Saturday, 12 October 2024
NEWSFEED

ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว!! กำลังใจจาก 'อ้น สราวุธ' ถึง 'แน็ก-ชาลี' ดูแลคนอื่นเป็นเรื่องดี แต่อย่าลืมดูแล 'ตัว-หัวใจ' ตนให้มากๆ ด้วย

(9 ก.ย. 67) จากกรณีดาราหนุ่ม ‘แน็ก-ชาลี ปอทเจส’ ที่ได้ประกาศแยกย้ายกับแฟนสาวชาวเกาหลี ‘จีกามิน’ ซึ่งได้รับความสนใจและมีการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาในโลกโซเชียล โดยมีการแชร์คลิปทั้งมุมของแน็ก และ กามิน ออกมาอ้างแพร่สะพัด

ทว่าภายใต้มรสุมดรามาของทั้งสอง ก็ได้มีคลิปวิดีโอเก่าที่ถูกโพสต์ลงเพจเฟซบุ๊ก ‘fcชาลี กามิน’ ซึ่งเป็นคลิปที่นำมาจากบัญชีติ๊กต๊อก (TikTok) ชื่อ ‘aonsarawut929’ ซึ่งถูกโพสต์เมื่อช่วงต้นปี 67 ที่ผ่านมาของ โดยมี ‘อ้น สราวุธ มาตรทอง’ นักแสดง นายแบบ และนักร้องชื่อดังได้เคยลงคลิปวิดีโอให้กำลังใจ ‘แน็ก-ชาลี’ ไว้ มีเนื้อหาดังนี้ ว่า...

แม้ตัวเอง (อ้น) จะไม่ได้มีโอกาสร่วมงานกับตัวแน็ก-ชาลี แต่ก็รู้สึกว่าเป็นคนที่น่ารักนับตั้งแต่ที่เห็นแน็กแสดงภาพยนตร์เรื่อง ‘แฟนฉัน’ ซึ่งเป็นหนึ่งในภาพยนตร์แจ้งเกิดของแน็กชาลี อีกทั้งยังมีความเห็นว่าเป็นนักแสดงที่มีฝีมือและมีความเป็นธรรมชาติ ตลกโปกฮาและเป็นกันเอง และตัวเขาก็เฝ้าติดตามดาราหนุ่มคนนี้มาตลอด 

“แน็กฟังพี่อ้นนะ พี่อ้นดูแน็กมาตลอดแม้ไม่เคยได้ร่วมงานกับแน็กนะ เห็นแน็กมาตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง ‘แฟนฉัน’ ยังรู้สึกว่า เด็กคนนี้น่ารักจัง แล้วก็เฝ้าติดตามดูงานมาตลอด แน็กเป็นหนึ่งในนักแสดงคนหนึ่งที่พี่อ้นว่ามีฝีมือมากทีเดียวนะ แล้วก็เป็นธรรมชาติมากด้วย มีช่วงหนึ่งที่แน็กหายไป พี่อ้นยังคิดถึงอยู่ว่าหายไปไหน เสียดาย…แต่พอสักพักหนึ่ง แน็กกลับมาในโลกออนไลน์ โลกโซเชียล และคนก็พูดถึงความตลกโปกฮา บ้าบอนู่นนี่นั่น ซึ่งพี่อ้นชื่นชมนะ มันน่ารักดี” 

หลังจากนั้นคุณอ้นยังเสริมต่ออีกว่า แน็กเป็นเหมือนพลังงานดีๆ ให้กับสังคม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ทั้งยังมีเมตตากับสัตว์เลี้ยง ซึ่งในฐานะที่ตัวคุณอ้นเองก็เลี้ยงสัตว์เช่นกัน ก็เลยมีความรู้สึกอยากให้กำลังใจแน็ก พร้อมกับให้กำลังใจพร้อมแง่คิดกับแน็กชาลีเป็นใจความสรุปว่า ก่อนที่แน็กจะให้ความสุขและช่วยเหลือผู้อื่นนั้น จะต้องดูแลตัวเองให้ดีและเข้มแข็งก่อน จึงจะไปช่วยเหลือผู้อื่นได้

