Saturday, 10 May 2025
NEWS FEED

ศบค. เผย สัดส่วนงบยูเซป ปันผู้ป่วยสีเขียวสูง 88% ทั้งที่ควรให้น้ำหนัก 'สีเหลือง - สีแดง' มากกว่า

ไทยติดเชื้อทะลุ 2.1 หมื่นราย ดับสูง 39 ราย กทม.เสริมเตียง CI อีก 900 เตียง ปรับลดราคารักษาต่อหัวทั้งรัฐ-เอกชน เผย ยูเซปอุ้มผู้ป่วยสีเขียวมากสุด ผุดมาตรการ School Isolation ให้เปิดเรียนได้แม้มีคนติดโควิด พบสถิติ ผู้สูงอายุยังไม่ฉีดวัคซีน อัตราตายสูง วอน เข้ารับการฉีด ปรับมาตรการ เดินทางเข้าไทย ให้เป็นเดย์ 0-PCR เดย์ 5-ATK นายกฯ ให้กำลังใจ คอลเซ็นเตอร์ หลัง โทรฯ ไปเองรู้รับศึกหนัก

เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. เป็นประธาน ว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21,232 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 20,904 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 20,839 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 65 ราย มาจากเรือนจำ 160 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 168 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,770,793 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 16,662 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,574,458 ราย อยู่ระหว่างรักษา 173,605 ราย อาการหนัก 882 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 229 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 39 ราย เป็นชาย 20 ราย หญิง 19 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 31 ราย มีโรคเรื้อรัง 3 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 22,730 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 427,884,735 ราย เสียชีวิตสะสม 5,923,005 ราย  

