Saturday, 17 May 2025
NEWS FEED

ดร.'สามารถ' ลุ้น!! กทม. ล้างหนี้ BTS ก่อนหมดสัญญาปี 2572  หวั่น!! ชำระหนี้ไม่ครบ ต้องยืดสัญญาสัมปทาน

(17 มี.ค.67) ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีการชำระหนี้คืนของ กทม. ให้กับ BTS ระบุว่า...

ลุ้น ! กทม. ล้างหนี้ BTS ก่อนหมดสัญญาปี 2572
น่าดีใจที่ กทม. เตรียมจ่ายหนี้งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลให้ BTS ประมาณ 2.3 หมื่นล้าน จากหนี้ทั้งหมดถึงวันนี้ประมาณ 5.3 หมื่นล้าน ไม่รวมหนี้ค่าจ้างเดินรถที่จะเกิดขึ้นจากวันนี้ไปจนถึงวันสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2572 อีกก้อนใหญ่ หาก กทม. สามารถล้างหนี้ได้ก่อนหมดสัญญา หรือหาก กทม. ไม่สามารถล้างหนี้ได้ อะไรจะเกิดขึ้น ?

1. ถึงวันนี้ กทม. เป็นหนี้ BTS เท่าไหร่ ?
ถึงวันนี้ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นหนี้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย รวมดอกเบี้ยประมาณ 5.3 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยหนี้งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M หรือ Electrical and Mechanical) เช่น อาณัติสัญญาณ สื่อสาร ระบบตั๋ว และประตูกั้นชาลา เป็นต้น ประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท และหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา (O&M หรือ Operation and Maintenance) รวมค่าเช่าขบวนรถไฟฟ้า ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
หนี้ E&M เริ่มมีตั้งแต่ปี 2559 และได้เพิ่มมากขึ้นเมื่อขยายเส้นทางยาวขึ้น ส่วนหนี้ O&M เริ่มมีตั้งแต่ปี 2560 เมื่อเปิดเดินรถช่วงสถานีสำโรง-สถานีปู่เจ้าสมิงพราย ในวันที่ 3 เมษายน 2560 และหนี้ได้เพิ่มมากขึ้นเมื่อเปิดเดินรถจากสถานีปู่เจ้าสมิงพราย-สถานีเคหะสมุทรปราการ ในวันที่ 6 ธันวาคม 2561 ตามด้วยการเปิดเดินรถจากสถานีหมอชิต-สถานีห้าแยกลาดพร้าว ในวันที่ 9 สิงหาคม 2562 และจากห้าแยกลาดพร้าว-สถานีคูคต ในวันที่ 16 ธันวาคม 2563

2. ความเป็นไปได้ในการจ่ายหนี้โดย กทม.
เวลานี้ กทม. มีความพร้อมที่จะจ่ายหนี้ก้อนแรกค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท ส่วนหนี้ค่าจ้างเดินรถที่ถึงเวลานี้มีประมาณ 3 หมื่นล้านบาท กทม. ยังไม่จ่าย เนื่อง
จากยังมีคดีค้างอยู่ที่ศาลปกครอง นอกจากนี้ ยังมีหนี้ค่าจ้างเดินรถที่จะเกิดขึ้นจากวันนี้ไปจนถึงวันสิ้นสุดสัญญาในปี 2572 อีกก้อนใหญ่ ถ้า กทม. ไม่สามารถจ่ายได้ รัฐบาลจะช่วย กทม. หรือไม่ ? 
โอกาสที่จะเกิดขึ้นในการชำระหนี้มีดังนี้

(1) กทม. จะสามารถล้างหนี้ได้ก่อนหมดสัญญาปี 2572
หาก กทม. สามารถชำระหนี้ได้หมดโดย กทม. เอง หรือโดยความช่วยเหลือจากรัฐบาล กทม. ก็ไม่จำเป็นจะต้องขยายสัมปทานให้ BTS แต่ กทม. จะต้องจ้าง BTS ให้เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวรวมทั้งซ่อมบำรุงรักษาไปจนถึงปี 2585 ตามสัญญาจ้างระหว่าง กทม. กับ BTS ที่ทำกันมาหลายปีแล้ว การว่าจ้างส่วนต่อขยายบางช่วงเริ่มตั้งแต่ปี 2555-2585 บางช่วงเริ่มตั้งแต่ปี 2559-2585 และที่สำคัญ ได้ว่าจ้างให้เดินรถส่วนหลักด้วยหลังจากสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2572 จนถึงปี 2585
กรณี กทม. จ้าง BTS ให้เดินรถและซ่อมบำรุงรักษา กทม. จะสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารได้เอง เป็นอิสระจาก BTS ค่าโดยสารอาจจะถูกลงก็ได้ ทั้งนี้ กทม. ควรเก็บค่าโดยสารให้มีรายได้พอที่จะเลี้ยงตัวเอง นั่นคือพอเพียงกับค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา รวมทั้งค่าซ่อมบำรุงรักษาใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ค่าเปลี่ยนขบวนรถไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งใช้งานมานานหลายปี

