Friday, 26 April 2024
NEWSFEED

‘ม้า อรนภา’ ปลื้ม!! ‘ลิซ่า’ โผล่ทักทายหลังบังเอิญเจอในเกาหลี ชื่นชม!! เป็นเด็กน่ารัก ไม่แปลกใจที่โด่งดังระดับโลกขนาดนี้

(13 มี.ค. 67) ‘ม้า อรนภา กฤษฎี’ นักแสดงอาวุโส เผยแพร่รูปถ่ายคู่กับ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BlackPink’ ผ่านทางเฟซบุ๊ก ‘Ornapa Krisadee’ ระบุว่า…

มาเกาหลีครั้งนี้ ดีใจมาก เดินดูเสื้ออยู่ในร้านแบรนด์หนึ่ง ใน section ที่เงียบสงบ ได้ยินเสียงผู้หญิง 2 คนคุยกันเป็นภาษาอังกฤษที่โซฟา แต่เราไม่ได้สนใจ นอกจากดูเสื้อไปเรื่อย ๆ พอเดินใกล้ 2 คนที่นั่งอยู่นั้น ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนี่งเรียก “พี่ม้า” เราหันไปมองเสียงที่อยู่ใกล้มาก ๆ เห็นหญิงสาวใส่หน้ากากยืนอยู่ ดิฉันทำหน้างง ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า “ลิซ่าค่ะ” ฉันก็ยังงงอยู่ลิซ่าไหน จึงบอกว่า ถอดหน้ากากสิ พอถอดมาคือ ลิซ่า จริง ๆ ด้วย”

นักแสดงอาวุโส ระบุเพิ่มเติมว่า “ดิฉันตกใจมาก และดีใจมาก ๆ ที่ได้เจอเธอ ดิฉันจึงพูดว่า ขอบคุณมากนะที่ทักพี่ (คนดังระดับโลกทักดิฉัน) ดิฉันขอกอดนาง และตามด้วยขอถ่ายรูปได้ไหม ต้องถามเพราะนางมากับผู้จัดการ นางบอกว่าได้ แต่ขอทาปากหน่อย เพราะพึ่งลงเครื่องมาจากปารีส ยังไม่ได้ล้างหน้าเลย แต่มาช้อปปิ้งได้อิอิ เพราะคืนนี้นางต้องไปงานของ Bvlgari จึงได้รูปนี้มา โดยการขออนุญาตเป็นที่เรียบร้อย เราคุยกันอยู่นานพอสมควร ด้วยความภาคภูมิใจที่เธอก้าวมาอยู่ถึงจุดนี้ได้ ปลื้มใจนางจริง ๆ นางบอกว่าจะไปเล่าให้แม่ฟังว่าเจอใคร และบอกว่าไม่คิดจะได้เจอพี่ม้า นางตื่นเต้นพอกับเรา ใช้เวลาเม้าส์นาน เราเลยบอกด้วยว่าบอกผู้จัดการเธอด้วยนะว่าพี่เป็นใคร จะได้ไม่หงุดหงิด แต่ผู้จัดการนางก็เป็นคนถ่ายรูปให้เรา ดีใจเป็นที่สุดที่ลิซ่าทักดิฉัน เด็กคนนี้น่ารักจริง ๆ ถึงไปได้ไกลขนาดนี้ ถึงยิ่งใหญ่ระดับโลกขนาดนี้”

‘ฟลุค-นาตาลี’ ฉลองวิวาห์อย่างยิ่งใหญ่ หลังเลื่อนมานานเพราะโควิด ทำให้ ‘น้องนาตาชา’ ลูกสาวสุดที่รัก ได้มาร่วมงานแต่งงานของพ่อแม่ด้วย

(9 มี.ค.67) หลังจากที่คู่รักคู่หวาน ‘ฟลุค’ เกริกพล มัสยวาณิช และ ‘นาตาลี เจียรวนนท์’ เข้าพิธีหมั้นและมงคลสมรสแบบประเพณีไทยเมื่อต้นปี 2563 แต่ต้องเลื่อนงานพิธีฉลองมงคลสมรสออกไปนานถึง 4 ปี เนื่องจากสถานการณ์โควิด

ล่าสุดมีข่าวดีรับปีมังกร เมื่อ ‘ฟลุค’ และ ‘นาตาลี’ ถือฤกษ์ดีจูงมือกันเข้าสู่พิธีฉลองมงคลสมรสในวันนี้ที่ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ท่ามกลางบรรยากาศของความรักแสนอบอุ่นสไตล์สวนอังกฤษ ซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้โทนสีชมพูสีโปรดของเจ้าสาว

ทั้งนี้ก่อนที่งานฉลองในช่วงเย็นจะเริ่มขึ้น เจ้าบ่าวและเจ้าสาว ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงความรู้สึกหลังรอคอยมานานถึง 4 ปี โดย ‘ฟลุค’ กล่าวก่อนว่า “นานมากจริงๆ กว่าจะถึงวันนี้ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีเพราะว่าได้มีน้องนาตาชามาด้วย”

ด้าน ‘นาตาลี’ เสริมว่า “จริงๆ งานนี้ต้องเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์โลกที่มีโรคระบาดโควิดทำให้เราต้องเลื่อนมา ในที่สุดก็มาเป็นวันนี้

แต่ว่าเราจัดงานแต่งตอนเช้าไปแล้วเหลือแค่งานฉลองที่จะมีขึ้นในวันนี้ แล้วก็ต้องขอบคุณพี่ฟลุคด้วยที่ให้สิทธิ์เรา 100% เราก็จัดการเต็มที่อยากให้งานออกมาดีที่สุด”

ในส่วนของชุดเจ้าสาว เจ้าบ่าวสุดหล่อเผยว่า “ที่โหดสุดคือชุดเจ้าสาว หลายคนจะคิดว่าจัดงานแพง แพงครับ แต่ชุดเจ้าสาวไม่ได้แพ้งาน ตอนแรกมันมีการตัดสินใจว่าจะจัดหรือไม่จัดดี

