Friday, 16 May 2025
NEWS FEED

'พล.ต.ท.อำนวย' โพสต์ข้อความถึงกรณีผู้กำกับโจ้เอาถุงดำคลุมตัวผู้ต้องหาจนเสียชีวิต ย้ำ อับอาย อัปยศ อดสู!

พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน กรรมการปฎิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม โพสต์เฟซบุ๊กถึงเหตุการณ์ตำรวจใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหาจนเสียชีวิต ว่า อับอาย อัปยศ อดสู…

สุดที่จะพรรณนากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายตำรวจระดับผู้กำกับการหัวหน้าสถานีใหญ่แห่งหนึ่งนำทีมกระทำต่อผู้ต้องหาคดียาเสพติด ด้วยการทรมานทรกรรม โดยวิธีการนำถุงดำมาครอบศีรษะให้ขาดอากาศหายใจ หายใจไม่ออก ทรมาน จะเพื่อให้รับสารภาพโดยหวังผลในทางคดีหรือเป็นการรีดเอาทรัพย์ 2 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าวก็ตามทีเถอะ!!!! ซึ่งนั่นมันเป็นวิธีการสมัยโบราณ เป็นวิธีการสืบสวนสอบสวนสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์เมื่อคราที่ยังใช้กฎหมายจารีตนครบาล ให้นำการทรมานทรกรรมด้วยรูปแบบต่าง ๆ มาใช้กับผู้ต้องหาเพื่อค้นหาความจริงด้วยการใช้วิธีการต่าง ๆ … บีบขมับด้วยเครื่องบีบขมับ ตอกเล็บ ใส่ไปในลูกตะกร้อให้ช้างเตะ … จะพิสูจน์ว่าคนใดพูดความเท็จ คนใดพูดความจริง ใช้วิธีดำน้ำแข่งกันใครอึดกว่าโผล่พ้นน้ำทีหลังคนนั้นพูดความจริง วิธีการทั้งหมดทำถูกต้องตามที่กฎหมายในขณะนั้นบัญญัติ ผู้กำกับการคนนี้กับบรรดาลูกน้องที่ร่วมทีม น่าจะเกิดเป็นตำรวจในยุคนั้นถึงได้นำวิธีการทรมานทรกรรมตามกฎหมายจารีตนครบาลกลับมาใช้ในชาตินี้ กลับมาเกิดใหม่ทั้งทีน่าจะนำเรื่องดี ๆ มาใช้ในชาติใหม่นี้…..

รู้หรือไม่ว่า ด้วยการใช้วิธีการที่ป่าเถื่อน ล้าสมัยไร้เหตุผล ขาดตรรกะด้วยวิธีการดังกล่าว จนทำให้ชนชาติตะวันตกในยุคล่าอาณานิคมที่เข้ามาในประเทศสยาม อ้างเหตุดังกล่าวปฏิเสธไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมไทย โดยได้ตั้งศาลขึ้นมาพิจารณาคดีความของพวกตนเองขึ้นในแผ่นดินสยาม ไม่ยอมขึ้นศาลไทยเราเรียกกันว่า “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” ไงล่ะ …. งั้นก็แปลว่าสยามประเทศได้สูญเสียอำนาจ 1 ใน 3 คือ อำนาจตุลาการไปแล้วโดยปริยาย คงเหลืออำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร คงค่อย ๆ คืบคลานปฏิเสธไม่ยอมรับ หากครบสามอำนาจเมื่อใดสยามประเทศก็ต้องตกเป็นเมืองขึ้นโดยทันที (เรื่องนี้ถึงขนาดจะทำให้เสียเมืองเชียวละ)

แต่ด้วยพระปรีชาสามารถ พระบารมี ของพระบูรพกษัตริย์สืบต่อกันมาหลายพระองค์ได้ทำการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ให้ทันสมัย กล่าวเฉพาะด้านกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย และตำรวจได้เร่งทำการปฏิรูปเพื่อให้ชาวต่างชาติยอมรับให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้ยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขต กลับมายอมรับกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย และตำรวจของสยามประเทศ จึงได้มีการปฏิรูปตำรวจเสร็จภายใน 1 ปี ระหว่างปี พ.ศ 2404 ถึง 2405 โดยมีเจ้าพระยายมราช (ครุฑ บ่วงราบ) เป็นแม่กองในยุคสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านจึงได้รับการถวายพระนามว่า “พระบิดาแห่งตำรวจไทย” ทำการปฏิรูปกฎหมายเสร็จในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยมี กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์เป็นแม่กอง เราจึงมีกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 ประกาศใช้ซึ่งถือเป็นประมวลกฎหมายฉบับแรกของประเทศสยาม 

