Sunday, 4 May 2025
TODAY SPECIAL

วันนี้เป็นวันสำคัญที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศ โดยเป็นวันที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด ‘เขื่อนภูมิพล’ ซึ่งเป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของประเทศไทย ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

เขื่อนภูมิพล เดิมมีชื่อว่า เขื่อนยันฮี ตั้งอยู่บนแม่น้ำปิง อำเภอสามเงา จังหวัดตาก ย้อนเวลากลับไปเมื่อกว่า 57 ปีก่อน แนวคิดในการสร้างเขื่อนแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการที่ หม่อมหลวงชูชาติ กำภู อธิบดีกรมชลประทาน ณ ขณะนั้น มีโอกาสเดินทางไปดูงานชลประทานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และเห็นความเป็นไปได้ที่จะสร้างเขื่อนขนาดใหญ่บนแม่น้ำปิง จึงนำเสนอต่อรัฐบาลเมื่อปี พ.ศ.2492 

ต่อมา คณะรัฐมนตรีได้ทำการสำรวจศึกษาโครงการ จนได้ข้อสรุปในการสร้าง และระบุสถานที่คือบริเวณตำบลยันฮี จังหวัดตาก การอนุมัติการก่อสร้างเกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2496 โดยใช้งบประมาณกว่า 2,250 ล้านบาท

แรกเริ่มใช้ชื่อว่า เขื่อนยันฮี ต่อมาในรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อัญเชิญพระนามาภิไธยมาเป็นชื่อเขื่อนว่า เขื่อนภูมิพล และวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2504 การก่อสร้างแล้วเสร็จและทำรัฐพิธีเปิดเขื่อน โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเขื่อนภูมิพลแห่งนี้ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2507

เขื่อนภูมิพล มีลักษณะเป็นเขื่อนคอนกรีตรูปโค้ง ความสูง 154 เมตร ความยาว 486 เมตร และมีความกว้างของสันเขื่อน 6 เมตร โดยอ่างเก็บน้ำสามารถรองรับน้ำได้สูงสุด 13,462 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อแรกก่อสร้างเสร็จถือเป็นเขื่อนรูปโค้งที่ใหญ่เป็นอันดับเจ็ดของโลก

วันนี้เขื่อนภูมิพล มีอายุกว่า 57 ปี และยังคงทำหน้าที่สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศต่อไป โดยมีภารกิจหลักคือ การระบายน้ำ โดยปริมาณน้ำที่ระบายออกไปจากเขื่อน จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ ทั้งด้านการเกษตร สนับสนุนพื้นที่เพาะปลูกกว่า 9.5 ล้านไร่ รวมทั้งการคมนาคมและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้า ให้ตรงตามแผนที่กรมชลประทานกำหนดเอาไว้อีกด้วย


ที่มา: 
http://www.bhumiboldam.egat.com/index.php/2014-10-10-05-07-47/history
https://th.wikipedia.org/wiki/เขื่อนภูมิพล


 

สำหรับพุทธศาสนิกชนชาวไทย ชื่อของ ‘หลวงพ่อคูณ’ ถือเป็นภิกษุสงฆ์ที่ประชาชนให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างสูง และวันนี้เมื่อกว่า 6 ปีก่อน ถือเป็นวันที่เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่อันโด่งดัง ได้มรณภาพลง

หลวงพ่อคูณ หรือ พระเทพวิทยาคม มีชื่อทางโลกคือ คูณ ฉัตร์พลกรัง เป็นชาวอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ท่านเป็นบุตรชายคนโตของครอบครัวที่ทำอาชีพเกษตกรรม โดยเข้ารับการอุปสมบทเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2487 ณ วัดถนนหักใหญ่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา มีฉายาว่า ปริสุทโธ 

หลวงพ่อคูณ ปฏิบัติธรรมด้วยการออกธุดงค์จาริกไปตามป่าเขาลำเนาไพร เพื่อฝึกปฏิบัติธรรมเบื้องสูง ครั้งหนึ่งเคยเดินทางไกลไปถึงประเทศลาว และประเทศกัมพูชา เมื่อเวลาผ่านไป จึงเดินทางกลับสู่ประเทศไทย ต่อมาได้มีดำริให้ก่อสร้างวัดบ้านไร่ โดยเริ่มสร้างพระอุโบสถเมื่อปี พ.ศ.2496 ก่อนจะขยับขยายให้มีการสร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ รวมทั้งจัดให้มีการสร้างโรงเรียนวัดบ้านไร่ เพื่อการศึกษาของเยาวชนในละแวกดังกล่าวอีกด้วย