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ภาพรวมการครองเตียงในประเทศ มีการใช้เตียงสีเขียวไป 82,523 คิดเป็น 55.7% สีเหลือง ระดับ 1 ใช้ไป 4,882 เตียง คิดเป็น 20.1% สีเหลืองระดับ 2 ใช้ไป 676 เตียง คิดเป็น 12.1% สีแดง ใช้ไป 402 เตียง คิดเป็น 18.6% เราต้องเอาเตียงไว้ให้กับผู้ป่วยวิกฤติหนัก โดยให้คนที่อาการไม่หนักไปอยู่ CI และ HI สำหรับ CI ในกทม. ถือว่ามีความสำคัญ โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครรายงานต่อที่ประชุมว่า ขณะนี้ยังมี CI ในกทม. เหลือ 2,000 เตียง และจะมีการเปิดเพิ่มอีก 900 เตียง 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในที่ประชุมยังมีการรายงานการใช้จ่ายงบประมาณเกี่ยวกับโควิด-19 โดยในปี 63 กรมบัญชีกลางใช้งบไป 232.19 ล้านบาท ประกันสังคมใช้ไป 306.87 ล้านบาท หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ใช้ไป 3,302.09 ล้านบาท รวม 3,841.15 ล้านบาท ในปี 64 กรมบัญชีกลางใช้ไป 36,652.97 ล้านบาท ประกันสังคมใช้ไป 42,917.39 ล้านบาท หลักประกันสุขภาพแห่งชาติใช้ไป 51,177.58 ล้านบาท รวม 97,747.94 ล้านบาท ขณะที่ปี 65 ในส่วนของหลักประกันสุขภาพมีการวางงบไว้ 32,488 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการของบเพิ่มเติม สำหรับค่าเฉลี่ยการจ่ายค่ารักษาโควิด-19 แบ่งตามอาการ ในปี 65 จะมีการปรับราคาลง จากเดิมผู้ป่วยสีเขียวมีประมาณค่าใช้จ่ายต่อรายในโรงพยาบาลรัฐอยู่ที่ 23,248 บาท เอกชน 50,236 บาท จะเสนอปรับลดให้เหลือ 12,000 บาท สีเหลือง โรงพยาบาลของรัฐ 81,844 บาท เอกชน 92,752 บาท เสนอปรับให้เหลือ 69,300 บาท สีแดง โรงพยาบาลรัฐ 252,182 บาท เอกชน 375,428 บาท จะปรับให้เหลือ 214,400 บาท 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า หากไปดูสัดส่วนเงินที่ใช้สำหรับยูเซปโควิด-19 แยกเป็นรายสี พบว่าใช้ในส่วนของผู้ป่วยสีเขียว 88% สีเหลือง 11% สีแดง 1% ข้อเท็จจริงในส่วนของยูเซปนี้ควรให้น้ำหนักสีเหลือง สีแดง มากกว่าสีเขียว โดยผอ.ศบค. แจ้งว่าเราจะยังใช้เกณฑ์เดิมอยู่ หากจะมีการปรับ ขอให้ปรับในเกณฑ์ที่ประชาชนไม่เดือดร้อน ซึ่งเลขาธิการ สปสช. กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อพัฒนาระบบอยู่ 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังมีการรายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในเด็กอายุ 0-19 ปี ว่ามีผู้ติดเชื้อ 21.9% และผู้ป่วยหนักก็มีน้อย ส่วนการปิดโรงเรียนในช่วงที่ผ่านมาพบว่า โรงเรียนที่มีผู้ติดเชื้อ 1 คนขึ้นไป มีการปิดโรงเรียนไปถึง 27.8% โรงเรียนที่มีการติดเชื้อมากกว่า 1 ห้อง ปิดเรียนถึง 55.7% โรงเรียนที่มีผู้ติดเชื้อในโรงเรียนใกล้เคียง มีการปิดโรงเรียนไปถึง 9% ถือว่าไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ จึงมีการเสนอมาตรการ “เปิดเรียนออนไซต์อยู่ได้กับโควิด-19” โดยกรณีนักเรียนมีความเสี่ยงและติดเชื้อในสถานศึกษา สำหรับของโรงเรียนประจำนั้น กรณีที่นักเรียน ครู และบุคลากรเป็นผู้เสี่ยงต่ำให้เรียนออนไซต์ปกติ สังเกตอาการและประเมินความเสี่ยง กรณีนักเรียน ครู และบุคลากรเป็นผู้เสี่ยงสูง ให้จัดการเรียนการสอนใน Quarantine Zone จัดการตรวจคัดกรองหาเชื้อ และหากนักเรียน ครู และบุคลากรเป็นผู้ติดเชื้อให้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขจัดทำ School Isolation และให้จัดการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม กำกับติดตามมาตรการส่วนบุคคลขั้นสูงสุด 

'ดร.สมเกียรติ' เผยผลกระทบหากรับ 'โรฮีนจา' เข้าไทย เตือนความขัดแย้งลึกมาก คนไทยอย่าไปยุ่ง!! 

'ดร.สมเกียรติ' เปิดห้องเรียนเสนาธิการทางเฟส ชี้ผลกระทบ หากรับ 'โรฮีนจา' เข้าไทยทางเรือ เตือนความขัดแย้งระหว่างชาวเมียนมากับโรฮีนจาลึกมาก คนไทยไม่เข้าใจอย่าไปยุ่งกับเขา

23 ก.พ. 65 ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว มีเนื้อหาดังนี้…

โรฮีนจา ห้ามยุ่งเด็ดขาด
เอกสารยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศไทย เปิดห้องเรียนเสนาธิการทางเฟสซะเลย
============================
หากรับโรฮีนจาเข้าไทยทางเรือ

>> หนึ่ง ชาวบังกลาเทศจะอพยพตามมาด้วย ทุกลำเรือที่ขนโรฮีนจาจะมีบังกลาเทศในเรือ 60% โรฮีนจามีล้านคน อยู่ในค่ายบังกลาเทศอีกสามแสนคน

ประชากรบังกลาเทศมีร้อยกว่าล้าน เจ้าหน้าที่ไทยแยกไม่ถูกหรอก ระหว่างคนสองชาตินี้ ภาษาคล้ายกันมาก หน้าตาเหมือนกัน

