Monday, 19 May 2025
NEWS

ไทย สมายล์ กรุ๊ป ผู้นำโครงข่ายระบบขนส่งสาธารณะด้วยรถและเรือไฟฟ้า มุ่งสู่การก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน 

พร้อมจัดโปรโมชันอัตราค่าโดยสารเหมาจ่าย 40 บาท/วัน (Daily Max Fare) ไม่จำกัดเที่ยว ไม่จำกัดสาย ตลอด 24 ชั่วโมง เพียงชำระค่าโดยสารด้วย HOP Card

นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ไทย สมายล์ กรุ๊ป ให้การต้อนรับคณะหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม สำหรับนักบริหารระดับสูงรุ่นที่ 10 (ปธส.10) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 70 ท่าน เข้าดูงานการดำเนินงานและการให้บริการของรถและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า ว่า การเปลี่ยนรถและเรือโดยสารเป็น EV BUS และ BOAT เป็นเทคโนโลยีที่ดีของการเดินทาง ช่วยลดการใช้พลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซ ลดคาร์บอน ลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ซึ่งเป็นการให้บริการอย่างทั่วถึงเท่าเทียม และมีคุณภาพดี

ในการนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม ไทย สมายล์ กรุ๊ป ได้บรรยายเรื่อง "ขนส่งสาธารณะพลังงานไฟฟ้า : ทางออกที่ยั่งยืนของสังคมไทยในการก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ" ซึ่ง ไทย สมายล์ กรุ๊ป เร่งผลักดันการให้บริการขนส่งสาธารณะทั้งรถและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อให้ประชาชนเดินทางด้วยยานยนต์ไฟฟ้าสาธารณะที่ทันสมัย มีความปลอดภัยสะดวกสบายในราคาที่เข้าถึงได้ ด้วยโปรโมชันอัตราค่าโดยสารเหมาจ่าย 40 บาท/วัน (Daily Max Fare) ไม่จำกัดเที่ยว ไม่จำกัดสาย ตลอด 24 ชั่วโมง เพียงชำระค่าโดยสารด้วย HOP Card

ในช่วงเย็น ได้นำคณะฯ ล่องเรือท่องเที่ยวพลังงานไฟฟ้า ชมบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งเยี่ยมชมสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันมีเรือ 23 ลำ ให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยาจากท่าเรือสาทร – ท่าเรือพระนั่งเกล้า ทำให้เกิดการเชื่อมโยงเป็นโครงข่ายระบบขนส่งสาธารณะพลังงานไฟฟ้าอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ

สวนสัตว์เชียงใหม่ ซ้อมแผนชะนีหลุด ให้เจ้าหน้าที่ แต่งชุดชะนี  ทั้งวิ่งหนี ปีนต้นไม้ ไล่ล่าแบบเหมือนจริง สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ทางเพจ เชียงใหม่ CM108 ข่าวเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ได้โพสต์ภาพบรรยากาศการซ้อมแผนชะนีหลุดของสวนสัตว์เชียงใหม่ ซึ่งเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับชาวโซเชียลเป็นอย่างมาก

เพราะว่าการซ้อมแผนในครั้งนี้ทางสวนสัตว์เชียงใหม่ได้ให้พนักงานแต่งชุดเป็นชะนี และสวมบทบาทการหลบหนีเจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นวิ่งหนี หรือปีนต้นไม้ ส่วนฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็มีทั้งตามยิงปืนยาสลบไล่ และจับใส่ตาข่ายมาขึ้นรถจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นการซ้อมที่เอาจริงเอาจังมาก เผื่อเกิดสถานการณ์จริงจะได้ปฏิบัติกันได้อย่างถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยต่อตัวนักท่องเที่ยว 
ถือเป็นสีสันที่สร้างความสุขให้กับนักท่องเที่ยวที่ได้เห็น รวมไปถึงรอยยิ้มจากโลกโซเชียลด้วย

ก.แรงงาน มอบประกาศนียบัตรเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ รุ่นที่ 5 นำนโยบายสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ

วันที่ 24 มิถุนายน 2566 เวลา 11.00 น.นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีปิดและมอบใบประกาศนียบัตรโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับปี พ.ศ. 2565) รุ่นที่ 5 (พนักงานเจ้าหน้าที่ รุ่นที่ 64) เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ การให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการตามหลักกฎหมายและหลักสากล รวมทั้งมีคุณสมบัติตามกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติผู้ซึ่งจะได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมี นางสาวโสภณา บุญ-หลง ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการศูนย์บัญชาการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน กล่าวรายงานผลการฝึกอบรม และนายพฤกษ์ พรหมพันธุม เลขานุการกรม กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ในครั้งนี้ ณ โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร

นายบุญชอบ กล่าวว่า ตามที่ได้รับทราบการกล่าวรายงานจาก ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการศูนย์บัญชาการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ถึงผลการฝึกอบรมฯ หลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อแต่งตั้ง
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ รุ่นที่ 5 (พนักงานเจ้าหน้าที่ รุ่นที่ 64) ซึ่งผู้เข้ารับการฝึกอบรมทั้ง 40 คน ได้รับความรู้จากวิทยากร
ผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการป้องกันการค้ามนุษย์ทั้งภาครัฐและองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) โดยได้ทำการทดสอบทั้งทฤษฎีและปฏิบัติตามหลักสูตรที่กำหนด ซึ่งจะได้รับการแต่งตั้ง
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ต่อไป 

 
“ผมขอให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกท่านได้นำความรู้ความสามารถที่ได้รับจากการอบรมในครั้งนี้ รวมทั้งการใช้อำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในการปฏิบัติงานป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายบุญชอบ กล่าวท้ายสุด

