Friday, 16 May 2025
NEWS FEED

ตำรวจออกหมายเรียก-หมายจับเพิ่มอีก 118 หมาย จ่อฟันแกนนำ-ม็อบ หลายข้อหา

พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวเมื่อคืนวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา ว่า กรณีมีการนัดหมายชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 22 สิงหาคม 2564 ประกอบด้วย

1.) กลุ่มทะลุฟ้า เวลา 14.45 น. รวมตัวที่แยกคอกวัว แล้วเคลื่อนขบวนไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้ปราศรัยโดยใช้เครื่องกระจายเสียง ปิดการจราจรทำกิจกรรมเล่นกีฬาสี เวลา 15.00 น. ตำรวจประกาศให้ยุติการกระทำดังกล่าว กระทั่งเวลา 19.30 น. ได้ประกาศยุติการชุมนุม

2.) กลุ่มทะลุแก๊ส เวลา 17.00 น. รวมตัวที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง เวลา 17.20 น. ตำรวจประกาศให้ยุติการกระทำดังกล่าว แต่ผู้ชุมนุมกลับใช้ความรุนแรงขว้างปาลูกหิน ประทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง เวลา 17.45 น. ตำรวจจึงเข้ารักษาความสงบเรียบร้อย

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อความวุ่นวายได้ 35 ราย ยึดรถจักรยานยนต์ 20 คัน อาวุธปืน วัตถุระเบิด และอาวุธอื่น ๆ ได้อีกจำนวนหนึ่ง โดยพนักงานสอบสวนดำเนินการร้องขอต่อศาล เพื่อพิจารณาริบของกลางทั้งหมดเป็นของแผ่นดินตามกฎหมาย ขณะเดียวกันตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 นาย นอกจากนี้มีทรัพย์สินสาธารณประโยชน์ ทรัพย์สินราชการ และเอกชนเสียหายส่วนหนึ่ง เหตุการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อ

“ขณะนี้ บช.น.ได้ออกหมายเรียกผู้ชุมนุมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เพิ่มเติมอีก 118 หมาย แบ่งเป็นแกนนำ 16 หมาย ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อ, พ.ร.บ.จราจรทางบก, พ.ร.บ.ความสะอาดฯ, พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียง และความผิดอื่น ผู้ชุมนุม 102 หมาย ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ส่วนกลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงพนักงานสอบสวน ดำเนินการขอศาลออกหมายจับข้อหาครอบครองวัตถุระเบิด, วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น, อั้งยี่ ซ่องโจร, มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง” พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'หมอวรงค์' โพสต์จวก 'ไฮโซลูกนัท' เป็นพวกหิวแสง ซ้ำยังแต่งตัวล้อเลียน ลั่นมากเกินไป! คนไทยไม่ให้อภัย!

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุว่า...

#คนไทยไม่ให้อภัย

พวกที่เรียกตัวเองว่าสลิ่มกลับใจ 

วันหนึ่งคุณไปเป่านกหวีดขับไล่คนโกงชาติ พวกบ้าอำนาจ ที่ต้องการออกกฎหมายล้างผิดพวกตนเอง 

เวลาผ่านไปคุณกลับสำนึกผิด ไปขอโทษพวกโกงชาติ บ้าอำนาจ ที่ไปไล่เขา จนคิดว่า การโกงชาติ การออกกฎหมายล้างผิดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง 

วันนั้นผมมองคนแบบนี้เพียง นอกจากหิวแสงแล้วยังต้องกลวงถึงทำได้ 

แต่วันนี้คุณกับมาให้ร้าย โจมตีพระมหากษัตริย์ ที่พระองค์อยู่ในหัวใจของประชาชน มาแต่งกายเลียนแบบพระองค์ ทั้ง ๆ ที่พระองค์สวรรคตไปแล้ว แบบนี้ผมว่า #มันมากเกินไปแล้วครับ 

แค่นี้คุณยังแยกแยะความดีกับชั่วไม่ออก อะไรคือปัญหาในการพัฒนาประเทศ นักการเมืองโกงชาติ หรือสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมคิดว่าคนไทยไม่ให้อภัยคุณแน่นอน


ที่มา: https://www.facebook.com/1635406246730420/posts/2984597678477930/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เผยเส้นทางความสำเร็จของ ‘มาดามแป้ง’ กับการทำทีมฟุตบอลทีมชาติไทย

