Monday, 12 May 2025
NEWS FEED

‘เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี’ จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว ภายใต้โครงการพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับชุมชน “Chiang Mai Night Safari"

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 มกราคม 2565 สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดแถลงข่าวการจัดโครงการพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชน “Chiang Mai Night Safari" โดยมี นายสายสิทธิ์ เจตสิกทัต ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เป็นประธานเปิด และคณะผู้บริหาร เข้าร่วมด้วย ณ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

นายสายสิทธิ์ เจตสิกทัต ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อม ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง เนื่องจากมีมาตรการการปิดประเทศ ทำให้ภาคผู้ประกอบการท่องเที่ยวและภาคประชาชนต้องอยู่ในสภาวะวิกฤตจากพิษเศรษฐกิจที่หยุดชะงักตัวลง ความหวังเดียวในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคือ การกระตุ้นการท่องเที่ยวของคนไทยในประเทศด้วยกันเอง เนื่องจากรายได้หลักมาจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจึงมีแนวคิดที่จะฟื้นฟู ปรับปรุง และสร้างกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทย เพื่อสร้างรายได้ให้กับเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและชุมชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชน “Chiang Mai Night Safari” ขึ้น เพื่อสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้น และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชน ให้เกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งก่อให้เกิดกระแสการท่องเที่ยว การซื้อสินค้า และบริการ ทั้งในระดับจังหวัดและระดับภูมิภาค เป็นการกระจายรายได้สู่ภาคประชาชน ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน ต่อไป

ทภ.2 แจงกรณี กำลังพลหน่วยทหารจังหวัดขอนแก่น ติดเชื้อ โควิด สายพันธุ์เดลต้า

พล.ต.สมบัติ จินดาศรี โฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อ โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าในหน่วยทหารที่ จังหวัดขอนแก่น เข้าสู่ระบบการรักษาและควบคุมโรคตามมาตรฐานกรณีการติดเชื้อในหน่วยทหาร จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเกิดขึ้นในค่ายมหาศักดิพลเสพ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 8 อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น การติดเชื้อดังกล่าวเกิดขึ้นจากกำลังพลไปมีกิจกรรมนอกค่ายได้รับเชื้อ โควิด-19 ในช่วงส่งท้ายปีเก่าซึ่งหน่วยต้นสังกัดได้ทำการตรวจหาเชื้อเชิงรุก (RT -PCR) พบการติดเชื้อ โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า จำนวน 129 นาย ประกอบด้วย กำลังพล124 นาย, ครอบครัว 5 นาย ปัจจุบันผู้ติดเชื้ออยู่ในกลุ่มสีเขียวส่วนใหญ่ไม่มีอาการ 

ทั้งนี้เนื่องจากกำลังพลมีร่างกายแข็งแรง และได้รับการฉีดวัคซีนครบทุกคนแล้ว จำนวน 2 เข็ม โดยได้มีมาตรการปีดค่าย จำกัดพื้นที่อย่างเคร่งครัด เป็นระยะเวลา 14 วันภายใต้การดูแลของ โรงพยาบาลค่ายศรีพัชรินทร และ
โรงพยาบาลชุมแพ 

‘อนุทิน’ ขอประชาชนยกการ์ดสูง แม้โอมิครอนไม่แรง แต่ ‘เดลตา’ ยังระบาด

7 มกราคม พ.ศ. 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ระบุว่า ตอนนี้ ต้องค่อยๆ ยกระดับมาตรการ ให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ หวังว่าจะไม่ต้องล็อกดาวน์กันอีกรอบ การระบาดที่เกิดขึ้น ผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ไม่แสดงอาการ ไปจนถึงมีอาการน้อย ส่วนหนึ่งเพราะติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ที่ไม่รุนแรงไปกว่าเดลตา และคนไทยได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงแล้ว 

