.ค.67) จากกระแสข่าวที่ออกมาช่วงค่ำวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า พรรคการเมืองจัดตั้งใหม่ที่มาแทนพรรคก้าวไกล จะใช้ชื่อว่า 'พรรคประชาชน' ที่มีการแถลงเปิดตัวเวลา 12.00 น. ของวันที่ 9 สิงหาคม ที่ตึกไทยซัมมิทฯ นั้น

จากการตรวจสอบของ 'ไทยโพสต์' พบว่า ชื่อพรรคประชาชน ไม่ใช่ชื่อพรรคใหม่ทางการเมืองแต่อย่างใด เพราะเคยเป็นพรรคการเมือง ที่เคยส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งและได้ สส.มาแล้วในช่วงปี 2531 ซึ่งช่วงนั้น เป็นการเมืองในยุครัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี

โดยแกนนำพรรค-ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคประชาชนเวลานั้น ก็คือนักการเมืองจาก 'กลุ่ม 10 มกรา' ที่เป็นกลุ่มการเมืองชื่อดัง จนเป็นตำนานของพรรคประชาธิปัตย์มาถึงทุกวันนี้ 

สำหรับ 'กลุ่ม 10 มกรา' มีแกนนำคือ นายเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ ที่เป็นนักธุรกิจ เคยเป็นนายทุนใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน จนขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในยุคที่มีนายพิชัย รัตตกุล อดีตประธานรัฐสภา เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายเฉลิมพันธ์ คือ บิดาของนางทยา ทีปสุวรรณ อดีตแกนนำ กปปส.-อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคประชาธิปัตย์

ทั้งนี้ ตำนานของ พรรคประชาชน เกิดขึ้นหลังเกิดปัญหาขัดแย้งทางการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์ระหว่างกลุ่มของนายเฉลิมพันธ์ - นายวีระ มุกสิกพงษ์ โดยมีแนวร่วม เช่น กลุ่มวาดะห์ ที่กำลังเริ่มโด่งดังทางการเมือง กับกลุ่มของนายพิชัย รัตตกุล ที่เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เวลานั้น ซึ่งกลุ่มของนายพิชัย มีแนวร่วม เช่น นายชวน หลีกภัย - พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน, นายมารุต บุนนาค, นายเล็ก นานา

โดยพบว่ากลุ่มนายพิชัย ขัดแย้งกับกลุ่มของนายเฉลิมพันธ์ ในเรื่องโควตารัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ และตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์

นั่นจึง ทำให้สส.พรรคประชาธิปัตย์ ในปีของนายเฉลิมพันธ์ ตั้งกลุ่ม 10 มกราฯ ขึ้น เมื่อ 10 มกราคม 2530 ที่โรงแรมเอเชีย โดยมีการงัดข้อทางการเมืองกับกลุ่มนายพิชัย ตลอด จนมาถึงจุดแตกหัก ตอนโหวตร่าง พรบ.ลิขสิทธิ์ และสิทธิบัตร ที่เป็นร่างกฎหมายสำคัญของรัฐบาลพลเอกเปรมเวลานั้น เพราะทางประเทศมหาอำนาจโดยเฉพาะสหรัฐฯ กดดันให้รัฐบาลพลเอกเปรม รีบออกกฎหมายดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ก็มีกระแสคัดค้านไม่เห็นด้วยมากมาย

จนเมื่อร่าง พรบ.ลิขสิทธิ์ฯ เข้าสภาฯ ทาง สส.กลุ่ม 10 มกราคม โหวตสวนไม่เห็นชอบร่างพรบ.ลิขสิทธิ์ฯทั้งที่ตัวเองเป็น สส.รัฐบาล ทำให้ พลเอกเปรม ตัดสินใจยุบสภาฯ โดยเป็นการยุบสภา ก่อนการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านเพียงไม่กี่วัน

และหลังจากนั้น เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง กลุ่ม 10 มกราคม ก็ย้ายออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ไปตั้งพรรคประชาชน ที่เป็นการตั้งพรรคโดยเปลี่ยนชื่อจากพรรคเดิมคือ พรรครักไทย โดยมีนายเฉลิมพันธ์ เป็นหัวหน้าพรรค และมี นายวีระ ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวีระกานต์ อดีตประธาน นปช.เสื้อแดง เป็นเลขาธิการพรรคประชาชน

อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งปี 2531 พรรคประชาชนได้ สส.เข้าสภาฯ ไม่มากเท่าใดนัก คือได้ประมาณ 19 คน และหลังเลือกตั้ง พรรคชาติไทย ที่มีพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้าพรรค ชนะเลือกตั้ง จนพลเอกชาติชาย ขึ้นเป็นนายกฯ หลังพลเอกเปรม ที่เป็นนายกฯ คนนอกมาแปดปี ประกาศไม่รับตำแหน่งนายกฯ กับวาทะอมตะ "ผมพอแล้ว"

โดยการตั้งรัฐบาลดังกล่าว ไม่มีพรรคประชาชนร่วมด้วย เพราะพลเอกชาติชาย ตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่ถูกกับพรรคประชาชน ทำให้พรรคประชาชนกลายเป็นฝ่ายค้าน ร่วมกับพรรคอื่น ๆ เช่น พรรครวมไทย ของนายณรงค์ วงศ์วรรณ - พรรคกิจประชาคม ของนายบุญชู โรจนเสถียร - พรรคก้าวหน้าของนายอุทัย พิมพ์ใจชน

จนต่อมาช่วง เมษายน 2532 ทั้งสี่พรรคฝ่ายค้าน คือ พรรคประชาชน-พรรครวมไทย-พรรคกิจประชาคม-พรรคก้าวหน้า ก็ได้ยุบรวมมาเป็นพรรคเดียวกันชื่อว่า 'พรรคเอกภาพ'

จากนั้นช่วงปี 2534 พลเอกชาติชาย ปรับครม.โดยดึงพรรคเอกภาพเข้าร่วมรัฐบาล แล้วปรับพรรคประชาธิปัตย์ออก แต่อยู่ได้ไม่นานก็เกิดรัฐประหาร รสช. เมื่อ 23 ก.พ.2534 ทำให้ พรรคประชาชน ชื่อก็หายไปจากการเมืองหลายสิบปี พร้อมกับการที่นายเฉลิมพันธ์ วางมือทางการเมือง

โดยพบว่า สส.-นักการเมือง ที่เคยอยู่กับพรรคประชาชน ที่ตอนนี้ยังเป็น สส.อยู่ ก็มีเช่น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาในปัจจุบัน ที่ตอนนั้นออกจากประชาธิปัตย์มาพร้อมกับกลุ่มวาดะห์ และยังมี นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่เคยอยู่กับกลุ่ม 10 มกราฯ มาก่อน ตั้งแต่ยุคเป็น สส.ฉะเชิงเทรา สมัยแรก ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายจาตุรนต์ ออกไปร่วมตั้งพรรคประชาชน พร้อมกับบิดา คือนายอนันต์ ฉายแสง อดีต สส.ฉะเชิงเทราหลายสมัย

ส่วนอดีตศิษย์เก่า พรรคประชาชน ที่ไม่ได้เป็นสส.แต่ยังมีบทบาทการเมืองก็เช่น นายนิกร จำนง ที่เคยเป็น สส.สงขลา กลุ่ม 10 มกราคม แต่ตอนที่ลงสมัคร สส.พรรคประชาชน ไม่ได้รับเลือกตั้ง โดยปัจจุบัน นายนิกร เป็นผอ.พรรคชาติไทยพัฒนามาหลายปี ล่าสุดก็เป็นกรรมาธิการของสภาฯหลายคณะเช่น กรรมาธิการวิสามัญศึกษาการตราพรบ.นิรโทษกรรมฯ เป็นต้น

ขณะที่ คนอื่น ๆ ที่ยังโลดแล่นการเมืองอยู่ก็มีเช่น นายถวิล ไพรสณฑ์ ที่เคยเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล หลังลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ตอนช่วงหลังเลือกตั้งปี 2562 ที่มีสมาชิกพรรคลาออกหลายคนที่เรียกกันตอนนั้นว่า ประชาธิปัตย์เลือดไหลไม่หยุด โดยปัจจุบันนายถวิล ช่วยงานพรรคก้าวไกลในเรื่องท้องถิ่นมาหลายปีแล้ว จนน่าจับตาว่า นายถวิล อาจจะมีส่วนในการช่วยคิดชื่อ พรรคประชาชน รวมถึงยังมีศิษย์เก่า พรรคประชาชนอีกหลายคน เช่น นางอัญชลี วานิช เทพบุตร อดีตเลขาธิการนายกฯ (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) อดีตนายกอบจ.ภูเก็ต ที่เคยลงสมัครสส.พรรคประชาชน เป็นต้น