กลายเป็นข่าวที่สร้างความฮือฮาไม่น้อย สำหรับการเข้ามารับงานเป็น ‘ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย’ ของมาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ งานนี้บิ๊กบอสหญิงคนนี้จะเข้ามาดูแลทีมฟุตบอลชาย ทั้งรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี (U-23) และทีมชาติชุดใหญ่ 

ซึ่งที่ผ่านมา มาดามแป้งเคยรับบทบาทคุมทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยมาแล้วกว่า 12 ปี และทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ THE STATES TIMES จึงไปรวบรวมเหล่าความสำเร็จที่เธอได้สร้างไว้ร่วมกับทีมฟุตบอลหญิงไทย มาให้ได้ทราบกัน ส่วนผลงานกับทัพช้างศึกไทยจะแจ่มแจ๋วขนาดไหน อีกไม่นานคงได้รู้กัน #เชื่อ(มือ)แป้ง


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘กระทรวงแรงงาน’ ดีเดย์ คิกออฟ ‘โครงการ FACTORY SANDBOX’ ในสถานประกอบการแห่งแรกของนนทบุรี

วันที่ 23 สิงหาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางสาวบุปผา เรืองสุด ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่นำร่องการดำเนินโครงการ FACTORY SANDBOX ของจังหวัดนนทบุรี ณ บริษัท วาไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นสถานประกอบกิจการการผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม วิชาชีพ นักเรียนและนักศึกษา มีผู้ประกันตน จำนวน 907 คน โดยมี สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี อุตสาหกรรมจังหวัดนนทบุรี และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนนทบุรี เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย

โดยนางสาวบุปผา กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสถานประกอบการและได้ ศบค.มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 16 ส.ค.64 ตามโครงการนำร่องเพื่อการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงานอุตสาหกรรม (Factory Sandbox) โดยบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ ภายใต้กระบวนการ “ตรวจ รักษา ควบคุม และดูแล” ซึ่งประกอบกอบด้วย การตรวจคัดกรองเชิงรุกให้กับพนักงานในโรงงานตามมาตรการที่กำหนด การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรักษาผู้ป่วยเขียว เหลือง แดง การดำเนินการฉีดวัคซีนให้แรงงาน โดยเน้นกลุ่มเสี่ยง คนท้องและออกใบรับรองให้แก่บริษัทเพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุน และการดำเนินการตามมาตรการ 'บับเบิล แอนด์ ซีล'

นางสาวบุปผา กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันได้รับมอบหมายจากท่านสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้ลงพื้นที่นำร่องการดำเนินโครงการ FACTORY SANDBOX ของจังหวัดนนทบุรี ณ บริษัท วาไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ซึ่งสถานประกอบการได้มีการดำเนินการตามกระบวนการ “ตรวจ รักษา ควบคุม และดูแล” โดยการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ดำเนินการตรวจคัดกรองด้วยการ Swab ในรูปแบบ RT-PCR 100 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 907 คน เพื่อคัดแยกคนป่วยไปรักษาทันทีและดำเนินการตรวจ Antigen Test Kit ทุกสัปดาห์ ส่วนการรักษาจัดให้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อแยกกักตัวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในโรงงาน (Factory Accommodation Isolation: FAI) hospital และไอซียู สำหรับผู้ป่วยเขียว เหลือง และแดง ทั้งนี้ การดูแล ดำเนินการฉีดวัคซีนให้แรงงาน โดยเน้นกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง คนตั้งครรภ์ และออกใบรับรองให้กับบริษัทเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ส่วนการควบคุมจะต้องดำเนินการตามมาตรการ Bubble & Seal ต่อไป

รมว.ยุติธรรมควงเลขา ป.ป.ส. ลงพื้นที่ 3จ.ภาคใต้ คิกออฟปลดล็อกพืชกระท่อมพรุ่งนี้ ย้ำทำกฎหมายเพื่อประโยชน์ประชาชน ใช้ได้เสรีตามวิถีชีวิตแต่อย่าไปทำ4x100 หวังผลักดันเป็นพืชเศรษฐกิจส่งออกสร้างรายได้ ชาวบ้านยก "สมศักดิ์"เป็นบิดาพืชกระท่อมไทย

