Monday, 12 May 2025
NEWS FEED

เหลือเชื่อ !! นางรำ ร่วม 200 คน รำแก้บนถวาย  หลังสู้ศึกเลือกตั้งชนะขาดนั่งนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่

ที่ภายในลานสนามกีฬาหญ้าเทียม  เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่  ต.แพรกษาใหม่  อ.เมือง  จ.สมุทรปราการ  มีกลุ่มสตรีและประชาชนจำนวนมาก  ร่วม 200 คน รวมถึงประชาชนผู้สูงอายุพร้อมใจกันแต่งชุดไทยพื้นบ้านเดินทางมายังเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่  เพื่อร่วมรำวงแก้บนถวายเจ้าพ่อโคกพร้าว  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนชาวแพรกษาใหม่ให้ความเคารพนับถือ  และมีความเลื่อมใสศรัทธาต่อศาลเจ้าพ่อโคกพร้าวมานาน กว่า 100 ปี  ตามความเชื่อหลังจากมีประชาชนได้บนบานขอให้นายก อำนวย  บุญริ้ว ชนะการเลือกตั้งและกับมาเป็นนายกเหมือนเดิม

จากการสอบถาม  ตัวแทนกลุ่มสตรีแพรกษาใหม่  เปิดเผยว่า  เนื่องจากประชาชนในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่  มีความรัก  ความเชื่อมั่นในตัวนายก  อำนวย  บุญริ้ว  เป็นอย่างมากเพราะที่ผ่านมาได้ดูแลแก้ไขปรับปรุงพื้นที่แพรกษาใหม่ให้มีความเจริญขึ้น  และมีการพัฒนาท้องถิ่นในด้านต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง  ช่วยเหลือดูแลประชาชนอีกทั้งไม่เคยถือตัวพูดจริงทำจริงจึงเป็นที่รักของประชาชนจำนวนมาก  กระทั่ง  ที่ผ่านมาได้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นประชาชนจำนวนมากต่างพร้อมใจกันมาบนบานเจ้าพ่อโคกพร้าว  เพื่อขอให้นายอำนวย  บุญริ้ว  ชนะการเลือกตั้งและกับมาเป็นนายกอีกครั้งพร้อมทีมสมาชิกทั้งหมด และในวันนี้จึงได้ร่วมกันรำแก้บนถวายเจ้าพ่อโคกพร้าวตามที่บนบานไว้  พร้อมทั้งมีกลุ่มผู้สูงอายุมาร่วมตีกลองยาวและร่วมรำแก้บนถวายปู่โคกพร้าวอีกด้วย

สองผัวเมีย ร้องทุกข์!! ตาติดเชื้อต้องควักทิ้ง 1 ข้าง เชื่อ!! โดนแหย่จมูกตรวจโควิดซ้ำ!!

สองผัวเมียร้องสื่อฯ ไปโรงพยาบาลผ่าตัดขา เจอตรวจโควิด-19 ถูกแหย่จมูกซ้ำ ๆ จนดวงตาติดเชื้อร้ายจากโพรงจมูก สุดท้ายโดนควักลูกตาซ้ายออกป้องกันลามไปอีกข้าง วอนหน่วยงานหาข้อเท็จจริงและรับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากชาวบ้านในพื้นที่ ต.คลองแม่ลาย อ.เมืองกำแพงเพชร ว่ามีหญิงวัย 60 ปีได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลกำแพงเพชร เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุหกล้มจนกระดูกขาด้านซ้ายหัก ระหว่างเข้าทำการรักษาอาการนั้น เจ้าหน้าที่รพ. ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยแจ้งว่าเป็นระเบียบของทาง รพ.