ปัจจุบันพยายามให้มีจุดวอล์ก อิน มากที่สุด เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน เพราะทราบกันดีว่า วัคซีนช่วยป้องกันการป่วยหนัก และเสียชีวิต ส่วนการรักษาผู้ป่วย เรานำประสบการณ์มาปรับใช้ หากไม่แสดงอาการ หรือมีอาการน้อยมาก เรามีระบบกักตัวที่บ้าน และในชุมชน มีแพทย์คอยดูแลอาการผ่านระบบการสื่อสารทางไกล หากมีอาการปานกลาง ให้เข้าสู่ระบบของโรงพยาบาลสนาม แต่หากป่วยหนัก ก็ต้องเข้าโรงพยาบาล ที่มีเครื่องมือพร้อม ทุกอย่างให้เป็นไปตามดุลพินิจของแพทย์  

‘ประกันสังคม’ เร่งประชุมหารือผ่านระบบ Zoom ร่วมกับสถานพยาบาล รับมือโอมิครอน!! เตรียมพร้อมจัดระบบบริการทางการแพทย์ดูแลผู้ประกันตนติดเชื้อโควิด อย่างเต็มที่ และทันท่วงที

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผ่านระบบ Zoom ร่วมกับผู้แทนและบุคลากรทางการแพทย์ของสถานพยาบาลประกันสังคมจำนวนกว่า 50 แห่ง พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม ผู้อำนวยการสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง เข้าร่วมประชุมฯ ณ ห้องประชุมสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ อาคารอเนกประสงค์ สำนักงานประกันสังคม 

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวกับสื่อมวลชนว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรโน 2019 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ที่กำลังระบาดทั่วโลกในขณะนี้ ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ไอมิครอนแล้วกว่า 2 พันราย ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มีความห่วงใยพี่น้องลูกจ้าง ผู้ประกันตน จึงกำชับให้สำนักงานประกันสังคม เตรียมแผนรับมือต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในทุกด้านหากสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงมากขึ้น เพื่อรองรับผู้ประกันตนที่ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น

โดยในวันนี้ สำนักงานประกันสังคม ได้จัดให้มีการประชุมผ่านระบบ vdo Conference โดยคำนึงถึงความปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิด-19 หารือร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลในระบบประกันสังคม เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนที่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้ได้รับการดูแล และรักษาได้ทันที โดยมีประเด็นการประชุมฯ พร้อมแผนมาตรการรองรับร่วมกับสถานพยาบาล ในด้านการใช้สิทธิ์การรักษาพยาบาลของผู้ประกันตนกรณีการติดโควิด-19 ให้สามารถเข้ารับการรักษาได้ที่สถานพยาบาลตามสิทธิการรักษาพยาบาล และสถานพยาบาลใกล้ที่พักอาศัยทุกแห่ง กรณีที่สถานพยาบาลตามสิทธิฯ และสถานพยาบาลที่รับรักษา ไม่สามารถให้การรักษาได้หรือเกินศักยภาพในการรักษา จะทำการส่งตัวผู้ประกันตนไปรักษากับโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า กรณีที่ผู้ประกันตนไม่สามารถเข้ารักษาในสถานพยาบาลตามสิทธิได้ เนื่องจากอยู่ต่างจังหวัด หรือต่างพื้นที่ สามารถเข้ารักษาได้ในสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้ ผู้ประกันตนจะได้รับการดูแลรักษา ในสถานพยาบาล, โรงพยาบาลสนาม, Hospitel, Community Isolation, Home Isolation ตามแนวทางและระบบบริการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ด้านการเตรียมความพร้อมให้สถานพยาบาลในระบบประกันสังคม มีแผนรองรับการรักษาผู้ประกันตน โดยจัดหาเตียงให้เพียงพอต่อสถานการณ์การเพิ่มจำนวนของผู้ประกันตนที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่อาจจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยให้สถานพยาบาลจัดเตรียมสถานที่รองรับผู้ป่วยที่อาการแสดงน้อย หรือไม่แสดงอาการ (สีเขียว) เข้ารับการรักษา ในระบบ Hospitel และ Home Isolation ซึ่งในปัจจุบันมี สถานพยาบาลในระบบประกันสังคม มี Hospitel จำนวนทั้งสิ้น 12,856 เตียง และจำนวนเตียงว่างคงเหลือ 3,230 เตียง (ข้อมูล ณ วันที่ 5 มกราคม 2565) อีกทั้งสำนักงานประกันสังคม ได้มีการบูรณาการทำงานร่วมกับ สปสช. ในการดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่มีแสดงอาการเล็กน้อย (สีเขียว) และประสงค์เข้ารักษาในระบบ Home Isolation โดยผู้ประกันตนสามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

