Friday, 23 May 2025
NEWS

ผบช.ภ.6 เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารที่ทำการสถานีตำรวจภูธรเมืองสุโขทัย (หลังใหม่)

วันนี้ (24 มีนาคม 2566) เวลา 09.30 น.  พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6 เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารที่ทำการสถานีตำรวจภูธรเมืองสุโขทัย (หลังใหม่) เลขที่ 257 ถ.นิกรเกษม ต.ธานี อ.เมือง จ.สุโขทัย โดยมี นายดำรง  มโนรถ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายสิทธิเดช สิงห์บุระอุดม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุโขทัย พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ ผบก.ภ.จว.สุโขทัย ดร.มนู พุกประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย ข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.จว.สุโขทัย คณะแม่บ้านตำรวจ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และแขกผู้มีเกียรติ  เข้าร่วมในพิธี

โดย พ.ต.อ.ไพบูลย์ กาศอุดม ผกก.สภ.เมืองสุโขทัย กล่าวรายงานว่า ตามที่อาคารที่ทำการสถานีตำรวจภูธรเมืองสุโขทัย (หลังเดิม) มีอายุการใช้งานมากว่า 40 ปี อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม มีความคับแคบไม่สอดคล้องกับโครงสร้างของหน่วยงานระดับสถานีตำรวจขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการรองรับและยกระดับการให้บริการประชาชน   สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 36,198,369 บาท ในการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจภูธรเมืองสุโขทัย (หลังใหม่) เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 4,800 ตารางเมตร ทดแทนอาคารหลังเดิม ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการประชาชนมาตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา และได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันนี้

‘สดร.’ ชวนดูปรากฏการณ์ ‘ดวงจันทร์บังดาวศุกร์’ อย่าพลาดรับชม เวลา 18.00 น. วันนี้ 24 มี.ค.66

ชมถ่ายทอดสดปรากฏการณ์ ‘ดวงจันทร์บังดาวศุกร์’ ปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ที่หาชมยากและเกิดขึ้นไม่บ่อยนักโดยเฉพาะที่ไทย ตั้งแต่ช่วงเย็นวันนี้ (24 มี.ค.2566) เวลา 18.00 เป็นต้นไป

(24 มี.ค.66) ห้ามพลาดปรากฏการณ์ "ดวงจันทร์บังดาวศุกร์" ปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ที่หาชมยากและเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก นานทีๆจะสังเกตการณ์ได้ในประเทศไทย ผู้สนใจสามารถร่วมชมความสวยงามด้วยตาเปล่า หรือรับชมถ่ายทอดสดปรากฏการณ์ผ่านทางเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ช่วงเย็นวันนี้ (24 มี.ค.2566) ตั้งแต่เวลา 18.00 เป็นต้นไป

ปรากฏการณ์ "ดวงจันทร์บังดาวศุกร์" จะเริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 18.37-19:45 น. (ตามเวลากรุงเทพมหานคร) ซึ่งหากชมผ่านกล้องโทรทรรศน์จะสังเกตเห็นดวงจันทร์จะค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปบังดาวศุกร์ และเคลื่อนที่ออกจากดาวศุกร์อย่างชัดเจน

ไทม์ไลน์ช่วงเวลาดวงจันทร์บังดาวศุกร์
เริ่มสังเกตการณ์ได้ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำทางทิศตะวันตก วัตถุทั้งสองอยู่เคียงกันสูงจากขอบฟ้าประมาณ 32 องศาในช่วงเวลาประมาณ 18.37 น. ดวงจันทร์จะค่อยๆเคลื่อนที่ไปบังดาวศุกร์

และจะเคลื่อนที่ออกจากดาวศุกร์ในเวลาประมาณ 19.45 น. โดยขณะนั้นดวงจันทร์อยู่สูงจากขอบฟ้าทิศตะวันตกประมาณ 16 องศา (ข้อมูลดังกล่าวคำนวณจากพื้นที่กรุงเทพมหานคร หากสังเกตการณ์ในพื้นที่อื่น ช่วงเวลาของการบังอาจจะเริ่มและสิ้นสุดไม่พร้อมกัน)

‘ทนายรัชพล’ เผย!! ตร. จ่อเรียกสอบ ‘ชูวิทย์’ ปมรับเงิน ‘สารวัตรซัว’ ชี้!! โดนคุก 10 ปี