(2) กทม. ไม่สามารถล้างหนี้ได้ก่อนหมดสัญญาปี 2572
ในกรณีที่ กทม. ไม่สามารถชำระหนี้ได้หมดภายในปี 2572 กทม. จะต้องเจราจากับ BTS ให้รับหนี้ที่เหลือแทน ซึ่ง กทม. อาจจะต้องขยายสัมปทานให้ BTS ออกไปตามระยะเวลาที่เหมาะสมกับมูลค่าหนี้ อัตราค่าโดยสาร รวมทั้งผลตอบแทนที่ กทม. จะได้รับจาก BTS

3. สรุป
การแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งยืดเยื้อมานานหลายปี ถึงเวลานี้พอจะมีความหวัง ไม่ว่า กทม. จะสามารถชำระหนี้ได้หมดก่อนสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2572 หรือไม่ BTS ก็จะยังคงมีบทบาทในรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อไป 
หาก กทม. สามารถชำระหนี้ได้หมด BTS ก็จะเป็นผู้รับจ้างเดินรถไปจนถึงปี 2585 กทม. จะสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารได้เอง รายได้ทั้งหมดจะเป็นของ โดย กทม. จะต้องแบกรับความเสี่ยงเองทั้งหมด 

หาก กทม. ไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด กทม. อาจจะต้องขยายสัมปทานให้ BTS โดย BTS จะต้องรับภาระหนี้แทน กทม. และจะต้องแบกรับความเสี่ยงเองทั้งหมด
อีกไม่นานก็คงรู้ว่า BTS จะมีบทบาทในรถไฟฟ้าสายสีเขียวในฐานะผู้รับจ้างเดินรถ หรือผู้รับสัมปทานแบบเดิมต่อไป

คุณวิชัย ทองแตง ประธานมูลนิธิหนึ่งน้ำใจ  กล่าวถึง งาน 'กวี คีตา อัมพวาเฟส'

คุณวิชัย ทองแตง ประธานมูลนิธิหนึ่งน้ำใจ กล่าวถึง งาน 'กวี คีตา อัมพวาเฟส' อีเวนต์ใหญ่ที่สะท้อนถึงยุคทองของวรรณคดีไทย
 

‘พี่กลาง’ มาเฉลยให้ฟัง  ถึงระบบสมอง ของมนุษย์ เชื่อหรือไม่ ที่แท้ ‘ผ้าเน่า’ ไม่เคยหายไปไหน แต่ย้ายไปอยู่ในหัวของเรา

เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.67) ผู้เล่นTikTok ที่ชื่อว่า “d_klang พี่กลาง หอสมุดแห่งชาติ” ได้โพสต์คลิป เล่าถึงระบบสมองของมนุษย์ โดยมีใจความว่า ...

ทำไมเด็กต้องติดผ้าเน่า เห็นเก่ายังไงก็รัก ห้ามเอาไปซัก ด้วยนะ แล้วมันก็ไม่ได้เป็นแค่เฉพาะเด็กไทยเท่านั้น เด็กทั่วโลกก็ติดกันหมด แสดงว่าอันนี้ไม่ใช่วัฒนธรรมของชาติเราแต่มนุษย์เรา โดนวิวัฒนาการมาให้ติดของเน่าอย่างนั้นหรือ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น 

ที่มันเป็นอย่างนี้ ก็เพราะว่า คนเราตอนเด็กๆ ดูแลตัวเองไม่ได้ แต่พอโตขึ้นมา ต้องดูแลตัวเองให้ได้ ดูแลตัวเองไม่ได้ทำอย่างไร ก็ต้องอยู่กับพ่อแม่ จะได้มีบ้านอยู่ จะได้มีของกิน

