Friday, 24 May 2024
POLITICS NEWS

‘ทิพานัน’ จี้ ‘ทักษิณ’ กลับมาสู้คดีตามกม. ลั่น ไม่มีใครกลัว ‘ทักษิณ’ กลับบ้านอีกแล้ว

‘ทิพานัน ศิริชนะ’ ขุด คดี ‘ทักษิณ’ จี้ รีบกลับมาสู้คดีตามกฎหมายเป็นของขวัญคนไทย ชี้มุกแป้ก ไม่มีใครกลัว ‘ทักษิณ’ กลับบ้านแล้ว แต่ตัว ‘ทักษิณ’ เองต่างหากที่กลัวกลับมาติดคุกเพราะมีคดีอื้อ พร้อมห่วงจะสร้างตราบาปที่ลบไม่ได้ให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ รอบสอง

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อวยพรปีใหม่คนไทยให้ตนเองได้กลับบ้านมาช่วยงาน โดยยืนยันจะกลับมาอย่างสันติ ว่า การเคลื่อนไหวของนายทักษิณเป็นเพียงการกลบกระแสข่าวที่กำลังถูกร้องเรียนเรื่องของการครอบงำพรรคการเมือง การที่ออกมาระบุเช่นนี้จะทำให้เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่ใช่หนทางที่จะนำไปสู่ความสันติของประเทศ เป็นคำอวยพรประชาชนที่หวังประโยชน์ในทางการเมือง มากกว่าประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การนิ่งสงบของนายทักษิณจะช่วยให้ประเทศสันติมากกว่า หรือหากจะมอบของปีใหม่ก็รีบกลับมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เป็นของขวัญให้คนไทย ซึ่งตรงนี้จะทำให้กลับมาไทยได้ไวที่สุด มิใช่หนีเร่ร่อนอยู่เช่นนี้ 

“มุกเดิมที่คุณทักษิณมักใช้คือ ไม่ได้กลับไทยเพราะมีคนกลัว ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครกลัวคุณทักษิณจะกลับบ้าน แต่คุณทักษิณเองต่างหากที่กลัวเอง หนีไปเอง เพราะหากกลับมาแล้วต้องรับผิดติดคุกจากคดีความต่างๆ ที่นอกจากคดีที่ดินรัชดาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ยังมีคดีอื่นๆ อีก ทั้งคดีทุจริตโครงการหวยบนดินที่ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาเช่นกัน คดีให้ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เงินแก่เมียนมา 4 พันล้านบาท ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา คดีให้นอมินีถือหุ้นชินคอร์ปฯ เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในกิจการโทรคมนาคม ศาลตัดสินจำคุก 5 ปี และยังมีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของป.ป.ช.อีก ทั้งคดีระบายข้าวจีทูจี และคดีสั่งซื้อเครื่องบินบริษัทการบินไทยไม่คุ้มค่าทำให้การบินไทยมีหนี้สินเพิ่มขึ้นอีก” น.ส.ทิพานัน กล่าว

'บิ๊กตู่' เตรียมนั่งหัวโต๊ะ ศบค.ใหญ่ 7 มค.นี้ ประเมินสถานการณ์โควิด-19 ระลอกหลังปีใหม่ - สั่ง จับตา 4 สัปดาห์ ครึ่งแรก ดูจำนวนผู้ติดเชื้อ ครึ่งหลัง ดูผู้ป่วยสีแดง-เสียชีวิต ก่อน ปรับมาตรการ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการ ภาคธุรกิจ เอกชน กลับมาเปิดดำเนินปกติ เพื่อเตรียมแนวทางการป้องกันและรักษาผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์ต่าง ๆให้ทันสถานการณ์ พร้อมนำเข้าสู่พิจารณาเพื่อปรับมาตรการในที่ประชุม ศบค. ในวันที่ 7 ม.ค.นี้

นายธนกร กล่าวว่า โดยในวันนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 3,899 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 3,648 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 14 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ ที่ต้องขัง 68 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 169 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 19 ราย ผู้ที่กำลังรักษาตัว 34,877 ราย และมียอดผู้ที่หายป่วยกลับบ้านแล้ว 2,508 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ 1 เม.ย. 64 จำนวน 2,210,612 ราย จำนวนผู้ที่หายป่วยสะสมจำนวน 2,155,403 ราย ขณะที่สรุปผลการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สะสม ตั้งแต่ 28 ก.พ. 2564 - 4 ม.ค. 2565 อยู่ที่ 105,012,701 โดส ใน 77 จังหวัด โดยแบ่งเป็น จำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 สะสม 51,314,397 ราย ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 สะสม 46,282,489 ราย ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 สะสม 7,152,002 ราย และผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 4 สะสม 263,813 ราย

