Saturday, 10 May 2025
NEWS FEED

กะเทาะ 12 ข้อคิด จากมารดาแห่งแดนมังกร สินทรัพย์ล้ำค่า เพื่อลูกหลานชาวจีน

สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Somkiat Osotsapa ว่า สะเทือนไปทั่วทั้งวงการศึกษาของประเทศจีน.....

คำสอนของมารดาแห่งประเทศจีน นี่คือการชี้นำการศึกษาและการสร้างคนรุ่นต่อไป คนจีนจะเป็นแบบนี้เพราะผลของการศึกษา การศึกษาต้องมีปรัชญาและเป้าหมายชัดเจน

เมื่อภรรยาประธานาธิบดีสีจิ้นผิง (เผิงลี่หยวน) ได้กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องคะแนนสอบเอ็นทรานซ์ ได้สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวงการศึกษาของประเทศจีน......

คะแนนสอบของลูก ไม่ได้มีความสำคัญเทียบเท่ากับการสอนให้ลูกรู้จักสำนึกในบุญคุณ รู้จักเรียนรู้การดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ลูกจะมีทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทอง ผู้ปกครองจะมีวิธีอบรมปลูกฝังอย่างไร การที่จะให้ทรัพย์สินแก่ลูกหลาน ทำไมไม่คิดจะสร้างลูกให้กลายเป็นทรัพย์สินล้ำค่าเล่า นั่นคือการเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีของสังคม

ดังนั้นการเก็บสะสมทรัพย์สินมหาศาลให้กับลูกหลานไม่สามารถเทียบเท่ากับการให้ข้อคิดดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตดังต่อไปนี้

1.) ลูกรัก...ลูกต้องเรียนรู้ที่จะทำอาหาร นี่ไม่ได้เกี่ยวกับการดูแลปรนนิบัติคนอื่น แต่เมื่อคราที่คนที่รักลูกไม่ได้อยู่ข้างกายลูก ลูกก็จะสามารถดูแลตนเองได้ (อยู่รอดได้ด้วยตนเอง)

2.) ลูกรัก...ลูกจะต้องเรียนรู้ที่จะขับรถ นี่ไม่ได้เกี่ยวกับฐานะตำแหน่งหน้าที่ เพราะเช่นนี้แล้ว ลูกก็จะสามารถไปในทุก ๆ ที่ลูกอยากไปทุกเวลา ไม่ต้องไปขอร้องใคร (มีอิสระเสรี)

3.) ลูกรัก...ลูกจะต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัย และต้องเป็นมหาวิทยาลัยที่ได้มาตรฐาน นี่ไม่ได้เกี่ยวกับการรับรองฐานะการศึกษา ในชีวิตคนเราจำเป็นต้องผ่านประสบการณ์ในมหาวิทยาลัยสัก 3-4 ปี ซึ่งเป็นชีวิตที่ไม่มีเงื่อนไข และเป็นชีวิตที่ได้รับการอบรมบ่มเพาะให้มีสติปัญญา ความนึกคิดและการใช้เหตุผล (เมื่อเข้าไปสู่สังคมก็เสมือนเข้าไปสู่ชีวิตจริง)

4.) ลูกรัก...ลูกรู้หรือไม่ ฝากรอยเท้าไกลเท่าไหน จิตใจจะกว้างเท่านั้น เมื่อใจกว้างแล้ว ลูกจึงจะมีความสุข หากเดินไปได้ไม่ไกล ให้หนังสือช่วยพาลูกเดินไป (เปิดกว้างโลกทัศน์ของตนเองโดยอาศัยโลกแห่งความรู้)

5.) ลูกรัก...หากโลกนี้เหลือเพียงน้ำสองถ้วย ให้เก็บถ้วยหนึ่งเอาไว้ดื่ม ส่วนอีกถ้วยหนึ่งใช้ทำความสะอาดใบหน้าและชุดชั้นในของลูก (การเห็นคุณค่าของตัวเองไม่เกี่ยวกับความจนความรวย)

ชวนสัมผัสประสบการณ์!! นิทรรศการออนไลน์ “CDTI VIRTUAL EXHIBITION 2021” นิทรรศการเสมือนจริง 360 องศา