โดยให้ยกเลิกกฎหมายจารีตนครบาลซึ่งเมื่อตำรวจมีความทันสมัย กระบวนการยุติธรรม และกฎหมายมีความทันสมัย วิธีการค้นหาความจริงด้วยพยานหลักฐานใช้ตรรกะวิทยา วิชาที่ว่าด้วยเหตุผล การชั่งน้ำหนักพยาน เลิกการใช้วิธีบีบขมับ ตอกเล็บ ใส่ตะกร้อให้ช้างเตะ เอาถุงดำคลุมศีรษะ จิปาถะที่เป็นการทรมานทรกรรมไปเสียสิ้นแล้ว ชาวต่างชาติจึงไม่มีเหตุที่จะปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมต่อไปอีก จึงยอมคืนสิทธิสภาพนอกอาณาเขตมายอมขึ้นศาลไทย มันสำคัญถึงขนาดจะเสียบ้านเสียเมืองกันเชียวนะ!!

ชาวต่างชาติปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมไทย เกิด "สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” ก็พอเข้าใจได้ แต่ถ้าคนไทยด้วยกันปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมไทย เกิด "สิทธิสภาพในอาณาเขต” ขึ้นละ จากเหตุกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน ไม่ได้มาตรฐาน เกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่สร้างความเป็นธรรมในสังคม ตำรวจตกเป็นเครื่องมือของ… ตำรวจถูกใช้เป็นเครื่องมือของ… ขาดความเป็นอิสระ เล่นพรรคเล่นพวก เข้าไม่ถึง ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้…. แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ จะยังไม่ยอมปฏิรูปตำรวจให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็วอีกหรือ การปฏิรูปสมัยรัชกาลที่ 4 ใช้เวลาในการปฏิรูปตำรวจเพียงปีเดียวแล้วเสร็จ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มาตรา 260 บทบัญญัติให้ปฏิรูปตำรวจให้เสร็จภายใน 1 ปี เช่นเดียวกันแต่นี่เข้ามา 3-4 ปีแล้วยังไม่มีวี่แวว จะรอให้เกิดสิทธิสภาพในอาณาเขตกันขึ้นจริง ๆ หรืออย่างไร? วานบอก

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระผมขอความเป็นธรรมให้กับบรรดาข้าราชการตำรวจ เป็นเรื่องความประพฤติ พฤติกรรมส่วนบุคคล ผมเรียนจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจก็ไม่เคยสั่งสอนพันอย่างนี้ จบออกมาปฏิบัติหน้าที่จนเกษียณอายุราชการ ไม่เคยประพฤติ ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นการกระทำเยี่ยงนี้ ระหว่างรับราชการเป็นครูบาอาจารย์ก็ไม่เคยสั่งสอนใครให้ทำอย่างนี้ แต่ยอมรับความจริงว่า “ปลาตายตัวเดียวย่อมทำให้เหม็นไปทั้งข้อง” ถ้าได้ปฏิรูปตำรวจปัญหานี้จะแก้ไขได้โดยไม่ยาก ในกฎหมายเพื่อการปฏิรูปกำหนดให้มีคณะกรรมการรับเรื่องราวร้องเรียนตำรวจ เรียกย่อว่า กร.ตร. ซึ่งจะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกมาตรวจสอบความประพฤติ พฤติกรรมของข้าราชการตำรวจที่ถูกร้องเรียน ญาติผู้เสียชีวิตก็จะกล้าร้องเรียนแทนที่จะไปร้องกับผู้บังคับบัญชาของตำรวจเองให้ตรวจสอบกันเอง เป็นอาทิ

“กัมมุนา วัตตติ โลโก”
สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม

พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน กรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม
25 สิงหาคม 2564


ที่มา : https://www.facebook.com/100035392371733/posts/489285538927854/?d=n


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ผู้กำกับโจ้' เตรียมมอบตัวตำรวจภูธรภาค 6 หลังติดต่อผู้บัญชาการระดับสูง

26 ส.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งเร่งดำเนินการจับกุมตัว พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ร่วมกับตำรวจอีกหลายนายใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหายาเสพติดจนเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ยังหลบหนีอยู่ แต่จากกระแสกดดันดังกล่าว ล่าสุดมีรายงานว่า ผู้กำกับโจ้ ได้ติดต่อผู้บัญชาการระดับสูง เพื่อเตรียมเข้ามอบตัวที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ส่วนรายละเอียดความคืบหน้าจะแจ้งต่อไป