หลวงพ่อคูณ จัดเป็นภิกษุสงฆ์ที่มีกิจอันเรียบง่าย แต่มีลูกศิษย์ลูกหาที่ให้ความเคารพศรัทธาไปทั่วประเทศ ภาพที่ผู้คนจดจำได้เป็นอย่างดี คือการเดินเอาไม้เคาะหัว (แทนการรดน้ำมนต์) ให้กับประชาชนคนธรรมดาไปจนถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจเข้าใจได้ว่า เพื่อความเป็นสิริมงคล แต่แท้จริงแล้ว ถือเป็นการทำเพื่อให้ผู้คนมีสติ

หลวงพ่อคูณมีอาการอาพาธ หมดสติโดยไม่รู้สาเหตุ และถูกนำส่งโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ทีมแพทย์พยายามให้การรักษาอย่างเต็มกำลัง แต่อาการค่อย ๆ ทรุดลง ก่อนจะมรณภาพในวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 สิริอายุ 91 ปี 71 พรรษา

ต่อมา ท่านได้ฝากฝังไว้ในพินัยกรรม โดยมอบสังขารให้แก่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อมอบให้กับภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นำไปศึกษาค้นคว้า หรือที่เรียกกันว่า ‘ครูใหญ่’ และเมื่อสิ้นสุดการศึกษาค้นคว้า ได้ขอให้ทางมหาวิทยาลัย ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอย่างเรียบง่าย โดยจัดให้มีการสวดอภิธรรม 7 วัน

อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้มีการจัดพิธีพระราชทานเพลิงพระศพหลวงพ่อคูณขึ้น ณ เมรุชั่วคราว วัดหนองแวงพระอารามหลวง จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2562 ทั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยได้แจ้งในเวลาต่อมาว่า เหตุที่ต้องขอพระราชทานเพลิงศพ เนื่องจากเป็นไปตามวิถีของการจัดงานศพให้กับ ‘เหล่าบรรดาครูใหญ่’ ที่มอบสังขารให้กับทางมหาวิทยาลัย และเหตุที่เลือกวัดดังกล่าว เนื่องจากเชื่อว่าจะมีลูกศิษย์และประชาชน เดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก จึงพยายามเลือกสถานที่ให้ลงตัวและเหมาะสมที่สุด

วันนี้ผ่านมากว่า 6 ปีกับการมรณภาพของพระครูชื่อดัง แต่คำสอนและความศรัทธาในตัวท่าน ยังอยู่ในการระลึกถึงของลูกศิษย์ลูกหา ตลอดจนประชาชนชาวไทยอยู่เสมอ


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/พระเทพวิทยาคม_(คูณ_ปริสุทโธ)

วันนี้เป็นวันเกิดของ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 22 ของประเทศไทย มีอายุครบ 89 ปี

พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เกิดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2475 เป็นชาวจังหวัดนนทบุรี สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จากนั้นจึงเข้าศึกษาต่อ และสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เมื่อปี พ.ศ.2496 และโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ในปี พ.ศ. 2507 ตามลำดับ

พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ มีชื่อเสียงในด้านการทหาร จนได้รับฉายา ‘ขงเบ้งแห่งกองทัพบก’ รวมทั้งเป็นที่กล่าวถึงในวงกว้างจากการผลักดันกองกำลังต่างชาติ ที่เข้ามายึดครองพื้นที่ในประเทศไทย ในเหตุการณ์ยุทธการบ้านร่มเกล้า เมื่อปี พ.ศ. 2531 ซึ่งในขณะนั้นเจ้าตัวดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก

ในเวลาต่อมา พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุด แล้วเข้าสู่แวดวงการเมือง โดยทำการก่อตั้งพรรคความหวังใหม่ ก่อนจะชนะการเลือกตั้งเมื่อปลายปี พ.ศ. 2539 จนส่งผลให้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 22 ของประเทศไทยในที่สุด