นายธนกร กล่าวว่า รัฐบาลจะทำการประเมินสถานการณ์การติดเชื้อระลอกหลังปีใหม่เป็นเวลาประมาณ 4 สัปดาห์ โดย 2 สัปดาห์แรกจะประเมินสถานการณ์ จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อ ส่วน 2 สัปดาห์หลังจะประเมินผู้ป่วยอาการหนักและอัตราการเสียชีวิต ก่อนตัดสินใจปรับมาตรการต่าง ๆ ขอความร่วมมือประชาชน สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีน โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื่อรัง สตรีมีครรภ์ ติดต่อขอรับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด หรือหากเคยฉีดแล้วก็ควรติดต่อขอฉีดเข็มกระตุ้น เนื่องจากวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานต่อเชื้อโควิด-19 สามารถลดการป่วยหนักและอัตราการเสียชีวิตได้ 

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงจะติดเชื้อ หรือเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยง ตามที่ประกาศไว้ ขอให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยการเฝ้าระวังตนเอง กักตัว และควรเข้าตรวจสอบหาเชื้อโควิด-19 ทันที ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อสู้ผู้อื่น และลดอัตราการป่วยหนักของตนเอง 

'พี่ศรี' ซ้ำเพื่อไทย! จ่อ ให้ปากคำกกต.รอบ2 ปม ทักษิณ-พร้อม เตรียมยื่นปมพล.อ.พัลลภ

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีหนังสือเรียกสมาคมฯให้ไปให้ถ้อยคำเพิ่มเติมประกอบคำร้อง กรณีที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ร้องเรียนไปยัง กกต. เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดนายทักษิณ ชินวัตร ครองงำหรือชี้นำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ กรณีได้วิดีโอคอลมาในงานเลี้ยงคล้ายวันเกิดของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในหมู่บ้านหรูย่านเหม่งจ๋าย เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ในงานเลี้ยงดังกล่าวมีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้บริหารพรรคการเมือง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ในบริเวณงานเพื่อฟังนายทักษิณวิดีโอคอลเป็นจำนวนมาก ซึ่งมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้ร้องขอนายทักษิณ ขออนุญาตให้คุณหญิงพจมาน อดีตภริยามาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเพื่อนำศึกเลือกตั้ง และมีการคุยโวว่าถ้าเลือกตั้งครั้งใหม่พรรคเพื่อไทยจะชนะแบบแลนด์สไลด์แน่นอน ซึ่งการพูดกันในประเด็นการเมืองดังกล่าว อาจเข้าข่ายการครอบงำหรือชี้นำพรรคการเมืองหรือไม่ หรือมีพฤติการณ์ฝ่าฝืน ม.28 ของพรป. ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่

กรณีดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ร้องเรียนไปยัง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2564 ที่ผ่านมา และประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้เคยมีหนังสือเรียกไปให้ถ้อยคำมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.64 แต่บัดนี้ได้มีหนังสือเรียกสมาคมฯไปให้ถ้อยคำเพิ่มเติมประกอบคำร้องอีกครั้ง เป็นรอบที่ 2 ในวันพฤหัสที่ 6 ม.ค.65 นี้ เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ อาคาร B ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กทม.