แต่ได้คำนวณแล้วว่าสิ่งที่เราจ่ายไปแล้วมันเยอะกว่า ฉะนั้นก็จัดเถอะ ไม่อย่างนั้นชุดเจ้าสาวที่ซื้อไว้ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้วจะใส่ไปไหนได้ ซึ่งงานวันนี้ในส่วนของน้องลีจะมีทั้งหมด 3 ชุด ชุดแถลงข่าว ชุดพิธี และชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้ เรื่องราคาขอไม่บอกแล้วกัน แต่เอาเป็นว่าไม่ได้ถึง 8 หลักขนาดนั้น”

สำหรับงานฉลองมงคลสมรสที่มาลงตัวในวันนี้ ‘นาตาลี’ บอกว่า “เพิ่งตัดสินใจกันได้ว่าจะจัดงานเป็นวันนี้เมื่อปลายเดือนมกราคม เท่ากับว่าเหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียว ตอนนั้นก็คิดว่าทัน

แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างมันกระชั้นไปหมด ยังขาดอะไรอีกเยอะมาก รวมถึงมีหลายอย่างที่ต้องเปลี่ยนใหม่ อย่างชุดของนาตาชากับชุดพี่ฟลุคก็เพิ่งเสร็จเมื่อคืน ว่ากันตามตรงงานเราเพิ่งจะเสร็จเมื่อเช้ามั้ง(หัวเราะ)”

“แต่สิ่งที่พิเศษที่สุดของงานในวันนี้ก็คือมีน้องนาตาชามาร่วมงานด้วย อันนี้เรารู้สึกว่าเป็นความโชคดี ถึงแม้เราจะต้องเลื่อนงานฉลองจากตอนนั้นก็ตาม แต่ก็ต้องรอดูในช่วงเย็นของวันนี้ว่าเขาจะทำตามที่คิดหรือเปล่า

เพราะเขาเป็นคนที่แล้วแต่อารมณ์มาก จริงๆ การแต่งงานที่มีลูกสาวมาร่วมงานด้วย พูดแล้วมันก็ปลื้มนิดหนึ่ง การได้มองไปแล้วเห็นว่าเขามาอยู่ตรงนี้ด้วย

กลายเป็นความรู้สึกว่าในความโชคร้ายของตอนนั้นที่ถูกเลื่อนงาน ซึ่งเราก็ร้องไห้เยอะมากแล้ว มันช่างเป็นเรื่องโชคดีจังเลยที่เขาได้มาร่วมโมเมนต์และมีภาพที่น่ารักเป็นความทรงจำทั้งชีวิต

ซึ่งหลายคนก็จะถามว่าผ่านมา 4 ปีแล้ว ยังจัดงานแต่งอีกเหรอไม่เหนื่อยเหรอ ถ้าในส่วนตัวเราไม่เคยคิดจะล้มเลิก สถานการณ์วิกฤตต่างๆ เราควบคุมไม่ได้ แต่เราจะไม่ปล่อยให้วิกฤตมาทำลายความตั้งใจของเราได้ ยังไงก็จะจัดแต่ว่ารอเวลาที่เหมาะสม” เจ้าสาวกล่าวทั้งน้ำตาแห่งความตื้นตัน

เมื่อถามถึงแพลนมีลูกคนที่สอง นาตาลี กล่าวว่า “เรื่องนี้กำลังถกกันอยู่เลยว่าเอายังไงดี ตอนแรกเราอยากมี 2 คน ผู้หญิงหนึ่งคน ผู้ชายหนึ่งคน แต่พอมีนาตาชามาปุ๊บซึ่งเป็นผู้หญิงแล้วเขาน่ารักมากจริงๆ

เราฟินมากจนรู้สึกว่าหรือไม่ต้องมีอีกคนแล้ว เพราะเขาเติมเต็มจนเราอยากทุ่มเวลาให้อย่างเต็มที่ แต่สักพักพอผ่านเวลามาก็รู้สึกว่าหรือจะมีน้องให้เขาดี แล้วถ้ามีจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ซึ่งก็ยังเคาะไม่ได้”

ในส่วนของคำมั่นสัญญา ‘นาตาลี’ เผยว่า “ตั้งแต่คบกันมาเราไม่มานั่งมีคำมั่นสัญญาอะไร ส่วนใหญ่จะใช้เป็นการกระทำมากกว่า แต่ถ้าถามว่า 4 ปีที่แล้วกับตอนนี้เปลี่ยนไปมั้ย บอกเลยเปลี่ยนไปมากเพราะมันเป็นคำว่าครอบครัวแล้ว เมื่อก่อนเราเป็นคู่รัก ช่วงหลังพอมีลูกมันก็กลายเป็นครอบครัวเต็มๆ”

ต่อข้อถามว่า 14 ปีที่ครองรักกันมา ถือเป็นการพิสูจน์ทุกคำสบประมาทไหม ‘ฟลุค’ บอกว่า “มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ผมรู้สึกว่าเราเข้ากันได้ตั้งแต่ต้นแล้ว

เราเป็นคนที่คล้ายกันในหลายๆ เรื่อง จนถึงวันนี้ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ติดตามเราและให้กำลังใจมาตลอด ซึ่งเดี๋ยวนี้มีแฟนๆ ของน้องนาตาชาและอชิเยอะมาก เราก็ดีใจที่ทุกคนเอ็นดูลูกของเรา”

“สำหรับพี่ฟลุคก็ขอบคุณที่ตามใจตลอด ไม่ว่าเราจะทำอะไรที่ผ่านมาทั้งหมดพี่ฟลุคก็จะไม่ใช่คนที่พูดจาหวานๆ ไม่ใช่คนโรแมนติก แต่เขาค่อนข้างมีการกระทำที่ให้เรารู้ว่าเขารักเรานะ ที่สำคัญคือเขาเคารพความคิดเรา ที่ผ่านมาตลอดทั้ง 14 ปีส่วนใหญ่เขาก็จะเป็นแบบนี้” ‘นาตาลี’ กล่าวทิ้งท้ายขอบคุณสามีทั้งน้ำตา