แล้วเพื่อให้โตขึ้นไปแล้วสามารถอยู่ให้ได้ด้วยตัวเองได้เนี่ย ธรรมชาติก็ได้สร้างอีกสิ่งอย่างหนึ่งให้กับสิ่งมีชีวิตที่เป็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกตัว นั่นก็คือการเล่น หมา แมว ช้างลิง เสือ ตอนเด็กๆมันก็เล่นหมด เพราะการเล่นมันก็คือการสำรวจโลกกว้าง อารมณ์เหมือนตอนเราเล่นทำกับข้าว เล่นกันเป็นผัวเมีย กันในวัยเด็ก อย่างนั้นแหละ 

ที่นี้เนี่ย การเล่นแบบสำรวจโลกกว้าง กับการอยู่กับพ่อแม่เนี่ย มันจะตรงข้ามกัน คือการเล่นสำรวจโลกกว้างอย่างเดียวเลยเนี่ย เราก็จะไม่มีอะไรกิน แต่ถ้าเราไป อยู่กับพ่อแม่อย่างเดียว โตขึ้นเราก็จะทำอะไรเองไม่เป็น ธรรมชาติก็เลยจัด Balance 2 สิ่งนี้ให้ เกิดเป็นความคิดระบบฐานที่มั่นขึ้นมานั่นก็คือพ่อแม่ เอาไว้สร้างความอุ่นใจ สร้างความมั่นใจ ถ้ารู้สึกว่ามั่นใจ มั่นคงแล้ว ก็ออกมาสำรวจโลก แต่ถ้ารู้สึกว่าแบตหมด ก็กลับมาที่ ฐานที่มั่นนั้น มันก็จะเป็นแบบนี้

รู้สึกไหมว่า มันขัดกับความเชื่อแบบโบราณ ที่ว่า เลี้ยงลูกดีเกิน เอาใจใส่ลูกมากเกิน ลูกจะทำอะไรไม่เป็น จริงๆแล้วมันตรงกันข้าม การเลี้ยงเขาดีๆทำให้เขารู้สึกมีความปลอดภัยแล้วเขาก็จะออกไปท่องโลกกว้าง ได้ดีมากขึ้น การเลี้ยงลูกแบบปล่อยปละละเลยนี่แหละทำให้รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เมื่อลูกรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ส่งผลถึงการออกไปเล่นของเขา ส่งผลถึงอนาคตของเขา จริงๆเรื่องนี้ก็อธิบายเป็นพฤติกรรมได้เมื่อเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ บางคนโตไปชอบบังคับแฟน ชอบทำร้ายแฟน แต่บางคนเป็นคนที่นิสัยใจดี มีเมตตา

การที่ลูกนั้นมีฐานที่มั่นอยู่ที่พ่อแม่ มันก็จะมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือ เด็กๆก็จะสำรวจโลกได้แคบ เมื่อเขาโตขึ้น สมองมีการพัฒนามากขึ้น เขาก็จะย้ายฐานความคิด ฐานที่มั่นออกจากพ่อแม่ไปอยู่กับ อะไรที่มันนิ่มๆเหมือนกับอ้อมกอดของพ่อแม่นั่นก็คือ น้องผ้าเน่านี่เอง เป็นฐานที่มั่นที่สามารถพกพาไปได้ด้วย ทำให้สามารถสำรวจโลกกว้างได้มากขึ้น แล้วพอเมื่อโตขึ้นมาอีก ก็จะย้ายฐานที่มั่นจากไอ้น้องผ้าเน่านี่ มาอยู่ในสมอง แล้วเขาก็จะสามารถเติบโตได้อย่างมีอิสระ

ที่นี้มีอยู่เรื่องนึงน่าสนใจมาก ระบบฐานที่มั่น ไม่เคยออกไปจาก ระบบสมองของพวกเราเลย เวลาที่เรา อกหัก เวลาที่เราสอบตก เวลาที่เราโดนเจ้านายด่า เวลาที่เราโดนไล่ออกจากงาน เราทำอะไร เราโทรหาพ่อแม่ บางคนกลับ ไปต่างจังหวัด หรือไปอยู่ในบ้านที่เราเคยอยู่เมื่อตอนเด็กๆ บางคนก็หยิบรูปของครอบครัว สมัยเก่าๆ ขึ้นมาดูแล้วก็ร้องไห้ นี่แหละ คือระบบฐานที่มั่น มันไม่เคยหาย ไปไหนเลยมันฝังอยู่ในหัวสมองของพวกเราตลอดเวลา