งานเข้า!ทนายดังชี้ตร.จ่อเรียกสอบ ‘ชูวิทย์’ เสี่ยงผิดฟอกเงิน ปมรับเงิน ‘สารวัตรซัว’

(24 มี.ค.66) จากกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ออกมายอมรับว่าเงินสด 6 ล้านบาท ที่ถูกนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม โพสต์เปิดโปงและตั้งโต๊ะแถลงว่าเป็นเงินจาก ‘สารวัตรซัว’ โดยนายชูวิทย์ ระบุว่า เป็นเงินของตำรวจผู้ใหญ่นอกราชการมาพยายามเคลียร์ในกรณีการเปิดสถานที่อาบอบนวด ซึ่งเจ้าตัวพยายามปฏิเสธ แต่ถูกยัดเยียด จึงตัดสินใจนำเงินก้อนดังกล่าวไปบริจาคแก่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ได้ขอคืนเช็คเงินดังกล่าวให้นายชูวิทย์แล้ว

‘บิ๊กตู่’ สั่ง ผบ.ตร. ลุยสอบสวนปม ‘ซีเซียม-137’ พร้อมย้ำ!! ดูแลความปลอดภัย-สุขภาพ ปชช.

(24 มี.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีที่สารซีเซียม-137 หลุดหายจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนของบริษัทแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ต่อมาซึ่งพบว่าอยู่ที่โรงงานหลอมโลหะแห่งหนึ่งใน อ.กบินทร์บุรี ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ดังกล่าว และได้ประสานงานพร้อมกับติดตามข้อมูลต่าง ๆ อีกทั้งได้มอบหมาย นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ประชุมร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (24 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ นายธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และนายพงษ์แพทย์ เพ่งวาณิชย์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าร่วมประชุม

นายอนุชา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ นายกฯ ได้ให้ความสำคัญกับการสอบสวนเรื่องนี้ในทุกมิติ อาทิ วัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 สูญหายได้อย่างไร สถานที่ที่รับซื้อวัสดุดังกล่าว ตลอดจนต้องมีผู้รับผิดชอบต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสารกัมมันตรังสีด้วยหรือไม่ และประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นายกฯ จึงสั่งการให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงพื้นที่สอบสวนหาหลักฐาน เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ขณะเดียวกันต้องมีมาตรการออกมารองรับ โดยเฉพาะในเรื่องสารกัมมันตรังสี อีกทั้งนายกฯ ให้ความสำคัญกับประสิ่งแวดล้อม จึงยกมาเป็นวาระแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ ขณะที่รัฐบาลจะนำข้อมูลและผลการประชุมมาเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบต่อไป

ด้าน นายรณรงค์ กล่าวว่า การประชุมร่วมกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีขึ้นเพื่อประสานงานการปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยตนได้รายงานในที่ประชุมว่าช่วง 2 - 3 วันที่ผ่านมา มีสิ่งที่เราเป็นห่วงมากที่สุดอันดับแรก คือเรื่องสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานในโรงงงานหลอมเหล็กที่มีประมาณ 70 คน โดยการตรวจครั้งแรกเป็นการตรวจภายในและนอกโรงงาน รวมถึงตรวจพนักงานแต่ละคนด้วย ก็ไม่พบว่ามีการปนเปื้อนสารดังกล่าว จากนั้นได้มีการตรวจครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการตรวจภายในร่างกายของพนักงาน โดยตรวจเลือดและปัสสาวะ ผลออกมาเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ไม่พบว่ามีสารนี้ปนเปื้อนในร่างกาย จึงขอให้มั่นใจว่าร่างกายพนักงานของโรงงานแห่งนี้ทั้ง 70 คน ไม่พบสารดังกล่าว แต่ด้วยความเป็นห่วงประชาชนที่อยู่ข้างใกล้เคียงโรงงานว่าจะได้รับผลกระทบด้วยหรือไม่ เราจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตระเวนออกตรวจสอบสถานที่ ดิน น้ำ อากาศ และสภาพแวดล้อมในพื้นที่ระยะวงรอบ 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร โดยตรวจวัดหลายครั้งก็ไม่พบการปนเปื้อนสารดังกล่าว