เมือง Cox Basar ของบังกลาเทศ คือ ท่าเรือที่ใช้อพยพ ที่ตั้ง UNHCR มีลำคลองแยกเป็นเส้นลายมือเชื่อมโยงสู่แม่น้ำที่มาระนองมากมาย อพยพบังกลาเทศมาได้เรื่อยๆ ทางน้ำ

จะเกิดการอพยพจากเอเชียใต้เข้าไทยครั้งใหญ่ นึกภาพดูแล้วกัน จะว่ามีผลกระทบอย่างไรต่อไทย ประเทศของคุณ
============================
>> สอง เมื่อมีการอพยพเข้ามา จะมี NGO ของทั้งโลกตะวันตกและโลกมุสลิมเข้ามาในไทย

สี่ปีมานี้ ประเทศทั่วโลกร่วมร้อยประเทศ ออกกฎหมายห้าม หรือควบคุมเข้มงวดงาน NGO จากต่างประเทศ เพราะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ประเทศย่านเอเชียก็เช่นกัน รัสเซีย จีน สิงคโปร์ พม่า ทั้งหมดแหละ องค์กรเหล่านี้หาที่ตั้งไม่ได้ ก็จะมาไทย เอาไม่อยู่ดอก ยิ่งมายิ่งยุ่ง ศักยภาพในการสร้างสถานการณ์โยงโลกเก่งมาก หยุดพวกเขาเสีย อินเดียสั่งห้าม 20,000 องค์กร ด่ารัฐบาลเลยหากช้า

ฝั่งองค์กรจากโลก มุสลิม ประเทศใหญ่คือ ซาอุฯ ตุรกี อิหร่านขัดแย้งกัน มีสายที่นิยมสู้รบในทุกสาย
โรฮิงยาก็มีรบกับตำรวจ ทหารพม่า จะมารบกันในไทยนี่แหละ ดูตะวันออกกลางไว้ ไทยเพิ่งแก้ปัญหา NGO ตุรกีเรียบร้อย

NGO ตะวันตกไม่ต้องพูด ดูตะวันออกกลาง ดูที่ทำในไทย อันตราย เอาให้อยู่
============================
>> สาม เรือที่จะขนเข้ามาหาไทยมีร่วม 50,000 ลำ หลายชาติ บรรทุกได้ลำละหลักร้อยถึงพันคน เป็นอาชีพที่ทำรายได้มากกว่าการประมง จะเกิดการค้ามนุษย์ขนาดใหญ่ และไม่หยุด

มีอิทธิพลเงิน อาวุธ การสื่อสาร ความเร็วเรือเพิ่ม ต้องเพิ่มทหารไทยทั้งทางน้ำ ทางบก ทางอากาศ ตำรวจ พลเรือน

ภาคใต้จะถูกยึดในสองปี จะส่งกลับ ส่งไป ไม่มีใครรับหรอก
============================
>> สี่ ลองประมาณค่าใช้จ่ายดู สร้างงานให้คนไทยหนึ่งคนใช้เงินราวสองล้าน ความต้องการสาธารณูปโภค โรงเรียน โรงพยาบาล หมอ ยา ไม่มีใครมาช่วยเราหรอก
============================
>> ห้า ตะวันตกจะมาใช้ไทยเป็นฐานโจมตีพม่า ทั้งด้านข่าวสาร ส่งกองกำลัง คน ส่งอาวุธ พม่าจะกลายเป็นสมรภูมิ

พม่าจะรบกับไทย ตัดแก๊ส แรงงานต่างชาติก็มี ฝึกทหารมาทั้งนั้น

ทหารพม่ามีชื่อเสียงทางทหารราบภูเขาที่ดีที่สุดของโลก คนตีนเขาหิมาลัย
สร้างมิตรดีกว่า
============================
>> หก ตะวันตกมีแผนยึดพม่าในฐานะจุดยุทธศาสตร์ เส้นทางส่งแก๊ส น้ำมัน เข้าจีนทางรัฐยะไข่ ส่งไปยูนนาน เสฉวน ฐานขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของจีน ต้องการสร้างฐานไซเบอร์