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน พร้อมด้วยนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เดินทางตรวจเยี่ยมพื้นที่ 3 จังหวัดพื้นที่นำร่องพืชกระท่อม คือ บ้านนาสาร ต.น้ำพุ จ.สุราษฎร์ธานี ต.คลองกระบือ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช และ ต.นาพละ อ.เมือง จ.ตรัง เพื่อขอบคุณประชาชนที่สนับสนุนให้กระทรวงยุติธรรมยกเลิกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดได้สำเร็จ และมอบแนวนโยบายเกี่ยวกับพืชกระท่อมในอนาคต โดยมีนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.ตรัง นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ข้าราชการ หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่ร่วมงาน ทั้งนี้ก่อนเดินทางนายสมศักดิ์ และคณะได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK ซึ่งผลออกมาเป็นลบทั้งหมด และในงานได้มีมาตรการคัดกรองและควบคุมโรคอย่างเข้มงวด

โดยนายวิชวุทย์ กล่าวว่า ชาวบ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ภาคภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการประกาศอิสรภาพของพืชกระท่อม เพราะที่แห่งนี้ถือเป็นเมืองหลวงของพืชกระท่อม นอกจากนี้ชาวบ้านได้ยกย่องให้นายสมศักดิ์ เป็นบิดาแห่งพืชกระท่อมไทย ที่ช่วยให้พืชกระท่อมเป็นพืชสารพัดประโยชน์ ทำให้ชาวบ้านสามารถใช้ได้ตามวิถีชีวิต รวมถึงมีประโยชน์ทางการแพทย์อย่างมาก ช่วยให้ชาวบ้านสามารถทำเป็นพืชทางการเกษตรได้และคนที่ถูกดำเนินคดีก็จะเป็นอิสระด้วย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พืชกระท่อมเดิมเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท5 แต่หลังจากที่พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2564 ถอดพืชกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2564 และมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาซึ่งจะตรงกับวันพรุ่งนี้ประชาชนสามารถนำพืชกระท่อมมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบวิถีชาวบ้านได้โดยไม่ผิดกฎหมาย รวมถึงการใช้พืชกระท่อมทางการแพทย์ การศึกษาวิจัย ในขณะนี้ ได้มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม พ.ศ.... ซึ่งอยู่ในกระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งร่างกฎหมายมีหัวใจการกำหนดมาตรการกำกับดูแลและป้องกันการนำพืชกระท่อมไปใช้ในทางที่ผิดภายหลังถอดให้โทษ โดยเฉพาะควบคุมไม่ให้เด็กและเยาวชนนำกระท่อมไปใช้ในทางทีผิด และให้ชาวบ้านเข้าถึงการปลูกและแปรรูปพืชกระท่อมได้ สามารถรวมกลุ่มสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน หรือเป็นรายบุคคลเพื่อจำหน่ายเองได้ ดังนั้น พ.ร.บ.พืชกระท่อม ฉบับนี้จึงถือเป็นกฎหมายที่มาจากวิถีชาวบ้านความต้องการของประซาชนโดยประชาชน เป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง

"วันนี้ผมดีใจไม่แพ้กับพี่น้องชาวใต้ ซึ่งวันพรุ่งนี้ (24 ส.ค.) เราจะได้กระท่อมเสรี เป็นความดีใจและภาคภูมิใจร่วมกันกันที่เราได้ร่วมทำงานหนักกันมาโดยตลอด ผมลงมาที่นี่หลายครั้งตั้งแต่เราได้ดำเนินการปลดล็อก และได้มาพูดคุยหวังให้พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจ ตอนนี้เรากำลังปลูกเสรี ใช้เสรี แต่อย่าเอาไปผสมยาเสพติดทำเป็น 4x100 เพราะมีความผิด ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หากเราไม่ร่วมมือกันโอกาสปลดล็อกก็คงยาก เราปฏิบัติดีประพฤดีทำให้หลายฝ่ายเห็นจนสนับสนุนเรา ในสมัยก่อนรัฐบาลก็เคยคิดจะปลดล็อกแต่ทำไม่สำเร็จ จนผมเข้ามาเป็น รมว.ยุติธรรม ได้เห็นแนวทาง และเห็นปัญหาคนล้นคุก มีคนที่เกี่ยวข้องกับคดีพืชกระท่อมเยอะ ซึ่งตนได้นำความรู้ของรุ่นพี่ที่ทำไม่สำเร็จ ทำให้เข้าถึงพี่น้องประชาชน และที่ผ่านมามี ส.ส.หลายท่านมีความคิดที่จะปลดล็อก เราจึงร่วมแรงร่วมใจกัน"นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่ตนตั้งใจให้พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจ เราจะทำอย่างไร พืชกระท่อมมีสรรพคุณทางยาสูง วันนี้มีการผลิตผงจากใบแห้งขายสหรัฐฯ ตรงนี้จะเป็นเศรษฐกิจใหม่ที่ขายต่างประเทศด้ เราต้องทำให้ได้ การดำเนินการต่างๆต้องทำให้สอดคล้องกับราคาตลาด เราไม่ควรใช้ในครัวเรือนอย่างเดียวแต่ต้องทำเป็นพืชเศรษฐกิจ หากในภาครัฐได้จัดระเบียบการปลูก การผลิต เป็นอุตสาหกรรมให้เรียบร้อย ตนเชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นมหาอำนาจได้ต่อไป และที่ชาวบ้านยกย่องตนเป็นบิดาแห่งพืชกระท่อมไทย ผมคิดว่า น่าจะเป็นนายสงคราม บัวทอง กำนัน ต.น้ำพุ มากกว่า ที่เป็นผู้ริเริ่มและผลักดันมานานแล้ว ทั้งนี้ในขณะนี้ในส่วนของกรมราชทัณฑ์มีผู้ต้องขังคดีพืชกระท่อม 1,038 ราย ที่รอหมายศาลปล่อยตัว ส่วนในชั้นอัยการที่กำลังพิจารณาคดีมี 9,000 คดี ในชั้นสอบสวนของตำรวจมี 2,400 คดี ซึ่งทั้งหมดนี้จะรับการปล่อยตัวและยกเลิกคดีทั้งหมด

จากนั้นได้มีการมอบใบประกาศเกียรติคุณ ให้แก่ผู้สนับสนุนพื้นที่นำร่องในการควบคุมพืชกระท่อม โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน 189 คน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางชาวบ้าน ได้ให้วงฌา-มา แต่งเพลงเพื่อขอบคุณรัฐบาลและนายสมศักดิ์ ที่ช่วยปลดล็อกพืชกระท่อมจนสำเร็จ โดยมีชื่อเพลงว่า "24 สิงหาชาวประชาเฮโล"

ผบช.สตม. พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจก่อสร้างอาคารที่ทำการ ตม. เข้มแรงงานต่างด้าว พิจิตร-สุโขทัย

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมคณะประกอบด้วย พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.มานะ นาคทั่ง รอง ผบก.ตม.5 พ.ต.อ.คงฤทธิ์ สุกใส ผกก.ตม.จว.กระบี่พ.ต.อ.ประสิทธิ์ สมใจประสงค์ ผกก.บคด.บก.ตม.4 และ พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน)กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.

เดินทางไปตรวจราชการและความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งใหม่ในพื้นที่ จ.พิจิตร และ จ.สุโขทัย ทั้งนี้ได้เรียกประชุมตำรวจ ตม. ประชุมหารือเรื่องการปราบปรามแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ให่เป็นไปตามมาตรการความปลอดภัยในช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาดอีกด้วย

พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า หลังจาก ตม. ได้กระจายกำลังครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย จึงได้มีการจัดสร้างที่ทำการแห่งใหม่ในหลายจังหวัดเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาในอนาคต หากการระบาดขอโควิด-19 ลดน้อยลง ตนจึงเดินทางมาตรวจสอบความคืบหน้าของการก่อสร้างเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อราชการสูงที่สุด

โดยในวันที่ 23 สิงหาคม จะลงพื้นที่ตรวจการก่อสร้างที่ จ.นครสวรรค์ จากนั้นจะเดินทางไปมอบสิ่งของบำรุงขวัญ และชุดอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 ให้กับ ตม.จว.อ่างทองด้วย ทั้งนี้ตนได้เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่เฝ้าระวังการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว หากพบว่าเป็นการนำพาก็ให้จับกุมผู้ร่วมขบวนการและดำเนินคดีอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างมีประสิทธิภาพ