ผบ.ตร. มอบรางวัลตำรวจจราจรจราจร สภ.เมืองราชบุรี

วันนี้ (23 มิ.ย.66) เวลา 11.45 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรโครงการ “ทำดี มีรางวัล” ให้แก่ตำรวจจราจร สภ.เมืองราชบุรี

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า สำหรับโครงการ “ทำดี มีรางวัล” นั้นเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจและประชาชนที่ประกอบคุณงามความดีมีจิตสาธารณะ จนเป็นที่ยอมรับของสังคม ตลอดจนข้าราชการตำรวจที่มุ่งมั่นทุ่มเททำงานจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สร้างชื่อเสียงให้แก่หน่วยงาน และกรณีนี้คือร.ต.ต.วิเชียร มณีวิหค รองสารวัตรจราจร สถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรี ที่ปฏิบัติหน้าที่รักษากฎหมาย อำนวยความสะดวกบนเส้นทางจราจรได้อย่างเข้มแข็ง ตลอดยังเป็นผู้มีจิตสาธารณะ ทุ่มเททำงานจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์และได้รับการชื่นชมจากสังคมในหลายกรณี ดังเช่น  

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2566 เวลาประมาณ 11.20 น. ร.ต.ต.วิเชียรฯ ได้ทำการช่วยเหลือพลทหาร มีพฤติกรรมคล้ายจะกระโดดลงน้ำจากสะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ โดยทำการรับฟัง เกลี้ยงกล่อม ปลอบใจ จนสามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัย ตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รับตัวไปดูแล

และเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2566 เวลาประมาณ 07.40 น. ร.ต.ต.วิเชียรฯ ได้เข้าให้ความช่วยเหลือปฐมพยาบาลเด็กนักเรียนจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกันอย่างทันท่วงที พร้อมประสานรถพยาบาลรับตัวผู้บาดเจ็บไปรักษา จนได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมาก

เหตุการณ์ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2566 เวลาประมาณ 16.40 น. ระหว่างที่ 
ร.ต.ต.วิเชียร มณีวิหค รองสารวัตรจราจร สถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรี ปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรบริเวณถนนสมบูรณ์กุล หน้าโรงพยาบาลราชบุรี ได้พบเห็นรถยนต์กระบะจอดรถสวนเลนไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย จึงเข้าตรวจสอบ พบว่ามีผู้ขับขี่ในรถ จึงเข้าไปสอบถาม แต่ชายผู้ขับรถคันดังกล่าวตอบกลับด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว และลงจากรถ และใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพวีดีโอการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการชี้แจงและอธิบายถึงการปฏิบัติผิดกฎหมายจราจร 
สร้างความเสี่ยงให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ด้วยความใจเย็น 

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า “ตนขอชื่นชมในความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ สามารถควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี และเป็นผู้รักษากฎหมายจราจร เพื่อรักษาความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างแท้จริง ตนจึงได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” และเงินรางวัล รวมทั้งสิ้น 5,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่จะมอบรางวัลให้กับข้าราชการตำรวจหรือประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน ประกอบคุณงามความดี ช่วยเหลือประชาชน หรือทางราชการ ประพฤติตนดี คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและช่วยเหลือประชาชนจนเป็นที่ยอมรับต่อสังคม”

เปรียบเทียบค่าเทอมระหว่างโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ

เปรียบเทียบค่าเทอมระหว่างโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ และโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ของนักเรียนแต่ละชั้นปี ต้องจ่ายค่าเทอมกันปีละเท่าไรบ้าง ไปดูกัน!!
 

‘OMD2–DITP’ จัดสัมมนายกระดับการค้าระหว่างประเทศ ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย สู่เวทีการค้าในตลาดโลก

เมื่อไม่นานนี้ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดสัมมนาการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการในภูมิภาค ภายใต้แนวคิด “เปิดประตูสู่โอกาสการค้าไทยในตลาดโลก” (The Key to Connext) ในโครงการเสริมสร้างศักยภาพผู้ส่งออกไทยด้วยข้อมูลการค้าตลาดภูมิภาคอเมริกา ลาตินอเมริกา ยุโรป CIS แอฟริกา และตะวันออกกลาง จัดโดย สำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 2 หรือ สพต.2 หรือ ‘OMD2’ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

ซึ่งเป็นการสัมมนาทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ถ่ายทอดผ่านระบบโปรแกรมผ่านระบบ ZOOM Application โดย ครั้งที่ 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2566 และครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 7 – 8 มิถุนายน 2566 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความพร้อมให้ผู้ประกอบการไทย และผลักดันการขยายการค้าและการลงทุนของไทยในตลาดโลก
.
โดยครั้งที่ 1 เป็นการสร้างความรู้ให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้ได้ อาทิ การเสริมสร้างศักยภาพด้านการค้าระหว่างประเทศในเรื่องการใช้ข้อมูลการค้า แนวโน้มตลาด มุมมองเศรษฐกิจ กลุ่มสินค้าส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัว พฤติกรรมผู้บริโภค ในปี 2023 แนวโน้มการค้าโลก การแบ่งกลุ่มเป้าหมายตามระดับต่างๆ เทคนิคการเจาะตลาด การเลือกตลาดให้เหมาะสมกับสินค้า โอกาสในการเจรจาการค้าในยุค Digital ทั้งเทคนิค ขั้นตอน วิธีการที่สำคัญในการเตรียมตัวสู่การเจรจาการค้าออนไลน์ รวมทั้งแนะนำสำนักงานส่งเสริมการค้าของไทยในต่างประเทศทั้ง 58 แห่ง ที่คอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวก แนะนำข้อมูลการค้าต่างๆ พร้อมทั้งเสริมสร้างโอกาสทางการค้า ผ่านกิจกรรมต่างๆ