คุณณัฐวุฒิ ปิ่นทองคำ กรรมการสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา และผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร กลุ่มบริษัทเบญจจินดา ผู้จัดทำนิทรรศการออนไลน์ “CDTI VIRTUAL EXHIBITION 2021” นิทรรศการเสมือนจริง 360 องศา 

เชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมชมนิทรรศการออนไลน์ พบสุดยอดนวัตกรรมใหม่ ล้ำหน้าก่อนใครด้วยสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ และตื่นตาไปกับผลงานวิจัยด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่คิดค้นโดยครู อาจารย์ นักเรียน และนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา กิจกรรมดี ๆ แถมมีรางวัลให้ จะสุดยอดแค่ไหนตามไปชมกัน

???? กดไลค์เพจ และเข้าชม Virtual Exhibition 2021 ได้ที่ https://cdti2021.cyberrexdesign.com

รางวัลแห่งความภูมิใจ!! ของบริษัทแม่ และ บริษัทลูก “SET Award 2021” รับมอบโล่เกียรติคุณ บริษัทโดดเด่นที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โดย ได้รางวัลพร้อมรับมอบโล่เกียรติคุณหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2564 บนเวที “SET Awards 2021” สำหรับบริษัทที่มีความโดดเด่นที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ ขอแสดงความยินดีกับรางวัลในกลุ่ม Business Excellence และรางวัลในกลุ่ม Sustainability Excellence ได้แก่

1. รางวัลประเภท Best Investor Relations Awards กับ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK รับมอบโดย นางสาววริษา อนันตรัมพร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)

2. รางวัลประเภท Rising Star Sustainability Award กับ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) รับมอบโดย นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน)

 

 

ชะลอขึ้นค่าทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก 1 ปี แต่ต้องจ่ายแบบคูปอง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมกำหนดมาตรการเยียวยาให้กับประชาชนจากกรณีการปรับอัตราค่าผ่านทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร มีมติให้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีอีเอ็ม ออกมาตรการเยียวยาให้กับประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 โดยให้บีอีเอ็มออกมาตรการส่งเสริมการตลาด หรือชะลอการขึ้นค่าผ่านทางที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ 

ทั้งนี้เบื้องต้น บีอีเอ็มจะออกมาตรการการตลาดและโปรโมชั่นในรูปแบบผู้ใช้ทางที่ใช้คูปองชำระค่าผ่านทางในอัตราราคาเดิมที่ใช้อยู่ เป็นระยะเวลา 1 ปี (15 ธ.ค. 2564-15 ธ.ค. 2565) แต่การชำระด้วยเงินสด และอีซี่พาส ต้องจ่ายในราคาที่ปรับใหม่ ตามสัญญา ขณะที่ปัจจุบันมีผู้ใช้ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนประมาณ 5.9 หมื่นคันต่อวัน 

'ออมสิน' ดึงคนฝากเงินแถมลุ้นเงินล้าน 20 รางวัล

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออก 2 แคมเปญเงินฝาก เพื่อส่งเสริมการออมส่งท้ายปี จูงใจด้วยดอกเบี้ยสูงและร่วมลุ้นรางวัลพิเศษ โดยแคมเปญแรกได้แก่ เงินฝากสลากออมสินพิเศษ 2 ปี (ใบสลาก) จับรางวัลพิเศษ ระหว่างวันที่ 2 พ.ย. – 29 ธ.ค.2564 ร่วมลุ้นเงินรางวัลพิเศษ 1 ล้านบาท จำนวน 20 รางวัล ออกรางวัล 2 ครั้ง ในวันที่ 1 ธ.ค.64 จำนวน 10 รางวัล และ วันที่ 30 ธ.ค.64 อีก 10 รางวัล 

