Thursday, 16 May 2024
NEWS FEED

โปรเจครถไฟความเร็วสูง มาเลย์-สิงคโปร์ ล่ม! เซ่นพิษโควิด-19

ในที่สุดก็ล่มจนได้ กับเมก้าโปรเจคร่วมระหว่าง มาเลเซีย และสิงคโปร์ในการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อกันระหว่างกัลลาลัมเปอร์ด่วนตรงถึงใจกลางสิงคโปร์ เนื่องจากทั้งสองประเทศไม่อาจบรรลุข้อตกลงในการลงทุนร่วมกันในขั้นสุดท้ายได้

โปรเจครถไฟความเร็วสูง หรือ Malaysia-Singapore High-Speed Rail (HSR) เป็นโครงการที่เริ่มคุยกันมาตั้งแต่สมัยอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายิบ ราซัค ที่ต้องการสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่าง 2 ประเทศเศรษฐกิจหลักในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมระยะทางยาวถึง 350 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ในฝั่งมาเลเซีย 335 กิโลเมตร และในสิงคโปร์ 15 กิโลเมตร ที่จะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางด้วยรถยนต์จากเดิม 4 ชั่วโมงเหลือเพียง 90 นาทีเท่านั้น

หากโครงการนี้ตกลงเริ่มสร้างกันตั้งแต่ที่เจรจากันในช่วงแรก ก็จะสามารถสร้างให้แล้วเสร็จได้ภายในปี 2026 โดยใช้ประมาณในการก่อสร้างสูงถึง 8 พันล้านริงกิต (ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท) ซึ่งอันที่จริงมีการเซ็นข้อตกลงความเข้าใจร่วมกันไปแล้วตั้งแต่ปี 2016

แต่โครงการมาหยุดชะงักชั่วคราวเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจาก นายิบ ราซัค มาเป็นดร. มหาเธร์ มูฮัมหมัด ที่ชนะเลือกตั้งเข้ามาได้อย่างพลิกล็อคถล่มทลายในปี 2018 และก็เป็น ดร.มหาเธร์ ที่เป็นผู้สั่งระงับโครงการเนื่องจากงบประมาณก่อสร้างสูงเกินไป จึงนำรายละเอียดทั้งโครงการมาพิจารณาใหม่ ปรับงประมาณ ปรับรูปแบบสถานี ที่จะทำให้ใช้งบน้อยลง และยืดระยะเวลาการชำระเงินให้นานขึ้นให้กับมาเลเซีย

ซึ่งการเจรจาระงับโครงการอยู่ในช่วงระยะเวลา 2 ปี สิ้นสุดภายในปี 2020 นี้ ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จาก ดร. มหาเธร์ มูฮัมหมัด เป็นนายมูห์ยิดดิน ยัสซิน จึงมีการหยิบยกโปรเจคนี้ขึ้นมาพิจารณากันใหม่

และหลังจากการประชุมร่วมกันระหว่าง นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน กับ นาย ลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ในช่วงโค้งสุดท้าย ก็ปรากฏว่ายังตกลงที่จะเดินหน้าโครงการต่อไม่ได้ เนื่องจากงบประมาณ และผลพวง Covid-19 ที่กระทบต่อเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศอย่างหนัก มาเลเซียจึงตัดสินใจเทโปรเจครถไฟความเร็วสูง มาเลย์-สิงคโปร์ไปด้วยประการฉะนี้

เมื่อมาเลเซียไม่สานต่อโครงการที่เคยตกลงว่าจะทำร่วมกันมานานเกือบ 10 ปี ทางสิงคโปร์อาจต้องดำเนินเรื่องปรับเงินเป็นค่าฉีกสัญญา หรือที่บ้านเรามักเรียกว่า "ค่าโง่" เป็นเงินกว่า 250 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือราวๆ 5.6 พันล้านบาท

แต่ทั้งนี้ ชาวมาเลเซียบางส่วนก็โล่งใจมากกว่า ที่โครงการนี้พับลงไปได้ เพราะเรื่องงบประมาณที่สูงบีบหัวใจ และคิดว่าคนมาเลเซียอาจได้รับผลประโยชน์จากเส้นทางนี้น้อย ไม่คุ้มค่าในการลงทุน เมื่อการเดินทางโดยเครื่องบินอาจเป็นทางเลือกที่สะดวกอยู่แล้ว ซึ่งค่าตั๋วโดยสารของสายการบิน Low cost ก็มีความใกล้เคียงกับตั๋วรถไฟความเร็วสูง

