Friday, 23 May 2025
NEWS

ฮือฮา! พบภาพเขียนสีรูปวัว อายุกว่า 3 พันปี  บนผนังถ้ำพยาบาล อ.ลำทับ จ.กระบี่

ฮือฮา! พบภาพเขียนสีรูปวัว บนผนังถ้ำพยาบาล อ.ลำทับ จ.กระบี่ คาดอายุไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี เป็นแห่งแรกที่พบภาพเขียนสีห่างจากทะเล

(27 มี.ค. 66) อาจารย์นิวัฒน์ วัฒนยมนาพร ที่ปรึกษาชมรมคนรักถ้ำกระบี่ และกรรมการหน่วยอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ออม และศิลปกรรมท้องถิ่น ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.ลำทับ จ.กระบี่ ว่า ที่สำนักสงฆ์ถ้ำพยาบาล ตั้งอยู่ ม.2 ต.ดินแดง อ.ลำทับ พระอาจารย์ที่ดูแลสำนักสงฆ์ได้พบเจอภาพเขียนสีอยู่บนถ้ำด้านบนภูเขาสูงจากพื้นกว่า 50 เมตร

จึงได้นำคณะไปสำรวจ พบภาพวาดที่เด่นที่สุด คือ ภาพลายเส้นรูปวัว ซึ่งวาดได้ค่อนข้างสวยงามมาก มีความน่าสนใจ เนื่องจากจุดที่พบเป็นแหล่งที่อยู่ห่างทะเลมากที่สุด ปกติเรามักพบภาพเขียนสีโบราณอยู่ไม่ไกลจากทะเลมากนัก ที่พบไกลสุดก่อนหน้านี้น่าจะไม่เกิน 20 กิโลจากชายทะเล

อาจารย์นิวัฒน์ กล่าวว่า ลักษณะเป็นภาพเขียนสีด้วยสีแดง และมีสีดำอยู่บ้างประปราย อยู่ในถ้ำเล็กๆ ที่มีโถงปากถ้ำ 1 โถง ซึ่งใหญ่กว่าโถงด้านหลังถ้ำ มีทางเข้าอยู่ 3 ทาง คือด้านหน้าถ้ำ 2 ทางที่หันไปทางทิศตะวันตก (ทิศที่พบภาพเขียนสี) และทางด้านทิศตะวันออก 1 ทาง ถ้ำอยู่สูงจากพื้นดินขึ้นไปประมาณสัก 60-70 เมตร ต้องปีนไต่ขึ้นไปตามเส้นทางซอกหิน เกาะเกี่ยวหินและกิ่งไม้เถาวัลย์ขึ้นไปสูงพอสมควร

'ทนายนิด้า' ซัด 'ทนายตั้ม' แถลงโยนขี้ให้คนอื่น  ยัน!! ไม่ใช่ทนายหญิงเรียก 3 แสน พาออกรายการดัง

‘ทนายนิด้า’ ซัด ‘ทนายตั้ม’ แถลงโยนขี้คนอื่น ไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย ท้าตีนถีบหน้า ยัน ไม่ใช่ทนายหญิงเรียก 3 แสน พาออกรายการดัง

จากกรณี ที่สำนักงาน sittra law firm ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ แถลงเปิดโปง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ว่ารับเงินจากเว็บพนันออนไลน์จากอดีตข้าราชการตำรวจ

นอกจากนี้ บางช่วงของการชี้แจงได้มีการพูดถึงการเรียกเก็บเงิน 3 แสน เป็นค่าแถลงข่าว ของ ทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โดยในช่วงหนึ่งของการแถลง ทนายตั้ม มีการอ้างว่ามี ‘ทนายหญิงคนหนึ่ง’ เรียกเก็บเงิน 3 แสน เป็นค่าพาออกรายการดัง

ล่าสุด วันนี้ (27 มี.ค.) เพจ ‘ทนายนิด้า’ หรือ ศรันยา หวังสุขเจริญ ทนายหญิงชื่อดัง ออกมาเคลื่อนไหวโพสต์ข้อความ หลังโดนพาดพิง โดยได้ระบุข้อความว่า

“หลังบ้าน (พยานบอกเล่า) แจ้งนิด้ามา ว่าพี่เขาหมายถึงหนูนี่แหละ ที่เป็นทนายผู้หญิงเรียกเก็บค่าออกโหนกระแสครั้งละ 300,000 บาท งื้อออออออ!!! ไตล้าย

เน้นเปิด ไม่เน้นปิด เน้นทิ้งบอมบ์ เน้นฟังเขาเล่ามา เน้นผมได้ยินมาว่า (หลายเคสละนะ)

‘ชัชชาติ’ แจง ‘สวนชูวิทย์’ ไม่ใช่ที่ดินสาธารณะ ยัน!! เอกชนถือครอง - จ่ายภาษีที่ดินตามกฎหมาย

(27 มี.ค.66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือให้ตรวจสอบสวนของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ถึงความชัดเจนในการยกที่ดินเป็นสาธารณสมบัติว่า ได้รับรายงานจาก นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานครเมื่อช่วงเช้า

