Monday, 12 May 2025
NEWS FEED

'ลูกหมอสุนิล' วอนอย่าต่อว่า 'แท็กซี่คู่กรณี' เชื่อได้รับบทเรียนแล้ว พร้อมให้อภัย 'คนดีภูเก็ต'

หลังจากที่มีกรณีดราม่าแท็กซี่ภูเก็ต คิดค่าโดยสาร ‘นายเฆวินทร์ พล’ ลูกชายของ ‘ดร.สุนิล พล’ หรือ ‘หมอสุนิล’ เจ้าของ ดร.สุนิล อินเตอร์เนชั่นแนล เดนทัล คลินิก หมอฟันระดับมหาเศรษฐีพันล้าน โดยเรียกค่าโดยสารแพง 600 บาท แต่นายเฆวินทร์ไม่ยอมจ่าย ทั้งที่มีเงินจ่าย เพราะมองว่าถูกเอาเปรียบ ทำเอากระเทือนไปถึงชาวภูเก็ตบางส่วน โดยมองว่านักท่องเที่ยวผิด เพราะระดับเศรษฐีพันล้าน รวยทำไมไม่จ่าย

ล่าสุด (1 ก.พ. 65) นายเฆวินทร์ พล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ‘Kevin Phol’ ระบุข้อความว่า "วันนี้ผมเข้าใจแล้ว และได้คุยกับพี่แท็กซี่คู่กรณี เสียงของทุกคนได้รับการตอบรับแล้วนะครับ ทางภูเก็ตจะเร่งพัฒนาแอปพลิเคชัน และวางการประชุมราคาใหม่ที่เป็นธรรม ส่วนพี่แท็กซี่เป็นแค่ส่วนนึงของปัญหาที่ยาวนานครับ ซึ่งผมเข้าใจแกแล้ว ผมขอแถลงดังนี้นะครับ…

1.) อย่าว่าพี่แท็กซี่ เพราะแกรับรู้จากบทเรียนครั้งนี้แล้ว (ผมโดนว่าในคอมเมนต์ผมก็เจ็บ)
2.) พี่แท็กซี่คู่กรณีจะมาช่วยแจงปัญหาของคนขับ เพื่อพัฒนาระบบ
3.) ภูเก็ตแก้ปัญหานี้เร็วมากกกกก เพราะต้องขอบคุณเสียงจากทุกคนนะครับ มารอดูกันนะครับ
4.) หวังว่าจะไม่เจอปัญหานี้อีก
5.) Destination ต่อไป ภูเก็ตตตตตตตตตตต (ผมหายงอนละนะชาวภูเก็ต)

ขอบคุณที่จะเปิดใจให้แอปพลิเคชันนะครับ ขอบคุณที่รับฟัง ผมขอขอบคุณรายการ ถกและเถียง รวมถึง กรมขนส่ง, พี่แท็กซี่ และ พี่โจ้คนภูเก็ต ที่ได้มาร่วมคุยกัน Phuket see u soon นะค้าบบบบบบ ขอบคุณครับ 

ขอบคุณที่รับฟัง 
เฆวินทร์ พล

'ผบ.สอ.รฝ.' เยี่ยมให้กำลังใจ!กำลังพล ในการขจัดคราบน้ำมัน ที่ชายหาดแม่รำพึง

พล.ร.ต.สรวุท ชวนะ ผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (ผบ.สอ.รฝ.) ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพลของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ที่มาสนับสนุนการขจัดคราบน้ำมัน ซึ่งได้รับประสานจากศูนย์ควบคุมปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 (ศคปน.ทรภ.1) ซึ่งหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้สนับสนุนกำลังพลในการเข้าขจัดคราบน้ำมัน ตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.65 เป็นต้นมา ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบาย ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ต้องการให้ทุกหน่วยของกองทัพเรือ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาในกรณีที่มีน้ำมันรั่วไหล ในจังหวัดระยอง อย่างเต็มกำลังความสามารถ

ซึ่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้นำความห่วงใย และกำลังใจ จากผู้บัญชาการทหารเรือ มามอบให้กับกำลังพลทุกนาย ได้รับทราบว่า ผู้บังคับบัญชามีความห่วงใย และเป็นกำลังใจให้เสมอ พร้อมทั้งขอให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท และปฏิบัติตามแนวทางของการเข้าขจัดคราบน้ำมันที่ได้รับการอบรมโดยเคร่งครัด ซึ่งการทำงานดังกล่าวนี้ ต้องใช้ความอดทนอย่างสูง

 