โฆษกรัฐบาล ยืนยัน 'บิ๊กตู่' ติดตามความคืบหน้าสนามบินเบตง อยู่ตลอด กรมท่าอากาศยาน ชี้ เปิดใช้แล้ว

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวและข้อมูลปรากฏบิดเบือนในสื่อสังคมออนไลน์ ถึงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตงที่มีข้อติดขัดไม่สามารถเปิดให้บริการได้นั้น ซึ่งข้อเท็จจริงปัจจุบันท่าอากาศยานเบตงได้มีการให้บริการเที่ยวบินทางราชการ และเที่ยวบินส่วนบุคคลแล้ว และมีการทำการบินมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ ได้มีสายการบินขออนุญาตทำการบินไว้ 2 เส้นทาง คือ 1.หาดใหญ่-เบตง-หาดใหญ่ และ 2.ดอนเมือง-เบตง-ดอนเมือง โดยกรมท่าอากาศยาน ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ วิเคราะห์ข้อมูลทางกายภาพและทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งข้อสรุปในการก่อสร้างที่วางไว้คือ ทางวิ่ง (Runway) ขนาด 30x 1,800 เมตร สามารถรองรับเครื่องบินขนาด 80 ที่นั่ง (ATR-72/Q-400) ซึ่งตามหลักการดำเนินงานท่าอากาศยานจะมีการติดตามตัวเลขผู้โดยสารและเที่ยวบิน เพื่อนำมาวิเคราะห์ในการเพิ่มศักยภาพของท่าอากาศยานต่างๆ โดยจะต้องมีระยะของการพัฒนาตามขนาดและความต้องการเดินทางของประชาชน สำหรับเส้นทางบินและการขึ้นลงของอากาศยาน จะอยู่ในน่านฟ้าของประเทศไทยเท่านั้น ไม่มีล้ำเข้าไปในน่านฟ้าของประเทศเพื่อนบ้านแต่อย่างใด

นายธนกร กล่าวว่า การก่อตั้งท่าอากาศยานเบตงสืบเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายการพัฒนา 14 จังหวัดภาคใต้ และ จังหวัดยะลาอยู่ในกลุ่มภาคใต้ตอนล่างมีอำเภอเบตงเป็นอำเภอ ที่สำคัญมีความเจริญด้านเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากพื้นที่อำเภอเบตง มีสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงชัน ถนนแคบและคดเคี้ยว ไม่สะดวกต่อการเดินทาง ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาด้านการคมนาคม เข้าสู่อำเภอเบตง ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการพัฒนา เศรษฐกิจและความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้ง สนับสนุนส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยว และเชื่อมต่อ ประเทศมาเลเซียที่ด่านเบตงและพื้นที่ใกล้เคียงได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น 

รัฐบาล ปัดยกเลิกรักษาโควิดในรพ.เอกชน ยืนยัน ยังดูแลทุกคนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

โฆษกรัฐบาล ยัน ครม.ไม่ได้มีมติ ยกเลิกรักษาผู้ป่วยโควิดในรพ.เอกชน ย้ำรัฐบาลมีนโยบายดูแลคนไทยทุกคนฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 65 กรณีมีการมีการเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียระบุว่า “ครม.มีมติให้ผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนโควิด หากตรวจเจอโควิดจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองทั้งหมด ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วแต่ติดเชื้อจะต้องใช้สิทธิ์ตามสถานพยาบาลที่มีสิทธิ์ (ประกันสังคม หรือบัตรทอง) หากจะพักรักษาใน Hospital หรือ รพ.เอกชนจะต้องออกค่าใช้จ่ายเอง หรือใช้ประกันเอกชนที่ตนมี นอกจากนี้ ครม.ยังพิจารณาปรับเกณฑ์ให้ผู้มีอาการน้อย หรือไม่ผ่านเกณฑ์การรักษาในโรงพยาบาล ให้กักตัวรักษาที่บ้าน หรือ Community Isolation ในทุกจังหวัด”

“เทพไท” เชื่อ มีทหาร จุ้นเลือกตั้งซ่อมจริง ดูได้จากลต.ซ่อมเขต 3 เมืองคอน แนะ ผบ.ทบ.ส่งคนไปฝังตัวในพื้นที่ ความจริงจะปรากฎ ไม่ไช่สอบแบบรูปหน้าปะจมูก ซัดอย่าอ้างพวกเดียวกัน เพราะพรรคแกนนำมีอำนาจมากสุด