เบื้องต้นข้อมูลที่เป็นเอกสารจากกรุงเทพมหานครพบว่า โฉนดที่ดินดังกล่าวยังไม่ได้เป็นที่สาธารณะ กรุงเทพมหานครไม่ได้มีส่วนร่วมเข้าไปปรับปรุงให้เป็นพื้นที่สาธารณะแต่อย่างใด ยังเป็นที่ดินเอกชนอยู่ และมีการจ่ายภาษีที่ดินต่อเนื่องตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาจ่ายภาษีรวม 3,000,000 บาท

‘ศรีสุวรรณ’ บุกร้อง ‘ชัชชาติ’สอบเจ้าหน้าที่ กทม.  ปม ปล่อยให้เอกชนเก็บค่าผ่านสะพานพระโขนง

‘ศรีสุวรรณ’ บุกร้องผู้ว่ากทม. สอบ เจ้าหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนเก็บเงินค่าผ่านสะพานพระโขนง

วันนี้(27 มี.ค.66)เวลา 10.00 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนเอาผิดพนักงานเจ้าหน้าที่ กทม.ที่เกี่ยวข้องกับการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้ บ.แสนสิริ ได้ก่อสร้างสะพานข้ามคลองพระโขนง เขตวัฒนา แต่มีการเรียกเก็บค่าผ่านทาง ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรการและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) 

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก บ.แสนสิริได้ขออนุญาตสำนักการโยธา กทม.ก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยขนาดใหญ่พิเศษโครงการ The Base Park East และโครงการ The Base Park West โดยจัดทำรายงาน EIA ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯแล้วทั้ง 2 โครงการ โดยได้ระบุไว้ในรายงานว่า ในการดูแล บำรุงรักษา ถนนภาระจำยอมบนโฉนดที่ดิน 8 แปลง และสะพานข้ามคลองพระโขนง ตลอดจนระบบสาธารณูปโภคริมถนน ฯลฯ นั้น หากเกิดกรณีสะพานชำรุดเสียหาย นิติบุคคลอาคารชุดจะเป็นผู้ดำเนินการประสานไปยังสำนักงานเขตวัฒนาเพื่อซ่อมแซมด้วยค่าใช้จ่ายของบริษัทที่ถือครองกรรมสิทธิ์เองทั้งสิ้น รวมทั้งรับผิดชอบค่าไฟฟ้าส่องสว่างที่เกิดขึ้นในที่ดินภาระจำยอมนั้นด้วย 

เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมกรณีมีปลอมข้อมูลในภาพถ่ายบัตรประชาชนของผู้อื่น และนำไปประกอบการหลอกจำหน่ายสินค้าออนไลน์

จากกรณีในสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ภาพและข้อความเกี่ยวกับชายหนุ่มรายหนึ่ง ซึ่งมีบัตรประชาชนถึง 7 ใบ โดยแต่ละใบจะมีชื่อและนามสกุลไม่ซ้ำกัน แต่ใบหน้าเจ้าของบัตรประชาชนเป็นคนเดียวกัน และมีที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งจากกรณีดังกล่าวชาวบ้านได้มีการร้องเรียนไปยังกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เร่งดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการออกบัตรประชาชนดังกล่าว ว่ามีที่มาอย่างไร ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดโดยการอำนวยการสั่งการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.,พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4,พล.ต.ต.หัสชัย เรืองมาลัย รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี,พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4,พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงสิริสมบัติ รอง ผบก.สส.ภ.4,พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4  มีรายละเอียด ดังนี้
ข้อ1. บุคคลตัวจริง ที่ปรากฏภาพใบหน้า ในบัตรประชาชนทั้ง 7 ใบคือ  นายภาคิน (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี  ที่อยู่บ้านเลขที่ 145 ม.1 ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่า นายภาคินฯได้เคยส่งภาพบัตรประชาชนตนไปกู้เงินออนไลน์ แต่หลังจากกลุ่มคนร้ายได้ภาพบัตรประชาชนของนายภาคินฯ ไปแล้วนั้น เชื่อว่าได้นำภาพบัตรประชาชนของนายภาคินฯ ดังกล่าว ไปทำการแก้ไขในส่วน ชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ให้ตรงกับ ชื่อ นามสกุล ของเจ้าของบัญชีธนาคารที่ไปจ้างเปิดไว้(บัญชีม้า) แต่คงส่วนภาพใบหน้านายภาคินฯ ไว้ เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ 

ซึ่งรายชื่อของบุคคลอื่นทั้ง 7 ราย ที่ปรากฏ ชื่อ นามสกุล และ เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ประกอบภาพใบหน้าของนายภาคินฯ ได้แก่ 1)นายนฤเบศร์ (สงวนนามสกุล)  2)นายชินดนัย (สงวนนามสกุล) 3)นายประทีป (สงวนนามสกุล) 4)นายชัยสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) 5)นายชาญณรงค์ (สงวนนามสกุล) 6)นายพรพล (สงวนนามสกุล) และ 7) นายพงศธร (สงวนนามสกุล) 

จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า มีผู้เสียหาย ได้ถูกหลอกลวงให้ซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ แต่ไม่ได้สินค้า โดยคนร้ายได้ใช้บัญชีธนาคารของบุคคลดังกล่าวข้างต้น คือ  นายชัยสิทธิ์  นายชาญณรงค์  นายพรพล  นายพงศธร โดยมีพฤติการณ์คือ ใช้ภาพถ่ายบัตรประชาชนของนายภาคินฯ ไปทำการเปลี่ยนแปลง ชื่อ นามสกุล  และหรือ ประจำตัวประชาชน 13 หลัก โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการแก้ไขข้อมูลในภาพ ซึ่งไม่ได้มีการทำบัตรขึ้นมาใหม่ เพียงแต่แก้ไขชื่อ นามสกุล ภายในบัตรเพื่อให้ตรงกับ ชื่อเจ้าของบัญชีธนาคารที่ใช้รับโอนค่าสินค้า ก่อนจะนำไปหลอกขายสินค้าให้กับ ผู้เสียหายและประชาชนทั่วไป เมื่อผู้เสียหายพบว่า ชื่อในภาพบัตรประชาชน ตรงกับชื่อที่คนร้ายได้ส่งมาประกอบการซื้อขายสินค้า และตรงกับชื่อในบัญชีธนาคารที่โอนเงินค่าสินค้า ก็หลงเชื่อว่าเป็นเพจ ที่มีการจำหน่ายสินค้าจริง มีตัวตนจริงตามบัตรประชาชน จึงโอนเงินค่าสินค้าไป 

ต่อมา ผู้เสียหายที่ถูกหลอกขายสินค้าออนไลน์ในพื้นที่ จังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ และ เลย จึงได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน  จำนวน 4 คดี รายละเอียด ดังนี้
1.คดีอาญา สภ.คอนสาร จว.ชัยภูมิ ที่ 79/2566 ลงวันที่ 20-มี.ค.-66 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14
-หมายจับศาลจังหวัดภูเขียว จ. 33/2566 ลงวันที่ 24 มี.ค.66 นายชัยสิทธิ์  ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 อยู่ระหว่างติดตามตัว

2.คดีอาญา สภ.เมืองเลย ที่ 202/2566 ลงวันที่ 20-มี.ค.-66 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 
-หมายจับศาลจังหวัดเลย ที่ 99/2566 ลงวันที่ 21มี.ค.66 นายชาญณรงค์ ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 จับกุมตัวแล้ว

3.คดีอาญา สภ.เมืองร้อยเอ็ด ที่ 261/2566 ลงวันที่ 20-มี.ค.-66 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน
-หมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่118/2566  ลงวันที่ 21มี.ค.66 นายพรพล ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน จับกุมตัวแล้ว
-หมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่120/2566  ลงวันที่ 27 มี.ค.66 นายพฤหัส ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน จับกุมตัวแล้ว

4.คดีอาญา สภ.เมืองขอนแก่น ที่ 983/2566 ลง 20 มี.ค.66 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 ผู้ต้องหา 2 ราย
-หมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.157/2566  ลงวันที่ 21มี.ค.66 นายพงศธร ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 จับกุมตัวแล้ว
-นายปรินทร์ ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว

จากการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม พบว่า นอกจากบุคคลที่มีรายชื่อทั้ง 7 ราย ที่ปรากฏตามข่าวข้างต้น แล้วยังพบว่ามีการกระทำผิดในรูปแบบเดียวกัน โดยการนำ ชื่อ นามสกุล และ เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ของบุคคลอื่น มาประกอบกับภาพถ่ายบัตรประชาชนของนายภาคิณฯ ซึ่งพิสูจน์ตัวบุคคลได้อีก 2 ราย คือ 1) นายฐิติกร  และ 2) นายอนิวัตติ์  ซึ่งในกรณีนี้ผู้เสียหายในพื้นที่ จังหวัดมหาสารคาม ประจวบคีรีขันธ์ และ ลำพูน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน อีกจำนวน 3 คดี 

5.คดีอาญา สภ.เมืองมหาสารคาม ที่ 180/2566 ลงวันที่ 20-มี.ค.-66 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  ผู้ต้องหา 2 ราย
-หมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม จ.69/2566 ลงวันที่ 21 มี.ค.66 นายฐิติกร ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  อยู่ระหว่างติดตามตัว
-หมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม จ.68/2566 ลงวันที่ 21มี.ค.66 นายเดโช ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  อายัดตัวเรือนจำจังหวัดนนทบุรี

6.คดีอาญา สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ที่  671/2565 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14
-หมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ จ.149/2565  ลงวันที่ 6 ธ.ค.65 นายอนิวัตติ์ ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  จับกุมตัวแล้ว

7.คดีอาญา สภ.นิคมอุตสาหกรรม จว.ลำพูน ที่  978/2565 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14
-หมายจับศาลจังหวัดลำพูน ที่ จ.555/2565  ลงวันที่ 6ธ.ค.65 นายอนิวัตติ์ ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  อายัดตัวผู้ต้องหา (จากคดีลำดับ 6.)