'หมอมนูญ' ฟันธง 'โอมิครอน' ติดทุกคน แต่ฉีดวัคซีนครบ อาการเหมือนหวัดธรรมดา

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เป็นไวรัสที่ติดกันง่ายที่สุด ง่ายกว่าเชื้อโรคทางเดินหายใจทุกชนิดในโลก ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนในโลกนี้ไม่ช้าก็เร็วจะได้รับเชื้อโอมิครอน

ถึงแม้ว่าเราจะใส่หน้ากาก 2 ชั้น ก็ยังมีโอกาสติดได้ มีหนทางเดียวต้องใส่หน้ากากชนิด N95 ตลอดเวลาซึ่งเป็นไปไม่ได้ โชคดีที่ตัวเชื้อโอมิครอนไม่ก่อให้เกิดโรครุนแรง และถ้าได้ฉีดวัคซีนครบโดสและได้เข็มกระตุ้น อาการยิ่งน้อยลงไปอีก เป็นเหมือนหวัดธรรมดา

กฎเกณฑ์การตรวจการติดเชื้อโอมิครอนควรเป็นแบบเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดใหญ่ใช้การตรวจแบบรวดเร็ว ถ้าให้ผลบวก แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ และให้ยารักษาเลย โดยไม่จำเป็นต้องตรวจรหัสพันธุกรรม RT-PCR เพื่อยืนยันว่าเป็นไข้หวัดใหญ่

ส่วนใหญ่แพทย์จะทำ RT-PCR สำหรับไข้หวัดใหญ่ในกรณีที่คนไข้เข้านอนรักษาในโรงพยาบาล สงสัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ถึงแม้ว่าจะได้รับการตรวจแบบรวดเร็วตอนแรกให้ผลลบ

การตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็ว ATK ควรตรวจเมื่อมีอาการ และสงสัยว่าติดเชื้อโควิด หรือเป็นกลุ่มเสี่ยงอยู่ใกล้ชิดกับคนที่ยืนยันว่าติดเชื้อแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจ ATK คัดกรองสำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีอาการ และไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง ยกเว้นว่าตรวจก่อนจะไปพบปะรวมกลุ่มเลี้ยงสังสรรค์กับคนจำนวนมากในสถานที่แคบ ติดตั้งปรับอากาศ อากาศถ่ายเทไม่ดี หรือเดินทางเป็นหมู่คณะในรถโดยสารปรับอากาศด้วยกัน หรือต้องไปพบผู้ที่มีโอกาสป่วยหนักหากติดเชื้อ เช่น คนสูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังและหญิงตั้งครรภ์

“ศุภชัย” ยืนยัน พ.ร.บ.กัญชา กัญชง  ประชาชนจดแจ้งไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมสักบาท อีก 120 วันปลูกได้ ส่วนนายทุน นำไปทำธุรกิจต้องมีค่าใช้จ่าย วอนเลิกบิดเบือนทำสังคมสับสน

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงเรื่องการปลูกกัญชาในร่างพ.ร.บ. กัญชา กัญชง  พ.ศ…. ที่ยังมีประชาชนสับสนว่า นี่เป็นนโยบายพรรคภูมิใจไทยที่ต้องการให้เกษตรกรได้ประโยชน์ในการรักษาโรคของตนเอง และเป็นพืชเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต กฎหมายฉบับนี้หลักการ และเหตุผลระบุไว้ชัดเจนว่าประมวลกฎหมายยาเสพติด ไม่ได้กำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษ ซึ่งเปิดโอกาสให้มีการนำกัญชา กัญชง มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ การวิจัย และนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอื่น แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ ที่ส่งผลกระทบต่อโอกาส ในการนำไปใช้ในการดูแลสุขภาพ การป้องกัน การบำบัดโรค รักษาผู้ป่วย การศึกษาวิจัย หรือพัฒนานวัตกรรม

ฉะนั้นเพื่อให้ประชาชนมีสิทธิในการดูแลสุขภาพตน และส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ จากกัญชา กัญชง ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในด้านการพัฒนาภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทย ตลอดจนองค์ความรู้ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน และอุตสาหกรรมอื่นๆ  จึงควรสนับสนุนกัญชา กัญชง มาใช้ในการศึกษาวิจัย การใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ สุขภาพ การใช้ตามวิถีชีวิตชุมชน ตลอดจน เปิดโอกาสให้มีการผลิต ขาย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของประเทศ และเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค ให้มีการบริโภคกัญชา กัญชงอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค สมควรกำหนดมาตรการกำกับดูแล ควบคุมการขาย การโฆษณา และการบริโภคกัญชา กัญชง เพื่อคุ้มครองสุขภาพของบุคคล จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้  ซึ่งหลักการและเหตุผลเห็นได้ว่ากัญชาที่ไม่ได้เป็นยาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ปี 2564 นั้น ก็จะต้องทำดำเนินการไปตามร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ฉบับนี้