นอกจากนี้ยังมี โครงการ Factory Sandbox ในการตรวจ รักษา ควบคุม ดูแลในสถานประกอบการเพื่อการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมุ่งเน้นไปที่โรงงานภาคการผลิตส่งออกขนาดใหญ่ คือ ตรวจ : ดำเนินการตรวจคัดกรองด้วย RT – PCR 100% เพื่อแยกคนป่วยไปรักษาทันทีและดำเนินการตรวจSelf – ATK ทุกสัปดาห์ รักษา : ให้โรงงานจัดให้มีสถานรักษาพยาบาลขึ้นสถานแยกกัก (Factory Isolation : FAI, และ Hospitel สำหรับผู้ป่วยสีเขียว โรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยสีเหลืองและห้องผู้ป่วยวิกฤต สำหรับผู้ป่วยสีแดง ดูแล : ดำเนินการฉีดวัคซีนให้แรงงานโดยเน้นกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง คนท้องออกใบรับรอง “โรงงานสีฟ้า” เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุน ควบคุม : ให้นายจ้างและแรงงานปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค ในพื้นที่เฉพาะ (Bubble and seal) และมาตรการด้านสาธารณสุข (DMHTT) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้กล่าวถึงหลักเกณฑ์การจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ ค่าตรวจคัดกรองโรค COVID-19 กรณีตรวจคัดกรองใน รพ. /ตรวจคัดกรองนอก รพ.โดยหน่วยบริการที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. โดยผู้ประกันตนคนไทยเบิกเงินจาก สปสช. ผู้ประกันตนคนต่างชาติ เบิกเงินจาก สำนักงานประกันสังคม กรณีตรวจคัดกรองเชิงรุกในสถานประกอบการ ตามโครงการของสำนักงานประกันสังคมโครงการ Factory Sandbox เพื่อค้นหาผู้ประกันตนกลุ่มเสี่ยงในสถานประกอบการซึ่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงและมีการแพร่ระบาดและได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อ เบิกเงินจากสำนักงานประกันสังคม สำหรับค่าใช้จ่าย ในการรักษาในสถานพยาบาลของรัฐบาล มีอาการเล็กน้อย (สีเขียว) ค่าห้องรวมค่าอาหารจ่ายตามจริงไม่เกิน 1,500 บาทต่อวัน ค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล จ่ายตามจริงไม่เกิน 300 บาทต่อวัน มีอาการปานกลาง (สีเหลือง) ค่าห้องรวมค่าอาหารจ่ายตามจริงไม่เกิน 3,000 บาทต่อวัน ค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล จ่ายตามจริงไม่เกิน 740 บาทต่อวัน มีอาการรุนแรง (สีแดง) ค่าห้องรวมค่าอาหารจ่ายตามจริงไม่เกิน 7,500 บาทต่อวัน ค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล จ่ายตามจริงไม่เกิน 740 บาทต่อวัน