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงกรณีที่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประสานงานส่วนกลาง ออกมาเปิดโปงว่า มีทหารกลุ่มหนึ่ง เข้าไปแทรกแซงและกดดันในพื้นที่การเลือกตั้งซ่อม เขต 1 จังหวัดชุมพรนั้น ว่า  ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะมีมูลความจริง เพราะมีการอ้างอิงถึง ชื่อนายทหาร “เสธ.ต”และทหารอีก จำนวน 100 นาย พฤติกรรมเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมา ในการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งตนได้มีประสบการณ์ตรงในการเลือกตั้งมาแล้ว เพราะมีนายทหารนอกแถวบางกลุ่ม ลงพื้นที่เดินกำกับ ควบคุมการซื้อเสียง มีการกดดันผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และมีกลุ่มมือปืน นักเลงบางกลุ่ม เข้ากดดันหัวคะแนนฝ่ายตรงข้าม และมีการซื้อเสียงกันอย่างโจ่งแจ้ง โดยใช้กลไกรัฐ มีทั้งทหารและตำรวจ คอยอำนวยความสะดวกการซื้อเสียงอย่างเต็มที่

นายเทพไท กล่าวต่อว่า การที่พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตแก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.บท.)มีคำสั่งให้กองทัพภาค 4 เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วนั้น ต้องขอขอบคุณที่ ผบ.ทบ.มีความกระตือรือร้น เข้ามาแก้ปัญหาการเลือกตั้งซ่อม ให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม และจัดการกับพวกทหารนอกแถวบางกลุ่ม ที่อิงอำนาจรัฐ ซึ่งจะทำให้ผลการเลือกตั้ง ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม กองทัพต้องจัดการให้เสร็จสิ้นก่อนมีการเลือกตั้งซ่อม เพราะหากการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่อยากจะร้องเรียนกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ในภายหลัง เพราะอาจจะถูกข้อกล่าวหาว่า เป็นพวกขี้แพ้ชวนตีอีก

“ขอให้กองทัพเร่งตัดไฟ ตั้งแต่ต้นลม อย่าให้เป็นเหมือนการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ในครั้งที่ผ่านมา”นายเทพไท กล่าว 

“ศปฉ.ปชป.” ห่วงประชาชนติดเชื้อโควิดเพิ่มหลังหยุดยาว พร้อมช่วยประสานเตียง ยันมั่นใจระบบสาธารณสุขไทยรองรับได้ 

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าทีมประสานข้อมูลผู้ติดเชื้อเพื่อการส่งต่อ ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 พรรคประชาธิปัตย์ (ศปฉ.ปชป.) เปิดเผยว่าตามที่มีหลายฝ่ายกังวลว่าจะมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มมากขึ้นหลังจากเทศกาลหยุดยาวในช่วงปีใหม่ ที่ประชาชนจะมีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ รวมถึงการท่องเที่ยวที่จะมีการรวมกลุ่มบุคคลเป็นจำนวนมาก เป็นปัจจัยที่จะทำให้เกิดแพร่ระบาดระลอกใหม่ และอาจส่งผลต่อระบบสาธารณสุข รวมถึงในขณะนี้เริ่มมีผู้ติดเชื้อบางรายประสานขอความช่วยเหลือมายัง ศปฉ.ปชป. เพื่อให้ช่วยหาเตียง

ทีมประสานเตียงของ ศปฉ.ปชป. ยินดีที่จะสนับสนุนการทำงานของภาครัฐ ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยเฉพาะในเขตพื้นกรุงเทพมหานครที่พบมีอัตราการแพร่ระบาดสูงสุด ผ่านเครือข่ายผู้สมัคร ส.ก. ของพรรค ทั้ง 50 เขต ที่ได้ทำงานใกล้ชิดพื้นที่มาโดยตลอด รวมทั้งอดีต ส.ส. ของพรรค แต่ส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่าระบบสาธารณสุขของไทยยังสามารถรองรับได้จากการเตรียมความพร้อมในการรับมือล่วงหน้าที่ได้มีการวางแผนไว้ 

อย่างไรก็ตาม อยากขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนให้ความสำคัญและให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการป้องกันตนเอง และคนในครอบครัว ภายใต้มาตรการการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทุกคนปลอดภัยมีความสุขกันถ้วนหน้าและชีวิตหลังปีใหม่ได้อย่างเป็นปกติสุข

“ชวน”คาด ปี 65 กม.เข้าสภามากขึ้น แนะ รมต.เข้าสภาฟังอภิปราย – ตอบกระทู้ เชื่อเป็นประโยชน์ปชช. ชี้เรื่องที่กมธ.พิจารณาแล้วไม่ผ่าน เท่ากับไม่มีผลงาน ปัด ประเมินอายุรัฐบาลอยู่ครบเทอมหรือไม่ แต่สภาไม่เป็นอุปสรรคให้ฝ่ายบริหาร