“หากแน็กเดินทางบ่อยๆ แน็กจะรู้ว่าเวลาที่เราขึ้นเครื่องบินนั้น เวลาที่เครื่องบินตกหลุมอากาศ มันจะมีเครื่องให้ออกซิเจนตกลงมา วิธีในการใช้ก็คือ เขาให้เราสวมออกซิเจนให้ตัวเองก่อนแล้วค่อยสวมให้คนข้างๆ แน๊กจำคำของพี่อ้นไว้นะ เราต้องแข็งแรง ถึงจะช่วยเหลือผู้อื่นให้แข็งแรงได้ คนรอบข้างจะรอดและมีความสุขได้ เราต้องแข็งแรง การที่แน็กช่วยเหลือผู้อื่นให้มีความสุขนั้นพี่อ้นชื่นชมมาก… แต่น้องต้องแข็งแรง รักษาตัวเองไว้ให้แข็งแรง การดูแลคนอื่นเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม แต่อย่าลืมดูแลผู้ชายที่ชื่อ… ‘แน็ก ชาลี’ ด้วย อย่าลืม…"

ช่วงท้ายของคลิป คุณอ้น ยังให้แง่คิดแก่แน็กชาลีเพิ่มเติมอีกด้วยว่า "วันหนึ่งแน็กต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ต้องแก่ตัวลงและจากไป ทุกอย่างล้วนมีช่วงเวลาในการเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งหนึ่งที่แน็กสามารถทำได้คือ อยู่กับหัวใจของตัวเอง ดูแลตัวเองให้ดีที่สุด และย้ำอีกครั้งว่า เมื่อเราแข็งแรง เราก็จะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้"

"วันหนึ่งเราต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ต้องแก่เฒ่าและจากไป แน็กรู้แล้วเรื่องนี้ ทุกอย่างจะมีช่วงเวลาในการเปลี่ยนแปลง ก็เหมือนกับโฮมสเตย์ เหมือนบ้านพักชั่วคราว ขอให้แน็กอยู่กับตรงนี้ อยู่กับหัวใจของตัวแน็กเอง ดูแลหัวใจของตัวเองให้ดี เมื่อเราแข็งแรง เราก็สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ และทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น เพราะคนอย่างแน็กนี่แหละ รักแน็กนะ พี่มองเห็นสิ่งที่แน็กทำนะ…"

จากนั้นก็ทิ้งท้ายก่อนจบคลิปว่า แน็กชาลี คือ ที่สุดของคนที่มีแต่พลังงานบวก เพราะมันคงไม่ง่ายเลยที่จะมีคนๆ หนึ่งเอาตุ๊กแกมาเล่นตีขิมตีระนาดได้

สำหรับคลิปดังกล่าวมีการนำมาแชร์อีกครั้ง หลังจากที่แน็ก ชาลีได้ออกมาไลฟ์สดระบายความรู้สึกอัดอั้นจากดรามาครั้งล่าสุด

‘ดู๋-สัญญา’ ยกข้อคิดวงการบันเทิงไทย ช่วงหนึ่งแห่งยุคทองย่อมผ่านไป ส่วนยุคใหม่จะหาทางรอดได้เองเสมอ ด้วยวิถีที่คนรุ่นเก่ามักนึกไม่ถึง

(9 ก.ย. 67) เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘Nanake555’ ได้นำเนื้อหาส่วนหนึ่งของรายการ ‘คุยให้เด็กมันฟัง’ ซึ่งเป็นรายการทางช่องยูทูบของชาแนลชื่อเดียวกันในตอนที่ 44 ที่มีการเชิญคุณ ‘ดู๋ สัญญา คุณากร’ พิธีกรและนักแสดงชาวไทยชื่อดังมาเป็นแขกรับเชิญในรายการ 

โดยในคลิปส่วนหนึ่งของรายการ คุณดู๋ได้ให้ความเห็นที่เกี่ยวกับเรื่องของการเปลี่ยนผ่านของคนแต่ละเจนเนอเรชันว่า การเข้าสู่วงการบันเทิงในช่วงยุคทองมันผ่านไปแล้ว และเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างมาก เพราะสมัยนี้เป็นยุคของการต้องทำอย่างไรให้อยู่รอด แทนที่จะกลายเป็นความครีเอทีฟสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่มีความซับซ้อนในการนำเสนอ แต่เป็นกระแสของการเน้นทำธุรกิจบันเทิงต่าง ๆ อะไรให้อยู่รอดมากกว่า

