Tuesday, 13 May 2025
NEWS FEED

‘ฟรอนทาเล่’ ประกาศผ่านโซเชียลสโมสร คว้าตัว ‘ชนาธิป’ ร่วมทัพอย่างเป็นทางการ

คาวาซากิ ฟรอนทาเล่ ทีมแชมป์เจลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียของสโมสรยืนยันคว้าตัว "เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ ห้องเครื่องทีมชาติไทยจากทีมคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ไปร่วมทีมอย่างเป็นทางการ

"ทางสโมสรรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบถึงการเข้าร่วมทีมของชนาธิป นักเตะซูเปอร์สตาร์ชาวไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น" แถลงการณ์ของสโมสร เริ่มกล่าว

"แม้ว่าจะมีสโมสรฟุตบอลมากมายทั่วโลก แต่ชนาธิปก็ได้เลือกสโมสรของพวกเรา ซึ่งทำให้เรารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง และเรายังรู้สึกเคารพรักอย่างสุดซึ้งต่อชาวไทยทุกท่านที่มอบความไว้วางใจให้แก่นักเตะคนสำคัญมายังคาวาซากิ ฟรอนทาเล่ของพวกเรา"

"ทางสโมสรยินดีต้อนรับบุคคลสำคัญของทุกท่านด้วยความอบอุ่น จากนี้ไปเราจะใช้โซเชียลมีเดียในการเผยแพร่ข้อมูลมากมายให้ทุกท่านได้เห็น เราอยากให้ทุกท่านได้รู้จักคาวาซากิ ฟรอนทาเล่ให้มากขึ้น และเราก็จะศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศไทยให้มากขึ้นเช่นกัน"

"ยินดีต้อนรับชนาธิป สรงกระสินธ์และชาวไทยทุกท่านสู่คาวาซากิ ฟรอนทาเล่ อย่าลืมติดตามบัญชีอย่างเป็นทางการของคาวาซากิ ฟรอนทาเล่กันนะ" ทีมแชมป์เจลีก แถลงปิดท้าย

ผู้เชี่ยวชาญ ยังกังขา ‘เดลตาครอน’ สายพันธุ์ใหม่จริง หรือถอดรหัสผิดพลาด?

ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกบางส่วนชี้ โควิด-19 “เดลตาครอน” อาจเกิดจากความผิดพลาดของการถอดรหัสในห้องแล็บ

เมื่อวานนี้ (9 ม.ค.) มีข่าวที่สร้างความตระหนกให้กับคนทั้งโลกอีกครั้ง เมื่อ ลีออนดิออส คอสตริคิส (Leondios Kostrikis) ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพจากมหาวิทยาลัยไซปรัส ประเทศไซปรัส รายงานว่า ตรวจพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ลูกผสม ระหว่างเชื้อสายพันธุ์เดลตากับโอมิครอน เรียกว่า “เดลตาครอน (Deltacron)”

“ขณะนี้มีการติดเชื้อร่วมของโอมิครอนและเดลตา และเราพบว่าสายพันธุ์นี้เป็นการรวมกันของสองสายพันธุ์นี้” คอสตริคิสบอก

เขาให้เหตุผลว่า ที่เชื่อว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากการผสมกัน เนื่องจากมีการระบุลายเซ็นทางพันธุกรรมที่เหมือนโอมิครอนภายในจีโนมของสายพันธุ์เดลตา

คอสตริคิสและทีมวิจัยของเขาได้รายงานพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาครอนแล้ว 25 ราย โดยข้อมูลลำดับพันธุกรรมของผู้ติดเชื้อเดลตาครอนทั้ง 25 รายนี้ได้ถูกส่งไปยัง GISAID หรือฐานข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของไวรัสระหว่างประเทศแล้งเมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ คอสตริคิสเชื่อว่า อย่างไรสายพันธุ์ใหม่นี้จะถูกแทนที่ด้วยสายพันธุ์โอมิครอนที่มีศักยภาพในการแพร่เชื้อได้สูงกว่าอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม หลังสื่อทั่วโลกมีการรายงานการค้นพบนี้ของไซปรัสออกไป ก็มีเสียงแสดงความไม่เห็นด้วยจากผู้เชี่ยวชาญหลายคนทั่วโลก โดยระบุว่า “การค้นพบดังกล่าวเกิดจากความผิดพลาดในห้องแล็บ โดยเป็นการปนเปื้อนของไวรัสที่อยู่ในแล็บ”

