Saturday, 18 May 2024
POLITICS NEWS

 “องอาจ” เรียกร้อง ”ประยุทธ์”เชิญหมอ -หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาข้อยุติฉีดวัคซีนให้เด็ก เพื่อให้กลับไปเรียนได้ตามปกติ  ชี้ทุกวันนี้ผู้ปกครองสับสนกับความเห็นของแพทย์

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการฉีดวัคซีนในเด็กว่า ขณะนี้ได้รับการสอบถามจากพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กจำนวนมาก ถึงการฉีดวัคซีนในเด็กว่าจะมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน เพราะขณะนี้มีความเห็นจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแตกต่างกันออกไป แพทย์บางคนบอกว่าวัคซีนยี่ห้อนี้ฉีดเด็กได้ บางยี่ห้อฉีดไม่ได้ และแพทย์บางคนก็บอกว่าฉีดวัคซีนในเด็กอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไปได้เท่านั้น ส่วนแพทย์บางคนบอกว่าวัคซีนบางยี่ห้อฉีดให้เด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปได้ ขณะที่วัคซีนที่ฉีดให้เด็กอยู่ขณะนี้บางยี่ห้อ คณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ยังไม่รับรอง และวัคซีนบางยี่ห้อมีการฉีดให้เด็กอายุ 10-18 ปี โดยหน่วยงานที่ฉีดอ้างว่าเป็นการฉีดตามโครงการวิจัยความปลอดภัยของวัคซีน ซึ่งได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองของเด็กแล้ว

"แรมโบ้"เตรียมประชุมฝ่ายกฎหมายตรวจสอบข้อมูลยื่นกกต.ยุบพรรคเพื่อไทย และยื่น ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของพรรค ตลอดดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดถ้าพบหลักฐานตามที่นายแอมมี่และนายบุ๊งให้ข่าวว่าพรรคเพื่อไทยให้ทุนสนับสนุนม็อบ

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงกรณีที่ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอททอมบลูส์ ผู้ต้องหาคดี112 และ นายปกรณ์  พรชีวางกูร หรือ บุ๊ง นักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้เปิดบัญชีรับบริจาคในนามกลุ่ม "ราษฎร"

ได้โพสต์ข้อความกล่าวพาดพิงว่า พรรคเพื่อไทย อยู่เบื้องหลังในการสนับสนุนและอยู่เบื้องหลังในการให้เงินทุนม็อบที่เคลื่อนไหวต่อต้านเพื่อล้มล้างรัฐบาลและก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ตลอดจนก่อความรุนแรงสร้างความวุ่นวายฝ่าฝืนกระทำผิดกฎหมาย ตลอดระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน อยู่ในขณะนี้นั้น

ตนเองจะเรียกประชุมคณะทำงานฝ่ายกฎหมายโดยเร่งด่วนว่า จะสามารถยื่นยุบพรรคเพื่อไทยต่อกกต.และยื่นร้องต่อ ปปง.เพื่อตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของพรรคและของบุคคลที่น่าสงสัยในพรรคที่เกี่ยวข้องกับการให้เงินทุนสนุบสนุนม็อบที่ใช้อาวุธนานาชนิดเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอยู่ในขณะนี้ ซึ่งถ้าพิจารณาแล้วว่า ทางพรรคเพื่อไทยเข้าข่ายมีความผิดตามที่ทั้งสองบุคคลกล่าวหา ก็จะดำเนินการตามกฎหมายทันที

"ในความเห็นส่วนตัวและคนทั่วไปก็พอจะคาดการณ์ได้ว่า การเคลื่อนไหวของม็อบที่ป่วนเมืองสร้างความรุนแรงสร้างความเดือดร้อน ใช้อาวุธนานาชนิดทำร้ายเจ้าหน้าที่ตลอดจนเผาทรัพย์สินราชการ

'ราเมศ' ย้ำ พรรคลงพื้นที่ตามปกติ ไม่มีสัญญาณใดเรื่องยุบสภา

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวถึงมีกระแสข่าวว่าจะมีการยุบสภา ผูกโยงความเคลื่อนไหวการลงพื้นที่ของพรรคว่า พรรคไม่เคยคุยกันเรื่องยุบสภา การลงพื้นที่ของรัฐมนตรีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่างๆของพรรคไม่ได้มีนัยยะสำคัญเชื่อมโยงถึงกระแสข่าวที่คิดกันว่าจะมีการยุบสภาเพราะเป็นการลงพื้นที่ตามปกติทั่วไปซึ่งบุคลากรของพรรคทุกคนได้ทำเป็นประจำอยู่แล้ว 