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ในประเด็นเรื่องการปลูกของครัวเรือนให้ดูหมวดที่ 4 การจดแจ้งและรับจดแจ้งการใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชง ในครัวเรือน ในมาตรา  18 ชัดเจนเลยว่า ผู้ใดประสงค์จะเพาะปลูก เพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชงในครัวเรือน ต้องจดแจ้งต่อผู้รับจดแจ้ง และเมื่อผู้รับจดแจ้ง ออกใบรับจดแจ้งแล้ว จึงจะดำเนินการได้  หมายความว่าเพียงไปแจ้งอย่างเดียวก็ปลูกได้ ถามว่า แล้วไปแจ้งกับใครหน่วยไหน ร่าง พ.ร.บ. นี้ได้บัญญัติว่า  ผู้รับจดแจ้งหมายความว่า ตามมาตรา 4(1) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมอบหมาย สำหรับจดแจ้ง เพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชงในครัวเรือนกรุงเทพมหานคร

มาตรา 4(2) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือผู้ซึ่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด มอบหมาย สำหรับการจดแจ้ง เพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชงในครัวเรือน ในส่วนภูมิภาคการใช้ประโยชน์จากกัญชา  กัญชง ในครัวเรือนก็คือ การเพาะ ปลูก เพื่อการบริโภค ส่วนบุคคล เพื่อดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง และครอบครัวที่อยู่อาศัยเดียวกัน ทั้งนี้ไม่เกินปริมาณที่กำหนดในกระทรวง ซึ่งในร่างกำหนดชัดเจนหมด เรื่องสำคัญที่มีคนไปบิดเบือนคือบอกว่า การปลูกต้องจ่ายค่าธรรมเนียม เรื่องนี้ไม่มีการกำหนดไว้เลยในกฎหมายว่า ครัวเรือนปลูกแล้วจะต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียม  

ข่าวดี! เด็กไทย 3 ขวบขึ้นไป เตรียมตัวรอฉีดวัคซีนเชื้อตายได้แล้ว

1 ก.พ. 65 - นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านบล็อก ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย ระบุว่า ข่าวดี!! เด็กไทยอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป เตรียมตัวรอฉีดวัคซีนเชื้อตายของ Sinovac ได้แล้ว รอเพียง อย. อนุมัติอย่างเป็นทางการ

จากประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโควิด ที่มีความชัดเจนทั่วโลกว่า สามารถลดการติดเชื้อได้ในระดับหนึ่ง ดีกว่าไม่ฉีดวัคซีนและสามารถลดการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตได้เป็นอย่างมากโดยมากกว่ากลุ่มที่ไม่ฉีดวัคซีน 4-15 เท่าตัว จึงมีผู้ประสงค์จะฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมาก ซึ่งในประเทศไทยเอง มีประชากรกว่า 70% ได้ฉีดวัคซีนไปแล้วนั้น

แต่อย่างไรก็ดี มีประชากรใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดเป็นจำนวนน้อย เพราะมีข้อจำกัด ได้แก่ เด็กและเยาวชนที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี

โดยในปัจจุบันนี้ เด็กที่สามารถฉีดวัคซีนคือ เด็กที่อายุ 5 ขวบขึ้นไป และฉีดได้เพียงชนิดเดียวคือวัคซีนเทคโนโลยี mRNA ของ Pfizer เพราะ อย. ได้อนุมัติแล้วนั้น

แต่ยังคงมีคำถามอย่างต่อเนื่อง จากพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไปว่า ถ้าไม่สบายใจที่จะฉีดวัคซีน mRNA ของ Pfizer

แต่อยากจะฉีดวัคซีนเทคโนโลยีเชื้อตาย เช่น Sinovac เนื่องจากคุ้นเคยกับวัคซีนเชื้อตายที่ฉีดในวัคซีนอื่นๆ ให้กับบุตรหลานของตนเองมาโดยตลอด จะทำอย่างไร

ขณะนี้ มีข่าวดีล่าสุดว่า คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565 เห็นชอบในหลักการจากข้อมูลต่างๆ ที่มีการเสนอมาว่า ทางบริษัท Sinovac ได้ส่งข้อมูลให้ทาง อย. พิจารณามาระยะหนึ่งแล้ว คาดว่าจะได้รับการอนุมัติภายในระยะเวลาอันใกล้นี้

ชื่นชม ‘ครูฟ้าสุโขทัย’ ดูแล-สอนหนังสือเด็ก ขณะนักเรียนป่วยโควิดรักษาตัวที่โรงพยาบาล