เปิดประวัติ ‘โรตารี่’ อายุยาวนานกว่า 100 ปี ความภาคภูมิใจของมาสด้า โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะ ‘เครื่องยนต์ลูกสูบสามเหลี่ยม’ แรงไม่ซ้ำใคร

(9 มี.ค.67) วันเสาร์สุดสัปดาห์แบบนี้ THE STATES TIMES จะขอพาทุกท่าน ย้อนเวลา ไปหาเครื่องยนต์ที่ถือได้ว่า เป็นตำนานที่สร้างชื่อเสียงให้กับ ‘มาสด้า’ นั่นก็คือ ‘เครื่องโรตารี่’

ต้นกำเนิดของเครื่องยนต์โรตารี่ เริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อปี 1919 เมื่อ มร. เฟลิกซ์ แวนเคิ้ล (Mr. Felix Wankel) มีความคิดริเริ่มที่จะสร้างเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบใหม่ที่ไม่ซ้ำแบบเครื่องยนต์ลูกสูบทั่วๆไป โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก 'เครื่องจักรเทอร์ไบน์' จนกระทั่งออกมาเป็นรูปร่างคล้ายเครื่องยนต์ 4 จังหวะ จุดระเบิดด้วยการหมุนรอบตัวเอง และได้ทำการทดลองมาอย่างต่อเนื่องจนสามารถออกแบบเป็น 'ลูกสูบสามเหลี่ยม' ขึ้นมา และเมื่อ มร. เฟลิกซ์ แวนเคิ้ล ได้เข้าทำงานในสถาบัน TES (Technical Institute of Engineering Study) จึงได้พัฒนาจนเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งานในรถเพื่อการพาณิชย์ โดยนำโปรเจกต์นี้ไปเสนอต่อบริษัท NSU Motorenwerke AG ซึ่งเป็นบริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์ และได้พัฒนาเครื่องยนต์โรตารี่ควบคู่กันไป ทำให้ 'เครื่องยนต์โรตารี่' เครื่องแรกถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1957 โดยใช้ชื่อว่า DKM 54 ในรถมอเตอร์ไซค์ รุ่น 50 ซี.ซี. สามารถทำความเร็วได้ถึง 192.5 กม./ชม. ที่สำคัญสามารถคว้าชัยชนะในรายการ 'World Grand Prix Championship' ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาให้กับผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก

ในปี 1961 Mr.Tsuneji Matsuda ประธาน บริษัท Toyo Kogyu (โตโย โคเกียว) ผู้ผลิตรถยนต์จากแดนอาทิตย์อุทัยภายใต้ชื่อ 'มาสด้า' ได้ทำการซื้อลิขสิทธิ์มาพัฒนาใหม่ จนกระทั่งในเดือนเมษายน ปี 1963 Mr. Keichi Yamamoto ก็ได้ทำการพัฒนาขึ้นมาสำเร็จ แต่ยังพบข้อบกพร่องบางอย่างเกี่ยวกับ Apex Seal และ Oil Seal ซึ่งเสียหายง่าย จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท Nippon Piston Ring & Oil Seal Co. เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้สำเร็จ

ต่อมาในปี 1967 #มาสด้าก็ได้สร้างความฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวรถคันแรก ที่ใช้ #เครื่องยนต์โรตารี่ ด้วย 'รุ่น Cosmo Sport 110S' ซึ่งเป็นรถยนต์มาสด้ารุ่นแรก ที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่หลังจากนั้นจึงได้เริ่มผลิตและจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์โรตารี่ ตามออกมาอีกหลายรุ่น อาทิ แฟมิเลีย โรตารี่คูเป้ (R100 ในต่างประเทศ) ซาวันน่า(RX-3) #RX-7 และรุ่นยูโนส คอสโมมาสด้าถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกและรายเดียว ที่ประสบความสำเร็จในการใช้เครื่องยนต์โรตารี่ ในเชิงพาณิชย์จนถึงปัจจุบันโดยเริ่มมาจากการใช้เครื่องยนต์โรตารี่ในรถยนต์รุ่น Cosmo Sport 110S และทำให้ต่อมารถยนต์มาสด้าหลายรุ่น ก็ได้นำเอาเครื่องยนต์โรตารี่มาใช้

นับจากรถยนต์มาสด้า ที่ใช้เครื่อง โรตารี่ ปรากฏโฉมออกสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาร่วม 50 ปี ของเครื่องยนต์นี้ที่ถูกผลิตและจำหน่ายไปทั่วโลกมากกว่า 2 ล้านคัน ซึ่งในระหว่างนั้นทาง มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่นมีโอกาสผลิตรุ่นพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี จึงได้เปิดตัวมาสด้า #RX-8รุ่นพิเศษ ในตลาดญี่ปุ่น โดยรุ่นพิเศษนี้ได้รับการพัฒนามาจากรุ่น RX-8 Type S(เกียร์ธรรมดา 6 สปีด) และ Type E(เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด) ถึงแม้ว่าเครื่องยนต์โรตารี่ จะได้หยุดการผลิตไปในบางช่วงเวลาเนื่องจากความเข้มงวดในบางตลาด แต่มาสด้าก็ไม่เคยที่จะหยุดพัฒนาและวิจัย