กรณีมีอาการเล็กน้อย(สีเขียว) ดูแลรักษาโรงพยาบาลสนาม Hospitel Hotel Isolation ตั้งแต่ 1 ม.ค.65 จ่ายแบบเหมาจ่ายในอัตรา 1,000 บาท ต่อวัน ไม่เกิน 10 วัน และค่าอุปกรณ์ในการดูแลติดตามสัญญาณชีพ 500 บาทต่อวัน ค่าชุด PPE จ่ายตามจริงไม่เกิน 150 บาทต่อราย ดูแลรักษาแบบ Home Isolation และการแยกกักในชุมชน Community Isolation ค่าดูแลให้บริการผู้ป่วย สำหรับค่าติดตามประเมินอาการ ให้คำปรึกษา ค่ายาพื้นฐาน จ่ายแบบเหมาจ่ายไม่รวมค่าอาหาร 3 มื้อในอัตรา 600 บาทต่อวัน /รวมค่าอาหาร 3 มื้อ ในอัตรา 1,000 บาท ต่อวัน ไม่เกิน 10 วัน กรณีรักษาในสถานพยาบาลเอกชนจ่ายค่าบริการทางการแพทย์กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 ตามราคากลางประกาศกระทรวงสาธารณสุข สำหรับค่ารถรับส่งผู้ป่วย กรณีจำเป็นต้องส่งต่อภายในจังหวัดเดียวกัน จ่ายตามจริง ไม่เกิน 500 บาท กรณีต่างท้องที่จังหวัดอื่น จ่ายเบื้องต้น 500 บาท และจ่ายเพิ่มกิโลเมตรละ 4 บาท ค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) และค่าทำความสะอาดฆ่าเชื้อยานพาหนะ ไม่เกิน 1,400 บาทต่อครั้ง ค่าใช้จ่ายเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสำหรับบุคลากรที่จัดการศพผู้เสียชีวิตด้วยโรค โควิด-19 เหมาจ่าย 2,600 บาทต่อราย

 

ออนไลน์อีกปี โฆษกรัฐบาลเผย ทำเนียบฯ จัดกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติปีนี้ในรูปแบบออนไลน์ ถ่ายทอดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT เชิญชวนเด็กเยาวชนร่วมรับชมได้ในวันเสาร์ที่ 8 มกราคมนี้ เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 - 12.00 น.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปีนี้ทำเนียบรัฐบาลได้จัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ในรูปแบบออนไลน์และถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) กรมประชาสัมพันธ์ ในวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2565 เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 - 12.00 น. โดยมีกิจกรรมสำคัญที่น่าสนใจให้เด็กและเยาวชนได้รับร่วมรับชม  ประกอบด้วย

1. กิจกรรมนายกรัฐมนตรีพบเยาวชน แบ่งเป็น 2 ช่วง โดยช่วงที่ 1 นายกรัฐมนตรีจะพาเด็กเล็ก 5 คน เยี่ยมชมห้องทำงานนายกรัฐมนตรีพร้อมเปิดโอกาสให้เด็กได้ลองนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและเป็นแรงบันดาลใจสำหรับเด็กและเยาวชนในอนาคต สำหรับช่วงที่ 2 นายกรัฐมนตรีจะพบผู้แทนเยาวชนดีเด่นและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ จำนวน 19 คน ณ ตึกภักดีบดินทร์ โดยตัวแทนเยาวชน 5 คน  จะเป็นผู้แทนกล่าวข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี 4 ประเด็น จากนั้นตัวแทนเยาวชนในโครงการเด็กอวด (ทำ) ดี จะเสนอบทสรุปด้วยการขับร้องเพลงฉ่อยต่อนายกรัฐมนตรีด้วย