“มีบางคนบอกว่า 'การกระโดดเข้าวงการบันเทิงในช่วงเวลาที่ยุคทองของมันผ่านพ้นไปแล้ว เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงมาก' มันมีวิธีการที่แตกต่างไปแล้ว มันมีการคิดที่แตกต่างไปแล้ว มันมีรสนิยมที่แตกต่างไปแล้ว ยุคที่ลงทุนมาก ๆ ได้ผลตอบแทนดีๆ มีเวลาครีเอทเรื่องแปลกใหม่ ยอดเยี่ยม มีความซับซ้อนในการนำเสนอ มันผ่านไปแล้ว กลายเป็นยุคทุนต่ำ ต้องทำยังไงให้อยู่รอด กลายเป็นกระแสของการอยู่รอดขึ้นมากลบครีเอทีฟ ขึ้นมากลบการสร้างสรรค์ หรืออะไรต่าง ๆ ก็น่าเป็นห่วง" 

แม้จะมีความเห็นถึงการสร้างสรรค์วงการบันเทิงที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่อีกด้านหนึ่ง คุณดู๋ก็ยังคงมองว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เขาเชื่อว่าต่อไปคนรุ่นใหม่จะยังสามารถรับมือและแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ในแบบที่คนสมัยรุ่นเก่าอาจจะคิดไม่ออก เปรียบเหมือนต้นไม้ที่งอกอยู่บนแท่งปูน อะไรที่คิดว่าไม่น่ารอด มันจะรอดและไปต่อได้ด้วยวิธีการคิดที่คนสมัยก่อนคาดไม่ถึง

"แต่สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือ ไม่ว่าอะไรจะน่าเป็นห่วง คนที่รุ่นใหม่กว่าจะเจอวิธีการที่คนรุ่นเก่ากว่าคิดแล้วมันคิดไม่ออก มันจะมีคนคิดออก มันจะมีคนรุ่นใหม่ มันจะเหมือนต้นไม้งอกในแท่งปูน ข้างทาง ถนน อะไรก็ได้ ที่เราคิดว่าไม่รอด มันจะรอด มันจะไปต่อได้ ด้วยวิธีการที่แตกต่างจากวิธีคิดสมัยก่อน เขาเปลี่ยนวิธีคิดตามสิ่งเหล่านั้นได้เก่งกว่าผู้ใหญ่ แล้วรุ่นลูกเรา ลูกพวกเรา เพื่อนเรา ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ผ่านพ้นมัน สำหรับผมนะ ผมเชื่อว่าเขาจะผ่านพ้นมันได้ อุปสรรคจะยากจะง่าย แต่ก็ทำได้ เหมือนที่เราเคย ปู่เราก็จะบอกว่า ‘ไอ้นี่มันจะไหวเหรอ โลกมันกลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว มันก็เป็นอย่างนู้นไปแล้ว'”

พร้อมกันนั้น ในท้ายคลิปที่ตัดออกมา คุณดู๋ยังได้ทิ้งท้ายว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนผ่านไปได้เรื่อย ๆ และยังคงยืนยันใจความสำคัญว่า ไม่ต้องเป็นห่วงว่าคนรุ่นลูกหลานจะยังคงเอาตัวรอดได้เสมอ

"มันเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แหละครับ แต่ก่อนวิทยุ หนังสือพิมพ์ วันหนึ่งก็โทรทัศน์ วันหนึ่งเดี๋ยวโซเชียลก็เปลี่ยนอีก แพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็เปลี่ยน เห็นไหม? มันมีใหม่มาเก่าไป เด็กจะเปลี่ยนแปลงตาม แล้วไม่ต้องห่วงว่าเขาจะไม่รอด ผมเชื่อว่าเขาจะรอด"

จากส่วนหนึ่งของรายการช่องยูทูบที่ตัดเอามาลงเพจดังนั้น ได้มีชาวเน็ตมาร่วมแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ มากมาย และชื่นชมที่คุณดู๋เป็นผู้ใหญ่ที่เปิดกว้างและมองโลกตามความเป็นจริง

ผู้ติดตามอินสตาแกรม ‘กามิน’ ลดฮวบ เหลือ 3.7 แสนคน จากเดิม 4.5 แสนคน

(9 ก.ย. 67) จากกรณีดรามาระหว่างสาวเกาหลีใต้ ‘จี กามิน’ กับอดีตคู่จิ้นอย่าง ‘แน็ก ชาลี ไตรรัตน์’ จนทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนักหน่วงในโลกออนไลน์ หลังฝ่ายชายออกมาไลฟ์แฉพฤติกรรมสารพัด