จนกระทั่งวันนี้ตำนานที่ถูกเล่าขานมาอย่างยาวนาน ได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้ง นั่นคือ เครื่องยนต์โรตารี่ เจเนอเรชั่นใหม่ ที่มีชื่อเรียกว่า SKYACTIV-R หรือ เครื่องยนต์โรตารี่ที่แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของมาสด้า ในการกล้าที่จะก้าวสู่ความท้าทายใหม่ๆ และกล้าที่จะต่างด้วยการใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด โดยได้พัฒนาขึ้นเป็นรถสปอร์ตต้นแบบ มาสด้าRX-Vision ที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่ เจเนอเรชั่นใหม่ สกายแอคทีฟ-อาร์ เป็นขุมพลังในการขับเคลื่อน ซึ่ง มาสด้า มอเตอร์คอร์ปอเรชั่น ได้เผยโฉมเป็นครั้งแรกในงาน โตเกียว มอเตอร์ โชว์ เพื่อสะท้อนถึงวิสัยทัศน์แห่งอนาคต ด้วยการเป็นรถสปอร์ตวางหน้า และขับเคลื่อนล้อหลังที่มาพร้อมรูปลักษณ์หรูหรางดงามตามแบบฉบับ โคโดะ ดีไซน์ อันเลื่องชื่อของมาสด้า

นี่คือเรื่องราวความเป็นมาบางส่วนเกี่ยวกับเครื่องยนต์โรตารี่ อันเป็นต้นกำเนิดของรถสปอร์ตมาสด้าหลากหลายรุ่น และส่งผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

‘ฮูพ BNK48’ โดนจวกแรง เต้นในรพ. แฟนคลับงง ผิดตรงไหน เพราะเต้นในห้องพิเศษ

(9 มี.ค.67) ปาฏลี ประเสริฐธีระชัย หรือ ‘ฮูพ สมาชิกรุ่นที่ 3 ของ BNK48’ กลายเป็นดราม่า หลังเจ้าตัวโพสต์คลิปวิดีโอเต้นเพลงใหม่ของหนุ่มธามไทขณะรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

คลิปวิดีโอของ ฮูพ กลายเป็นไวรัล มียอดเข้าชมนับล้านครั้ง เพราะความมีเสน่ห์เฉพาะตัวและความสวยเป๊ะแม้จะอยู่โรงพยาบาล

แต่ไม่วายกลับมีดราม่าจนได้ เมื่อชาวเน็ตส่วนหนึ่งมองว่า พฤติกรรมนี้อาจเป็นอันตรายเพราะ ฮูพ เต้นขณะที่ยังคงใส่สายน้ำเกลือ จะทำให้เลือดย้อนขึ้นรึเปล่า บางคนก็ตั้งคำถามว่าไม่รบกวนคนไข้คนอื่นเหรอ หรือ ทำไมเด็กรุ่นใหม่ต้องทำคอนเทนต์ตลอดเวลา

เป็นการจุดชนวนให้คนอีกกลุ่มหนึ่งที่มองว่าก็ไม่เห็นเป็นปัญหาอะไรออกมาตอบโต้ บอกว่า ไม่รบกวนใครหรอก จากคลิปวิดีโอก็เห็นว่าอยู่ห้องพิเศษ ส่วนเรื่องอันตรายก็ไม่ต้องห่วงเพราะเขาใส่เครื่อง Infusion pump เรียบร้อย ที่เขาออกมาเต้นอาจจะเพราะว่าใกล้หายดีแล้วก็ได้

อย่างไรก็ตาม หากอยู่ในการดูแลของแพทย์ แล้วไม่รบกวนคนอื่น การเต้นในห้องพักก็อาจจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงขนาดที่จะต้องดราม่ากันใหญ่โต

‘สวนสมดุล’ พื้นที่เชื่อมคนเมืองกับธรรมชาติเข้าด้วยกัน

ต้องยอมรับว่าวันนี้สังคมโลกในปัจจุบัน เริ่มตระหนักและพูดถึงเรื่องการให้ความสำคัญกับการต่อสู้/ฝ่าฟันปัญหาโลกร้อนและภาวะเรือนกระจกกันตั้งแต่ระดับโลก, ประเทศ มาสู่ชุมชน ภายใต้บริบทแห่งการสร้างสังคมสีเขียว ปลอดมลพิษ และลดการพึ่งพิงพลังงานฟอสซิล เพื่อทะนุถนอมดูแลโลกใบนี้ให้อยู่กับมนุษยชาติต่อไปอีกนานแสนนานมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การฟูมฟักสังคมสีเขียว ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในยุคนี้ ยุคที่ทุกอย่างอิงแนบไปกับภาคอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการผลิต และเผาผลาญทรัพยากรมหาศาล เพื่อได้มาซึ่งผลลัพธ์แห่งการแข่งขัน รวมทั้งผู้คนที่ขาดความเข้าอกเข้าใจในธรรมชาติ จนหลงลืมว่าชีวิตควรแนบชิดกับธรรมชาติในบางจังหวะ ที่หากทำได้มากเท่าไร ก็อาจจะเป็นแรงเหวี่ยงสำคัญในการปลุกจิตสำนึกแห่งความรักในโลกได้อย่างจริงจังขึ้น

การชวนมนุษย์ให้ค่อยๆ หลุดเข้ามาสู่โลกที่เป็นมิตร โลกที่เต็มไปด้วยกลิ่นแห่งอายแห่งชีวิตที่คลอเคล้าบนวิถีธรรมชาติ จึงเป็นบทบาทของผู้ที่พร้อมจะสละตนมาเนรมิตบางสิ่งด้วยความตั้งใจ แม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ ของสังคม

ด้วยเหตุนี้ THE STATES TIMES จึงอยากพาผู้คนที่ยังขาดจังหวะชีวิตกับวิถีธรรมชาติ มาเริ่มต้นจากการสูดอากาศที่ ‘สวนสมดุล’ หรือ ‘Somdul Agroforestry Home’ อีกหนึ่งสถานที่ตอบโจทย์ผู้คนที่อยากซึมซับในวิถีแห่งธรรมชาติใกล้กรุง เพื่อปรับความสมดุลให้ชีวิต ผ่านกิจกรรมอันหลากหลาย ภายใต้จุดเด่นแห่งการพัฒนาเกษตรกรรมเชิง ‘วนเกษตร’ ที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เรียกว่า ‘ความสุขอย่างยั่งยืน’