2. กิจกรรมการขับร้องและบรรเลงเพลงของเยาวชนระดับต่าง ๆ จำนวน 4 กลุ่ม ซึ่งจะแทรกในรายการสลับกันไป ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 นักเรียนระดับประถม/มัธยมศึกษาจากโรงเรียนสอนร้องเพลงแกรมมี่ 14 คน จะขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์รัก และชะตาชีวิต กลุ่มที่ 2 วงดนตรีระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาจะบรรเลงเพลงรักชาติ รักษ์โลก ได้แก่ เพลง Heal the World โดยโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ฯ  เพลงความฝันอันสูงสุด โดยมหาวิทยาลัยสยาม และ เพลงธงชาติ โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กลุ่มที่ 3 กลุ่ม SEED Thailand เป็น MV เกี่ยวกับบทบาทของเด็กและเยาวชน และกลุ่มที่ 4 วง the Wonder ซึ่งเป็นวงดนตรีที่เกิดจากการรวมตัวของผู้พิการจะร้องเพลงจับมือไว้แล้วไปด้วยกัน และเพลง Auld Lang Syne 

3. กิจกรรมนำเสนอสาระเรื่องการอนุรักษ์โลกและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ  องค์การพิพิธภันฑ์วิทยาศาตร์ฯ (อพวช.) (อว.) ในหัวข้อ Climate Change โดยนำเสนอเป็นคลิปวีดิโอให้ความรู้ในเรื่อง Climate Change และผลกระทบจากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้น ปัญหาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และภัยพิบัติที่ทั่วโลกต้องเผชิญ โดยในช่วงท้ายจะมีกิจกรรมการประดิษฐ์อุปกรณ์จากกระดาษ เพื่อให้ผู้ที่สนใจ สามารถส่งรูป/คลิปสิ่งประดิษฐ์ ร่วมสนุกใต้โพสต์ของรายการ ผ่านทางเพจไทยคู่ฟ้า นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมตอบคำถามกับการ์ตูนโลก ที่เปิดให้เยาวชนเข้าไปตอบคำถามผ่านทางเพจกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

4. กิจกรรมสรุปผลงานของเด็กและเยาวชนในปีที่ผ่านมาจากโครงการเด็กอวด (ทำ) ดี ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และโครงการจ้างงานคนพิการ ซึ่งเป็นผลงานเยาวชนที่เข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อปีที่ที่แล้วและสามารถขับเคลื่อนการฝึกอบรมจ้างงานคนพิการเพิ่มได้เป็น 600 คนในปีที่ผ่านมา

มาแล้ว !ส.ค.ส.ปีใหม่ ถึง ”ลุงตู่ “ เด็กๆ ”ขอให้นายกฯแข็งแรง-อยู่นานๆ -พ้นจากโควิด”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้นำ ส.ค.ส.อวยพรปีใหม่ 2565 จากเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ ที่ส่งมาอวยพรและให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาติดบอร์ดเผยแพร่เป็นประจำในแต่ละปี โดยข้อความในส.ค.ศ.ส่วนใหญ่อวยพรให้นายกฯมีสุขภาพแข็งแรง และอยู่ไปนานๆให้พ้นจากโควิด-19 พร้อมกับวาดภาพใบหน้าของนายกฯ ในอิริยาบทต่างๆประกอบ

ศบค. เพิ่มพื้นที่ควบคุมเป็น 69 จังหวัด พื้นที่นำร่องท่องเที่ยวให้ดื่มเหล้าในร้านถึง 3 ทุ่ม

ที่ประชุมศบค. มีมติปรับเพิ่มพื้นที่ควบคุมเป็น 69 จังหวัด จากเดิม 39 จังหวัด และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 8 จังหวัด ให้ดื่มสุราในร้านไม่เกิน 21.00 น.

เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) เป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ครั้งที่ 1/2565

ที่ประชุมมีมติปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ โดยเพิ่มจังหวัดพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) เป็น 69 จังหวัด จากเดิม 39 จังหวัด ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 65 เป็นต้นไป มีรายชื่อจังหวัดดังนี้

1.) ขอนแก่น 2.) จันทบุรี 3.) เชียงราย 4.) เชียงใหม่ 5.) ตราด 6.) นครราชสีมา 7.) บุรีรัมย์ 8.) ประจวบคีรีขันธ์ 9.) พระนครศรีอยุธยา 10.) เพชรบุรี

11.) ระนอง 12.) ระยอง 13.) เลย 14.) สมุทรปราการ 15.) สุราษฎร์ธานี 16.) สุรินทร์ 17.) หนองคาย 18.) อุดรธานี 19.) กาฬสินธุ์ 20.) กำแพงเพชร

21.) ฉะเชิงเทรา 22.) ชุมพร 23.) ชัยนาท 24.) ชัยภูมิ 25.) ตรัง 26.) ตาก 27.) นครนายก 28.) นครปฐม 29.) นครพนม 30.) นครศรีธรรมราช

WHO ยัน ‘วัคซีนจีน’ มีประสิทธิภาพพอ ช่วยป้องกันการป่วยหนักจาก โอมิครอน

ผู้เชี่ยวชาญ WHO ชี้ Sinovac - Sinopharm ช่วยป้องกันการป่วยหนัก - เสียชีวิตจาก Omicron

เว็บไซต์ข่าว South China Morning Post และ The National รายงานว่าดร.อับดี มาฮามุด จากฝ่ายจัดการด้านโรคอุบัติใหม่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า วัคซีนโควิด-19 ของ Sinopharm และ Sinovac .
สามารถป้องกันการป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลและการเสียชีวิตจากการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนได้

มาฮามุด กล่าวว่า แม้ว่าโอมิครอนจะสามารถหลบเลี่ยงแอนติบอดีทำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วมีโอกาสติดเชื้อได้ แต่มีหลักฐานว่าวัคซีนยังคงป้องกันอาการเจ็บป่วยรุนแรง การรักษาในโรงพยาบาล และการเสียชีวิต รวมถึงวัคซีนชนิดเชื้อตายของ Sinopharm และ Sinovac

‘เจ ชนาธิป’ จ่อซบทีมแชมป์เจลีก ค่าตัวแพงสุดเป็นประวัติศาสตร์แข้งไทย

สุดฮือฮา เมื่อสื่อญี่ปุ่นรายงานข่าวใหญ่ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ แชมป์เจลีก ยื่นข้อเสนอก้อนโตให้ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เพื่อขอซื้อตัว "เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยอดเพลย์เมกเกอร์ช้างศึกไปร่วมทีม ซึ่งจะทำให้กัปตันช้างศึกกลายเป็นผู้เล่นไทยที่มีค่าตัวแพงสุดในประวัติศาสตร์ทันที

sponichi.co.jp และ daily.co.jp สองสื่อใหญ่ในแดนปลาดิบ รายงานตรงกันเมื่อช่วงเช้าตรู่วันศุกร์ที่ 7 ม.ค. 65 ถึงข่าวใหญ่สะเทือนวงการลูกหนังญี่ปุ่น และวงการฟุตบอลไทยว่า คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ แชมป์เจลีกปีล่าสุด ได้ยื่นเงินก้อนมหาศาลทาบทาม ชนาธิป จาก คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เรียบร้อยแล้ว โดยระบุวงเงินสูงจนสามารถทำให้ "เมสซี่เจ" กลายเป็นผู้เล่นไทยที่ค่าตัวแพงสุดในประวัติศาสตร์ได้เลย ซึ่งดีลได้มีความคืบหน้าไปเป็นอย่างมาก

