Tuesday, 13 May 2025
POLITICS NEWS

ครม.เตรียมเคาะโครงการประกันรายได้ “ข้าว มัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์”

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 25 ตุลาคม 2564 ที่ประชุมเตรียมพิจารณาข้อเสนอของหน่วยงานต่าง ๆ โดยกระทรวงพาณิชย์เสนอโครงการประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งจะครอบคลุมพืชสำคัญทั้ง 3 ชนิด คือ ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมไปถึงมาตรการคู่ขนานเพื่อจะช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาพืชแต่ละชนิดเอาไว้ แยกเป็น โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 มีกรอบวงเงินที่ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) วงเงิน 89,402 ล้านบาท กำหนดเป้าหมายเกษตรกร ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร 4.689 ล้านครัวเรือน 

ทั้งนี้ได้กำหนดราคาและปริมาณประกันรายได้ คือ ราคาความชื้นไม่เกิน 15% ไม่เกินครัวเรือนละ 40 ไร่ยกเว้นข้าวเจ้า ไม่เกิน 50 ไร่ โดยชดเชยเป็นจำนวนตันในแต่ละชนิดข้าว คือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ 15,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 14,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 11,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว 12,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน  

ส่วนการประกันรายได้ประกันรายได้มันสำปะหลัง ปีการผลิต 2564/65 มีวงเงิน 6,811 ล้านบาท โดยรัฐบาลรับประกันรายได้ มันสำปะหลังที่กิโลกรัมละ 2.50 บาท แต่ไม่เกิน 100 ตันต่อครัวเรือน และไม่ซ้ำแปลง คาดว่า จะช่วยดูแลเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังกว่า 520,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ และมาตรการคู่ขนาน 4 โครงการ คือ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลัง โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต็อกมันสำปะหลัง และโครงการเพิ่มศักยภาพการแปรรูปมันสำปะหลัง

'ดร.เสรี' ซัด!! สามนิ้วจุฬาบ้าอุดมการณ์ ไม่เคารพการสืบสาน เหมือนเป็นคนไร้ราก

25 ต.ค. 64 - ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย บรรณาธิการบริหาร เพื่อวางกลยุทธ์สื่อสาร ศบค. โพสต์เฟซบุ๊กว่า ถ้าหากชาวจุฬาฯ ทั้งผู้บริหาร คณาจารย์ ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน เขาไม่คิดจะทำอะไรกับการแถลงการณ์ที่ให้ยกเลิกการอัญเชิญพระเกี้ยวเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ดำรงความทัดเทียม คนอื่นก็อย่าไปยุ่งเลยค่ะ

ในฐานะเป็นคนไทยที่กตัญญูรู้คุณ ก็รู้สึกเสียใจ เศร้าใจ ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้กับสถาบันที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระราชวงศ์จักรีที่ทรงปรารถนาให้พสกนิกรได้รับการศึกษา

“เรืองไกร”เตรียมร้องกกต.26 ต.ค.นี้ ชี้ คลิปสนทนา ”เกรียง-ทักษิณ” เข้าข่ายฝืนพรป.พรรคการเมือง ม.28 เป็นเหตุส่อยุบพรรคหรือไม่ 

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ  เปิดเผยว่า ตนถอดคำพูดจากภาพและเสียงระหว่างนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย วิดีโอคอลกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พบว่ามีเหตุที่ต้องขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคลิป ดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนพรป. พรรคการเมือง มาตรา28 "ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม" หรือไม่ โดยประกอบกับการพิจารณาเพิ่มเติมจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา45 คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2563 ข้อบังคับพรรคเพื่อไทย คำวินิจฉัยและหนังสือกกต. ต่างๆและมาตรฐานทางจริยธรรม