นายรณรงค์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ประชุมร่วมกับตัวแทนประชาชนในหลายหมู่บ้านที่อยู่ข้าง โดยตนได้เล่าถึงสถานการณ์การดูแล การป้องกันตัว การขอรับความช่วยเหลือต่างๆ ขณะเดียวกัน เราส่งแถบฟิล์มวัดปริมาณรังสีเคลื่อนที่ประจำตัวบุคคลไปให้จิตอาสาของแต่ละหมู่บ้านหรือชุมชน นำไปติดบนตัว โดยใช้เวลาตรวจวัดประมาณ 15 - 30 วัน แล้วกลับมาตรวจอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจแก่ประชาชน และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าพื้นที่บริเวณนั้นไม่มีสารปนเปื้อน ไม่มีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงไม่มีผลกระทบกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนพืชผลผลิตทางการเกษตร ตนจึงเชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ในหมู่บ้านต่างๆ และพื้นที่เกษตรว่ามีสารปนเปื้อนหรือไม่ พร้อมกับสอบถามข้อมูลจากเกษตรกรในพื้นที่ด้วย โดยมีสื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์อยู่ตลอด ทั้งนี้ เมื่อผลออกมาว่าไม่พบสารซีเซียมปนเปื้อน ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของ ปส., นายอำเภอ และบรรดาผู้นำชุมชน ได้ร่วมกันรับประทานผักและผลไม้ที่ปลูกในพื้นที่เหล่านี้ เพื่อการันตีว่ามีความปลอดภัยสูงสุด จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนกลับมาท่องเที่ยวและจับจ่ายซื้อสินค้าในพื้นที่ต่าง ๆ ของ จ.ปราจีนบุรี

ประชาธิปัตย์ เขต 1 เขต 3 สงขลา “สรรเพชญ” และ”สมยศ” กระแส นำคู่แข่ง หายห่วง

ผู้สื่อข่าว จ.สงขลา รายงานความเคลื่อนไหวของสนามเลือกตั้งใน เขตเลือกตั้งที่ 1 สงขลา ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่าง 3 พรรคการเมืองใหญ่ คือพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมี นายสรรเพชญ บุญญามณี ลูกชายของนายนิพนธ์ บุญญามณี ลงสมัครในเขตนี้ พรรคภูมิใจไทยส่ง นายประสงค์ บริรักษ์ อดีตนายกเทศบาลเมืองเขารูปช้างลงสมัคร และพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่งนายเจือ ราชสีห์ ลงสมัคร สำหรับนายเจือ ราชสีห์ เป็นอดีต สส.บัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ เคยเป็น สส.เขต 1 มาหลายสมัย แต่ล่าสุดลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไปสังกัดรวมไทยสร้างชาติ โดยได้เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรี มาตรวจราชการ จ.สงขลา โดยการเสนอโครงการสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลาแทนการใช้แพขนานยนต์

สำหรับกระแสของประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 นับตั้งแต่มีการเปิดตัวผู้สมัคร แม้จะมีผู้สมัครจากพรรคการเมืองต่างๆส่งผู้สมัครจำนวนมาก เช่นพรรคก้าวไกล พรรคพัฒนากล้า พรรคพลังประชารัฐ แต่เป็นที่รับรู้กันในหมู่ประชาชนคือการแข่งขันกันระหว่าง นายสรรเพชญ บุญญามณี จากพรรคประชาธิปัตย์ นายเจือ ราชสีห์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ และนายประสงค์ บริรักษ์ จากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจากการลงพื้นที่สำรวจความนิยมของประชาชน ยังพบว่ากระแสความนิยมของคนในเขตเลือกตั้งที่ 1 ในเขตเทศบาลนครสงขลา เขตเทศบาลเมืองเขารูปช้าง และอีกหลายตำบลเป็นของนายสรรเพชญ บุญญามณี ส่วนนายเจือ ราชสีห์ มีกระแสนิยมในพื้นที่ ต.เกาะยอ และ ต.พะวง  และนายประสงค์ มีกระแสความนิยมในพื้นที่ เทศบาลเขารูปช้างบางส่วน เนื่องจากเป็นอดีตนายกเทศบาลเมืองเขารูปช้างมาก่อน

กระบี่-ชาวสวนยางพารา กระบี่ ยินดีสนับสนุน พรรคการเมืองที่มีนโยบาย ช่วยเหลือชาวสวนยางพารา ปาล์มน้ำมัน ให้มีราคาดีตลอดทั่งปี 