แต่ว่าค่าโง่ที่ต้องจ่าย อาจต้องมาคุยกันอีกยาว


แหล่งข่าว

https://news.cgtn.com/news/2021-01-01/Malaysia-Singapore-high-speed-rail-project-terminated-WH5zVeT2jm/index.html

https://www.malaymail.com/news/malaysia/2021/01/01/malaysia-to-pay-singapore-compensation-as-high-speed-rail-hsr-contract-term/1936420

https://asia.nikkei.com/Politics/International-relations/Singapore-and-Malaysia-terminate-high-speed-rail-project

รัฐบาลรับเป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปี วันประสูติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในวันที่ 6 พ.ค. 2566 พร้อมเสนอพระนามให้ยูเนสโกประกาศยกย่องพระเกียรติคุณ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบให้รัฐบาลรับเป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ วันที่ 6 พ.ค.2566 และเสนอพระนามให้องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(องค์การยูเนสโก) ประกาศยกย่องและร่วมเฉลิมฉลองพระเกียรติคุณเป็นบุคคลสำคัญของโลก ในปี 2566

โดยให้มีแผนการดำเนินงานและกิจกรรมการเฉลิมฉลอง 3 ระยะ ได้แก่ แผนการดำเนินงานระยะสั้น กลาง และยาว แบ่งกิจกรรมการเฉลิมฉลองออกเป็นระดับกระทรวงต่าง ๆ และระดับภาคประชาชน ภาคเอกชน และมูลนิธิต่าง ๆ ในพระอุปถัมภ์ โดยไม่ขอผูกพันงบประมาณ

ทั้งนี้ในวันที่ 6 พ.ค.2566 จะเป็นวาระครบรอบ 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯซึ่งพระองค์ทรงประกอบพระกรณียกิจนานัปการด้วยพระปณิธานอันแน่วแน่ที่จะทำอะไรให้เมืองไทย ทรงยึดมั่นในคุณค่าของมนุษย์และศักยภาพของการพัฒนา จึงทรงงานและทรงอุปถัมภ์กิจการทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับด้านการศึกษา ด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ การแพทย์และการสาธารณสุข ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านสัมพันธไมตรี การสื่อสารและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ด้านการศาสนาและศิลปวัฒนธรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนและพสกนิกรชาวไทย และทรงเป็นเจ้านายฝ่ายในพระองค์แรกที่ทรงงานในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นเวลา 13 ปี 10 เดือน ในฐานะสมเด็จพระอาจารย์

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า "สำหรับกิจกรรมสำคัญที่จะดำเนินการ เช่น การจัดประชุมวิชาการนานาชาติเพื่อสดุดีพระเกียรติคุณสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ในด้านภาษาฝรั่งเศสศึกษาในบริบทของสังคมพหุวัฒนธรรม การประชุมวิชาการระดับนานาชาติเรื่อง กัลยาณิวัฒนาวิวิธ การผลิตสื่อและวีดิทัศน์เผยแพร่พระกรณียกิจสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ กับงานด้านพัฒนาสังคมและสังคมสงเคราะห์ นิทรรศการเผยแพร่พระกรณียกิจด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม ณ สำนักงานใหญ่ยูเนสโก เป็นต้น"

"แรมโบ้" ซัด "พิธา ก้าวไกล" หยุดนั่งเทียน - ตีกินทางการเมือง ระบุการปิดประชุมเป็นเรื่องของสภาพิจารณาไม่ใช่เรื่องนายกฯ ยืนยัน นายกฯไม่เคยปัดความรับผิดชอบ และที่ผ่านมาได้ทำงานอย่างหนัก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่นายกฯไม่เคยมองเห็นความผิดพลาดตัวเอง รัฐบาลต้องการมีอำนาจแต่ไม่ต้องการรับผิดชอบ แก้ปัญหาผิดทิศผิดทาง ผิดซ้ำซาก และค้านปิดสภาฯ

โดยยืนยันว่าที่ผ่านมารัฐบาลได้แก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 มาถูกทางแล้ว ไม่เช่นนั้นการระบาดครั้งที่ผ่านมาจะไม่สามารถคลี่คลายลงได้ และการระบาดครั้งนี้ นายกฯ ได้ใช้ประสบการณ์จากครั้งที่แล้วในการออกมาตรการต่าง ๆ และเข้าใจสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเป็นอย่างดีเพื่อให้ไม่กระทบกับผู้ประกอบการ ด้วยการที่ยังไม่ล็อกดาวน์ประเทศ

