Saturday, 10 May 2025
TODAY SPECIAL

11 มีนาคม พ.ศ. 2554 เหตุแผ่นดินไหวรุนแรง นอกชายฝั่งญี่ปุ่น เกิดคลื่นสึนามิถล่มภูมิภาคโทโฮกุเสียหายหนัก

วันนี้ เมื่อ 12 ปีก่อน เกิดเหตุแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งประเทศญี่ปุ่น ความรุนแรงระดับ 9.0 แมกนิจูด ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่มภูมิภาคโทโฮกุ สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.46 น. ตามเวลามาตรฐานญี่ปุ่น (05:46 UTC) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554 จุดเหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวมีรายงานว่า อยู่นอกชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรโอชิกะ ภาคโทโฮกุ โดยมีจุดเกิดแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน 32 กิโลเมตร นับเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในห้าแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดของโลกเท่าที่มีการบันทึกสมัยใหม่มาตั้งแต่ พ.ศ. 2443 และก่อให้เกิดคลื่นสึนามิทำลายล้างซึ่งสูงที่สุดถึง 40.5 เมตร ในมิยาโกะ จังหวัดอิวาเตะ ภูมิภาคโทโฮกุ 

บางพื้นที่พบว่าคลื่นได้พัดพาลึกเข้าไปในแผ่นดินลึกถึง 14 กิโลเมตร และมีคลื่นที่เล็กกว่าพัดไปยังอีกหลายประเทศหลายชั่วโมงหลังจากนั้น ได้มีการประกาศเตือนภัยสึนามิและคำสั่งอพยพตามชายฝั่งด้านแปซิฟิกของญี่ปุ่นและอีกอย่างน้อย 20 ประเทศ รวมทั้งชายฝั่งแปซิฟิกทั้งหมดของประเทศอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ซึ่งนอกเหนือไปจากการสูญเสียชีวิตและการทำลายล้างโครงสร้างพื้นฐานของญี่ปุ่นแล้ว คลื่นสึนามิดังกล่าวยังก่อให้เกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ขึ้น ซึ่งหลัก ๆ เป็นอุบัติเหตุแกนปฏิกรณ์ปรมาณูหลอมละลายระดับ 7 ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะแห่งที่หนึ่ง และการกำหนดพื้นที่อพยพได้มีผลกระทบถึงราษฎรนับหลายแสนคนแผ่นดินไหวดังกล่าวรุนแรงเสียจนทำให้เกาะฮอนชูเลื่อนไปทางตะวันออก 2.4 เมตร พร้อมกับเคลื่อนแกนหมุนของโลกไปเกือบ 10 เซนติเมตร

10 มีนาคม พ.ศ.2539 พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

วันนี้เมื่อ 27 ปีก่อน วันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ ‘สมเด็จย่า’ ของปวงชนชาวไทย ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระราชสมภพเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2443 มีพระนามเดิมว่า สังวาล ตะละภัฏ ทรงเป็นพระชายาในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเป็นพระอัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10

ตลอดพระชนม์ชีพ สมเด็จย่า ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนชาวไทยอย่างมากมาย อาทิ ทรงให้การอุปถัมภ์ราษฎรชาวไทยภูเขาที่อาศัยในถิ่นทุรกันดาร เพื่อให้มีอาชีพ ตลอดจนมีคุณภาพชีวิตที่ดี จนเป็นที่มาของ ‘มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง’ นอกจากนี้ยังทรงเป็นแบบอย่างของความพอเพียง ทรงสอนพระโอรสและพระธิดา ให้รู้จัก ‘การให้’ มาตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์

9 มีนาคม พ.ศ. 2413 รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสสิงคโปร์ เป็นการเสด็จต่างประเทศครั้งแรก

วันนี้เมื่อ 153 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสสิงคโปร์ เป็นการเสด็จต่างประเทศครั้งแรก นับเป็นวันที่สำคัญมากทางประวัติศาสตร์ของประเทศสยาม เพราะมีความหมายถึงการอยู่รอดของประเทศก็ว่าได้