ข้อ 7. สรุปการดำเนินคดีทั้ง 7 คดี (ตามข้อ 1)
สรุปการดำเนินคดีทั้ง 7 คดี ผู้ต้องหา 9 ราย 
1) ออกหมายจับ 9 หมายจับ  ผู้ต้องหา 8 ราย (นายอนิวัตติ์  มี 2 หมายจับ)
จับกุมผู้ต้องหาได้  5 ราย    5 หมายจับ
อายัดตัว 1 ราย 2 หมายจับ(อายัดหมาย นายเดโช และ นายอนิวัตติ์  )
หลบหนี 2 ราย  2 หมายจับ
2) แจ้งข้อกล่าวหา 1 ราย ผู้ต้องหา 1 ราย

ข้อ3. กรณีกลุ่มผู้ซื้อขาย จัดหาบัญชีม้า ปรากฏจากการสืบสวนขยายผลถึงกลุ่มขบวนการซื้อขายบัญชีม้าในคดีนี้ พบว่ามีการกระทำอยู่ 2 รูปแบบ คือ 
3.1 รูปแบบการซื้อขายบัญชีผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (ON LINE) โดยเจ้าของบัญชีม้าจะทำการเปิดบัญชีผ่านระบบออนไลน์ของธนาคาร จากนั้นก็จะส่งรหัสผ่านพร้อมเลขบัญชีให้กับนายหน้าผู้ซื้อหรือติดต่อกับเจ้าของบัญชีม้าเพื่อแลกกับค่าตอบแทน ซึ่งมีการเปิดกลุ่มสำหรับหาผู้จำหน่ายบัญชีม้าทั่วไป ก่อนจะนำบัญชีม้าไปเป็นบัญชีรับซื้อขายสินค้า หรือเกี่ยวข้องในการทำผิดกฎหมายอื่น
3.2 รูปแบบการใช้บุคคลรวบรวมบัญชีม้า (ON SITE)  กรณีนี้เจ้าของบัญชีม้าได้มีการเปิดบัญชีผ่านระบบออนไลน์ หรือเปิดกับธนาคาร โดยตรง ก่อนจะส่งมอบรหัสบัญชี หรือสมุดบัญชี พร้อมบัตรเอทีเอ็มให้กับตัวแทน ซึ่งส่วนมากจะรู้จักกัน ก่อนที่นายหน้าจะรวบรวมส่งให้กับกลุ่มมิจฉาชีพเพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิดต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนและจับกุมตัวบุคคลที่มีหน้าที่รวบรวมบัญชีได้คือ 

1) นายปรินทร์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.กาฬสินธุ์ ในความผิดฐาน " ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกระทำการโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน "  
ซึ่งในส่วนของผู้ร่วมเครือข่ายรายอื่นอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล และตรวจสอบเส้นทางการเงินหาความเชื่อมโยงผู้ที่ได้รวบรวม จัดหาบัญชีเพิ่มเติม

‘ดิว อริสรา’ บินกลับไทย เข้าพบ ตร.ไซเบอร์ ให้ปากคำเพิ่มเติมคดี ‘มาเก๊า888’ เจ้าตัวเผยไม่กังวลอะไร

หลังจากที่ ‘ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์’ ได้ออกมาแฉ 4 พี่น้องตระกูล บ. เป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ ‘มาเก๊า888’ อีกทั้งโดน ‘เบนซ์ เดม่อน’ แฟนเก่าหนึ่งในพี่น้องตระกูล บ. ทำร้ายร่างกาย ซึ่งภายหลังดิวออกมาแฉ ก็มีการบุกทลายเว็บพนัน รวมทั้งมีการจับกุมตัวเบนซ์ เดม่อน ที่บินจากฮ่องกงมอบตัวสู้คดี โดยยืนยันไม่มีส่วนพัวพันกับเว็บพนันดังกล่าว และขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ทีเส็บ จัดโรดโชว์โครงการ ‘ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย’

เปิดประตูสู่ภาคเหนือ เยือนเชียงใหม่สร้างความมั่นใจ จัดกิจกรรมไมซ์ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย
 

‘ทีเส็บ’ เปิดตัวโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” ให้งบสนับสนุนองค์กร จัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลภายในประเทศจำนวน 1,000 กลุ่ม หวังสร้างรายได้กว่า 100 ล้านบาท จัดโรดโชว์ปลายทางเมืองไมซ์ซิตี้ทั่วประเทศ กระตุ้นตลาดไมซ์ในประเทศ ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย ณ โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จังหวัดเชียงใหม่