ดร.ครูติกา คุปปาลี แพทย์โรคติดเชื้อที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวเพียงว่า “เดลตาครอนไม่มีอยู่จริง” โดยเธอเขียนข้อความบนทวิตเตอร์ว่า “เดลตาครอนไม่ใช่ของจริง และน่าจะเกิดจากการเรียงลำดับพันธุกรรมผิดพลาด จากการปนเปื้อนของชิ้นส่วนโอมิครอนในตัวอย่างสายพันธุ์เดลตาในห้องแล็บ”

ในขณะเดียวกัน ดร.ทอม พีค็อก นักไวรัสวิทยาจากอิมพีเรียลคอลเลจ สหราชอาณาจักร ผู้เชี่ยวชาญการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสระดับโลก กล่าวในทวิตเตอร์ว่า ลำดับพันธุกรรมของโควิด-19 เดลตาครอนที่สื่อต่างๆ ทั่วโลกรายงานออกไปแล้วนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดจากการปนเปื้อนระหว่างสารพันธุกรรมของโอมิครอนและเดลตาในห้องปฏิบัติการ เวลาถอดรหัสพันธุกรรมจึงมีรหัสปนกันออกมาเสมือนเกิดเป็นสายพันธุ์ลูกผสม

“และจากการนำเอาข้อมูลรหัสพันธุกรรมมาสร้างเป็นแผนภูมิวิวัฒนาการ Phylogenetic Tree พบว่าตัวอย่างผู้ติดเชื้อทั้ง 25 รายไม่ได้มาจากคลัสเตอร์เดียวกัน ซึ่งแปลก เพราะหากเป็นสายพันธุ์ลูกผสมเพิ่งเกิดใหม่ ยังไม่ระบาดเป็นวงกว้าง ควรจะอยู่ในคลัสเตอร์เดียวกัน” ดร.พีค็อกระบุ

เขาเสริมว่า ลำดับพันธุกรรมของเดลตาที่มีการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์อื่นปรากฏขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว เช่น การพบการกลายพันธุ์ของมิวในเดลตา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดขึ้น

ด้าน ศ.นิก โลแมน ผู้เชียวชาญด้านจีโนมของจุลินทรีย์จากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา กล่าวว่า แม้ว่าการเกิดลูกผสมระหว่างเดลตาและโอมิครอนจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลก แต่ก็เห็นพ้องกับผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นว่า การค้นพบเดลตาครอนของไซปรัสน่าจะเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในกระบวนการถอดรหัสพันธุกรรมจีโนมของไวรัสมากกว่า

สำหรับประเทศไทยเอง ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์ข้อความระบุว่า “ไวรัสชื่อประหลาดอย่างเดลตาครอน ถ้ามีจริงต้องแยกเชื้อออกมาให้ได้ เพิ่มปริมาณได้ และถอดรหัสออกมาได้ชัดเจน การได้ข้อมูลจากคนป่วยมาโดยตรง รีบถอดรหัส โอกาสสูงมากคือ การปนเปื้อนของไวรัสทั้งเดลตาและโอมิครอนที่อยู่ในแล็บ อย่าได้ขึ้นพาดหัวข่าวรีบเร่งบอกสื่อทั้งๆ ที่ยังไม่วิเคราะห์ผลให้ถี่ถ้วนก่อน