นายเรืองไกร กล่าวว่า ข้อความในคลิปที่นายเกรียง ถามนายทักษิณ เช่น เรื่องหัวหน้าพรรคคนใหม่ “นายเกรียง บอกว่าสิ้นเดือนจะไปพบเจ้านาย ส่วนอดีตนายกฯบอกว่า ผมมีหลายแนวทางอยู่ รับรองว่าแต่ละแนวทางส.ส.ที่คิดจะออก เพราะรับตังค์เขามาแล้ว ต้องเอาตังค์ไปคืน และที่บอกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเราที่ยังอยู่กว่าร้อยสามสิบหกคน แข็งแรงทุกคน แล้วสามารถขยายเส้น ขยายเขต ในจังหวัดใกล้เคียงกันได้อีก” ล้วนแต่เป็นการสนทนาที่มีนัยทางการเมือง 

นายเรืองไกร กล่าวว่า นายเกรียง ยอมรับข้อเท็จจริงต่อสื่อไปแล้ว จึงอาจจะมีลักษณะในทางที่เข้าข่ายเป็นการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง ต่อมายังนำลายมือชื่อที่สื่อระบุว่าเป็นของนายทักษิณ ที่เขียนคำว่า “พรรคเพื่อไทย” หรือคำว่า “พรุ่งนี้เพื่อไทย” มาใช้ในเฟซบุ๊กของพรรคและเฟซบุ๊กของสมาชิกพรรค ซึ่งข้อความน่าจะเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์กิจกรรมของพรรคการเมือง รวมทั้งน่าจะยังมีการนำลายมือดังกล่าวไปใช้ในการประชุมพรรคเพื่อไทย ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 ต.ค.นี้ 

“โฆษกรัฐบาล” เผย ยอดฉีดวัคซีนสะสม 70 ล้านโดส ลั่น พร้อมรับนทท.ต่างชาติ “บิ๊กตู่” ย้ำ ปชช.เข้มมาตรการป้องติดเชื้อ มีส่วนพลิกโฉมประเทศ 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีน เพื่อเตรียมพร้อมรับเปิดประเทศ ตามนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการดูแลด้านสาธารณสุขของประชาชนไทย ว่า ยอดการฉีดวัคซีนสะสมของไทยกว่า 70 ล้านโดส เข็มที่ 1 สะสม 39,836,306 โดส คิดเป็น 55.28 เปอร์เซ็นต์ของประชากรไทยทั่วประเทศ เข็มที่ 2 สะสม 28,293,679 โดส คิดเป็น 39.26 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรไทยทั่วประเทศ หรือคิดเป็น 56.59 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มเป้าหมายประมาณ 50 ล้านคน หรือ 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรไทยทั่วประเทศ เข็มที่ 3 สะสม 2,072,629 โดส และเข็มที่ 4 สะสม 1,631 โดส รวม 70,204,245 โดส 

ส่วนการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับเด็กนักเรียนอายุ 12 ขึ้นไป นักเรียนชั้น ป.6,ม.1นักศึกษา ปวช. 1-3,ปวส. 1-2 ฉีดสะสมแล้วจำนวน 2,032,794 คน คิดเป็น 53.78 เปอร์เซ็นต์ (จากจำนวนที่ประสงค์ฉีดวัคซีน 3,779,871 คน) เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 ในรูปแบบในที่ตั้ง 

นายธนกร กล่าวว่า รัฐบาลเดินหน้าฉีดวัคซีนตามแผน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงต่อเนื่อง  และเห็นผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม  โดยเฉพาะจำนวนผู้เสียชีวิต ที่ต่ำกว่า 100 ราย มากว่าครึ่งเดือนแล้ว โดยวันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 9,742 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 10,182 รายยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 เม.ย. 2564 จำนวน 1,812,268 ราย และยอดหายป่วยสะสม 1,693,203 ราย  ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่มีจำนวนลดลงต่ำกว่าหมื่นราย ติดต่อกันหลายวันแล้ว ส่วนยอดผู้ป่วยหายกลับบ้านมีจำนวนเพิ่มขึ้น ยอดผู้เสียชีวิตลดลง สะท้อนความบริหารสถานการณ์โควิด -19 ของรัฐบาลและความร่วมมือร่วมใจของบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนทุกภาคส่วนได้เป็นอย่างดี