ครั้งที่ 2 เป็นการแนะนำการเสนอเรื่องราวของสินค้าอย่างไรให้ตรงใจผู้บริโภค การปรับแต่งเรื่องเล่าสำหรับตลาดต่างๆ การสร้างโอกาสผ่านการเล่าเรื่อง การค้นหาจุดเด่น บรรจุภัณฑ์ที่ดีต้องคำนึงถึงอะไร กลยุทธ์การตลาดกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อการส่งออก เลือกวิธีการสื่อสาร ไปจนถึงการนำเสนอรูปแบบสินค้า เทคนิคต่างๆ รวมทั้งการติดตามผลการเจรจาการค้าหรือกลยุทธ์อื่นๆ ที่เหมาะสม โดยวิทยากรที่มากด้วยความรู้และประสบการณ์ในวงการธุรกิจเป็นผู้บรรยายแลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งการจัดงานสัมมนาในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมงาน รวมทั้งสิ้นกว่า 200 คน

นอกจากจะยกระดับผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการรายใหม่ที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ยังมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลหรือกิจกรรม ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของ สพต. 2 หรือ OMD2 สำหรับผู้ที่สนใจการสัมมนาหรือกิจกรรมที่จะช่วยยกพัฒนาศักยภาพด้านการค้าระหว่างประเทศในด้านต่างๆ สามารถติดตามข่าวสาร และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

‘ดร.อานนท์’ รวบรวมเสียงสะท้อน จากนักเรียนเตรียมพัฒน์ ถึงพฤติกรรมของ ‘หยก’

วันที่ 23 มิ.ย.2566 - ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นกรณีน้องหยก ธนลภย์ อายุ 15 ปีว่า ผมให้น้องศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการลงไปถามน้องนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 และชั้นอื่น ทั้งที่เรียนห้องเดียวกันกับหยกและต่างห้อง น้องๆ ได้แสดงความคิดเห็นมาดังนี้ ลองฟังเสียงจากน้องๆ เตรียมพัฒน์กันนะครับ ผมว่าน่าสนใจมากครับ
ความเห็นน้องๆในโรงเรียน

-เอือมระอากับพฤติกรรมของน้อง และกลุ่มที่อยู่หน้าโรงเรียน
-เพื่อนๆในห้องไม่คุยกับหยก
-บรรยากาศการเรียนการสอน อาจารย์จะตักเตือน ตำหนิ เพราะน้องทำผิดกฎโรงเรียน มันทำให้นักเรียนคนอื่นเสียเวลาเรียน
เพื่อนในห้องจะรู้สึกว่าทำไมต้องมาเสียเวลากับคนแบบนี้
-เพื่อนๆในห้องแยกโต๊ะหยกออกไปนั่งแยกคนเดียว
-มีคนเตือนหยกแต่หยกไม่ฟัง
-ทำให้เดือดร้อนกับคนที่เดินเข้ามาในโรงเรียน นักเรียนบางคนรู้สึกกลัว หวาดระแวงกับบุคคลที่อยู่หน้าโรงเรียน
-นักเรียนหลายคนรู้สึกไม่โอเคกับการที่มีนักข่าวมารอหน้าโรงเรียนเต็มไปหมด
-พ่อแม่หลายคนเป็นห่วงลูกระหว่างการเดินเข้า-ออกภายในโรงเรียน
-อยากให้โรงเรียนtake action
-รู้สึกไม่พอใจที่มาเหยียดหยามยาม ครู และบุคลากรในโรงเรียน
-เรามีสิทธิที่เราจะแสดงออก มีความคิดที่แปลกใหม่ในปัจจุบัน เรามีสิทธิที่จะผลักดันทุกเรื่องให้เกิดขึ้นได้แต่ ในการผลักดันนั้น มันจะต้องมองทุกๆคนในสังคมการที่คนรุ่นใหม่บางคนมองว่าคนรุ่นเก่ามีความคิดที่โบราณ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่เขาลืมคิดไปคือแล้วคนโบราณเหล่านั้นไม่ใช่คนที่อยู่ในประเทศไทยหรอ? ไม่ใช่คนที่มีสิทธิเหมือนกับพวกคุณหรอ เด็กรุ่นใหม่บางคนยังไม่ตรรหนักพอที่จะปรับเปลี่ยนได้ คนรุ่นใหม่ยังคิดว่าตัวเองสำคัญที่สุด ถ้าเราจะเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างนึงเราควรจะมองทุกคนในสังคมว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเขาก็ยังมีชีวืตอยู่ มีสิทธิมีเสียงเหมือนกัน
-การยกเลิกเครื่องแต่งกาย ยกเลิกทรงผม ความคิดส่วนตัวผม ผมเห็นด้วยนะ แต่มันจะต้องมาในกระบวนการที่ถูกต้อง ถูกจุดของมัน นี่มันถึงจะทำให้สังคมเดินหน้าต่อไปได้ รู้สึกว่าน้องหยกทำแบบนี้มันกลายเป็นว่าจากเดิมมันเหมือนจะดี กลายเป็นส่งผลเสียให้กับโรงเรียน จนมันลามไปเรื่อยๆ ไม่สามารถหยุดคนพวกนี้ได้แล้ว ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยหยุดเหตุการณ์พวกนี้ได้อย่างไร ฝากความหวังไว้กับโรงเรียน
-ตัวแทนนักเรียนบอกจะมีกิจกรรมคอนเสิร์ตในโรงเรียน ตั้งใจประสานงานกับทางโรงเรียนและผู้จัด เพื่อให้กระทบตารางเรียนน้อยที่สุด เตรียมจัดคอนเสริ์ตมานาน แต่ไมได้จัดเพราะมีเหตุการณ์แบบนี้ กลัวว่าในอนาคตงานปัจฉิมนิเทศ หรืองานกิจกรรมต่างๆถ้าเกิดจะเชิญศิลปินมา หรือขอสปอนเซอร์จากบริษัทต่างๆ เขาจะมาร่วมกับเราไหม ในเมื่อโรงเรียนเกิดข่าวเสียหายแบบนี้ จากกลุ่มคนพวกนี้