คุณสุวัชชัย นิมมานเทวินทร์ ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคกลาง กล่าวว่า “ทีเส็บได้ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศขององค์กรต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 และในปี 2566 นี้ ทีเส็บได้เดินหน้าให้การสนับสนุนต่อภายใต้ชื่อโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” เพื่อเร่งกระตุ้นนักเดินทางไมซ์และสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยใช้กลไกการสนับสนุนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการจัดงานไมซ์ทั่วประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ทุกภูมิภาคอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไมซ์ ชุมชน รวมถึงธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ได้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ ก่อเกิดเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยจัดกิจกรรมโรดโชว์ประชาสัมพันธ์โครงการทั่วประเทศ

สำหรับกิจกรรมโรดโชว์ในภาคเหนือตอนบนจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมืองไมซ์ซิตี้ชั้นนำระดับประเทศ และได้รับยกย่องให้เป็นเมืองเทศกาลโลก World Festival and Event City ประจำปี 2022 ซึ่งเป็นการยืนยันความมีเสน่ห์ของเชียงใหม่ในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว การประชุม และงานเทศกาลในระดับนานาชาติ เชียงใหม่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และแหล่งท่องเที่ยวชุมชน มีความโดดเด่นด้านวัฒนธรรมล้านนา ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมากในแต่ละปี และยังเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางของการประชุมระดับภูมิภาคด้วย เชียงใหม่จึงมีศักยภาพและความพร้อมในทุกด้านที่ผู้ประกอบการสามารถเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานไมซ์ได้อย่างดีเยี่ยม” คุณสุวัชชัยกล่าว

ภายในงานโรดโชว์ได้รับเกียรติจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานเปิดงาน และมีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การเสวนาในหัวข้อ “กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ด้วยกิจกรรมประชุมไมซ์ในประเทศ” ทำความรู้จักโครงการประชุมเมืองไทยฯ และแพลตฟอร์ม Thai MICE Connect โดย คุณศุภาดา ชัยวงษ์  ผู้แทนการตลาด

สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคเหนือ และ คุณนราศักดิ์ ม่วงแก้ว ผู้จัดการส่วนงาน MICE Innovation นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “เพิ่มโอกาสการขายลูกค้ากลุ่มธุรกิจบนโลกการตลาดออนไลน์ (B2B Digital Marketing Talk)”  โดย คุณชวัลวิทย์ รักษพล ผู้ก่อตั้ง M Creation Agency และมี Thai MICE Connect: Exclusive Clinic คลินิกให้คำปรึกษาการใช้งาน Thai MICE Connect แบบตัวต่อตัวอีกด้วย

โครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” เป็นโครงการสนับสนุนด้านงบประมาณการ   จัดงานไมซ์ให้แก่ผู้ประกอบการและนิติบุคคลตามกฎหมายที่มีแผนการจัดกิจกรรมไมซ์อย่างใดอย่างหนึ่งใน 7 ประเภท ได้แก่ กิจกรรมการประชุม (Meetings) กิจกรรมการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) กิจกรรมสัมมนา (Seminars) กิจกรรมการอบรม (Training) กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) กิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ (Outing) และกิจกรรมศึกษาดูงาน (Field trip) โดยมีเงื่อนไขการสนับสนุน 2 รูปแบบ คือ 1.งบสนับสนุน     ไม่เกิน 15,000 บาท สำหรับการจัดกิจกรรมเป็นระยะเวลา 1 วัน (ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง) และ 2. งบสนับสนุนไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับการจัดกิจกรรมอย่างน้อย 2 วัน 1 คืน โดยขอรับการสนับสนุนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 22 สิงหาคม 2566

อพท.เครือข่ายชุมชนสุโขทัยยกระดับพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชนในพื้นที่เป้าหมายเดินหน้าการท่องเที่ยว

องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษ 4 (อพท.4) ผนึกกำลังสำนักท่องเที่ยวโดยชุมชน(สทช.) จัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์ อบรมหลักสูตรยกระดับการท่องเที่ยวโดยชุมชนพื้นที่เป้าหมาย ไปเมื่อวันที่ 22 -24 มีนาคมที่ผ่านมาโดยพันเอก นาวิน ปรีชาพณิชยกุล ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ 4  นายวีรวิทย์ ฉันทวรางค์ ผู้อำนวยการฝ่ายอำนวยการ ปฏิบัติหน้าที่รองผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ 4  นายวิกรม นันทวิโรจน์สิริ นางสาวณัฐกานต์ นองเนือง เจ้าหน้าที่สำนักท่องเที่ยวโดยชุมชน และเจ้าหน้าที่ อพท.4 ร่วมจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์ โดยมีชุมชนกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วม ได้เเก่ ชมรมฯ เมืองเก่า ชมรมฯ ท่าชัย-ศรีสัชนาลัย ชมรมฯ นาเชิงคีรี ชมรมฯ บ้านกล้วย ชมรมฯ ไตรตรึงษ์ ชมรมฯ เทศบาลเมืองกำแพงเพชร เป็นต้น อีกทั้งยังมี ภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนทั้งจังหวัดสุโขทัย และจังหวัดกำแพงเพชร โดยมี คุณจักรพงษ์ ชินกระโทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟายด์ โฟล์ค จํากัด เป็นวิทยากรในกิจกรรมในครั้งนี้ ณ ชุมชนบ้านนาต้นจั่น ต.บ้านตึก  อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย 