'วิโรจน์' ค้านตั้ง ศบค.ส่วนหน้า คุมโควิดชายแดนใต้ แนะใช้ความไว้วางใจคลี่คลาย ไม่ใช่ความมั่นคง

ต่อกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งจัดตั้ง ศบค.ส่วนหน้า เพื่อเข้าไปจัดการสถานการณ์โควิด-19 ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งประกอบไปด้วยจังหวัด นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุว่า จากการหารือกับคณะทำงานของพรรคก้าวไกลในพื้นที่ ทำให้รับทราบว่าอุปสรรคสำคัญในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ขณะนี้ หลักๆ มีอยู่ 2 ปัจจัยด้วยกัน

ปัจจัยแรก คือ การที่ประชาชนในพื้นที่ไม่ยินยอมฉีดวัคซีน ซึ่งในประเด็นนี้ รัฐบาลไม่ควรมองปัญหาอย่างผิวเผิน และด่วนสรุปว่าประชาชนในพื้นที่ไม่ให้ความร่วมมือ หากรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ กล้าที่จะถามตัวเองว่า “เหตุใดประชาชนถึงไม่ให้ความร่วมมือในการฉีดวัคซีน” ก็จะหาคำตอบได้ไม่ยาก นั่นก็คือ “ประชาชนไม่มีความไว้วางใจในรัฐบาล จากกรณีข่าวการซ้อมทรมาน และการที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้ความรุนแรงกับประชาชน ที่ปรากฏตามหน้าสื่ออยู่เป็นระยะๆ” พอประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็เป็นการยากมากๆ ที่ประชาชนจะเต็มใจปฏิบัติตามคำแนะนำจากรัฐบาลในการควบคุมการระบาดของโรค 

ยิ่งการฉีดวัคซีน เป็นการนำเอาสารชีววัตถุที่เป็นของใหม่ ที่การเข้าถึงข้อมูลยังคงอยู่ในระดับที่จำกัด ยิ่งทำให้ประชาชนที่ไม่ไว้วางใจรัฐบาลอยู่เป็นทุนเดิม มีความระแวงที่จะฉีด ปัญหานี้จะแก้ด้วยการใช้อำนาจบังคับแบบตรงๆ ไม่ได้ ต้องอาศัยความเข้าใจผ่านผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา และบุคคลที่ประชาชนในพื้นที่ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ เป็นกลไกในการรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่มาเข้ารับการฉีดวัคซีน

"การจัดตั้ง ศบค.ส่วนหน้า แล้วใช้อำนาจบังคับแบบทันทีทันใด เป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น สมมติหากมีการใช้อำนาจบังคับ หรือกึ่งบังคับ ให้ประชาชนในพื้นที่ฉีดวัคซีน จริงอยู่ที่ในระยะสั้นอาจจะบังคับเกณฑ์ประชาชนมาฉีดวัคซีนได้เป็นจำนวนมากได้ แต่ต้องยอมรับว่าการฉีดวัคซีนนั้น แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่ไม่มากนัก แต่ก็ถือว่ามีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับประโยชน์ในการปกป้องชีวิตของทั้งตัวเอง และคนในครอบครัวจากโรคระบาด ก็ยังถือว่าการฉีดวัคซีนนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็น และมีความคุ้มค่าที่จะฉีด ถ้าหากประชาชนที่ถูกเกณฑ์มาฉีดไม่เข้าใจในประเด็นนี้ และเมื่อมีประชาชนจำนวนหนึ่งได้รับผลข้างเคียง หรือมีอาการไม่พึงประสงค์หลังจากที่ฉีดวัคซีน ความไม่เข้าใจที่ถูกรัฐบังคับ ก็จะกลายเป็นความโกรธแค้น และจะทำให้ความขัดแย้ง และความไม่ไว้วางใจในรัฐบาลของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ขยายตัวเพิ่มขึ้น"

‘โจ-มณฑานี’ โพสต์!! สามกีบสายแยกแยะ ถูกลากไปให้ทัวร์ยำ หลังให้ค่าซิโนแวค

ไม่นานมานี้ คุณโจ-มณฑานี ตันติสุข นักเขียนและวิทยากรการเงิน ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ‘Jo Montanee’ ระบุว่า…