🔍ส่องแบรนด์ระดับโลกที่มีมูลค่าสูงสุด 2023 พบ ‘Apple’ ยังครองแชมป์เหนียวแน่น ส่วน ‘Facebook’ น่าผิดหวัง มูลค่าแบรนด์ลดฮวบ 50% หลุด 10 อันดับแรกแล้ว

‘Kantar’ บริษัทวิจัยการตลาดระดับโลก ได้เปิดผลการสำรวจ ‘Kantar BrandZ Most Valuable Global Brands 2023’ หรือ 100 อันดับแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 6.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากปีก่อนหน้าราว 20% ซึ่งปัจจัยหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน จากภาวะเงินเฟ้อ ต้นทุนสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น และยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

สำหรับแบรนด์ที่ครองอันดับ 1 แบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุด ยังคงเป็น Apple มีมูลค่า 880,455 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามมาด้วย Google มีมูลค่า 577,863 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อันดับ 3 คือ Microsoft มูลค่า 501,856 ล้านเหรียญสหรัฐ และอันดับ 4 คือ Amazon มูลค่า 468,737 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ทั้ง 4 อันดับแรก เป็นบริษัทเทคโนโลยีจากประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งหมด ในขณะที่ Facebook ซึ่งติด 1 ใน 10 มาโดยตลอด แต่ในปีนี้มูลค่าแบรนด์ลดฮวบถึง 50% ทำให้หล่นจากอันดับ 8 ในปีที่แล้ว มาอยู่ในอันดับ 12 ด้วยมูลค่า 93,024 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ในขณะที่แบรนด์ที่มีมูลค่าเติบโตสูงสุด 3 อันดับแรกในปีนี้ ประกอบด้วย อันดับ 1 Airtel ธุรกิจโทรคมนาคม จากอินเดีย มีมูลค่า 22,332 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 24% ตามมาด้วยอันดับ 2 Pepsi มูลค่า 18,826 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 17% และ อันดับ 3 BCA ธุรกิจธนาคารจากอินโดนีเซีย มูลค่า 22,684 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 12%
 

‘อนุรัตน์’ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ เร่งแก้ปัญหาถนนชำรุด กระทบการขนส่งพืชผล ของเกษตรกร

นายอนุรัตน์ ตันบรรจง ส.ส.เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จ.พะเยา กล่าวภายหลังการรายงานตัวรับรองเป็น ส.ส.ว่า ตนจะเข้ามาแก้ไขปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขมาอย่างยาวนานให้พี่น้องประชาชน เช่น ปัญหาถนนชำรุด ปัญหาการเกษตร ในจังหวัดพะเยาเป็นพื้นที่ทางการเกษตร โดยเฉพาะการปลูกข้าว รวมถึงผลไม้ต่างๆ เช่น มะม่วง ลำไย และลิ้นจี่ แต่ถนนเพื่อการเกษตรยังขาดการดูแล ทำให้การขนส่งพืชผลมีภาระต้นทุนสูงขึ้น เพราะว่าถนนนั้นยังชำรุดอยู่ หรือทางเข้าออกยากลำบาก การจะนำพืชผลทางการเกษตรออกมาขายได้ต้องใช้เวลานาน จึงทำให้เกิดการเสียหาย 

นายอนุรัตน์ กล่าวต่อถึงเรื่องของบุคลากรอย่าง อสม.ว่า อสม.เป็นหน่วยงานที่ส่งสริมเรื่องของสุขภาพ ที่ผ่านมา อสม.ถือเป็นองค์กรที่เข้มแข็ง แต่ตอนนี้ยังขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อที่จะเข้าไปดูแลสุขภาพของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นในตำบอล ในหมู่บ้าน ตนจึงอยากจะผลักดันเรื่องของเงินเดือนของ อสม.ให้มีเงินเดือนสูงขึ้น อสม.เป็นจิตอาสา ทำงานอย่างหนัก แต่ได้รับค่าตอบแทนที่ยังไม่คุ้มค่ากับการลงแรงทำงาน นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่ ที่มี อปพร.กับ ตำรวจบ้าน ทำงานร่วมกันแต่ก็ไม่ได้รับค่าตอบแทนเช่นกัน

นายอนุรัตน์ กล่าวต่อว่า ตนยังมองถึงแผนงานที่จะเพิ่มรายได้ให้ชาวบ้านได้ ก็คือส่งเสริมอาชีพพื้นบ้าน เช่น สินค้าหัตถกรรม โดยเป็นสินค้าที่ทางชุมชนเราผลิตหรือสร้างเอง และนำออกไปขายได้ อย่างเช่น กว๊านพะเยา เป็นแหล่งน้ำที่จะมีผักตบชวา ชาวบ้านจะนำผักตบชวามาตากแห้ง เพื่อเอามาทำเป็นงานจักสานผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก็จะสามารถสร้างรายได้ 

"อีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญมากในพื้นที่จังหวัดพะเยา คือ เรื่องของแหล่งน้ำ เพราะในช่วงฝนตกหนักจะไม่มีพื้นที่รองรับน้ำ ดังนั้น เราจะต้องเร่งประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างเขื่อนหรือฝาย หรืออ่างเก็บน้ำเพื่อเก็บน้ำ เพราะปัจจุบันอ่างเก็บน้ำมีจำนวนน้อย ดังนั้นเวลาฝนตกลงมาก็จะมีปัญหาน้ำท่วมอยู่เสมอ"นายอนุรัตน์ กล่าว

เด็กนักเรียนยากไร้ ได้คนใจบุญ พาไปหาซื้อชุดนักเรียน เจอเฮียเจ้าของร้านใจดี ร่วมบริจาค กระเป๋า-ถุงเท้า ให้อีก 5 คู่

ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่มีชื่อว่า KruPim Ananya ได้โพสต์ข้อความเล่าถึงความประทับใจ กับความมีน้ำใจของคนไทย ที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน โดยมีใจความว่า ...

เมื่อวานบังเอิญไปเจอเด็กชายคนหนึ่ง ยืนข้างทางด้วยชุดนักเรียนที่ขาด กระดุมไม่มีต้องใช้คลิปหนีบกระดาษหนีบไว้กางเกงขาดสกปรก เห็นแล้วเดินผ่านไม่ได้จริงๆเลยต้องหยุดถามไถ่ จนนำไปสู่การไปหาซื้อชุดนักเรียนมาให้ และได้เข้าไปในร้าน #ทวีภัณฑ์กาฬสินธุ์ เฮียใจดีมากลดราคาชุดนักเรียนให้จนตกใจ และยังร่วมบริจาคกระเป๋านักเรียนและถุงเท้านักเรียนอีก5คู่ เรานี่น้ำตาไหลเลย ไหว้แล้วไหว้อีกขอบคุณในน้ำใจ ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรืองจนชั่วลูกชั่วหลานนะคะ ต่อจากนี้ไปจะขอสนับสนุนอุดหนุนร้านนี้จนกว่าลูกชายจะไม่ใส่ชุดนักเรียนนักศึกษาแล้ว 🙏ฝากเป็นอีกหนึ่งร้านในใจของท่านผู้ปกครองนะคะ🙏เราต้องสนับสนุนคนทำดีค่ะ🥰
 

11 ศิลปินแห่งชาติ ปลุกพลังสร้างสรรค์งานวรรณศิลป์แก่ต้นกล้าวรรณกรรม โครงการถ่ายทอดงานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติ ลายลักษณ์วรรณศิลป์ รุ่น 7

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เปิดโอกาสให้ผู้ที่ชื่นชอบงานเขียน อาทิ  เรื่องสั้นนวนิยาย กวีนิพนธ์  และสารคดี   สัมผัสประสบการณ์ เทคนิควิธี สร้างสรรค์งาน ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จากศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ และผู้ทรงคุณวุฒิ ในโครงการถ่ายทอดงานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติลายลักษณ์วรรณศิลป์ รุ่น 7 จำนวน 65 คน ณ หออัครศิลปิน จังหวัดปทุมธานี
 
วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2566 เวลา 09.30 น. นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม มอบหมายให้นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงาน โครงการถ่ายทอดงานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติ ฯ เปิดเผยว่า การจัดการฝึกอบรม ลายลักษณ์วรรณศิลป์ รุ่น 7 ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของโครงการถ่ายทอดงานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติ  ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และงดการจัดกิจกรรมไปในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายหลังจากที่สถานการณ์ของโรคระบาดคลี่คลายลง  สวธ.จึงได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นอีกครั้งด้วยเห็นว่ากิจกรรมการฝึกอบรมลายลักษณ์วรรณศิลป์ เป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญต่อการสืบทอดรักษามรดกภูมิปัญญาและองค์ความรู้ของศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ และยังเป็นประโยชน์ต่อ นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และผู้ที่ต้องการจะเป็นนักเขียนในอนาคต ให้มีโอกาสได้เสริมสร้างประสบการณ์ ศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับศิลปินแห่งชาติ  ฝึกฝนลีลาในการสร้างสรรค์งานวรรณศิลป์  พัฒนาทักษะกระบวนการคิดให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  สามารถนำความรู้ไปต่อยอดในการสร้างสรรค์งานวรรณศิลป์ตามแนวทางของตนเอง และยังมีโอกาสที่จะได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับ อัครศิลปิน วิศิษฏศิลปิน ประวัติและผลงานของ ศิลปินแห่งชาติ จากนิทรรศการที่จัดแสดงอยู่ภายในหออัครศิลปินแห่งนี้อีกด้วย   

รองอธิบดี สวธ. กล่าวต่อว่า  สิ่งที่สำคัญที่สุดของการฝึกอบรมครั้งนี้ คือ การสนับสนุนจากศิลปินแห่งชาติ การฝึกอบรมในลักษณะนี้ จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากศิลปินแห่งชาติทุกท่านที่เห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ที่ผู้เข้าอบรม รวมถึงสังคมและประเทศชาติจะได้รับ  ในนามของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ขอขอบคุณศิลปินแห่งชาติ และวิทยากรทุกท่าน  ที่กรุณาสละเวลาให้เกียรติมาถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เข้าอบรม  และหวังว่าผู้เข้าอบรมทุกคนจะนำความรู้ ประสบการณ์ คำชี้แนะ วิจารณ์ ที่ได้รับจากศิลปินแห่งชาติ และวิทยากร  ไปปรับใช้กับการสร้างสรรค์ผลงานของตนเองให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น และขอเป็นกำลังใจให้แก่ผู้เข้าอบรมทุกคนในการที่จะร่วมกันรักษาสืบสาน และสร้างสรรค์งานวรรณศิลป์เพื่อจรรโลงสังคมและวัฒนธรรมให้คงอยู่และดียิ่งขึ้นต่อไป
 