ชาวเน็ตชื่นชม ‘แท็กซี่’ แปะข้อความไว้ข้างรถ ไม่ต้องถาม ไปทุกที่ โดยส่วนมาก ชอบปฏิเสธคนไทย เน้นรับต่างชาติ เพราะหลอกง่ายกว่า

(14 มี.ค.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Mod Dang' ได้โพสต์เรื่องราวน่าสนใจลงในกลุ่ม 'รวมพลคนขับแท็กซี่' โดยเป็นภาพของรถแท็กซี่คันหนึ่ง ที่มีข้อความติดอยู่บริเวณกระจกของคนนั่งข้างคนขับ ที่ได้ระบุข้อความว่า "ไม่ต้องถาม ไปทุกที่ โอนจ่ายได้" ซึ่ง ทำให้ได้รับคำชื่นชมจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก เนื่องจากในปัจจุบันแท็กซี่จำนวนมากมักจะปฏิเสธผู้โดยสารคนไทย จะเน้นรับแต่ต่างชาติ เพราะหลอกง่ายกว่าคนไทยเรื่องไม่กดมิเตอร์ จนทำให้การท่องเที่ยวของประเทศเสียหายไปช่วงหนึ่ง

ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกสู่โลกโซเชียลแล้วกว่า 3 พันครั้ง พร้อมกับคอมเมนต์ชื่นชมแท็กซี่คันนี้เป็นจำนวนมาก บ้างก็บอกว่า หายากแล้วแท็กซี่แบบนี้ , ขอให้เจริญๆ , แบบอย่างที่ดี , คนที่สังคมต้องการ บ้างก็เตือนให้เพิ่มความระมัดระวังมิจฉาชีพ หรือ ลูกค้าจะลวงไปปล้น

ก.ต่างประเทศ จัดกิจกรรม ‘เชฟตัวน้อยหัวใจใหญ่ เปิดโลกเชฟ’ เพื่อเสริมสร้างความรู้ เสน่ห์-ศาสตร์ การปรุงอาหารไทย

(16 มี.ค.67) กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับ The Food School Bangkok วิทยาลัยเทคโนโลยีครัววันดี สถาบันการอาหารไทย (TCA) ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถานเอกอัครราชทูตเบลเยียมประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) 'Little Chefs, Big Hearts - เชฟตัวน้อยหัวใจใหญ่ เปิดโลกเชฟ' แก่เยาวชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยร่วมมือกับสมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ (กลุ่มลูกเหรียง) ซึ่งเป็นเยาวชนไทยพุทธและไทยมุสลิมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ เสน่ห์และศาสตร์การปรุงอาหารไทยและอาหารนานาชาติ ตลอดจนเสริมสร้างโอกาสในการก้าวสู่สายวิชาชีพอาหารและการเป็นเชฟในระดับสากล

กิจกรรมในโครงการประกอบด้วยการฝึกปฏิบัติผ่านการถ่ายทอดทักษะและเทคนิคการปรุงอาหาร โดยนางสาวปิยภาณี โฉมงาม และนายลิขิต แสนบุญครอง เชฟจาก The Food School Bangkok นางชวนชม สงเคราะห์พันธุ์ นางสาวจุฑาภรณ์ ชะมด และนางวิภาทัย สินสุกิจ เชฟอาหารไทยจากวิทยาลัยเทคโนโลยีครัววันดี นาย Marco Avesani เชฟชาวอิตาเลียนจากร้าน La Bottega ซึ่งแนะนำโดยสถานเอกอัครราชทูตอิตาลี การบรรยายและแลกเปลี่ยนความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับการจัดการสุขาภิบาลอาหารเบื้องต้น และการจัดเตรียมวัตถุดิบและการประกอบอาหารฮาลาล โดย ดร. อาณัฐ เด่นยิ่งโยชน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแนวทางการออกแบบเมนูอาหารไทยสู่สากล โดยนายชุมพล แจ้งไพร (เชฟชุมพล) จากสถาบันการอาหารไทย (TCA) การรับฟังเส้นทางอาชีพซึ่งจะช่วยเสริมทักษะและสร้างแรงบันดาลใจในการก้าวสู่การเป็นเชฟในอนาคตจากนางสาวศุภกร ขำศรีเมฆ ที่ได้เคยทำงานเป็นเชฟให้แก่เอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ รวมทั้งได้เข้าเยี่ยมคารวะนาง Sibille de Cartier d’Yves เอกอัครราชทูตเบลเยียมประจำประเทศไทย ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตฯ และร่วมกิจกรรมสาธิตการทำไอศกรีมและวอฟเฟิลต้นตำรับจากเบลเยียม และได้แลกเปลี่ยนรับฟังประสบการณ์การทำงานจากเชฟชาวไทย ผู้ดูแลทำเนียบ และเลขานุการเอกอัครราชทูตเบลเยียมด้วย