ยิ่งในช่วงปิดสมัยประชุมสภาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็จะใช้โอกาสนี้ในการลงพื้นที่ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ สิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดก็คือการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ได้ผ่านความเห็นชอบในวาระที่สามของรัฐสภาแล้วขั้นตอนต่อจากนี้มีการกำหนดไว้ชัดเจน ท้ายที่สุดเมื่อรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ก็มีขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องมีการร่างกฏหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เชื่อว่ากระบวนการต่างๆเหล่านี้โอกาสที่จะมีการยุบสภายากมาก

นายราเมศ กล่าวในตอนท้ายว่า ในส่วนของพรรคสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะต้องดำเนินการคือเร่งตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัดประจำเขตเลือกตั้งและสาขาให้มีจำนวนครบถ้วนในทุกเขต หากร่างแก้ไขเพิ่มเติมมีผลบังคับใช้  แน่นอนว่าจำนวนเขตเลือกตั้งที่เพิ่มมาถึง 400 เขต ก็จะต้องมีการเตรียมการในการตั้งตัวแทนพรรคในแต่ละเขตที่เพิ่มขึ้นอีก 50 เขต ให้ครบถ้วนเพื่อให้สมาชิกพรรคได้มีส่วนร่วมตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ และกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปัจจุบันการจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในแต่ละเขตจะต้องมีตัวแทนพรรคประจำจังหวัดประจำเขตเลือกตั้งหรือสาขา

'ก้าวไกล' ซัด!! เปิดทางต่างชาติซื้อบ้าน ไม่ช่วยเศรษฐกิจไทย ซ้ำถ่างความเหลื่อมล้ำ ชี้!! ประเทศไทยไม่ขาดเงินลงทุน แต่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทย

ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีอนุมัติการจัดทำ ‘วีซ่าระยะยาว’ ให้ชาวต่างชาติ 4 กลุ่มเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา รวมถึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาสิทธิประโยชน์ของวีซ่า ซึ่งรวมถึงการถือครองห้องชุดและบ้านจัดสรร โดยศิริกัญญา มองว่า มาตรการเหล่านี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อยมาก และเป็นการแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด

ศิริกัญญา ระบุว่า โครงการเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมาก็มีความพยายามจะออกวีซ่านักลงทุน และบัตร Thailand Elite Privilege Card เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาอาศัย ท่องเที่ยวและลงทุนในไทยมากขึ้น และต่างประเทศ ก็มีนโยบายคล้าย กัน เช่น Golden Visa ของยุโรปดึงดูดชาวต่างชาติที่มีมูลค่าสูงเข้าไป 

แต่งานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสารวิชาการ Journal of Ethnic and Migration Studies ระบุว่า หลายประเทศมักออกวีซ่าประเภทนี้ช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ โดยวีซ่าเหล่านี้กลับมีผลต่อจีดีพีไม่เกิน 0.3% เท่านั้น อีกทั้งยังไม่มากพอจะสร้างความเปลี่ยนแปลงใด ๆ กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็นเพียงไม่ถึง 5% ของการซื้ออสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดเท่านั้น

ปัจจุบัน กฎหมายไทยก็อนุญาตให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ในอาคารชุดได้ 49% อยู่แล้ว หากจะแก้ไขกฎหมายเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 70-80% ซึ่งก็สามารถทำได้ แต่ควรเป็นโครงการระยะสั้นเพื่อแก้ปัญหาซัพพลายคอนโดที่ล้นเกิน ในช่วงแค่ 3-5 ปีเท่านั้น เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ในไทยก็มีปัญหามาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ระบาด มีการสร้างคอนโดขึ้นมามาก จนเริ่มขายไม่ออก มีการประเมินว่ายังเหลืออสังหาริมทรัพย์ที่สร้างมาแล้วยังขายไม่ออกอยู่ราว 2 แสนยูนิต หากมีการเปิดทางให้ชาวต่างชาติซื้อได้มากขึ้น ก็จะช่วยระบายสต็อกออกไปได้ในส่วนที่เป็นอสังหาริมทรัพย์สำหรับลูกค้าระดับบน จากนั้นก็ควรยุติโครงการดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังต้องดูรายละเอียดว่าจะแก้กฎหมายอย่างไร เช่น ให้ต่างชาติซื้อบ้านในหมู่บ้านได้กี่เปอร์เซ็นต์ ถือกรรมสิทธิ์ได้กี่เปอร์เซ็นต์ กำหนดระยะเวลาการถือครองว่าต้องถือกี่ปีก่อนจะขายต่อ และกำหนดว่าการขายต่อจะต้องขายคืนให้พลเมืองไทยเท่านั้นหรือไม่

ครม.เคาะงบกลาง 2.7 หมื่นล.ใส่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติงบกลาง ปี 64 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 27,005.66 ล้านบาท ให้กับกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งการขยายมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา พร้อมกับสนับสนุนค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง การเพิ่มเบี้ยความพิการ และดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ 