วันที่ 24 มี.ค. 66  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรชาวสวนยางพารา ตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ นำน้ำยางพาราสด หลังจากเริ่มเปิดกรีดยางพาราได้ในช่วงนี้   ส่งขายให้กับ จุดรับซื้อในชุมชน  นำเงินมาเป็น ค่าใช้จ่ายในครอบครัว แม้ว่าราคาจะตกต่ำ ต่อเนื่อง จากสัปดาห์ที่ผานมา ราคาอยู่ที่ กิโลกรัมละ 45-46 บาท  ล่าสุดเหลือราคา กิโลกรัมละ 41 บาท ขณะที่ผลผลิต น้ำยางพารา มีไม่มากเนื่องจาก อยู่ในช่วงเริ่มเปิดกรีด และ หน้าแล้ง ฝนทิ้งช่วงมานาน ทำให้น้ำยางพาราลดลง ชาวสวนต้อง หยุดเว้นวันกรีด เพื่อให้ต้นยางพาราฟื้นตัว   ส่งผลกระทบต่อเจ้าของสวนยางพารา และ ลูกจ้างกรีดยางพาราเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ราคา ปุ๋ยเคมี ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ทุกชนิด แก๊สหุงต้ม ค่าไฟฟ้า เพิ่มขึ้นอยู่ต่อเนื่อง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งชุดสืบเร่งติดตามแก๊งค์ผู้ต้องหาชาวจีนอุ้มเรียกค่าไถ่หนองปรือ กำชับเร่งออกหมายแดงอินเตอร์โพลตามจับคนร้ายหนีต่างประเทศ

จากกรณีเมื่อวันที่ 20 มี.ค.66 เวลา 9.00 น. เกิดเหตุผู้เสียหายชาวจีน 2 ราย ถูกแก๊งค์คนร้ายชาวจีนอุ้มขึ้นรถหลังจากส่งลูกไปโรงเรียน จากนั้นได้เรียกค่าไถ่จากสามีเป็นเงิน 5 แสนบาทโดยให้จ่ายเป็นเงินสกุล USDT ก่อนบินหลบหนีต่างประเทศ เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.หนองปรือ ภ.จว.ชลบุรี ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เร่งสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในคดีดังกล่าวโดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่ประชาชนทั้งชายไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และ พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ เร่งสืบสวนจับกุมคนร้ายในคดีดังกล่าวมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด

จากการสืบสวนทราบว่า การก่อเหตุครั้งนี้มีการเตรียมการวางแผนเป็นอย่างดี เชื่อว่าแก๊งค์คนจีนดังกล่าวได้วางแผนกันมาจากประเทศจีน โดยมีการตรวจสอบข้อมูลของผู้เสียหายมาก่อน จนทราบว่าผู้เสียหายมีการใช้ชีวิตประจำวันอย่างไร และมีทรัพย์สิน จากนั้นจึงได้บินมายังประเทศไทยจำนวน 4 ราย และเข้าพักที่โรงแรมในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมการวางแผนเข้าก่อเหตุ โดยมีเครือข่ายคนจีนในประเทศไทยสนับสนุนรถยนต์เพื่อใช้ในการก่อเหตุ จากนั้นได้ย้ายไปพักในโรงแรมในพื้นที่เมืองพัทยาเพื่อเตรียมเข้าก่อเหตุจริง โดยมีการศึกษาเส้นทางและสะกดรอยผู้เสียหาย จากนั้นตามวันเวลาเกิดเหตุจึงได้เข้าก่อเหตุดังกล่าว โดยได้อุ้มผู้เสียหายขึ้นรถของตนที่เตรียมมา และได้ขับรถของผู้เสียหายไปทิ้ง จากนั้นได้พาผู้เสียหายไปที่บริเวณเขายายร้า อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดยมีการเตรียมอุปกรณ์ยังชีพในป่าไปด้วย จากนั้นจึงได้ส่งคลิปวิดีโอไปให้กับสามีของผู้เสียหายเพื่อเรียกเงินค่าไถ่ และหลังจากได้เงินตามที่ต้องการแล้ว เวลาประมาณ 13.00 น. จึงได้ปล่อยตัวผู้เสียหายโดยให้เดินกลับเอง ก่อนจะรีบจองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศจีนโดยทันที

ม.แม่โจ้ จัดงานนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์นำเสนอ Pitching ผลิตภัณฑ์ และประกาศผลรางวัลสุดยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน ECON BIZ#2

คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัดงานนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์นำเสนอ Pitching ผลิตภัณฑ์ และประกาศผลรางวัลสุดยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน ECON BIZ#2ภายใต้โครงการยกระดับวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรสมัยใหม่ (SMATI)

วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566  ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐวุฒิ ดุษฎี รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์นำเสนอ Pitching ผลิตภัณฑ์ และประกาศผลรางวัลสุดยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน ECON BIZ#2 ภายใต้โครงการยกระดับวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรสมัยใหม่ (SMATI)โดยมีรองศาสตราจารย์ ว่าที่ร้อยตรี ดร.สุรชัย กังวล คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณบดี ผู้บริหาร คณาจารย์และบุคลากร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ผู้ประกอบการ และวิสาหกิจชุมชน เข้าร่วมกิจกรรม ณ อาคารแผ่พืชน์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ณัฐวุฒิ ดุษฎี รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า  กิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนมหาวิทยาลัยแม่โจ้สู่มหาวิทยาลัยกลุ่ม 2 กลุ่มการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ดำเนินงานโครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย (Reinventing University) ตามนโยบายการพลิกโฉมระบบอุดมศึกษาของประเทศไทย กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มหาวิทยาลัยได้รับการสนับสนุนงบประมาณโครงการยกระดับวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการใหม่ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรสมัยใหม่ MJU Enhancing SMEs and New Entrepreneurs with Smart and Modern Agricultural Technology Innovation (SMAT) มุ่งหวังให้มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งมีอัตลักษณ์ ความเชี่ยวชาญ องค์ความรู้ด้านนวัตกรรมเกษตร ความพร้อมในด้านทรัพยากรบุคคล เครือข่ายความร่วมมือ และปัจจัยเกื้อหนุนต่าง ๆ เพื่อพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางและมีระบบนิเวศที่เอื้อต่อการขับเคลื่อนนวัตกรรม อันจะนำไปสู่การยกระดับและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร สอดคล้องกับแนวคิดหลักของมหาวิทยาลัยในการส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งผู้ประกอบการ (Entrepreneurial University) ซึ่งกิจกรรมในวันนี้อันประกอบด้วยนิทรรศการจากผู้เข้าร่วมโครงการ หน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยแม่โจ้ การจัดประกวดรางวัลสุดยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน 

กิจกรรมการบรรยายพิเศษและการเสวนาในหัวข้อที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชนอันจะผลักดันไปสู่การเป็นผู้ประกอบการที่จะเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการดำเนินงานโครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย(Reinventing University) ตามนโยบายการพลิกโฉมระบบอุดมศึกษาของประเทศไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้เป็นอย่างดี ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนในการร่วมขับเคลื่อนการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม(TechnologyDevelopment and Innovation) และร่วมขับเคลื่อนการสร้างผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
 
ด้านรองศาสตราจารย์ ว่าที่ร้อยตรี ดร.สุรชัย กังวล คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า ตามที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้มีการดำเนินโครงการยกระดับวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรสมัยใหม่ (SMATI) ภายใต้โครงการพลิกโฉมระบบอุดมศึกษาของประเทศไทย (Reinventing University System) โดยคณะเศรษฐศาสตร์ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสร้างผู้ประกอบการใหม่ แนะแนวทางการส่งเสริมการตลาด และขณะนี้ คณะเศรษฐศาสตร์ ได้ดำเนินการขับเคลื่อนผลผลิตการดำเนินงานสำเร็จลุล่วงด้วยดี อันจะนำไปสู่การยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร สอดคล้องกับแนวคิดหลักและแผนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยในการส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งผู้ประกอบการ ตามนโยบายการพลิกโฉมระบบอุดมศึกษาของประเทศไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 

แห่พัดยศ!! เเต่งตั้งเลื่อนสมณศักดิ์ 'พระวินัยธรยุทธนา' พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ร่วมแสดงมุทิตา

คณะศิษยานุศิษย์ วัดมหาวงษ์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จัดพิธีขบวนแห่พัดยศและใบตราตั้งฐานานุกรม ในโอกาสที่พระวินัยธรยุทธนา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาวงษ์ ได้รับการแต่งตั้งเลื่อนสมณศักดิ์ดำรงตำแหน่งฐานานุกรมที่ พระครูปลัดจริยวัฒน์