จีนจะรีบลงมาจากเหนือ

อินเดียก็จะมา อินเดียประกาศว่าโรฮิงยาเป็นภัยต่อความมั่นคงของอินเดีย

บังกลาเทศจะกลายเป็นฐานโจมตีพม่า

UNHCR ที่บังกลาเทศจะกลายเป็นฐานใหญ่ ของตะวันตก

เส้นทางทางน้ำจากยะไข่ ลงมาระนอง พังงา ทัพเรือที่สามของไทย อันดามัน จนถึงมาเลเซีย ช่องแคบมะละกา อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย จะกลายเป็นเส้นทางสงครามทางเรือ

เรือดำน้ำแถวอันดามันมา แอบอยู่ที่เกาะแถวพม่าเขตพม่ามาร่วมสิบปี

เรือดำน้ำ จากฝั่งกัมพูชามาหมด เวียดนาม อินโดฯ มาเลฯ สิงคโปร์ จีน อเมริกา ออสเตรเลียมาหมด ไทยคงต้องเกณฑ์เรือด่วนเจ้าพระยา ติดบั้งไฟไปสู้

ดูหนัง Killer Hunter แล้วยังครับ ยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ ท่อแก๊ส คลังน้ำมัน เคเบิล ฐานเจาะแก๊ส เรือสินค้าหมูมาก

แต่ไทยจะมีพญานาคจากแม่น้ำโขงมาช่วยได้ ครุฑก็มีนะ

อย่ายุ่งกับพม่าครับ

"แรมรุ้ง" รองปลัดกระทรวง พม. เปิดใจรับฟังผู้นำคนพิการ และกรมสุขภาพจิต

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 "นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ" รองปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมคณะกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้โอกาส "อ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์" ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยนำคณะ "กรมสุขภาพจิต" โดย ”หมอจ๋า” คุณมธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา และทีมผู้บริหารที่ดูแลงานด้านสุขภาพจิต เข้าพบเพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดวางแนวทางการทำงานอย่างบูรณาการร่วมกัน ทั้งระบบสังคม / ระบบสุขภาพจิต / ระบบเครือข่ายคนพิการ ผู้ดูแลคนพิการ และชุมชนเครือข่ายสถาบันและโรงพยาบาลที่จัดบริการด้านสุขภาพจิต 20 แห่ง พร้อมสนับสนุนการทำงานร่วมกันแนวคิดสำคัญ คือ การร่วมมือทำงานภายใต้กฎหมายสุขภาพจิต กฎหมายคนพิการ เพื่อขับเคลื่อนแผนงาน Long Term Care สำหรับกลุ่มเปราะบาง 

โดยในส่วนคนพิการ อาจจัดทำชุด #Mental Health and Psycho-Social Support Package ทั้งระบบ และการเตรียมความพร้อมบุคลากรในเครือข่ายที่จัดบริการกลุ่มเปราะบางให้สามารถจัดบริการตามมาตรฐาน การรวมพลังทีมสหวิชาชีพ การประสานส่งต่อ เชื่อมต่อ(Transition) การทำงานร่วมกับครอบครัว ชุมชน ตามแนวCommunity Base โดยอาจสนับสนุนให้มี Comunity Service Center สำหรับกลุ่มออทิสติก พัฒนาการและจิตเวชในชุมชน โดยสถานพยาบาลระดับทุติยภูมิที่มีความเชี่ยวชาญมาเสริมหนุน และพัฒนาให้เป็น “ศูนย์บริการคนพิการเฉพาะทางด้านPsycho-Social รวมทั้งการสานต่อการทำงานระหว่าง กองทุนหลักประกันสุขภาพ / กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพขีวิตคนพิการ และกองทุนท้องถิ่น

