Tuesday, 29 April 2025
NEWS FEED

‘ธนกร’ เตรียมจูงมือ ‘แคทลีน มาลีนนท์’ เข้าห้องหอ พร้อมลั่นระฆังวิวาห์ 22 ก.พ. หลังคบหาดูใจมา 5 ปี

เมื่อวันที่ (9 ก.พ.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เวลาสละโสด สำหรับ ‘ดร.แด๊ก’ ธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรค และสส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ปลูกต้นรักอยู่ในห้วงอินเลิฟกับ ‘แคตตี้’ แคทลีน มาลีนนท์ ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลมาลีนนท์ ประธานกรรมการ บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (Thai Solar Energy PLC.) หลังเป็นเพื่อนกัน 5 ปี และดูใจกันอีก 5 ปี ในที่สุดก็ตกลงปลงใจร่วมใช้ชีวิตคู่

สำหรับ พิธีมงคลสมรสจัดขึ้น 18.00 น. วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 4 เดอะ ริทซ์ – คาร์ลตัน บางกอก สุขุมวิท งานนี้ เชื่อว่า คงเต็มไปด้วยคนดังจากหลากหลายวงการ ทั้งแวดวงการเมือง สังคม ธุรกิจ และบันเทิง ที่ต่างมาร่วมแสดงความยินดีกับทั้งคู่ ในพิธีมงคลสมรสครั้งนี้ ที่มี วรวิทย์ กังศศิเทียม อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธานในพิธี

สำหรับ ดร. ธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรค และ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ อายุ 52 ปี เป็นชาวนครศรีธรรมราช

ขณะที่ ดร. แคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการ บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (Thai Solar Energy PLC.) อายุ 50 ปี มีบุตรแล้วหนึ่งคนคือ เบรธ-ณนนท์ กิจโอธาน

ครบรอบ 420 ปีความสัมพันธ์ไทย-อิหร่านและ 70 ปีการทูต ย้ำมิตรภาพยาวนานและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์

(11 ก.พ.68) สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจัดพิธีเฉลิมฉลองวันชาติ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 46 ปีของชัยชนะการปฏิวัติอิสลาม พร้อมกับรำลึกถึงสายสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ระหว่างอิหร่านและไทยที่มีมายาวนานถึง 420 ปี และเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 70 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ

แถลงการณ์ในโอกาสพิเศษนี้เน้นย้ำถึงมิตรภาพและความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างอิหร่านและไทย โดยย้อนรอยความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นเมื่อ 420 ปีก่อน ผ่านนักปราชญ์ศาสนาและพ่อค้าชาวเปอร์เซีย 'ชีคอาหมัด กุมี' ผู้มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและศาสนาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ความสัมพันธ์ดังกล่าวสะท้อนถึงอิทธิพลของอารยธรรมเปอร์เซียในไทย ซึ่งมีส่วนช่วยสร้างรากฐานแห่งมิตรภาพระหว่างสองชาติ

การศึกษาประวัติศาสตร์ของอารยธรรมอิหร่านเผยให้เห็นถึงการส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง และการเคารพซึ่งกันและกัน โดยชาวอิหร่านมักเลือกใช้การเจรจาและความอดทนแทนการครอบงำหรือการใช้อำนาจฝ่ายเดียว ความสัมพันธ์ของอิหร่านและไทยมีรากฐานยาวนานตั้งแต่ 420 ปีก่อน เมื่อชีคอาหมัด กุมี นักปราชญ์และพ่อค้าเปอร์เซียได้เดินทางมายังสยามและเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างอารยธรรมโบราณทั้งสอง

ในปีนี้ยังเป็นการเฉลิมฉลอง 46 ปีของชัยชนะในการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้งสาธารณรัฐอิสลามและการยุติการปกครองของราชวงศ์ปาห์ลาวี การปฏิวัติครั้งนี้มีความสำคัญทั้งในเชิงสังคมและการเมือง และเป็นสัญลักษณ์ของความพยายามในการฟื้นฟูประเทศให้เป็นอิสระจากอิทธิพลของมหาอำนาจ

การปฏิวัติอิสลามซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประชาชนด้วยศรัทธาและการเสียสละ ได้สร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของอิหร่าน แม้ต้องเผชิญกับความยากลำบากและอุปสรรค แต่ประเทศก็สามารถเติบโตและเจริญรุ่งเรืองในด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี

อิหร่านยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งการผลิตดาวเทียมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น การผลิตไอโซโทปทางการแพทย์สำหรับรักษามะเร็งและโรคทางระบบประสาท นักวิทยาศาสตร์ชาวอิหร่านได้ส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรอย่างน้อย 10 ดวงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศในด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ปัจจุบัน อิหร่านมีนักศึกษาประมาณ 3.2 ล้านคนในมหาวิทยาลัย ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นสตรี การพัฒนาทางการศึกษาและการเสริมสร้างความเท่าเทียมทางเพศในระดับอุดมศึกษายังคงเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของประเทศ ขณะเดียวกัน การพัฒนาภาคพื้นฐานในชนบทและพื้นที่ที่พัฒนาน้อยกว่าได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ในการกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและประเทศไทยในปัจจุบัน ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวอิหร่าน โดยมีนักท่องเที่ยวกว่า 50,000 คนเดินทางมาไทยในปี 2024 การเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศถือเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

การเฉลิมฉลองในครั้งนี้ยังเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐอิสลาม อิหม่ามโคมัยนี และผู้พลีชีพที่เสียสละเพื่อการปฏิวัติอิสลาม โดยหวังว่าความสัมพันธ์อันดีระหว่างอิหร่านและไทยจะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยความเต็มใจและการสนับสนุนจากรัฐบาลของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านและราชอาณาจักรไทย เราจะได้เห็นการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่เจริญรุ่งเรืองในทุกมิติต่อไป

บางภาคส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศได้มีการพัฒนาและยังคงมีศักยภาพมหาศาลที่จะนำมาซึ่งประโยชน์ร่วมกัน เป้าหมายหลักของนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลอิหร่านคือ การปกป้องผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติ รวมถึงการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับสากล ในขณะที่สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านและรัฐบาลไทยกำลังก้าวสู่การเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 70 ปี พร้อมกับการเฉลิมพระชนมายุ 72 พรรษาและมหามงคล 6 รอบของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐบาลอิหร่านขอใช้โอกาสนี้ในการยืนยันคำมั่นที่จะรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีงามนี้ให้ยั่งยืนตลอดไปแก่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐบาลไทย และประชาชนชาวไทย ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด

นครพนม-ตชด.ที่235 ซีลเข้ม นักบินโยนยาทิ้งกว่า 900,000 เม็ด ตามแนวชายแดน ตามนโยบาย 'Seal Stop Safe' 

ตามนโยบายการป้องกัน สกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน Seal Stop Safe ของรัฐบาล และนโยบายเน้นหนักด้านปราบปรามยาเสพติดของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร ผบ.ตร.,พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด. กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 โดย พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ ปลาทอง ผบก.ตชด.ภาค 2 ได้เปิดยุทธการพิทักษ์ริมน้ำโขง ซึ่งมีกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 – 24 เป็นหน่วยปฏิบัติ เพื่อปราบปราม สกัดกั้นยาเสพติดที่จะเข้ามาทางชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง

(11 ก.พ.68) ที่ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 (สอง-สาม-ห้า) อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 พร้อมด้วย ร.ต.อ.สมควร เบญจมาตร รักษาการแทนผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 ธาตุพนม ได้แถลงข่าวตรวจยึดยาบ้ากว่า 900,000 เม็ด ในพื้นที่ อ.เซกา จ.บึงกาฬ