โฆษก ศบศ. เผยที่ประชุมเคาะลดวันกักตัว ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ ใช้สูตร 7+7 ให้นักท่องเที่ยวเดินทางพื้นที่นำร่องเชื่อมโยงภูเก็ตได้ มั่นใจ 25 ส.ค.เที่ยวบินภูเก็ต-สมุย เปิดให้บริการอีกครั้ง ดึงยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มแน่ 

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค. เห็นชอบการขยายพื้นที่ของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ให้กว้างขึ้น โดยให้นักท่องเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สามารถเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่นำร่องอื่นในลักษณะ 7+7 เป็นการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยว สามารถเดินทางไปยังพื้นที่นำร่องอื่น ๆ ได้เพิ่มเติม โดยปรับลดเวลาที่ต้องอยู่ในพื้นที่ภูเก็ตจาก 14 วัน เหลือ 7 วัน ซึ่งพื้นที่นำร่องประกอบด้วย พื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นที่เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ จังหวัดกระบี่ และพื้นที่เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป 

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้ดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ด้วย

นายธนกร กล่าวว่า ขณะนี้ยอดนักท่องเที่ยวสะสมของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ อยู่ที่ 22,810คน มียอดการจองโรงแรมที่ได้เครื่องหมายมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย SHA Plus ตลอดไตรมาส 3 (กรกฎาคม-กันยายน 2564) จำนวนกว่า 409,390 คืน ยังคงมีเที่ยวบินเข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน โดย 5 อันดับแรกมาจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ฝรั่งเศส และเยอรมนี โดยหลังจากที่ปรับเป็นสูตร 7+7 ให้นักท่องเที่ยว 'ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ อยู่ภูเก็ตครบ 7 วันแล้วเดินทางไปพื้นที่นำร่องอื่นต่อได้ 7 วัน จึงจะสามารถเดินทางไปจังหวัดอื่นได้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวกลุ่มแซนด์บ็อกซ์ที่เดินทางออกจากพื้นที่ภูเก็ตทางบก ขณะนี้มีจำนวนสะสมอยู่ที่ 3,578 คน 

โดยปลายทาง 5 อันดับอยู่ที่กรุงเทพมหานคร สุราษฎร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ และชลบุรี ซึ่งปัจจุบันแต่ละจังหวัดมีการเตรียมการวางแผน บริหารจัดการควบคุมเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามมาตรการที่ ศบค. กำหนดแล้ว ขอให้ประชาชนในพื้นปลายทางมั่นใจได้

นายธนกร กล่าวว่า ในส่วนของสมุยพลัสโมเดล ที่เชื่อมต่อกับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์นั้น มีกลุ่มแซนด์บ็อกซ์เข้ามาแล้วจำนวนเกือบ 400 คน มีจำนวนคืนเข้าพักแรมรวมเกือบ 3,000 คืน (รูมไนท์) จำนวนวันพักเฉลี่ย 9 คืนต่อคน ประมาณการรายได้อยู่ที่ 17.28 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกได้แก่ ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน สหรัฐอเมริกา และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยเนื่องจากเส้นทางการบินภูเก็ต-สมุยได้หยุดทำการบินไปตั้งแต่วันที่ 3-16 สิงหาคม 2564 ตามคำสั่งจังหวัดภูเก็ต และจะประกาศต่อจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เนื่องจากการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต 

อย่างไรก็ตาม เที่ยวบินภูเก็ต-สมุยจะกลับมาให้บริการอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม เป็นต้นไป คาดว่าหลังจากเปิดเส้นทางการบินภูเก็ต-สมุย และใช้มาตรการ 7 + 7 แล้ว จะทำให้ยอดนักท่องเที่ยวสมุยพลัสโมเดลเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ สำหรับกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศว่า โควิด-19 ระบาดหนักในไทย ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เร่งสื่อสารตลาดต่างประเทศเพื่อสร้างความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว และทัวร์โอเปอร์เรเตอร์ ในเชิงซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (City marketing) แยกจังหวัดภูเก็ตออกมาจากประเทศไทยในภาพรวมว่าภูเก็ตมีความปลอดภัย รัฐบาลได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ สาธารณสุข ภายใต้มาตรการสาธารณสุข และการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีการประเมินและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างใกล้ชิด