ในขณะทำหน้าที่ผู้นำบริหารบ้านเมือง เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างหนัก หรือที่รู้จักกันในนาม ‘พิษเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง’ ในช่วงปี พ.ศ.2540 ส่งผลให้เจ้าตัวตัดสินใจลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ต่อมา ก็ได้เข้าเป็นสมาชิกของพรรคไทยรักไทย ในช่วงปี พ.ศ.2544 ก่อนจะขึ้นดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้มากประสบการณ์ในเส้นทางการเมือง และได้ชื่อว่า เป็นนักเจรจา พูดจานุ่มนวล และมีวาทศิลป์คนหนึ่งของวงการเมืองไทย จนนักข่าวสื่อมวลชนตั้งฉายาให้ว่า ‘จิ๋วหวานเจี๊ยบ’ แม้ปัจจุบันเจ้าตัวจะวางมือจากการเมืองไปแล้ว แต่ก็ยังถูกกล่าวถึงอยู่เสมอ วันนี้อดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้มีอายุครบ 89 ปี ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยทั้งปวง 


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/ชวลิต_ยงใจยุทธ

วันนี้ถูกยกให้เป็น ‘วันอนุรักษ์ควายไทย’ สัตว์ที่อยู่คู่สังคมเมืองไทยมาเนิ่นนาน ความสำคัญของวันนี้ เพื่อร่วมกันอนุรักษ์และดูแลควายไทย ตลอดจนส่งเสริมการเลี้ยงควายไทย ไม่ให้ถูกลดความสำคัญลงไป

ที่มา ‘วันอนุรักษ์ควายไทย’ เกิดขึ้นเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสถึงหลักการดำเนินโครงการธนาคารโค กระบือ เป็นครั้งแรกแก่คณะรัฐมนตรี นอกจากนี้ หลายฝ่ายยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของควายไทย ที่ปัจจุบันถูกลดความสำคัญลงไป จนกลายเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงเท่านั้น

ด้วยเจตนารมย์ทั้งหมดเหล่านี้ ส่งผลให้เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2560 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ ได้จัดการประชุม โดยมีผู้แทนสมาคมอนุรักษ์และพัฒนาควายไทยเข้าร่วมประชุม สรุปมีมติเห็นชอบ กำหนดให้วันที่ 14 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น ‘วันอนุรักษ์ควายไทย’

โดยในส่วนของโครงการในพระราชดำริ ‘ธนาคารโค กระบือ’ มีความมุ่งเน้นในการช่วยเหลือเกษตกรยากจนที่ไม่มีโค-กระบือ เป็นของตนเอง โครงการดังกล่าวจะเข้ามาบรรเทาปัญหาต่าง ๆ ของเกาตรกร อาทิ ให้เช่าซื้อผ่อนส่งระยะยาว ให้เช่าเพื่อใช้งาน ให้ยืมเพื่อใช้งาน หรือให้ยืมเพื่อทำการผลิตพันธุ์ 

ทั้งหมดเหล่านี้ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อเกษตรกรไทย ในการสนับสนุนการสร้างอาชีพ ตลอดจนส่งเสริมด้านวิชาการ สร้างความตระหนักรู้ และให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ควายไทยสืบไป

แม้เทคโนโลยีจะก้าวล้ำ แต่การดูแลใส่ใจในสาธารณูปโภคพื้นฐาน ตลอดจนรากเหง้าของสังคม ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถือเป็นสิ่งที่ควรดำเนินควบคู่กันไป เพื่อความเจริญของประเทศที่ยั่งยืน


ที่มา:  

http://www.rspg.or.th/special_articles/hm_king60/king_608-2.htm

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/754734

https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/news_4146661
 

วันนี้เป็นวันสำคัญของโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นวันครบรอบการก่อตั้ง 147 ปีของโรงเรียน ถือเป็นโรงเรียนที่มีความเก่าแก่ และเป็นโรงเรียนสตรีประจำแห่งแรกของประเทศไทย

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย เดิมมีชื่อเรียกว่า โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง ตั้งอยู่บริเวณพระราชวังหลัง ขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลศิริราช โดยเป็นโรงเรียนสตรีประจำและโรงเรียนอนุบาลแห่งแรกของประเทศไทย มีมิสซิสแฮเรียต เอ็ม เฮาส์ เป็นครูใหญ่คนแรก 