'เอี่ยม' อติคุณ ทองแตง หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง ‘Somdul Agroforestry Home’ ได้อธิบายคุณค่าแห่ง 'สวนสมดุล' ไว้อย่างน่าสนใจกับยูทูบช่อง ‘Health Addict’ โดยระบุว่า…

‘Somdul Agroforestry Home’ หรือแปลเป็นภาษาไทยก็คือ ‘วนเกษตร’ เป็นการทําเกษตรที่พึ่งพาอาศัยรวมอยู่กับป่า จุดเริ่มต้นของที่นี่ (สวนสมดุล) เริ่มมาจากกลุ่มคนที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งมาทั้งหมดเป็นกลุ่มนักอนุรักษ์ มีความรักในธรรมชาติเป็นพื้นฐาน และก็เริ่มมองหาธุรกิจ ที่สามารถจะอยู่ร่วมกับป่า ใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งเขียว ๆ รอบ ๆ ตัวเรา

“บทสรุปที่เลือกปักหมุดใน 'วนเกษตร' เพราะผมอยากทําให้คนอื่นเห็นว่า ใครๆ ก็สามารถทําได้เหมือนกัน และเราสามารถนำผลผลิตเชิงวนเกษตรมาใช้ในเชิงธุรกิจได้” คุณเอี่ยมเกริ่น

คุณเอี่ยม อธิบายนิยามคำว่า ‘สมดุล’ เพิ่มด้วยว่า “ที่มาของคําว่าสมดุล มาจากการสร้างความสมดุลระหว่างวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ กับ คนที่ใช้ชีวิตในเมือง ที่ยังเดินห้าง กินอาหารทั่วไป ซึ่งผมเชื่อว่าสองฝั่งนี้ ใช่ว่าจะไปด้วยกันไม่ได้ มันสามารถมาบรรจบกัน และสร้างความสมดุลได้ คนเมืองก็สามารถสร้างสีเขียว ๆ สามารถปลูกต้นไม้ สามารถดูแลระบบนิเวศรอบ ๆ เมืองได้เหมือนกัน...

“ยิ่งไปกว่านั้น เราอยากจะสร้างโลกสำหรับคนรุ่นใหม่ ซึ่งยังเลือกใช้ชีวิตอยู่ในเมือง เกิดแรงบันดาลใจ และทําให้เห็นว่าการเลือกใช้ชีวิตแบบนี้ ไม่จําเป็นต้องหนีห่างไปจากธรรมชาติ หรือออกไปจากระบบนิเวศสีเขียว เพราะที่สุดแล้ว มันพึ่งพากันได้”

เมื่อข้ามผ่านคอนเซปต์แห่ง 'สวนสมดุล' ก็ได้เวลาที่คุณเอี่ยม จะอธิบายพื้นที่และหน้าที่ต่าง ๆ ในสวนแห่งนี้ โดยเขาเล่าไอเดียที่สอดแทรกในทุกๆ ส่วนของสวนสมดุลไว้อย่างน่าสนใจ ว่า...

“ที่นี่จะใช้ส่วนที่เป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร เป็นจุดสื่อสาร เพราะเป็นจุดที่จับต้องได้ง่าย ทุกคนที่มาก็ต้องกิน ต้องดื่ม และเราก็จะพูดเกี่ยวกับเรื่องวัตถุดิบจากธรรมชาติ วัตถุดิบออร์แกนิก หรือวัตถุดิบปลอดสารที่เรา (สวนสมดุล) ได้มาจากสิ่งที่เราปลูกเอง โดยข้างนอกรอบ ๆ จะใช้เป็นโชว์รูม ปลูกไม้ใหญ่ ๆ และต้นไม้เล็ก ๆ ร่วมกันกับการทําสวนเกษตรอินทรี...

นอกจากนี้ ก็จะมีเวิร์กช็อปเกี่ยวกับเรื่องกาแฟ คุณภาพดี, การศึกษาธรรมชาติระบบนิเวศ, พาเด็กดูนก, เก็บไข่ไก่ ได้ไปสัมผัสกับไก่ที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่เคยสัมผัส...

"สำหรับไก่ที่เลี้ยงจะเป็นไก่ไข่ และใช้สำหรับในโซนคาเฟ่ทั้งหมด สิ่งที่สําคัญที่สุดของการเลี้ยงไก่คืออาหาร เราจะใช้เป็นอาหารไก่อินทรีย์ที่ทํามาจากพวกพืชอินทรีย์ทั้งหมด มีข้าวโพดอินทรีย์ ใบข้าว" 

นอกจากในโซนคาเฟ่ สวนปลูกพืช และฟาร์มไก่ไข่แล้ว คุณเอี่ยม ยังได้พูดถึงการเลี้ยงผึ้งชันโรง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่ด้วย 

"สำหรับเจ้าผึ้งชันโรง เป็นเหมือนเครื่องตรวจวัดสารเคมี เนื่องจากเป็นสัตว์ที่มีความไวต่อสารเคมีมาก หากในพื้นที่รอบ ๆ มีระดับความรุนแรงของสารเคมีมากเกินไป รังผึ้งชันโรงก็จะร่อแร่ และอาจจะตายยกรังได้ ฉะนั้นหากมีรังผึ้งชันโรงที่สมบูรณ์ แข็งแรง ก็หมายความว่า พื้นที่รอบ ๆ ปลอดภัยจากสารเคมีนั่นเอง...