การเสด็จประพาสต่างประเทศครั้งแรก ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เกิดขึ้นในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2413 ถึงวันที่ 15 เม.ย. พ.ศ.2413 โดยเสด็จทางเรือพระที่นั่ง 'พิทธยัมรณยุทธ'

และประเทศที่เสด็จฯเยือน หาใช่ยุโรปตามความเข้าใจของคนไทยอีกหลายคนไม่ แต่เป็นเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ ปัตตาเวีย หรือปัจจุบันคือกรุงจาการ์ตา และสมารัง เมืองหลวงและเมืองท่าที่สำคัญตั้งอยู่ทางด้านเหนือเกาะชวากลาง นั่นเอง

ทั้งนี้ หากศึกษาประวัติศาสตร์จะพบว่า ในช่วงที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสวยราชสมบัติ ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็น กรมขุนพินิจประชานาถ ขณะพระชนมายุได้ 15 พรรษา แต่เนื่องจากพระองค์ยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ อำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารราชการแผ่นดินขณะนั้นอยู่กับเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ และกลุ่มขุนนางตระกูลบุนนาค

แต่ในช่วงเวลานั้นเอง บ้านเมืองยังมีภัยคุกคามจากการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก ที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ใช้เวลาที่ยังไม่ทรงมีพระราชอำนาจเด็ดขาดนี้ ในการทรงเตรียมพระองค์อย่างเปี่ยมไปด้วยสายพระเนตรยาวไกล และพระปรีชาสามารถ

โดยทรงตระหนักถึงปัญหาภัยคุกคามจากลัทธิล่าอาณานิคมของตะวันตกและได้ทรงเตรียมการอย่างเป็นขั้นตอน ซึ่งทรงยึดแนวทางสืบเนื่องจากสมเด็จพระราชบิดา นั่นคือ ทรงปรับปรุงขนบธรรมเนียมประเพณี ยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของชาวสยาม มิให้ต่างชาติมาดูหมิ่น ดูแคลน

อีกทั้งยังสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศต่างๆ และ ทรงเดินทางไปยังประเทศซึ่งเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตก เพื่อให้ข้าราชบริพารมีโอกาสศึกษาสภาพบ้านเมือง และรูปแบบการปกครองของเมืองเหล่านั้น ซึ่งจัดระเบียบแบบแผนเช่นเดียวกับเมืองเจ้าอาณานิคม

อย่างในปี พ.ศ. 2413 (บางแหล่งระบุว่าเป็นปี 2414) ทรงเสด็จไป สิงคโปร์ ปัตตาเวียและเกาะชวา โดยเรือพระที่นั่งพิทยัมรณยุทธ เพื่อทอดพระเนตรกิจการบ้านเมือง ตลอดจนขนบธรรมเนียม และประเพณีของต่างชาติ และต่อมายังเสด็จไป พม่าและอินเดีย อีกด้วย

ภายหลังการเสด็จครั้งนี้ บ้านเมืองเรามีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เช่น โปรดฯ ให้ยกเลิกการไว้ผมทรงมหาดไทย หลังจากนั้นปี 2415 ยังทรงปรับปรุงการทหารครั้งใหญ่, โปรดให้ใช้เสื้อราชปะแตน, โปรดให้สร้างโรงเรียนหลวงสอนภาษาอังกฤษแห่งแรกขึ้นในพระบรมมหาราชวัง

8 มีนาคม ของทุกปี กำหนดเป็น ‘วันสตรีสากล’ วันยกระดับความเท่าเทียมของผู้หญิง

วันสตรีสากล (International Women's Day) ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่เหล่าสตรีจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเชื้อชาติ ศาสนา อาชีพใด จะร่วมเฉลิมฉลองความเสมอภาคที่ได้รับมา และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียมกันในสังคมอีกด้วย

ความเป็นมาของวันสตรีสากล เกิดขึ้นจากกรรมกรหญิงในโรงงานทอผ้า รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พากันลุกฮือประท้วงให้นายจ้างเพิ่มค่าจ้าง และเรียกร้องสิทธิของพวกเธอ แต่สุดท้ายกลับมีผู้หญิงถึง 119 คน ต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ด้วยการที่มีคนลอบวางเพลิงเผาโรงงานที่พวกเธอนั่งชุมนุมกันอยู่ โดยเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1857 (พ.ศ. 2400)

จากนั้นในปี ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) กรรมกรหญิงในโรงงานทอผ้าที่เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ทนไม่ไหวต่อการเอารัดเอาเปรียบ กดขี่ ทารุณ ของนายจ้างที่ใช้งานพวกเธอเยี่ยงทาส เนื่องจากกรรมกรหญิงเหล่านี้ต้องทำงานหนักถึงวันละ 16-17 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุด ไม่มีประกันการใช้แรงงานใด ๆ เป็นผลให้เกิดการเจ็บป่วยล้มตายตามมาในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่กลับได้รับค่าแรงเพียงน้อยนิด และหากตั้งครรภ์ก็ถูกไล่ออก

ความอัดอั้นตันใจจึงทำให้ 'คลาร่า เซทคิน' (CLARE ZETKIN) นักการเมืองสตรีสายแนวคิดสังคมนิยม ชาวเยอรมัน ตัดสินใจปลุกระดมเหล่ากรรมกรสตรีด้วยการนัดหยุดงานในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1907 พร้อมกับเรียกร้องให้นายจ้างลดเวลาการทำงานลงเหลือวันละ 8 ชั่วโมง อีกทั้งให้ปรับปรุงสวัสดิการทุกอย่าง และให้สตรีมีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้การเรียกร้องครั้งนี้จะไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากมีแรงงานหญิงหลายร้อยคนถูกจับกุม แต่ก็ทำให้สตรีทั่วโลกสนับสนุนการกระทำของ 'คลาร่า เซทคิน' และเป็นการจุดประกายให้สตรีทั่วโลกเริ่มตระหนักถึงสิทธิของตัวเองมากขึ้น

7 มีนาคม พ.ศ. 2327 อัญเชิญพระแก้วมรกต จากพระราชวังกรุงธนบุรี ประดิษฐานยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

วันนี้ เมื่อ 239 ปีก่อน มีพิธีอัญเชิญพระแก้วมรกต จากพระราชวังเดิม กรุงธนบุรี มาประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

แต่เดิมนั้น พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย ประดิษฐานอยู่ ณ พระราชวังเดิม กรุงธนบุรีโรงพระแก้ว ณ พระ

ภายหลังจากรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เมื่อมีการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีในปี 2325

6 มีนาคม พ.ศ. 2502 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรภาคใต้เป็นครั้งแรก

วันนี้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในจังหวัดภาคใต้เป็นครั้งแรก

ปี 2502 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปี เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในจังหวัดภาคใต้เป็นครั้งแรกเริ่มต้นเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2502 เป็นเวลา 20 วัน 

5 มีนาคม ของทุกปี กำหนดเป็น ‘วันนักข่าว’ หรือวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ

วันนักข่าว หรือวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ ในประเทศไทยตรงกับวันที่ 5 มีนาคมของทุกปี ซึ่งตรงกับวันสถาปนาสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย (ปัจจุบันคือสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2498

‘วันนักข่าว’ หรือ ‘วันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ’ ตรงกับวันที่ 5 มีนาคมของทุกปี ก่อตั้งโดย สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2498 และนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย สมัยนั้นคือ นายโชติ มณีน้อย เป็นนักข่าวรุ่นบุกเบิก ก่อตั้งลงนามร่วมกับบรรณาธิการหนังสือพิมพ์รวม 16 ฉบับ