เจตนารมย์ในการก่อตั้งโรงเรียนแห่งนี้ มีจุดมุ่งหมายในการจัดการเรียนการสอน ด้านการอ่านเขียน การศึกษาคริสตจริยธรรม และวิชาเย็บปักถักร้อย ซึ่งเป็นวิชาสำหรับกุลสตรีสมัยนั้น นอกจากจะมีบุตรหลานของประชาชนทั่วไปมาเรียนแล้ว ยังมีบุตรหลานของเจ้านายและเหล่าข้าราชบริพาร ที่ต่างรู้จักและไว้วางใจมิสซิสแฮเรียต เอ็ม เฮาส์ มาเรียนด้วยเช่นกัน

ในเวลาต่อมา กิจการของโรงเรียนวังหลังเจริญรุ่งเรืองเติบโต มีนักเรียนเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ต้องขยับขยายต่อเติมโรงเรียน แต่เนื่องจากมิสซิสโคล หรือครูใหญ่โรงเรียนในขณะนั้น เห็นว่าไม่สามารถซื้อที่ดินเพิ่มเติมบริเวณวังหลังได้แล้ว จึงได้มองหาที่ดินแห่งใหม่ โดยในปี พ.ศ.2459 มิสซิสโคลได้ซื้อที่ดินที่ทุ่งบางกะปิ (ชื่อเรียกตามสมัยนั้น) เพื่อก่อสร้างอาคารเรียน พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น ‘โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย’ และใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบัน โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย เป็นโรงเรียนภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เปิดสอนระดับปฐมวัยถึงระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน รับนักเรียนไป -กลับ ในระดับปฐมวัยถึงระดับประถมศึกษาปีที่ 6 และนักเรียนประจำในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ถือเป็นโรงเรียนสตรีประจำที่มีชื่อเสียง และมีอายุเก่าแก่ที่สุดของประเทศ


ที่มา: https://www.wattana.ac.th/wattana
https://th.wikipedia.org/wiki/โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย
https://www.silpa-mag.com/history/article_19680
 

‘ท่านพุทธทาสภิกขุ’ คือหนึ่งในภิกษุที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยให้ความเคารพนับถือ แม้ปัจจุบันท่านจะละสังขารไปกว่า 28 ปี แต่ยังมีสถานที่ปฏิบัติธรรมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ นั่นคือ ‘สวนโมกขพลาราม’ วันนี้ถือเป็นวันครบรอบ 89 ปี ของการก่อตั้งสถานที่แห่งนี้

สวนโมกขพลาราม ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2475 แต่เดิม ณ สถานที่แรก สร้างขึ้นที่วัดร้างตระพังจิก อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ในครั้งนั้น ท่านพุทธทาสภิกขุ พร้อมด้วยโยมน้องชาย และคณะธรรมทานอีก 4-5 คน ได้ออกเสาะหาสถานที่ที่มีความวิเวก และเหมาะสมที่จะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม

กระทั่งได้มาเจอกับวัดร้างแห่งนี้ บนเนื้อที่กว่า 60 ไร่ จึงได้จัดทำเพิงที่พักแบบเรียบง่าย พร้อมกับเข้าอยู่เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2475 ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชาในปีนั้นพอดี โดยที่มาของชื่อ ‘สวนโมกขพลาราม’ เนื่องมาจากบริเวณวัดดังกล่าวมีต้นโมก และต้นพลาขึ้นอยู่ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความหมายโดยนัยว่า ‘เป็นสวนป่าอันมีกำลังแห่งความหลุดพ้นจากทุกข์’

ต่อมาในปี พ.ศ.2486 สวนโมกข์ได้ย้ายมาอยู่ที่ ‘วัดธารน้ำไหล’ บริเวณเขาพุทธทอง ริมทางหลวงหมายเลข 41 อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี โดยท่านพุทธทาสมีความปรารถนาให้สวนโมกข์เป็นสถานที่แสวงหาความสงบและศึกษาธรรม ภายในวัดจึงมีโรงมหรสพทางวิญญาณ ซึ่งเป็นอาคารที่รวบรวมภาพศิลปะ คำสอนในศาสนานิกายต่าง ๆ รวมทั้งมีภาพพุทธประวัติมากมาย