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยอดผู้ติดตามอินสตาแกรมของฝ่ายหญิง @mmini.j ที่เคยมีคนติดตามประมาณ 4.5 แสนผู้ติดตามนั้น ในขณะนี้ปรากฏว่ายอดผู้ติดตามได้ลดลงมาเหลือเพียงประมาณ 3.7 แสนผู้ติดตาม เรียกว่าลดฮวบไปกว่า 8 หมื่นผู้ติดตามแล้ว

‘โอปป้าเกาหลี’ สะท้อนมุมมองดรามา 'ชาลี-กามิน' สงสาร 'ชาลี' สงสารความมีน้ำใจของคนไทย

เมื่อวานนี้ (5 ก.ย. 67) บัญชีติ๊กต๊อก (TikTok) ที่ใช้ชื่อว่า ‘ruengnok18053’ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘พี่เรือง-น้องนก’ ซึ่งเป็นบัญชีของสาวไทยที่ได้แต่งงานกับหนุ่มเกาหลีอาศัยอยู่ในไทย โดยได้ลงคลิปคอนเทนต์รีแอคชันของ ‘พี่เรือง’ ผู้เป็นสามีชาวเกาหลีที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดาราหนุ่ม ‘แน็ก ชาลี ปอทเจส’ ที่ประกาศแยกย้ายกับ ‘กามิน’ แฟนสาวชาวเกาหลี 

สำหรับเนื้อหาของคลิปเริ่มต้นที่ ‘พี่เรือง’ ดูคลิปเต้นของกามิน ก่อนจะปิดไปด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย จากนั้น ‘น้องนก’ ซึ่งเป็นภรรยาก็ได้ถามว่า “ถ้าอยากจะคอมเมนต์กามิน อยากจะคอมเมนต์ว่าอะไร?”

โดยสามีชาวเกาหลี ได้มีความเห็นว่า ตนรู้สึกโกรธมาก และคิดว่าทำไมกามินถึงทำแบบนี้? ทำไมไม่มีความรู้สึกผิดต่อคนไทยที่เคยรักและชื่นชมเธอเลย กลับลงคลิปเต้นเหมือนต้องการเยาะเย้ยคนไทย ซึ่งตนมองว่า ดูเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมากที่เธอเลือกทำร้ายความรู้สึกของคนไทยแบบนี้

"ผมรู้สึกโกรธมากนะ ดูเหมือนกามินอาจจะเข้าใจผิด เหมือนเธอจะคิดว่าตัวเองจะอยู่เกาหลีตลอดไป" 

พี่เรือง บอกอีกว่า "กามินโชคดีมาก ไม่ใช่แค่เรื่องเงินนะ เนื่องจากคนไทยหลายคนชอบกามิน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ทำไมกามินถึงไม่รู้ตัวเองว่า เธอมาถึงจุดนี้ (จุดที่มีชื่อเสียง) ได้ยังไง? ทำไมคนไทยชอบกามิน? ทำไมคนไทยถึงคอยให้กำลังใจกามิน? คนไทยให้ทุกอย่าง ทั้งความรู้สึก แม้กระทั่งเงินทองแบบที่ไม่ได้หวังผลตอบแทน แถมยังให้กำลังใจนับตั้งแต่ตอนที่เธอไลฟ์คนเดียว ซึ่งไม่มีคนดูเลย”

นอกจากนี้ พี่เรือง ยังให้มุมมองอีกว่า กามินอาจต้องการแค่ชื่อเสียงและฐานแฟนคลับตัวเองเพิ่มเท่านั้น แต่เมื่อได้ทุกอย่างแล้ว กลับลืมตัวและยอมทิ้งสิ่งที่คนไทยให้ไปจนหมด กามินควรจะต้องขอโทษคนไทย และชี้แจงความจำเป็นที่ตัวเองจะต้องอยู่เกาหลีอย่างจริงใจ ซึ่งตนเชื่อว่าคนไทยย่อมต้องเข้าใจและยังคงสนับสนุนเธอต่อไปแน่ 

“ทำไมเธอไม่ขอโทษคนไทย ก็แค่พูดว่า ‘ขอโทษนะคะ โปรดเข้าใจฉันได้ไหม? ฉันเป็นคนเกาหลี ฉันอยากอยู่เกาหลี จะต้องอยู่เกาหลี ขอโทษนะคะ’ พูดแค่นี้ก็ได้ คนไทยก็เข้าใจใช่ไหม? คนไทยก็โอเค”