ทั้งนี้ในวงเงินนี้ได้แยกเป็น 4 เรื่อง คือ 1.ขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำ/ค่าไฟ วงเงิน 2,018 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนต.ค. 2564 – ก.ย. 2565 แยกเป็น กรณีใช้ไฟฟ้าครอบคลุม ผู้มีบัตรฯ 1.9 ล้านครัวเรือน ส่วนกรณีสนับสนุนค่าน้ำประปา ครอบคลุมผู้มีบัตรฯประมาณ 186,625 ครัวเรือน 2. สนับสนุนค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และการเพิ่มเบี้ยความพิการ ให้ผู้มีบัตร 13.65 ล้านคน วงเงิน 18,815 ล้านบาท 

ส่วนแรก เป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน สำหรับค่าซื้อสินค้าอุปโภค/บริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อการเกษตร จากร้านธงฟ้าประชารัฐและร้านอื่นๆ โดยผู้มีสิทธิที่มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท/ปี ได้รับ 200 บาท/คน/เดือน ในส่วนผู้มีสิทธิที่มีรายได้ ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี ได้รับ 300 บาท/คน/เดือน และได้รับส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 55บาท/คน/3 เดือน ส่วนที่ 2 คือ ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อาทิ ค่าโดยสาร ขสมก. ระบบอี-ทิคเก็ต/รถไฟฟ้า บขส. รถไฟ อย่างละ 500 บาท/คน/เดือน และส่วนที่ 3 คือเบี้ยความพิการ จำนวน 1,000 บาท/คน/เดือน

ครม.ไฟเขียว แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกัน-ปราบปรามการฟอกเงิน เพิ่ม “ลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐานตามกม.ว่าด้วยคนเข้าเมือง เป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน”ครม.ไฟเขียว แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกัน-ปราบปรามการฟอกเงิน เพิ่ม “ลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐานตามกม.ว่าด้วยคนเข้าเม

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่...) พ.ศ... ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาและรับความเห็นกระทรวงยุติธรรมที่มีความเห็นว่าให้ดำเนินการให้เกิดความสอดคล้องระหว่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบการฟอกเงินและกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง จากนั้นส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรตามขั้นตอนต่อไป  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับสาระสำคัญของการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มเติมบทนิยามของความผิดมูลฐาน โดยกำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐานตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเป็นความผิดมูลฐานในการกระทำผิดฐานฟอกเงินด้วย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  การแก้ไขเพิ่มเติมครั้งนี้ จะทำให้กฎหมายการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของไทยมีความสอดคล้องกับมาตรฐานสากลตามที่คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงิน(Financial Action Task Force :FATF) แนะนำให้แต่ละประเทศปฏิบัติ ลดช่องว่างทางกฎหมายในการประสานงานความร่วมมือระหว่างประเทศ ทำให้การปราบปรามการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ป.ป.ส.แจง ศูนย์บำบัดวัดท่าพุฯควบคุมดูแลโดยสาธารณสุข เผยส่งเจ้าหน้าที่ร่วมบูรณาการตรวจสอบแล้วป.ป.ส.แจง ศูนย์บำบัดวัดท่าพุฯควบคุมดูแลโดยสาธารณสุข เผยส่งเจ้าหน้าที่ร่วมบูรณาการตรวจสอบแล้ว

จากกรณีประชาชนร้องเรียนให้ตรวจสอบศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ที่วัดท่าพุราษฎร์บำรุง ต.ด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองของชายรายหนึ่งที่เข้ารับการบำบัดว่า มีการถูกซ้อมทรมาน ให้ทำสัญญาและเรียกเก็บเงิน และศูนย์ที่ตั้งขึ้นมาเป็นไปตามหลักเกณฑ์มาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดหรือไม่

สำนักงาน ป.ป.ส. ขอชี้แจงว่า หลังจากที่ได้ทราบเรื่องดังกล่าว สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานต่างๆในจังหวัด โดยทราบว่า ศูนย์สงเคราะห์ดังกล่าวได้ยื่นเรื่องการขอจัดตั้งจากกระทรวงสาธารณสุข ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการจัดตั้งสถานพยาบาลประเภทฟื้นฟูสมรรถภาพ ปี 2555 โดยวัดท่าพุราษฎร์บำรุง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาลประเภทสถานฟื้นฟู ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2555 ให้รับผู้บำบัดยาเสพติดได้ 50 คน ต้องจัดให้มีพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขอย่างน้อย 1 คนในการดูแลสุขภาพผู้ติดยาเสพติดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วันๆ ละ อย่างน้อย 2 ชั่วโมง แต่ขณะนี้ มีผู้บำบัดมากกว่า 200 คน ซึ่งการบำบัด การจ่ายยารักษาเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งการควบคุมดูแลสถานที่ให้ถูกตามหลักอนามัยและความปลอดภัย 