ในโอกาสที่พระเดชพระคุณพระธรรมวชิราจารย์ รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม ราชวรวิหาร พระอารามหลวง มีเมตตาแต่งตั้งให้ พระวินัยธรยุทธนา ภฺททญโณ (น.ธ.เอก.พธ.ม.) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาวงษ์ ดำรงตำแห่นงฐานานุกรมที่ พระครูปลัดจริยวัฒน์ โดยได้รับความเมตตาจาก ท่านพระครูวิมลศุภการ เจ้าคณะอำเภอเมืองสมุทรปราการ เจ้าอาวาสวัดด่านสำโรง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย พระครูพุทธิสารโสภิต.เจ้าคณะตำบลสำโรงเหนือ เจ้าอาวาสวัดบางโปรง

‘เหว่ง’ แจงดรามาจ้างแอดมิน ‘Little Monster’ วันละ 300 เกิดจากการสื่อสารผิดพลาด พร้อมขอโทษอีกครั้ง

(24 มี.ค.66) ล่าสุด เหว่ง เทพลีลา หรือคุณพ่อแห่งเพจ Little Monster ชี้แจงดรามาจ้างแอดมินเพจ ให้ค่าแรงวันละ 300 ระบุเวลาทำงานกะเย็น 15.00-24.00 น. คือทำงาน 9 ชั่วโมง พร้อมระบุคุณสมบัติหลายข้อด้วยกัน ซึ่งคำชี้แจงของ เหว่ง นั้นเผยว่าเป็นการสื่อสารผิดพลาด โดยเจ้าตัวได้อัดคลิปชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กเพจ Little Monster ถึงรายละเอียดข้อเท็จจริงทั้งหมด

โดยดรามานี้เริ่มจากประกาศรับสมัครงานของบริษัทของยูทูบเบอร์แนวครอบครัวชื่อดังอย่าง  Little Monster รับสมัครแอดมินเพจ ตอบแชทลูกค้า ทำงานกะเย็น 15.00-24.00 น. ทำงานที่บ้าน 5-6 วันต่อสัปดาห์ ค่าแรง 300 บาท ต้องมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัว พร้อมกับติดตั้งโปรแกรมติดตามการทำงาน จึงกลายเป็นดราม่าเกิดขึ้น

โดย เหว่ง เทพลีลา ชี้แจงดรามา น้อมรับความผิด เผยผิดพลาดเรื่องการสื่อสาร โดยเฉพาะรายละเอียดช่วงเวลาการทำงาน และเรื่องของค่าตอบแทนและสวัสดิการอื่น ๆ ที่ไม่ได้ถูกระบุไว้ในประกาศ 

ลุยต่อเนื่อง!!! สืบนครบาลลาดตระเวนออนไลน์ตะครุบมิจฉาชีพทางโซเชี่ยล 2 ราย ความเสียหาย10.5 ล้านบาท

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.  และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  PCT ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริต พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. กับ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้สืบนครบาล IDMB ลาดตระเวนออนไลน์ปราบปรามมิจฉาชีพทางโลกโซเชี่ยล

คดีที่ 1 บุกจับ 'หนุ่มหลอกขายสินค้าไอที' ผู้เสียหายกว่า 280 คน มูลค่า 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 มี.ค.66 เวลาประมาณ 13.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.ทศรัสมิ์ กิติธารา
สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการที่ 4 นำหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรีที่ 147/2566 เข้าตรวจค้นบ้านแห่งหนึ่ง หมู่ 1 ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานีได้ร่วมกันจับกุมตัว นายณิชพน (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 39/280 หมู่ที่ 1 ตำบลรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาพระโขนง ที่ 96/2566 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน' มีหมายจับติดตัวอีก 5 หมาย

1. หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ 73/2566 ลงวันที่ 27 มกราคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ร่วมกันฉ้อโกง'
2. หมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 98/2566 ลงวันที่ 30 มกราคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ฉ้อโกง' 
3. หมายจับศาลแขวงนครราชสีมา ที่ 570/2565 ลงวันที่ 27 กันยายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ร่วมกันฉ้อโกง'
4. หมายจับศาลแขวงนนทบุรี ที่ 824/2565 ลงวันที่ 15  ธันวาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ฉ้อโกง'
5. หมายจับศาลแขวงดอนเมือง ที่ 360/2565 ลงวันที่  30 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ฉ้อโกง และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์'

