Friday, 9 May 2025
NEWS FEED

สตูล ศรชล. ปลูกต้นกล้า รุ่นที่ 2 รู้อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน

นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนเยาวชน นับเป็นกลไกสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง การสร้างองค์ความรู้และปลูกจิตสำนึก รวมทั้งการมีส่วนร่วมนั้น

วันนี้ 30 พ.ค.2567 เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2567 นาวาเอกแสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล หรือ ศรชล.สตูล เป็นประธานในพิธีเปิด กิจกรรม 'สร้างความรับรู้ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล' เพื่อขับเคลื่อนการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เกิดความยั่งยืน ครั้งที่ 2 ในการพัฒนาองค์ความรู้และปลูกจิตสำนึกในการรักษาทรัพยากรทางทะเลของชาติ ตลอดจนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการช่วยกันดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืน

โดยมีนาวาเอก รัฐพล แก้วกระจาย หัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล ศรชล.ภาค 3 รายงานและ ได้ให้ความรู้ เกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งทรัพยากรป่าชายเลน และการนำผู้เข้าร่วม กิจกรรมฯ ลงพื้นที่เยี่ยมชมศึกษาธรรมชาติของทรัพยากรป่าชายเลนตำมะลัง และ ร่วมกันปลูกป่าชายเลน ณ ศูนย์เรียนรู้ธรรมชาติป่าชายเลนตำมะลัง กิจกรรมเก็บขยะ ชายฝั่งและปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำกุ้ง จำนวน 2,000 ตัว ที่ บริเวณท่าเทียบเรือตำมะลัง ซึ่งได้รับการสนับสนุน ต้นพันธุ์กล้าไม้และสถานที่ปลูกป่าชายเลน จากศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 24 (ตำมะลัง สตูล) และได้รับการสนับสนุนพันธุ์สัตว์น้ำ จากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลสตูล ทั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ เป็นนักศึกษาจากวิทยาลัยชุมชนสตูล และเจ้าหน้าที่หน่วยงานใน ศรชล.จังหวัดสตูล จำนวน 50 คน

แบนบุหรี่ไฟฟ้า 10 ปีแต่วิกฤตบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กพุ่งชึ้บุหรี่ไฟฟ้าเกลื่อนตลาด แม้รัฐเร่งปราบปราม

เพจ ‘มนุษย์ควัน’ ตั้งคำถามเนื่องใน ‘วันงดสูบบุหรี่โลก’ เหตุสถานการณ์ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ วิกฤต หลังพบกรณีเด็กและเยาวชนซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนเกลื่อนเมือง แม้รัฐเร่งปราบปราม พร้อมยกผลสำรวจจากภาครัฐชี้เยาวชนไทยใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 5.3 เท่าภายในเวลาไม่ถึงสิบปี ชี้บุหรี่ไฟฟ้าเติบโตตามแนวทางส่วนใหญ่ของโลกที่ให้ถูกกฎหมาย การเน้นปราบปรามอาจไม่ใช่ทางออก

นายสาริษฏ์ สิทธิเสรีชน เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ “มนุษย์ควัน” ที่มีผู้ติดตามกว่า 2.6 หมื่นคน ได้โพสต์ข้อความว่าด้วยเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้าและวันงดสูบบุหรี่โลกว่า “วันงดสูบบุหรี่โลกปีนี้หน่วยงานไทยมาในธีมบุหรี่ไฟฟ้า(อีกแล้ว) ปี 67 นี้ครบรอบ 10 ปีที่ประเทศไทยแบนบุหรี่ไฟฟ้าพอดี มีใครอยากเสนอคำขวัญที่สะท้อนความจริงกว่า ‘ร่วมปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า’ มั้ยครับ?”

นายสาริษฎ์ยังเผยอีกว่า “ในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้จะเป็นวันงดสูบบุหรี่โลกประจำปี 2567 โดยมีคำขวัญประจำปีนี้ว่า ‘ร่วมปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า’ ผมจึงอยากถือโอกาสนี้พูดถึงเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าสักหน่อย”
“นับตั้งแต่ที่ประกาศแบนบุหรี่ไฟฟ้าไปเมื่อปี 2557 ขณะนี้ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 ของการแบนบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว แต่เชื่อว่ามีประชาชนคนไทยไม่น้อยที่งงกับคำกล่าวนี้ หลายคนถึงกับถามว่าประเทศไทยยังแบนบุหรี่ไฟฟ้าอยู่เหรอ นั่นก็เพราะประกาศแบนนั้นไม่สามารถจัดการปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสังคมได้จริง ไม่ว่าจะด้วยความหละหลวมในการบังคับใช้กฎหมาย หรือประเด็นของการทุจริตคอรัปชัน” “ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งการรณรงค์และปลูกจิตสำนึก ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ผมเองก็เห็นด้วยว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่ของสำหรับเด็กหรือคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่มาก่อน ทว่าความรุนแรงของปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสังคมไทยในปัจจุบันนั้นน่าเป็นห่วงเกินกว่าที่การรณรงค์ เดินขบวน จัดงานวิ่ง จัดงานปั่นจักรยาน หรือเสวนาจะแก้ไขได้ทัน ในปัจจุบันนี้ตัวเลขจากผลสำรวจของภาครัฐชี้ว่าอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กไทยอายุ 13 ถึง 15 ปี มีเด็กและเยาวชนใช้บุหรี่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.3 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 17.6 ในปี 2565 ซึ่งนับว่าเพิ่มขึ้นกว่า 5.3 เท่าภายในเวลา 7 ปี”

“นั่นชี้ให้เห็นว่า ขณะที่กฎหมายแบนบุหรี่ไฟฟ้าออกมา 10 ปีแล้ว อัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนก็พุ่งขึ้นสวนทางกับที่ใครๆ คาดหวัง” นายสาริษฎ์กล่าว
“เมื่อวันก่อนสดๆร้อนๆ หน่วยงานได้จับกุมร้านค้าบุหรี่ไฟฟ้าที่มีลูกค้าและผู้ขายเป็นเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้แทบทุกวันจากหน้าข่าว การจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าไม่เคยหายไปเพราะมีบุหรี่ไฟฟ้ามูลค่ามหาศาลหลายล้านบาทที่ทะลักเข้ามาจากประเทศจีนโดยไม่มีการตรวจสอบ จะดีกว่าไหมถ้าประเทศไทยมีกฎหมายมาควบคุมอายุผู้ซื้อผู้ขายบุหรี่ไฟฟ้าเช่นเดียวกับการสูบบุหรี่” นายสาริษฎ์ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ขณะนี้จะมีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า แต่ตนและผู้สูบบุหรี่ไทยอีกนับสิบล้านรายก็ได้แต่คาดหวังว่าผลพิจารณาจะแตกต่างจากเดิม เพราะแบนมา 10 ปีเหมือนไม่แบน สู้เอากฎหมายมาควบคุมให้มีการกำหนดอายุผู้ซื้อ ผู้ขาย ป้องกันการเข้าถึงของเด็กอย่างเข้มงวด เหมือนกว่า 70 ประเทศทั่วโลกที่กำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายจะควบคุมได้ดีกว่า

‘3 นวัตกรรมจุฬาฯ’ คว้ารางวัลเหรียญทอง - ถ้วยรางวัลพิเศษ เวทีนวัตกรรมนานาชาติ ในงาน ITEX 2024 ประเทศมาเลเซีย

(29 พ.ค.67) คณะกรรมการนานาชาติจากเวทีการนำเสนอ และประกวดนวัตกรรม ระดับนานาชาติ ในงาน 35th International Innovation & Technology Exhibition 2024 (ITEX 2024) เมื่อวันที่ 16-18 พฤษภาคม 2567 ณ Kuala Lumpur Convention Centre สหพันธรัฐมาเลเซีย ได้ประกาศมอบรางวัล จำนวน 4 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลเหรียญทอง 3 รางวัล และรางวัลพิเศษ 1 รางวัล แก่ 3 ผลงานวัตกรรมจุฬาฯ ดังนี้