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติในปี65 ว่าช่วงที่ผ่านมากฎหมายของฝ่ายบริหารทุกฉบับผ่านไปได้ด้วยดี ในส่วนที่ยังค้างการพิจารณาอยู่ส่วนใหญ่เป็นญัตติทั่วไปประมาณ 200 ญัตติ และคิดว่าปี 65 จะมีกฎหมายใหม่ๆเข้ามามากขึ้น ส่วนเรื่องที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว ถือเป็นผลงานของทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล ซึ่งเรื่องเหล่านี้ควรจะผ่านการพิจารณา ถ้าไม่ผ่านเท่ากับผลงานไม่ออกมาเลย 

นายชวน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่มีปัญหาบ้าง และแนะนำเป็นการภายใน เป็นเรื่องของการตั้งกระทู้ถาม ซึ่ง 5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีสภาฯก็ไม่มีตัวอย่างในการตั้งกระทู้ ทำให้มีการตั้งกระทู้ลักษณะขัดต่อข้อบังคับ เพราะการตั้งกระทู้ไม่ใช่ลักษณะของการอภิปราย แต่เป็นการตั้งคำถามเพื่อต้องการคำตอบ ที่ผ่านมามีสมาชิกส่วนหนึ่งไม่เข้าใจ แต่การตั้งกระทู้ถามตรวจสอบฝ่ายบริหารในปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิม เดิมเป็นกระทู้ถามทั่วไป แต่ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ และข้อบังคับ ให้มีกระทู้ถามสดด้วยวาจา

ซึ่งรัฐมนตรีไม่มีโอกาสทราบคำถามล่วงหน้า เพราะเป็นเรื่องด่วน เรื่องที่ประชาชนสนใจ และกระทบผลประโยชน์ของประเทศ และยังมีกระทู้ถามแยกเฉพาะ ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะที่ เฉพาะเรื่อง รวมทั้งยังมีกระทู้ทั่วไป ที่เป็นเรื่องในอดีตที่เคยทำมา ซึ่งสมาชิกมีสิทธิ์ที่จะตรวจสอบฝ่ายบริหารด้วยการใช้กระทู้เพิ่มขึ้นใน 2 ระบบ ทั้งนี้ เรื่องกระทู้ต่างๆ ถือเป็นวาระที่รัฐมนตรีจะต้องเตรียมตัว ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติจะทำหน้าที่ตรวจสอบ และสอบถามข้อมูล

ประธานรัฐสภา กล่าวด้วยว่า ในภาวะวิกฤตโควิด – 19 ที่ผ่านมา ส.ส.ถือว่าเป็นส่วนที่ช่วยได้มาก ตนขอชื่นชมทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน จากการลงพื้นที่ด้วยตนเอง จึงได้เห็นการช่วยเหลือจากทั้งส่วนรวม และส่วนตัว จากนั้น ได้นำปัญหาเข้ามาหารือในที่ประชุมสภาฯ ดังนั้นแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนช่วงวิกฤตโควิด – 19 ส.ส.ถือเป็นกลุ่มแรกที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนมากที่สุด นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ชาวบ้านร้องเรียนมาที่ตน ประมาณ 1 พันกว่าเรื่องในรอบปีที่ผ่านมา

ซึ่งสมัยก่อนไม่มีคนร้องทุกข์มากขนาดนี้ แสดงว่าประชาชนหวังให้สภาฯเป็นที่พึ่งในหลายเรื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มการประชุมในปี 65 จะมีการนัดประชุมชดเชยวันหยุดช่วงปีใหม่ โดยนัดประชุมนัดพิเศษวันที่ 14 ม.ค.และ 28 ม.ค.65 และในวันพุธ พฤหัสบดี ของการประชุมสภาฯ จะเพิ่มเวลาการประชุมขึ้นอีกประมาณ 2 ชม. ซึ่งคาดว่าในปี 65 จะพิจารณาเรื่องที่ค้างอยู่ทั้งหมดให้แล้วเสร็จได้ ขณะที่ การประชุมรัฐสภา มีเรื่องที่ค้างอยู่ 3 เรื่อง โดยจะมีการหารือเพื่อกำหนดวันประชุมร่วมรัฐสภาต่อไป 