จากกรณีเกิดคลัสเตอร์โควิด-19 ที่โรงเรียนวัดไทยชุมพล (ดำรงประชาสรรค์) แห่งที่ 2 สังกัดสำนักงานเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี จังหวัดสุโขทัย พบเด็กนักเรียนติดเชื้อโควิด-19 จากผู้ปกครองที่มีอาชีพขายของตลาดนัด และไปเรียนหนังสือตามปกติโดยไม่รู้ว่าตนเองเชื้อโควิด-19 ทำให้เกิดการแพร่เชื้อไปถึงนางสาวนิรชา ด้วงมา คุณครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/3 และเพื่อนเด็กนักเรียน รวมทั้งผู้ปกครอง รวมจำนวน 55 คน และเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสุโขทัย ระหว่างวันที่ 17-26 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา

ในสถานการณ์ดังกล่าว น.ส.นิรชา ด้วงมา หรือครูฟ้า ซึ่งเป็นครูประจำชั้น ป.1/3 ได้ทุ่มเทเสียสละช่วยดูเด็กนักเรียนป่วยโควิด-19 จากคลัสเตอร์ที่โรงเรียนวัดไทยชุมพล ช่วยวัดไข้ วัดชีพจร ป้อนยา ป้อนอาหาร รวมถึงสอนหนังสือ ขณะเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสุโขทัย 

ครูฟ้ากล่าวว่า ได้เดินทางไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 มีผลยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 จึงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสุโขทัยในวันที่ 17 มกราคม 2565 และทราบว่ามีเด็กนักเรียน ทยอยเข้ารักษาตัวเพิ่มมากขึ้น ขณะที่โรงพยาบาลสุโขทัย ได้ปรับย้ายเด็กนักเรียนผู้ป่วยโควิด-19 ไปรักษาที่ตึกกุมารเวชกรรม จึงได้อาสาเข้าไปรักษาตัวร่วมกับเด็กนักเรียน เพื่อช่วยดูแลในฐานะเป็นครู และเป็นผู้ปกครองให้เด็กนักเรียนในระหว่างรักษาตัว 

‘วัชระ’ ร้อง ‘ลุงตู่’ ค้าน! ทรูควบรวมดีแทค ผูกขาดการค้าลิดรอนสิทธิ์ ปชช.!!

(31 ม.ค.65) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้กำกับดูแลให้คณะกรรมการ กสทช. และคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายทุกฉบับโดยเคร่งครัด โดยไม่ให้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกลิดรอนสิทธิ์ในการเลือกใช้บริการโทรคมนาคมพื้นฐาน จากกรณีกลุ่มบริษัทในเครือซีพี (กลุ่มบริษัททรู) จะควบรวมกิจการกับกลุ่มบริษัทในเครือเทเลนอร์ (กลุ่มบริษัทดีแทค) ซึ่งปรากฏว่ามีนักวิชาการ นักคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งประชาชนทั่วไปได้แสดงความกังวลถึงสิทธิของผู้บริโภคในการเลือกใช้บริการโทรคมนาคมพื้นฐานที่จะถูกลิดรอนไปอันเป็นผลจากการควบรวมกิจการดังกล่าว เนื่องจากตามข้อมูลของ กสทช.

ในปัจจุบันมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 141 ล้านเลขหมาย ผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 รายใหญ่ (ไอไอเอส ทรู และดีแทค) 132 ล้านเลขหมาย คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดรวมกันสูงถึงร้อยละ 93 และทั้ง 3 รายล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือตลาดทั้งสิ้น แต่เมื่อมีการควบรวมกิจการระหว่างกลุ่มทรูและกลุ่มดีแทคแล้วจะเป็นรายที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงร้อยละ 57 ซึ่งถือว่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือตลาดเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญกว่านั้นการควบรวมนี้จะทำให้กลุ่มบริษัทใหม่หลังการควบรวมจะกลายเป็นผู้ถือครองคลื่นความถี่จำนวนมากที่สุดรายหนึ่งของประเทศไทย คือจำนวน1,260 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย “มาตรา 60 ...คลื่นความถี่เป็นสมบัติของชาติเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน ... องค์กรดังกล่าว (กสทช.) ต้องจัดให้มีมาตรการป้องกันมิให้มีการแสวงหาประโยชน์จากผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรมหรือสร้างภาระแก่ผู้บริโภคเกินความจำเป็น ... ป้องกันการ กระทำที่มีผลเป็นการขัดขวางเสรีภาพในการรับรู้หรือปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลหรือข่าวสารที่ถูกต้อง ... และป้องกันมิให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของประชาชนทั่วไป...” 