ทั้งนี้ เมื่อทุกครั้งที่พวกเขา (พี่เรือง-น้องนก) นั่งดูคลิปกามินด้วยกัน ก็นึกตั้งข้อสังเกตว่า หากกามินต้องการจะอยู่และใช้ชีวิตในประเทศไทยจริงๆ เธอก็น่าจะต้องพยายามทำตัวเองให้สนุกสนานและมีความสุขเวลาใช้ชีวิตอยู่ในไทย แต่ดูเหมือนเธอจะตั้งหน้าตั้งตาหาเงินตลอดเวลา

ท้ายสุด พี่เรือง ได้ทิ้งท้ายด้วยว่า เขาสงสารแน็กชาลี และเป็นกำลังใจให้ดาราหนุ่มก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้ ก่อนจะจบคลิปว่า "แน็กชาลี สู้ๆ นะครับ"

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวันนี้ (6 ก.ย. 67) ทางกามินได้มีการออกมาไลฟ์ชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า ที่เธอกลับเกาหลีกะทันหัน เพราะเป็นการตัดสินใจของชาลี และได้ตัดสินใจเลิกกันตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.67 แล้ว ที่เลือกมาทำงานในไทยเป็นเพราะความรักล้วนๆ พร้อมกับมั่นใจว่าไม่เคยดูถูกคนไทยว่าหลอกง่าย ไม่ได้หอบเงินหนี หากทำจริงเธอยอมเดินเข้าคุก อีกทั้งไม่ได้เป็นคนทำบ้านของชาลีไฟไหม้ และที่ให้แน็กจ่ายค่าปรับเพราะผิดสัญญางานจ้างก็ไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าทุกอย่างระหว่างเธอกับแน็กชาลีจบลงด้วยดี

สุดท้ายไม่ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร ก็ขอให้คนไทยติดตามกันด้วยวิจารณญาณ จะดีที่สุด...

ภรรยา 'ติ๊ก ชิโร่' เปิดภาพเก่าเก็บ บอกกาลเวลาพิสูจน์ทุกอย่างแล้ว

เมื่อวานนี้ (5 ก.ย. 67) ทำเอาหลาย ๆ คนสงสัย เมื่อ ‘อ้อ พรรทิรา นันทเสน’ ภรรยาของ ‘ติ๊ก ชิโร่’ หรือ ‘นัสวิน นันทเสน’ ได้ออกมาโพสต์ภาพของ ติ๊ก ชิโร่ พร้อมกับ ‘โน้ส อุดม แต้พานิช’ นักพูดชื่อดังในอดีต โดยระบุว่า... 

“วันนี้เคลียร์บ้าน เจอรูปนี้ มันนานมากแล้วนะ น่าจะ 26 หรือ 27 ปีที่แล้ว ช่วงนั้นพี่มาหาพี่ติ๊กบ่อยมาก เชิญเราไปทุกเดี่ยวที่พี่จัด แต่วันเวลาผ่านไปคนเราก็เปลี่ยน อ้อเคยคิดว่าพี่รักเคารพพี่ติ๊ก แต่อ้อคงเข้าใจผิด เพราะตั้งแต่พี่เริ่มไปคบคนใหม่ ๆ (พวกที่มีกระแส หิวแสง) พี่ก็ลืมพวกเราอย่างสนิท พี่ไปร่วมงานวิ่งกับใครต่อใคร แต่เวลางานพี่ติ๊กพี่ไม่เคยมาเลย… อ้อเคยรู้สึกดี แอบเผลอพิมพ์หาพี่เล่าทุกข์สุขให้ฟัง เพราะในวงการอ้อก็ไม่มีใคร…ไม่เป็นไรกาลเวลาได้พิสูจน์ทุกอย่างแล้ว… สวัสดี”

ทั้งยังว่า “จะเพื่อนใหม่เพื่อนเก่าไม่สำคัญ มันอยู่ที่ความต่อเนื่อง ไม่ทิ้งกันยามทุกข์หรือสุขจำไว้!!!” และว่า “พวกกะโหลกกะลา!!!”

หลังจากภาพและข้อความดังกล่าวถูกแชร์ไปเป็นจำนวนมาก ล่าสุด คุณอ้อ พรรทิรา ก็ได้โพสต์คอมเมนต์ ว่า...