เมื่อถามว่า มองว่าสถานการณ์ทางการเมืองในปี 65 จะเป็นอย่างไร เพราะยังมีความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้นพอสมควร นายชวน กล่าวว่า ในส่วนของสภาฯส่วนตัวคิดว่าความคิดเห็นทางการเมืองที่ขัดแย้งกันนั้นยังคงมีอยู่ แต่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูการทำงาน เชื่อว่าระบบนี้ยังสามารถเดินไปได้ปกติ ไม่น่าจะมีอะไรเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน การปฏิบัติภารกิจของนักการเมืองก็อยู่ในสายตาของประชาชนมากขึ้น ใครที่สร้างปัญหา ประชาชนจับตาดูอยู่ ซึ่งในสมัยนี้ก็ปฏิเสธยาก เพราะมีการสื่อสารในหลายรูปแบบ แต่ถึงจะมีความขัดแย้งไม่พอใจเรื่องใดก็ตาม ก็ควรต้องอยู่ในกรอบที่สามารถควบคุมได้ 

เมื่อถามว่า ประเมินแล้วรัฐบาลจะสามารถอยู่จนครบวาระหรือไม่ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่สามารถประเมินฝ่ายบริหารได้ แต่ในส่วนของสภาฯคิดว่าไม่น่าจะเป็นอุปสรรคในการทำงานของฝ่ายบริหาร และฝ่ายอื่น ๆ และเชื่อว่าในระบบนี้ เราสามารถที่จะผ่านการปฏิบัติภารกิจของแต่ละฝ่ายไปได้ด้วยดี ตนได้ย้ำเตือนทุกครั้ง เมื่อพบฝ่ายบริหารก็ได้ย้ำว่าถึงอย่างไรก็ต้องมาตอบกระทู้ของสภาฯ และเมื่อมีการเสนอญัตติในสภาฯ ฝ่ายรัฐบาลต้องมาชี้แจงต่อสภาฯ เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ และโอกาสที่จะได้ชี้แจงข้อมูลความจริงที่มีการตั้งประเด็น หากฝ่ายบริหารไม่ตอบสภาฯ ประชาชนก็ไม่รู้ข้อมูล “อย่างน้อยรัฐมนตรีควรเข้ามานั่งฟัง จะได้รู้ว่าเขากล่าวหาอย่างไร และใช้สิทธิชี้แจงว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่จริง” นายชวน กล่าว

“ชัชชาติ” วิ่งไหว้พระ9วัด รับปีใหม่ เพื่อสิริมงคล พร้อม ดูปัญหาเมืองกทม. ฟุตบาท กันสาด ทางข้าม คนไร้บ้าน

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หนึ่งในว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ทำกิจกรรมวิ่งไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพฯ เป็นระยะทางประมาณ 12.5 กิโลเมตร เพื่อเป็นสิริมงคลในวันขึ้นปีใหม่ 2565  โดยได้ถือโอกาสดูเมืองเส้นทางท่องเที่ยว ทางเดินเท้า ถนน บริเวณรอบเมืองชั้นใน โดยเริ่มจากวัดเทพศิรินทร์ฯ วัดสระเกศฯ วัดเทพธิดารามฯ วัดราชนัดดารามฯ วัดบวรนิเวศฯ วัดชนะสงครามฯ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) วัดราชบพิธฯและวัดสุทัศน์ฯ

นายชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้ได้มาวิ่งกับกลุ่มนักวิ่งที่วิ่งด้วยกันอยู่ประจำ โดยส่วนใหญ่พวกเราก็จะวิ่งตอนเช้าและที่มาวิ่งในวันที่ 1 มกราคมหรือปีใหม่ก็เพื่อศิริมงคลและไหว้พระ 9 วัด ส่วนทำไมต้องวิ่ง 9 วัดนั้นเพราะเป็นความเชื่อ แต่จริงๆจะกี่วัดก็ได้ทั้งนี้การมาวิางวันนี้สนุกมากและมีประโยชน์แฝงอยู่หลายอย่าง ทั้งเรื่องสุขภาพและการได้เห็นเมือง อย่างที่วันนี้ได้วิ่งเข้ามาในกรุงเทพฯชั้นในได้เห็นปัญหาหลายอย่างทั้งเรื่องถนน ฟุตบาท คนไร้บ้าน ซึ่งในเขตพระนครมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก และตนคิดว่าปีนี้เป็นที่เศรษฐกิจจะลำบาก เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่กลับมาตนเห็นว่าเรามีแหล่งวัฒนธรรมที่มีคุณค่าในกรุงเทพฯแล้วเราจะทำอย่างไรให้คนในประเทศท่องเที่ยวกันมากขึ้น แม้จะทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็จะทำให้เศรษฐกิจกระตุ้นขึ้น คนกรุงเทพฯออกไปเที่ยวต่างจังหวัดคนต่างจังหวัดมาเที่ยวในกรุงเทพฯ