พร้อมยืนยันว่านายกฯและรัฐบาลไม่เคยปัดความรับผิดชอบ โดยนายกฯยังได้สั่งตรวจสอบขบวนการลักลอบแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองแล้ว พร้อมให้ดำเนินการปราบปรามบ่อนการพนันอย่างเข้มงวด และให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้เพื่อให้เกิดผลสำเร็จ นอกจากนี้ยังยืนยันว่านายกฯมีความเป็นห่วงและให้ความสำคัญกับประชาชนทุกคน และผู้ประกอบการต่าง ๆ ไม่เคยทอดทิ้ง

และการที่ยังต่อ พ.ร.ก. ฉุกเฉินนั้น เพราะเห็นว่าเป็นกฎหมายที่สามารถนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ในช่วงที่รอให้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ ฉบับปรับปรุงแก้ไข ซึ่งเชื่อว่าประชาชนก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ หรือเว้นแต่ผู้ที่อยากจะทำผิด พ.ร.ก. ฉุกเฉิน อยากให้มีการชุมนุมเท่านั้น ที่อยากให้ยกเลิกในช่วงที่ประเทศเกิดวิกฤตโควิดเช่นนี้

ส่วนที่ นายพิธา ไม่เห็นด้วยกับการปิดประชุมสภาฯนั้น การปิดสภา ไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ เพราะทางสภาฯหารือกันเอง นายกฯไม่ได้ไปสั่งการอะไร ตนเองมองว่านายพิธา คงยังไม่เข้าใจสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้ สถานการณ์เช่นนี้ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคให้มากที่สุด อยากให้นายพิธามองเห็นถึงสุขภาพของเพื่อนสมาชิกสภาฯด้วยกัน มากกว่าจะมาคิดเรื่องของการเมือง

"ความเป็นฝ่ายค้าน ต้องค้านอย่างมีเหตุผล บนพื้นฐานตรรกะความเป็นจริง มิใช่นั่งเทียนแล้วพูดเดาอย่างไร้เหตุผล เพียงหวังการตีกินทางการเมืองโดยเอาความเดือดร้อนของประชาชนมาหากินทางการเมือง นักการเมืองสไตล์นี้จบเส้นทางการเมืองมาหลายรายแล้ว ตนจึงอยากเห็นนายพิธา จะเป็นตัวอย่างที่ดีในสายตาประชาชน แต่ถ้าเล่นการเมืองแบบเดิม โจมตีกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสี ในที่สุดความเสื่อมศรัทธาจะตามมา พรรคก้าวไกล จะกลายเป็นพรรคก้าวถอยหลังลงคลองในสายตาประชาชนอย่างแน่นอน" นายสุภรณ์ กล่าว

ธุรกิจเวชภัณฑ์ของบริษัท ซีพี ฟาร์มาซูติเคิล กรุ๊ป ลงทุนกว่า 1.5 หมื่นล้าน เข้าเป็นผู้ถือหุ้น 15% ของบริษัทซิโนแวค ไลฟ์ ไซแอนซ์ ซึ่งเป็นหน่วยผลิตวัคซีน “โคโรนาแวค” (CoronaVac) ในเครือ “ซิโนแวค ไบโอเทค” โดยเตรียมส่งวัคซีนทั้งหมด 2 ล้านโดสมายังประเทศไทย

สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชีย รายงานว่า บริษัท “ซิโน ไบโอฟาร์มมาซูทิเคิล ลิมิเต็ด” (Sino Biopharmaceutical Limited) ธุรกิจเวชภัณฑ์ ของบริษัท ซีพี ฟาร์มาซูติเคิล กรุ๊ป ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้ลงทุน 515 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.54 หมื่นล้านบาท) แลกกับการเข้าเป็นผู้ถือหุ้น 15% ของบริษัทซิโนแวค ไลฟ์ ไซแอนซ์ (Sinovac Life Sciences) ซึ่งเป็นหน่วยผลิตวัคซีน “โคโรนาแวค” (CoronaVac) ในเครือ “ซิโนแวค ไบโอเทค”

นอกจากบริษัทซีพีแล้ว ยังมีกองทุนของจีน “แอดวานซ์เทค แคปิตอล” และ กองทุนของสหรัฐ” วีโว่ แคปิตอล” ที่ได้ร่วมลงทุนกับทางซิโนแวค ไลฟ์ ไซเอนซ์ โดยเข้าผู้หุ้นส่วนบริษัทละ 6.3%