“ส่วนตัวเห็นด้วยกับ ดร.ทอม พีค็อก ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่กับข้อมูลไวรัสทุกวันทั้งวัน บอกว่าหลังดูข้อมูลการถอดรหัสพันธุกรรมว่า ไวรัสชื่อประหลาดนี้ ไม่น่ามีอยู่จริงครับด้วยเหตุผลข้างต้น จำเป็นต้องเพาะออกมาให้เห็นจริงๆ ก่อนค่อยเชื่อ ... ถาม WHO ก่อนก็ดีนะ ก่อนเรียกอะไรแบบเดลตาครอน”

ขณะที่ศูนย์จีโนม รพ.รามาธิบดี ได้เผยแพร่ข้อมูลผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า “ถามว่าเกิดสายพันธุ์ลูกผสม “เดลตาครอน” ขึ้นที่ไซปรัสแล้วใช่หรือไม่ คำตอบคือน่าจะไม่ใช่”

โดยศูนย์จีโนมได้นำข้อมูลรหัสพันธุกรรม 25 ตัวอย่างที่ไซปรัสได้แชร์ไว้ให้ GISAID มาวิเคราะห์เอง ก็พบว่า เมื่อนำข้อมูลรหัสพันธุกรรมมาสร้างเป็นแผนภูมิวิวัฒนาการ Phylogenetic Tree ตัวอย่างทั้ง 25 รายไม่ได้มาจากคลัสเตอร์เดียวกัน โดยเพราะหากเป็นสายพันธุ์ลูกผสมเพิ่งเกิดใหม่ มีที่มาจากแหล่งเดียวกันยังไม่ระบาดเป็นวงกว้าง ควรจะอยู่ในคลัสเตอร์เดียวกันไม่แตกกิ่งก้านสาขาไปมากมาย

“และจากรหัสพันธุกรรมทั้ง 25 ตัวอย่างบ่งชี้ว่าเป็นสายพันธุ์ “เดลตา” ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมของ “โอมิครอน” เข้ามาระหว่างการถอดรหัสพันธุกรรม” ศูนย์จีโนมระบุ

คำถามที่ตามมาคือหากมีสายพันธุ์ลูกผสมเกิดขึ้นมาจริงๆ ทางศูนย์จีโนมฯ จะตรวจพบหรือไม่ “คำตอบคือน่าจะตรวจพบ เพราะขณะนี้เราถอดรหัสพันธุกรรมด้วยเทคโนโลยีสายยาว (long-read sequencing) ประมาณ 1,000 - 2,000 ตำแหน่งต่อสาย ดังนั้นหากพบรหัสพันธุกรรมของเดลตาและโอมิครอนผสมปนกันอยู่ในสายเดียวกัน ก็แสดงว่าน่าจะเป็นสายพันธุ์ลูกผสม”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย มอบทุนการศึกษาในระดับชั้นประถม และทุกระดับปีสุดท้าย (ทุนสัญจร) แก่เยาวชนภาคใต้ รวม 6 จังหวัด 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นายนิพนธ์ ลีละศิธร กรรมการ ร่วมในพิธีมอบทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา และทุนทุกระดับปีสุดท้าย (ทุนสัญจร) ประจำปี พ.ศ. 2564 แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในพื้นที่ภาคใต้ 6 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดตรัง สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พัทลุง และกระบี่ รวม 265 ทุน รวมเป็นเงินจำนวน 2,255,000 บาท (สองล้านสองแสนห้าหมื่นห้าพันบาทถ้วน)

เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมตามที่มุ่งหวัง เติบโตพร้อมมีวิชาความรู้ สร้างอนาคตของตนเองและครอบครัว เป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งในปีนี้มูลนิธิฯ กำหนดให้มอบผ่านระบบออนไลน์ [Zoom] โดยมีบุคลากรจากสถานศึกษา และเยาวชนจากสถาบันต่างๆ ร่วมในพิธีมอบผ่านระบบออนไลน์ 

การมอบทุนการศึกษาของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แบ่งเป็นการมอบทุนระดับชั้นประถมศึกษา ทุนต่อเนื่องในทุกระดับชั้น และทุนทุกระดับปีสุดท้าย มอบ ณ ที่ทำการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กรุงเทพฯ รวม 2,336 ทุน และมอบทุนการศึกษาสัญจรในระดับชั้นประถม และทุกระดับปีสุดท้ายให้แก่สถาบันการศึกษาในส่วนภูมิภาค โดยปีนี้มูลนิธิฯได้มอบให้กับเยาวชนในพื้นที่ภาคใต้ รวม 265 ทุน  รวมทุนการศึกษาที่มอบทั้งหมดในปี พ.ศ. 2564 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 16,930,000 บาท (สิบหกล้านเก้าแสนสามหมื่นบาทถ้วน)  

สธ.ประเมินสถานการณ์ ‘โอมิครอน’ ลาม 2 เดือน แต่จะค่อยๆ ลดลง พร้อมคุมอยู่ภายใน 1 ปี

สธ. งัด 4 มาตรการรับมือโอมิครอน มุ่งชะลอการระบาดให้ระบบสาธารณสุขดูแลได้ คาดระบาดอย่างน้อย 2 เดือน จ่อลดวันกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูง ปีนี้โควิดเข้าสู่โรคประจำถิ่น หากอัตราตายลดเหลือ 0.1% จังหวัดยอดพุ่งอีก 2 สัปดาห์ค่อยๆ ลด

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รุจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวในการแถลงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 65 ที่กระทรวงสาธารณสุข ว่า แผนรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกมกราคม 2565 หรือโอมิครอน มี 4 มาตรการ คือ 

1.) มาตรการสาธารณสุข จะมุ่งชะลอการระบาดเพื่อให้ระบบสาธารณสุขดูแลได้ ฉีดวัคซีนเพิ่มภูมิต้านทานให้ประชาชน คัดกรองตนเองด้วย ATK ติดตามเฝ้าระวังกลายพันธุ์ 

2.) มาตรการการแพทย์ มุ่งเน้นใช้ระบบดูแลที่บ้านและชุมชน (Home Isolation/Community Isolation) ระบบสายด่วนประสานการดูแลผู้ติดเชื้อ ช่องทางด่วนส่งต่อเมื่อมีอาการมากขึ้น และเตรียมพร้อมยาและเวชภัณฑ์ โดยในส่วนของยาฟาวิพิราเวียร์ยังมีประสิทธิภาพดีในการรักษาผู้ติดโควิด-19 ถ้าเริ่มต้นให้เร็วรวมถึงโอมิครอนด้วย ขณะนี้มีสำรองประมาณ 158 ล้านเม็ด

3.) มาตรการสังคม ประชาชนใช้การป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด (UP : Universal Prevention) และสถานบริการปลอดความเสี่ยงโควิด (COVID Free Setting) 

และ 4.) มาตรการสนับสนุน ค่าบริการรักษาพยาบาล และค่าตรวจต่างๆ 

ทั้งนี้ ในปี 2565 จะก้าวเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นของโรคโควิด-19 โดยเชื้อลดความรุนแรง ฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิต้านทาน และชะลอการแพร่ระบาด

ผู้สื่อข่าวถามว่า โควิด-19 จะเป็นโรคประจำถิ่นเมื่อไหร่ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การจะเป็นโรคประจำถิ่นเกิดจากลักษณะตัวโรคลดความรุนแรงลง ประชาชนมีภูมิต้านทาน ระบบรักษามีประสิทธิภาพ ลดอัตราป่วยหนัก เพื่อให้อัตราเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำมาก สาเหตุที่โควิดเป็นโรคระบาดรุนแรง เพราะอัตราเสียชีวิตสูงถึง 3% และค่อยๆ ลดลง หากลดมาถึง 0.1% ก็จะเข้าข่ายโรคประจำถิ่นได้ ส่วนอีกนานหรือไม่ ตนได้ปรึกษากับกรมควบคุมโรคว่า ขณะนี้เป็นระลอกโอมิครอนที่จะอยู่ประมาณ 2 เดือนจากนั้นจะค่อยๆ ลดลง เกิดพีคเล็กๆ ไปอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้ หากการจัดการวัคซีนดี ประชาชนร่วมฉีดให้มีภูมิต้าน โรคไม่กลายพันธุ์เพิ่ม การติดเชื้อไม่รุนแรงมากขึ้น ก็คาดว่าภายในปีนี้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นไปได้