คนไข้ที่เข้ามาทำการรักษาในเบื้องต้นจะต้อง swab ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทันที จากนั้นไม่นานดวงตาด้านซ้ายเริ่มมีอาการติดเชื้อรุนแรง ซึ่งคาดว่าเป็นผลพวงที่เกิดจากการแหย่จมูกหาเชื้อโควิด-19 ของเจ้าหน้าที่ รพ. ซึ่งผู้ป่วยวิงวอนขอให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนทำให้เสียดวงตาอันเป็นสิ่งสำคัญในการมองเห็นไป อีกทั้งยังทำให้ครอบครัวตนขาดรายได้

เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง ณ บ้านเลขที่ 3 หมู่ 3 ต.คลองแม่ลาย อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นบ้านของนายปาณชัย เย็นมั่น อายุ 60 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป และนางสุนันทา เย็นมั่น อายุ 60 ปี สองสามีภรรยา

พบว่า นางสุนันทา เย็นมั่น ผู้ป่วยในกรณีดังกล่าวต้องใช้เหล็กค้ำยัน 4 ขา (วอล์กเกอร์) พยุงตัวในเวลาเดิน ขาด้านซ้ายมีร่องรอยการผ่าตัด บริเวณใบหน้าโหนกแก้มยุบทั้งสองข้างเนื่องจากไม่มีโครงกระดูกรองรับ ใบหน้ามีแผลเป็น ซึ่งทราบภายหลังว่าเกิดจากการรักษาโรคมะเร็งโพรงจมูกเมื่อหลายปีก่อน

ส่วนดวงตาด้านซ้ายมีสภาพบอดสนิท เนื่องจากแพทย์แจ้งว่าเกิดอาการติดเชื้อรุนแรงจำเป็นต้องนำเอาดวงตาข้างดังกล่าวออก เพราะหากปล่อยไว้จะลุกลามไปยังดวงตาอีกข้าง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้นมาอีก

สองสามีภรรยายืนยันต่อผู้สื่อข่าวถึงสาเหตุที่ทำให้ดวงตาด้านซ้ายของนางสุนันทาบอดนั้นเกิดจากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในช่วงที่เข้าไปผ่าตัดขาตามแพทย์นัดที่ รพ. อย่างแน่นอน เพราะก่อนเข้ารักษาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปตรวจหาเชื้อโควิดก่อน โดยการใช้อุปกรณ์ตรวจแหย่เข้าไปในรูจมูก (swab)

ขณะที่ก่อนหน้านี้นางสุนันทาได้เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งโพรงจมูกจนต้องผ่าตัดเอาโครงกระดูกบริเวณโหนกแก้มออก คาดว่าอุปกรณ์การตรวจที่แหย่เข้าไปในรูจมูกของผู้ป่วยอาจจะเข้าไปกระทบกระเทือนกับระบบประสาทตา จนทำให้ดวงตาเกิดการอักเสบติดเชื้อ กระทั่งแพทย์ต้องนำเอาดวงตาด้านซ้ายออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามไปยังดวงตาอีกข้าง

สองสามีภรรยาได้ติงว่าทางเจ้าหน้าที่รพ. น่าจะหาวิธีหลีกเลี่ยงในการตรวจโควิดนางสุนันทา ที่เคยเป็นผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาผ่าตัดโครงสร้างของโพรงจมูกมาแล้ว เนื่องจากเป็นโรคมะเร็งผิวหนังบริเวณใบหน้าจนเชื้อกินลึกไปถึงในโพรงจมูก

นายปาณชัย เย็นมั่น สามีนางสุนันทา ผู้ป่วย กล่าวว่า ช่วงที่เจ้าหน้าที่รพ. ตรวจ swab บางครั้งตนไม่ได้เข้าไปดู อยู่มาวันหนึ่งช่วงเที่ยงหลัง swab เสร็จก็เตรียมรับประทานอาหารกัน ขณะนั้นตนสังเกตเห็นมีน้ำขุ่น ๆ ไหลออกมาจากทางจมูก ตอนแรกตนคิดว่าเป็นน้ำมูกก็ไม่ได้คิดอะไร

สถานบริการทางเพศออสเตรีย จัดโปรล่อใจหนุ่มฉีดวัคซีน หลังอัตราฉีดของประเทศยังต่ำกว่าเกณฑ์ 70%

สถานบริการทางเพศในกรุงเวียนนาของออสเตรีย ให้บริการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 และมอบโปรโมชันใช้บริการฟรี 30 นาที