ทั้งนี้ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และรองประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพื่อคนไทย เปิดเผยว่า บริษัท ซิโนแวค ไบโอเทคเตรียมส่งวัคซีนทั้งหมด 2 ล้านโดสมายังประเทศไทย โดยจะเริ่มนำเข้า 2 แสนโดสปลายเดือนก.พ. 64 ปลายเดือนมี.ค.อีก 8 แสนโดส และปลายเดือนเม.ย.อีก 1 ล้านโดส

ด้านสำนักบริหารเวชภัณฑ์แห่งชาติจีน (NMPA) ยังไม่แถลงการณ์อนุมัติการใช้งานหรือรับรองประสิทธิภาพของวัคซีน “โคโรน่าแวค” ซึ่งล่าสุดมีการรายงานว่าบริษัทกำลังทดลองขั้นสุดท้าย อย่างไรก็ตามทางการจีนได้เริ่มการฉีดวัคซีนนี้ให้กับประชากรภายในประเทศแล้ว

ก่อนหน้านี้ สำนักบริหารเวชภัณฑ์แห่งชาติจีนได้อนุมัติการใช้งานของบริษัท “ซิโนฟาร์ม” หรือ “China National Pharmaceutical Group Corp.” เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา โดยบริษัทแถลงการณ์ว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโคโรน่าไวรัสอยู่ 79%

โฆษกพรรคก้าวไกล ‘ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์’ ย้อนถาม ‘หมอสุกิจ อัถโถปกรณ์’ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ เปิดสภาไม่ได้หรือยังพยายามไม่มากพอ ระบุกฎหมายเกี่ยวกับปากท้องประชาชนรอพิจารณาอยู่ บรรดาส.ส.จะอ้างกลัวและละเลยไม่ได้

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ นายแพทย์สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลเสนอให้มีการประชุมสภาฯ ว่า หากมีการประชุมสภาในช่วงนี้แล้วมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19ใครจะรับผิดชอบ โดยระบุว่า สิ่งที่คุณหมอสุกิจกังวล เป็นความกังวลเดียวกันของทุกคนขณะนี้ แต่เราจะละเลยการทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประชาชนในยามที่ประชาชนต้องการที่พึ่งเช่นนี้ไม่ได้

การเปิดประชุมสภาในสถานการณ์การของโรคระบาดรวมไปถึงสถานการณ์ใดก็ตามที่ไม่สามารถรวมตัวกันได้ เราจะต้องทำให้มีการเปิดประชุมออนไลน์อย่างมีศักยภาพ ซึ่งเรื่องนี้ พรรคก้าวไกลได้พยายามเสนอแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาให้สามารถประชุมออนไลน์ได้ตั้งแต่ปีก่อน แต่จากหนังสือด่วนที่สุดเลขที่ "สผ ๐๐๑๔/๔๘๑๒" ลงวันที่ 1 มิ.ย. 63 ตอบกลับจากสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนฯ รับแจ้งว่า คุณชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ใช้อำนาจของประธานสภาตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการวินิจฉัย ว่าญัตติที่พวกเราได้เสนอให้เป็นเรื่องด่วน “เรื่อง ขอให้สภาฯ ตั้งกมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขข้อบังคับฯ เพื่อการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์” ให้กลายเป็น เรื่องไม่ด่วนนั้น

นี่คือผลของการที่พรรคก้าวไกลพยายามผลักดันและเสนอวิธีการรับมือเพื่อให้การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสามารถดำเนินการได้ไม่ว่าต้องเจอกับวิกฤติใด แต่เมื่อประธานมองเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรื่อง ด่วน ก็ไม่ควรนำมาเป็นข้ออ้างว่าการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ยังทำไม่ได้ในเวลานี้ เพราะไม่งั้นต้องถามต่อว่าใครกันที่ทำให้เรื่องนี้ยังทำไม่ได้ หรือใครกันแน่ที่ยังพยายามไม่พอ และอย่าอ้างว่าคาดไม่ถึงว่าจะมีโรคระบาดอีกระลอก เพราะเรื่องนี้ผู้เชียวชาญทางการแพทย์ก็เตือนมาตลอด ตราบใดที่ทั่วโลกยังไม่หยุดการระบาดประเทศไทยคงเลี่ยงระลอกสองไม่ได้ และในขณะที่อำนาจบริหารและอำนาจตุลาการยังคงทำงานได้ ก็ไม่มีเหตุผลใดที่พวกเราในฐานะตัวแทนอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติจะต้องพยายามหาข้ออ้างต่าง ๆ นานาเพื่อหยุดการทำงานของตัวเอง