sponichi.co.jp พาดหัว แบบฮือฮาว่า ฟรอนตาเล่ คว้า “เมสซี่ไทย” เสริมเกมรุกป้องกันแชมป์ ส่วน daily.co.jp พาดหัวว่า ชนาธิป ย้ายเป็นสมาชิกใหม่ ฟรอนตาเล่ แทนที่ ริโอะ ฮาตาเตะ ที่ย้ายไป กลาสโกว์ เซลติก โดยรายงานยังระบุอีกว่า เหตุผลที่ พลพรรค “อัซซูโร่ เนโร่” ต้องการ ชนาธิป ไปร่วมทีมเนื่องจากพวกเขา เสียสตาร์ดังของทีมไปลีกยุโรป หลายคน อาทิ ฮิเดมาสะ โมริตะ, อาโอะ ทานากะ, คาโอรุ มิโตมะ รายล่าสุด คือ ริโอะ ฮาตาเตะ รวมถึงพวกเขา กำลังมองหาแข้งฝีเท้าดีแบบระดับชั้นยอด มาเสริมทีม เพื่อต่อยอดในการครองบัลลังแชมป์ และ เสริมเขี้ยวเล็บในการไปล่าแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกทั้ง ทางทัพบลู-แบล็ค ยังเชื่อมั่นว่า ด้วยฝีเท้าสุดยอดเยี่ยมของ "ชนาคุง" จะเข้าระบบการเล่น มาเติมเต็มแนวรุกของพวกเขาอย่างแน่นอน รวมถึงอยู่ในลิสต์ของ ฟรอนตาเล่ มาพักใหญ่แล้ว ด้วยความที่ ชนาธิป ก็ถือว่าเป็นแข้งขวัญใจแฟนๆ แถมมีบุคลิกที่แฟนๆ ชื่นชอบ อีกต่างหาก

‘ยอโควิช’ ส่อพลาดป้องแชมป์ ‘ออสซี่ โอเพ่น’ ผลจากท้าทายกฎ ‘ไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด-19’

เมื่อนักเทนนิสมือ 1 ท้าทายมาตรการวัคซีน ผลจึงเป็นเช่นนี้ เมื่อโนวัค ยอโควิช ส่อพลาดโอกาสสำคัญในการป้องกันแชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่น เพราะไม่ยอมฉีดวัคซีน

"เราไม่ได้เรียกร้องให้ใช้ความรุนแรง เพียงแค่ต้องการสนับสนุนเท่านั้น" ซารจัน ยอโควิช พ่อของโนวัค ยอโควิช กล่าวในการชุมนุมที่กรุงเบลเกรด ท่ามกลางฝูงชนโบกธงเซอร์เบียและป้ายทำเอง รวมทั้งป้ายที่เขียนว่า "พวกเขากลัวคนที่เก่งที่สุด หยุดลัทธิฟาสซิสต์โคโรนา"

“พระเยซูถูกตรึงกางเขนและทุกข์ทนหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ยังมีชีวิตอยู่ท่ามกลางพวกเรา โนวัคก็ถูกตรึงกางเขนเช่นกัน… นักกีฬาและชายที่เก่งที่สุดในโลก เขาจะฟันฝ่ามัน” ซารจัน ยอโควิช กล่าว

โนวัค ยอโควิช นักเทนนิสมือวางอันดับ 1 ของโลกชาวเซอร์เบีย แชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่น 9 สมัย อาจจะไม่สามารถป้องกันแชมป์ซึ่งกำลังจะเปิดฉากในวันที่ 17 ม.ค. นี้ได้

นั่นหมายความว่าเขาอาจจะชวดเงินรางวัลถึง 4.4 ล้านดอลลาร์หากป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ เงินรางวัลนี้เพิ่มขึ้นมาถึงเกือบเท่าตัวจาก 2.75 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว

หลังจากที่ถูกออสเตรเลียยกเลิกวีซ่า ห้ามเดินทางเข้าประเทศ เนื่องจากไม่มีหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิด-19

ก่อนหน้านี้ยอโควิชแสดงท่าทีคัดค้านการฉีดวัคซีน และไม่เคยเปิดเผยสถานะการฉีดวัคซีนของตนเองเลย

แต่ถ้าเรื่องถึงชั้นศาลแล้วพบว่ายอโควิชให้ข้อมูลเท็จเรื่องเข้าเมืองจริง เขาอาจถูกห้ามเข้าออสเตรเลียนานถึง 3 ปี นั่นหมายความว่า โอกาสที่จะป้องกันแชมป์หรือชิงแชมป์ก็จะหมดไปด้วยถึง 3 ปี 