>> นวัตกรรมเจลทรานสเฟอร์โซมเก็บกักกรดเอเชียติกเพื่อใช้ทาลบเลือนรอยแผลเป็น

นวัตกรรมชิ้นนี้เป็นผลิตภัณฑ์เจลทรานสเฟอร์โซมที่พัฒนาขึ้น สามารถนำส่งสารสำคัญกรดเอเชียติกที่พบในพืชบัวบกเข้าสู่เมมเบรนผิวหนังจำลองได้ในปริมาณสูงหลังจากใช้ 8 ชั่วโมง จากการศึกษาทางคลินิกพบว่าเจลทรานสเฟอร์โซมเก็บกักกรดเอเชียติกช่วยลดปริมาณเม็ดสีผิวเมลานินซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพในการลดความเข้มของสีผิวที่ผิดปกติ อีกทั้งยังเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวบริเวณแผลเป็นได้ เป็นนวัตกรรมทางเลือกสำหรับการรักษาแผลเป็น

เจลทรานสเฟอร์โซมเก็บกักกรดเอเชียติกเพื่อใช้ทาลบเลือนรอยแผลเป็น ได้รับรางวัลเหรียญทอง จาก ITEX2024 และ ถ้วยรางวัลพิเศษ Special Prize for the best international invention โดย Korea Invention Promotion Association ซึ่งผลงานดังกล่าวศึกษาวิจัยโดย ผศ.ภญ.ดร.รมย์ฉัตร ชูโตประพัฒน์ จาก ภาควิชาวิทยาการเภสัชกรรมและเภสัชอุตสาหกรรม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ภายใต้การสนับสนุนของ ชมรมจุฬาฯ สปินออฟ (Club Chula Spin-off)

>> วัตกรรมการจัดการห่วงโซ่คุณค่าโกโก้ในระบบนิเวศโกโก้

นวัตกรรมการจัดการห่วงโซ่คุณค่าโกโก้ในระบบนิเวศโกโก้ใช้รูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบ CSA (Community Support Agriculture) ซึ่งเป็นระบบตลาดสมาชิกแบบมีส่วนร่วมที่ผู้บริโภคสามารถสื่อสารความต้องการเชิงคุณภาพและปริมาณกับผู้ผลิตได้โดยตรงบนกลไกตลาดล่วงหน้าภายใต้กลไกราคาที่เป็นธรรม โดยการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่คุณค่าโกโก้ที่มีพันธกิจในการพัฒนานวัตกรรมการจัดระดับคุณภาพโกโก้ผลสดและเมล็ดโกโก้ การบริการตรวจคุณภาพ การเชื่อมโยงตลาดที่เหมาะสมให้กับผลผลิตโกโก้และผลิตภัณฑ์จากโกโก้ รวมทั้งให้บริการข้อมูลและองค์ความรู้ด้านโกโก้แก่เกษตรกร ผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจตลอดห่วงโซ่คุณค่าโกโก้

การจัดการห่วงโซ่คุณค่าโกโก้ในระบบนิเวศโกโก้ ได้รับรางวัลเหรียญทอง จาก ITEX2024 ซึ่งผลงานดังกล่าวศึกษาวิจัยโดย ผศ.ดร.ธัญศิภรณ์ ณ น่าน จาก สำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาฯ ภายใต้การสนับสนุนของ ศูนย์กลางนวัตกรรมทางสังคมแห่งจุฬาฯ (CU Social Innovation Hub)

>> นวัตกรรมเส้นโปรตีนไข่ขาว ไร้แป้ง พร้อมทาน

นวัตกรรมเส้นโปรตีนไข่ขาว 100% ที่ใช้เทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงโปรตีนไข่ขาว ทำให้ไข่ขาวต้มที่เคยแข็งกระด้างและเปราะหักง่ายกลายเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มเด้ง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้แตกต่างจากไข่ขาวต้มทั่วไป พลังงานต่ำ อีกทั้งยังไม่มีส่วนผสมของแป้งและกลูเตน สามารถฉีกซองแล้วทานได้ทันที สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใครในโลกของนวัตกรรมอาหาร

เส้นโปรตีนไข่ขาว ไร้แป้ง พร้อมทาน ได้รับรางวัลเหรียญทอง จาก ITEX2024 ซึ่งผลงานดังกล่าวศึกษาวิจัยโดย ผศ.ดร.สถาพร งามอุโฆษ จาก ภาควิชาโภชนาการและการกำหนดอาหาร คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ ภายใต้การสนับสนุนของ ศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาฯ (CU Innovation Hub)

ทั้งนี้ งาน International Innovation & Technology Exhibition (ITEX) คือ งานนิทรรศการที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือของ Malaysian Invention and Design Society (MINDS) และ C.I.S. ภายในงานมีการจัดแสดงผลงานนวัตกรรม เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายจากนานาชาติ อีกทั้งยังมีการจัดประกวดแนวคิดและสิ่งประดิษฐ์ โดยมีคณะกรรมการผู้มีประสบการณ์จากแวดวงวิชาการและหน่วยงานเอกชนที่มาจากหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งปีนี้ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นผู้คัดเลือกผลงานนวัตกรรมระดับอุดมศึกษา จำนวนทั้งสิ้น 54 ผลงาน เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการประกวดในเวทีดังกล่าว

‘สไปร์ท SPD’ ขอโทษ ปมขับเทสลาลงหาด สร้างความเดือดร้อน รับ!! ประมาทเอง สัญญาจะนำเป็นบทเรียนให้คิดรอบคอบกว่าเดิม

(29 พ.ค.67) จากกรณี ‘สไปร์ท SPD’ พร้อมทีมงาน ได้ขับรถเทสลาลงไปชายหาดปากน้ำหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร เพื่อทำคอนเทนต์ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมาย

ก่อนที่ต่อมา เวลา 21.00 น. วันที่ 28 พ.ค. ‘สไปร์ท SPD’ ที่ขณะนี้อยู่เกาหลี ได้ส่งทีมงานของช่องยูทูบ ‘SpriteDer SPD’ 4 คน เข้าพบ ผกก.สภ.ปากน้ำหลังสวน เพื่อชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและถูกปรับคนละ 5,000 บาท ฐานกระทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน รำคาญในที่สาธารณะ

ล่าสุดวันนี้ สไปร์ท ได้โพสต์ขอโทษ โดยระบุว่า “สวัสดีครับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความผิดของผมเองครับที่ขับรถลง บริเวณชายหาด และสร้างความเดือดร้อนให้คนในพื้นที่ ผมกราบขอโทษชาวปากน้ำหลังสวน และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดครับ

ขอชี้แจงว่าในวันที่เกิดเหตุ ผมได้ให้ทีมงานสอบถามคนในพื้นที่บริเวณดังกล่าวแล้ว และได้รับแจ้งว่าสามารถขับรถลงไปถ่ายรูปได้ แต่ด้วยความประมาทของผม ที่ขับออกไปไกลเกินกว่าจุดที่เขาบอก ทำให้รถไปติดหล่มเหมือนในภาพที่ทุกคนเห็นกัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมขอน้อมรับผิดทุกประการ และจะนำเอาบทเรียนนี้กลับมาคิดให้รอบคอบมากกว่าเดิมในอนาคต เพื่อแก้ไขปรับปรุง และไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในทำนองนี้อีกในภายภาคหน้า