โดยเมื่อวันที่ 9 ก.พ.68 เวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่ ชุดปราบปรามยาเสพติด ร้อย ตชด.235 ได้รับแจ้งว่า พบห่อวัตถุต้องสงสัยจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นยาเสพติดหรือสิ่งของผิดกฎหมาย ถูกทิ้งไว้กระจัดกระจายเต็มพื้นที่ บริเวณริมถนนสาธารณะทางหลวงชนบท บ.โนนยางคำ ต.บ้านต้อง อ.เซกา  จ.บึงกาฬ  ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดนำมาทิ้งไว้ ให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการตรวจสอบ  เจ้าหน้าที่ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และประสานไปยังเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด ร้อย ตชด.237 และ ร้อย ตชด.244  บูรณาการร่วมกันออกตรวจสอบ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุไปถึงที่เกิดเหตุพบห่อวัตถุต้องสงสัยจำนวนมาก คาดว่าจะเป็นยาเสพติด จึงได้วางกำลังดักซุ่มรอ จนกระทั่งถึงเวลา 06.00 น. ไม่พบผู้ใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงได้เข้าตรวจสอบพบ ถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ 3 ถุง ซึ่งมีรอยฉีกขาด ด้านในบรรจุห่อยาบ้าจำนวนหนึ่ง และกระสอบปุ๋ยสีขาวซึ่งบรรจุห่อยาบ้าไว้ โดยในบริเวณเดียวกันยังพบห่อยาบ้าอีกบางส่วนกระจัดกระจายอยู่ที่พื้นตามริมถนน ในพงหญ้า และตกอยู่ในหนองน้ำในจุดที่เกิดเหตุ  ลักษณะคล้ายกับมีคนนำมาโยนทิ้งไว้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดนำมาทิ้งไว้เพื่อหลบหนีความผิด  เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง แจ้งข้อกล่าวหาว่ามีความผิดในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” จากนั้นได้นำของกลางทั้งหมดมาตรวจนับที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 ธาตุพนม ผลการตรวจนับ รวมจำนวนประมาณ 900,000 เม็ด จึงได้นำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.โสกก่าม อ.เซกา จ.บึงกาฬ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 กล่าวว่า ตามที่ รัฐบาล ได้เปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน Seal Stop Safe และนโยบายเน้นหนักด้านปราบปรามยาเสพติดของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด.ทางกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 ก็ได้เปิดปฏิบัติการพิทักษ์ริมน้ำโขง ป้องกันปราบปรามยาเสพติดจากแนวชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งดำเดินการใน 3 ด้าน คือ ด้านการข่าว การลาดตระเวนเฝ้าตรวจชายแดน และการตั้งจุดตรวจจุดสกัดในจุดเสี่ยงต่างๆ ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ค้ายาไม่สามารถขนส่งยาเสพติดได้โดยสะดวก จึงนำมาโยนทิ้งไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน และการตั้งจุดตรวจจุดสกัด โดยตำรวจตระเวนชายแดนก็จะทำงานกันอย่างเข้มแข็ง และมุ่งมั่น เพื่อสกัดกั้น และป้องกันไม่ให้มีการนำเข้ายาเสพติด สู่พื้นที่ตอนในประเทศต่อไป

คณะบัญชี จุฬาฯ จัดสัมมนาหนุนเอกชนไทย จับเทรนด์อนาคต สร้างผู้ประกอบโตแกร่งยั่งยืนในเวทีโลก

(11 ก.พ.68) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดสัมมนาวิชาการ 'CBS: Boost Your Business Wisdom' มุ่งเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านธุรกิจที่ครอบคลุมทุกมิติ พร้อมเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาและผู้ประกอบการรับมือกับเศรษฐกิจยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและแนวคิดความยั่งยืน

ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวบรรยายในหัวข้อ 'Regenerative Marketing: New Generation of Marketing' โดยเน้นย้ำว่าธุรกิจยุคใหม่ควรให้ความสำคัญกับการตลาดเชิงฟื้นฟู (Regenerative Marketing) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่ได้มุ่งแค่สร้างแบรนด์ แต่ยังคำนึงถึงการฟื้นฟูทรัพยากร ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย (Stakeholders) ทั้งภาคธุรกิจและสังคมในระยะยาว