"โดยการเลี้ยงผึ้งชันโรงนั้น ต้องเลี้ยงแบบกระจายตัว ต้องวางห่าง ๆ กันเพื่อให้ได้ผลผลิตที่หลากหลาย อาจจะได้ผลผลิตมากถึง 2-4 เท่าเลย เนื่องจากชันโรงเป็นแมลงตัวเล็ก สามารถตอมดอกไม้เล็ก ๆ หรือสมุนไพร เป็นตัวช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีววิทยา และเมื่อได้ศึกษาลงรายละเอียดแล้ว ก็พบว่าผึ้งชันโรงไม่ได้ดุร้ายอย่างที่หลายคนเข้าใจ พวกมันน่ารัก และไม่ได้จ้องจะทำร้ายด้วย เท่านั้นยังไม่พอ ผึ้งชันโรงยังมีประโยชน์มาก ๆ และหากสูญพันธุ์ไป โลกก็จะขาดนักผสมพันธุ์เกสร จะขาดอาหาร และสุดท้ายมนุษย์ก็จะสูญพันธุ์ตามไปในที่สุด"

เมื่อถามถึงเรื่องผลตอบแทนจากการทำสวนสมดุล? คุณเอี่ยม กล่าวว่า “การที่ทําธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมในยุคนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เนื่องจากคนที่เห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อม อาจจะยังมีไม่มากพอ ส่งผลให้รายได้ที่จะวนกลับมาเลี้ยงชีพก็ยังไม่ได้เยอะมาก เรียกว่าต้องทนลําบากในช่วงแรกพอสมควร เพื่อหวังผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

คุณเอี่ยม กล่าวเสริมว่า “แต่ในขณะเดียวกันผมรู้สึกว่าผม ‘จําเป็น’ ต้องทํา เพื่อที่อย่างน้อยเราจะได้เป็นต้นแบบ และทําให้คนอื่นเห็นว่าสามารถทําได้จริง ๆ และหากเราสำเร็จและมีเครือข่ายอื่น ๆ ที่ทําไปด้วยกันกับเรา คนที่จะทําตามหลัง ก็จะไม่ยากลำบากอย่างที่เราเป็นแล้ว”

ในช่วงท้าย คุณเอี่ยมได้ตอกย้ำเรื่องความสมดุลไว้อีกว่า “หัวใจหลักของความสมดุลที่ดีในการใช้ชีวิต อยู่ที่ระบบนิเวศ ถ้าเกิดระบบนิเวศที่สมบูรณ์หรือสามารถดูแลตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์ เราก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตจากระบบนิเวศนั้น ๆ ได้ความร่มเย็นกลับมา ได้อากาศที่ดีกลับมา เป็นผลพลอยได้ที่ทุกคนมักจะลืม เพราะมัวแต่โฟกัสที่ผลกําไรของมันว่าจะเป็นยังไง ให้ผลผลิตแบบไหน ซึ่งผมมองว่าเรื่องระบบนิเวศ เป็นเรื่องผลกระทบในระยะยาว ไม่ได้เห็นชัดเจนรวดเร็ว อาจจะไม่ใช่เพื่อรุ่นเรา แต่เพื่อรุ่นลูกหรือหลานของเราในอนาคต"

***FYI
‘สวนสมดุล’ Somdul Agroforestry Home
ตั้งอยู่ในตำบลบางพรม อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม
ไม่ไกลจากตลาดน้ำอัมพวา จากวัดบางพลับ มาอีกประมาณ 500 เมตร
เปิด วันจันทร์-อังคาร 09.00-17.00 น. วันพุธ-อาทิตย์ 09.00-18.00 น. (ปิดวันพฤหัสบดี)
สอบถาม โทร. 098-362-9894 หรือ facebook.com/somdulhome 

‘หนูนิล’ ทำโอปป้า ซุปตาร์เกาหลี ‘คิมซอนโฮ’ ชะงัก มองเหลียวหลัง ขณะเดินเที่ยวในไทย จนกลายเป็น กระแสไวรัล

คิมซอนโฮ เป็นหนึ่งในนักแสดงจากประเทศเกาหลีใต้ที่เป็นขวัญใจมหาชนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย จะมาไทยสักกี่ครั้งก็ยังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น อยู่เสมอ

ล่าสุด กระแสไวรัลล่าสุดของหนุ่มคิมซอนโฮกำลังถูกพูดถึงอย่างล้นหลาม เมื่อมีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งออกมาแชร์คลิปวิดีโอขณะหนุ่มซอนโฮเดินผ่านร้านค้าของตนเอง แต่แล้วจู่ ๆ หนุ่มซอนโฮก็หันไปมองสาวคนหนึ่งจนเดินกลับมาหาเลยทีเดียว

โดยผู้ใช้ติ๊กต็อก luga1550 ออกมาแชร์คลิปดังกล่าว พร้อมระบุแคปชันว่า “หนูนิลผู้ชนะแคมเปญ #คิมซอนโฮ” ซึ่งภายในคลิปแสดงภาพหนูนิลคนสวยที่เป็นแมวตัวหนึ่งกำลังนั่งเลียขนอยู่ในขณะที่ซอนโฮเดินผ่าน

งานนี้ ความสวยของหนูนิลทำเอาหนุ่มซอนโฮทนไม่ไหว จ้องมองไม่หยุดจนเดินกลับมาหาและลูบตัวไป 1 ครั้งก่อนจะเดินจากไป ถือว่าหนูนิลตกหนุ่มซอนโฮได้อย่างจังเป็นตัวแทนสาวไทยพิชิตใจหนุ่มซอนโฮ

นับตั้งแต่คลิปดังกล่าวถูกแชร์ก็มีการรับชมมากกว่า 12 ล้านครั้ง แถมหนูนิลคนงามโดนแซวยับ ที่มาของรักแรก รวมถึง “หนูนิล เธอพลาดแล้วววว นั่นคิมซอนโฮนะ” , “หนูนิล เธอจะเชิ่ดใส่คิมซอนโฮ มิได้” , “คนจะรัก อยู่เฉย ๆ เค้าก็รักอะเนาะ” , “สวยขนาดใส่เชิดใส่คิมซอนโฮ อะค่ะ”