ทั้งนี้ อ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์ ได้นำเสนอแนวคิดในการนำ มาตรา 20 วรรค 3 แห่ง พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ 2550 มาปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมเพื่อสนับสนุน การจัดศูนย์บริการคนพิการเฉพาะทาง โดยจัดทำระเบียบการสนับสนุนคนพิการที่ไม่มีผู้ดูแล ให้ได้รับสิทธิด้านสวัสดิการที่อยู่อาศัยและการเลี้ยงดู รวมถึงระเบียบการอุดหนุนสถานสงเคราะห์เอกชนจัดที่อยู่อาศัยและสวัสดิการ เพื่อรองรับระบบซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ และพร้อมเชื่อมองค์กรและภาคีเครือข่ายผู้ปกครอง และคนพิการที่สนใจร่วมดำเนิน

‘สวนนงนุชพัทยา’ ประกอบพิธีเปลี่ยน “ธงมนตรา” 9 ผืน จาก ประเทศภูฏานพร้อมขยายเวลา โปรโมชั่น ซื้อ 1 ฟรี 1 ตลอด เดือนมีนาคม!!

วันที่ 23 ก.พ. เวลา 09.00 น. นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา พร้อมด้วย นายคินซัง ดอร์จิ ( H.E. Mr. Kinzang Dorji ) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏาน ประจำประเทศไทย รวมทั้งผู้บริหารสวนนงนุชพัทยา ได้ร่วมกันประกอบพิธีเปลี่ยน “ธงมนตรา” จาก ประเทศภูฏาน จำนวน 9 ผืน สัญลักษณ์ตัวแทนแห่งความโชคดี   เพื่อความเป็นสิริมงคลในการนี้ ได้นิมนต์  พระครูเกษมกิตติโสภณ (อาจารย์จ่อย) เจ้าอาวาสวัดสามัคคีบรรพต  มาประกอบพิธีเจิมธงมนตรา สวดชัยมงคลคาถา เพื่อแสดงถึงความสำเร็จ ชัยชนะ และความเป็นสิริมงคล

นายกัมพล กล่าวว่า อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณ นายคินซัง ดอร์จิ เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏาน ประจำประเทศไทย ที่มอบธงมนตรา ทั้ง 9 ผืนให้สวนนงนุชพัทยาได้ทำการเปลี่ยนธงมนตราตามอายุการใช้งาน สำหรับธงมนตรา ของประเทศภูฎาน ถือเป็นธงแห่งโชคลาภ โบกสะบัดปัดสิ่งที่ดีให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในสวนนงนุชพัทยา ในการดีวันนี้ สวนนงนุชพัทยา ยังคงต่อโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ1 แถม ออกไปอีก ตลอดทั้งเดือน มีนาคม 2565 เช่นกัน ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกในการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคัก

 

‘ผู้ว่าฯ กทม.’ เตรียมสถานที่พร้อมรับผู้ป่วยสีแดง ยัน ไม่มีภาพผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา

‘ผู้ว่าฯ กทม.’ เผย เตรียมสถานที่-เตียง พร้อมรับผู้ป่วยสีแดง ยัน ไม่มีภาพผู้ป่วยรอเตียง - ไม่ได้รักษา วอน ผู้ป่วยสีเขียวรักษาตัวที่บ้าน 

เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 23 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมการเตรียมสถานที่รองรับผู้ติดเชื้อในกทม. หลังมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น ว่า ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา จำนวนเฉลี่ยผู้ติดเชื้อในกทม. อยู่ที่ประมาณ 3,000 คน โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย สั่งการตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาให้เพิ่มศูนย์รองรับ ขณะนี้สมมติว่าศูนย์พักคอยที่มี 100 เปอร์เซ็นต์ ใช้ไปประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 40 เปอร์เซ็นต์ จึงให้ไปเพิ่มเพื่อรองรับให้ได้อีก 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อทดแทนส่วนที่ใช้ไป ยืนยันว่าศูนย์พักคอยมีพอแน่นอน ในส่วนของโรงพยาบาล เตียงค่อนข้างเหลือน้อย แต่ยังไม่น่าหนักใจเนื่องจากเป็นผู้ป่วยสีเขียวจำนวนมาก มีอาการไม่รุนแรง เราก็ต้องตรวจตลอดเพื่อความไม่ประมาท