การควบรวมกิจการดังกล่าว อันเป็นการจำกัดลิดรอนสิทธิ์ของผู้บริโภค จึงถูกบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ กสทช. ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 “มาตรา 27 (11) กำหนดมาตรการป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผู้ขาดหรือก่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน...” “มาตรา 27 (13) คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมิให้ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบกิจการและคุ้มครองสิทธิในความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพของบุคคลในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคมและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของประชาชนในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์คลื่นความถี่...” และ “มาตรา 31... ตรวจสอบการดำเนินการของผู้ประกอบกิจการฯ มิให้มีการดำเนินการใดๆ ในประการที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ...” ซึ่ง กสทช. (กทช. ในขณะนั้น) ได้ดำเนินการตามบทบัญญัติข้างต้นโดยออก ประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2559 โดยเฉพาะใน “ข้อ 8 ... การเข้าซื้อหุ้นเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของผู้รับใบอนุญาตรายอื่นจำกระทำมิได้ เว้นแต่ กสทช.จะอนุญาต และหากการดำเนินการนั้นส่งผลให้เกิดการผูกขาดหรือลดหรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการ กสทช. อาจจะสั่งห้ามการถือครองกิจการ หรือกำหนดมาตรการเฉพาะ ...” 

นอกจากนั้น พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 มาตรา 21 บัญญัติให้ กสทช.ต้องกำหนดมาตรการป้องกันการผูกขาด ทำให้กลุ่มทรูและกลุ่มดีแทค ต้องรายงานรายละเอียดการควบรวมกิจการต่อเลขาธิการ กสทช. ก่อนการดำเนินการใด ๆ โดยต้องมีรายละเอียดเป็นไปตามประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2561 ข้อ 5-11ซึ่งเลขาธิการ กสทช. ต้องเสนอรายงานดังกล่าว กสทช. พิจารณาภายใน60 วัน เพื่อให้กำหนดเงื่อนไขป้องกันความเสียหายในทันทีให้เป็นไปตามมาตรา 22 ของกฎหมายฉบับดังกล่าวโดยมีมาตรการป้องกันการผูกขาดหรือการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมให้เป็นไปตามประกาศข้างต้นในข้อ 12 

อีกทั้งกลุ่มทรูและกลุ่มดีแทค ประกอบธุรกิจอื่น ๆ นอกเหนือไปจากกิจการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. จึงต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 “มาตรา 51 ...แจ้งผลการควบรวมธุรกิจต่อคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าภายใน 7 วัน เว้นแต่การควบรวมจะทำให้ผูกขาดหรือมีอำนาจเหนือตลาด ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการก่อนการดำเนินการ...” โดยมีรายละเอียดตามประกาศคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตการรวมธุรกิจ พ.ศ. 2561 โดยเฉพาะในข้อ 10 แต่กลับปรากฏเป็นข่าวในสื่อสารมวลชนว่าหน่วยงานภายใต้คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าได้ปฏิเสธการดำเนินการ และอ้างว่าไม่ใช่อำนาจของตน แต่เป็นอำนาจของ กสทช. แต่เพียงผู้เดียว เพราะเป็นข้อยกเว้นในมาตรา 4 (4) ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริงของกฎหมายตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด เนื่องจากทั้งสองกลุ่มบริษัทล้วนประกอบธุรกิจอย่างหลากหลายนอกเหนือจากโทรคมนาคม

รู้จัก ทูตมวยไทย!! ‘ครูดิน วิทวัส’ ผู้พามวยไทยไปทั่วโลก 7 ปี 38 ประเทศ ลุยสอนตั้งแต่สลัมยันราชวงศ์

เปิดประสบการณ์การสอนมวยไทยทั่วโลกกับ “ครูดิน วิทวัส” การทำงานสุดท้าทายในต่างแดนและความหวัง อนาคตของมวยไทย 

วิทวัส ค้าสม หรือที่รู้จักกันในนาม ครูดิน ครูมวยไทยผู้ก่อตั้งค่ายลานนาไฟท์ติ้งมวยไทย ค่ายมวยชื่อดังแห่ง จ.พะเยา ได้มีโอกาสร่วมงานกับกระทรวงการต่างประเทศ ในการเผยแพร่หนึ่งในเอกลักษณ์ประจำชาติ นั่นก็คือ “มวยไทย”

ครูดินได้แบ่งปันประสบการณ์ ในการเดินทางนำมวยไทยไปให้คนทั่วทุกมุมโลกได้รู้จัก ทั้งสถานที่ทั่วไปอย่าง โรงละครที่ไต้หวัน หรือจะเป็นทำงานในสลัมยาเสพติดในบราซิล บุกยิมใต้ดินของมาเฟียรัสเซีย ไปจนถึงได้มีโอกาสสอนมวยไทยแก่สมาชิกราชวงศ์จอร์แดน