โดยแนวทางดังกล่าวถูกเปรียบเสมือน 'วิตามิน' ที่ช่วยฟื้นฟูและเสริมแกร่งให้องค์กรใน 5 ด้าน ได้แก่

Vitamin A (Awareness & Activism) - สร้างความตระหนักรู้และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมผ่านกลยุทธ์ทางการตลาด

Vitamin B (Beyond Sustainability) - ก้าวข้ามแนวคิดความยั่งยืนไปสู่การสร้างผลกระทบเชิงบวกที่แท้จริง

Vitamin C (Consumer Empowerment) - ส่งเสริมให้ผู้บริโภคสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น

Vitamin D (Design for Circularity) - ออกแบบธุรกิจให้มีระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดของเสีย และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

Vitamin E (Ecosystem Restoration) - ฟื้นฟูระบบนิเวศและสังคม โดยให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม

ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ เน้นว่าการตลาดแนวใหม่นี้จะช่วยให้ธุรกิจปรับตัวเข้าสู่ยุคแห่งเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า ไม่ใช่เพียงผลกำไร โดยองค์กรควรมองว่า "ความยั่งยืน" เป็นการลงทุน ไม่ใช่ต้นทุน เพื่อสร้างความผูกพัน (Heart Share) กับผู้บริโภค และนำไปสู่การเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว

ในการสัมมนาหัวข้อ 'Thailand Ahead: The Outlook in Business Strategy, Technology, and Sustainability' นักวิชาการจากภาควิชาพาณิชยศาสตร์ได้กล่าวถึงแนวโน้มสำคัญที่ภาคธุรกิจต้องเตรียมพร้อม ได้แก่ ESG (Environmental, Social, and Governance), Regionalization และเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทย โดยเฉพาะการขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียน (ASEAN) และการรับมือนโยบายการค้าระหว่างประเทศจากมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ 'Beyond Financial Metrics: ESG and SDG Reporting' ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่นักบัญชีต้องปรับตัวเพื่อนำเสนอข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ควบคู่ไปกับตัวชี้วัดทางการเงินแบบดั้งเดิม การรายงานดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนและผู้บริโภคสามารถประเมินศักยภาพขององค์กรได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น พร้อมทั้งสะท้อนให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของธุรกิจ

ในหัวข้อ 'ESG and Digital Society' คณะวิทยากรจากภาควิชาการธนาคารและการเงินได้กล่าวถึงผลกระทบของการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมดิจิทัล โดยชี้ว่าการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI และ Blockchain อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในภาคธุรกิจ แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายด้านพลังงาน ความเป็นธรรมทางสังคม และการกำกับดูแล เช่น การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน

สำหรับหัวข้อ 'Sustainability in Digital World' ได้มีการพูดถึงปัญหาสำคัญที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ปริมาณพลังงานที่เพิ่มขึ้นและการสะสมของขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) การแก้ปัญหานี้ต้องอาศัยแนวทางแบบองค์รวม เช่น นโยบาย Thailand 4.0 และเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

รองศาสตราจารย์ ดร.ธารทัศน์ โมกขมรรคกุล คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวสรุปว่า การสัมมนาครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านธุรกิจ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้แนวคิดและกลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้ในองค์กรของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตของเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามเนื้อหาฉบับเต็มของการสัมมนา 'CBS: Boost Your Business Wisdom' ได้ที่เว็บไซต์ของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Jurassic World: Rebirth ถ่ายทำในไทย จูราสสิกเวิลด์ภาคใหม่เตรียมฉายกลางปีนี้

(10 ก.พ.68) แฟน ๆ เตรียมพบกับความยิ่งใหญ่ของ Jurassic World: Rebirth ภาคล่าสุดของแฟรนไชส์ไดโนเสาร์ระดับโลก ที่เพิ่งปล่อยตัวอย่างออกมา พร้อมเผยให้เห็นฉากหลังอันงดงามของประเทศไทย