ครม.เห็นชอบขอบเขตโครงการที่จะขอใช้เงินกู้ฯ ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากโควิด19 วงเงิน 1.7 แสนล้านบาท

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2564 ว่า ครม.เห็นชอบกรอบแผนงานหรือโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 (แผนงานที่ 3) วงเงิน 170,000 ล้านบาท ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้ พ.ร.ก.เงินกู้ฯ เพิ่มเติม พ.ศ.2564 ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายคือ สถานประกอบการ SMEs ผู้ประกอบการทั่วไป แรงงานในระบบ ประชาชนทั่วไป เกษตรกร สถาบันเกษตรกร (สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร) วิสาหกิจชุมชน ผู้ว่างงาน และวัยแรงงานที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยขอบเขตโครงการที่จะขอใช้เงินกู้ฯ ต้องมีลักษณะเพื่อเป้าหมายอย่างน้อยข้อใดข้อหนึ่งดังนี้

1.เพื่อรักษาระดับการจ้างงานของผู้ประกอบการ และส่งเสริมการจ้างงานของ SMEs หรือในชุมชน ลักษณะโครงการเกี่ยวกับการสร้างรายได้และอาชีพ ให้กับประชาชนในชุมชนพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ วงเงินเบื้องต้น 70,000 ล้านบาท

2.เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและบริการในสาขาที่ไทยมีความได้เปรียบและมีศักยภาพในการพัฒนา และสามารถกระจายผลประโยชน์ไปสู่ระดับฐานราก ลักษณะโครงการเกี่ยวกับการสนับสนุนปัจจัยการผลิต  ยกระดับประสิทธิภาพและมูลค่าเพิ่มของภาคการผลิตและบริการโดยมีการประยุกต์ใช้ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมทั้งการลงทุนที่สามารถเพิ่มโอกาสการเข้าถึงตลาดของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะระดับชุมชนและ SMEs เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก 

3.เพื่อกระตุ้นการบริโภคกระตุ้นตลาด และพยุงอุปสงค์ให้กับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ลักษณะโครงการเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนหรือครัวเรือน กระตุ้นให้เกิดการบริโภคในระบบเศรษฐกิจ และสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่องทั้งนี้ วงเงินเบื้องต้นในข้อ 2 และข้อ 3 รวมกัน 100,000 ล้านบาท

“บิ๊กตู่”ยันไม่ปรับลดเบี้ยผู้สูงอายุ ให้นโยบายรักษาสิทธิ์ผู้รับสิทธิ์เดิมไปจนตาย

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงกรณีการ การจ่ายเบี้ย ยังชีพให้กับผู้สูงอายุ ที่ขณะนี้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเริ่มมีแนวคิดที่จะปรับให้เป็นการจ่ายเฉพาะผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยหรือคนจนเท่านั้น เพื่อลดภาระงบประมาณโดยรวม แต่มีกลุ่มคนบางส่วนคัดค้าน เพราะเห็นว่าแม้ผู้สูงอายุไม่ว่าจะมีฐานะอย่างไรก็ควรจะได้รับสิทธิ์ทั้งหมด ว่า  เรื่องดังกล่าวนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่าขณะนี้การจ่ายเบี้ยพูดอย่างที่ผู้สูงอายุเป็นไปตามปกติไม่ได้มีการปรับรถแต่อย่างใด และหากมีการเปลี่ยนแปลงก็ได้ให้นโยบายไปว่าให้รักษาสิทธิ์กับผู้ที่รับสิทธิ์เดิมไปจนกว่าจะเสียชีวิต 

ครม.เห็นชอบ ลดเงินสมทบประกันสังคม 3 เดือน ก.ย.-พ.ย.ให้ลูกจ้าง-นายจ้าง ม.33- ผู้ประกันตน ม.39 ลดเหลือ 235 บาทต่อเดือน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกรวังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.อนุมัติหลักการ ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ขยายเวลาปรับลดอัตราจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมเพิ่มอีก  3 เดือน ตั้งแต่ 1 ก.ย. -30 พ.ย. 2564 โดยลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 33 ทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง จากเดิมที่ส่งเงินสมทบเข้าระบบประกันสังคมเดือนละ 5 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้างลูกจ้าง ที่ใช้คำนวณเงินสมทบ จะลดเหลือ 2.5 เปอร์เซ็นต์ 

สำหรับผู้ประกันตน ตามมาตรา39จากเดิมที่จ่ายเดือนละ 432 บาท จะลดลงเหลือ เดือนละ235 บาท โดยจ่ายลดลงเป็นเวลา3เดือนตั้งแต่ก.ย.-พ.ย.โดยมีผลตั้งแต่วันที่1ก.ย.เป็นต้นไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top