สมุทรปราการ-ระบาดหนัก!! “ดร.ยงยุทธ” สส.พลังประชารัฐ จับมือ “นายก อรัญญา ”นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา เปิดศูนย์พักคอยรับมือ โอมิครอน!!

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน ยังคงมีแนวโน้มผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ทำให้หลายพื้นที่ได้ดำเนินการเปิดศูนย์พักคอยเพื่อเตรียมรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 

โดยในเขตพื้นที่ตำบลแพรกษา ภายใต้การอำนวยการของ นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ตลอดจนผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 จึงได้ดำเนินการเปิดศูนย์พักคอยของทางเทศบาลตำบลแพรกษา (COMMUNITY ISOLATION) เพื่อเตรียมพร้อมรองรับผู้ป่วยในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลแพรกษา

โดยในวันนี้ ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สส.สมุทรปราการ พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นำคณะผู้บริหาร นำโดย นายมาชัย ไพศาลธนสมบัติ ปลัดเทศบาลตำบลแพรกษา นางนางมัทรียา เอี่ยมพินิจ เลขานุการนายกเทศมนตรี คณะสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา ร่วมเปิด ศูนย์พักคอยรอการส่งต่อผู้ป่วยโควิด-19 ณ ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาคุณภาพการศึกษาเด็กปฐมวัย ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

โดยศูนย์พักคอยแห่งนี้ เปิดเป็นศูนย์พักคอยรองรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 รับเฉพาะผู้ป่วยสีเขียวเพื่อเฝ้าสังเกตุอาการและเตรียมส่งต่อไปยัง รพ.หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น โดยเป็นอาคาร 2 ชั้น มีห้องน้ำด้านในตัวอาคารและมีความพร้อมในการรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 และมีเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้จำนวน 20 เตียง พร้อมด้วยเครื่องตรวจวัดอุณภูมิ/เครื่องตรวจวัดชีพจร/เครื่องตรวจวัดออกซิเจนในเลือด และอุปกรณ์ต่างๆ ในการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19

อีกทั้ง ในส่วนของการดูแลควบคุมผู้ติดเชื้อนั้น ทางเทศบาลตำบลแพรกษา ได้ดำเนินการให้ทางเจ้าหน้าที่เป็นผู้ควบคุมดูแล ตลอดทั้ง 24 ชม.พร้อมด้วยรถพยาบาลในการนำส่งผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเพื่อส่งต่อผู้ป่วยไปยัง รพ. อีกด้วย

‘กรมบัญชีกลาง’ แจงไม่มีปรับลดหรือยกเลิกบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

นางสาววารี แว่นแก้ว รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่มีการแชร์ข้อความในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับการยกเลิกบำนาญ การลดเงินบำนาญ การเพิ่มเงินบำนาญ และการรื้อระบบบำนาญ เป็นต้น ซึ่งข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง ก่อให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องและตื่นตระหนก

“กรมบัญชีกลางในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลเกี่ยวกับเงินบำเหน็จ บำนาญข้าราชการ ขอชี้แจงว่า ปัจจุบันกรมบัญชีกลางยังไม่ได้รับนโยบายให้ลดหรือเพิ่ม รวมทั้งยกเลิกการจ่ายเงินบำนาญให้แก่ข้าราชการบำนาญ อีกทั้ง พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้นิยามคำว่าบำนาญ หมายถึง เงินตอบแทนความชอบที่ได้รับราชการมาซึ่งจ่ายเป็นรายเดือน กล่าวคือ มีเจตนารมณ์ที่จะตอบแทนการเสียสละปฏิบัติงานให้กับประเทศมาด้วยดีเป็นระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น จึงขอเตือนให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่าหลงเชื่อข้อความดังกล่าว ทั้งนี้ ขอให้ติดตามข่าวสารจากช่องทางต่างๆ ของกรมบัญชีกลางเท่านั้น หรือสอบถามได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง 02 270 6400” โฆษกกรมบัญชีกลางกล่าว


ที่มา : https://www.posttoday.com/finance-stock/news/676375

WHO พบ BA.2 ไม่ก่ออาการรุนแรงมากกว่า แม้จะแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าโอมิครอนตัวดั้งเดิม

องค์การอนามัยโลกระบุในวันอังคาร (22 ก.พ.) สายพันธุ์ BA.2 ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ไม่ก่ออาการรุนแรงมากไปกว่าตัวกลายพันธุ์โอมิครอนดั้งเดิม หรือ BA.1

มาเรีย ฟาน เคิร์คโฮฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวในช่วงถามตอบทางออนไลน์ ระบุว่า จากตัวอย่างของผู้ติดเชื้อจากหลายประเทศ "เราไม่พบเห็นความแตกต่างในความรุนแรงของ BA.1 เมื่อเปรียบเทียบกับ BA.2"

"มันมีระดับความรุนแรงพอๆ กันในความสัมพันธ์กับความเสี่ยงเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และนี่ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะในหลายประเทศมีพวกมันวนเวียนอยู่จำนวนมากมายมหาศาล ทั้ง BA.1 และ BA.2" เธอกล่าว

'อานนท์-เพนกวิน' ลุ้นศาลอื่นต่อ หลังศาลอาญาให้ประกัน เงื่อนไข 'ติดอีเอ็ม - ห้ามออกนอกบ้าน 3 ทุ่มยัน 6 โมงเช้า'

ศาลอาญาให้ประกัน ‘อานนท์-เพนกวิน’ ทุกคดี เงื่อนไขติดอีเอ็ม ห้ามชุมนุมกระทบสถาบัน ห้ามออกนอกบ้าน 3 ทุ่มยัน 6 โมงเช้า ลุ้นต่อคำสั่งประกันตัวของศาลอื่น

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (22 ก.พ.) นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว 2 แกนนำกลุ่มราษฎร นายอานนท์ นำภา ทั้งหมดรวม 9 คดี และ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ทั้งหมดรวม 8 คดี โดยมีเงื่อนไข ให้จำเลยทั้ง 2 คน ติดกำไลอีเอ็ม ห้ามออกจากเคหสถานตั้งแต่เวลา 21.00 - 06.00 น. ห้ามทำกิจกรรมกระทบสถาบัน ห้ามเข้าร่วมชุมนุมที่ก่อความวุ่นวาย ห้ามเดินทางออกประเทศ

กรมการกงสุล ออกประกาศเตือนคนไทย หลีกเลี่ยงเดินทางไปยูเครน แนะตามข่าวใกล้ชิด

กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศได้ออกประกาศลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 ระบุว่า ตามที่กรมการกงสุลได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 แจ้งเตือนคนไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียด บริเวณชายแดนยูเครน โดยขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยูเครน หากไม่จำเป็นในระยะนี้ นั้น

เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ดังกล่าวได้พัฒนาความตึงเครียดในเมืองโดเนตสค์ (Donetsk) และเมืองลูฮันสค์ (Luhansk) มากขึ้นตามลำดับ “กรมการกงสุลจึงขอประกาศแจ้งเตือนขอให้คนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าพื้นที่ดังกล่าว และขอให้ผู้ที่พำนักอาศัยในยูเครน ติดตามสถานการณ์ และข่าวสารอย่างใกล้ชิด”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top