พี่โจเคยลงคลิป “สามกีบ” (เค้าเรียกตัวเองแบบนี้) ที่รักพระเจ้าอยู่หัว…

แล้วไลฟ์ตำหนิสามกีบด้วยกันที่ทำการหยามหมิ่นสถาบันฯ

วันนี้ขอลงชมเชยน้องคนรุ่นใหม่ หลังได้ทวิตฯ ขอบคุณ ‘ซิโนแวค’ แล้วโดนเพจสามนิ้วลากไปแขวนให้ทัวร์มาลงน้อง

พี่โจเลยอยากให้กำลังใจน้องว่า…

น้องเค้าจิตใจน่ารักจังเลยค่ะ

‘ธนาธร’ นำเงินกองทุนราษฎรประสงค์ 2 เเสนบาทยื่นประกัน ‘เบนจา’ เรียกร้องสังคมอย่าให้เขายืนอยู่ลำพัง ยันไม่มีพฤติกรรมหลบหนี จวกรัฐ อย่าใช้ 112 เป็นเครื่องมือปิดปากประชาชน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 ตุลาคม 64 ที่ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมนายวีนันท์ ฮวดศรี ทนายความ นำหลักทรัพย์เป็นเงิน 2 แสนบาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ มายื่นประกันตัว นางสาวเบนจา อะปัญ แกนนำกลุ่มราษฎร ผู้ต้องหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ กรณีอ่านแถลงการณ์ของแนวร่วมธรรมศาสตร์และชุมนุม หน้าอาคารซิโนทัยทาวเวอร์ ถนนอโศกมนตรี เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา 

โดยนายธนาธร กล่าวว่า วันนี้มาเป็นนายประกัน ให้น.ส.เบนจา เนื่องจากเห็นถึงความไม่ยุติธรรมและต้องการแสดงให้เห็นว่ายังมีคนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับความอยุติธรรมในสังคมจากกรณีที่นางสาวเบนจาไม่ได้สิทธิประกันตัว โดยศาลให้เหตุผลว่าเป็นคดีร้ายแรงและอาจมีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งในอดีตคดี 112 เคยมีการให้ประกันตัวมาแล้วหลายคดี จึงมองว่า การพิจารณาคดีมีหลายมาตรฐานเกินไป ส่วนกรณีกลัวเกิดการหลบหนี ธนาธร ระบุว่า น.ส. เบนจา เป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นรุ่นน้องของตน มีผลการเรียนดี เป็นอนาคตของชาติ เป็นว่าที่นักบินอวกาศ และจะมีสอบปลายภาคในเดือนธันวาคม จึงควรได้รับสิทธิประกันตัวเพื่อเตรียมสอบและทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน 

ค้านตั้ง ศบค.ส่วนหน้า 'วิโรจน์' ชี้ โควิดชายแดนใต้ จะคลี่คลายได้ต้องอาศัยความไว้วางใจ ไม่ใช่ความมั่นคง 

ต่อกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  มีคำสั่งจัดตั้ง ศบค.ส่วนหน้า เพื่อเข้าไปจัดการสถานการณ์โควิด-19 ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งประกอบไปด้วยจังหวัด นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุว่า จากการหารือกับคณะทำงานของพรรคก้าวไกลในพื้นที่ ทำให้รับทราบว่าอุปสรรคสำคัญในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ขณะนี้ หลักๆ มีอยู่ 2 ปัจจัยด้วยกัน