'ดร.นิว' ชำแหละ!! 'ปิยบุตร' เปลือกนอกการละคร ภายในเลือดเย็นสูง สักวันจะถูกพวกเดียวกันที่ตาสว่าง 'ชำระแค้น-รุมประชาทัณฑ์'

(9 ส.ค. 67) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า…

สักวันปิยบุตรจะถูกพวกเดียวกันรุมประชาทัณฑ์

นายปิยบุตรน่าจะคลุ้มคลั่งแล้วที่ออกมายั่วยุให้ยกเลิกความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงยุบศาลรัฐธรรมนูญไปให้พ้นทาง เจตนาส่อให้เห็นว่านายปิยบุตรไม่ได้เคารพหลักวิชาหรือหลักการประชาธิปไตยอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว หากแต่เป็นอนาธิปไตยตกขอบหัวรุนแรง เนื้อแท้ของนายปิยบุตรจึงเป็นเพียงแค่อาชญากรในคราบนักวิชาการ หรือเรียกได้ว่า ‘อาชญากรทางวิชาการ’

ตลอดระยะเวลานานกว่า 10 ปี นายปิยบุตรคอยยุยงปลุกปั่นสร้างความขัดแย้งและความแตกแยก มักสร้างวาทกรรมเซาะกร่อนบ่อนทำลายความมั่นคงในด้านต่าง ๆ ของประเทศไทย เดินตามตูดภรรยาชาวฝรั่งเศส มุ่งบิดเบือนให้ร้าย สร้างความเข้าใจที่ผิด ๆ ตลอดจนสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งล้วนแต่เป็นการแบ่งแยกประชาชนไปสู่การล้มล้างการปกครองทั้งสิ้น

ถ้าได้ประมือกับนายปิยบุตรและมีโอกาสเปิดโปงการบิดเบือนต่าง ๆ ของเขาอยู่เป็นประจำ ก็จะทราบได้ว่าคำแถลงปิดคดีของนายพิธา ตลอดจนข้อแถโง่ ๆ ทั้ง 9 ข้อของก้าวไกลที่ฟังไม่ขึ้นเลยแม้แต่น้อย น่าจะมาจากหัวสมองอันสกปรกโสมมของนายปิยบุตรทั้งสิ้น ทั้งความเป็นวาทกรรมสำนวนโวหารอันพิลึกพิลั่น ทั้งความเลวชาติในการบิดเบือนตีความกฎหมายแถทุกอย่างเข้าข้างตัวเองแบบข้าง ๆ คู ๆ

นับว่านายปิยบุตรมีความโดดเด่นอย่างมากในการเป็นอาชญากรทางวิชาการ เป็นนักปลุกปั่นตัวยงที่คอยชี้นำทางความคิดให้สาวกไร้สมองทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเอง แต่ระยะหลังบรรดาสาวกเริ่มฉลาดขึ้น ถ้าแกนนำจัดตั้ง ไม่ถอดใจ ไม่ลี้ภัย ก็ติดคุก ต่างเห็นความระยำตำบอนของเขาที่คอยชี้นำสาวกไม่ต่างจากไพร่และทาส ขณะที่ตัวเองมุดหัวอยู่ใต้กระโปรงและจิบไวน์อยู่บนหอคอยงาช้าง

ตอนนายปิยบุตรเป็นอาจารย์ นักศึกษาทำผิดติดคุกติดตะราง ตอนนายปิยบุตรเป็นมาเป็นนักการเมือง แกนนำและมวลชนม็อบสามนิ้วก็ทำผิดติดคุกติดตะราง เปลือกนอกนายปิยบุตรอาจเสแสร้งแสดงละครเป็นคนดีแต่ภายในมีความเลือดเย็นสูงมาก มันค่อนชัดเจนว่านายปิยบุตรต่อสู้เพื่อคนอื่นหรือหลอกใช้คนอื่นให้ต่อสู้เพื่อตัวเอง? สักวันนายปิยบุตรจะถูกพวกเดียวกันที่ตาสว่างรุมประชาทัณฑ์