“ฟัน พาลาสท์” (Fun Palast) สถานประกอบการที่ให้บริการค้าประเวณีแห่งหนึ่งในกรุงเวียนนาของออสเตรีย ได้เปิดให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 พร้อมมอบข้อเสนอเป็นบัตรกำนัลห้องซาวน่า มูลค่า 40 ยูโร หรือกว่า 1,500 บาท สำหรับใช้บริการฟรีเป็นเวลา 30 นาที

สถานบริการทางเพศแห่งนี้ จะเปิดให้บริการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เป็นเวลา 4 ชั่วโมงของทุกวันจันทร์ ตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชายเข้ารับวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสดังกล่าวมากขึ้น

‘ฟิลิปปินส์ - อังกฤษ’ ย้ำจุดยืน!! ‘ไม่แบนบุหรี่ไฟฟ้า’ เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าแนะไทย ดูเป็นแบบอย่าง

เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้า เผยความเคลื่อนไหวจากการประชุมยาสูบโลก ชี้รัฐบาลฟิลิปปินส์ลุกขึ้นแถลงจุดยืนกลางที่ประชุมฯ ว่าจะเน้นนโยบายควบคุมยาสูบแบบสมดุล ทั้งทางด้านกฎระเบียบและการเก็บภาษี และจะไม่แบนบุหรีไฟฟ้า เพื่อป้องกันผลเชิงลบ ขณะที่อังกฤษระบุอัตราผู้สูบบุหรี่ลดต่ำสุด เป็นผลมาจากมาตรการที่ครอบคลุมรวมถึงการสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้า แนะประเทศไทยเดินตามรอยสองประเทศ เพื่อประโยชน์ประเทศและผู้สูบบุหรี่

นายอาสา ศาลิคุปต เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มลาขาดควันยาสูบ และเพจ "บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร" เผยความเคลื่อนไหวจากการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ ขององค์การอนามัยโลก ครั้งที่ 9 หรือ FCTC COP 9 ระบุว่า “กระทรวงต่างประเทศของฟิลิปปินส์เป็นตัวแทนของประเทศลุกขึ้นเรียกร้องให้องค์การอนามัยโลกพิจารณาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทดแทนการสูบบุหรี่ เพื่อทำให้มาตรการควบคุมการสูบบุหรี่กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง ฟิลิปปินส์ยอมรับว่าการเก็บภาษีบุหรี่ทำให้รัฐบาลมีรายได้จำนวนมาก เพื่อใช้บริหารประเทศและทำกิจกรรมรณรงค์เลิกบุหรี่ แต่ฟิลิปปินส์รู้ว่าการเก็บภาษีอย่างสุดโต่งไม่ทำให้การเลิกบุหรี่สำเร็จได้ จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมยาสูบแบบสมดุลทั้งทางด้านกฎระเบียบและการเก็บภาษี และย้ำอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีการแบนบุหรี่ไฟฟ้าแน่นอน”

นายเทอโดโร ลอคสิน จูเนียร์ รมว.ต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมระหว่างการเปิดประชุม FCTC COP 9 ว่าการแบนบุหรี่ไฟฟ้ายิ่งทำให้เกิดตลาดใต้ดินและการลักลอบนำเข้าในประเทศมากขึ้น ซึ่งฟิลิปปินส์เสนอว่าการแก้ปัญหาบุหรี่และตลาดใต้ดินบุหรี่ไฟฟ้าจำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย และการปรึกษาหารืออย่างครอบคลุมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด

ขณะที่ตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุขประเทศอังกฤษกล่าวว่า อัตราการสูบบุหรี่ในประเทศอังกฤษลดลงอย่างต่อเนื่องมาตลอด 20 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบอย่างครอบคลุม ซึ่งรวมถึงการขึ้นภาษีบุหรี่ การห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะ และการสนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่ได้รับการควบคุม

นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายลาขาดควันยาสูบ อีกรายกล่าวเสริมว่า “ฟิลิปปินส์ให้ความสำคัญกับงานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งสรุปตรงกันว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ จึงเพิ่งผ่านร่างกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อเป็นกรอบควบคุมยาสูบรูปแบบใหม่ที่จะช่วยให้ดอันตรายให้กับผู้สูบบุหรี่ได้ ในขณะเดียวกันก็ช่วยป้องกันการขายผลิตภัณฑ์ให้กับเด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์ ส่วนอังกฤษก็เป็นประเทศต้นแบบที่สนับสนุนเรื่องการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อการเลิกบุหรี่ สองประเทศนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการพิจารณาอย่างรอบคอบและรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย มาตรการที่ออกมาจึงมีการศึกษาข้อดีและผลกระทบอย่างรอบคอบแล้ว”

