รายงานฉบับหนึ่งจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่าเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอนกลุ่มแรก ๆ ในสหรัฐฯ เกือบทั้งหมดมีอาการเล็กน้อย ส่วนใหญ่แค่ไอหรือน้ำมูกไหล สอดคล้องกับข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่บอกว่า แม้โอมิครอนจะแพร่เชื้อง่ายกว่าตัวกลายพันธุ์เดลตา และลดประสิทธิภาพของวัคซีน แต่ก่ออาการเบากว่า
การค้นพบของซีดีซีที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (10 ธ.ค.) มอบเบาะแสในเบื้องต้นเกี่ยวกับตัวกลายพันธุ์โควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์หลายตำแหน่ง ซึ่งเวลานี้พบแล้วอย่างน้อย 25 รัฐทั่วอเมริกา แม้พวกผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่ายังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปอย่างชัดเจนว่าแนวโน้มการแพร่ระบาดของมันในประเทศแห่งนี้จะออกไปในทิศทางไหน
รายงาน 5 หน้าของซีดีซีเป็นการสังเกตอาการคนไข้ 43 รายในสหรัฐฯ ที่ยืนยันว่าติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอน โดยมากกว่าครึ่งเป็นคนหนุ่มสาว อายุระหว่าง 18 ถึง 39 ปี และในนั้นมีที่ป่วยหนักถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพียงคนเดียว
ข้อมูลของซีดีซีระบุด้วยว่า ในบรรดาผู้ติดเชื้อนั้นมากกว่า 3 ใน 4 เป็นคนที่ฉีดวัคซีนครบเข็มแล้ว และในนั้น 1 ใน 3 ยังฉีดเข็มกระตุ้นแล้วด้วย นอกจากนี้แล้ว ยังมีอยู่ 6 รายเคยติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน และ 1 ใน 3 เร็ว ๆ นี้เคยเดินทางไปยังต่างประเทศ
ในรายงานระบุว่า อาการที่พบเห็นได้ทั่วไปคือไอ เหนื่อยล้า และคัดจมูกหรือน้ำมูกไหล
มีคนไข้ที่ฉีดวัคซีนแล้วรายหนึ่งอาการหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ใช้เวลาพักรักษาตัวเพียง 2 วัน และไม่มีรายงานการเสียชีวิต
การค้นพบนี้เป็นไปตามกรอบข้อมูลในเบื้องต้นจากแอฟริกาใต้ ซึ่งแพทย์บางส่วนระบุว่าตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้ดูเหมือนจะก่ออาการเบากว่าในคนไข้ที่ติดเชื้อ
อย่างไรก็ตาม ในรายงานได้มีคำเตือนบางอย่าง โดยซีดีซีชี้ว่า มันอาจต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ก่อนอาการรุนแรงจะปรากฏขึ้นในบรรดาผู้ติดเชื้อบางคน แต่คาดการณ์ว่าบุคคลที่ฉีดวัคซีนแล้วจะมีอาการเบากว่า เช่นเดียวกับบุคคลที่เคยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มาก่อน
แพทย์หญิงโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซีให้คำจำกัดความรายงานดังกล่าวว่าเป็น "จุดเริ่มต้น" พร้อมระบุเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐบาลกลางจะเดินหน้าติดตามตัวกลายพันธุ์โอมิครอนอย่างใกล้ชิด ในขณะที่พวกผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ายังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปใด ๆ