"อ้อขอโทษพี่โน้ส และทุกคนด้วยนะคะ ยังไงอ้อรักพี่เสมอ อ้อแค่น้อยใจ"

แฟนคลับเศร้า!! สิ้น 'ป๋าโก๋ คาราบาว' มือกลองประจำวง เสียชีวิต ในวัย 50 ปี

เมื่อวานนี้ (5 ก.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก Carabao Official โพสต์ข้อความ แจ้งข่าวการเสียชีวิตของ ‘โก๋ คาราบาว’ มือกลองประจำวง โดยระบุว่า "ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของคุณ ชวลิต ฉลองพงษ์ หรือ โก๋ คาราบาว ขอให้พี่โก๋เดินทางสู่ภพภูมิที่ดีครับ ด้วยรักและอาลัย" 

ขณะที่มีคนมาคอมเมนต์แสดงความไว้อาลัยจำนวนมาก

สำหรับ ‘โก๋ คาราบาว’ ชื่อจริง ‘ชวลิต ฉลอมพงษ์’ อายุ 50 ปี เป็นชาว จ.อุบลราชธานี โดย ‘โก๋ คาราบาว’ ได้เข้าร่วมวงคาราบาว ในอัลบั้มชุดที่ 11 วิชาแพะ เมื่อปี 2534 จนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ ‘วงคาราบาว’ เป็นวงดนตรีเพลงเพื่อชีวิตที่มีชื่อเสียงมากที่สุดวงหนึ่งของของประเทศไทย มีผลงานตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 จนถึงปัจจุบัน โดยมี ‘แอ๊ด ยืนยง โอภากุล’ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้อง-นักประพันธ์เพลงไทยสากล) พ.ศ.2556 เป็นหัวหน้าวง

เปิดใจ!! 'น้าโย่ง-ครูโจ้' ความภูมิใจหลังได้รับเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติ ลั่น!! ขออนุรักษ์-สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

(28 ส.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายได้ว่า ตามที่ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ประกาศผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ ปี 2566 จำนวน 12 คน ดังนี้ 

สาขาทัศนศิลป์ 4 คน ได้แก่
1.ศ.เกียรติคุณกัญญา เจริญศุภกุล (สื่อผสม) 
2.นางวิภาวดี พัฒนพงศ์พิบูล (สถาปัตยกรรมภายใน) 
3.ร้อยตรีทวี บูรณเขตต์ (ประณีตศิลป์-ช่างปั้น หล่อ) 
4.นายสุดสาคร ชายเสม (ประณีตศิลป์-เครื่องประกอบฉาก)

สาขาวรรณศิลป์ จำนวน 2 คน ได้แก่
1.นายประสาทพร ภูสุศิลป์ธร 
2.นายวศิน อินทสระ 

สาขาศิลปะการแสดง 6 คน ได้แก่ 
1.นายสมบัติ แก้วสุจริต (นาฏศิลป์ไทย-โขน ละคร) 
2.นายไชยยะ ทางมีศรี (ดนตรีไทย) 
3.นายพิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา (การแสดงพื้นบ้าน-เพลงฉ่อย) 
4.จ่าโทหญิง ปรียนันท์ สุนทรจามร (นักร้องเพลงไทยสากล-ลูกทุ่ง) 
5.นายสุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (นาฏศิลป์สากล)
6.รศ.บรรจง โกศัลวัฒน์ (ภาพยนตร์) นั้น

นายพิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา หรือ โย่ง เชิญยิ้ม ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน-เพลงฉ่อย) กล่าวว่า รู้สึกดีใจสุด ๆ ไปเลย กับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ที่ผ่านมาพยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยเฉพาะ ในส่วนของการเรียนรู้ และการแสดงเพลงฉ่อย ลิเก เป็นสิ่งที่ตนหัดเล่นตั้งแต่สมัยเป็นเด็กเล็ก ๆ และเมื่อเราเห็นคนดูมีความสุขกับการแสดง เราก็มีความสุขตามไปด้วย

ทั้งนี้ตนพร้อมและยินดี ที่จะช่วยธำรงรักษา และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านศิลปะการแสดงพื้นบ้านตามที่ตนถนัด สู่เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ ผ่านกิจกรรมของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม วธ. ถือเป็นโอกาสที่เราจะได้ช่วยสังคม เพื่อที่จะทำให้มรดกอันล้ำค่าคงอยู่ ไม่สูญหาย ถือเป็นการอนุรักษ์ สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยซึ่งเป็นรากเหง้าของชาติ ให้คงอยู่