‘วันนักข่าว’ ทำให้สมาชิก และผู้ที่อยู่ในวงการแวดวงข่าวสาร หนังสือพิมพ์ และสื่อทุกช่องทาง ได้ตระหนักถึงความสำคัญของข่าวสาร มีการมอบรางวัลนักข่าวดีเด่น ภาพข่าวดีเด่น และข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ ที่จุดประกายต่อยอดเป็นประโยชน์ต่อสังคม

4 มีนาคม ของทุกปี กำหนดเป็น ‘วันปะการัง’ ตระหนักรู้ความสำคัญนิเวศทางทะเล

วันปะการัง ตรงกับวันที่ 4 มีนาคมของทุกปี เป็นวันที่ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของปะการัง ที่มีส่วนช่วยให้ระบบนิเวศทางทะเลมีความสมดุลต่อสิ่งแวดล้อมใต้ทะเล

รู้หรือไม่ ทุกวันที่ 4 มีนาคมเป็นวันปะการัง ซึ่งก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2539 ที่เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของปะการัง ซึ่งมีส่วนช่วยให้ระบบนิเวศทางทะเลมีความสมดุลต่อสิ่งแวดล้อมใต้ทะเลมากยิ่งขึ้น โดยที่เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันในฐานะทะเลที่มีปะการังมากที่สุดติดอันดับโลก ซึ่งในช่วงระหว่างเกาะอิชิกาคิจนถึงเกาะอิริโอโมเตะจะพบกับแนวปะการังเซคิเซโซโกะ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็นกลุ่มปะการังสีฟ้าที่มีคุณค่าติดอันดับของโลก ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ปะการังประมาณ 200 ชนิดจากทั้งหมด 800 ชนิดบนโลกได้รับการยืนยันว่ามีอยู่ในเมืองโอกินาวา

แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันจากอุณหภูมิในน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว การเคลื่อนตัวของดินสีน่ำตาลแดงจากการป้องกันแนวชายฝั่ง รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ในทะเลอย่างดาวมงกุฎหนามและหอยทะเลบางชนิดทำให้ปะการังในโอกินาวามีจำนวนลดลง

3 มีนาคม พ.ศ.2544 เครื่องบินการบินไทย ระเบิดคาลานจอด ก่อน ‘ทักษิณ’ จะขึ้นเครื่องเพียงไม่กี่นาที 

วันนี้ เมื่อ 22 ปีก่อน เครื่องบินของการบินไทย เกิดระบิดขึ้นก่อนที่ผู้โดยสารขึ้นเครื่องไม่กี่นาที 

เครื่องบินลำดังกล่าวเกิดระเบิดขึ้น กลางสนามบินดอนเมือง สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนจำนวนมาก โชคดีของผู้โดยสารที่ยังไม่มีใครขึ้นบนเครื่องบิน จึงไม่มีผู้โดยสารสังเวยชีวิตในครั้งนั้น มีเพียงเจ้าหน้าที่จำนวน 8 คนอยู่บนเครื่องและในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 คน

เครื่องบินโบอิง 737-4D7 ของการบินไทย เที่ยวบินที่ 114 ที่มีกำหนดการเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง ไปท่าอากาศยานเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2544 เวลา 14.48 น. แต่ปรากฏว่า 35 นาทีก่อนกำหนดการบิน ขณะที่เครื่องจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองได้เกิดการระเบิดขึ้น ผลการสอบสอบสวนพบว่าเกิดการสันดาปที่ถังน้ำมันส่วนกลาง ซึ่งอยู่ใกล้กับระบบปรับอากาศซึ่งทำงานอย่างต่อเนื่อง และมีความร้อนสูง ขณะเกิดเหตุยังไม่มีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง มีเพียงเจ้าหน้าที่จำนวน 8 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 คน