‘ดร.ธรณ์’ เปรียบเทียบ ‘อ่าวมาหยา’ ในอดีตและปัจจุบัน ไร้นักท่องเที่ยว แต่เป็นความสงบที่สวยงาม

(24 มี.ค. 66) ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'Thon Thamrongnawasawat' เปรียบเทียบสภาพแวดล้อมของอ่าวมาหยาในอดีตและปัจจุบัน โดยระบุว่า…

“ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ สักคำให้ลึกซึ้ง
ไม่ต้องบรรยายอะไรให้สวยเลิศเลอ…”

'สาดซิ่ง สาดศิลป์' เทศกาลดอกคูณเสียงแคนและถนนข้าวเหนียว

จังหวัดขอนแก่น มีมติเห็นชอบจัดงานการเตรียมจัดงานประเพณีสุดยอด สงกรานต์อีสานเทศกาลดอกคูนเสียงแคน และถนนข้าวเหนียว ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด 'สาดซิ่ง สาดศิลป์' ซึ่งจะมีกำหนดการจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 15 เมษายน 2566

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 22 มีนาคม 2566 ที่ บริเวณศาลหลักเมือง นายพันธ์เทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานแถลงข่าว 'งานประเพณีสุดยอดสงกรานต์อีสาน เทศกาลดอกคูนเสียงแคน และถนนข้าวเหนียว ประจำปี 2566' โดยมีนายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น,นายสิทธิกุล ภูคำวงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น,พันเอกอภิชาติ รานอก เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 23, พันตำรวจเอกชินวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น,นายเสกสรร ศรีไพรวรรณ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานขอนแก่น,นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ผู้จัดการแผนพัฒนานโยบายสาธารณะและทุนอุปถัมภ์ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (ผู้แทนของสำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.) ร่วมแถลงข่าว ท่ามกลางการร่วมรับฟังจากตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และ พี่น้องสื่อมวลชน ซึ่งมีสีสันของการแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยจากวงสินไซ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และการจัดซุ้มอาหาร ตกแต่งสถานที่ให้มีความสอดคล้องกับรูปแบบของจัดงานงานสงกรานต์

นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เปิดเผยถึงการจัดงานว่า การจัดงานประเพณีสุดยอดสงกรานต์อีสาน เทศกาลดอกคูนเสียงแคน และถนนข้าวเหนียว ประจำปี 2566 นี้ จะเป็นการกลับมาของจัดกิจกรรมที่เต็มรูปแบบเช่นเดิม ซึ่งจะมีการจัดงาน ระหว่างวันที่ 8 – 15 เมษายน 2566 ภายใต้แนวคิด 'สาดซิ่ง สาดศิลป์' โดยแบ่งการจัดงานเป็น 2 พื้นที่ คือพื้นที่บริเวณบึงแก่นนคร ระหว่างวันที่ 8 – 12 เมษายน 2566 เป็นการจัดงานเกี่ยวกับการส่งเสริม วัฒนธรรมประเพณี การละเล่น การแสดงกิจความเป็นพื้นบ้านวิถีอีสาน อีกทั้งเน้นกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้แก่ พิธีเปิดงาน, การประกวดธิดาดอกคูนเสียงแคน, การแสดงวงดนตรีลูกทุ่งหมอลำฟรี ตลอดจนการกิจกรรมก่อเจดีย์ทรายตบประทาย (ณ บริเวณวัดธาตุ พระอารามหลวง)