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทบ. จัดฝึกทบทวนการปฏิบัติชุดสุนัขทหาร เน้นเสริมภารกิจด้านความมั่นคง ภายใต้รูปแบบการฝึกวิถีใหม่ (New Normal) 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ท.หญิง นุชระวี แจ่มจำรัส ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า การปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคง การป้องกันประเทศและการป้องปรามอาชญากรรมในปัจจุบันนั้น มีการนำชุดสุนัขทหารเข้ามาร่วมปฏิบัติหน้าที่อยู่บ่อยครั้ง ในการรักษาความปลอดภัยลาดตระเวน สะกดรอย ตรวจค้นยาเสพติดและวัตถุต้องสงสัย รวมถึงการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย เนื่องจากสุนัขเป็นสัตว์ที่มีความเฉลียวฉลาด เข้าใจการสื่อสารและปฏิบัติตามคำสั่งได้อย่างถูกต้อง ประกอบกับสุนัขมีสัญชาตญาณในการต่อสู้ มีความซื่อสัตย์และเป็นมิตร รวมถึงมีประสาทสัมผัสพิเศษในการได้ยิน การมองเห็น และการดมกลิ่นได้ดีกว่ามนุษย์หลายเท่า สามารถช่วยเสริมภารกิจในการค้นหาและพิสูจน์ทราบได้อย่างรวดเร็วและแน่นอน 


ปัจจุบันกองพันสุนัขทหารได้จัดกำลังพลร่วม 400 นาย พร้อมสุนัขทหารประมาณ 250 ตัว ร่วมปฏิบัติภารกิจเสริมขีดความสามารถและศักยภาพของกองทัพในการสนับสนุนแผนงานป้องกันประเทศ การลาดตระเวนระวังป้องกันตามแนวชายแดน การตรวจจับยาเสพติด สกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมถึงการสนับสนุนแผนงานรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ในการเฝ้าระวัง รักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน ตลอดจนสถานที่สำคัญ และเพื่อเป็นการทบทวนการปฏิบัติพร้อมพัฒนาทักษะขีดความสามารถการปฏิบัติงานของชุดสุนัขทหารให้เป็นไปตามรูปแบบและมาตรฐาน โรงเรียนสุนัขทหาร ศูนย์การสุนัขทหาร กรมการสัตว์ทหารบก จ.นครราชสีมา จึงได้เปิดหลักสูตรการทบทวนชุดสุนัขทหารทุกหน้าที่ ในห้วงวันที่ 19 ส.ค. – 29 ก.ย. 64 เป็นเวลารวม 6 สัปดาห์ ให้กับชุดสุนัขทหารที่ผ่านการฝึกในหลักสูตรหน้าที่ชุดสุนัขยาม, สุนัขยามสายตรวจ, สุนัขตรวจค้นทุ่นระเบิดและอุโมงค์, สุนัขลาดตระเวน, สุนัขสะกดรอย, สุนัขตรวจค้นยาเสพติดให้โทษ และชุดสุนัขตรวจค้นวัตถุระเบิดที่เคยลงปฏิบัติงานในพื้นที่จริงมาแล้ว เพื่อเป็นการฝึกทบทวนการปฏิบัติ การควบคุมและการออกคำสั่ง รวมทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์จากการปฏิบัติงานจริงของชุดสุนัขในแต่ละหน้าที่เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ในการปฏิบัติภารกิจได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ


การฝึกทบทวนในครั้งนี้ประกอบไปด้วยสุนัขทหารหลายพันธุ์ที่มีอายุระหว่าง 2-8 ปี อาทิ เยอรมันเช็พเพอด, อัลเซเซียน, ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ และเบลเยี่ยมมาลินอยด์ ซึ่งถือเป็นสุนัขพันธุ์หลักที่มีลักษณะพึงประสงค์ในการฝึกทางทหารได้ในทุกหน้าที่ โดยการดำเนินการฝึกเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด19 อย่างเคร่งครัด ในการกักตัวผู้บังคับสุนัขก่อนฝึก 14 วัน และฝึกในระบบปิด พร้อมแบ่งการฝึกออกเป็นกลุ่มย่อยตามประเภทของภารกิจและหน้าที่ของชุดสุนัขทหาร รวมถึงให้กำลังพลปฏิบัติตามมาตรการพิทักษ์พลในการสวมใส่หน้ากาก หมั่นล้างมือ รักษาระยะห่างตลอดเวลา 