นอกจากนี้รอบบริเวณวัดยังเป็นสวนป่าร่มรื่น ที่เต็มไปด้วยปริศนาธรรม โดยปราศจากโบสถ์และศาลาอย่างวัดทั่วไป ต่อมาภายหลังจากท่านพุทธทาสมรณภาพในปี พ.ศ.2536 สวนโมกข์แห่งนี้ก็ยังคงมีพระภิกษุและพุทธศาสนิกชน เดินทางมาตักบาตร ฟังธรรม และปฏิบัติธรรมที่สวนโมกข์อยู่เรื่อยมา นับถึงวันนี้ ผ่านมาแล้วกว่า 89 ปี สถานที่แห่งนี้ก็ยังคงทำหน้าที่ช่วยฝึกจิต ชำระใจ และนำทางผู้คนให้ค้นพบกับความสงบ เหมือนดังเช่นที่เป็นมานับจากวันแรก


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/สวนโมกขพลาราม

 

เอ่ยชื่อ ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ ผู้ชมรายการข่าวเมืองไทย คงคุ้นเคยเป็นอย่างดี พิธีกรข่าวคนนี้ได้รับฉายาว่า ‘กรรมกรข่าว’ มีชื่อเสียงอยู่ในวงการสื่อสารมวลชนเมืองไทยมามากกว่า 20 ปี และในวันนี้เป็นวันเกิดของเขา มีอายุครบ 55 ปี

สรยุทธ สุทัศนะจินดา เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2509 เป็นชาวกรุงเทพมหานคร จบการศึกษาชั้นมัธยมจากโรงเรียนอำนวยศิลป์ และปริญญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ 

ก้าวแรกในเส้นทางการทำงานข่าว สรยุทธเริ่มต้นจากการเป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น ต่อมาในปี พ.ศ.2535 ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยหัวหน้าข่าวการเมือง ก่อนที่ในปี พ.ศ.2540 จะได้มาเป็นบรรณาธิการข่าว และจัดรายการวิเคราะห์ข่าวให้กับเนชั่น ชันแนล ตามมาด้วยช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ ที่มีรายการโด่งดังมาก ๆ อย่างรายการคุยคุ้ยข่าว และถึงลูกถึงคน จากนั้นจึงย้ายมาบริหารงานข่าวให้กับสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในช่วงปี พ.ศ.2546 พร้อมกับเปิดตัวรายการใหม่ เรื่องเล่าเช้านี้ และเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ตามลำดับ

สรยุทธถูกดำเนินคดียักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในรายการ ‘คุยคุ้ยข่าว’ ทางช่องโมเดิร์นไนน์ ทำให้ บมจ.อสมท. ได้รับความเสียหายจากค่าโฆษณาเป็นเงินกว่า 138 ล้านบาท เป็นเหตุให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งเรื่องให้อัยการดำเนินการ 

ในเวลาต่อมา ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกสรยุทธเป็นเวลา 13 ปี 4 เดือน ก่อนที่เจ้าตัวจะยื่นอุทธรณ์ กระทั่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2563 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายสรยุทธเป็นเวลา 6 ปี 24 เดือน แต่หลังจากที่เข้าสู่เรือนจำ เจ้าตัวได้เลื่อนชั้นเป็นผู้ต้องขังชั้นเยี่ยม เนื่องจากทำงานช่วยเหลือกรมราชทัณฑ์มาโดยตลอด ต่อมาจึงได้ลดวันต้องโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2 ครั้ง กระทั่งได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2564
.
ล่าสุด เจ้าตัวกลับมาทำงานเป็นพิธีกรเล่าข่าวอีกครั้ง ช่วยสร้างสันและความคึกคักให้กับวงการข่าวสารเมืองไทยอีกครั้ง และในวันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดอายุ 55 ปีของกรรมกรข่าวคนนี้ ขอให้สร้างสรรค์ผลงาน และผลิตข่าวสารที่มีคุณภาพออกสู่สังคมไทยต่อไป


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/สรยุทธ_สุทัศนะจินดา

 

วันนี้เมื่อ 37 ปีก่อน ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่ต้องถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ โดยเป็นวันที่ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 หรือ ‘ประมุขแห่งวาติกัน’ ได้เสด็จมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรก

โดยเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2527 เครื่องบินพระที่นั่งของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 และคณะผู้ติดตาม ได้ลงจอด ณ ท่าอากาศยานทหาร กองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง  พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ขณะดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร) เป็นผู้แทนพระองค์ในการต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาที่ท่าอากาศยาน