สำหรับสลากออมสินพิเศษ 2 ปี (แบบใบสลาก) ราคาหน่วยละ 100 บาท กำหนดผู้ฝากเป็นบุคคลธรรมดาอายุ 7 ปีขึ้นไป และนิติบุคคลทุกประเภท ฝากได้ที่สาขาธนาคารออมสิน ไม่จำกัดวงเงินฝากสูงสุด ระยะเวลาฝาก 2 ปี มีสิทธิลุ้นถูกรางวัล  24 ครั้ง กำหนดออกรางวัลทุกวันที่ 1 ของเดือน รางวัลสูงสุด รางวัลที่ 1 เป็นเงิน 5,000,000 บาท และรางวัลอื่น ๆ รวมถึงรางวัลเลขท้าย เมื่อฝากครบกำหนดจะได้รับดอกเบี้ยอีกหน่วยละ 0.10 บาท อัตราผลตอบแทนผู้ฝากขั้นต่ำเมื่อสลากครบกำหนดเฉลี่ยต่อปีตามจำนวนเงินฝาก ตั้งแต่ 0.05-0.35% ต่อปี ผู้ฝากเป็นบุคคลธรรมดา ดอกเบี้ยและเงินรางวัลจะได้รับการยกเว้นภาษี 

ทอ.เคลื่อนย้ายเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 6 (UH-1H) หรือ ฮิวอี้ (Huey) หลังบรรจุประจำการกว่า 50 ปี ไปตั้งแสดง  พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ

พล.อ.อ.นภาเดช  ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้สั่งการให้กรมช่างอากาศดำเนินการเคลื่อนย้ายเฮลิคอปเตอร์แบบที่6 (UH-1H) หมายเลข ทอ.7/12 ซึ่งบรรจุประจำการในกองทัพอากาศมากว่า 59 ปีและปัจจุบันได้ปลดประจำการแล้ว ไปตั้งแสดงที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ กองประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ กรมสารบรรณทหารอากาศ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับกองทัพอากาศ เปิดโอกาสให้เยาวชนตลอดจนบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจเกี่ยวกับอากาศยานได้เข้ามาศึกษาและเยี่ยมชม

กองทัพอากาศได้รับมอบเฮลิคอปเตอร์แบบ UH-1H จากกองทัพสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ.2511 โดยกองทัพอากาศได้กำหนดชื่อว่า “เฮลิคอปเตอร์แบบที่ 6” หรือ ฮ.6 หรือ ฮิวอี้ (Huey) เริ่มประจำการในฝูงบิน 32 กองบิน 3 โดยมีภารกิจสนับสนุนโทรคมนาคม ให้ความช่วยเหลือ กองทัพบก กองทัพเรือ นาวิกโยธิน และตำรวจตระเวนชายแดน ในการปฏิบัติการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ทำการบินขนส่งพัสดุและกำลังพลให้กับทุกเหล่าทัพ อีกทั้งภารกิจในการให้ความช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งปฏิบัติภารกิจอื่น ๆ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ก่อนจะย้ายเข้าบรรจุประจำการ ณ ฝูงบิน ๒๐๓ กองบิน ๒ จังหวัดลพบุรี โดยมีภารกิจหลักคือ การบินค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ

สำหรับเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 6 ที่นำมาตั้งจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ ฯ กองทัพอากาศได้รับมอบเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2511 บรรจุประจำการครั้งแรก ณ ฝูงบิน 32 กองบิน 3 ในปี พ.ศ.2512 กองทัพอากาศได้พิจารณาจัดเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 6 หมายเลข ทอ. 6/12 และ 7/12 เพื่อปฏิบัติภารกิจเป็นเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งแบบใหม่ทดแทนเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 4 (เอช-34) ได้รับหมายเลขประจำฝูงบิน 3201 ซึ่งเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 6 เครื่องดังกล่าว ปฏิบัติภารกิจบินรับ-ส่งเสด็จ ฯ เป็นระยะเวลานานสามปีตั้งแต่ พ.ศ.2512 - 2515 จึงถูกปรับระดับมาเป็นเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งสำรอง เปลี่ยนหมายเลขประจำฝูงบิน เป็น 3202 โดยกองทัพอากาศได้พิจารณาจัดเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 6 หมายเลข 29/15  ซึ่งได้รับบรรจุเข้าประจำการเมื่อปี พ.ศ.2515 ปฏิบัติภารกิจเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งแทน