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคพิจารณาลดวันกักตัว กรณีเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ซึ่งเดิมจะต้องกักตัวนาน 14 วัน ซึ่งนานกว่ากรณีคนติดเชื้อที่รักษาในรพ. ที่อยู่ที่ 10 วัน จึงให้พิจารณาดูว่าสามารถลดวันกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูงเหลือ 7 วันได้หรือไม่ รวมถึงการปรับนิยามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงใหม่ หากใส่หน้ากากอนามัยถือเป็นสัมผัสเสี่ยงต่ำ แต่หากสัมผัสระหว่างที่ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยจึงจะถือเป็นสัมผัสเสี่ยงสูง

โฆษก ตร. เตือน!! "เมาแล้วขับ" คุก 10 ปี เพิกถอนใบขับขี่ เสี่ยง "อุบัติเหตุร้ายแรง"

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่มีพลเมืองดีแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพบผู้หญิงรายหนึ่งขับรถไม่ไปตามทิศทางที่กำหนด (ย้อนศร) และมีอาการคล้ายคนเมาสุรา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่เจ้าของรถไม่ยินยอม จึงได้นำตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่นำตัวเจ้าของรถไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แล้วพบว่ามีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้จับกุมตัว และแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนว่า ห้ามขับขี่ขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เนื่องจากจะทำให้ไม่มีสติในการขับรถ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เกิดความเสียหายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น จนทำให้เกิดความสูญเสีย ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเป็นความผิดตามกฎหมาย 

พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522

มาตรา 43 (2) ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น

มาตรา 160 ตรี ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 6 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาทถึง 120,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2557

มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 142 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2542 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

มาตรา 142 เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจสั่งให้ผู้ขับขี่หยุดรถในเมื่อ
(1) รถนั้นมีสภาพไม่ถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6  
(2) เห็นว่าผู้ขับขี่หรือบุคคลใดในรถนั้นได้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอันเกี่ยวกับรถนั้น ๆ

ในกรณีที่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าผู้ขับขี่ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ให้เจ้าพนักงานจราจรพนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้มีการทดสอบผู้ขับขี่ดังกล่าวว่าหย่อนความสามารถในอันที่จะขับหรือเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นหรือไม่

ในกรณีที่ผู้ขับขี่ตามวรรคสองไม่ยอมให้ทดสอบ ให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจกักตัวผู้นั้นไว้ดําเนินการทดสอบได้ภายในระยะเวลาเท่าที่จําเป็นแห่งกรณีเพื่อให้การทดสอบเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว หากผู้นั้นยอมให้ทดสอบและผลการทดสอบปรากฏว่าไม่ได้ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ก็ให้ปล่อยตัวไปทันที

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ ประชุมเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อย การจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

วันนี้ (11 ม.ค. 2565) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน ร่วมกับ พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง จตช. ประชุมเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งในครั้งแรกในวันที่ 16 ม.ค.65 เขตเลือกตั้งที่ 1 จว.ชุมพร, เขตเลือกตั้งที่ 6 จว.สงขลา รวมมีหน่วยเลือกตั้งจำนวน 495 หน่วย ส่วนในครั้งที่ 2 ในวันที่ 30 ม.ค.65 เขตเลือกตั้งที่ 9 (บางเขน) จว.กทม. มีหน่วยเลือกตั้งจำนวน 280 หน่วย

พล.ต.ท.สราวุฒิฯ กล่าวว่า ได้กำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ดังนี้