ท้ายที่สุด เมื่อรู้ว่านายปิยบุตรหลอกใช้ทางความคิด ชี้นำให้ทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเอง ก็จะโกรธแค้นเกินกว่าที่จะให้อภัยกันได้ ไม่เพียงเท่านั้น บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองที่ลูก ๆ โดนนายปิยบุตรล้างสมองหลอกใช้ก็เช่นเดียวกัน เพราะชุดความคิดของนายปิยบุตรเปลี่ยนลูก ๆ ของพวกเขาให้ก้าวร้าวรุนแรงจนเกิดปัญหาภายในครอบครัว พวกเขาได้แต่กดข่มความคั่งแค้น รอคอยวันที่จะชำระสะสาง

ดร.ศุภณัฐ
8 สิงหาคม พ.ศ. 2567
#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ

เปิดโลโก้ ‘พรรคประชาชน’ ค่ายใหม่คณะส้ม ใช้สามเหลี่ยมเป็นสัญลักษณ์ พร้อมชื่อย่อ ‘ปชช.-PP’

(9 ส.ค.67) ที่ตึกไทยซัมมิท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชื่อใหม่ของอดีตพรรคก้าวไกล คือ พรรคประชาชน โดยใช้ชื่อย่อว่า ปชช. เขียนภาษาอังกฤษว่า ‘PEOPLE’S PARTY’ มีชื่อย่อในภาษาอังกฤษว่า PP

ขณะที่เครื่องหมายพรรคมีภาพสัญลักษณ์ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม และมุมทุกด้านของสามเหลี่ยมมุมแต่ละมุมเท่ากันกลายเป็นสามเหลี่ยมหกด้าน โดยใช้สีส้มเป็นสีของสามเหลี่ยม ภาพสัญลักษณ์

ตัวอักษรคำว่า พรรคประชาชน PEOPLE’S PARTY ซึ่งเป็นชื่อพรรคปรากฏอยู่ด้านล่างสามเหลี่ยมดังกล่าว โดยใช้สีกรมท่าเป็นสีของตัวอักษรคำว่า พรรคประชาชน และใช้สีส้มเป็นสีของตัวอักษรคำว่า ‘PEOPLE’S PARTY’

'อี้-แทนคุณ' เห็นใจ 'พิธา' ในฐานะหัวอกคนเป็นพ่อ ห่วงอนาคตลูก แต่คิดอะไรอยู่? ตอนฉวยอนาคตลูกคนอื่นให้ไปด่าพ่อของแผ่นดิน

(8 ส.ค. 67) ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกบทความถึงกรณีที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้ให้สัมภาษณ์หลังพรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคและกรรมการบริหารถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี ว่า...

ฟังคลิปนี้ของคุณพิธาแล้วเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อที่รักและห่วงลูกที่สุด ถึงขนาดหลั่งน้ำตาเมื่อคิดถึงอนาคตของลูกเขา ห่วงเรื่องสิทธิเด็ก ห่วงนั่นห่วงนี่ห่วงยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง ผมเข้าใจความรู้สึกตรงนี้ของพ่อทิม พิธาดีครับ และขอให้กำลังใจในส่วนนี้ รวมทั้งผมได้เคยแสดงจุดยืนว่าไม่เคยเห็นด้วยกับการยุบพรรคใด ๆ เลย 

แต่ถ้าได้ฟังแล้วได้คิด คิดก่อนว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้างนะ ความห่วงใยที่ต้องมีถึงลูกของพ่อแม่คนอื่นที่เขาต้องเป็นห่วงลูกของเขาไหม ว่าจะเป็นอย่างไรกับการที่มีกระบวนการทางการเมืองแบบของคุณหรือไม่ที่ไปนำ 'เด็ก ๆ' ออกจากอ้อมกอดของพ่อแม่ ด้วยการผลิตสื่อ การสนับสนุนจัดชุมนุม การชี้นำประเด็นการเมืองตามใจที่คุณต้องการโดยเฉพาะการดูหมิ่น ด้อยค่า อาฆาตมาดร้ายต่อผู้ที่หลายคนสถาปนาให้เป็น 'พ่อ' ของแผ่นดิน พ่อของชาติ ไปจนถึงกลายเป็นการลดทอนความมั่นคงของชาติที่ควรปกป้องคุ้มครองให้ถึงที่สุดจากลูก ๆ เหมือนกัน