จากนั้น นางมงคลทิพย์ รุ่งงามฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันวัฒนธรรมศึกษา กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรม ว่า เพื่อถ่ายทอดความรู้ ภูมิปัญญาของศิลปินแห่งชาติ ให้แก่ นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และผู้ที่ต้องการจะเป็นนักเขียน จากทั่วประเทศ ในรูปแบบการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ โดยในภาคทฤษฎีผู้เข้าอบรมจะได้รับการถ่ายทอดความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการสร้างสรรค์ผลงานจากศิลปินแห่งชาติ  ในภาคปฏิบัติ  ผู้เข้าอบรมจะได้สร้างสรรค์ผลงานตามความถนัด เมื่อจบหลักสูตรศิลปินแห่งชาติจะพิจารณาคัดเลือกผลงานดีเด่น และนำไปจัดพิมพ์ในหนังสือลายลักษณ์วรรณศิลป์ 7 ซึ่งนอกจากจะเป็นการเผยแพร่ผลการดำเนินโครงการแล้วยังได้เผยแพร่ผลงานของผู้เข้าอบรมไปยังนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ  และผู้อ่านทั่วไป  เป็นการเปิดมุมมอง  สร้างจินตนาการและสร้างแรงบันดาลใจ ให้แก่ผู้อ่านและนักเขียนรุ่นใหม่ต่อไป 

ด้านนางนันทพร ศานติเกษม (ปิยะพร ศานติเกษม) ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พุทธศักราช 2564  กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ตนเองได้มีโอกาสร่วมเป็นวิทยากรถ่ายทอดประสบการณ์ ในการสร้างสรรค์งานเขียนด้านนวนิยายและอยากจะฝากถึงน้อง ๆ ว่าที่นักเขียนในอนาคตว่า ถ้าใครอยากเป็นนักเขียนต้องเริ่มสำรวจตัวเองเบื้องต้นก่อนว่า เป็นคนรักการอ่านไหม รักตัวอักษรไหม รักการเขียนไหม  หากมีสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐาน น้อง ๆ  ก็สามารถฝึกฝน พัฒนาทักษะ ให้เป็นนักเขียนที่ดีได้ เพราะการเขียนได้ เขียนดี และเขียนงาม จะสามารถก้าวสู่ความสำเร็จบนถนนนักเขียนได้แน่นอนในอนาคต
 
โดยการอบรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก 11 ศิลปินแห่งชาติ ได้แก่  นายสถาพร ศรีสัจจัง นายเจริญ มาลาโรจน์ นางชมัยภร บางคมบาง นายไพวรินทร์  ขาวงาม รองศาสตราจารย์ธัญญา สังขพันธานนท์ นายกิตติศักดิ์ มีสมสืบ  นายจำลอง ฝั่งชลจิตร นางสาวอรสม สุทธิสาคร นางนันทพร ศานติเกษม นายวรนันทน์ ชัชวาลทิพากร นางวรรณี ชัชวาลทิพากร และ ผู้ทรงคุณวุฒิ 2 ท่าน ได้แก่  นายวีระศักดิ์ จันทร์ส่งแสง  และ นายจรูญพร ปรปักษ์ประลัย มาร่วมถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ในการสร้างสรรค์ผลงานวรรณกรรม ในการใช้ภาษาของตนเองให้สามารถหลอมรวมความรู้  ความคิด  ทัศนคติและประสบการณ์  ด้วยกระบวนการคิดที่เป็นระบบสามารถสื่อสารไปยังผู้อ่านผ่านงานวรรณกรรมประเภทต่าง ๆ  ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้เขียน และเมื่อจบหลักสูตรศิลปินแห่งชาติจะพิจารณาคัดเลือกผลงานดีเด่น  ของผู้เข้ารับการอบรมทั้ง 4 ประเภทได้แก่ เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์  และสารคดี ไปจัดพิมพ์ในหนังสือลายลักษณ์วรรณศิลป์ 7  ซึ่งนอกจากจะเป็นการเผยแพร่ผลการดำเนินโครงการแล้ว ยังได้เผยแพร่ผลงานของผู้เข้าอบรมไปยังนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ  และผู้อ่านทั่วไป  เป็นการเปิดมุมมอง  สร้างจินตนาการ และสร้างแรงบันดาลใจ ให้แก่ผู้อ่านและนักเขียนรุ่นใหม่ต่อไป

เจนกิจ นัดไธสง รายงาน

‘เท้ง ณัฐพงษ์’ ว่าที่ รมว.ดีอีเอส ประกาศลั่น 100 วันแรกทำทันที ยุบศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม Fake News

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (เท้ง) ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ประกาศวิสัยทัศน์ในฐานะแคนดิเดต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ผ่านคลิปความยาวกว่า 8 นาทีบนเพจ เฟซบุ๊กก้าวไกล อารัมภบทวิสัยทัศน์และสิ่งที่อยากทำที่กระทรวงดีอีเอส โดยมีคำพูดขุดรากถอนโคนอย่าง “100 วันแรกทำทันที ยุบศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti–Fake News Center)” 

เมื่อผู้สื่อข่าว นำประเด็นนี้ไปพูดคุยกับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส ในฐานะผู้ที่ลุยทำงาน ปราบปรามเว็บไซต์ สื่อออนไลน์ ที่หลอกลวงพี่น้องประชาชน โดยนายชัยวุฒิ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า   “จะยุบทำไม รัฐบาลมีหน้าที่ตรวจสอบและแจ้งให้ประชาชนทราบ ศูนย์เฟกนิวส์มีประโยชน์และอยู่มาได้ถึง 3 ปีแล้ว เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้ยุบ คนที่อยากยุบ คุณคิดว่าเป็นใครล่ะ ก็คนที่ปล่อยเฟกนิวส์ละมั้ง 5555” นายชัยวุฒิกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยท่าทีสุขุม

‘ชัยเสรี’ ร่อนหนังสือแจงสื่อ ยันไม่มีนายพล ช.เรียกเงิน ขู่ฟ้องเพจดัง สร้างความเสียหายให้บริษัท-ทร.