พื้นที่บริเวณศาลหลักเมืองขอนแก่น และถนนข้าวเหนียว (ถนนศรีจันทร์) ระหว่างวันที่ 12 – 15 เมษายน 2566 ภายใต้แนวคิด การส่งเสริมทำนุบำรุงพระศาสนา วัฒนธรรมประเพณี การแสดงออกถึงวัฒนธรรมประเพณีที่ร่วมสมัย แต่ยังคงความเป็นอีสานอยู่ด้วย ได้แก่ พิธีทำบุญตักบาตรในวันขึ้นปีใหม่ไทย, สรงน้ำพระพุทธรูป, รดน้ำขอพรผู้สูงอายุเพื่อแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที, ความสวยงามและอลังการของขบวนแห่พระพุทธพระลับ (พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองขอนแก่น) และขบวนแห่สงกรานต์,เนรมิตพื้นที่บริเวณลานจอดรถศาลหลักเมือง ให้เป็น 'เกาะวัฒนธรรม' มีเวทีประดิษฐานพระพุทธพระลับ พระพุทธอภัยมงคลสมังคี และพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จาก 20 คุ้มวัดในเขตเมืองขอนแก่น, ม่วนซื่นสร้างสามัคคีกับวัฒนธรรมท้องถิ่นรำวงย้อนยุคของพี่น้องประชาชน 4 เขต 95 ชุมชน , กิจกรรมวันข้าวเหนียวครอบครัวเดียวกัน, การเล่น Human Wave คลื่นมนุษย์ไร้แอลกอฮอล์ Return, การแสดงของศิลปินนักร้องเวทีกิจกรรมในถนนข้าวเหนียว เป็นต้น

สตูล ย้ำกำลังทหารไม่เดินทางหลังนักการเมือง รอมฎอนนี้ปฏิบัติงานบนความไม่ประมาท ขณะลงเปิด อาคารเกริกเกรียงไกร และมัสยิดภายในค่ายทหาร

พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พร้อมแม่ทัพภาคที่4 ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 พร้อมคณะเดินทางมาร่วมเปิด 'อาคารเกริกเกรียงไกร' ซึ่งเป็นอาคารเอนกประสงค์สำหรับใช้ทำประโยชน์ในภารกิจต่างๆ ให้กับกำลังพลและข้าราชการ และร่วมเปิดมัสยิดสมันตรัฐบุรินทร์ ภายในค่ายโดยมีพ.อ.เรวัต เซ่งเข็ม ผบ.ร.5 พัน 2 ค่ายสมันตรัตน์บุรินทร์ กล่าวรายงานและให้การต้อนรับพร้อมนายอำเภอละงู และประธานคณะกรรมการอิสลาม นายกอบจ.และแขกผู้มีเกียรติ

โดยมัสยิดสมันตรัฐบุรินทร์ เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนขวัญกำลังใจให้กำลังพลในการประกอบศาสนกิจทางศาสนาโดยเฉพาะในช่วงของเดือนรอมฎอนถือศีลของมุสลิม เพื่อให้กำลังพลที่นับถือศาสนาอิสลามได้ทำศาสนกิจทางศาสนาและใช้ในการอบรมในห้วงเวลาที่ว่างเว้น อีกทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ปกครองกำลังพลได้มั่นใจว่าให้ความเท่าเทียมในการนับถือศาสนาที่พบว่ามีกำลังใจเกิน 55 เปอร์เซ็นต์หรือ 300 นายภายในค่ายที่นับถือศาสนา

ผบ.พล.ร.15 เป็นประธาน วันคล้ายวันสถาปนา กรมทหารราบที่ 151 กองพลทหารราบที่ 15 ครบรอบปีที่ 18 ด้วยความเชื่อมั่น และศรัทธา เสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ กรมทหารราบที่ 151 กองพลทหารราบที่ 15 ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 เดินทางมาเป็นประธานในพิธีทางศาสนา เนื่องในวันสถาปนา กรมทหารราบที่ 151 กองพลทหารราบที่ 15 ครบรอบปีที่ 18 น้อมรำลึกถึงเกียรติประวัติ และคุณงามความดีของหน่วย อุทิศบุญกุศลให้แก่กำลังพลที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ทั้งในภาคสนาม และที่ตั้งปกติ ตลอดจนเพื่อความเป็นสิริมงคล และสร้างขวัญกำลังใจแก่กำลังพลต่อไป โดยมี พันเอก ยุทธนา สายประเสริฐ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 151 , พันเอก ทรงเดช สุกนุ้ย รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 151 อดีตผู้บังคับบัญชา ตลอดจนคณะผู้บังคับบัญชา และกำลังพลเข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียง

ในการนี้ พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์  พร้อมทั้งร่วมประกอบพิธีทางศาสนาเนื่องในวันสถาปนากรมทหารราบที่ 151 กองพลทหารราบที่ 15 ครบรอบปีที่ 18 พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษาให้กับบุตรของกำลังพลที่มีผลการเรียนดี และมอบเงินช่วยเหลือบุพการีที่มีความพิการทุพพลภาพของกำลังพล 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top