1. เป็นประชุมเตรียมความพร้อมและติดตามสถานการณ์ด้านการข่าว และกำชับการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่หน่วยเลือกตั้งโดยแบ่งภารกิจเป็นก่อนเลือกตั้ง ขณะเลือกตั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกระทำผิด พรบ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562

2. ก่อนการเลือกตั้งให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมและความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในพื้นที่ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.65 เป็นต้นไป ที่ผ่านมาพบ 3 เหตุ ที่ จว.ชุมพร

​2.1 การทำลายป้ายหาเสียง 2 เหตุ ของผู้สมัคร พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ ผู้สมัครฯ หมายเลข 5 พรรคกล้า อยู่ในระหว่างการสืบสวนถึงสาเหตุที่แท้จริง

​2.2 เหตุยิงปืนลงพื้นถนนขณะที่รถหาเสียงของ พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ ผู้สมัครฯ หมายเลข 5 พรรคกล้า จอดอยู่ใกล้เคียง จับกุมผู้กระทำผิดได้แล้ว จากการสอบสวนเหตุการณ์เกิดจากผู้กระทำผิด   เสพยาเสพติดเกินขนาดจึงเกิดอาการประสาทหลอนและก่อเหตุดังกล่าว

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม ไทยที่ 1 เอเชีย ที่ 11 ของโลก ประเทศที่เหมาะใช้ชีวิตหลังเกษียณ

เมื่อวันที่ 11 มกราคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับที่ 11 ของโลก และนับเป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย จากผลการจัดอันดับ The World’s Best Places to Retire in 2022 หรือประเทศที่ดีที่สุดในโลกที่จะใช้ชีวิตหลังเกษียณ ปี 2565 ซึ่งจัดโดยนิตยสาร International Living ซึ่งประกาศผลเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 นี้

จากผลการจัดอันดับนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับทราบ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นอีกครั้งที่ประเทศไทยมีชื่อเสียง เป็นที่นิยมระดับโลก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เชื่อมั่นว่าประเทศไทยน่าอยู่ไม่แพ้ที่ใดในโลก ผู้ที่ได้เคยมาสัมผัส ไม่ว่าจะมาเที่ยว หรือมาทำงานต่างหลงรักความเป็นไทย ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่มีส่วนสำคัญ มีมิตรไมตรีต่อกัน และต่อชาวต่างชาติ จนทำให้ประเทศได้รับการจัดอันดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ร้านอาหาร จ.ตรัง สวนกระแสหมูแพง ขายข้าวกะเพราหมูถาดละ 20 บาท อิ่มแบบจุกๆ

อดีตครูสาววัย 43 ปี ชาวตำบลหนองบ่อ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ลาออกจากครูอัตราจ้างหันมายึดอาชีพขายอาหารตามสั่งเกือบ 30 เมนู ยกถาดขายราคาถาดละ 20 บาท สวนกระแสหมูแพง แถมแน่นให้เยอะ อิ่มจุกในราคาเดียวไม่มีการปรับขึ้น ส่วนน้ำ-น้ำแข็งฟรี

น.ส. รินทร์นภา เฉลิมชัย (คุณรส) อายุ 43 ปี อดีตครูอัตราจ้างโรงเรียนวัดชลวาปีฯ ที่ผันตัวเองมาขายอาหารตามสั่ง ชื่อร้านsitนี่@ หนักแบก อยู่หมู่ที่ 3 ต.หนองบ่อ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ติดกับโรงเรียนวัดชลวาปีวิหาร โดยได้เริ่มเปิดขายเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา ราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 15-20 บาท มีให้เลือกอิ่มเกือบ 30 เมนู เช่น ข้าวไข่เจียวถาดละ 15 บาท ข้าวกะเพราทุกชนิดถาดละ 20 บาท ผัดเครื่องแกงราดข้าวหมู/ไก่ ถาดละ 20 บาท ผักพริกราดข้าว และอื่น ๆ ซึ่งทุกเมนูข้าวเน้นใส่ถาดยกมาเสิร์ฟ เพราะใส่จานมันเล็กไป