โดยจุดเริ่มต้นของครูดินเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นว่า “ในปี 2555 กระทรวงการต่างประเทศ เขาทำโครงการ roadshow มวยไทย ก่อนหน้านั้น เขาทำโครงการวัฒนธรรมไทย เป็นอาหารไทย นาฏศิลป์ไทย แต่ปีนั้นเขาทำมวยไทยพอดี ปีแรกที่เราไปบางคนก็ไม่รู้จักมวยไทยเลยนะ บางคนรู้จักในนามของ Thai boxing แต่เราพยายามจะบอกทุกคนว่า มวยไทยไม่ใช่ Thai boxing เราอยากให้ใช้ชื่อเฉพาะเหมือนเทควันโด เราไม่ได้เรียกว่า Korean boxing กังฟูเราก็ใช้ชื่อกังฟู ไม่ได้ใช้ชื่อว่า Chinese boxing”

ในช่วงแรกเขาก็ถามจะทำยังดี เริ่มปรึกษาว่าไปโซนนี้ดีมั้ย ผมจะรู้ตัวก่อนประมาณ 1-2 เดือน ให้ส่งพาสปอร์ตไปทำวีซ่า ผมก็บอกว่า เราน่าจะมีการสอนสำหรับคนที่ไม่รู้จักมวย เพราะมองว่าจะไปเผยแพร่มวย ถ้าเราไปเฉพาะคนที่เขาชอบมวยอยู่แล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์มากเพราะคนกลุ่มนี้ยังไงเขาก็ต้องเรียนมวย เราควรจะมีการจัดงานที่ไปหาคนที่ไม่ชอบมวย ไม่รู้จักมวย เราทำให้คนกลุ่มนี้มาสนใจมวยไทยด้วย 

หลังจากที่เราสอนมวยเสร็จ เป็นห้าง หรือสวนสาธารณะ เราก็จะเชิญคนดูขึ้นมาบนเวที หรือถ้าคนเยอะๆ เราก็อาจจะทำด้านล่างเวที ให้ครูมวยของเราช่วยกันสอนและผมก็นำ บางทีก็เป็น 100-200 คนครับ ก็เป็นอีกกลุ่มนึง กลุ่มที่ไม่รู้จักมวยไทย ก็เพิ่มเข้ามา”

สำหรับบุคคลที่มาชมการแสดงและเรียนรู้มวยไทยกับทีมของครูดิน เรียกได้ว่ามีทุกเพศทุกวัย ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้พิการ ทหาร และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งในการทำงานแต่ละครั้ง ครูดินต้องทำการบ้านเกี่ยวกับประเทศนั้นๆ อย่างหนัก

และประสบการณ์การสอนที่ครูดินจำได้ไม่ลืมนั่นคือ การเผยแพร่วัฒนธรรมมวยไทยแก่บุคคลระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นคนสนิทของชีคแห่งการ์ตา รวมไปถึงเจ้าหญิงของจอร์แดน ครูดินเล่าให้ฟังว่า “ตอนปี 59 เขาก็บอกว่าเราไปตะวันออกกลางบ้างมั้ย สิ่งที่เป็นกุญแจสำคัญอีกอย่างคือ ท่านทูตและสถานทูตไหนที่ตอบรับโครงการที่เขาเสนอไป ปีนั้นกาตาร์ คูเวต โอมาน เขาก็ขานรับ ก็ไปที่กาตาร์ก่อน เขาบอกว่าที่นั่นจะมีการขอลงนวม จะมีแขก VIP ของเขาอยากที่จะต่อยมวย ผมก็เตรียมไป”

“ปรากฏว่า คนที่เขาอยากต่อยเป็นคนสนิทของชีค น้ำหนักเขาตรงกับผมพอดี ตกลงเอาครูดินนี่แหละต่อย พอเขารู้ว่าเป็นผม เขาก็ไม่ต่อย เขาบอกว่าไม่สบาย แล้วก็ส่งครูมวยที่เขาจ้างมาจากอินโดฯ มาต่อยกับผม ที่นี้ก็ไปที่คูเวต VIP เหมือนกัน เป็นพวกเศรษฐีน้ำมัน หลังจากนั้นเราเริ่มรู้จักพวกที่เป็นตะวันออกกลาง ต่อไปเป็นปี 60 โครงการนี้เขาไปที่อิสราเอล และจอร์แดน เขามีโครงการก็เชิญเจ้าหญิงมา เขาฝึกมวยอยู่แล้ว พอเราไปเขาก็มาร่วม แต่เขาก็เป็นกันเองมาก ตรงนี้เราก็ต้องคุยกับทีมงานว่า พอเราไปเจอเจ้าหญิง ต้องสุภาพ ต้องนุ่มนวล ต้องถนอมเขาแล้วเขาก็คุยกับทางฝ่ายไทยเรียบร้อย หลังจากนั้น ทางฝ่ายไทยก็ได้ไปทานข้าว ไปร่วมอะไรในวังเขาเรียบร้อยครับ”