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/114602


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กรมสมเด็จพระเทพฯ พระราชทานพระฉายาลักษณ์ ฉลองพระองค์เสื้อยืดลายฝีพระหัตถ์-ให้กำลังใจด่านหน้า

เพจ มูลนิธิชัยพัฒนา เผยว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์นายกกิตติมศักดิ์และองค์ประธานกรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระฉายาลักษณ์ ฉลองพระองค์เสื้อยืดลายฝีพระหัตถ์ และข้อความให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ในนามมูลนิธิชัยพัฒนา และกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด-19 (และโรคระบาดต่าง ๆ) ความว่า 

“…ชัยพัฒนาสนับสนุนผู้ดูแลรักษาผู้ป่วย...ขอบคุณครับ/ค่ะ…
พร้อมลงพระนามาภิไธย “สิรินธร”

หมายเหตุ - เสื้อยืดลายฝีพระหัตถ์ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ มีจำหน่าย ณ ร้านภัทรพัฒน์ ทุกสาขา รายได้จากการจำหน่ายสมทบ “กองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด-19 (และโรคระบาดต่าง ๆ)”


ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/155659084573776/posts/2135451226594542/?d=n
ที่มา : https://www.facebook.com/chaipattanafoundation/posts/3146212192332025


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“สกพอ.” รวมพลัง “สตรี อีอีซี ระยอง” ทั้ง 8 อำเภอ มอบถุงยังชีพให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน และร่วมส่งกำลังใจสู้โควิด-19

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม 2564 นางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการ สกพอ. ร่วมกับ กลุ่มสตรี อีอีซี ระยอง ผู้บริหารเทศบาลตำบลทับมา และคณะกรรมการพัฒนาสตรีตำบลทับมา ร่วมบรรจุและส่งมอบถุงยังชีพ จำนวน 200 ถุง เพื่อมอบให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในจังหวัดระยอง ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก โดยภายในถุงประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ในพื้นที่อีอีซี และสิ่งของที่จำเป็น เช่น ข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัมจากชลบุรี รวมกว่า 1,000 กิโลกรัม อาหารทะเลแห้งจากวิสาหกิจชุมชน จ.ระยอง กระชายแคปซูล ยาสามัญ และเมล็ดพันธุ์ผัก

โดยกลุ่มสตรี อีอีซี ระยอง ทั้ง 8 อำเภอจะเป็นผู้นำไปมอบให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ เพื่อร่วมส่งกำลังใจให้ประชาชนในพื้นที่อีอีซี ได้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

ญี่ปุ่นประกาศระงับใช้วัคซีนโมเดอร์นา 1.63 ล้านโดส หลังตรวจพบการปนเปื้อน

ญี่ปุ่นจะระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นา 1.63 ล้านโดส หลังมีรายงานพบการปนเปื้อนหลายล็อต จากการเปิดเผยของบริษัทผู้ผลิตยา "ทาเกดะ" และกระทรวงสาธารณสุขในวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.)

ทาเกดะ ซึ่งรับผิดชอบจำหน่ายและจ่ายวัคซีนโมเดอร์นาในญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากศูนย์วัคซีนหลายแห่ง พบสารแปลกปลอมภายในขวดวัคซีนที่ยังไม่เปิดในหลายล็อตโดยเฉพาะ

"หลังปรึกษากับกระทรวงสาธารณสุข เราตัดสินใจระงับใช้วัคซีนจากล็อตดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม" ถ้อยแถลงของทาเกดะ ระบุ พร้อมเผยว่า ทางบริษัทได้แจ้งเรื่องไปยังโมเดอร์นาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และร้องขอให้มีการสืบสวนอย่างเร่งด่วน

โมเดอร์นายังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้

ทาเกดะ ไม่ได้ให้รายละเอียดของการปนเปื้อน แต่ยืนยันว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานความกังวลทางสุขภาพใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากวัคซีนโดสที่ได้รับผลกระทบ

กระทรวงการสาธารณสุขของญี่ปุ่นระบุว่ากำลังประสานงานกับทาเกดะ ในการหาวัคซีนโดสอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความวุ่นวายกับโครงการฉีดวัคซีนของประเทศ ซึ่งระยะหลังมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว หลังเริ่มต้นอย่างล่าช้า