ด้าน นายสุธีศักดิ์ ภักดีเทวา หรือครูโจ้ เดอะสตาร์ (นาฏศิลป์สากล) กล่าวว่า เมื่อได้ทราบข่าวก็หัวใจเต้นแรง และขอพูดตรง ๆ ว่ารู้สึกดีใจ และภูมิใจมาก เพราะการแสดงสาขานี้เป็นศาสตร์ที่ผสมผสานนาฏศิลป์ไทย และตะวันตกให้สอดประสานเป็นวัฒนธรรม การได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ ถือเป็นรางวัลของวงค์ตระกูล ภักดีเทวา ซึ่งตนอยากนำความรู้ในส่วนนี้ไปถ่ายทอดให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาเรียนรู้ นาฏศิลป์สากล ไม่ใช่แค่การเต้น ที่ปัจจุบันมีผู้สนใจจำนวนมาก แต่สิ่งที่ยากคือ ต้องสื่อให้เห็นว่า เป็นศาสตร์ที่มีตัวต้น เป็นตัวดำเนินเรื่องที่ผสมผสานวัฒนธรรมต่าง ๆ เข้าด้วยกัน

“ศิลปินแห่งชาติ ถือเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งศิลปินไทยสามารถปักธง และได้รับรางวัลในระดับนานาชาติจำนวนมาก ดังนั้น ผมอยากถ่ายทอด เพื่อสืบสานและต่อยอด ให้การแสดงของคนได้เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น” ครูโจ้ กล่าว

'ชาวเน็ต' ไม่ขำ!! หลัง 'มาร์ช จุฑาวุฒิ' เตะช่อบูเก้ งานแต่งเพื่อน ทั้งที่เป็นคลิปคอนเทนต์หลังเลิกงาน และคุยกับ 'บ่าวสาว' ไว้แล้ว

(28 ส.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี มาร์ช จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล ที่เตะช่อดอกไม้ที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวโยนลงมาจากเวที เพราะตั้งใจที่จะทำคอนเทนต์สนุก ๆ นั้น งานนี้ทำเอาชาวเน็ตไม่สนุกด้วย และเข้าไปคอมเมนต์ติการกระทำของเจ้าตัวกันมากมาย

งานนี้ทำเอา หนุ่มมาร์ช ต้องเข้ามาชี้แจงและขอโทษถึงการกระทำของตนเองในไอจีว่า...

"ในคลิปเป็นช่วง after party ครับผมช่วงที่งานเลิกแล้ว ช่อจริงโยนเสร็จเรียบร้อยในงานแล้วครับ จริง ๆได้คุยกับ บ่าวสาว ตั้งแต่ก่อนวันงานแล้วครับ ว่าจะถ่ายคอนเทนต์นี้กันแบบสนุก ๆ…

"(เพราะเพื่อน ๆ ที่สนิทที่ไม่ได้เจอกันแบบครบ ๆ มากันเยอะมาก เลยอยากมีอะไรถ่ายไว้) เจ้าสาวเป็นคนเตรียมดอกไม้ช่อนี้ให้เองครับ (ไม่ใช่ช่อจริง เป็นช่อสำหรับคอนเทนต์นี้ ช่อจริงวันนั้นสวยงามมากครับ)...

"คลิปเป็นเชิงตลกครับ ไม่อยากให้ซีเรียสครับ สื่อประมาณว่า ถ้าเป็นสาว ๆ จะแย่งกัน แต่พอเป็นแก๊งผู้ชาย (ในที่นี่หมายถึงกลุ่มพวกผม) ที่สนิทกันชอบสังสรรค์กันเลยวิ่งหนีช่อดอกไม้ครับ (ในคลิปเป็นการนัดแนะกันหมดแล้วครับ) บางคนในคลิปก็แต่งงานมีครอบครัวแล้วครับ มาถ่ายกันขำ ๆ ครับ แต่ถ้าคลิปนี้ได้สร้างความไม่สบายใจให้กับใคร ผมเองต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ"

เปิดความคิดสุดเข้มแข็งจาก 'เบสท์ คำสิงห์' สาวเก่งที่เกิดมาเพื่อเคียงข้างทุกคนในครอบครัว