ภาพยนตร์ตัวอย่างที่ถูกเผยแพร่ผ่านช่องยูทูบ Universal Pictures มีส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นฉากหลังของหนังที่มีการถ่ายทำที่จังหวัดตรังและกระบี่ของไทย ที่กองถ่ายฮอลลีวูดยกกองมาถ่ายทำเมื่อปีที่แล้ว

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการถ่ายทำในหลายสถานที่ของไทยเมื่อปีที่ผ่านมา รวมถึง เกาะกระดาน และ ถ้ำมรกต จังหวัดตรัง, เขาตาปู ในอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา, น้ำตกห้วยโต้ ในอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา จังหวัดกระบี่ รวมถึงฉากบางส่วนใน กรุงเทพฯ และเชียงใหม่

การถ่ายทำในไทยกินเวลากว่า 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน – 16 กรกฎาคม สร้างรายได้สะพัดสู่เศรษฐกิจไทยกว่า 400 ล้านบาท และคาดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะช่วยโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวของไทยบนเวทีโลกอีกครั้ง โดยเฉพาะ เขาตาปู หรือที่รู้จักในชื่อ “เกาะเจมส์ บอนด์” จากการปรากฏตัวใน 007 The Man with the Golden Gun

ในภาคนี้ สการ์เลตต์ โจแฮนสัน รับบทเป็นตัวละครหลักที่ออกตามหาดีเอ็นเอของไดโนเสาร์ยักษ์ที่สุดในโลก แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้เธอต้องติดเกาะอันลึกลับ

แฟนหนังเตรียมพบกับความตื่นเต้น และชมความงดงามของธรรมชาติไทยในจอฮอลลีวูดได้กลางปีนี้

มทบ.32 ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมและขยายผลยาเสพติดรายสำคัญ

(10 ก.พ.68) เวลา 11.00 น. พล.ต. วิชาญ  ศรีภัทรางกูร ผบ.มทบ.32 มอบหมายให้ พ.อ กวิน ยาวิชัย รอง ผบ.มทบ.32​ ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมและขยายผลยาเสพติดรายสำคัญฯ โดยมีรายละเอียดคือ เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเถิน ร่วมกับ สถานีตำรวจภูธรแม่พริก และฝ่ายปกครอง ได้ทำการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหา จำนวน 2 คน พร้อมยาเสพติดของกลาง (ยาบ้า) จำนวน 6,000,000 เม็ด และ รถยนต์ จำนวน 1 คัน โดยมี พล.ต.ท. กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานฯ ณ ที่ทำการ ภ.จว.ลำปาง (แห่งใหม่)อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง

ตำรวจภูธรภาค 5 บูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง สำนักงาน ป.ป.ส. ได้นำบัญชาและข้อสั่งการของรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดไม่ให้เข้าไปสู่พื้นที่ตอนในอย่างเข้มข้นและจริงจัง และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนเพื่อร่วมกันสอดส่องดูแลลูกหลานหรือบุคคลใกล้ชิด หรือบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยสามารถแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด 1599 , สายด่วน 191 , line@inthanon1(ผบช.ภ.5) และ Application Police l lert U ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

จเรตำรวจแห่งชาติร่วมคณะผู้บัญชาการทหารบก ตรวจชายแดนแม่สอด จ.ตาก ประเมินสถานการณ์หลังไทยมีมาตรการตัดไฟ-เน็ต-น้ำมัน โค่นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามนโยบายของรัฐบาล

(10 ก.พ.68) เวลา 09.00 น. กองทัพบกร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสถานการณ์แนวชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก นำโดย พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) , พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก , และคณะ พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศตคม.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.6 , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รอง ผบช.ก. , พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤตยา รอง ผบก.อก. บช.ส.รรท.ผบก.ปคม.  เพื่อประมินผลการปฏิบัติและผลกระทบต่อแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์จากมาตรการการตัดไฟของรัฐบาลในพื้นที่ 5 จุดของชายแดนไทย-เมียนมา