ส่วนความผิดทางกฎหมายตอนนี้ ทางทีมของผมได้จ่ายค่าปรับไปส่วนนึงแล้ว เหลือค่าปรับของผมที่ตอนนี้ติดภารกิจถ่ายงานที่ต่างประเทศ ที่ได้มีการวางแผนล่วงหน้ามานานแล้ว จึงให้ทนายดำเนินเรื่องค่าปรับให้ในระหว่างที่ผมทำภารกิจอยู่ โดยผมไม่ได้หนีหายไปแต่อย่างใดครับ

ผมขอโทษทุกคนสำหรับเหตุการณ์ทั้งหมดอีกครั้งนึงครับ และขอขอบคุณชาวหลังสวนทุกคน ที่มาช่วยเหลือในเหตุการณ์ดังกล่าวครับ”

ส่วนประเด็นที่คนตั้งขอสังเกตถึงป้ายทะเบียน รถเทสลาคันดังกล่าวของ สไปร์ท SPD หมายเลขทะเบียน 3 ขจ 1496 กรุงเทพมหานคร ว่าทำไมถึงเป็นป้ายแดง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทางบริษัท Tesla ประเทศไทย เคยออกมาบอกว่า

“รถยนต์จาก Tesla ประเทศไทย จะไม่มีคำว่า ‘รถป้ายแดง’ อย่างแน่นอน เพราะรถทุกคันที่ส่งถึงมือลูกค้า จะทําการจดทะเบียนเป็นป้ายขาวไว้เรียบร้อยหมดแล้ว หมายเลขทะเบียนจะเป็นแบบสุ่ม จากทางกรมขนส่งทางบกเท่านั้น” เรื่องนี้ สไปร์ท ยังไม่ได้ชี้แจงแต่อย่างไร

‘สธ.’ เตือน!! พบผู้ป่วย ‘ฝีดาษลิง’ พุ่งสูงหลังสงกรานต์ พบมากในเขตกทม. ย้ำ!! ประชาชนอย่าประมาท

(29 พ.ค. 67) ‘นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ’ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์โรคฝีดาษวานรในประเทศไทย ตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อรายแรกในเดือนก.ค.2565 จนถึงวันที่ 20 พ.ค.2567

มีรายงานผู้ป่วยรวม 787 ราย เป็นเพศชาย 768 ราย คิดเป็นร้อยละ 97 ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เชียงใหม่ ระยอง และอุดรธานี ตามลำดับ ข้อมูลตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นระยะ และเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่กลางเดือนเม.ย. ช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์จนถึงเดือนพ.ค. จึงต้องเฝ้าระวัง พร้อมป้องกัน ลดเสี่ยง ลดโรค

หากประชาชนมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้สงสัยฝีดาษวานร หรือการสัมผัสใกล้ชิด แนบแน่น กอดจูบ ลูบ คลำ พูดคุยระยะ 1 เมตร โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือเคยดูแลผู้ป่วยสงสัยฝีดาษวานร ให้สังเกตอาการตนเองเบื้องต้น

ภายหลังสัมผัสผู้ป่วย หรือมีความเสี่ยงภายใน 21 วัน หากมีผื่น มีตุ่มน้ำ ตุ่มหนองขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือบริเวณรอบๆ มือ เท้า หน้าอก ใบหน้า ปาก มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณหลังหู คอ ขาหนีบให้เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาล หรือสถานบริการสุขภาพใกล้บ้านทันที เพื่อตรวจหาเชื้อได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จากนั้นจะทราบผลตรวจภายใน 1-5 วัน

ซึ่งระหว่างรอผลตรวจนั้น แนะนำให้แยกของใช้ส่วนตัว และแยกพื้นที่กับผู้ที่อยู่ร่วมบ้าน ที่พัก หรือ สถานที่ทำงาน ไม่ใช้จาน ชาม ช้อน แก้วน้ำ และของใช้ต่างๆ ร่วมกับผู้อื่น และสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการส่งต่อเชื้อ เนื่องจากสามารถติดได้จากการสัมผัสใกล้ชิด พร้อมเน้นย้ำถึงผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หรือภูมิคุ้มกันต่ำ หากมีอาการให้รีบพบแพทย์ทันที อย่าชะล่าใจเนื่องจากมีอาการรุนแรงได้

นพ.วีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ประชาชนทุกคนไม่ควรประมาท โรคฝีดาษวานรติดได้ทุกคน หากมีพฤติกรรมเสี่ยง สามารถป้องกันโรคฝีดาษวานรได้ ดังนี้ 

1.หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนไม่รู้จัก 

2.ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วย เช่น เสื้อผ้า ผ้าขนหนู เครื่องนอน เป็นต้น 

3.หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีผื่นสงสัยโรคฝีดาษวานร

4.ไม่คลุกคลี หรือ สัมผัส ตุ่ม หนอง หรือบาดแผลของสัตว์ที่ติดเชื้อ ซากสัตว์ป่า และบริโภคเนื้อสัตว์ปรุงสุก โดยเฉพาะกลุ่มสัตว์ฟันแทะที่นำเข้าหรือมีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกาตอนกลาง เช่น หนูแกมเบียน กระรอกดิน 

5.หมั่นล้างมือบ่อยๆ

นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงไปในสถานที่ที่มีกิจกรรมการรวมตัว หรือกิจกรรมพบปะสังสรรค์ ที่อาจเสี่ยงติดโรคฝีดาษวานร ก็เป็นอีกวิธีที่สามารถป้องกันฝีดาษวานรได้ กรมควบคุมโรคห่วงใย อยากเห็นคนไทยสุขภาพดี สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

อธิบดีกรมอุทยานฯ ร่วมรับฟัง การนำเสนอกิจกรรมถอดบทเรียน (AAR) ไฟป่าในพื้นที่จังหวัดแพร่และจังหวัดน่าน

วันที่ 26 พ.ค. 2567 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นประธานการประชุมถอดบทเรียน (After Action Review : AAR) “การแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและpm2.5ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ สังกัด สบอ.13(แพร่)ท้องที่จังหวัดแพร่และจังหวัดน่าน” โดยมีผู้เข้าร่วมได้แก่ นายกมล นวลใย ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่13 ผู้อำนวยการส่วนแต่ละส่วน หัวหน้าพื้นที่ป่าอนุรักษ์และหน่วยงานร่วมบูรณาการฯ เพื่อร่วมกันสะท้อนปัญหา และทบทวนกระบวนการต่าง ๆ นำมาเป็นแนวทางการจัดทำแผนและการปฏิบัติงานในปีถัดไปให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น โดยมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานในแต่ละพื้นที่ป่าอนุรักษ์

สถานการณ์การเกิดไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ในสังกัด สบอ 13(แพร่) ท้องที่จังหวัดแพร่และจังหวัดน่านในปีงบประมาณพ.ศ.2566 พบว่ามีพื้นที่เผาไหม้(Burnsca) 1,433,503 ไร่ และปี 2567 พบพื้นที่เผาไหม้  647,466 ไร่ ลดลง คิดเป็น 54.83% จำนวนจุดความร้อน(Hotspot)ในปี 2566 พบจำนวน 6,415 จุด และปี 2567 พบจุดความร้อน 3,474จุด พบว่าพบว่าลดลง 46.80%

ในบางพื้นที่ป่าอนุรักษ์พบจุด hotspot ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาแต่มีพื้นที่ที่ถูกเผาไหม้ลดลง เช่น อุทยานแห่งชาติแม่ยม จังหวัดแพร่ พบจุดhotspot ในปี 2566จำนวน 550 จุด ในปี 2567 พบ 480จุด ลดลงร้อยละ 12.7% แต่ในปี 2566 พบว่ามีพื้นที่เผาไหม้ 193,560 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 63.94ของพื้นที่ทั้งหมด แต่พื้นที่เผาไหม้ใน ปี2567 พบเพียงแค่จำนวน 93,613(ไร่) โดยคิดเป็นร้อยละ 30 ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งจะสังเกตได้ว่าเป็นผลการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ปฏิบัติตามข้อสั่งการ “เห็นไว เข้าถึงไว ควบคุมและดับได้ไว“ 

อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในท้องที่จังหวัดแพร่ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดลำปางบางส่วน ไม่มีหน่วยงานร่วมบูรณาการในพื้นที่ และไม่มีสถานีควบคุมไฟป่าแต่อย่างใด ดำเนินการโดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่เพียง 45 นาย โดยอาศัยการสร้างภาคีเครือข่าย จิตสำนึกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความร่วมของชุมชนเครือข่ายรอบอุทยานสามารถลดจำนวนจุด hotspot ในพื้นที่ได้ถึง 50.9 %เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

อุทยานแห่งชาติดอยภูคา เป็นอุทยานแห่งชาติในท้องที่จังหวัดน่านมีพื้นที่รับผิดชอบขนาดใหญ่จำนวน1,065,000 ไร่ ครอบคลุม 8 อำเภอ 24 ตำบล มีหน่วยงานร่วมบูรณาการจำนวน 38 หน่วยงาน ได้มีการ จัดทำแผนปฏิบัติการแบบบูรณาการเชิงพื้นที่ป่าอนุรักษ์โดยแบ่งเขตการจัดการจำนวน4 เขต เพื่อให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่ร่วมบรูณการเข้ามามีบาทในการดำเนินแก้ไขปัญหาร่วมกัน พบว่า จำนวนจุดhotspotปี2566พบ 1,706 จุด ส่วนในปี 2567 พบจำนวน 615 จุด ลดลงคิดเป็นร้อยละ 63.96 ซึ่งเป็นตามนโยบายของทส.ที่ได้กำหนดไว้

อุทยานแห่งชาติศรีน่าน พบว่าเมื่อเทียบกับปี 2566 จุด hotspot ลดลงคิดเป็นร้อยละ 13.9 แต่มีพื้นที่เผาไหม้ลดลงคิดเป็นร้อยละ 62.84ของพื้นที่ทั้งหมด เกิดจากความร่วมมือของหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ผู้นำชุมชนและชุมชนในพื้นที่ร่วมกันบริหารจัดการแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่าและpm 2.5 ทำให้สถานการณ์ภาพรวมดีขึ้น

สรุปจากข้อมูลดังกล่าวสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่รับผิดชอบปี2567 สามารถบริหารจัดการแก้ไขปัญหาได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น จากการบูรณาการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ป่าอนุรักษ์และความร่วมมือของหน่วยงานภายนอก

ทั้งนี้นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ให้แนวการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และpm2.5 นำไปวางแผนในการปฏิบัติงานต่อไป

‘ธพว.’ (SME D Bank) แต่งตั้ง ‘พิชิต มิทราวงศ์’ ดำรงตำแหน่ง ‘กรรมการผู้จัดการ’ มีผล 4 มิ.ย.67

(29 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank มีมติเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 อนุมัติแต่งตั้งให้ นายพิชิต มิทราวงศ์ เป็น ‘กรรมการผู้จัดการ’ โดยผ่านความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง เรียบร้อยแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป

นายพิชิต มิทราวงศ์ ปัจจุบัน อายุ 57 ปี ถือเป็นผู้มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ด้วยคุณสมบัติและประสบการณ์ด้านบริหารงานสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นจากการทำงานในธนาคารเอกชน กว่า 14 ปี ดูแลด้านการอำนวยสินเชื่อและเงินฝาก ก่อนจะร่วมงานกับ ธพว. ตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปัจจุบัน โดยเริ่มต้นในตำแหน่งผู้จัดการกลุ่มสินเชื่อนโยบาย กระทั่ง ปี 2564 ได้รับแต่งตั้งเป็น รองกรรมการผู้จัดการ รับผิดชอบ กลุ่มงานวิเคราะห์สินเชื่อและปฏิบัติการ และกำกับดูแลสำนักกรรมการผู้จัดการ อีกหน่วยงานหนึ่ง ก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้จัดการ ธพว.

ตลอดระยะเวลา 22 ปี ในการทำงานที่ ธพว. นายพิชิตมีส่วนสำคัญในการผลักดันงานต่าง ๆ ขององค์กรสำเร็จตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เข้าใจผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และเป็นแกนหลักจัดทำและบริหารโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐบาล เช่น โครงการสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ของกระทรวงอุตสาหกรรม กรอบวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท และกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กรอบวงเงินรวม 5,000 ล้านบาท เป็นต้น

อีกทั้ง ในช่วงดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ สามารถบริหารจัดการหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้ง มีบทบาทสำคัญในการผลักดันระบบ Core Banking System (CBS) ของธนาคาร จนประสบความสำเร็จ

สำหรับด้านอบรมโดยสังเขป เช่น
- ปี 2565 หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 26 (ปปร.26) ของวิทยาลัยการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

- ปี 2564 หลักสูตรโครงการสัมมนาผู้บริหารธนาคารและสถาบันการเงิน รุ่นที่ 30 สมาคมสถาบันการศึกษาการธนาคารและการเงินไทย

- ปี 2561 หลักสูตรวิทยาการจัดการสำหรับผู้บริหารระดับสูง คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ รุ่นที่ 1

เชียงใหม่-สสส.-มสส.จับมือสื่อมวลชนเชียงใหม่ เปิดเวทีทุกฝ่ายถกปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5

29 พฤษภาคม 2567 ที่โรงแรมอโมร่า ท่าแพ จ.เชียงใหม่ มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ(มสส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)ร่วมกับสื่อมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ จัดประชุมโฟกัส กรุ๊ป เรื่อง “PM 2.5 ... ปัญหาซ้ำซากภาคเหนือไร้ทางแก้จริงหรือ? โดยมี นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสื่อสารมวลชน กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)กล่าวเปิดการประชุม   

สสส.-มสส.จับมือสื่อมวลชนเชียงใหม่ เปิดเวทีทุกฝ่ายถกปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ทั้งอบจ.เชียงใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์มช. สภาลมหายใจเชียงใหม่ ชี้กระทบทั้งเศรษฐกิจและสุขภาพ นักท่องเที่ยวลดลงทุกปีเสียรายได้ปีละหมื่นล้านบาท งานวิจัยระบุสัมพันธ์กับมะเร็งปอด ทุกฝ่ายเรียกร้องเลิกทำงานเป็นแท่ง กระจายอำนาจชุมชน มีการวิจัยสาเหตุที่ชัดเจนอย่าโทษชาวบ้านอย่างเดียว ภาครัฐอย่าปิดบังความจริง พร้อมเรียกร้องนายกรัฐมนตรีใช้งบกลางคัดกรองมะเร็งปอดและเพิ่มสิทธิประโยชน์ในระบบประกันสุขภาพของประชาชน นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสื่อสารมวลชน กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวเปิดการประชุมว่านับว่าเป็นโอกาสดีที่สื่อมวลชนจ.เชียงใหม่และมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) ซึ่งได้รับการสนับสนุนการดำเนินงานจากสสส.เสริมพลังสื่อมวลชนร่วมขับเคลื่อนงานด้านสุขภาวะร่วมกันจัดเวทีระดมความคิดเห็นเพื่อแก้ไขปัญหา ลดผลกระทบต่อสุขภาพและผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากปัญหามลพิษทางออากาศจาก PM 2.5 ในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ งานวิจัยลงตีพิมพ์ในวารสารราชภัฏเชียงใหม่ที่ศึกษาผลกระทบของPM 2.5 ต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 สัญชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุดโดยใช้ จ.เชียงใหม่ และ กทม.เป็นตัวแทนนักท่องเที่ยวที่เกิดปัญหามลพิษทางอากาศช่วงปี 2557ถึง ปี 2561 พบว่าปัญหาPM 2.5 ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงโดยเฉพาะในเดือนเมษายนและพฤษภาคม หากดัชนีค่าฝุ่น  PM 2.5 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากค่าเฉลี่ยรายเดือนจะทำให้นักท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ลดลง 106,060 คน สอดคล้องกับตัวเลข ของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเชียงใหม่ลดลงเช่น  ปี2561 มีนักท่องเที่ยว จำนวน 10.84 ล้านคน ปี2562 มีนักท่องเที่ยวจำนวน 11 ล้านคน แต่ในปี 2565 นักท่องเที่ยวลดลงเหลือ 5.9 ล้านคนและปี 2566 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจำนวน  7.7 ล้านคน       