อย่างไรก็ตาม เจ้าของโพสต์ได้เข้ามาขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูหนูนิล พร้อมเผยว่า น้องเป็นแมวจรที่อยู่ในตลาด ผ่านไปผ่านมาแวะทักทายน้องได้ อาจหยิ่งนิดหน่อยตามหลักของคนสวย ก็อย่าถือกันเลย

เผยเบื้องหลัง เหตุใด ‘นักบอลเกาหลีเหนือ’ วิ่ง 90 นาที ไม่มีหมดแรง ขนาดคู่แข่งอย่างญี่ปุ่น ยังงง

ทำไมนักเตะเกาหลีเหนือถึง วิ่งเต็มที่ไม่มีแรงหมด และ มีพัฒนาการที่ไม่หยุดนิ่ง ทั้งๆ ที่ ไม่ได้เล่นลีกนอกประเทศเท่าไหร่

(2 มี.ค.67) ทางสำนักข่าวญี่ปุ่นก็สงสัยแบบที่หลายๆ คนสงสัยที่ว่า นักเตะเกาหลีเหนือ เวลาลงแข่งรายการใหญ่ถึงวิ่งไม่มีแรงหมด และ ดูบ้าเลือดมาก จึงได้สอบถามไปทางผู้เชี่ยวชาญเกาหลีเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งได้บอกว่า 

" ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ยอดนิยมมากในเกาหลีเหนือ แม้แต่ท่านผู้นำเกาหลีเหนือ มาดูเกมแข่งขันที่จัดขึ้นในประเทศ ทุกครั้ง รวมทั้ง ในเกาหลีเหนือก็มีลีก และ บอลถ้วย แต่ละสโมสรจะมีหน่วยงานดูแล เรียกได้ว่า แต่ละทีมเป็นตัวแทนของกระทรวงนั้นๆ ถ้าคุณได้แชมป์คุณจะได้สิทธิพิเศษ ต่างๆ เช่น ได้รถขับ มีห้องที่หรูหรา มีสวัสดิการเพิ่ม และ อื่นๆ นี้คือระบบลีกเกาหลีเหนือ ไม่แปลกที่นักเตะจะเก่ง และ วิ่งเต็มที่ เพราะใครๆ ก็อยากได้ สวัสดิการในประเทศคอมมิวนิสต์แบบนั้น "

ส่วนเกาหลีเหนือแข่งรายการระดับเอเชียหรือโลก ทำไมวิ่งไม่มีแรงหมด ฮึดสู้เหมือนกินยาม้ามา เอาแรงมาจากไหน?

ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า " หากเวทีระดับโลก และเอเชีย ถ้าได้แชมป์ หรือ เข้ารอบลึกๆ กลับประเทศไปคุณจะได้ ห้องพักอาศัยหรู ได้มีหน้าที่การงานดีขึ้น มีรถหรูขับ นาฬิกาหรูจากท่านผู้นำ ดังนั้น เขาถึงทุ่มเต็มที่ "

เมื่อวาน ญี่ปุ่น ชนะ เกาหลีเหนือไปได้ 2 - 1 ปฏิกิริยาของนักเตะเกาหลีเหนือเสียใจ จนร้องไห้ไม่หยุด ตอนแถลงข่าว โค้ชเกาหลีเหนือมีท่าทีเสียใจ อย่างชัดเจนมาก

ปล.นักบอลเกาหลีเหนือ เป็นชนชั้นแรงงาน หากได้ทำผลงานได้ ก็ได้รางวัลเป็นบ้านหลวง มีเงินเดือนเพิ่มขึ้น และ สวัสดิการดีขึ้น อาจจะได้เลื่อนขั้นในที่ทำงานด้วย ไม่แปลกที่วิ่งไม่หยุดในการแข่งขัน

'ตู่ นพพล' ปลื้ม!! ได้ร่วมถ่ายทอดบททหารกล้าปกป้องแผ่นดินไทย การแสดงละครประกอบเพลง รำลึกเหตุการณ์ ร.ศ.112 ตอน ปราการเวลา

(1 มี.ค.67) นักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมืออย่าง ตู่-นพพล โกมารชุน ที่เมื่อรับงานแสดงให้เห็นหน้าจอเมื่อใดก็สร้างความประทับใจให้แฟนละครมาตลอด ล่าสุดตอบตกลงรับงานแสดงนอกจออีกครั้งในรอบหลายปี ในฐานะนักแสดงนำในโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรปราการทางด้านประวัติศาสตร์ การแสดงแสงเสียงสื่อผสมในรูปแบบมิวสิคัล รำลึกเหตุการณ์ ร.ศ.112 ตอน ปราการเวลา The Theatre จัดโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด จังหวัดสมุทรปราการ

งานนี้เจ้าตัวปลาบปลื้มใจที่ได้รับบทบาทเป็นตัวแทนทหารปกป้องแผ่นดินไทย โดย ตู่ นพพล เปิดเผยว่า “ผมรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติมากๆ ครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ชาติไทย รวมทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สำหรับตัวละครที่ผมเล่นจะเกิดขึ้นในร.ศ. 112 ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่หลายๆ คนรู้จักกับวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 

ผมรับบทเป็นตัวแทนทหารไทยที่ได้เข้าร่วมการรบ เพื่อปกป้องไม่ให้ตกเป็นเมืองขึ้นของชาติใด ซึ่งเรารักษาผืนแผ่นดินไทยไว้ได้ด้วยพระปรีชาสามารถของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และความเสียสละของทหารปี ร.ศ. 112 จนมีสมุทรปราการทุกวันนี้ ผ่านการแสดงละครประกอบเพลง ปราการเวลา The Theatre เรามีโชว์การแสดงถึง 5 องก์ ซึ่งแต่ ละองก์ จะนำเสนอเรื่องราวเต็มครบรสชาติครับ ผมขอเชิญชวนชาวสมุทรปราการ และพี่น้องที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงมาเข้าชมกันเยอะๆ นะครับ งานนี้เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 14-17 มีนาคมนี้ เวลา 18.00น. เป็นต้นไป ณ ป้อมพระจุล จอมเกล้า แล้วเจอกันนะครับ”