จากความประทับใจสู่การช่วยเหลือ พระอาจารย์ฮวด และ ศิษยานุศิษย์ มอบรถพยาบาลฉุกเฉิน เครื่องช่วยหายใจ แก่ โรงพยาบาลแม่สะเรียง

ณ โรงพยาบาลแม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน นายสุรเชษฐ์ พุ้ยน้อย นายอำเภอแม่สะเรียง นายอำเภอแม่สะเรียง ได้เดินทางร่วมในพิธีรับมอบ รถพยาบาลฉุกเฉินและอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ จาก พระชัยฮวด อุปสันโต(พระมาเลเซีย) เจ้าสำนักสงฆ์ศิริมะน้ำ ต.แม่สวด อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งได้ร่วมกับคณะศิษยานุศิษย์ จาก 6 ประเทศ ประกอบไปด้วย ประเทศสิงคโปรื มาลาเซีย อินโดนีเซีย ไทย จีน และ ออสเตเรเลีย ในการจัดหาทุนทรัพย์เพื่อซื้อรถฉุกเฉินและเครื่องช่วยหายใจมอบให้กับทางโรงพยาบาลแม่สะเรียง โดยมอบให้กับทาง นายแพทย์บัณฑิต ดวงดี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่สะเรียง โดยมี นายดำรงค์ นันยบุตร สาธารณสุขอำเภอแม่สะเรียง ร่วมเป็นสักขีพยานในการรับมอบรถฉุกเฉิน มูลค่า 2,200,000 บาท เครื่องช่วยหายใจ มูลค่า 450,000 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,650,000 บาท เพื่อใช้สำหรับส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพที่สูงขึ้นที่อยู่ภายใน จ.แม่ฮ่องสอน และ นอกจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งจะช่วยให้เกิดความรวดเร็วและเพิ่มศักยภาพในการส่งต่อผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี  

กองทัพภาคที่ 3 เปิดการฝึกอบรมมวยไทยขั้นพื้นฐานในหน่วยทหาร

วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 เวลา 1100 ณ อาคารอเนกประสงค์ กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดยมี พลโท สุริยะ  เอี่ยมสุโร แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธี 

'มวยไทย' เป็นศิลปะการต่อสู้ของประเทศไทยที่มีประวัติอันยาวนาน ตามที่ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก (มวยไทยลุมพินี) ได้จัดการฝึกอบรมโครงการมวยไทยขั้นพื้นฐานในหน่วยทหาร โดยจัดชุดครูฝึกพร้อมทั้งครูมวยไทยทำการฝึกอบรมให้กับกำลังพลของหน่วยทหาร ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ในระหว่างวันที่ 27 - 31 มีนาคม 2566 เพื่อเผยแพร่มวยไทยในหน่วยทหารให้กับกำลังพลที่เข้ารับการฝึกอบรม ให้มีพื้นฐานการใช้ศิลปะมวยไทยที่ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ เป็นมาตรฐานเดียวกัน และสามารถขยายผลต่อไปยังหน่วยต้นสังกัดของตนเองได้ มีความรู้เบื้องต้นกีฬามวยไทยการไหว้ครูและการร่ายรำ ไหว้ครูมวยไทย 

‘อ.เจษฎา’ โพสต์ติง เชียงราย ‘ฉีดน้ำขึ้นฟ้า’ หวังฝนตกลด PM2.5 แนะทางออกที่ต้องรีบทำ หยุด!! การเผาไหม้ในเชียงราย-พื้นที่ข้างเคียง

(27 มี.ค. 66) จากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พบค่าฝุ่น PM2.5 สูงถึง 480 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของประเทศไทย 9 เท่า และสูงกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก 32 เท่า

ขณะที่ เพจเฟซบุ๊ก นครเมืองเชียงราย เผยภาพ ฉีดน้ำขึ้นฟ้า โดยระบุว่า 

“ชาวเชียงรายร่วมมือร่วมใจ คนเชียงรายสร้างฝน ร่วมกันวันละ 2 เวลา 9.00 น. และ 14.00 น. เอาน้ำรดต้นไม้และถนนหน้าบ้านของท่าน จากการจังหวัด เทศบาล อบจ. อบต. ทุกพื้นที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำมาโดยตลอด ตอนนี้ขึ้นอยู่กับประชาชนจะร่วมมือร่วมใจกันจะได้ไม่ครับ เรามาช่วยสร้างบรรยากาศให้ชุ่มชื้น ทำให้ฝนตกกันดีกว่าครับ”

ล่าสุด นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ หรืออาจารย์เจษฎ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า 

“หลงทางกันใหญ่แล้วครับท่าน ! การรดน้ำต้นไม้และถนนหน้าบ้าน อาจจะทำให้พื้นที่ดินตรงนั้นชุ่มชื้นขึ้นบ้าง แต่มันก็ไม่ได้จะทำให้เกิดฝนตก