ตลอดระยะเวลา 7 ปี ในการทำงานและเดินทางไปรอบโลก มีเรื่องราวเกิดขึ้นกับครูดินมากมาย “ไปมาทั่วโลกเลย 7 ปี ประมาณ 38 ประเทศ ไม่คิดว่าจะได้ไปก็ได้ไป เบสิกเลย 1 ทริปเล็กๆ 10-15 วัน ถ้าไปหลายประเทศ อาจจะประเทศละ 3 วัน บางประเทศต้องไป 2-3 เมืองก็มี ผมไปตุรกีมีเวลา 5 วัน ผมไป 4 เมือง ไปถึงเมืองนี้สอนเสร็จ เย็นเก็บของไปอีกเมืองไม่ได้เข้าโรงแรมเลยก็มี เก็บของ เปลี่ยน เหนื่อยมากแต่ก็สนุก ลำบากนิดนึงแต่มันคือประสบการณ์”

ส่อง Saudization ยุทธศาสตร์แห่งซาอุดีอาระเบีย ภารกิจเพื่อยกระดับชีวิตและสังคมทั้งประเทศ

หลังจากความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียกลับสู่ภาวะปกติ หนึ่งในข่าวที่น่าสนใจ คือ การที่แรงงานไทยจะมีโอกาสก้าวเข้าไปสู่ตลาดงานในซาอุฯ ได้มากขึ้น ซึ่งอันที่จริงเรื่องนี้เป็นทั้งเรื่อง ‘ดีที่ปกติ’ ไม่ได้น่าตื่นเต้นพอจะไปมองเป็นประเด็นให้ต้องดิสเครดิต หรือดูแคลนการรื้อฟื้นความสัมพันธ์นี้แต่อย่างใด 

นั่นก็เพราะ หากใครพอจะทราบ ย่อมรู้ดีว่าซาอุดีอาระเบียได้มีการประกาศนโยบาย Saudization หรือนโยบายที่ว่าด้วยวัตถุประสงค์เพื่อลดอัตราการจ้างงานของแรงงานต่างชาติลง และกำหนดให้ต้องจ้างคนซาอุดีอาระเบียเข้าทำงาน ที่กำหนดให้ภาครัฐและเอกชนต้องจ้างคนซาอุดีอาระเบียเข้าทำงานร้อยละ 20 ของคนงานทั้งหมด

ทว่าพลันที่นโยบายนี้ถูกประกาศ ก็ทำให้หลายๆ ประเทศเริ่มชะลอการส่งแรงงานไปซาอุฯ ไม่ว่าจะเป็น ฟิลิปปินส์หรือแม้แต่ปากีสถาน ซึ่งถือว่ามีจำนวนแรงงานที่ไปทำงานยังซาอุฯ นับล้านชีวิต และนั่นก็เริ่มส่งผลให้ซาอุดีอาระเบียเจอปัญหาขาดแคลนแรงงาน เพราะคนท้องถิ่นเองก็ไม่นิยมทำงานหนัก ทั้งไม่มีการอบรมทักษะอาชีพและการศึกษาที่ดี รวมถึงวัฒนธรรมประเพณีที่เคร่งครัด จึงทำให้สูญเสียโอกาสการแข่งขันในเวทีเศรษฐกิจโลก

ฉะนั้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของไทยกับซาอุฯ ภายใต้ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด เจ้าชายหัวทันสมัยที่มองข้ามเรื่องเก่าๆ และดราม่าน้ำเน่าที่หาได้อัดแน่นด้วยสาระ จึงไม่น่าจะหยิบมาเป็นสาระสำคัญไปกว่าหมุดหมายในการพาประเทศของตนเดินหน้าไปในแนวทางที่ถูกต้องเท่าไรนัก

ฉะนั้นในเรื่องของแรงงาน ก็คงเป็นองค์ประกอบหนึ่งในเชิงยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า Win-Win กันทั้งไทยและซาอุฯ ที่ฝ่ายหนึ่งก็ขาดแคลนแรงงาน ส่วนอีกฝ่ายก็สามารถส่งแรงงานในยังประเทศที่มีความต้องการตลาดสูงกว่าในประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ ทางด้าน พัฒนพงศ์ (แพท) แสงธรรม อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ (ภาควิชาภาษาอังกฤษ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับ Saudization หรือยุทธศาสตร์ของซาอุดีอาระเบียจนทำให้พอเข้าใจว่า สัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ ในครั้งนี้ เป็นสาระสำคัญที่เหมาะสมและก็ไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกอันใด ว่า…