“เราเป็นตัวแทนของประชาชนต้องพยายามหาทางทำงานให้ประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้เสียเวลาไปด้วยการนั่งมองปัญหาอยู่ที่บ้าน ส่วนกรณีที่หมอสุกิจยกตัวอย่างที่ประชุมอนุกรรมาธิการ การพนันออนไลน์ที่ส.ส.ก้าวไกลเป็นประธานแล้วมีผู้ติดเชื้อโควิคเข้ามาประชุม ประเด็นนี้ผมอยากฝากไปยังประธานสภา ทดสอบเครื่องตรวจด่านหน้าของสภาดูอีกทีว่าเพียงพอหรือไม่มีประสิทธิภาพแค่ไหน อย่างไรก็ตาม เหตุเกิดตอนนั้น อยู่ในช่วงต้นของสถานการณ์

ยังไม่รู้แน่ชัดว่าการระบาดไหนจุดไหน ร้ายแรงอย่างไร แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็พิสูจน์ให้เห็นว่า การรู้เหตุเร็ว พวกเราและผู้เกี่ยวข้องก็สามารถนำมาตรการที่วางเอาไว้มาใช้อย่างทันท่วงที ไม่มีใครติดเชื้อเพิ่ม ดังนั้น สิ่งที่เราควรทำในตอนนี้คือ เมื่อรู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน ก็แก้ไขตรงนั้น ไปพยายามมองหามาตราการมารองรับและแก้ไขอย่างที่ทั่วโลกทำกัน ไม่ใช่อ้างกลัวว่าจะมีใครติดหรือเชื้อ เวลานี้ ส.ส.กลัวไม่ได้ เพราะประชาชนคงกลัวยิ่งกว่าเรามาก พวกเขากลัวอดตาย อยากให้มองกันด้วยความเป็นจริง เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้มีร่างกฎหมายหลายตัวที่เกี่ยวกับปากท้องของเขากำลังรอการแก้ไขอย่างเร่งด่วนอยู่ ” นายณัฐชา กล่าว

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (5 มกราคม พ.ศ. 2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 527 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 8,966 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 65 ราย รักษาหายเพิ่ม 45 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 4,397 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 4,504 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 527 ราย เป็น ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากอินเดีย 2 ราย ,ตุรกี 1 ราย ,ปากีสถาน 1 ราย ,สหราชอาณาจักร 1 ราย ,เดนมาร์ก 1 ราย

ผู้ติดเชื้อในประเทศ จำนวน 82 ราย

ผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุกในชุมชน) 439 ราย.

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 172 ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 382 ราย รักษาหายแล้ว 362 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 7.72 แสน ราย รักษาหายแล้ว 6.39 แสน เสียชีวิต 22,991 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 40 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.21 แสน ราย รักษาหายแล้ว 98,228 ราย เสียชีวิต 501 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.27 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.1 แสน ราย เสียชีวิต 2,744 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.79 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.48 แสน ราย เสียชีวิต 9,263 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,721 ราย รักษาหายแล้ว 58,497ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมติดเชื้อ 1,497 ราย รักษาหายแล้ว1,339 ราย เสียชีวิต 35 ราย

ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ขอรัฐบาลผ่อนปรนอนุญาตให้มีการขนส่งข้ามจังหวัด ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง-ผู้ประกอบการแพปลา และรถบรรทุก พื้นที่จ.นครศรีธรรมราช และภาคใต้

ก่อนรถบรรทุก - ที่ดินทำกินจะถูกยึดใช้หนี้ หวังให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรเป็นหน่วยงานกลางดูแลการรับซื้ออาหารทะเลจากเกษตรกรสู่โรงงาน

นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดระลอกใหม่ จนทำให้มีการจำกัดการเดินทาง และควบคุมโรคในบางพื้นที่ โดยผู้ที่จะเดินทางเข้าพื้นที่นั้นต้องกักตัว 14 วัน

ทั้งนี้มาตรการการป้องกันโรคดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าอาหารทะเลในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช และภาคใต้ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารทะเลที่สำคัญของประเทศ โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง และผู้ประกอบการแพปลาที่ต้องรับภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก เมื่อสินค้าไม่สามารถส่งเข้าโรงงานแปรรูปอาหารทะเลได้ ซึ่งพบว่าขณะนี้มีสินค้าอาหารทะเลตกค้างอยู่ในพื้นที่และไม่สามารถขนส่งไปยังโรงงานผู้รับที่ต้องการวัตถุดิบได้เป็นจำนวนมาก