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2566 นางนพรัตน์ กุลหิรัญ รองประธาน บริษัท ชัยเสรีเม็ททอลแอนด์รับเบอร์ จำกัด ได้ทำหนังสือชี้แจงสื่อมวลชนจากกรณีที่มีเพจใน Social Media โพสต์ข้อมูลกล่าวอ้างว่า "นายพล ช. เรียกเงินจากบริษัท ชัยเสรีของมาดามรถถัง 15% บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่มีมูลความจริง การกระทำดังกล่าวถือเป็นการ ดิสเครดิตและสร้างความเสียหายต่อ บริษัทฯ และกองทัพเรืออย่างมาก และเป็นความพยายามปลูกฝังความเชื่อด้านการทุจริตคอรัปชั่น ต่อภาคอุตสาหกรรม ผู้ผลิตอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในภาพรวม บริษัทฯ ขอให้ประชาชนผู้ติดตามข่าวมีวิจารณญาณในการรับฟัง และตั้งข้อสังเกตจากเจตนารมณ์ผู้สร้างข่าวว่ามีวัตถุประสงค์ใด และผู้ใดได้รับประโยชน์จากข่าวนี้ และขอเรียกร้องให้เพจดังกล่าวเปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูล เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้สังคมได้รับทราบกันอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายโดยเร็ว ทั้งนี้ขอความกรุณาสื่อต่างๆ ตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง ของการดำเนินการก่อนที่จะแชร์ข่าวต่อ หากมีความเสียหายเกิดขึ้น บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อปกป้องชื่อเสียงของบริษัทฯ ต่อไป

บริษัท ชัยเสรีเม็ททอลแอนด์รับเบอร์ ประกอบกิจการโดยยึดหลักธรรมาภิบาลและโปร่งใสในผลิตยานเกราะล้อยาง และยานกรสายพาน และรับซ่อมสร้างปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพยุทโธปกรในราชการทหาร อาทิเช่น รถสายพานลำเลียงพล M1 13, รถเกราะคอมมานโด V-150, รถยนต์บรรทุก ขนาด 2 1/2M35 A2, รถยนต์กู้ซ่อม M816, รถกู้ซ่อม M543 ขนาด 5 ตัน เป็นต้น และผลิตยาง Run-lat , ล้อกดสายพานและข้อสายพานรถถัง มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของคนไทย ดำเนินการโดยใช้แรงงาน และสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนการใช้ฐานการผลิตภายในประเทศ เพื่อสนับสนุนเหล่าทัพ หน่วยงานความมั่นคงของประเทศไทย และส่งออกในภารกิจเพื่อสันติภาพ สหประชาชาติ (UN Missionกองทัพประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากกว่า 40 ประเทศ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ประสานงานตำรวจมาเลเซีย ส่งตัวผู้ต้องหาค้ามนุษย์ 4 ราย ตามสัญญาผู้ร้ายข้ามแดน

จากกรณีเมื่อประมาณเดือน พ.ค.58 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารพบศพผู้เสียชีวิตและศพที่ถูกฝังไว้ 

รวมกันกว่า 30 ศพ บริเวณแคมป์คนงานกลางป่าบนเขาแก้ว ในพื้นที่หมู่ 8 บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา

จ.สงขลา และยังขยายผลพบหลุมศพในพื้นที่รัฐปะลิส ประเทศมาเลเซียอีกจำนวน 180 ศพ จากการสืบสวนทราบว่า

 ทั้งหมดเป็นศพของชาวโรฮินจา ที่ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร และหลบซ่อนบริเวณค่ายกักกันดังกล่าว เพื่อรอส่ง ต่อไปยังประเทศที่สาม ซึ่งมีการจับกุมและดำเนินคดีผู้ต้องหาซึ่งมีผู้ร่วมขบวนการทั้งทหาร ตำรวจ และนักการเมือง ท้องถิ่นจำนวนมาก รวมทั้งยังมีการดำเนินคดีค้ามนุษย์ที่สหพันธรัฐมาเลเซียอีกด้วย

ซึ่งทางการมาเลเซียได้มีการออก หมายจับและหมายแดงตำรวจสากล รวมทั้งประสานงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหา ตามที่ สื่อมวลชนและสื่อโซเชียลนำเสนอแล้วนั้น กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งดำรงตำแหน่ง รอง ผอ.ศพดส.ตร. ในช่วงปี 65 ที่ผ่านมา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุด ศพดส.ตร. ติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามที่ได้รับการประสานความร่วมมือจากทางการมาเลเซียจากจำนวนทั้งหมด 9 ราย

สามารถติดตามจับกุมได้จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย 
1. นายสมพล อาดำ สัญชาติไทย 
2. นายบุญเย็น นีซาละห์ สัญชาติไทย 
3. นายอรุณ แก้วฟ้านอก สัญชาติไทย 
4. นายเจ๊ะปา ลาปีอี สัญชาติไทย