ปัจจัยแรก คือ การที่ประชาชนในพื้นที่ไม่ยินยอมฉีดวัคซีน ซึ่งในประเด็นนี้ รัฐบาลไม่ควรมองปัญหาอย่างผิวเผิน และด่วนสรุปว่าประชาชนในพื้นที่ไม่ให้ความร่วมมือ หากรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ กล้าที่จะถามตัวเองว่า “เหตุใดประชาชนถึงไม่ให้ความร่วมมือในการฉีดวัคซีน” ก็จะหาคำตอบได้ไม่ยาก นั่นก็คือ “ประชาชนไม่มีความไว้วางใจในรัฐบาล จากกรณีข่าวการซ้อมทรมาน และการที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้ความรุนแรงกับประชาชน ที่ปรากฎตามหน้าสื่ออยู่เป็นระยะๆ” พอประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็เป็นการยากมากๆ ที่ประชาชนจะเต็มใจปฏิบัติตามคำแนะนำจากรัฐบาลในการควบคุมการระบาดของโรค ยิ่งการฉีดวัคซีน เป็นการนำเอาสารชีววัตถุที่เป็นของใหม่ ที่การเข้าถึงข้อมูลยังคงอยู่ในระดับที่จำกัด ยิ่งทำให้ประชาชนที่ไม่ไว้วางใจรัฐบาลอยู่เป็นทุนเดิม มีความระแวงที่จะฉีด ปัญหานี้จะแก้ด้วยการใช้อำนาจบังคับแบบตรงๆ ไม่ได้ ต้องอาศัยความเข้าใจผ่านผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา และบุคคลที่ประชาชนในพื้นที่ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ เป็นกลไกในการรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่มาเข้ารับการฉีดวัคซีน

"การจัดตั้ง ศบค.ส่วนหน้า แล้วใช้อำนาจบังคับแบบทันทีทันใด เป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น สมมติหากมีการใช้อำนาจบังคับ หรือกึ่งบังคับ ให้ประชาชนในพื้นที่ฉีดวัคซีน จริงอยู่ที่ในระยะสั้นอาจจะบังคับเกณฑ์ประชาชนมาฉีดวัคซีนได้เป็นจำนวนมากได้ แต่ต้องยอมรับว่าการฉีดวัคซีนนั้น แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่ไม่มากนัก แต่ก็ถือว่ามีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับประโยชน์ในการปกป้องชีวิตของทั้งตัวเอง และคนในครอบครัวจากโรคระบาด ก็ยังถือว่าการฉีดวัคซีนนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็น และมีความคุ้มค่าที่จะฉีด ถ้าหากประชาชนที่ถูกเกณฑ์มาฉีดไม่เข้าใจในประเด็นนี้ และเมื่อมีประชาชนจำนวนหนึ่งได้รับผลข้างเคียง หรือมีอาการไม่พึงประสงค์หลังจากที่ฉีดวัคซีน ความไม่เข้าใจที่ถูกรัฐบังคับ ก็จะกลายเป็นความโกรธแค้น และจะทำให้ความขัดแย้ง และความไม่ไว้วางใจในรัฐบาลชองประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ขยายตัวเพิ่มขึ้น"

วิโรจน์ ระบุต่อไปว่า แทนที่รัฐบาลจะจัดตั้ง ศบค.ส่วนหน้า ขึ้นมาใช้อำนาจซ้ำซ้อน รัฐบาลควรใช้กลไกของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากกว่า โดยมีการสนับสนุนทางด้านงบประมาณ และกำลังคนให้แก่ ศอ.บต. อย่างเต็มที่

ปัจจัยที่สอง ที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแตนภาคใต้ ก็คือ ความพร้อมทางด้านทรัพยากรบุคคล ยาและเวชภัณฑ์ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยและกักกันโรคประจำชุมชน (Community Isolation Center)

“จุรินทร์”ยันพร้อมหนุนอดีตส.ส.ลงชิงเก้าอี้ ส.ส.แต่ต้องดูความประพฤติ ลั่นปชป.รู้หน้าที่รับผิดชอบงานสภา นายกฯไม่กำชับก็ทำอยู่แล้ว

ที่จ.พัทลุง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง นายสุพัฒน์ ธรรมเพชร อดีต ส.ส.พัทลุง น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร อดีตส.สงพัทลุง และเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะเข้าพบผู้นำทางศาสนาอิสลาม นายอะห์มัด อิสัน ประธานกรรมการสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพัทลุง และรองประธานสมาพันธ์กรรมการอิสลาม 15 จังหวัดภาคใต้ ที่ โรงแรมศิวา รอยัล อําเภอเมือง จังหวัดพัทลุง 