เวลานี้มีประชากรญี่ปุ่นฉีดวัคซีนครบแล้วราว ๆ 43% แต่ประเทศแห่งนี้กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกรุนแรงที่มีต้นตอจากตัวกลายพันธุ์เดลตา ซึ่งแพร่เชื้อได้ง่ายมาก

ญี่ปุ่น มีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วเกือบ 1.34 ล้านคน ในนั้นเสียชีวิต 15,693 ราย และพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศยังคงอยู่ภายใต้ข้อจำกัดสกัดการแพร่ระบาดของไวรัส


ที่มา : https://www.reuters.com/world/asia-pacific/japan-withdraws-some-moderna-vaccine-doses-no-reported-safety-incidents-2021-08-25
https://mgronline.com/around/detail/9640000084126


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

วิกฤติเลือดหมดคลังทั่วประเทศ! ทุกโรงพยาบาลขาดเลือดผ่าตัด วอนบริจาคโลหิต ช่วยชีวิตผู้ป่วย

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยขอให้คนไทยสุขภาพดีช่วยกันบริจาคโลหิตอย่างเร่งด่วน ในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 วิกฤติการขาดแคลนโลหิตครั้งใหญ่ โลหิตไม่เพียงพอ ผู้ป่วยที่ต้องเลื่อนการผ่าตัดและการรักษาพยาบาลออกไป โดยสามารถจ่ายโลหิตให้ได้เพียง 28% เท่านั้น รศ.พญ. ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรค COVID-19 การบริจาคโลหิตทั่วประเทศลดลงอย่างมาก วิกฤติในครั้งนี้รุนแรงกว่าในรอบปีที่ผ่านมา จากกราฟเป็นข้อมูลการบริจาคโลหิตทั่วประเทศ การบริจาคลดลง ซึ่งในภาวะปกติ จะเห็นว่าต้องมีโลหิตรักษาผู้ป่วยเดือนละ 200,000 ยูนิต โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้รับโลหิตจากการบริจาคเพียง 149,384 ยูนิต มีการขาดแคลนสะสมยาวนานมากกว่า 5 เดือน จึงมีผู้ป่วยที่ต้องเลื่อนการผ่าตัดและการรักษาพยาบาลออกไปอีกเป็นจำนวนมาก  
 
ทั้งนี้ โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ กว่า 340 แห่ง มีการเบิกโลหิตเฉลี่ยวันละ 8,000 ยูนิต แต่สามารถจ่ายโลหิตให้ได้เฉลี่ย 2,300 ยูนิตต่อวัน (28%) ซึ่งสถานการณ์ขาดแคลนโลหิตนี้ จะส่งผลอันตรายแก่ชีวิตได้
1. ผู้ป่วยโรคเลือด ซึ่งจำเป็นต้องรับโลหิตครั้งละ 1-2 ยูนิต ทุก 3-4 สัปดาห์ หากไม่ได้รับโลหิตผู้ป่วยจะมีภาวะซีด อ่อนเพลีย มีปัญหาในการดำรงชีวิต
2. ผู้ป่วยผ่าตัด ผู้ป่วยมะเร็ง ที่จะต้องถูกชะลอการรักษาออกไปอย่างไม่มีกำหนด
3. ผู้ป่วยอุบัติเหตุ ที่จำเป็นต้องใช้โลหิตในการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน เช่น เลือดออกในสมอง มีภาวะเลือดออกในช่องอก หรือช่องท้อง หรือผู้ป่วยกระดูกหัก ซึ่งมีเกือบทุกวัน และเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องการโลหิต จำนวนมาก

ต้องยอมรับว่าเนื่องจากสถานการณ์โควิด ส่งผลให้คนมาบริจาคโลหิตลดน้อยลงอย่างชัดเจน แต่ว่าการใช้โลหิตในการรักษาพยาบาลยังคงมีอย่างต่อเนื่องทุกวัน จนเกิดภาวะขาดแคลนเลือดทั่วประเทศ ถึงเวลาแล้วที่จะคนไทยต้องช่วยกัน วอนผู้ที่มีสุขภาพดี หรือผู้ที่ครบกำหนดบริจาคโลหิต 3 เดือนแล้ว บริจาคโลหิตอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยผู้ป่วยทั่วประเทศ สามารถบริจาคได้ ณ โรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ ที่เปิดรับบริจาคโลหิต ใกล้ที่ไหน บริจาคที่นั่นในพื้นที่ของตนเอง เพื่อความสะดวกปลอดภัยของท่านผู้บริจาค