ไฟเขียว กทม. เก็บซากรถจอดไปขายได้ทันที ชี้!! ไม่ต้องรอเจ้าของ แก้ปัญหากีดขวางจราจร

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมากรณีปัญหาประเด็นข้อกฎหมายจากนโยบายการกำจัดรถเก่าที่จอดในที่สาธารณะ และกรุงเทพมหานคร มีนโยบายยกออกทันที ก่อนมีข้อสงสัยว่าจำเป็นต้องจอดรอเก็บไว้เพื่อรอเจ้าของเผื่อมาไถ่คืนหรือไม่ ล่าสุด คณะกรรมการกฤษฎีกาชี้แจงแล้ว ยืนยันไม่ต้องเก็บ ขายทิ้งได้เลย เอาเงินมาเก็บแทนได้

นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. โพสต์ข้อความเล่ารายละเอียดเรื่องนี้ว่า “ข่าวดีสำหรับคนกรุงเทพฯ ข่าวร้ายของคนมักง่าย วันนี้มายกซากรถเขตวังทองหลาง จำนวน 5 คันรวด บริเวณซอยลาดพร้าว 47, 63, 87 แยก 7, 101 แยก 19 และ 114 ครับ…ข่าวดีคือประเด็นข้อกฎหมายที่สำนักเทศกิจถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าจำเป็นต้องเก็บซากรถไว้ 1 ปี เพื่อรอเจ้าของเผื่อจะมาไถ่รถคืนก่อนการขายทอดตลาดหรือไม่?? สรุปคือไม่ต้องละครับ สำนักงานเขตสามารถขายเอาเป็นเงินมาเก็บไว้แทนได้เลย แบบนี้จะง่ายกับทางกรุงเทพมหานครไม่ต้องมีภาระในการหาสถานที่เก็บรักษาและหาคนดูแลครับ และยังจะได้ร่างระเบียบค่าขนย้ายและเก็บรักษาก่อนขายทอดตลาดโดยหักจากที่ขายทอดตลาดได้อีกด้วย…”

กระทรวงการต่างประเทศ ตบหน้า 'รพ.ธรรมศาสตร์' แจงดีล Moderna ล่ม เหตุโปแลนด์ไม่ให้เอาไปขาย

กระทรวงการต่างประเทศ แจงเหตุ ดีลบริจาควัคซีน Moderna จากโปแลนด์ล่ม เพราะรพ.ธรรมศาสตร์ จะขอรับวัคซีน 1 ใน 3 ส่วนอีก 2 ใน 3 ให้เอกชนที่เป็นหุ้นส่วนนำไปจำหน่ายให้ผู้สนใจ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ซึ่งโปแลนด์แจ้งว่าไม่อนุญาตให้นำวัคซีนที่ได้รับบริจาคไปขาย

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ ออกคำชี้แจง หลังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ อ้างว่ากระทรวงการต่างประเทศ ไม่ทำหนังสือยืนยันตัวตนให้ รพ.ธรรมศาสตร์ในการขอรับบริจาควัคซีน Moderna ซึ่งยังมีอายุใช้งานได้ถึงเดือนเมษายน 2565 จำนวน 1.5 ล้านโดส จากประเทศโปแลนด์ เป็นเหตุให้ต้องยุติการขอรับบริจาคลง โดยระบุว่า…

ตามที่เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เฟซบุ๊กโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ได้ลงข้อความพาดพิงถึงการที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอรับบริจาควัคซีนโมเดอร์นาจากสำนักงานสำรองทางยุทธศาสตร์ของโปแลนด์ จำนวน 1.5 ล้านโดส โดยระบุว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอให้กระทรวงการต่างประเทศออกจดหมายยืนยันว่า รัฐบาลไทยยินดีรับบริจาควัคซีนดังกล่าว เนื่องจากหน่วยงานผู้บริจาคประสงค์ให้รัฐบาลไทย โดยหน่วยงานภาครัฐที่มีสถานะเป็นผู้แทนรัฐบาล แจ้งเจตนาจะรับบริจาค แต่กระทรวงการต่างประเทศไม่ออกหนังสือดังกล่าวให้ ทำให้การบริจาควัคซีนดังกล่าวต้องยกเลิกไปนั้น

กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงดังนี้ว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แจ้งกระทรวงการต่างประเทศว่า ในการรับบริจาควัคซีนจากโปแลนด์ครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงจะรับวัคซีนจำนวน 1 ใน 3 ของวัคซีนที่ได้รับบริจาคไว้เอง เพื่อให้บริการประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และจะมอบวัคซีนที่ได้รับบริจาคมาอีก 2 ใน 3 ให้เอกชนที่เป็นหุ้นส่วน เพื่อนำไปจำหน่ายให้ผู้สนใจ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

กระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์แล้ว ได้รับแจ้งว่าไม่อนุญาตให้นำวัคซีนที่ได้รับบริจาคไปขาย และฝ่ายไทยต้องได้รับ market authorization จากบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นาด้วย ซึ่งทั้งสองประเด็นเป็นแนวปฏิบัติโดยทั่วไปของการบริจาควัคซีนและเวชภัณฑ์ระหว่างประเทศ และไม่สามารถเจรจาต่อรองเป็นอื่นได้

"หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา” พร้อมด้วยคณะโรงเรียนสอนวิชาชีพและบริการ ปิยะแสงปัญญา อัญเชิญ "ผ้ากฐินพระราชทาน" นำไปถวายฯ วัดขันเงิน พระอารามหลวง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2564  เวลา  13.00 น. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานผ้ากฐิน ให้โรงเรียนสอนวิชาชีพและบริการปิยะแสงปัญญา ตามที่ขอพระราชทานเพื่อน้อมนำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ  วัดขันเงิน พระอารามหลวง ตำบลวังตะกอ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร

ในการนี้ "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ " พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  (รัชกาลที่4 ) องค์อุปถัมภ์ โรงเรียนสอนวิชาชีพและบริการปิยะแสงปัญญา ทรงกรุณาเสด็จเป็นองค์ประทาน ถวาย "ผ้ากฐินพระราชทานฯ" พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร ครู อาจารย์ โรงเรียนสอนวิชาชีพและบริการปิยะแสงปัญญา น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้า ล้นกระหม่อม ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่10 ) อย่างหาที่สุดมิได้

 

‘ตำรวจภูธรภาค 5’ กวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบ!! พบยาบ้า 20 ล้านเม็ด - ไอซ์ 631 กิโลกรัม - เฮโรอีน พร้อมอาวุธปืนอีก 500 กว่ากระบอก

ตามนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ,พลเอกประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน จึงได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ ประชาชน และเป็นภัยกับสังคม ไม่ว่าจะเป็นคดีเกี่ยวกับอาวุธปืน ยาเสพติด ,ชีวิต ร่างกายและเพศ และเกี่ยวกับทรัพย์ หรือกระทั่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่น การหลอกลวงประชาชนโดยใช้ Social Media โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด - 19 นั้น

เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.สุชาติ  ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส.) ,พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.(ปป) , พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.(มค) จึงได้สั่งการให้ทุก บช. มีการะดมกวาดล้างอาชญากรรมตามเป้าหมายต่างๆ ในห้วงวันที่ 20 -31 ตุลาคม 2564 

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10:30 น. ณ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5

ตำรวจภูธรภาค 5 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี ,พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ประยูรศิริ, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 และ ผบก.ทุก ภ.จว. ในสังกัด ภ.5 ได้ดำเนินการสนองตอบนโยบายรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติดังกล่าว โดยบูรณาการกำลังร่วมกันกับฝ่ายปกครอง หน่วยทหารกองทัพภาคที่ 3 และป.ป.ส.ภาค 5 โดยขอแถลงสรุปผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมตามเป้าหมายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด ในห้วงวันที่ 20 -31 ตุลาคม 2564 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ดังนี้

1. ความผิดเกี่ยวกับการพนัน 1,017 ราย ผู้ต้องหา 1,136 คน

2. ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 3,567 ราย ผู้ต้องหา 2,681 คน

3. ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง 770 ราย ผู้ต้องหา 772 คน

4. ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน 1,240 ราย ผู้ต้องหา 796 คน

5. ความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ 90 ราย ผู้ต้องหา 89 คน