“ผมได้รับข้อร้องเรียนจากพี่น้องประชาชน เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ผู้ประกอบการประมงแพปลา รถบรรทุก ทั้งในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช และภาคใต้ ถึงอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า ทำให้มีสินค้าอาหารทะเลตกค้างอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงขณะนี้ภาคใต้กำลังอยู่ในช่วงมรสุม มีฝนตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดโรคในสัตว์น้ำ โดยหากมีการระบาดรุนแรงอาจทำให้เกษตรกรได้รับความเสียหายอย่างหนักมากขึ้น ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน” นายสัณหพจน์ กล่าว

สำหรับการผ่อนปรนมาตรการควบคุมและป้องกันโควิด-19 เบื้องต้นภาครัฐสามารถดำเนินการตามมาตรการป้องกันในระยะแรกที่มีการระบาดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้ในทันที โดยให้รถบรรทุกที่จะเดินทางข้ามจังหวัดสามารถขออนุญาตรับใบหนังสือเดินทางจากส่วนราชการในพื้นที่ต้นทางได้ พร้อมกันนี้เพื่อเป็นการป้องกันโรค ขอให้ผู้ขับขี่รถบรรทุกไม่ออกจากบริเวณที่กำหนดไว้ เมื่อขนส่งสินค้าเสร็จแล้ว พักผ่อนอยู่ภายในรถหรือสถานที่ซึ่งจัดไว้ให้ และเดินทางกลับ

รวมทั้งขอฝากไปยังองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ซึ่งอยู่ในความดูแลของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เป็นหน่วยงานกลางในการประสานงานระหว่างเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ผู้ประกอบการประมงแพปลา และโรงงานแปรรูปอาหารทะเล บูรณาการความร่วมมือกันในการดูแลขั้นตอนการรับซื้อสินค้า

นอกจากนี้ยังได้รับข้อมูลเบื้องต้นว่า มีผู้ประกอบการรถบรรทุกอีกจำนวนไม่น้อยที่กำลังประสบปัญหาขาดรายได้ จนทำให้ขาดส่งเงินกู้และกำลังจะถูกยึดรถจากบริษัทไฟแนนซ์ โดยขอให้รัฐบาลพิจารณามาตรการที่จะช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ด้วย

ประธานสภาผู้แทนราษฎร ‘ชวน หลีกภัย’ แจง การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากฝ่ายค้านพร้อม ยื่นได้ทันที แต่ถ้าไม่ทันการประชุมสภาสมัยสามัญ ไม่สามารถยื่นในสมัยวิสามัญได้ แต่ไม่ปิดทาง ‘เปิดเป็นกรณีพิเศษ’ หากโควิดยังระบาดรุนแรง

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากไม่ทันการประชุมสภาสมัยสามัญ สามารถยื่นอภิปรายในสมัยวิสามัญได้หรือไม่ ว่า ไม่สามารถทำได้ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในการประชุมสมัยสามัญ ยังมีเวลาอีก 2 เดือนจึงจะปิดสมัยประชุม ทั้งนี้ หากจะเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไหร่ก็ได้ จะเสนอพรุ่งนี้ก็ได้ถ้าพร้อม

รวมทั้งเรื่องของพี่น้องประชาชน ตนได้สั่งเอาไว้แล้วให้เสนอเข้ามา รัฐสภาก็จะส่งต่อไปให้ฝ่ายบริหารดูแล ดังนั้น ตนจึงบอกว่าอย่าพยายามให้ปัญหาโควิด-19 มาเป็นอุปสรรคในการดูแลปัญหาของประชาชน แต่แน่นอนว่าในช่วงที่ไม่มีประชุมคนที่อยากจะพูด และถ่ายทอดตนเองออกไปอาจจะไม่มี แต่ถ้ามีปัญหาชาวบ้านจริงๆก็สามารถส่งมาได้ตลอด ในขณะนี้ก็มีมาตลอด ซึ่งเมื่อส่งเรื่องมาเราก็ส่งเรื่องไปให้ฝ่ายบริหารทันที

เมื่อถามว่า หากฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนวันที่ 28 ก.พ.นี้ แต่สถานการณ์โควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย มีโอกาสที่จะเปิดเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้มีการอภิปรายเป็นไปได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า เป็นไปได้ เพราะโรคนี้มีความเสี่ยง แต่ก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น