จีน เผย 'ศาลออนไลน์' สามารถช่วยประหยัดการใช้กระดาษมากถึง 1.45 หมื่นล้านแผ่น

รายงานจากศาลประชาชนสูงสุดของจีน เมื่อวันอังคาร (24 ส.ค.) ประมาณการว่า การย้ายศาลสู่ระบบออนไลน์ช่วยจีนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 9.4 ล้านตัน ในปี 2020 ด้วยการลดระยะการเดินทางของผู้ฟ้องร้องคดีความและเจ้าหน้าที่ศาลกว่า 9.3 หมื่นล้านกิโลเมตร

บริการศาลออนไลน์ด้วยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการฟ้องร้องคดีความและลดการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ โดยบริการนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับปี 2019 รวมถึงประหยัดกระดาษมากถึง 1.45 หมื่นล้านแผ่น ซึ่งเท่ากับต้นไม้มากกว่า 1 ล้านต้น

ส่วนจำนวนคดีความที่ฟ้องร้องต่อศาลออนไลน์ทั่วประเทศรวมอยู่ที่ 10.8 ล้านคดี คิดเป็นร้อยละ 54 ของการฟ้องร้องคดีความทั้งหมด

ทั้งนี้ การประมาณการดังกล่าวอ้างอิงความแตกต่างระหว่างบริการออนไลน์และงานประเภทเดียวกันที่ดำเนินการแบบออฟไลน์


ที่มา : https://www.xinhuathai.com/china/224649_20210825


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญอาหารพระราชทาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอาหาร แก่บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดย พลเอก ศิวะ ภระมรทัต ประจำสำนักพระราชวังพิเศษ เป็นผู้อัญเชิญอาหารพระราชทาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมี นายแพทย์โชคชัย ลีโทชวลิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้แทนรับมอบ พร้อมทีมผู้บริหาร ทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เข้าร่วมพิธีรับพระราชทานอาหารเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ ยังความปลื้มปีติแก่บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และพสกนิกรชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอาหาร แก่บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ทรงห่วงใยและทรงให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ ที่เสียสละกำลังกาย และอุทิศตนในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งประกอบเป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ได้แก่ ขนมจีนน้ำเงี้ยว และน้ำยาป่าลูกชิ้น พร้อมทั้งพระราชทาน เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาดังกล่าวอีกด้วย  


สุจินดา อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พันธมิตรจิตอาสา ลุย! ”ชุมชนก้าวหน้า” ส่งต่อข้าวกล่องเต็มอิ่มเติมรอยยิ้ม ร่วมใจสู้ภัยโควิด-19

เกาะติดภารกิจ เติมสุขปันอิ่ม สู้ภัยโควิด วันที่ 25 สิงหาคม ที่ชุมชนก้าวหน้า เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร นายสมชาย จรรยา อุปนายก สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยพันธมิตรจิตอาสา ส่งมอบข้าวกล่อง แก่ชาวชุมชนก้าวหน้า โดยมีคุณศิริพรรณ เกิดแก่น ประธานชุมชน เป็นผู้แทนรับมอบ เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ชาวบ้านในชุมชนต่อไป

สำหรับชุมชนก้าวหน้า เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ริมคลองถนน มีประชาชนอาศัย 200 ครัวเรือน ประชากรกว่า 1,000 คน ในจำนวนนี้มีที่ผู้มีความเสี่ยงจากโรคติดเชื้อโควิด-19  จำนวน 9 คน เป็นเด็ก 1 คน และมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 1 คน จากการติดเชื้อ

การลงพื้นที่มอบน้ำใจแก่ชาวชุมชน เป็นความร่วมมือของ พันธมิตรจิตอาสา ประกอบด้วย มูลนิธิสหชาติ สำนักข่าว News Online Thailand เวปไซต์ข่าวจั่นเจา Canchaonews.com หนังสือพิมพ์ดีดีโพสต์ นิวส์ และนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่น 1 (ปสม.1) สถาบันพระปกเกล้า

โดยวันนี้ ยังมีตัวแทนนักศึกษา จากหลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่น 9 รุ่น11 และรุ่น12 สถาบันพระปกเกล้า มาร่วมมอบข้าวกล่องพร้อมทานให้แก่ชาวชุมชนด้วย