6. จับกุมบุคคลตามหมายจับ 2,081 ราย ผู้ต้องหา 2,057 คน

7. อาชญากรรมทางเทคโนโลยี 288 ราย ผู้ต้องหา 75 คน

รวมทั้งสิ้น 9,053 ราย ผู้ต้องหา 7,606 คน

โดยเฉพาะผลการปฏิบัติที่สำคัญ มีการจับกุมเกี่ยวกับยาเสพติดรายใหญ่ที่ผ่านมา ได้แก่ที่

1.สภ.ฝาง จว.เชียงใหม่ ยาบ้า 100,000 เม็ด (20 ต.ค.64)

2.สภ.แม่สรวย จว.เชียงราย ยาบ้า 310,000 เม็ด ไอซ์ 58 กก. เฮโรอีน 7 กก. (20 ต.ค.64)

3.สภ.เมืองเชียงราย ,แม่สรวย ยาบ้า 1,696,000  เม็ด ไอซ์ 9 กก. (20 ต.ค.64)

4.กก.สส.ภ.5 ร่วมกับ ป.ป.ส. 4,400,000 เม็ด ไอซ์ 288 กก. (20 ต.ค.64) ต้นทางจาก อ.ภูซาง อ.เชียงคำ จว.พะเยา จับกุมได้ที่ จ.อยุธยา

5.สภ.ห้วยไร่ จว.แพร่ ยาบ้า 5,000,000 เม็ด (23 ต.ค.64)

6.สภ.แม่ลาว จว.เชียงราย ยาไอซ์ 235 กก. (29 ต.ค.64)

ซึ่งในวันนี้ ตำรวจภูธรภาค 5 ได้นำมาร่วมแถลงข่าว จำนวน 3 คดี คือ

คดีที่ 1 : ตรวจยึดยาบ้า 7,970,000 เม็ด

วันเดือนปีที่ตรวจยึด : วันที่ 30 ตุลาคม 2564

สถานที่ตรวจยึด : จุดตรวจแพร่ธรรมาราม อ.เด่นชัย จว.แพร่

ของกลาง : ตรวจยึดยาเสพติดประเภทยาบ้า 7,970,000 เม็ด และ รถยนต์ขนส่ง 6 ล้อ จำนวน 1 คัน

ข้อกล่าวหา : มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าและไอซ์) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย

พฤติการณ์แห่งคดี: ด้วยเมื่อ วันที่ 30 ต.ค.2564 เวลา 10:00 น. ผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุก หมายเลขทะเบียน 72-4852 นครปฐม ได้รับการติดต่อจากเพื่อนกลุ่มขับรถรับจ้างให้ไปรับงานที่ห้องพัก ต.ร่องฟอง อ.เมืองแพร่ จว.แพร่ เพื่อนำส่งปลายทางที่เขตมีนบุรีกรุงเทพฯ ซึ่งผู้ติดต่อแจ้งว่าเป็นสุ่มไก่ เมื่อถึงจุดขึ้นของมีผู้ชาย 2 คน ยกของขึ้นรถบรรทุก เป็นลังไม้และสุ่มไก่ ผู้ขับขี่ฯ จะช่วยยกของขึ้นรถ ชายทั้งสอง บอกว่าไม่ต้องช่วย และไม่ต้องเปิดลังดูเพราะข้างในเป็นยาสำหรับไก่ชน ในระหว่างที่รอผู้ชายทั้งสองยกของขึ้นรถบรรทุก ผู้ขับขี่ฯ ก็เดินไปทำธุระส่วนตัวที่ปั้ม เมื่อกลับมาถึงรถบรรทุกชายทั้งสองก็แจ้งว่าเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนายรุ่งเพชรฯ ก็คลุมผ้าใบท้ายรถและขับรถบรรทุกออกจากจุดขึ้นของมุ่งหน้าทาง อ.เด่นชัย - อุตรดิตถ์ เมื่อมาถึงปั๊มน้ำมัน ที่ อ.เด่นชัย ผู้ขับขี่ฯ จึงหยุดรถ แล้วเปิดดูลังไม้ที่บรรทุกมาให้หายสงสัยว่าเป็นสิ่งของผิดกฎหมายหรือไม่ เปิดดูพบด้านในลังไม้มีถุงสีดำบรรจุก้อนสี่เหลี่ยมห่อด้วยกระดาษสีเหลืองประทับตรา 999 และโทรศัพท์แจ้ง สภ.เด่นชัย ช่วยตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจฯ ตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นยาบ้า จำนวน 54 ถุง สรุปยาบ้าจำนวน 7,970,000 เม็ด ขณะนี้ อยู่ระหว่างสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อติดตามหาผู้กระทำผิด และผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