อย่างวันนี้ที่ตนได้วิ่ง 9 วัดก็ได้รู้ว่าแต่ละวัดมีประวัติศาสตร์ซ่อนอยู่และเป็นเสน่ห์ คนที่อยู่ต่างจังหวัดตอนนี้โรงแรมกรุงเทพฯว่างมหาศาลสามารถหาโอกาสเข้ามาเที่ยวได้ โดยการท่องเที่ยวก็ไม่ได้มีราคาแพงมาก มาดูประวัติศาสตร์ในกรุงเทพฯ และคนกรุงเทพฯมีเวลาก็ออกไปเที่ยวต่างจังหวัด อย่างน้อยก็จะช่วยเรื่องเศรษฐกิจเพราะตนเชื่อว่าปีนี้เรื่องเศรษฐกิจจะหนักมาก เรื่องสุขภาพเป็นเทรนของคนกรุงเทพฯและคนทั้งประเทศที่ดูแลสุขภาพมากขึ้น และเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเพราะไม่ควรรอให้เป็นโรคถึงมารักษาออกกำลังกายทุกวันให้แข็งแรง ส่วนเศรษฐกิจก็ช่วยกันประคับประคองไป อย่างวิ่งวันนี้ก็ได้ประโยชน์หลายอย่างทั้งสุขภาพและดูเมืองดูปัญหาเศรษฐกิจดูการกระตุ้นและการใช้จ่ายของประชาชน 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากที่ได้มาวิ่งพบปัญหาใดชัดเจนบ้าง นายชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องฟุตบาทกับทางข้ามนั้นชัดเจน อย่างพวกตนที่เป็นนักวิ่งจะมีปัญหาเรื่องทางข้ามถนนเยอะเพราะทางข้ามบางทีไม่มีจุดว่าเมื่อไหร่จะให้คนข้ามก็ต้องวัดใจกันว่าตกลงไฟเขียวหรือไฟแดงฉะนั้นตนคิดว่าทางแยกทางข้ามทุกจุดควรจะมีจังหวะให้คนข้ามและมีสัญญาณบอกให้ชัดเจน ส่วนเรื่องฟุตบาท คือ ฟุตบาทไม่เรียบและยังมีกันสาดที่มาเกะกะทางเดินคนยิ่งถ้าเป็นคนแก่หรือผู้พิการก็จะใช้ทางได้ยาก โดยพวกเราก็ได้รวบรวมข้อมูลและดูว่าจุดไหนต้องเร่งดำเนินการก่อน 

“บิ๊กตู่”มอบการกีฬาแห่งประเทศไทยเร่งประสาน WADA ปลดล็อคบทลงโทษไทย หลัง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา มีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่ 30 ธ.ค. 64

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 64  ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. 2555 พ.ศ. 2564 แล้ว หลังจากที่ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา แสดงถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาข้อกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ขององค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (World Anti-Doping Agency) หรือ WADA ทั้งนี้ พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬาฯ มีผลใช้บังคับนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 64 เป็นต้นไป 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มอบหมายให้การกีฬาแห่งประเทศไทยเร่งประสานไปยัง WADA เพื่อชี้แจ้งว่าประเทศไทยได้แก้ไขปัญหาข้อกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อให้ WADA ได้ปลดล็อคมาตรการต่างๆที่ดำเนินลงโทษกับประเทศไทย ทั้งในส่วนการไม่ให้ตัดสิทธิประเทศไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬา รวมถึง การปลดล็อคเรื่องการชักธงชาติไทยในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ และในเรื่องอื่นๆ ต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top