ส่วนอีกประมาณ 10 เมนูที่เหลือมีราคามากกว่า 20 บาทเล็กน้อย เช่น กะเพราทะเลขายถาดละ 30 บาท ส้มตำราคา 25-30 บาท ตำผลไม้ 40 บาท สเต๊กไก่/หมู/ปลา แถมสลัดผักและเฟรนช์ฟรายส์ ราคา 59 บาทเท่านั้น ขณะที่วันนี้ราคาหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 200 บาท

แม้ว่าขณะนี้ราคาเนื้อหมูจะราคาแพงขึ้น แต่เจ้าของร้านยังยืนยันจะขายกะเพราหมูถาดละ 20 บาทเหมือนเดิม เน้นทั้งปริมาณและคุณภาพ อิ่มจุก อร่อยแบบประหยัด แถมบริการน้ำ-น้ำแข็งฟรี เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภค ที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ และไข่ไก่ โดยหลังชาวบ้านทราบข่าวว่าที่ร้าน sitนี่@ หนักแบก ขายอาหารในราคาถูกที่สุดในจ.ตรัง ทำให้มีลูกค้าแวะมาอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนเปิดร้าน ในเวลา 10.00 น. เพราะว่าราคานี้หากินที่ไหนไม่ได้ในจ.ตรัง

‘บุหรี่ไฟฟ้า’ อาจช่วยให้ผู้สูบบุหรี่ เลิกบุหรี่ได้!! ถึงแม้ว่าผู้สูบจะไม่ได้ตั้งใจเลิกก็ตาม

ผลการศึกษาซึ่งตีพิมพ์โดย JAMA Network Open พบว่า การใช้บุหรี่ไฟฟ้าทุกวันช่วยกระตุ้นให้ผู้สูบบุหรี่ค่อย ๆ เลิกสูบบุหรี่ได้ แม้ว่าพวกเราจะไม่มีแผนที่จะเลิกบุหรี่ก็ตาม

ข้อมูลจากกลุ่มผู้สูบบุหรี่จำนวน 1,600 คน ที่ไม่ได้ตั้งใจที่จะเลิกบุหรี่ในช่วงเริ่มต้นของการศึกษาวิจัย โดย 28% ของผู้สูบบุหรี่ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าทุกวัน สามารถหยุดสูบบุหรี่แบบเดิม ๆ ได้ภายใน 12 เดือน ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ไม่ได้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าทุกวัน สามารถเลิกสูบบุหรี่แบบธรรมดาได้เพียง 6%

นักวิจัยกล่าวว่า จากการศึกษาผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ารายวันมีโอกาสเลิกบุหรี่แบบเดิม ๆ ได้ถึง 8 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าทุกวัน

คาริน คาสซา นักวิทยาศาสตร์ จากศูนย์วิจัยและรักษามะเร็งครบวงจร รอสเวล พาร์ค ในบัฟฟาโล นิวยอร์ก และผู้ร่วมทำการวิจัยกล่าวว่า "ผลการวิจัยของเราชี้ให้เห็นว่า การใช้บุหรี่ไฟฟ้าทุกวันอาจทำให้ผู้ที่สูบบุหรี่แบบธรรมดาเป็นประจำทุกวัน มีแนวโน้มที่จะเลิกสูบบุหรี่ได้ ซึ่งถือเป็นหนทางที่ดีในการเลิกบุหรี่ เนื่องจากผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าตระหนักว่าพวกเขาสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องสูบบุหรี่เพราะได้รับนิโคตินจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว”

ตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค มีผู้สูบบุหรี่เป็นประจำในสหรัฐอเมริกาประมาณ 45 ล้านคน รวมถึงวัยรุ่น วัยกลางคน และเด็กมัธยมประมาณ 5 ล้านคน จากการประเมินระบุว่า 1 ใน 4 ของผู้สูบบุหรี่กลุ่มนี้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า