คุณและพวกคุณทำอย่างไรกับลูกของครอบครัวพวกเขาบ้างหรือ คุณนำเด็ก 10 ขวบขึ้นเวทีปราศรัย พูด Hate Speech คุณและพวกของคุณทำอย่างไรกับ 'หยก' ยังไม่นับรวมเยาวชนกลุ่มต่าง ๆ ที่ควรจะมีอนาคตที่สดใสหากไม่มีความพยายามทำการเมืองแบบมุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชน 

'น้ำตา' ของคุณมันน่าจะมีส่วนผสมของความเป็นมนุษย์ มีจิตวิญญาณแห่งความรักและห่วงใยลูกในฐานะพ่อแม่ อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ต่างจาก น้ำตาของพ่อแม่คนอื่น ๆ ที่รินไหลหลั่งรินออกมาเมื่อเวลาที่เขาห่วงใยลูกหลานของเขา 

มีไหมนะประเทศไหนในโลกที่ปล่อยให้มีการเมืองแบบสุดโต่ง โยงลงไปหาเด็กเยาวชนแบบเกลียดชังต่อสถาบันหลักของชาติจนแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างวัยภายในครอบครัว จนเกิดผลกระทบเมื่อต้องมีคดีเพราะทำผิดกฎหมายแบบที่มีอยู่

พวกคุณรู้อยู่แก่ใจว่าหลายเรื่องผิดกฎหมายคุณทำอะไรให้พวกเขาบ้าง นอกจากปลุกปั่นพวกเขาต่อไป สนับสนุนการทำผิดจนต้องติดคุกบ้าง หนีไปบ้าง หมดอนาคตบ้าง และตายบ้าง เว้นพวกเขาบ้างไม่ได้หรือ

หรือเขาไม่ใช่ลูกคุณ เพียงเพราะคุณไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คุณต้องร้องไห้ ลูกของคนที่ต้องติดคุก ต้องตาย (อย่างบุ้ง ขออภัยเอ่ยถึง) และอีกหลาย ๆ คน คุณทำอะไรได้บ้าง

คนของคุณเอาเงินยัดใส่มือ ไปประกัน ไปเชียร์ไปเป่าหู ไปปลุกปั่นสนับสนุนแกนนำเยาวชน ให้เขาสู้เพื่อกระแสพวกคุณหรือไม่ผมไม่อยากวิจารณ์อีก เพราะผมตั้งใจถอยจากการเมืองแล้ว

แต่ผมอินกับเรื่องเด็กและเยาวชนมาก ผมไม่อยากว่าหรือซ้ำเติมคุณและพวกของคุณแต่หวังว่าบทเรียนครั้งนี้จะสร้างสำนึกใหม่ของพวกคุณว่า...

"อย่าเล่นการเมืองแบบสุดโต่งกับเด็ก ๆ จนกลายเป็นลัทธิคลั่งความก้าวร้าว"

เพื่อพ่อแม่คนอื่นจะไม่ต้องร้องไห้แบบที่คุณร้องอีกต่อไป

‘ศิริกัญญา’ เผย!! เตรียมเปิดตัว ‘ชื่อพรรคใหม่-สมาชิกร่วมทาง’ พรุ่งนี้ ไม่หวั่น!! กระแสนิยมพรรคใหม่บู่ ให้ดู 'อนาคตใหม่-ก้าวไกล' เป็นตัวอย่าง

(8 ส.ค. 67) นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และสส.อดีตพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเตรียมแถลงตั้งพรรคใหม่ในวันพรุ่งนี้ (9 ส.ค.67) ว่า วันพรุ่งนี้จะมีการประชุมกันเป็นกระบวนการภายใน จะมีการหยั่งเสียงและเลือกตั้งกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยมั่นใจว่าจะราบรื่นและเป็นไปได้ด้วยดี โดยจะมีสมาชิกที่จะไปต่อด้วยกันมากันอย่างพร้อมหน้า ส่วนชื่อพรรคจะเป็นอะไร จะกี่พยางค์ ผู้นำจะเป็นใครขอให้รอฟังวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะแจ้งสถานที่และเวลาในการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนอีกครั้ง