ส่วนผลกระทบด้านสุขภาพนั้นองค์การอนามัยโลกระบุชัดเจนว่าอัตราการตายประชากรโลกมีความสัมพันธ์กับความเป็นพิษทางอากาศ โดยทุกๆ 10 ไมโครกรัมของฝุ่น PM 2.5 มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น 8 ถึง 14 เปอร์เซ็นต์ องค์การอนามัยโลกกำหนดให้ PM 2.5 จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็งซึ่งเป็นสาเหตุ 1 ใน 8 ของประชากรโลกที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร สอดคล้องกับการวิจัยผลกระทบมลพิษต่อสุขภาพในพื้นที่อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พบว่าการตายรายวันและความเจ็บป่วยของประชาชนสัมพันธ์กับปัญหาหมอกควันในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนของปี 2559 และปี 2560 ข้อมูลจากหลายองค์กรระบุตรงกันว่าภาคเหนือมีอัตราการป่วยเป็นมะเร็งปอดมากที่สุดเมื่อเทียบกับภาคอื่นทั้งๆที่อัตราการสูบบุหรี่ลดลง  การประชุมในวันนี้นอกจากได้ข้อมูลจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ สภาลมหายใจเชียงใหม่และผู้แทนสื่อมวลชนเชียงใหม่แล้ว จะได้แลกเปลี่ยนความเห็นและเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อลดผลกระทบและแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป

ผศ.พญ.พุดตาน วงศ์ตรีรัตนชัย รองคณบดีด้านสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย เชียงใหม่ กล่าวว่า ปัญหา PM 2.5 ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่ออวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ปอด หัวใจ สมอง ตา ส่งผลต่อทารกในครรภ์ การได้รับฝุ่นพิษ PM 2.5 ทุก ๆ 22 ไมโครกรัม เฉลี่ย 20 ชั่วโมง จะเท่ากับการสูบบุหรี่ 1 มวน ซึ่งถือว่ารุนแรงมาก จากตัวเลขที่มีการรวบรวมค่าเฉลี่ย PM 2.5 รายวัน ในตัวเมืองเชียงใหม่ ตลอดเดือนมีนาคม 2562 โดยเฉพาะในวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2562 คนเชียงใหม่ทุกเพศทุกวัยสูบบุหรี่ไปคนละ 18 มวน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีการสื่อสารกับประชาชนเพื่อให้รับรู้แนวทางปฏิบัติตัวตามระดับของฝุ่น PM 2.5 ทั้งกลุ่มประชาชนทั่วไป และกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง 

โดยเฉพาะผลที่เกิดขึ้นต่อสุขภาพ ไม่ได้เกิดโรคมะเร็งปอดอย่างเดียว แต่ยังมีผลต่อสมองของเด็กและผู้ใหญ่ด้วย ก่อให้เกิดอาการซึมเศร้า สมาธิสั้น พัฒนาการช้าลง และ IQ ต่ำลงในเด็ก ส่วนในผู้ใหญ่มีผลต่อโรคสมองเสื่อมทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์เพิ่มมากขึ้น หลอดเลือดสมองตีบและแตก มีผลงานการวิจัยของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ระบุชัดเจนว่า ฝุ่น PM 2.5 ทำให้เลือดกำเดาไหล เพราะมีผลต่อช่องจมูก ส่งผลให้ตาแดงอักเสบ ส่วนอัตราการตายจากมะเร็งปอด แยกรายภาค ตั้งแต่ปี 2553 – 2562 ภาคเหนือมีอัตราการตายจากมะเร็งปอดมากกว่าภาคอื่น ซึ่งเป็นผลมาจาก ฝุ่น PM 2.5 ด้วยเช่นกัน

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าเชียงใหม่ติดอันดับเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก แต่เมื่อเกิดปัญหา PM 2.5 ทำให้เกิดผลกระทบทั้งด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อมและเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจปีละ 10,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวยกเลิกเที่ยวบิน 50-60 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุของปัญหาหมอกควันพิษ PM 2.5 มาจากหลายสาเหตุทั้งการเผาในที่โล่ง ไฟป่า  การคมนาคมขนส่ง โรงงานอุตสาหกรรม และฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง ประกอบกับที่ตั้งของเมืองเชียงใหม่มีสภาพเป็นแอ่งกะทะทำให้การแก้ปัญหายากมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาที่ไม่เป็นเอกภาพเพราะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวนมากซึ่งในระยะหลังเริ่มดีขึ้นเพราะมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการป้องกันแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ทุกระดับทั้งระดับจังหวัด อำเภอและตำบล

สำหรับบทบาทของอบจ.เชียงใหม่ในการแก้ไขปัญหานั้น นายพิชัย กล่าวว่า มีหลายมิติคือ ทั้งการให้ใช้สถานที่จัดตั้งเป็นศูนย์บัญชาการระดับจังหวัด อบจ.เชียงใหม่ เป็นที่แรกของประเทศไทยที่ให้งบประมาณสนับสนุนแก่มูลนิธิป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควัน จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่องทุกปี เช่นปี 2564 จำนวน 13.67 ล้านบาท ปี 2565 จำนวน 13.67 ล้านบาท ปี 2566 จำนวน 10.87 ล้านบาท และปี 2567 จำนวน 10.99 ล้านบาท นอกจากนั้นยังสนับสนุนอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เช่น เครื่องมือทำแนวกันไฟ อากาศยานไร้คนขับ เครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศพร้อมจอแสดงผลทั้งจังหวัด 250 เครื่อง มอบเรือตรวจการณ์ในพื้นที่ป่ารอบเขื่อนแม่กวงอุดมธารา การแจกหน้ากาก N 95 ให้กับประชาชน มีการล้างถนน ติดตั้งเครื่องพ่นละอองฝอยเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ 

พร้อมกันนั้นยังมีการจัดทำระบบข้อมูลและการสื่อสารเผยแพร่ เช่นโครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลและเว็บไซต์รายงานสถานการณ์ฝุ่นควัน PM 2.5 โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดเก็บบันทึกข้อมูลชุมชนและศูนย์วิชาการของจังหวัดเพื่อดำเนินการตัดสินใจในเวลาที่เหมาะสมในการกำจัดเชื้อเพลิงในแต่ละวัน มีการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ PM 2.5 รวมทั้งจัดทำ Application และอบรมการใช้ เพื่อประโยชน์ในการเผยแพร่ข้อมูลและให้ประชาชนแจ้งเบาะแสต่าง ๆ ด้วย