และการฉีดน้ำพ่นขึ้นฟ้า ก็ไม่ได้จะช่วยลดฝุ่น PM2.5 ลงด้วย เหมือนเอาน้ำขวด ไปเทลงคลองแสนแสบ ก็ไม่ได้ทำให้คลองมันสะอาดขึ้น  (แถมฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กจิ๋วมาก หยดน้ำมีผลในการจับฝุ่นได้ค่อนข้างน้อย แต่กระแสลมมีผลกระทบมากที่สุดในการพัดพาฝุ่นครับ) 

ทางออกที่ต้องรีบทำ คือต้องหยุดการเผาไหม้ทุกจุดในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดข้างเคียง ให้ได้ต่างหากครับ ตอนนี้ใครๆ ก็ดูออกว่า ฝุ่นจากควันของการเผาไหม้ มันเต็มเมืองเต็มจังหวัดไปหมดแล้วต่างหาก

‘สธ.’ เผยผลวิจัยคนไทยมี ‘พฤติกรรมเนือยนิ่ง’ นั่งนานกว่า 7 ชม./วัน เหตุการทำงานที่ใช้แรงกายลดลง เตือนเสี่ยงโรค แนะเพิ่มกิจกรรมทางกาย

(27 มี.ค. 66) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กรมอนามัย ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาสุขภาพระหว่างประเทศไทย (IHPP) ศึกษาวิจัยสถานการณ์การมีกิจกรรมทางกายเพียงพอและพฤติกรรมเนือยนิ่งของคนไทย โดยวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมสุขภาพคนไทยในปี 2564 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในผู้ที่มีอายุ 18 – 80 ปี จำนวน 78,717 คน ครอบคลุม 77 จังหวัด พบว่า ร้อยละ 76 มีพฤติกรรมเนือยนิ่ง โดยการนั่งตั้งแต่ 7 ชั่วโมงขึ้นไปต่อวัน และร้อยละ 72 มีกิจกรรมทางกายเพียงพอ ตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลกคือ 150 นาทีต่อสัปดาห์

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า สาเหตุหนึ่งที่คนไทยมีพฤติกรรมเนือยนิ่งสูง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานที่ใช้แรงกายลดลง เช่น การเปลี่ยนจากการทำงานภาคเกษตรกรรมหรืออุตสาหกรรม เป็นรูปแบบการนั่งในห้องทำงานแทน ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเนื่องจากอัตราการเผาผลาญพลังงานต่ำ

‘อนุชา’ เผย ความคืบหน้าสิทธิเบิกจ่ายตรงผ่านแอปฯ ‘เป๋าตัง’ สำหรับเข้ารักษาพยาบาล อำนวยความสะดวก-ลดการรอคิวจ่ายเงิน

(27 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง สำหรับการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาล (Onsite) ว่า สถานพยาบาลจำนวนหลายแห่ง ให้ความสนใจและประสานงานจากขอเข้าร่วมโครงการ โดยกรมบัญชีกลาง คาดว่า ภายในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จะมีสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการและพร้อมให้บริการเพิ่มอีกจำนวน 2 แห่ง

ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. 2565 กรมบัญชีกลางได้อำนวยความสะดวกและเพิ่มการเข้าถึงการใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงให้แก่ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว ผ่านการเพิ่มช่องทางการใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอก ผ่านกระเป๋าสุขภาพบนแอปพลิเคชันเป๋าตัง สำหรับการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาล ซึ่งได้นำร่องกับสถานพยาบาลของทางราชการแล้วจำนวน 7 แห่ง ได้แก่

สมาคมเครือข่ายสื่อฯ ภาคอีสาน มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ 'คุณธรรม ศรีอีสาน' รองโฆษกรัฐบาล เผยเป็นแบบอย่างที่ดีในมิติด้านคุณธรรม ควรค่าแก่การยกย่อง

(26 มี.ค.66) ที่ห้องภูผาม่าน โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมาย ผศ.ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพสื่อท้องถิ่น เสวนาเรื่อง 'ร่วมหาทางออกวิทยุชุมชน หลังปี 2567' ซึ่ง พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน และคณะกรรมการสมาคมได้ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้น โดยได้มีพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ 'คุณธรรม ศรีอีสาน' จาก ศ.ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้แก่ผู้ที่มีความประพฤติดี มีคุณธรรม และจริยธรรม ตระหนักในความสำคัญของการสื่อสาร ส่งเสริมจริยธรรม มาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน และเป็นแบบอย่างในการเสียสละ ในการทำประโยชน์ให้กับสังคม 