“ส่วนกระแสข่าวที่ไม่มีใครกล้าขึ้นมาเป็นกรรมการบริหารพรรคเพราะหากถูกยุบพรรคแล้วจะถูกตัดสิทธิทางการเมืองนั้น เป็นเรื่องที่คิดกันได้ แต่ในวันพรุ่งนี้จะมีความชัดเจนว่ากรรมการบริหารพรรคจะมีกี่คน จะมีใครบ้าง ขอให้รอผลการประชุมวันพรุ่งนี้” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

ส่วนจะต้องมีการสลับฟันปลาตัวบุคคล หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจนเกิดการยุบพรรคในอนาคตอาจจะส่งผลให้คนไม่พอในการทำกิจกรรมทางการเมืองนั้น นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า คงไม่ถึงขั้นนั้นแน่นอน แต่สิ่งที่จะต้องพิจารณาคือกรรมการบริหารพรรคที่ควรจะต้องมีวิจารณญาณและมีอุดมการณ์ มีหลักการที่มั่งคงที่จะตัดสินใจแทนสมาชิกพรรคในเรื่องสำคัญ ๆ ของพรรคได้ ดังนั้นเรื่องสลับฟันปลายังไม่ได้เอามาคำนึงถึง

ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และอดีตสส.พรรคก้าวไกล กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีกระแสที่ไม่มีใครกล้าขึ้นมาเป็นกรรมการบริหารพรรค ว่า คงต้องถามไปถึงระบบด้วยในการที่จะมีคนขึ้นมาบริหารพรรคการเมือง เป็นตัวแทนของประชาชน ถูกระบบแบบไหนที่ทำให้คนไม่มีความกล้าขึ้นมาเป็นกรรมการบริหารพรรค ดังนั้นคนที่จะขึ้นมาเป็นภาวะผู้นำได้จะต้องมีความกล้าหาญ แล้วระบบควรที่จะเป็นอย่างไร ส่วนที่พูดกันของคนในอดีตพรรคก้าวไกล คงเป็นเรื่องล้อเล่นมากกว่า ไม่ได้มีอะไรซีเรียส เพราะเมื่อถึงเวลาทุกคนจะต้องสเต็ปอัพขึ้นมา เพื่อให้พรรคใหม่ของเพื่อน ๆ ตนเองยังสามารถเดินทางไปข้างหน้าต่อ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในประชาชน แต่ก็เป็นเรื่องของพวกเขา อาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกับตนเองซึ่งตนเองก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวแล้ว คงเป็นเรื่องของการบริหารจัดการ

ทั้งนี้ หากเทียบกับสมัยตนเอง ตั้งแต่ตอนอนาคตใหม่ เป็นก้าวไกล เวลาที่ประชุม มีกระบวนการ จะให้ตอบชัดเจนว่ากรรมการบริหารเป็นใครก็ต้องมีกระบวนการที่จะหารือกันก่อนภายในก่อนที่จะมาตอบข้างนอก ส่วนจากก้าวไกลจะเป็นอะไรยังไงต่อก็ต้องรอดูวันที่ 9 ส.ค. ส่วนกรรมการบริหารพรรค ก็คงจะดูที่ความสามารถของการบริหารจัดการ ไม่ได้ดูว่าจะเป็นสส.หรือไม่เป็นสส.ว่าเป็นลักษณะอย่างไร ส่วนผลลัพธ์เป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเพื่อน ๆ

ส่วนความกังวลใจเรื่องกระแสนิยมของผู้นำในพรรคใหม่มีการประเมินไว้อย่างไรบ้างนั้น นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า เป็นเรื่องของความเสี่ยงในอนาคตที่เกิดขึ้นได้ แต่หากมองตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ มาก้าวไกล ก็โดนคำสบประมาท โดนคำปรามาสเหมือนกัน แต่เราก็สามารถสั่งสมความนิยมมาได้ จนกลายมาเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งในปี 66 ซึ่งน่าจะเป็นบทพิสูจน์ได้แล้ว และคงจะต้องดูกันยาว ๆ ยังตัดสินวันนี้ไม่ได้

ขณะที่นายพิธา กล่าวเสริมว่า “ผมก็ยังไม่ได้หายไปไหน เพราะคนที่ยังอยู่เขาก็ยังเป็นคนที่สนับสนุนผมตอนผมเป็นผู้นำ ตอนนี้ผมก็ยังจะสนับสนุนพวกเขาตามที่กฎหมายอนุญาต”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top