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่รับฟังสถานการณ์และตรวจแนวชายแดนตามจุดตรวจต่างๆ ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ร่วมกับทางผู้บัญชาการทหารบก  พบว่า หลังจากรัฐบาลไทยมีมาตรการดังกล่าวทำให้แก๊งดังกล่าวได้รับผลกระทบอย่างมากจากแรงกดดันของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งทางฝ่ายกองกำลังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมีแนวโน้มที่จะตอบสนองในเชิงบวกต่อนโยบายการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาลไทย ซึ่งน่าเชื่อว่ากลุ่มกองกำลังจะมีการเข้าไปช่วยเหลือคนชาติต่างๆ ที่ทางการของประเทศต่างๆ แจ้งมาส่งผ่านประเทศไทยเพื่อกลับไปสู่ครอบครัวของตนเอง รวมทั้งขับไล่กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกไปจากพื้นที่ 

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นองค์กรอาชญากรรมขัามชาติ ที่มาสร้างความเลวร้ายให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งคนทั่วโลก ขอให้ประชาชนเมียวดีช่วยกันขับไล่คนชั่วเหล่านี้ที่เป็นคนต่างชาติออกจากพื้นที่ให้หมด รวมทั้งประชาชนในอำเภอแม่สอดต้องช่วยกันไม่ให้กลุ่มคนร้ายหนีมาหลบซ่อนตัว พักอาศัยอยู่ตามโรงแรม หรือห้องพักห้องเช่าต่างๆ ไม่ให้กลุ่มคนชั่วที่เป็นชาวต่างชาติมีที่ยืนในผืนแผ่นดินของเรา อีกต่อไป ขอให้ประชาชนทั้งสองฝั่งร่วมแรงร่วมใจกันนำความผาสุกกลับมาสู่บ้านเมืองของเราให้โดยเร็ว โดยทาง ผู้บัญชาการทหารบกจะร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในภารกิจปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไปตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มที่

แรงงานชาวกัมพูชานับสิบ ในญี่ปุ่น ป่วนไม่เลิก นัดรวมตัวทวงคืนเกาะกูด อ้างทุกอย่างเป็นของกัมพูชา

(10 ก.พ. 68) เพจ ASEAN “มอง” ไทย ได้โพสต์ภาพ พร้อมข้อความว่า แรงงานชาวกัมพูชาในประเทศญี่ปุ่น รวมตัวทวงคืนเกาะกูด จ.ตราด เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมา โดยกลุ่มผู้ชุมนุมต้องการให้รัฐบาลกัมพูชาเอาเกาะกูดคืนมาจากประเทศไทยให้ได้ รวมถึงพื้นที่พิพาทในทะเลอ่าวไทย ผู้ชุมนุมชาวกัมพูชากล่าวว่า “ทุกอย่างเป็นของกัมพูชา”

สมุทรปราการ-เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ทำบุญเลี้ยงพระบวงสรวงสักการะศาลเจ้าพ่อโคกพร้าว อายุร่วม 100 ปี

เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ภายใต้การสนับสนุนของนาย อำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระบวงสรวงสักการะศาลเจ้าพ่อโคกพร้าวเป็นประจำทุกปี โดยในปี 2568 นี้ มีนายบุญธรรม อินทรแย้ม รองนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่

พร้อมด้วย นายณัฐพล บุญริ้ว รองนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ นำคณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนพี่น้องประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมในพิธีทำบุญเลี้ยงพระ พร้อมทั้งบวงสรวงสักการะศาลเจ้าพ่อโคกพร้าว ประจำปี 2568

นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากนายรัฐพล ลี้สกุล ผู้จัดการฝ่ายกฎหมาย บริษัท อีสเทิร์น เอเนอร์จี้ พลัส จำกัด ประธานจุดธูปเทียน ในพิธีทำบุญและบวงสรวงศาลเจ้าพ่อโคกพร้าว โดยมี นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นางสาวมณิฐกานต์ บุญริ้ว ว่าที่ สจ.สมุทรปราการ นายธนสัน วสันต์ กำนันตำบลแพรกษาใหม่และกลุ่มพัฒนาเเพรกษาใหม่ร่วมในพิธีครั้งนี้