(26 ส.ค. 67) เพจ ‘หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ’ ได้โพสต์คำสัมภาษณ์บางช่วงบางตอนของดาราสาวสวย ‘เบสท์ รักษ์วนีย์ คำสิงห์’ ลูกสาวของ สมรักษ์ คำสิงห์ ที่ได้เปิดใจในรายการ ‘Club Friday Show’ ว่า…

“..อยากบอกพ่อว่า ก็ใช้ชีวิตไปเลยค่ะ ให้มีความสุขในทุก ๆ วัน ไม่ต้องกลัวเลยว่าหนูจะไม่อยู่เคียงข้าง หนูจะเคียงข้างพ่ออย่างนี้แหล่ะ ไม่เป็นไร แล้วก็ไม่ต้องรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือรู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ โชคชะตามันกำหนดมาแล้ว เราก็ยอมรับแล้วก็สู้กับมัน…

“สำหรับน้องชาย ก็ขอให้เป็นเด็กดีค่ะ ตั้งใจเรียนแล้วก็ไม่ต้องคิดว่าโตขึ้นมาจะต้องหาเงินให้ได้เท่าเบสท์ คนเรามันอาจจะแบบหาได้ไม่เหมือนกัน อย่าไปกดดันตัวเองค่ะ อยากให้โบ๊ทมีความสุขใช้ชีวิตวัยรุ่นไปเลย เพราะว่าพี่ไม่เคยได้ใช้ แต่โบ๊ทได้ใช้มันแล้ว ใช้มันให้ดีที่สุด ไม่ต้องกดดันว่าจะต้องทำให้ได้แบบพี่ การที่โบ๊ทเป็นโบ๊ทมันดีอยู่แล้ว ไม่ต้องเปรียบเทียบ…

“สำหรับแม่ หนูว่าที่หนูเข้มแข็งมาทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะแม่ คือถ้าเกิดว่าแม่ไม่ได้เป็นคนบอกให้ย้ายบ้านให้เก็บเงิน หนูก็คงไม่ได้ประสบความสำเร็จ ถ้าแม่ไม่ได้ช่วยวางแผนชีวิต หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราต้องใช้เงินกี่บาทในแต่ละเดือน เรื่องผู้ชายก็เหมือนกัน ทำไมหนูถึงอดทนกับความรัก เพราะว่าแม่ก็อดทนกับพ่อเหมือนกัน และหนูก็เชื่อว่า สิ่งที่หนูคิดดีทำดีมาตลอด มันจะทำให้หนูมีความสุขและประสบความสําเร็จ แล้วก็ได้เจอความรักดี ๆ เจอคนดี ๆ…”

#เป็นเด็กที่มีความคิดอะไรได้ขนาดนี้

'พีเค' เผยจุดพีกงานพิธีกร แค่ชั่วโมงครึ่งได้ค่าตัว 1 แสนบาท พ้อ!! ไม่คิดอายุ 50 ปี ต้องมานั่งนับหนึ่งใหม่ ลั่น!! ยังชอบทำงานที่สุด

(26 ก.ย. 67) 'พีเค ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร' ได้ออกมาเล่าถึงการทำงานพิธีกรและเผยจุดพีก ผ่าน Thairath Talk ระบุว่า...ทำงานแค่ 1 ชม.ครึ่ง ได้ค่าตัว 1 แสนบาท แต่ก่อนที่จะมีชื่อเสียงจากการเป็นดีเจ ก็เริ่มมีเงินจากงานอีเวนต์ โดยงานพิธีกรแรกคือเปิดตัวเหล้า ไม่มีค่าตัว ได้ค่าตัวเป็นเหล้า 1 ขวด มิกเซอร์ 2 ขวด

จากนั้นลูกค้าก็พูดกันปากต่อปาก จนค่าตัวเพิ่มจาก 5 พัน เป็น 1 แสนบาท โดยได้เงินเท่าไหร่ ก็เอาไปใช้จ่ายหมด ทั้งบ้าน รถ คอนโด จนถึงตอนนี้ที่ตนอายุ 50 ปี ที่ควรจะเป็นจุดสูงสุดในชีวิต กลับต้องมานั่งนับ 1 ใหม่ แต่โชคดีที่บ้าน รถ คอนโด ผ่อนหมดแล้ว และไม่ต้องห่วงเรื่องหนี้สิน เพราะหากวันนี้ไม่ทำงานก็อยู่ได้ แต่ชีวิตตนชอบทำงานที่สุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top