โดยรับข้าวกล่องมาจากจุดส่งมอบอาหาร ที่โลตัส สาขาบางกะปิ ภายใต้โครงการ "ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19" ของบริษัทในเครือซีพี เพื่อนำส่ง มอบต่อประชาชนเขตกรุงเทพและปริมณฑล ในแต่ละวัน เพื่อแบ่งเบาภาระและบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงสถานการณ์โควิด-19

แถลงการณ์ เครือข่ายพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ปสม.1 ประณามการซ้อมทรมานอันขัดหลักสิทธิมนุษยชน กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์

จากกรณีที่มีข่าวเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด ภาพเหตุการณ์ที่กลุ่มชายฉกรรจ์ ร่วมกันทำร้ายร่างกายและข่มขู่ชายคนหนึ่งด้วยวิธีการใช้ถุงพลาสติกคลุมหัวเพื่อทรมานให้ต้องยินยอมทำตามความประสงค์ ซึ่งภายหลังได้ข้อยุติว่าเป็นเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันซ้อมทารุณผู้ต้องหา เกิดที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ โดยชายผู้ถูกทำร้ายเสียชีวิต​การกระทำดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรง โดยการการทรมาน(Torture)​ ซึ่งเป็นสิทธิเด็ดขาด  (Absolute Right) ปรากฏใน "อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี(Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment : CAT)”ที่ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญา โดยการภาคยานุวัติเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๐ และมีผลบังคับใช้กับประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 เป็นต้นมา การลงโทษกับเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำการใดที่มีลักษณะการทรมานมีกฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะและไม่สามารถจะยกขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้  เพื่อให้พ้นจากความรับผิดได้

​นอกจากนี้ยังพบเห็นการร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ชอบ ทั้งการรับแจ้งความ การสืบสวน การสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐาน การจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งมักมีข้อกังขาในการใช้อำนาจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การซ้อมการทรมานเพื่อให้ผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัยรับสารภาพ การประจานผู้ต้องหาต่อสาธารณชน การวิสามัญฆาตกรรม รวมถึงการใช้อำนาจ กำลัง และอาวุธในการปราบปรามผู้เห็นต่าง เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาที่ควรแก่การแก้ไขปรับปรุงโดยเร็ว
​เครือข่ายพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ปสม.๑ โดยผู้มีรายชื่อท้ายแถลงการณ์นี้ ขอประณามการกระทำดังกล่าว และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตระหนักในความพยายามหาทางแก้ไข ป้องกัน มิให้ประชาชนต้องถูกกระทำดังกล่าวโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ในฐานะที่เป็นต้นน้ำแห่งกระบวนการยุติธรรม ขอเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจริงใจในการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง โดยปราศจากการแทรกแซงช่วยเหลือ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับสังคมโดยเร็วที่สุด

พร้อมกันนี้ เครือข่ายพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ปสม.๑ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร เร่งดำเนินการปฏิรูปตำรวจ และแก้ไขปัญหากระบวนการยุติธรรมทางอาญา โดยปรับงานสอบสวน งานพิสูจน์หลักฐาน ออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อลดปัญหาการรวบอำนาจการดำเนินคดีอาญาชั้นต้น อันส่งผลให้เกิดปัญหาการทุจริต การเรียกรับผลประโยชน์ การสร้างพยานหลักฐานเท็จ รวมทั้งการผลักดันร่างพระราชบัญญัติป้องกันการซ้อมทรมาน ที่ค้างการพิจารณาในคณะกรรมาธิการ และอื่น ๆ ที่เป็นปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน เป็นปัญหาของกระบวนการยุติธรรมของไทยมาช้านานให้หมดสิ้นไป
​เครือข่ายพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ปสม.๑ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะตระหนักและให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาดังกล่าวในระยะยาวอย่างจริงใจ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และประชาชน และการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สืบไป

25 สิงหาคม 2564

รายชื่อผู้ร่วมลงชื่อท้ายแถลงการณ์
1. นายกฤษณ์ ขำทวี
2.นายสมชาย จรรยา
3. นายนรเทพ  บุญเก็บ
4.นายศุภมา จิตต์เที่ยง
5.นายพิสุทธิ์ รัตนวิลัย
6.นายศิริพันธุ์ เรืองจินดา
7.นายสุทัศน์ ประสิทธิกุล
8. นายภาวุฒิ สุกทอง
9. นางพรทิพย์ เตชะสมบูรณากิจ
10.นายสมิษฐิ์ มหาปิยศิลป์
11. นายสันติพงษ์ มูลฟอง
12. นางเฉลียว ศาลากิจ
13 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top