นายชัชวาล ทองดีเลิศ ประธานสภาลมหายใจ เชียงใหม่ กล่าวว่าการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่มีความซับซ้อนเชื่อมโยงกันทั้งด้านคมนาคม พลังงาน อุตสาหกรรม เกษตร ป่าไม้ สิ่งแวดล้อมและเชื่อมโยงไปถึงต่างประเทศ ปัญหาโลกร้อนและผลประโยชน์ทับซ้อน กุญแจสำคัญคือการแก้ปัญหาแบบบูรณาการโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยใช้มิติทางสังคมควบคู่กฎหมาย จากข้อมูลสถานการณ์ปี 2567 จุดความร้อนจากไฟไหม้ ของเชียงใหม่ดีขึ้นแต่ยังไม่เป็นตามเป้าที่จะให้ลดลง 50% แต่สิ่งที่ยังไม่น่าพอใจก็คือ จำนวนวันของคุณภาพอากาศที่เกินค่ามาตรฐานถึง 87 วันก็ถือว่ายังมากอยู่  

ดังนั้นการสรุปบทเรียนต้องวิเคราะห์ผลที่เกิดขึ้นอย่างจริงจังลงลึกไปถึงเหตุปัจจัยและเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อุปสรรคสำคัญในการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ของเชียงใหม่และภาคเหนือว่าเพราะเรามีระบบราชการรวมศูนย์อยู่ที่ส่วนกลางทำงานเป็นแท่งในจังหวัดมีหน่วยงานส่วนกลางอยู่ 157 หน่วย ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลอีก 23 หน่วย และมีองค์กรปกครองท้องถิ่น 211 หน่วย ทำให้การบูรณาการแผนและงบประมาณมีข้อจำกัด ต่อมาคือการบริหารสถานการณ์ภายใต้ พ.ร.บ.ป้องกันบรรเทาสาธารณะภัยยังทำงานเชิงรับถ้ามีอุบัติภัยจึงจะสามารถใช้งบประมาณใช้คนใช้เครื่องจักรได้ และเรายังมีความล่าช้าของการวางแผนแม้จังหวัดเชียงใหม่จะมีการวางแผนตั้งแต่ต้นปี2566แต่กว่าแผนจะเสร็จประมาณเดือนพฤศจิกายนทำให้งบประมาณล่าช้าจนต้องใช้เงินจากส่วนกลาง ดังนั้นแผนทุกอย่างควรจบในเดือนตุลาคม และเดือนธันวาคมต้องมีงบประมาณชัดเจนแล้ว

ประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ยังมีปัญหาพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าประกาศทับซ้อนพื้นที่ชุมชนที่อยู่ในเขตป่าที่มีความขัดแย้งมาอย่างยาวนานจึงควรจะใช้รูปแบบเดียวกันกับการแก้ปัญหาเขตป่าสงวนที่มี พ.ร.บ.ป่าชุมชนรองรับทำให้ชุมชนมีส่วนร่วมแก้ปัญหาได้ดีขึ้น ส่วนการกระจายอำนาจแบบมีส่วนร่วมแม้จะทำได้ดีแต่ยังไม่ลงลึกถึงชุมชนโดยเฉพาะประชาชนที่ทำมาหากินอยู่ในป่ายังไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างจริงจัง  

นอกจากนั้นควรมีการวิจัยที่ชัดเจนว่าเหตุปัจจัยของการเผาคืออะไรไม่ควรแก้ปัญหาตามความรู้สึกหรือมีอคติว่าชาวบ้านเผาเพื่อหาเห็ด หาหน่อไม้ ล่าสัตว์ และควรมีกฎหมายหรือมาตรการจัดการกับบริษัทที่ไปลงทุนปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อ ป้องกันการเผาในที่โล่ง รัฐบาลต้องมีเจตจำนงทางการเมืองมีแผนที่ชัดเจนและสุดท้ายขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีจัดสรรงบฯ กลางเพื่อคัดกรองมะเร็งปอดโดยทันที โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์การคัดกรองมะเร็งปอดในระบบหลักประกันสุขภาพทั้งบัตรทอง ประกันสังคม และข้าราชการโดยเร็ว  

นางอุบลนัดดา สุภาวรรณ บรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ไทยนิวส์ กล่าวถึงบทบาทของสื่อมวลชนในเรื่อง PM 2.5 ว่าสื่อจะรวบรวมข้อมูลนโยบายจากส่วนกลางและหน่วยงานในพื้นที่มานำเสนอ เพื่อเพิ่มการตระหนักรู้ ช่วยกันเป็นหูเป็นตา มีการนำเสนอข้อมูลเชิงลึก เช่น ผลการวิจัย การลงพื้นที่ เก็บข้อมูลจากหน่วยงานและกลุ่มนักวิจัยหรือนักเคลื่อนไหวต่างๆ เพิ่มความถี่ในการนำเสนอข่าว ตอกย้ำ ว่าปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข โดยพยายามขยายประเด็นการนำเสนอที่หลากหลายมิติ เช่นการดำรงชีวิต การแก้ปัญหา การปรับตัวและการป้องกันตนเองของคนทำงานในด้านการท่องเที่ยว การเกษตร ภาคประชาชน นักวิจัย เจ้าหน้าที่ของรัฐ บุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งการรวบรวมข้อมูลและวิธีการแก้ปัญหาของต่างประเทศ หรือการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว

 สิ่งที่สื่อมวลชนอยากเรียกร้อง คือ ขอให้จังหวัดให้ข้อมูลที่เป็นความจริงกับสื่อมวลชน อย่างสร้างภาพและกลัวว่าข่าว PM 2.5 จะกระทบต่อการท่องเที่ยว แลกกับผลกระทบทางสุขภพาของคนเชียงใหม่ คุ้มกันหรือไม่ เราไม่อยากให้ผู้นำมาสร้างภาพ เช่น การปั่นจักรยาน การนั่งริมแม่น้ำปิง หรือการแจกหน้ากากอนามัย แต่อยากให้มีการวางแผนและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและยั่งยืน สื่อมวลชนพร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้ว แต่บางครั้งข้อมูลมามาถึงสื่อ ในวอร์รูม สื่อส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เข้าไปร่วมประชุม

สุดท้าย นายอภิวัชร์ เกตุทัต ประธานมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) ได้กล่าวขอบคุณวิทยากรและสื่อมวลชน พร้อมสรุปว่าข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากเวทีประชุมจะนำไปสู่การผลักดันมาตรการต่างๆเช่น การวางแผนสนับสนุนการทำงานของสภาลมหายใจเชียงใหม่และสื่อมวลชนเพื่อเผยแพร่ความรู้ใหม่ ๆ และข้อเท็จจริงที่ถูกต้องให้ประชาชนได้รับรู้เข้าใจปัญหาและปรับตัวเพื่อมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนตลอดจนรู้จักวิธีป้องกันอันตรายจากฝุ่น pm2.5

'ศธ.' สั่งลุยเชิงรุก สำรวจเด็กหลุดระบบการศึกษา เร่งแก้ปัญหา ตามนโบาย ‘Thailand Zero Dropout’ 

(29 พ.ค.67) นักข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ ว่า ที่ประชุมรายงานการขับเคลื่อนการยกระดับการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ หรือ PISA โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รายงานการนํานักเรียนเข้าสู่ระบบการทดสอบ COMPUTER BASED TEST เพื่อนําผลสู่การพัฒนา และเติมเต็มนักเรียน (Pre-test) ตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 กว่า 104,578 ราย พร้อมๆ กับการขยายแกนนำ ที่เป็นครู ศึกษานิเนิทศก์ พี่เลี้ยง และแกนนำ ระดับเขตพื้นที่ฯ 1,400 คน ที่ผ่านหลักสูตร การอบรมการใช้ระบบออนไลน์ข้อสอบ PISA ในสถานศึกษา สู่โรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทั่วประเทศ 9,214 แห่ง ครู 3 โดเมน 27,397 ราย จนถึงเดือนกันยายน 2568