หลังจากเจ้าหน้าที่ ศพดส.ตร. สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วนั้น ทางการมาเลเซียได้ขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

ตามกฎหมาย และศาลได้มีคำสั่งให้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ไปดำเนินคดีที่ประเทศมาเลเซียตามคำร้องขอ ต่อมาเมื่อ

วันที่ 22 มิ.ย. 66 ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ได้เดินทางมายังสนามบินดอนเมือง เพื่อมารับตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย โดยมี พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการส่งมอบตัวในครั้งนี้

ซึ่งเป็นไปตามสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งไทยและมาเลเซียได้มีพันธสัญญากัน โดยประเทศไทยนั้นมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนประเทศอื่นๆ มากกว่า 10 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย จีน เกาหลีใต้ เป็นต้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า หลังจากที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการประสานงานจากทางการมาเลเซีย ให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ ซึ่งได้กระทำผิดตั้งแต่ช่วงปี 58 ต่อเนื่องทั้งในมาเลเซียและประเทศไทย

ซึ่งต่อมาสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติไทยได้จำนวน 4 ราย ทางการมาเลเซียจึงได้ทำเรื่องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน วันนี้ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ได้เดินทางมารับตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศมาเลเซียแล้ว นับเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในระดับชาติที่สำคัญอีกครั้งระหว่างไทยกับมาเลเซีย

ซึ่งได้ประสานความร่วมมือกันมาอย่างยาวนานและจะสาน 
ต่อความร่วมมือนี้ในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติให้มีประสิทธิภาพต่อไป

เปิดใจ ‘ครูพิสมัย’ เจ้าของวลีเด็ด ‘ขอบใจที่มาเรียนนะลูก สู้ๆ’ รู้ความจริงถึงกับหลั่งน้ำตา นร. เข้ากะถึง 7 โมงเช้า ก่อนขี่มอไซค์ มาเข้าเรียน

จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปนักเรียนชายเข้าเรียนสายที่ได้พยายามชี้แจงต่อครูผู้สอนถึงสาเหตุการมาสายว่า เพราะเพิ่งออกกะจากการทำงานเมื่อเวลา 7 โมงเช้าที่ผ่านมา พร้อมแสดงหลักฐานการเข้างาน และภายในคลิปครูผู้สอนยังได้สอบถามนักเรียนชายเรื่องการทำงานจนทราบว่า ได้ไปทำงานเป็นพนักงานขับโฟล์คลิฟท์ของบริษัท ที ดับบลิว อี ที่ตั้งอยู่ใน จ.สมุทรปราการ 

โดยนักเรียนชายคนดังกล่าวเรียนอยู่ที่ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี ที่อยู่ไกลกันเกือบ 70 กิโลเมตร และต้องใช้เวลาในการขี่จักรยานยนต์กลับมาเรียนไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งครูท่านดังกล่าวได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอบใจที่มาเรียนนะลูก สู้ๆ” จนกลายเป็นคลิปไวรัลดังในชั่วข้ามคืนนั้น

เมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปวิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) เพื่อพบกับ น.ส.พิสมัย ผุยผัน อาจารย์ แผนกคอมพิวเตอร์ ที่ได้เล่าเหตุการณ์ในวันดังกล่าวว่า ตนเองเป็นผู้ถ่ายคลิปขณะนักเรียนชายชั้น ปวส.ปี 1 แผนกวิศวะการผลิต หรือสาขาเทคนิคอุตสาหกรรม ซึ่งปกติการเรียนการสอนจะเริ่มในเวลา 08.30 น.แต่ในวันนั้นนักเรียนชายได้มาถึงห้องเรียนในเวลา 10.00 น.

“เมื่อสอบถามเด็กว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กบอกว่าสาเหตุที่มาสายเพราะต้องทำงานส่งตัวเองเรียน และวันนั้นเป็นวันที่ต้องเข้ากะกลางคืนเลิกงานในตอนเช้า พอ 07.00 น.รีบมาเรียนต่อ แต่ด้วยน้องอาศัยอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ และระยะทางจากบ้านมาวิทยาลัยไกลพอสมควร เด็กจึงนำหลักฐานการทำงานมาให้ดูว่าทำงานจริง และเด็กยังเปรียบเสมือนเสาหลักของครอบครัวต้องทำงานส่งตัวเองเรียนและต้องให้เงินแม่ใช้เนื่องจากมีน้องที่ต้องส่งเรียนอีก”

น.ส.พิสมัย อาจารย์แผนกคอมพิวเตอร์ ยังเผยอีกว่า เมื่อรู้ความจริงจากปากเด็กนักเรียนทำให้ถึงกับน้ำตาตก เพราะเด็กบางคนที่ครอบครัวพร้อมส่งให้เรียนแต่กลับไม่ตั้งใจเรียน แต่เด็กที่ครอบครัวลำบากที่อยากเรียนหนังสือครอบครัวก็ไม่มีความพร้อม

“หลังจากนั้นครูได้เปิดโอกาสให้นักเรียนมาเรียนได้ตามสะดวกเพราะน้องต้องทำงานเลี้ยงครอบครัวไปด้วย และส่งตัวเองเรียนด้วย ในฐานะอาจารย์ที่สอนเด็กอยากฝากถึงนักเรียนที่มีโอกาสให้ตั้งใจเรียน เพื่อจะได้เป็นรั้วและอนาคตของชาติในวันข้างหน้า อีกทั้งพ่อแม่ที่ส่งมาเรียนอยากให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต” ครูพิสมัย กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top