“สมัยประชุมปิดวันที่ 28 ก.พ.นี้ มีเวลาอีก 2 เดือน ซึ่งจะยื่นเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของฝ่ายค้าน ไม่ได้อยู่ที่สภา อาจจะขลุกขลักบ้าง แต่ไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของแต่ละฝ่าย ถ้าพร้อมยื่นพรุ่งนี้ก็ได้ ส่วนจะบรรจุระเบียบวาระเมื่อไหร่ก็ต้องหารืออีกครั้ง ระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายที่ยื่นว่าจะเอาวันไหน” นายชวน กล่าว

เมื่อถามถึงการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) แก้ไขรัฐธรรมนูญ หากปิดประชุมไปจะส่งผลต่อความคืบหน้าในการแก้ไข นายชวน กล่าวว่า ตรงนี้ไม่ได้มีอุปสรรคปัญหา ส่วนนี้เป็นเรื่องความระมัดระวังเรื่องโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้นเอง

ซึ่งเราต้องยอมรับมาตรการที่กำหนดบ้าง จะปล่อยไม่สนใจเลยไม่ได้ เมื่อวานนี้ (4 ม.ค.) ก็ต้องเชิญทุกพรรคมา เพราะรู้ว่าถ้าไม่เชิญทุกพรรคก็จะไปพูดในทำนองที่เสียหาย จึงต้องให้ทุกคนได้พูด ได้แสดงความเห็น ส่วนกมธ.ที่แก้ระเบียบข้อบังคับว่าให้ประชุมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ คาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะแล้วเสร็จ เพื่อให้กมธ.สามารถประชุมต่อได้

“บิ๊กตู่” ยืนยัน พื้นที่ 5 จังหวัด ที่ยังมีความสับสนและให้ข่าวไม่ตรงกัน ยังไม่ใช่การล็อกดาวน์ พร้อมเผย สั่งจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพิ่ม 35 ล้านโดส ให้พอกับคนไทยเกือบ 60 ล้านคน

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงข่าว ผ่านทางเพจเฟซบุ๊กไลฟ์ ไทยคู่ฟ้า โดยยืนยันว่า สำหรับพื้นที่ 5 จังหวัด ที่ยังมีความสับสนและให้ข่าวไม่ตรงกัน ยืนยันว่าไม่ใช่การล็อกดาวน์ ซึ่งการล็อกดาวที่เคยทำมาก่อนหน้านี้นั้น คือการห้ามเดินทาง อยู่แต่ภายในบ้าน บ้านเมืองเหมือนบ้านร้าง แต่เรายังไม่ไปถึงตรงนั้นเพราะเรามีมาตรการที่เข้มข้น ทั้งมาตรการการเข้าพื้นที่และมาตรการอื่นๆ ยืนยันว่าไม่ใช่การล็อกดาวน์ แต่หากวันข้างหน้า ยังแก้ปัญหาไม่ได้อีกก็คงต้องล็อกดาวน์ อันนี้ต้องพูดให้ชัดเจน

“อยากให้ทุกคนที่เข้าไปเล่นพนันยังบ่อนการพนันต่างๆ ขอให้เข้าไปสู่ระบบการคัดกรองโรค ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ลงโทษ เพื่อรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม และ ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานหนักและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันเดียวกันนี้ได้มีการพิจารณาและอนุมัติงบประมาณให้กับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเป็นการเตรียมเงินงบประมาณรองรับเรื่องของวัคซีนระยะแรกสำหรับการจัดซื้อวัคซีน 2,000,000 โดส โดยในปลายเดือนมีนาคม เราจะได้รับวัคซีนเข้ามา ประมาณ 80,000 โดส สำหรับประชาชนประมาณ 400,000 คน และในเดือนเมษายนเราจะได้เพิ่มอีก 1,000,000 โดส เพียงพอกับประชาชน 500,000 คน และปลายเดือนพฤษภาคม เราจะได้เพิ่มมาอีก 26,000,000 โดส โดยทั้งหมดต้องผ่านมาตรฐานขององค์การอาหารและยา (อย.) ทั้งไทยและต่างประเทศ