 

‘ศรีสุวรรณ จรรยา’ รับหนังสือคัดค้าน ต่อต้านการก่อสร้างคอนโดยักษ์ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ตัวแทนชาวประชานุกูล ซอยรัชดาภิเษก 66-68 ที่ใด้รับความเดือดร้อนจากการสร้างคอนโดยักษ์ ยื่นหนังสือถึงสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ผ่านนายศรีสุวรรณ จรรยา คัดค้านต่อกต่อต้านการก่อสร้างคอนโดของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งจำนวน 1 อาคาร 3 ทาวเวอร์ สูง 18 ชั้น ยาวติดกันเกือบ 300 เมตร บนเนื้อที่ 9 ไร่ 3 งาน 66.8 ตร.ว. ภายในซอยรัชดา 66 กับ 68 ซึ่งเป็นซอยแคบ.จำนวนหัองพักทั้งสิ้น 1302 ห้อง

พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่พักอาศัยของชาวชุมชน ที่อยู่กันมานาน 40-50 ปี การที่คณะกรรมการ คชก. เห็นชอบรายงาน EIA ของโครงการ ชาวชุมชนไม่เห็นด้วยเพราะส่งผลกระบบต่อมลพิษเสียง ฝุ่นละออง และสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขกฏกระทรวง ฉบับที่ 33 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกตาม พรบ. ควมคุมอาคาร 2522 และ 2544

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ของโครงการดังกล่าวปรากฏว่าข้อมูลไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริงในพื้นที่ เช่น ไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 (พ.ศ.2535)  และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกตามความ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 และไม่เป็นไป ตามข้อบัญญัติ กทม.เรื่องควบคุมอาคาร 2544 และเป็นอาคารสูงที่บังแดด บังลมบ้านเรือนที่พักอาศัย รวมทั้งก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นละออง เสียงดัง จากการจราจร จากการก่อสร้าง จากยานยนต์และปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม ที่จะตามมาอีกมากมายจากผู้ที่จะเข้ามาพักอาศัยอีกนับพันคนด้วย

คุณศิริ เหมือนศรี กล่าวว่า โครงการคอนโดที่จะเกิดขึ้นจะทำให้ตนเดือดร้อน และทรมานแน่นอน เคยเสนอให้สร้างแบบ 3ชั้น เขาก็ทำกันได้ แต่นี้ 30 ชั้น อีไอเอก็ไม่ผ่าน มติชาวบ้านก็ไม่เห็นด้วย จะลดมาเหลือ18ชั้นก็เดือดร้อนเช่นเดิม บ้านฉันห่างแค่8เมตร ถ้าเริ่มสร้างจะเกิดผลกระทบกับความเป็นอยู่มาก ที่กลัวมากเรื่องเครนใครรับผิดชอบถ้าหล่นพังลงมา เรื่องเสียงตอกเสาเข็ม ฝุ่นละออง ฉันเองเป็นโรคปอดอยู่ด้วยถูกตัดไปข้างหนึ่ง จะอยู่กันไม่ได้แน่นอน แล้วใครจะรับผิดชอบ

ด้านนายสมศักดิ์ พร้อมเชื้อแก้ว ผู้อาศัยติดโครงการ กล่าวว่า ร่วมประชุมมีคำถาม 3 อย่าง ไม่เคยตอบได้เลย อย่างแรก เรื่องการจราจร ที่จอดรถรับได้เพียงร้อยละ 60 เท่านั้น แล้วที่เหลือ ไปจอดที่ไหน ซอย 66 ที่เป็นซอยใหญ่สุดและคนอยู่มากที่สุด ต่อไปนี้จะมีรถมาจอดตามหน้าบ้านเต็มไปหมด แล้วจะเกิดปัญหาจราจรติดขัดแน่นอน