ต่อมา สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ได้เสด็จมายังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเข้าเฝ้า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 

การเสด็จเยือนประเทศไทยครั้งนั้น สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ทรงมีภารกิจสำคัญมากมาย อาทิ การเสด็จไปยังศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยชาวอินโดจีน ณ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี รวมถึงทรงเป็นประธานในพิธีบวชพระสงฆ์ใหม่จำนวน 23 องค์ พร้อมกับทรงปิดปีศักดิ์สิทธิ์สำหรับประเทศไทย ณ สามเณราลัยนักบุญยอแซฟ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม นอกจากนี้ยังเสด็จไปในงานสโมสรสันนิบาต ที่รัฐบาลจัดถวายพระเกียรติ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

กล่าวถึง สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ทรงขึ้นเป็นประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ.1978 โดยพระองค์ถือเป็นพระสันตะปาปาที่มีความสำคัญองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบัน สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการเสด็จไปรอบโลกเพื่อเยี่ยมเยียนคริสตชน ซึ่งเป็นกิจที่ทำมากกว่าพระสันตะปาปาองค์ใด ๆ ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังทรงต่อต้านการกดขี่ทางการเมือง ปกป้องวิถีทางของศาสนจักรในเรื่องเพศของมนุษย์ และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย

สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2548 มีพระชนมายุ 84 พรรษา รวมระยะเวลาในการทรงปกครองศาสนจักรทั้งสิ้น 26 ปี 15 วัน ยาวนานที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ตามประวัติศาสตร์ของศาสนจักรโรมันคาทอลิก


ที่มา: https://www.komchadluek.net/news/today-in-history/371104

https://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จพระสันตปะปายอร์น_ปอลที่_2

เมืองไทยมีแชมป์มวยโลกมาหลายคน แต่ที่มีความพิเศษไปกว่าคนอื่น ต้องยกให้ ‘เขาทราย & เขาค้อ แกแล็คซี่’ ซึ่งวันนี้เมื่อ 33 ปีก่อน ทั้งคู่ถูกยกให้เป็น ‘แชมป์มวยคู่แฝดคู่แรกของโลก’

เขาทราย แกแล็คซี่ แฝดผู้น้อง ก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลกก่อน โดยเป็นแชมป์โลกของสมาคมมวยโลก (WBA) ในรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวท จากนั้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2531 เขาค้อ แกแล็คซี่ นักชกแฝดผู้พี่ ก็ขึ้นชิงแชมป์โลกกับ วิลเฟรโด บัซเกซ นักมวยชาวเปอร์โตริโก้ ก่อนที่จะเอาชนะคะแนนไปได้ ก้าวสู่การเป็นแชมป์มวยโลก รุ่นแบนตั้มเวท ของสมาคมมวยโลก (WBA) พร้อมทั้งสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการมวยโลก ด้วยการเป็นคู่แฝดคู่แรกที่ครองแชมป์โลกในเวลาเดียวกัน

เขาทราย แกแล็คซี่ มีชื่อจริงว่า สุระ แสนคำ ส่วน เขาค้อ แกแล็คซี่ แฝดผู้พี่ มีชื่อจริงว่า วิโรจน์ แสนคำ ทั้งคู่เกิดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2502 ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ในวัยเด็กชอบกีฬาชกมวยด้วยกันทั้งคู่ โดยเขาค้อ ขึ้นชกมวยไทยมาก่อนเขาทราย แถมทั้งคู่ยังเคยขึ้นชกแทนกันมาแล้ว ต่อมาทั้งสองคนก็ได้พบกับ ‘แชแม้’ หรือนายนิวัฒน์ เหล่าสุวรรณวัฒน์ โปรโมเตอร์มวยชื่อดัง จึงได้รับการส่งเสริมจนก้าวสู่การเป็นนักมวยสากลอาชีพในที่สุด

เขาทราย แกแล็คซี่ ได้ฉายาว่า ซ้ายทะลวงไส้ เนื่องจากมีหมัดซ้ายที่หนักหน่วง และมีสถิติป้องกันแชมป์โลกติดต่อกันกว่า 19 ครั้ง โดยเป็นการชนะน็อคถึง 16 ครั้ง ชนะคะแนน 3 ครั้ง ก่อนจะแขวนนวมด้วยการเป็นแชมป์โลกที่ไม่เคยแพ้ใคร