Saudization เป็นยุทธศาสตร์ของซาอุดีอาระเบีย ที่เริ่มขึ้นมากว่า 10 ปีแล้ว เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และสังคมให้กับชาวซาอุฯ ทั้งในมิติของการว่าจ้างงาน สิทธิพลเมือง สิทธิสตรี และสวัสดิการต่างๆ เช่น…

>> เพิ่มจำนวนลูกจ้างและพนักงานชาวซาอุฯ ในบริษัทและภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งที่ผ่านมาเป็นคนซาอุฯ ทำงานเองโดยเฉลี่ย ประมาณ 20% เท่านั้น

>> ตำแหน่งภาครัฐ จ้างแต่ชาวซาอุฯ อยู่แล้ว ซาอุฯ สงวนอาชีพในบางสาขาไว้ให้ชาวซาอุฯ เท่านั้น เช่น ภาคเกษตรกรรม, อสังหาริมทรัพย์, การบริหารสาธารณูปโภค, ไฟฟ้า, น้ำประปา, การสื่อสาร ฯลฯ

>> อย่างไรก็ตาม การจ้างแรงงานต่างชาติ และการจ้างแรงงานคนซาอุฯ ทำคู่ขนานกันไปตาม Demand ของงาน ไม่ได้แย่งกัน เช่นเดียวกับที่ประเทศไทยใช้แรงงานต่างชาติ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าคนไทยมีงานทำที่นั่นทุกคน

>> ซาอุฯ มีประชากร 36 ล้านคน มีแรงงานต่างชาติอยู่ราว 14 ล้านคน ถ้าจ้างคนซาอุฯ แทนประชากรต่างชาติ เท่ากับพลเมืองครึ่งหนึ่งต้องมาทำงานแทน 

>> ตำแหน่งงาน 8 ล้านคน ที่ซาอุฯ ต้องการ ไม่ได้หมายถึงจ้างคนไทย 8 ล้านตำแหน่ง หากแต่รับทุกชาติ!!

สาวผู้ดีโวย!! ถูกขาหื่น ‘ลวนลาม’ ใน Metaverse ด้านโฆษก Meta ชี้!! มีฟังก์ชันบล็อกแต่ไม่ใช้เอง

หญิงชาวอังกฤษวัย 43 ปี ร้องเรียนว่าถูก Avatar (ตัวแทน/ตัวตนผู้คนในโลกดิจิทัล/อินเทอร์เน็ต/เสมือนจริง) ของชายกลุ่มหนึ่งคุกคามทางเพศในชุมชนโลกเสมือนจริง (Metaverse) ของ Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก โดยเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นประสบการณ์แย่ๆ ที่ทำให้จิตตกเลยทีเดียว

นีนา เจน พาเทล (Nina Jane Patel) ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองประธานของบริษัทวิจัยด้าน Metaverse แห่งหนึ่ง เล่าเอาไว้บนแพลตฟอร์ม Medium ว่า เมื่อต้นเดือน ม.ค. เธอถูก Avatar ของชาย 3-4 คนคุกคามทางเพศบน ‘Horizon Venues’ (พื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมใหญ่ๆ ในโลกเสมือนจริง) ทั้งด้วยการพูดจาแทะโลม และเข้ามาสัมผัสร่างกายอย่างไม่เหมาะสม

พาเทล ซึ่งแต่งงานมีลูกและอาศัยอยู่ที่กรุงลอนดอน ให้สัมภาษณ์กับ The Mail on Sunday ว่า แก๊ง Avatar หื่นกลุ่มนี้เริ่มแสดงท่าทีคุกคามหลังจากที่เธอเข้าไปในล็อบบี้ของ Horizon Venues ได้เพียง 1 นาที และมันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดทรมานถึงขั้นต้องถอดแว่น VR ทิ้ง

เธอยอมรับว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เธอเสียขวัญ และเริ่มมีอาการวิตกกังวล

โฆษกของ Meta ได้ส่งอีเมลชี้แจงกับ Business Insider ว่า “เรารู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น” และย้ำว่าทางบริษัท “ต้องการให้ผู้ใช้งาน Horizon Venues ทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ดี และสามารถเข้าถึงเครื่องมือด้านความปลอดภัยได้อย่างง่ายดายในสถานการณ์เช่นนี้ รวมถึงช่วยเราตรวจสอบและดำเนินการบางอย่าง”

โฆษก Meta ย้ำว่า ทางแพลตฟอร์มมีเครื่องมือสำหรับบล็อก, ปิดเสียง และรายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของบุคคลใกล้เคียงอยู่แล้ว แต่ พาเทล >> ไม่ได้ใช้มันเอง!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top