และวันนี้มีการสั่งจองเพิ่มวัคซีนไว้อีกจำนวน 35,000,000 โดส รวมทั้งหมดเราจะมีวัคซีนเกือบ 60,000,000 คนที่จะได้รับการฉีดวัคซีนตามระยะเวลาที่เราได้วัคซีนเข้ามา ซึ่งจะเพียงพอกับประชาชนตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะต้องมีการฉีดจำนวนคนละสองโดส ห่างกัน 4 สัปดาห์ โดยจะเป็นการทยอยฉีดตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรค โดยเฉพาะผู้ที่อยู่หน้างานใกล้ชิด บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ตรวจสอบคัดกรอง หรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงซึ่งต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อรุนแรง กลุ่มประชาชนสูงอายุ กลุ่มประชาชนที่มีโรคเรื้อรัง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของภารเอกชน อาทิ ธุรกิจเอกชนหรือโรงพยาบาลเอกชน เปิดโอกาสให้จัดหาได้แต่จะต้องมีมาตรฐานการรับรอง และภายใต้ควบคุมการใช้จาก อย. ทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจกระทรวงการคลังสำนักงบประมาณและสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พิจารณาดูแลเรื่องผลกระทบต่างๆที่จะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรีว่าที่ไม่ใช้คำว่าล็อกดาวน์ 5 จังหวัดเพราะเกรงว่าจะต้องจ่ายเงินเยียวยาตามที่มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบเพียงว่า พูดไปหมดแล้ว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิค-19 ว่า ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ ไปพิจารณาว่าจะช่วยเหลืออย่างไรในช่วง 2 เดือนนี้

ส่วนมาตรการที่ช่วยเหลือเดิมอยู่แล้ว ก็ต้องยืดระยะเวลาออกไป เช่น โครงการเที่ยวด้วยกัน ที่มีการจ่ายค่ามัดจำที่พักไปแล้ว ก็ขอให้ยืดระยะเวลา โดยเบื้องต้น ได้มีการปรึกษาหารือกับผู้ประกอบการแล้ว ทั้งนี้ย้ำว่า จะต้องช่วยเหลือประชาชนทุกคนให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่เฉพาะบางพื้นที่ ซึ่งมาตรการต่างๆ ที่จะออกมาต้องใช้เงินอีกจำนวนมาก และยืนยันว่าขณะนี้รัฐบาลยังมีเงินเพียงพออยู่

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงความสับสนเกี่ยวกับโครงการคนละครึ่งที่มีการเผยแพร่ว่ามีการเก็บภาษีของผู้ที่ได้รับสิทธิ์โดยระบุว่า ไม่ทราบว่าข้อมูลดังกล่าวมาจากไหน เพราะรัฐบาลออกมาตรการออกมาก็เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน จะไปเก็บภาษีได้อย่างไรก็ไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือให้ทำความเข้าใจให้ดี เพราะวันนี้ต้องร่วมมือกัน

ร้านชาบูดัง ‘ปลาวาฬใจดี’ สาขาซอยมัยลาภ ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ค ยินดีรับชำระด้วย ‘ธนบัตรที่ระลึก’ ทุกชนิด หลังสาขาแกรนด์ โนนม่วง ขอนแก่น ประกาศไม่รับชำระด้วย ‘ธนบัตรที่ระลึก’ แต่กลับรับ ‘แบงค์เป็ด’ ของคณะราษฎร ใช้เป็นส่วนลดได้

โดยทางร้านปลาวาฬใจดี สุกี้&ชาบู "สาขาซอยมัยลาภ" ได้โพสผ่านเฟซบุ๊ค ระบุว่า

ประกาศ..จาก "สาขามัยลาภ (กทม.)"

ปลาวาฬใจดี สุกี้&ชาบู "สาขาซอยมัยลาภ" เป็นระบบเฟรนไชน์ ตั้งอยู่ที่ 129 ซอยประเสริฐมนูกิจ 29(รามอินทรา14หรือซอยมัยลาภ) เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร และเป็นคนละเจ้าของกับสาขาที่ขึ้นป้ายเกี่ยวกับธนบัตรที่ระลึก

ปลาวาฬใจดี สุกี้&ชาบู "สาขาซอยมัยลาภ" ขอแจ้งให้ทราบว่า ทางสาขาเรารับธนบัตรที่ระลึกเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกทุกชนิด ทุกราคา 1 บาท 10 บาท 50 บาท 100 บาท 500 บาทและ 1,000 บาท ที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมายที่ลูกค้านำมาใช้จ่าย ได้ตามปกติ

นอกจากนี้ ทางร้านปลาวาฬใจดี ยังร่วมแคมเปญ "โครงการคนละครึ่ง" และ "เราเที่ยวด้วยกัน" อีกด้วย

ที่มา : Facebook : ปลาวาฬใจดี สุกี้&ชาบู "สาขาซอยมัยลาภ"


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top