โดยในปีนี้มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากทั้งในเขตพื้นที่รวมถึงประชาชนพื้นที่ใกล้เคียงที่มีจิตเลื่อมใสศรัทธาศาลเจ้าพ่อโคกพร้าว ต่างเดินทางมาร่วมในพิธีกราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว

พร้อมทั้งได้นำอาหาร คาวหวาน มาจัดตั้งโรงทาน นำอาหาร เครื่องดื่ม ไอศครีม นำมาแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่เดินทางมาร่วมในพิธีอีกด้วย โดยศาลเจ้าพ่อโคกพร้าวตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ข้างสำนักงานเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง สมุทรปราการ เดิมนั้นเป็นศาลไม้ และมีสภาพชำรุดผุพัง โดยได้ทางกำนันบุญธรรม อินทรแย้ม เป็นผู้นำร่วมกับชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธา 

ได้รวบรวมเงินบริจาค นำมาทำการปรับปรุงก่อสร้างศาลเจ้าพ่อโคกพร้าวขึ้นมา ราวปีพุทธศักราช 2540 เป็นต้นมา จากนั้นก็ได้มีการจัดพิธีทำบุญเป็นประจำทุกปี ซึ่งเงินจากการทำบุญที่ได้ในแต่ละปี ได้นำไปใช้ในการดูแลรักษาสถานที่ และทำประโยชน์ต่างๆ 

นอกจากนี้ ภายในงานยังได้แจกเหรียญเจ้าพ่อโคกพร้าวที่ผ่านการปลุกเสกโดยเกจิชื่อดังอย่างหลวงปู่ศิลา และเกจิอาจารย์ท่านอื่นๆ ถึง 5 วาระด้วยกัน นำมาแจกให้กับผู้ที่นำอาหารมาออกร้านโรงทาน รวมถึงแจกให้กับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมในงานอีกด้วย

เปิดประวัติบอดี้การ์ดสาวจีน อารักขานายกฯแพทองธารระหว่างเยือนปักกิ่ง

(10 ก.พ.68) เพจเฟซบุ๊กลึกชัดกับผิงผิง สื่อมวลชนจากจีน ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเยือนจีนของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย โดยหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ การมาถึงของนายกรัฐมนตรีไทยได้รับความสนใจจากชาวจีนเป็นอย่างมาก ซึ่งนอกจากจะได้รับการชื่นชมในความสวยและท่าทางที่พูดจาดีแล้ว ยังมีบอดี้การ์ดหญิงที่จีนจัดให้คอยอารักขานายกรัฐมนตรีไทยก็ได้รับความสนใจไม่น้อยเช่นกัน

บอดี้การ์ดหญิงที่กล่าวถึงคือ เหยียน เยว่เสีย (严月霞) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดหญิงชื่อดังของจีน โดยเธอเกิดในครอบครัวที่มีความเชี่ยวชาญด้านการฝึกอูซูจีนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีความสามารถสูงในหลายด้าน ทั้งในด้านการยิงปืนและมวยจีน อีกทั้งยังเคยแสดงความสามารถโดยการเอาชนะนักคาราเต้ห้าคนในเวลาเดียวกันด้วยมือเปล่า นอกจากนี้ เธอยังมีความเชี่ยวชาญด้านการป้องกันภัยทางไซเบอร์ สามารถรับมือกับการโจมตีจากแฮกเกอร์ในด้านความปลอดภัยของอินเทอร์เน็ตได้อย่างดีเยี่ยม

ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สะสวยและความสามารถในการป้องกันภัยที่โดดเด่น จึงไม่แปลกใจที่เธอได้รับการขนานนามว่าเป็น 'บอดี้การ์ดหญิงอันดับ 1 ของจีน'


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top