 

สถานทูตไทยในวอชิงตัน ประกาศเตือน!! 'คนไทย' ในสหรัฐฯ เฝ้าระวังก่อการร้าย

เพจสถานเอกอัครราชทูตไทยเตือนคนไทยติดตามสถานการณ์การก่อการร้ายให้ดี หลังกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐออกโรงเตือนและให้มีผลถึง 8 ก.พ. 65

11 พ.ย. 64 เพจสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เอกสารจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ เตือนภัยด้านการก่อการร้ายระบุว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ (DHS) ได้เผยแพร่เอกสาร National Terrorism Advisory System Bulletin (NTAS) เตือนภัยเฝ้าระวังการก่อเหตุจากกลุ่มนิยมความรุนแรงภายในประเทศ (Domestic Violent Extremists- DVEs) และกลุ่มนิยมแนวทางรุนแรงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มก่อการร้ายสากล ที่อาจก่อเหตุในห้วงเทศกาลวันหยุดและวันสำคัญทางศาสนาซึ่งมักจะตกเป็นเป้าหมายการโจมตีอยู่บ่อยครั้ง

โดยเตือนให้เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินและเพิ่มความระมัดระวังกับสถานการณ์ที่อาจเกิดความเสี่ยงกับตนเอง รวมถึงขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นหรือ FBI ในกรณีที่พบเห็นเหตุการณ์ที่น่าสงสัยหรือเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบ ซึ่งรวมถึงภัยคุกคามในโลกออนไลน์

อย่างไรก็ตาม กระทรวงความมั่นคงฯ ยังไม่พบภัยคุกคามเฉพาะเจาะจง และไม่มีสถานที่เฉพาะเจาะจงที่จะเกิดเหตุ

ตำรวจจับมือ ศธ. เปิดโครงการ! "นักเรียนจิตอาสา สถานศึกษาปลอดภัย" เพื่อสร้างนักเรียนต้นแบบ ณ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา พร้อมโชว์นวัตกรรมเครื่องคัดกรองโควิด-19 อัจฉริยะ รับเปิดเทอม

ที่โรงเรียนบ้านคลองใบพัด อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา คุณอรพินทร์ เพชรทัต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล กฤตพิทยบูรณ์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พ.ต.อ.พีรพงศ์ ธนโพธิ์ชัย ผกก.สภ.วังน้ำเขียว, คุณกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาด บ.วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ นายพงษ์เทพ มาลาชาสิงห์ รองประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดโครงการ "นักเรียนจิตอาสา สถานศึกษาปลอดภัย" โดยมีนายอำเภอวังน้ำเขียว และรอง ผอ.สพป.นครราชสีมา เขต 3 ให้การต้อนรับ

โดยโครงการนี้จัดอบรมให้เป็นต้นแบบกับนักเรียนและสถานศึกษา เพื่อปลูกฝังให้พี่ดูแลน้อง รวมถึงเป็นการปลูกจิตสำนึกให้นักเรียนมีจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และได้มีการมอบเข็มจิตอาสาน้อยให้กับนักเรียนชั้น ป.5 ป.6 ที่ผ่านการอบรมในครั้งนี้ จำนวน 22 คน

อีกทั้ง บ.วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้นำกระเป๋า, เครื่องเขียน, หมวกกันน็อค, หน้ากากอนามัย และสเปร์ยแอลกอฮอล์ มามอบให้กับนักเรียนในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว อีกด้วย จากนั้นเลขาฯรมว.ศธ. และ รองโฆษก ตร.  จึงได้ร่วมกันทอดไก่เป็นอาหารกลางวัน ให้น้อง ๆ นักเรียนด้วย

ด้าน พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล เปิดเผยว่า ภารกิจหลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เน้นดูแลเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และทาง ศธ. ได้มีโครงการโรงเรียนปลอดภัย ดังนั้น สภ.วังน้ำเขียวจึงคิดโครงการ "นักเรียนจิตอาสา สถานศึกษาปลอดภัย" ขึ้น เพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้กับน้องๆ และเป็นต้นแบบที่ดี เพราะเด็กคืออนาคตที่ดีของชาติและในวันนี้ได้มีการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบของให้กับโรงเรียนตามชายขอบ ของอ.วังน้ำเขียวจำนวน 5 โรงเรียน