กิจกรรมสุดท้ายของโครงการ เยาวชนกลุ่มลูกเหรียงได้มีโอกาสปรุงอาหารสำหรับการจัดเลี้ยงคณะทูตต่างประเทศ ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และสื่อมวลชน โดยได้ใช้วัตถุดิบพื้นถิ่นภาคใต้นำเสนอในรูปแบบสร้างสรรค์ อาทิ ข้าวยำบก แตงโมและมะม่วงปลากุเลาแห้ง ตูปะชูตง หอยกอและ สะเต๊ะไก่เบตงขนมปังย่าง และซอสแกงถั่ว ไก่ย่างและปลากุเลากรอบเสิร์ฟพร้อมแกงจอแหร้ง กรานิต้ามะม่วงเบากับมะม่วงเบาเชื่อม และเฉาก๊วยชาชักมะพร้าวอ่อน เพื่อแสดงศักยภาพและยกระดับอาหารท้องถิ่น

โครงการ 'Little Chefs, Big Hearts - เชฟตัวน้อยหัวใจใหญ่ เปิดโลกเชฟ' เป็นการดำเนินการทูตสาธารณะ โดยใช้การทูตวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนและช่วยพัฒนาทักษะและนำเสนอศักยภาพของเยาวชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางขึ้น ซึ่งจะสามารถสร้างโอกาสและเปิดโลกให้แก่เยาวชนไทย เพื่อนำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพ รวมทั้งเกื้อหนุนต่อการพัฒนาสังคมในจังหวัดชายแดนใต้ต่อไปด้วย

ไฟไหม้ คอนโดหรู 31 ชั้น นทท.แตกตื่น หนีตาย ก่อนจะคุมเพลิงไว้ได้ พบสาเหตุ เพลิงไหม้ มาจาก คอมเพรสเซอร์แอร์ ที่ชั้น 11

(16 มี.ค.67) เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้คอนโดหรู ริมถนนพัทยาสายสอง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบส่งนักดับเพลิง รถดับเพลิง 3 คัน รถกระเช้า 1 คัน พร้อมด้วย หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมือง พัทยา รีบรุดไปทำการตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดหรู 31 ชั้น ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพัทยา ตรวจสอบเบื้องต้นพบกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาบริเวณระเบียงชั้นที่ 11 ทำให้ผู้ที่พักอยู่ในคอนโด รวมถึงชาวบ้านและนักท่องเที่ยวในละแวกดังกล่าว ต่างพากันแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เจ้าหน้าที่นักผจญเพลิงขึ้นไปใช้น้ำฉีดสกัดกั้นเพลิง เบื้องต้นพบว่าต้นเพลิงเกิดจากคอมเพรสเซอร์แอร์ ตั้งอยู่บริเวณนอกระเบียง ชั้น 11 โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้สำเร็จ

แม่บ้านของคอนโด เล่าว่า ภายในห้องดังกล่าวไม่มีผู้พักอาศัย โดยต้นเหตุเกิดจากคอมเพรสเซอร์แอร์ด้านนอกระเบียง ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงระเบิด ก่อนจะมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมา จึงรีบประสานเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการดับเพลิงดังกล่าว

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมทั้งจะประสานตำรวจกองวิทยาการเข้ามาทำการตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้เพิ่มเติมต่อไป

ตร.ท่องเที่ยวลพบุรี ร่วมภาคีเครือข่าย ติดป้าย เตือนภัย-ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ชุมชน มีส่วนร่วม สร้างแหล่งท่องเที่ยว ที่ปลอดภัย

(16 มี.ค.67) สถานีตำรวจท่องเที่ยว 2 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ลพบุรี ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.แมน รถทอง ผกก.2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศิริเจริญนำ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจท่องเที่ยวลพบุรี นำกำลังอาสาสมัครชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง หรือคณะทำงาน S.T.C. นายสถานีรถไฟลพบุรี ผู้นำชุมชนสวนราชา วินมอเตอร์ไซค์ในพื้นที่ ร่วมกันลงพื้นที่บริเวณโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง S.T.C. พระนารายณ์ราชนิเวศน์ เพื่อดำเนินการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ และป้ายเตือนประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวเพื่อการป้องกันเหตุ ที่บริเวณจุดบริการจอดรถของสถานีรถไฟลพบุรี

และติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ ศูนย์ประสาน ชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง (S.T.C.) ที่บริเวณร้านหนุ่มเกรสเฮ้าส์ ต.ท่าหิน อ.เมือง จว.ลพบุรี เพื่อใช้เป็นศูนย์ประสานงานชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็งพระนารายณ์ราชนิเวศน์

โดยวัตถุประสงค์ของโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง ตามนโยบายของพล.ต.ท.ศักย์ศิลา เผือกอำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่ต้องการให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ ดูแลช่วยเหลือนักท่องเที่ยว สร้างแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัย โดยมีตำรวจท่องเที่ยวเป็นผู้ประสานงาน ซึ่งโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง ได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 20 แห่ง ทั่วประเทศ ได้มีประชาชนและ ผู้ประกอบการในพื้นที่ให้ความสนใจและเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร S.T.C. ได้มีประชุมภาคีเครือข่ายรับฟังปัญหาในชุมชนร่วมกันเพื่อนำไปแก้ไขตามความต้องการของชุมชนและนักท่องเที่ยว มีการอบรมให้ความรู้แก่อาสา S.T.C. เพื่อสร้างเครือข่ายอาสาสมัครที่มีจิตอาสาช่วยกันสอดส่องดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ตำรวจท่องเที่ยว ก็ได้ฝากประชาสัมพันธ์โครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง S.T.C. สำหรับท่านที่สนใจก็สามารถสมัครเข้าร่วมเป็น อาสาสมัคร S.T.C. ได้

‘ดร.ปิติ’ ชี้ ‘2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ ตีแผ่ความจริง ที่ไม่เคยมีในหนังสือเรียน ย้ำ ต้องศึกษาให้ละเอียด ป้องกัน ผู้ไม่หวังดี บิดเบือนประวัติศาสตร์

(16 มี.ค.67) รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และรองศาสตราจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับ  แอนิเมชัน 2475 Dawn of Revolution หรือ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ โดยได้ระบุว่า ...

ถึงแม้ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณจะทำให้ 2475 Dawn of Revolution หรือ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ จะมีงานภาพที่ไม่ถึง รวมทั้งการบอกเล่าเรื่องประวัติศาสตร์อย่างตรงไปตรงมา ด้วยวิธีเล่าเรื่องตามลำดับเวลา จะทำให้ animation เรื่องนี้มีรสชาติที่ไม่ร้อนแรง

แต่ในห้วงเวลาที่ประวัติศาสตร์กำลังถูกบิดเบือนด้วยความไม่ปรารถนาดีของบุคคลบางกลุ่ม 

ในห้วงเวลาที่คนบางกลุ่มถูกขังอยู่ใน Echo chamber ที่เต็มไปด้วย disinformation 

ในห้วงเวลาที่คิดว่าตนเองรู้ดี แต่กลับไม่ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม

Animation เรื่องนี้ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดในการ ตีแผ่ความจริง ที่ไม่เคยมีอยู่ในหนังสือเรียน ได้อย่างที่ตัวละครในเนื้อเรื่องได้กล่าวไว้

สุดสัปดาห์นี้ ใครมีเวลาว่างๆ แนะนำให้ดูครับ

https://youtu.be/rmNvPB6Jxzo?si=hKTN_aliLagHFHyH

เมื่อดูการ์ตูนจบแล้ว ใครอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในรายละเอียด Chayodom Sabhasri อาจารย์ผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือแนะนำ

2475 untold history ด้วยครับ 20 ตอน ตอนละ 10 นาที ทำ 3 ปีก่อน 
สาระละเอียดกว่าการ์ตูน แต่สอดคล้องกัน กินใจยิ่งกว่าการ์ตูน เพราะนำเอกสารจริงมาแสดง
https://youtu.be/bJifRslul34?si=GvoxM9IhvjGC3Dzl