ทั้งนี้ เที่ยวบินดังกล่าว มีบุคคลสำคัญหลายคนเดินทางไปด้วย รวมทั้งนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และพานทองแท้ ชินวัตร บุตร ซึ่งจะเดินทางไปร่วมพิธีเปิดศูนย์การค้าสุรวงศ์เซ็นเตอร์ ของ ‘เจ๊แดง’ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่จังหวัดเชียงใหม่

รู้จัก 'โรคเตียงดูด' เสพติดการนอน อีกหนึ่งสัญญาณเตือนอาการป่วย

(2 มี.ค.66) ชวนทำความรู้จักภาวะ 'Dysania' หรือ ภาวะเสพติดการนอน โดยทางเว็บไซต์ POBPAD ได้อธิบายเกี่ยวกับโรคนี้ว่า เสพติดการนอน (Dysania) หรือที่บางคนเรียกว่า 'โรคเตียงดูด' เป็นภาวะที่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียและง่วงนอนมากจนไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้ แม้จะไม่ได้จัดเป็นโรคโดยตรง แต่อาการที่เกิดขึ้นมักส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และอาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา

อาการของ Dysania โรคเตียงดูด
รู้สึกไม่อยากลุกจากเตียง ใช้เวลาอยู่บนเตียงนานผิดปกติทั้งในเวลากลางคืนและระหว่างวัน แต่คนที่มีภาวะเสพติดการนอนอาจไม่ได้ใช้เวลานอนหลับนานกว่าคนอื่นเสมอไป

ทั้งนี้ ระยะเวลาการนอนปกติของคนทั่วไปจะแตกต่างกันตามช่วงอายุ เช่น เด็กวัยเรียนอายุ 6–13 ปี ใช้นเวลานอนวันละ 9–11 ชั่วโมง วัยรุ่นอายุ 14–17 ปี ใช้เวลานอนวันละ 8–10 ชั่วโมง และผู้ใหญ่อายุ 18–64 ปี ใช้เวลานอนวันละ 7–9 ชั่วโมง หากนอนหลับอย่างเพียงพอตามระยะเวลาแต่ยังรู้สึกอ่อนเพลียมาก และไม่สามารถตื่นมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ 

สาเหตุและผลเสียของการเสพติดการนอน

โรคซึมเศร้า ผู้ป่วยมักมีอาการนอนมากผิดปกติและอ่อนเพลีย ร่วมกับอาการอื่น เช่น เศร้าและร้องไห้บ่อย หมดความสนใจต่อสิ่งรอบตัว ความอยากอาหารและน้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลง ปวดศีรษะและปวดตามร่างกายโดยไม่ทราบสาเหตุ

กลุ่มอาการความล้าเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome หรือ Myalgic Encephalomyelitis) ที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่อยากลุกจากเตียง และแม้จะพักผ่อนแล้วก็ยังรู้สึกไม่ดีขึ้น

ภาวะนอนมากเกินไป (Hypersomnia) ทำให้มีอาการง่วงนอนมากในช่วงกลางวันจนสามารถหลับได้ตลอดเวลา

ความผิดปกติของการนอนหลับ เช่น นอนไม่หลับ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) และกลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข (Restless Legs Syndrome) ที่ทำให้นอนหลับยากหรือหลับไม่สนิท เมื่อตื่นมาจะรู้สึกง่วง อ่อนเพลีย และไม่อยากลุกจากเตียง

โรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โลหิตจาง มะเร็ง ไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia) และกลุ่มโรคไทรอยด์อย่าง ไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) และโรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกัน (Hashimoto’s Thyroiditis) ที่ทำให้ผู้ป่วยอ่อนเพลียง่ายกว่าคนทั่วไป

ความเศร้าโศกเสียใจ ที่เกิดจากการสูญเสีย ซึ่งอาจทำให้นอนหลับยากและนอนไม่พอ

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น ยาต้านเศร้าที่ทำให้อ่อนเพลียและง่วงนอน

วิธีรับมือกับอาการไม่อยากตื่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top