นอกจากนี้การศึกษาถึงประโยชน์ที่เป็นไปได้ของบุหรี่ไฟฟ้าเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นเครื่องมือในการช่วยให้ผู้สูบบุหรี่เลิกสูบบุหรี่ด้วยผลลัพธ์ที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่นงานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อปีที่แล้วพบว่า บุหรี่ไฟฟ้าช่วยให้ผู้ใหญ่เลิกบุหรี่ได้ แต่อาจทำให้คนหนุ่มสาวเริ่มติดบุหรี่ไฟฟ้าได้

สำหรับการศึกษาครั้งนี้ คาสซาและทีมได้ทำการศึกษาผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีผลกระทบต่อผู้ที่สูบบุหรี่ทุกวันและไม่ได้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า และไม่มีแผนที่จะเลิกสูบบุหรี่ในช่วงเริ่มต้นของการวิจัย จากกลุ่มผู้ใหญ่เกือบ 2,500 คน โดย 38% ของผู้เข้าร่วมสูบบุหรี่ 20 ถึง 29 มวนต่อวัน และ 13% สูบบุหรี่ 30 มวนขึ้นไปต่อวัน โดยผู้เข้าร่วมเกือบ 2,300 คนเริ่มใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ทุกวันในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา ขณะที่ส่วนที่เหลือไม่ได้ใช้ เมื่อสิ้นสุดโครงการนักวิจัยพบว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพียง 6% เท่านั้นที่เลิกสูบบุหรี่ได้

 

ทร.เตรียมพร้อม!! รพ.สนาม รับมือการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์ใหม่ โอมิครอน

พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 สายพันธุ์โอมิครอ ที่กำลังระบาดอยู่เป็นวงกว้างในขณะนี้ พลเรือเอก สมประสงค์  นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้หน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือที่เกี่ยวข้องดำเนินการ เตรียมความพร้อมของโรงพยาบาล/สถานพยาบาล/โรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับการแพร่ระบาด ดังนี้

 1. ให้โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า และโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ เป็นโรงพยาบาลหลัก สามารถให้บริการตรวจทางห้องปฏิบัติการ มีหอผู้ป่วยวิกฤต ห้องแรงดันลบ หอผู้ป่วยรวม และห้องแยก มีขีดความสามารถในการตรวจวินิจฉัย และให้การรักษา ตั้งแต่อาการเล็กน้อย จนถึงขั้นวิกฤติ

 2. ให้มีความพร้อมของโรงพยาบาลสนามของกองทัพเรือ 3 แห่งที่จัดตั้งมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วให้การสนับสนุนสาธารณสุขมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วยได้รวม 1,109 เตียง ประกอบด้วย

 - โรงพยาบาลสนาม ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (เกล็ดแก้ว) อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จำนวน 544 เตียง

 - โรงพยาบาลสนาม ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จำนวน 180 เตียง

 - โรงพยาบาลสนาม สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม จังหวัดจันทบุรี จำนวน 385 เตียง

ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ยังได้เน้นย้ำให้ข้าราชการกองทัพเรือ เพิ่มความระมัดระวังทั้งแก่ตนเองและสมาชิกในครอบครัว ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ระบาดเพิ่มขึ้นนี้ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคระบาดตามที่รัฐบาล กำหนดและมาตรการตามที่กองทัพเรือ ได้สั่งการอย่างเคร่งครัดอีกด้วย

ทั้งนี้ โรงพยาบาลสนามของกองทัพเรือทั้ง 3 พื้นที่ อยู่ภายใต้การบริหารจัดการและกำกับดูแลของหน่วยงาน สาธารณสุขจังหวัดใน แต่ละพื้นที่ ที่ผ่านมาได้ปิดการใช้งานชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ลดลงในช่วงปลายปี 2564 อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบกับ โรงพยาบาลสนามทั้ง 3 พื้นที่ ทราบว่า พร้อมให้การสนับสนุนสาธารณสุขจังหวัด ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป

 

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top