‘ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำการจัดอบรมฯ PISA ให้ สสวท.ติดตามและรายงานความก้าวหน้า พร้อมมีแผนระยะยาว การจัดทำข้อสอบเพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ตั้งแต่เด็กๆ ระดับประถมศึกษา เริ่มจากการอ่าน การคิดวิเคราะห์ ส่วนวิธีการทดสอบหรือการออกข้อสอบ ให้เข้ากับเจนเนอเรชั่นของเด็กในยุค 4.0 และมีความทันสมัย ทั้งในเรื่องของภาษา การเลือกใช้คำที่เข้ากับวัยของเด็ก’ รมว.ศธ.กล่าว

รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีการติดตามการดำเนินการงบประมาณ โดยได้ติดตามเรื่องเงินอุดหนุน อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจนถึงช่วงเดือนมิถุนายน 2567 และคาดว่าจะเบิกจ่ายได้ตามแผนที่วางไว้ ส่วนงบลงทุน กำลังเร่งทำแอปพลิเคชันโดยมี สพฐ.เป็นเจ้าภาพ เพื่อติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเรียลไทม์ ในส่วนของงบประมาณ ขอให้วิเคราะห์ปัญหา ความเสี่ยง และหาบุคลากรแต่ละพื้นที่ที่มีความชำนาญ ในแต่ละเรื่อง เพื่อช่วยเป็นพี่เลี้ยงในการบริหารจัดการงบประมาณ ส่วนกรณีที่ ศธ.มีหนังสือยกเว้น หรือผ่อนผันการแต่งเครื่องแบบนักเรียนนั้น ขอเน้นย้ำ โดยเฉพาะในสภาวะที่เศรษฐกิจที่เงินเฟ้อ ผู้ที่ขัดสนอาจไม่สามารถจัดหาเครื่องแบบนักเรียนได้ ศธ.จึงออกหนังสือดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้บริหารสถานศึกษาพิจารณา ช่วยเหลือนักเรียนให้สามารถมาโรงเรียนได้โดยไม่กดดัน โดยขอให้มีการสำรวจข้อมูล เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยอาจต้องประสานกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และภาคเอกชน ในการเข้ามาช่วยเหลือ รวมถึงให้มีการจัดทำระบบคลังข้อมูลเพื่อการบริหารการศึกษา (Data Warehouse)

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ สำนักงานปลัด ศธ.พัฒนา พัฒนาระบบรายงานผลการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เรียนดี มีความสุข แบบเรียลไทม์ ทั้งในเรื่องของสุขาวดี มีความสุข และการยกเว้นหรือผ่อนผันการแต่งกายของนักเรียนในสถานศึกษา ไว้สำหรับสำรวจเป็นข้อมูลเพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน โดยมีเป้าหมายลดภาระครู นักเรียน และผู้ปกครอง เป็นหลัก ขณะเดียวกันยังเน้นย้ำเรื่อง การขับเคลื่อนการป้องกันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน พร้อมจัดกิจกรรมวันงดสูบบุหรี่โลก และขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้พิจารณาแต่งตั้งผู้อำนวยการโรงเรียนหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ให้เป็นเจ้าพนักงานดูแลเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา เพื่อให้มีอำนาจในการตรวจยึด และขยายผลในการแก้ปัญหาต่อไป

‘ส่วนกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบมาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ หรือ Thailand Zero Dropout นั้น ในส่วนของ ศธ.ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยในเชิงรุกได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) สำรวจตัวเลขเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา และพยายามนำเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา หรือเข้าเรียนในระบบการศึกษาตามอัธยาศัย โดย ศธ.ก็มีเป้าหมายให้เด็กดร็อปเอาท์เป็นศูนย์เท่านั้น และไม่ใช่แค่เด็กในวัยเรียนเท่านั้น ยังรวมถึงประชาชนทั่วไป ที่ยังได้รับการศึกษาไม่ถึงภาคบังคับ ก็ขอให้ สกร.เข้าไปช่วยเติมเต็ม ให้ความรู้ เพื่อให้ทรัพยากรของประเทศไทยมีความรู้ไม่น้อยกว่าการศึกษาภาคบังคับด้วย’ พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว

‘สาว’ ลาออกงานประจำ พลิกผันมาเพาะ ‘แมลงสาบดูเบีย’ ขาย กระแสตอบรับดี!! จนสร้างรายได้ต่อเดือนมากสุด 40,000 บาท

เมื่อวานนี้ (28 พ.ค. 67) ใครจะไปคิดว่าการเพาะ ‘แมลงสาบดูเบีย’ ขายแล้วจะสามารถขายได้และสร้างรายได้ให้ผู้เลี้ยงได้ถึงเดือนละ 10,000-30,000 บาท พีกสุด 40,000 บาท จากที่ซื้อมาเป็นอาหารให้ปลามังกร ต่อยอดเลี้ยงต่อเพราะปลากินไม่หมด ขยายจนสามารถเป็นฟาร์มขนาดเล็กได้ ลูกค้าสนใจทั้งกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์เอ็กโซติกและพ่อค้าแม่ค้าที่ซื้อต่อไปเพาะเลี้ยงหารายได้เสริม

ด้าน นางสาวภัทราวดี เบ้าจันทึก หรือ จ๋า อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจเลี้ยงแมลงสาบดูเบีย ฟาร์มภัทรา เล่าว่า จริง ๆ แล้วเธอเป็นคนที่กลัวแมลงสาบอย่างมาก แต่พอพี่ชายซื้อแมลงสาบดูเบียมาเป็นอาหารให้กับปลามังกรที่เลี้ยงเอง เนื่องจากได้มีการศึกษามาว่าในต่างประเทศนิยมนำเอาแมลงสาบดูเบียมาเป็นอาหารให้กับสัตว์เลี้ยง เพราะตัวแมลงสาบมีโปรตีนสูง ถ้าหากนำมาให้สัตว์เลี้ยงกินจะทำให้สัตว์เลี้ยงโตเร็วมากขึ้น ทำให้พี่ชายของเธอลองซื้อมาให้ปลามังกรของที่บ้านดูบ้าง ซึ่งเมื่อนำมาเป็นอาหารปลาแล้วแมลงสาบได้มีการขยายพันธุ์อย่างต่อเนื่องและมีจำนวนมากขึ้น ทำให้เกิดไอเดียลองขายขึ้นมา ซึ่งเพราะเหตุนี้เองจึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจเพาะแมลงสาบดูเบียขายจากฟาร์มภัทรานั่นเอง ปัจจุบันเริ่มขายได้ประมาณ 1 ปีครึ่ง

แมลงสาบดูเบียมีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาใต้ เป็นแมลงสาบป่าที่ชอบกินผักและผลไม้ บวกกับมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูง โปรตีนสูง แคลเซียมสูง ไขมันต่ำ ถ้าหากเปรียบเทียบกับจิ้งหรีดจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่า 3 เท่า เหมาะสำหรับนำมาเป็นอาหารให้กับสัตว์เลี้ยงเอ็กโซติก ในช่วงเริ่มต้นคุณจ๋าซื้อแมลงสาบดูเบียมาประมาณ 1 กิโลกรัม ซึ่งราคาในช่วงนั้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 2,000-3,000 บาท เรียกได้ว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

การเลี้ยงแมลงสาบดูเบียมีความคล้ายกับการเลี้ยงจิ้งหรีด แต่ที่แตกต่างคือเวลาเพาะพันธุ์จิ้งหรีดจะต้องแยกไข่ออกจากตัว ซึ่งแมลงสาบดูเบียไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น สามารถเลี้ยงรวมได้เลย โดยภาชนะที่เลี้ยงจะใช้เป็นแผงรังไข่กระดาษทั่วไป ให้น้ำให้อาหารได้ตามปกติ แต่ต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดที่จัดเพราะอาจจะทำให้แมลงสาบตายได้ นอกจากนี้คุณจ๋าใช้พื้นที่ข้างบ้านในการเลี้ยง เลี้ยงใส่ในกล่องพลาสติกเจาะรูระบายอากาศ ปัจจุบันมีทั้งหมด 30 ลัง รวมถึงมีเพาะเลี้ยงลังใหญ่อยู่ที่ต่างจังหวัดเพื่อเป็นสต็อกให้กับลูกค้านั่นเอง