ต่อจาก Animation และสารคดี ใครอยากเห็นของจริง Kidakorn Angkanarak แนะนำ
ดู ๒๔๗๕ Dawn of Revolution แล้วก็ขอเชิญเข้าเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ (King Prajadhipok Museum) ด้วยนะครับ แหล่งความรู้มากมาย เปิด 09:00 - 16:00 น. ปิดวันจันทร์ อยู่ถนนหลานหลวงตัดกับถนนราชดำเนิน เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ใกล้ ภูเขาทอง ป้อมมหากาฬ โลหะปราสาท
https://maps.app.goo.gl/wKpGDN8RE9X4EYfq5?g_st=ic

‘ท็อป วราวุธ’ โพสต์เฟซขอบคุณ ทีมงานผู้ผลิตแอนิเมชัน ย้ำภูมิใจ ที่ได้เกิดเป็นคนไทย ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร แห่งราชจักรีวงศ์

เมื่อวานนี้ (15 มี.ค.67) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึง งานแอนิเมชันที่ชื่อว่า '2475 Dawn of Revolution' โดยมีข้อความว่า ...

2475 Dawn of Revolution แอนิเมชันคุณภาพ ที่ร้อยเรียงเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ของแผ่นดินไทยอย่างละเอียด ขอขอบคุณทีมงานผู้ผลิตแอนิเมชันนี้ ที่ได้ตอกย้ำให้ผมรู้สึกภูมิใจและดีใจที่ได้เกิดเป็นคนไทยภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ครับ

‘สมศักดิ์’ เผย คณะกรรมการผู้สูงอายุฯ เคาะให้รางวัล ‘เจ้าสัวธนินท์’ ชี้ มีผลงานช่วยเหลือสังคม ผลักดันให้เยาวชน มีการศึกษา เรียนรู้ อย่างเท่าเทียม

(16 มี.ค.67) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ได้ไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เพื่อพิจารณาการขับเคลื่อนนโยบายการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุ พร้อมรับทราบข้อเสนอเชิงนโยบายวิกฤตประชากรและสังคมสูงวัย และข้อเสนอเชิงนโยบายต่อการขับเคลื่อนสังคมสูงวัย โดยมีการนำเสนอเรื่องที่น่าสนใจ คือ ธนาคารเวลารองรับสังคมสูงวัย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สมาชิก แลกเปลี่ยนบริการขั้นพื้นฐาน โดยบันทึกเวลาไว้ในบัญชีธนาคาร เพื่อเบิกเวลามาใช้ยามจำเป็น ซึ่งจะมีผู้จัดการ เป็นผู้ประสานการบริการ มีธนาคารเวลาแล้ว 32 ประเทศ ใน 8 ทวีป เช่น นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น ซึ่งในประเทศไทย มีการดำเนินงานธนาคารเวลา แล้ว 80 พื้นที่ โดยรูปแบบในประเทศไทย ยังเป็นการเก็บเวลา เพื่อแลกกับเวลาเท่านั้น ยังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ เพราะต้องการทำให้ทุกคนรู้สึกเท่าเทียม เวลาจึงมีค่าเท่ากันทั้งหมด ซึ่งตนมองว่า เป็นสิ่งที่ดี ที่เราสามารถไปบริการคนอื่น เพื่อเก็บเวลามาใช้ในวันที่เราต้องมีผู้ช่วยไปทำธุระ เช่น ไปซื้อของ ไปโรงพยาบาล โดยที่ประชุม ก็มีการเสนอแนะให้เก็บเวลาเป็นดิจิทัลด้วย เพราะจะได้สามารถบันทึกเวลาได้ยาวนาน

“ที่ประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ยังได้มีการพิจารณารายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อประกาศสดุดีเกียรติคุณผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2567 โดยได้มีการสรรหาผู้สูงอายุ ที่เป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม ซึ่งมีผู้ได้รับเสนอรายชื่อจำนวน 53 ราย โดยเมื่อพิจารณาตามหลักเกณฑ์ ที่ประชุมได้มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบให้ นายธนินท์ เจียรวนนท์ อายุ 85 ปี เป็นผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2567 เพราะที่ผ่านมา นายธนินท์ ได้ช่วยเหลือสังคม ด้วยการขับเคลื่อนโครงการทรูปลูกปัญญา เป็นการมอบโอกาสการเรียนรู้อย่างเท่าเทียม พร้อมสนับสนุนด้านการศึกษาแก่เยาวชนของชาติ มาเป็นเวลากว่า 40 ปี จึงประกาศสดุดีเกียรติคุณยกย่องให้เป็นผู้สูงอายุแห่งชาติ” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top