ทั้งนี้ การฝึกทบทวนการปฏิบัติของชุดสุนัขทหาร สอดคล้องกับนโยบายพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่มุ่งพัฒนาทักษะขีดความสามารถกองทัพด้วยการเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติและการถ่ายทอดองค์ความรู้จากผู้มีประสบการณ์เพื่อเสริมสร้างความเชี่ยวชาญความชำนาญในหน้าที่ อันจะสร้างความสำเร็จและความปลอดภัยในการปฏิบัติภารกิจต่อผู้บังคับสุนัขและตัวสุนัขเอง ประกอบกับการฝึกจะก่อให้เกิดความคุ้นเคย ความรักและผูกพันระหว่างกัน ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้การปฏิบัติให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี 

ทบ. ดูแลผู้ป่วยกักตัวในชุมชน (Community Isolation)

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ต.หญิง ปวีณา ศรีบัวชุม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ปัจจุบันยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น ผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการรุนแรงจึงได้เดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อรับการรักษาตามระบบของสาธารณสุขและมาตรการของรัฐบาล ซึ่งเป็นนโยบายที่ พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบกให้ความสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนและช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา ทั้งโดยอากาศยานและยานพาหนะของกองทัพบก ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยได้เข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างรวดเร็ว ช่วยลดความคับคั่งในโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้เป็นอย่างดี 

ในส่วนภูมิภาคนั้น รพ.สังกัดกองทัพบกทั่วประเทศ ได้สนับสนุนการดูแลผู้ป่วยโควิด-19  ในทุกมิติ ทั้งให้บริการทางการแพทย์ในโรงพยาบาล,จัดเตรียมสถานที่รองรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจและมีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ (Cohort Ward), จัดตั้ง รพ.สนาม, ดูแลผู้ป่วยที่เข้าสู่ระบบการกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) และระบบการกักตัวในชุมชน (Community Isolation) นอกจากนี้ กองทัพบกได้จัดให้มีรพ.สนามศูนย์คัดกรอง ทบ. ขึ้น ตั้งแต่ 23 ก.ค. 64 ในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 1 จำนวน 4 แห่ง และ ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 จำนวน 10 แห่ง ให้บริการตรวจคัดกรองโควิด-19 ด้วยการตรวจคัดกรองโควิด (ATK) เพื่อแยกผู้ป่วยหรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูงออกจากครอบครัว และดำเนินการตรวจยืนยันโควิด (RT-PCR) เพื่อนำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาอย่างทันท่วงที

ล่าสุด กองทัพบกพัฒนาระบบการกักตัวในชุมชน (Community Isolation) ในพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19กลุ่มสีเขียวที่เดินทางกลับภูมิลำเนาที่มีจำนวนมากขึ้น โดยประสานงานร่วมกับสาธารณสุขจังหวัด ในการพิจารณาปรับใช้พื้นที่ในค่ายทหาร โดยเลือกบริเวณที่แยกออกจากชุมชนบ้านพักให้บริการจัดเตรียมเตียงผู้ป่วย, เครื่องนอน, ของใช้ที่จำเป็น รวมทั้งยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดย รพ.สังกัดกองทัพบก รับผิดชอบจัดบุคลากรทางการแพทย์ให้การดูแลผู้ป่วยในพื้นที่กักตัวในชุมชน รวมทั้งจัดตั้งระบบติดตามอาการผ่านวิดิโอและกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังได้ให้ความสำคัญในการเตรียมพร้อมช่วยเหลือชีวิตเร่งด่วนฉุกเฉิน กรณีผู้ป่วยมีอาการแย่ลง และพร้อมนำส่งผู้ป่วยไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด ซึ่งช่วยลดอัตราการสูญเสียได้เป็นอย่างดี 

ในส่วนของการดูแลชุมชน รพ.สังกัดกองทัพบก ร่วมกับ สาธารณสุขจังหวัด,อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.), ชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน (ชป.กร.) และอาสาสมัครกิจการพลเรือน (อส.กร.) ดำเนินการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในชุมชน เน้นให้ความรู้และสร้างความตระหนักในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างถูกวิธี รวมทั้งแจกจ่ายหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันตนเองและชุมชนให้ปลอดภัยจากโควิด-19 นอกจากนี้ ได้จัดให้มีระบบประสานงานผ่านผู้นำชุมชน, อสม. และอส.กร. กรณีพบผู้ที่มีอาการผิดปกติหรือมีความเสี่ยงติดเชื้อ เพื่อนำส่งศูนย์คัดกรอง แยกผู้ป่วยออกจากครอบครัว ลดการแพร่กระจายเชื้อ และเข้าสู่ระบบการรักษาต่อไป 