คดีที่2 : สภ.เวียงมอก จว.ลำปาง จับกุมยาบ้า 599,600 เม็ด, ไอซ์ 41 กิโลกรัม

วันเดือนปีที่จับกุม : วันที่ 30 ตุลาคม 2564

สถานที่จับกุม : ด่านตรวจสะเลียมหวาน ต.เวียงมอก อ.เถิน จว.ลำปาง

ผู้ต้องหา : นายศักดิ์สิทธิ์ อำพันทอง อายุ 47 ปี ภูมิลำเนาอยู่ ต.สมเด็จ อ.สมเด็จ จว.กาฬสินธุ์

ของกลาง : ยาบ้า 599,600 เม็ด,ไอซ์ 41 กิโลกรัม,รถยนต์ (ซีอาร์วี) จำนวน 1 คัน

พฤติการณ์แห่งคดี : เมื่อวันที่ 30 ต.ค.64 เวลา 06:10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เวียงมอก ได้ตั้งด่านตรวจยาเสพติด ต่อมาได้มี นายศักดิ์สิทธิ์ อำพันทอง ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน กง 5906 กาญจนบุรี จึงได้ทำการตรวจค้น ผลการ ตรวจค้นพบยาบ้า ลักษณะกลมแบน ประทับอักษร WY จำนวนประมาณ 599,600 เม็ด และไอซ์จำนวน 41 ห่อ น้ำหนัก 41 กก. ซุกซ่อนอยู่บริเวณด้านหลังรถยนต์ ซึ่ง ผตห.รับว่าของกลางทั้งหมดรับมาจาก อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ เพื่อส่งไปให้เป้าหมายที่กรุงเทพมหานคร ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล เพื่อติดตามหา ผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่3 สภ.เกาะช้าง จว.เชียงราย ร่วมกับ กองกำลังผาเมือง ตรวจยึดยาบ้า 320,000 เม็ด

วันเดือนปีที่ตรวจยึด : วันที่ 30 ตุลาคม 2564

สถานที่ตรวจยึด : ช่องทางธรรมชาติบ้านป่าซาง ม.6 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จว.เชียงราย

ของกลาง : ตรวจยึดยาเสพติดประเภทยาบ้า 320,000 เม็ด

พฤติการณ์แห่งคดี : ในห้วงวันที่ 30 ต.ค.2564 เวลา 14:00 น. จนท.กกล.ผาเมือง ได้ตรวจพบกลุ่มคนประมาณ 4 คน แบกถุงพลาสติกสีดำเดินมาจากประเทศเมียนม่า เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัว ขอทำการตรวจค้นกลุ่มคนดังกล่าว จึงได้ทิ้งถุงพลาสติกสีดำไว้แล้วได้วิ่งหลบหนีกลับไปยังประเทศเมียนม่า ชป.ขอกำลังสนับสนุน เข้าปิดล้อมสถานที่เกิดเหตุตรวจสอบบริเวณพื้นที่โดยรอบ พบเป็นวัตถุมีลักษณะเป็นกล่อง ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำจำนวน 2 กล่อง บรรจุยาบ้ากล่องละประมาณ 160,000 เม็ด รวมเป็นยาบ้าทั้งหมด จำนวนประมาณ 320,000 เม็ด ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวน ขยายผลเพื่อติดตามหาผู้กระทำผิด และ ผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รวมของกลางทั้งหมด ยาบ้า 19,896,000 เม็ด , ไอซ์ 631 กิโลกรัม และ เฮโรอีน 7 กิโลกรัม

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top