จากนั้นนายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์กรณีเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัคยื  ที่เปิดตัวไปแล้วบางจังหวัด ต้องทำไพรมารีโหวตและต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ว่า ต้องรอดูกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าการด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูยว่าด้วยพรรคการเมืองที่จะเป็นตัวชี้ว่าขั้นตอนกระบวนการในการอนุมัติผู้สมัครจะต้องมีขั้นตอนอะไรบ้าง แต่สำหรับกฎหมายปัจจุบันจะต้องทำไพรมารีโหวต ซึ่งในอนาคตตนยังไม่สามารถตอบได้เพราะต้องขึ้นอยู่กับกฎหมายใหม่ที่ต้องสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามถึงการวางตัว อดีต ส.ส.ของพรรค เป็นผู้สมัครในการเลือกตั้งอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า สำหรับอดีต ส.ส.นั้นถือหลักว่าพรรคจะสนับสนุนให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่การพิจารณาก็ต้องดูความประพฤติทางการเมืองประกอบด้วย ซึ่งผู้บริหารจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจตามขั้นตอนกระบวนการต่อไป

ไฟเขียว! ฉีดไฟเซอร์เข็ม 2 ในเด็กผู้ชายอายุ 12-16 ปี ย้ำ สมัครใจ วอน หญิงตั้งครรภ์ฉีดวัคซีนโควิด-19 เหตุ ทั่วโลกพบติดเชื้อแล้วเสียชีวิตสูงขึ้น 

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เด็กชายอายุ 12 – 16 ปี สามารถฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ + ไฟเซอร์ ได้ หลังคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค มีมติให้สามารถฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 2 ในเด็กชายอายุ 12 – 16 ปี โดยเป็นไปตามความสมัครใจและความประสงค์ของผู้ปกครองและเด็กนักเรียน ทั่วโลกมีการฉีดให้เด็กแล้วกว่า 100 ล้านโดส ส่วนข้อกังวลเรื่องอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบนั้น ทางคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ชี้แจงว่า เกิดขึ้นได้น้อยมาก และรักษาหายได้เร็ว โดยมีข้อสรุป 3R ได้แก่ 1. Real กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเกิดขึ้นจริง ส่วนมากเกิดในเข็มที่ 2 ในเด็กผู้ชายอายุ 12 - 16 ปี 2. Rare เกิดขึ้นได้น้อยมาก ในระดับไม่กี่รายต่อล้านคน พบมากสุดประมาณ 6 ในแสนคน ซึ่งน้อยกว่าโรคโควิด-19 ในเด็กที่ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย (MIS-C) รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ 3. Recovery ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย ไม่รุนแรงและสามารถหายได้เอง มีจำนวนน้อยรายที่อาการรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาล และทั่วโลกรายงานพบผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวกับวัคซีน 1 ราย ขณะที่มีการฟื้นตัวรวดเร็วมากถึง 90%

น.ส.รัชดา กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข จะติดตามอาการหลังฉีดอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งจะมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อสร้างความเข้าใจแก่เด็ก และผู้ปกครอง โดยปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่เข็มที่ 1 ให้กับเด็กนักเรียนอายุ 12 – 18 ปี แล้ว จำนวน 1,325,527 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2564) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 ในรูปแบบ On-Site

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเร่งเดินหน้าระดมฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ในสถานพยาบาลของรัฐในพื้นที่ต่าง ๆ หรือคลินิกฝากครรภ์เพื่ออำนวยความสะดวก ปัจจุบันมีหญิงตั้งครรภ์เข้ารับการฉีดวัคซีนเพียง 75,000 ราย จากเป้าหมาย 300,000 ราย ตัวเลขจากกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 95% ไม่ได้รับวัคซีน เป็นสาเหตุทำให้มีอาการรุนแรงและเสียชีวิต

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top