'เอวา' พาชม 'งานพระบรมสารีริกธาตุ' ที่คุณพ่อเป็น 'ผู้ร่วมจัด-ประสานงานหลัก' งานประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญที่รวมใจชาวพุทธมากกว่า 4 แสนคน

(29 ก.พ.67) จากงานพิธีอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ จากอินเดีย มาที่สนามหลวง ซึ่งเปิดสักการะ 24 ก.พ.-3 มี.ค. 67 ด้านน้องเอวา หรือ เอวา ปวรวรรณ ได้โพสต์คลิปวิดีโอผ่านช่องติ๊กต็อก @sunflowava พาชมงานพระบรมสารีริกธาตุที่มีคุณพ่อซึ่งก็คือ นายสุภชัย วีระภุชงค์ เป็นผู้ร่วมจัดและประสานงานทั้งหมด โดยระบุว่า…

“วันนี้จะมารีวิวงานพระบรมสารีริกธาตุที่คุณพ่อเป็นคนจัด ซึ่งต้องบอกก่อนว่างานนี้เป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเราเลยก็ว่าได้ โดยที่คุณพ่อนั้นเป็นผู้ประสานงานทั้งหมด เริ่มจากอย่างแรกก็จะมีการสวดพุทธมนต์ไหว้พระกัน โดยทางพี่เนสก็เริ่มสวดได้แล้วและเอวาก็สวดได้แบบไม่ต้องดูหนังสือเลยเช่นกัน ซึ่งพี่เนสก็มาช่วยดูแลงานของคุณพ่อด้วย…

แต่จะบอกว่าคนจํานวนเยอะมาก ๆ อย่างวันนี้ที่มาก็มีผู้เข้าไปร่วมสักการะแล้วทั้งหมด 400,000 คน โดยอย่างแรกก็จะมีการเวียนเทียนรอบโบสถ์ที่มีพระบรมสารีริกธาตุ แล้วคุณพ่อเอวาท่านก็สนิทกับพระหลาย ๆ รูปมากเลย เอวาก็มีบุญเราโชคดีมาก ๆ ที่ได้ขึ้นไปกราบไหว้กับคุณพ่อถึงข้างบน และคุณพ่อเอวาท่านก็ได้คุยกับพระอินเดียด้วย ซึ่งก็เป็นองค์ที่ทําให้งานนี้เกิดขึ้นได้ แล้วคุณพ่อก็เป็นคนประสานงานทั้งหมด โชคดีมาก ๆ ที่พระหลายรูปท่านเอ็นดูแล้วก็รักคุณพ่อเอวา

สำหรับใครที่อยากร่วมสักการะตอนนี้มีถึงวันที่ 3 มีนาคม อยากเชิญชวนทุกคนมากันเยอะ ๆ ส่วนใครที่ดูคลิปนี้ก็อนุโมทนาสาธุร่วมกันกับบุญใหญ่ของเอวาและครอบครัว”

‘ครูเล็ก’ โพสต์ภาพคู่ ‘ลิซ่า’ เผย “เธอเป็นคนที่อบอุ่นมาก” พร้อมคอนเฟิร์มเตรียมชิมลางซีรีส์ดัง เริ่มถ่ายทำที่ไทยแล้ว

(26 ก.พ.67) เรียกว่าแฟนๆ ทั่วโลก ต่างเซอร์ไพร์ส หลัง ‘ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ เซย์เยสชิมลางงานแสดง ใน ‘The White Lotus’ ซีซัน 3 ออริจินัลซีรีส์ของ HBO ที่จะเริ่มถ่ายทำที่เกาะสมุย ภูเก็ต และกรุงเทพฯ

โดยการันตีด้วยรางวัลเอ็มมี่ สร้างสรรค์ เขียนบท และ กำกับโดย ‘ไมค์ ไวท์’ ร่วมกับทีมนักแสดง เลสลีย์ บิบบ์, แคร์รี่ คูน, ฟรานเชสกา คอร์นีย์ ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผย นักแสดงชาวไทยมากฝีมืออีกหลายชีวิต ที่ร่วมถ่ายทอดชีวิตจริงของมนุษย์สู่สายตาแฟนๆ ทั่วโลก อย่าง ครูเล็ก-ภัทราวดี มีชูธน, ดอม เหตระกูล และ เมธี ทับทิมทอง อีกด้วย

ขณะเดียวกัน แฟนๆ ซีรีส์ ก็ยังคงร่วมลุ้นว่า ลิซ่า และนักแสดงคนอื่นๆ จากเมืองไทยจะได้รับบทบาทอย่างไรในเรื่องนี้ รวมถึงรอคอยการถ่ายทำที่ประเทศไทย

ล่าสุด ‘ครูเล็ก’ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง และยังเป็นหนึ่งในนักแสดงซีรีส์เรื่องดังกล่าว ออกมาโพสต์ภาพคู่กับลิซ่าในเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมแคปชันน่ารักว่า “เธอเป็นคนที่อบอุ่นมาก”

ทำเอาแฟนๆ ที่เห็นภาพนี้ ต่างอบอุ่นหัวใจ ที่ลิซ่าได้ร่วมงานกับปรมาจารย์ด้านการแสดง และบอกว่าใครที่ได้ร่วมงานกับลิซ่า ต่างชื่นชมและเอ็นดูในความน่ารัก

พร้อมคาดการณ์กันอีกว่า ลิซ่าเเละทีมซีรีส์ เรื่อง ‘The White Lotus season 3’ เดินทางมาถ่ายทำที่ประเทศไทยกันเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top