โดยมี พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ,นายสำรวย เกษกุล ผวจ.ศรีสะเกษ ,รศ.นพ.ภัทรพงษ์ มกรเวส ผู้อำนวยการศูนย์หัวใจสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ,นายจำรัส สวนจันทร์ ผอ.โครงการชลประทานศรีสะเกษ ,นางสาว พิมพ์กานต์ วงษ์ภูดร หัวหน้าวนอุทยานภูหัน-ภูระงำ และผู้มีเกียรติ รวมจำนวน 20 ราย ซึ่งผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการของสมาคม เข้ารับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณในครั้งนี้ด้วย จากนั้น ผศ.ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล ได้บรรยายพิเศษเรื่อง บทบาทวิทยุภาคประชาชนต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และมีการเสวนาเรื่อง ร่วมหาทางออกวิทยุชุมชนหลังปี 2567 โดยมี พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุและสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน เป็นผู้กล่าวรายงาน คณะกรรมการสมาคม ผู้เข้ารับมอบโล่ และผู้เข้าร่วมเสวนา ร่วมพิธีและให้การต้อนรับ

พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุและสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน กล่าวว่า วิทยุภาคประชาชน หรือวิทยุชุมชน ในประเทศไทย เริ่มก่อตัวขึ้นในช่วงที่มีกระบวนการปฏิรูปการเมืองระหว่างปี พ.ศ.2539-2540 ภายหลังจากที่ภาครัฐและภาคธุรกิจได้ครอบครองสื่ออย่างครบวงจร ข้อมูลข่าวสารจึงถูกปกปิด และสื่อถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ตลอดจนการสร้างกระแสทางสังคม โฆษณาชวนเชื่อ และโฆษณาขายสินค้า โดยไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีบทบาทในการทำงานวิทยุอย่างอิสระเท่ากับเป็นการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นของประชาชน เมื่อมีกระแสการปฏิรูปการเมืองภายหลังเหตุการณ์ทางการเมืองในปี พ.ศ.2535 จึงทำให้เกิดแนวคิดการปฏิรูปสื่ออย่างจริงจัง นำไปสู่การกำหนดหลักการด้านสิทธิเสรีภาพด้านการสื่อสาร ในรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2540 มาตรา 40 ดังนี้ การกำหนดให้คลื่นความถี่เป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติ เพื่อประโยชน์สาธารณะ การกำหนดให้มีองค์กรอิสระทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม โดยการดำเนินการต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนในระดับชาติและระดับท้องถิ่น และจัดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการสื่อมวลชนสาธารณะ และการกำหนดหลักประกันสิทธิเสรีภาพการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่หลากหลายของประชาชน โดยให้มีมาตรการป้องกันการควบรวม การครองสิทธิข้ามสื่อหรือการครอบงำสื่อมวลชน

พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันคลื่นความถี่และการประกอบกิจการของสื่อ ยังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มธุรกิจสื่อมวลชนทั้งสิ้น ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะมีการนำสื่อมาใช้ประโยชน์เพื่อประชาชนในทุกด้าน ดังนั้น สมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพสื่อท้องถิ่น ในประเด็น 'ร่วมหาทางออกวิทยุชุมชน หลังปี2567' ขึ้น เพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้ผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ได้ตระหนักรู้ ปรับเปลี่ยนทัศนคติ ปรับตัวและวางบทบาทการทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการป้องกันการแทรกแซงสื่อจากอำนาจรัฐ และกลุ่มทุน

‘ทนายตั้ม’ แถลงโต้หลัง ‘ชูวิทย์’ เปิดหลักฐานแฉ ชี้!! เก็บ 3 แสนคือค่าเสี่ยงภัย ไม่ใช่ค่าแถลงข่าว

(27 มี.ค. 66) ทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวนัดเปิดหลักฐานเด็ด มัดนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ รับมาจากสารวัตรซัว โดยทนายตั้มขอแบ่งการแถลงข่าวออกเป็น 2 ช่วง โดยจะเริ่มต้นแถลงชี้แจงเรื่องเรียกเก็บค่าแถลงข่าว 3 แสนบาท

ทนายตั้ม ระบุว่า ปีนี้ตนแถลงแค่ 2 ครั้ง เหตุผลที่เก็บค่าแถลงข่าว เพราะเรื่องดังกล่าวถูกฟ้องแน่นอน ไม่ใช่ค่าแถลงข่าวแต่เป็นค่าเสี่ยงภัย เพราะผมต้องมีต้นทุนในการดำเนินคดี ไม่เคยไถเพื่อจัดแถลงข่าว ปีนี้ที่เก็บเงินมีเคสรองนายกฯ กับเคสพี่ช่อ ซึ่งก็ถูกฟ้องและถูกดำเนินคดีมรรยาท 

“ผมยอมรับว่ามาปรึกษาคดีกับผม ผมคิดแพง ปีที่แล้วรับปรึกษาคดี 1,500 เคส ซึ่งผมรับคดีไม่ถึง 10% ค่าปรึกษาคดีผมคิดเงิน ถ้าคุยกับลูกน้องผม 20 นาที คิด 1,000 บาท คุยกับผม 20 นาทีเท่ากัน คิด 1,500 บาท ถ้ามาหาที่สำนักงาน มาเจอผมครึ่ง ชม. ผมคิด 3,000 บาท อันนี้เป็นวิชาชีพ ผมไม่ทำสีเทา ไม่ได้เปิดอาบอบนวด” ทนายตั้ม กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top