เรื่องนี้ขึ้นกับรัฐบาลออสเตรเลียแล้วว่าจะเข้มงวดแค่ไหนกับยอโควิช

ด้านนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียกล่าวว่า ยอโควิชไม่ได้รับการยกเว้นหรือสิทธิพิเศษใดๆ สำหรับข้อกำหนดที่นักเดินทางทุกคนต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มก่อนเดินทางเข้าออสเตรเลีย เขาต้องอยู่ภายใต้กฎเดียวกันกับคนอื่นๆ

"หากคุณมีวีซ่าและได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มเราก็ยินดีต้อนรับ แต่หากคุณไม่ฉีดวัคซีนและไม่ใช่พลเมืองออสเตรเลียคุณก็เข้ามาไม่ได้" มอร์ริสันกล่าว

"วีซ่าของยอโควิชถูกยกเลิก กฎก็ต้องเป็นกฎ ไม่มีใครอยู่เหนือกฎเหล่านี้ นโยบายที่เข้มงวดของเรามีความสำคัญต่อออสเตรเลียที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ต่ำที่สุดประเทศหนึ่งของโลก และเรากำลังเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง"

ยอโควิชถูกกักตัวหลังเดินทางถึงออสเตรเลีย ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าเขาต้องถูกส่งตัวกลับโดยไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ เนื่องจากไม่มีหลักฐานการฉีดวัคซีน แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะบอกว่าตนได้รับข้อยกเว้นเป็นกรณีพิเศษซึ่งสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้โดยไม่ต้องฉีดวัคซีน

ทางการออสเตรเลียได้ปฏิเสธหลายครั้งที่จะยืนยันว่ามือหนึ่งของโลกถูก "เชิญ" ไปพักที่ไหน แต่เชื่อกันว่ายอโควิชพักค้างคืน ณ สถานที่ที่รู้จักกันอย่างเป็นทางการว่า "สถานกักขังทางเลือก" หรือ "Alternative Place of Detention" ในเมืองเมลเบิร์น

สถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นโรงแรมแห่งนี้เคยเป็นบ้านของผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยราว 32 คน ซึ่งติดอยู่ในระบบตรวจคนเข้าเมืองของออสเตรเลียอย่างเข้มงวดมานานหลายปี ผู้ต้องถูกกักกันไม่สามารถออกจากโรงแรมได้ และไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าหรือออก ยกเว้นพนักงาน

และสถานที่ดังกล่าวเป็นข่าวอื้อฉาวในปีที่แล้วเมื่อเกิดไฟไหม้ในอาคารทำให้ผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยต้องหนีตายออกมา และกล่าวพบหนอนในอาหารที่ใช้เลี้ยงผู้ลี้ภัยด้วย 

หากยอโควิชถูกควบคุมตัวในสถานที่แบบนี้ ยิ่งทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรงแน่นอนในระดับการเมืองระหว่างประเทศ

กรณีนี้เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์แตกออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายแรกไม่พอใจทางการออสเตรเลียที่เข้มงวดเกินไป ส่วนฝ่ายหลังบอกว่ายอโควิชไมมีอภิสิทธิ์ใดๆ ที่จะแหกมาตรการของประเทศออสเตรเลีย

หนึ่งในเสียงไม่พอใจคือ อเล็กซานดาร์ วูซิช ประธานาธิบดีเซอร์เบีย ที่บอกว่า “สิ่งที่ไม่ยุติธรรมก็คือการไล่ล่าแม่มดทางการเมือง (กำลังเกิดขึ้นกับโนวัค) โดยน้ำมือของทุกคนรวมถึงนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียที่แสร้งทำเป็นว่ากฎนี้มีผลกับทุกคน”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top