นอกจากนี้ ได้มีการการเปิดตัว “เครื่องคัดกรองโควิด-19 อัจฉริยะ” ที่ช่วยคัดกรองวัดอุณหภูมินักเรียนก่อนเข้าโรงเรียน โดยนำไม้กั้นมาประยุกต์ใช้ เพื่อลดภาระครู และเก็บสถิติของนักเรียนที่อุณหภูมิร่างกายผ่านหรือไม่ผ่านเกณฑ์ โดยผู้คิดค้น คือ นายจักรกฤษณ์ อินทสงค์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบุไผ่ และในอนาคตก็จะพัฒนาต่อยอดเก็บข้อมูลของนักเรียนผูกกับบัตรนักเรียนสมาร์ทการ์ด เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ

 

Taliban 2.0 ความหวังใหม่ของอัฟกานิสถาน สู่ 'เมืองเศรษฐกิจ - ท่องเที่ยว' ที่น่าจับตา

การยึดครองของกลุ่มตอลิบาน อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิด และยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าชาติตะวันตกพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ที่สมรภูมิอัฟกานิสถาน 

เมื่อไม่นานมานี้ นายพล เซอร์ นิค คาร์เตอร์ ได้รายงานความเห็นต่อหน้าคณะกรรมการกลาโหมแห่งรัฐสภาอังกฤษว่า กลุ่มผู้ปกครองตอลิบานในยุคนี้มีความแตกต่างจากกลุ่มตอลิบานยุคที่ผ่านมา เนื่องจากกลุ่มตอลิบานมีการยกระดับขึ้นเป็น "Taliban 2.0" ที่มีการปรับแนวคิดตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปมากขึ้น และรัฐบาลตอลิบานก็ยินดีที่จะปกครองอัฟกานิสถานในแนวคิดสมัยใหม่นี้ 

ดังนั้นนายพลคาร์เตอร์จึงเชื่อว่า อัฟกานิสถานในอีก 5 ปีข้างหน้า น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นและแตกต่างจากยุคตอลิบานรุ่นแรก ๆ ที่เข้ามาปกครองอัฟกานิสถานอย่างโหดเหี้ยมเมื่อ 20 ปีก่อน

นอกจากนี้ นายพล นิค คาร์เตอร์ ยังเคยให้สัมภาษณ์ออกสื่อโทรทัศน์เมื่อครั้งที่กองทัพตอลิบานบุกถึงกรุงคาบูลเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า กองทัพตอลิบานก็ไม่ต่างจากชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่มีจรรยาบรรณขึ้นมาหน่อย และเปรียบเทียบกับกองทัพเวียดกงในสงครามเวียดนาม ที่เนื้อแท้แล้วพวกเขาก็เป็นชาวบ้านเวียดนามกลุ่มหนึ่ง ที่รบชนะในประเทศของตัวเอง 

ซึ่งหลังสงครามเวียดนาม ชาติตะวันตกก็เคยคาดการณ์ว่า เวียดนามจะล้าหลัง กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน แต่พอเวลาผ่านไปเวียดนามก็เจริญขึ้นได้ มีเศรษฐกิจเติบโต และกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่โด่งดังมาก ที่ใคร ๆ ก็อยากไปเที่ยว

นายพล คาร์เตอร์มองว่า อัฟกานิสถานน่าจะเดินในโมเดลเดียวกับเวียดนามได้ และหากพร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวได้เมื่อไหร่ เขาเชื่อว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมได้ไม่ยาก 

"อนุทิน" ย้ำ แม้สถานการณ์โควิดฯ คลี่คลาย แต่ยังวางใจไม่ได้ เผย หารือผู้ผลิตนำเข้าวัคซีน Gen2 แล้ว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลายตามลำดับว่า 

ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มอนิเตอร์สถานการณ์อยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพฯ ภาคเหนือไปจนถึงภาคใต้ มีรายงานการติดเชื้อเข้ามาทุกวัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นตัวชี้วัดว่าสถานการณ์ในประเทศไทยดีขึ้น คือยอดผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนั้นลดน้อยลง เช่นเดียวกับยอดสูญเสียก็ลดลงเช่นกัน แม้ว่าจะมีการเปิดเมือง คลายล็อกแล้วก็ตาม 

ส่วนสำคัญมาจากการฉีดวัคซีนได้ตามเป้า วันนี้น่าจะฉีดได้ถึง 83 ล้านโดส การฉีดในปัจจุบัน มีความครอบคลุมมากขึ้น เราให้บริการไปถึงเด็กอายุ 12 - 17 ปี และในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ก็ได้ฉีด มีสูตรวัคซีนหลายชนิด ให้เหมาะสมกับประชากร ต้องขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือ ตนลงพื้นที่ภาคใต้ ทราบมาว่า ผู้นำชุมชน ช่วยสร้างความเข้าใจกับคนในพื้นที่ ให้เข้ารับวัคซีน ถือเป็นเรื่องงดงามที่ทุกคนช่วยกัน ขณะที่ อสม.ก็รณรงค์กันทุกวัน 

ทิศทางไปในทางบวก แต่ยอมรับว่า ยังไม่ไว้วางใจสถานการณ์ ยิ่งเมื่อคลายล็อก ก็ต้องคิดเผื่อไว้ ได้สั่งการให้จัดหายา และวัคซีนเข้ามาสต็อก พร้อมการเร่งฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ ส่วนยา ก็ได้ศึกษาความคืบหน้าจากทีมผู้ผลิตทั่วโลก ตัวไหนดี มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ต้องพิจารณานำเข้ามา เราต้องมีทางเลือกหลายๆ ทาง

 

พล.อ.ประวิตร  ติดตามแผน แก้ปัญหาน้ำทั้งระบบ  สั่งเร่งระบายน้ำ  จากภาวะน้ำทะเลหนุน  ลดผลกระทบ ปชช.  ปรับแผนแม่บท เพิ่ม"โคกหนองนาโมเดล" เสริมแก้น้ำท่วม/เก็บน้ำสำรอง  เน้น ประชาสัมพันธ์ ให้ทั่วถึง

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่าเวลา 10.00น.  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บท การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 2/2564  ณ ห้องประชุม 301  ตึกบัญชาการ 1  ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงาน ตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี64 ที่ผ่านมา อาทิ การซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ จำนวน 2,312 แห่ง(99%) และสถานีโทรมาตร จำนวน 4,209 แห่ง(89%) ,การขุดลอกคูคลองและกำจัดผักตบชวา รวม 5,319,444 ตันในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก และการขุดเจาะบ่อบาดาล ก่อสร้างระบบกระจายน้ำ จำนวน 2,498 บ่อ เติมน้ำใต้ดิน จำนวน 998 แห่ง เป็นต้น  และได้รับทราบความก้าวหน้า โครงการบริหารจัดการน้ำระยะยาว อย่างยั่งยืน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้เร่งรัด สทนช. ให้บูรณาการหน่วยงานต่างๆ ในการขับเคลื่อน แผนงานให้ได้ตามเป้าหมาย รวมถึงให้ศึกษาการแก้ปัญหาการป้องกันน้ำเค็มในปี65 ด้วย  นอกจากนั้นที่ประชุม ยังได้รับทราบความก้าวหน้าการปรับปรุงกรอบแนวทางแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี โดยให้มีการเพิ่มเติมแนวทางการพัฒนา"โคกหนองนาโมเดล" เพื่อให้เป็นแหล่งน้ำสำรอง และใช้เก็บน้ำเมื่อประสบภัยน้ำท่วม  ต่อมาที่ประชุมได้มีการพิจารณา รายงานผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี(ช่วง2561-2564) และรายงานตัวชี้วัดความมั่นคงน้ำ พร้อมทั้ง ได้เห็นชอบให้ใช้ระบบ Thai Water Assessment  เป็นเครื่องมือในการติดตามประเมินผลโครงการด้านทรัพยากรน้ำโดยมอบให้หน่วยงานของรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะต้องรายงานผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ ธ.ค.64 เป็นต้นไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top