ด้านเขาค้อ แกแล็คซี่ ก้าวขึ้นเป็นแชมป์มวยโลกคนที่ 12 ของประเทศไทย แม้ว่าภายหลังจากการเป็นแชมป์โลกแล้ว เขาค้อจะไม่สามารถป้องกันตำแหน่งไว้ได้แม้แต่ครั้งเดียว แต่เจ้าตัวก็สามารถแก้ตัวคว้าเข็มขัดแชมป์โลกกลับคืนมาได้ในตอนเสียแชมป์หนแรก แต่เมื่อต้องป้องกันแชมป์อีกครั้ง ปรากฎว่า เขาค้อเกิดล้มลงบนเวทีเสียเฉย ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถูกคู่ต่อสู้ต่อยแม้แต่หมัดเดียว เป็นเหตุให้ต้องแพ้แบบ TKO ไปในครั้งนั้น สร้างความงุนงงให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก ต่อมามีการเรียกอาการของเขาค้อในวันนั้นว่า ‘โรควูบ’

ทั้งเขาทราย และเขาค้อ ถือเป็นนักมวยที่คนไทยชื่นชอบและจดจำได้เป็นอย่างดีในอดีต เมื่อไรที่มีการถ่ายทอดสดการขึ้นชกป้องกันแชมป์โลกของเขาทราย แกแล็คซี่ ถนนเมืองไทยจะโล่งไปถนัดตา เพราะผู้คนพากันไปรวมตัวอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์นั่นเอง

ผ่านมาถึงวันนี้ แม้ทั้งคู่จะเลิกราในเส้นทางอาชีพหมัดมวยไปแล้ว แต่ความเป็นตำนานนักมวยแชมป์โลก ก็ยังได้รับการยกย่องและกล่าวขวัญถึงอยู่เสมอ


ที่มา:

https://th.wikipedia.org/wiki/เขาทราย_แกแล็คซี่

https://th.wikipedia.org/wiki/เขาค้อ_แกแคซี่

วันนี้เมื่อ 147 ปีมาแล้ว ถือเป็นวันสำคัญอีกหนึ่งวัน เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มี ‘สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน’ ขึ้นเป็นครั้งแรก

โดยการแต่งตั้ง ‘สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน’ (Council of State) ขึ้นในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ และการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศตามแบบตะวันตก

สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ประกอบไปด้วย สมาชิกผู้มีบรรดาศักดิ์ชั้นพระยาจำนวน 12 คน มีหน้าที่ถวายคำปรึกษาและความคิดเห็นต่าง ๆ ในด้านนิติบัญญัติ และเมื่อข้อราชการใดที่ประชุมสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินมีมติเห็นชอบ ก็ให้ออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไป

ทั้งนี้ผู้ที่จะดำรงตำแหน่ง ต้องทำพิธีสัตยานุสัตย์ สาบานต่อหน้าพระพักตร์และถือน้ำพิพัฒน์สัตยา เพื่อให้มีความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่จนเต็มกำลังความสามารถโดยไม่ลำเอียง ไม่เห็นแก่อามิสสินจ้าง และรักษาความลับ เพื่อให้การปฏิรูปการเมืองการปกครองบรรลุตามวัตถุประสงค์

การประชุมของสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน จะต้องมีสมาชิกมาประชุมร่วมกันตั้งแต่ 7 นายขึ้นไป จึงจะนับว่าครบองค์ประชุม ผลการประชุมทุกครั้งต้องกราบทูลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ เมื่อทรงเห็นชอบด้วย ผลของการประชุมหรือมติของสภาจึงจะมีผลบังคับใช้ต่อไป

ผ่านมาถึงวันนี้ สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ถือเป็นก้าวแรกของการปฏิรูปการเมืองการปกครองของประเทศไทย เปรียบเสมือน ‘คณะรัฐมนตรี’ ที่ดำเนินการด้านกฎหมาย และให้คำปรึกษาในการบริหารราชการแผ่นดิน อันเป็นพื้นฐานการปกครองสืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้


ที่มา:

https://www.facebook.com/340609796616268/posts/530988617578384/

https://sites.google.com/site/prawaturachkalthi5/kar-ptirup-kar-pkkhrxng-kae

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top