จากคนที่กลัวแมลงสาบบ้านแต่ต้องมาเลี้ยงแมลงสาบดูเบีย คุณจ๋าเปิดเผยว่าตอนแรกก็กลัว แต่พอลองเลี้ยงดูแล้วแมลงสาบดูเบียไม่มีกลิ่นเหม็นเหมือนแมลงสาบบ้าน มีปีกแต่ไม่บิน แตกต่างจากแมลงสาบบ้านเป็นอย่างมาก ซึ่งก่อนที่จะตัดสินใจขายออกไปก็ลังเลและกังวลอยู่มากว่าจะขายได้หรือไม่ คุณจ๋าเก็บไปคิดและได้ข้อคิดที่ว่า “ถ้าเราเป็นลูกค้าของคนอื่นได้ แล้วเรามีแมลงอยู่ เราลองขายดีไหม” ซึ่งพอลองขายไปได้ 1 กล่องก็เปิดเพจเฟซบุ๊กและโพสต์ไปว่า “มีแมลงสาบดูเบียขาย ถ้าใครสนใจก็เราแบ่งขายได้นะ” ทำให้ในตอนนั้นมีลูกค้าสนใจและติดต่อเข้ามาขอซื้ออย่างต่อเนื่อง คุณจ๋าจึงคิดได้ว่าถ้าหากมีมากกว่านี้ก็คงขายได้มากขึ้น คุณจ๋าก็เลยตัดสินใจเพาะพันธุ์มาเรื่อย ๆ ขยายจนสามารถเป็นฟาร์มขนาดเล็กในพื้นที่ข้างบ้านได้นั่นเอง

กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาสั่งซื้อส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่มีสัตว์เลี้ยงเอ็กโซติก เช่น เบียสดราก้อน ตุ๊กแกตาหวาน ตุ๊กแกหางอ้วน แมงมุม กิ้งก่า เป็นต้น รวมถึงลูกค้าที่ต้องการนำไปขยายพันธุ์ต่อเพื่อหารายได้อีกหนึ่งช่องทาง นอกจากนี้ในการทำการตลาดของทางร้านจะเน้นโปรโมตจากรีวิวของลูกค้าเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าที่ต้องการและสนใจ ปัจจุบันช่องทางการขายมีเพียงช่องทางเดียวคือ เพจเฟซบุ๊ก ‘แมลงสาบดูเบีย ฟาร์มภัทรา’

แมลงสาบดูเบียสามารถขายได้ทุกช่วงวัยตั้งแต่ตัวเล็กจนถึงตัวใหญ่ ซึ่งอายุขัยของแมลงโดยรวมจะมีอายุประมาณ 1 ปีครึ่ง ระยะการเติบโตจะอยู่ที่ประมาณ 1-6 เดือน โตเต็มที่ ซึ่งในระยะเวลา 1-6 เดือน ก็สามารถคัดขนาดและนำไปขายได้ แล้วแต่ว่าลูกค้าต้องการขนาดเท่าไหร่ ปัจจุบันทางร้านจัดส่งแบบสดไม่มีแช่แข็งและจัดส่งให้ลูกค้าแบบเดลิเวอรี่และนัดรับสินค้า

สำหรับราคาแมลงสาบดูเบียของทางร้านจะแบ่งขายตั้งแต่ 50 กรัมไปถึงกิโลกรัม เริ่มต้นที่ราคาหลักร้อยแต่ถ้าหากเป็นตัวขนาดเล็กจะมีราคาสูงกว่าขนาดอื่น ซึ่งถ้าซื้อยกกิโลกรัมจะเริ่มต้นที่กิโลกรัมละ 1,000-1,500 บาท โดยส่วนใหญ่ลูกค้าจะนิยมซื้อเป็นขีดมากกว่า ซึ่งถ้าหากคิดเป็นรายได้สำหรับการเพาะเลี้ยงแมลงสาบดูเบียขาย ทางร้านสามารถสร้างรายได้เดือนละ 1,000-30,000 บาท ถ้าช่วงไหนมีจำนวนเยอะก็สามารถขายได้ถึงเดือนละ 40,000 บาท

นอกจากนี้คุณจ๋าให้ข้อมูลว่าในปีนี้มีการวางแผนต่อยอดธุรกิจให้สามารถขยายไปเพิ่มขึ้นเท่าตัว ถ้าเป็นไปได้จะมีการเพิ่มลังเพาะเลี้ยงถึง 60 ลัง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงรองรับสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่สนใจต่อยอดการเลี้ยงแมลงสาบดูเบียเพื่อสร้างรายได้เสริมอีกด้วย ทั้งนี้แมลงสาบดูเบียออกลูกเป็นตัวซึ่งออกลูก 1 ครั้งสามารถได้ลูกประมาณ 20 ตัว ปัจจุบันทางร้านมีการแยกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ออกเพื่อง่ายต่อการเลี้ยงดูและง่ายต่อการคัดขนาดเพื่อนำไปบรรจุกล่องขาย

ขึ้นชื่อว่า ‘แมลงสาบ’ หลายคนอาจจะมีความกลัวหรือไม่ชอบเพราะแมลงสาบบ้านทั่วไปมีความสกปรกกลิ่นเหม็นต่าง ๆ ซึ่งคุณจ๋าเองก็ไม่ชอบแมลงสาบบ้านแต่ผันตัวมาขาย ‘แมลงสาบดูเบีย’ แทน คนรอบตัวก็จะมองว่าเลี้ยงอะไร ทำไมต้องเลี้ยงแมลงสาบ เนื่องจากมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จักแมลงสาบดูเบียจึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่าจะเลี้ยงแมลงสาบไปทำไม ซึ่งหลังจากที่คุณจ๋าได้รู้จักกับแมลงสาบดูเบียก็ทำให้ความคิดเปลี่ยนเพราะรู้คุณค่าของแมลงมากขึ้น บวกกับการเลี้ยงที่สะอาดเลี้ยงด้วยระบบปิด ให้อาหารที่ดี แมลงสาบดูเบียก็สามารถสร้างรายได้ให้เราได้และขายดีจนปัจจุบันเกือบไม่พอขายแล้วนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม คุณจ๋าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ออกจากงานประจำมาช่วยกิจการที่บ้านพลิกผันจนได้มาจับธุรกิจเพาะแมลงสาบดูเบียขาย ทำให้มุมมองการทำงานของคุณจ๋าเปลี่ยนไป การทำงานประจำไม่จำเป็นต้องเป็นพนักงานออฟฟิศเสมอไป ถ้าหากสนใจและลงมือทำไปแล้วรู้สึกว่าเป็นตัวของเองและมีความท้าทาย ซึ่งเมื่อคุณจ๋าได้พูดคุยกับลูกค้าที่ซื้อแมลงสาบดูเบียไปให้สัตว์เลี้ยงเอ็กโซติกกินก็ได้เรียนรู้พฤติกรรมของสัตว์นั้น ๆ ด้วยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งได้ทั้งความรู้และประสบการณ์หลายมิติจากลูกค้าได้ กลายเป็นว่าการทำงานของคุณจ๋าไม่เพียงแค่สร้างรายได้แต่ยังได้ความสนุกและตื่นเต้นเมื่อได้เรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ต่าง ๆ ด้วยนั่นเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top