ทั้งนี้ กองทัพบกพร้อมยืนหยัดช่วยเหลือประชาชนท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 อย่างเต็มศักยภาพในทุกมิติ เน้นการส่งเสริมสุขภาพเพื่อสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ช่วยให้ผู้ป่วยเข้ารับ การรักษาตามระบบได้อย่างรวดเร็วปลอดภัยลดการแพร่ระบาดในชุมชน อันจะนำไปสู่การช่วยลดอัตราการติดเชื้อในภาพรวมของประเทศต่อไป 

ทบ. พร้อมนำส่งถังออกซิเจน ช่วยผู้ป่วยโควิดที่รักษาตัวที่บ้าน พื้นที่ กทม.และปริมณฑล

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ท.หญิง พัชรินทร์ บุศยกุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการประสานขอความช่วยเหลือของทีมแพทย์อาสา จากราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย ร่วมกับกลุ่มจิตอาสา จัดตั้งเครือข่ายดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้านหรือ Home Isolation ผ่านศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด กองทัพบก เพื่อให้กองทัพบกช่วยนำส่งถังออกซิเจนให้กับผู้ป่วยโควิดที่มีอาการทางระบบการหายใจ และต้องการออกซิเจนเพื่อช่วยในการรักษา ตามบ้านพักอาศัย ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล โดยใช้ศักยภาพ และกลไกของศูนย์การเคลื่อนย้ายศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง กองทัพบก (ศคย.ศปม.ทบ.) 


ซึ่งดำเนินการช่วยเหลือ รับ-ส่งผู้ติดเชื้อโควิดมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ 27 เม.ย.64 ที่ผ่านมาทั้งนี้ พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบกเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนและความเดือดร้อนของผู้ติดเชื้อโควิดได้สั่งการให้หน่วยทหารสนับสนุนยานพาหนะและกำลังพลเพิ่มเติมสำหรับภารกิจนี้โดยเฉพาะ จากกรมการทหารสื่อสาร, หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก, กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน, กรมยุทธโยธาทหารบก และกรมสรรพวุธทหารบก ภายใต้การกำกับดูแลของ ศคย.ศปม.ทบ. 

โดยก่อนเริ่มปฏิบัติภารกิจกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ ต้องเข้ารับการอบรมในการเคลื่อนย้ายถังออกซิเจน, วิธีการปิดวาล์วปรับแรงดันออกซิเจน,และวิธีการต่ออุปกรณ์ช่วยในการหายใจ จากทีมแพทย์อาสาฯ เพื่อสามารถให้คำแนะนำกับ ผู้ป่วยหรือครอบครัวเบื้องต้นได้ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ 10 ส.ค.64 เป็นต้นมา โดย ศคย.ศปม.ทบ. ดำเนินการจัดแบ่งกำลังพล 3 นายต่อทีม แต่ละทีมได้รับภารกิจเฉลี่ย 4 - 5  ถัง/วัน และใช้ระยะเวลาขนส่งประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที/ถัง ปัจจุบันได้ดำเนินการนำส่งถังออกซิเจนให้ผู้ป่วยโควิดที่บ้านแล้ว จำนวน 336 ถัง (22 ส.ค. 64) และมีแนวโน้มผู้ป่วยมีความจำเป็นต้อง ใช้ออกซิเจนช่วยในการรักษาเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ กองทัพบกเห็นถึงความสำคัญและความเดือนร้อนของประชาชน เพราะความต้องการออกซิเจนต่อลมหายใจของผู้ป่วยโควิดนั้นรอไม่ได้ เพื่อช่วยรักษาอาการและฟื้นฟูสภาพการทำงานของปอดให้ดีขึ้น ลดการสูญเสียชีวิตของพี่น้องประชาชน ซึ่งกำลังพลของ กองทัพบกมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเท และเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความยากลำบาก เพื่อให้ผู้ป่วยหายจากโรคโดยเร็วที่สุด และพร้อมเป็นที่พึ่งให้พี่น้องประชาชนตลอดไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top