Monday, 12 May 2025
ECONBIZ

GRAMMY จับมือ RS ตั้งบริษัทร่วมทุน ลุยธุรกิจคอนเสิร์ต รวมศิลปิน 2 ค่ายเพลงต่างขั้ว

เปิดภาพประวัติศาสตร์วงการเพลงไทย 'GRAMMY x RS' จัดตั้ง JV เพื่อการจัดคอนเสิร์ต GRAMMY RS โดยเฉพาะ พร้อมสนับสนุนทุกด้านของการทำงาน พร้อมตั้งเป้า 3 คอนเสิร์ตใหญ่ รายได้อย่างต่ำ 220 ล้านบาท ขึ้นไป

(28 มี.ค. 66) ถือเป็นฤกษ์อันมงคล พร้อมสิ้นสุดการรอคอยก็ว่าได้ เมื่อ จีเอ็มเอ็มมิวสิคอาร์เอสมิวสิค สร้างปรากฏการณ์ระดับประเทศ ภายใต้ความร่วมมือในการจัดตั้งกิจการร่วมค้าอะครอสเดอะยูนิเวิร์ส (ACROSS THE UNIVERSE JOINT VENTURE) พร้อมร่วมจัด “ซีรีส์คอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์(SERIES CONCERT)รวมศิลปินตั้งแต่ยุค 90 และยุค 2000 ของทั้ง 2 ค่ายมารวมตัวกันอย่างอัดเเน่น พร้อมแถลงข่าวปรากฏการณ์รวมตัวครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์วงการเพลงไทย

ศิลปินในงาน Grammy RS Concerts ไม่ว่าจะเป็น เจ เจตริน, ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง, คริสติน่า อากีล่าร์, แร็พเตอร์, ใหม่ เจริญปุระ, โดม ปกรณ์ ลัม, มอส ปฏิภาณ, ลิฟท์-ออย, ทาทา ยัง, เต๋า สมชาย, นิโคล เทริโอ, เจมส์ เรืองศักดิ์, มาช่า วัฒนพานิช, นุ๊ก สุทธิดา, นัท มีเรีย, เกิร์ลลี่ เบอร์รี่, ซาซ่า, โฟร์ ศกลรัตน์, กอล์ฟ พิชญะ, หวาย, 2002 ราตรี

ไชน่าดอลส์, แคทรียา อิงลิช, เนโกะจัมพ์, ญาญ่าญิ๋ง, เฟย์ ฟาง แก้ว, เป๊ก ผลิตโชค, แดน-บีม, ลิเดีย ศรัณย์รัชต์, ชิน ชินวุฒ, บาซู, ไอซ์ ศรัณยู, ดัง พันกร, แบงค์ ปรีติ, ปาน ธนพร, หนุ่ม กะลา, แหม่ม พัชริดา, โบ สุนิตา, ฟลุ๊ค ไอน้ำ, อ๊อฟ ปองศักดิ์, ศรราม, จั๊ก ชวิน, นิว-จิ๋ว, โจ๊ก โซคูล, อู๋ ธรรพ์ณธร, แอม เสาวลักษณ์, หญิงลี, ไท ธนาวุฒิ, ปีเตอร์ คอร์ป, อี๊ด ฟลาย, ป๊อป ปองกูล, อนัน อันวา และศิลปินอีกมากมาย

การร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นการผสานจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัท ร่วมลงทุน ร่วมลงความเชี่ยวชาญ เพื่อส่งมอบความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้คนไทย ซึ่งเป็นโปรเจกต์ยักษ์ต่อเนื่องแบบ 3 ปี โดยจะมีการกำหนดหน้าหนังการแสดงเป็นปีต่อปี โดยปีนี้ จะมีการจัด 3 คอนเสิร์ตที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในเดือนกรกฎาคม กันยายน และตุลาคมตามลำดับ

นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จะใช้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อทำให้คอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นที่น่าจดจำ และเป็นกรณีศึกษาที่เป็นประโยชน์อย่างไม่ลืมเลือน และขอขอบคุณทีมงานอาร์เอสมิวสิคทุกท่าน ที่ร่วมกันผลักดัน และสร้างปรากฎการณ์ระดับประเทศในครั้งนี้ให้เกิดขึ้น

ด้านนายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ในฐานะกรรมการ กิจการร่วมค้าอะครอสเดอะยูนิเวิร์ส ซึ่งเป็นผู้ดูแลโปรเจกต์นี้ของทาง อาร์เอส กรุ๊ป กล่าวว่า อาร์เอส และ แกรมมี่ เป็นเพื่อนร่วมสร้างอุตสาหกรรมเพลงของไทยมาด้วยกัน

ปตท.กางแผนลงทุน 5 ปี 4 แสนล้านบาท ลุ้น!! เจรจา 5 ดีลธุรกิจใหม่ เน้นร่วมทุนในปีนี้

กลุ่ม ปตท.ได้ปรับเปลี่ยนบทบาททางธุรกิจสำคัญจากบริษัทน้ำมันและก๊าซไปสู่ธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ โดยที่ผ่านมามีทั้งการลงทุนเอง การเข้าซื้อกิจการและการร่วมลงทุน และในปี 2566 กลุ่ม ปตท.ยังคงเดินหน้าการลงทุนในธุรกิจใหม่ต่อเนื่อง

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ปตท.อยู่ระหว่างเจรจาธุรกิจกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสความร่วมมือด้านการลงทุนจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่พลังงานแห่งอนาคตที่เป็นเป้าหมายดำเนินงานของ ปตท. โดยคาดว่าในปีนี้จะทำสัญญาร่วมลงทุนแล้วเสร็จไม่ต่ำกว่า 5 โครงการ ขณะเดียวกันในปี 2566 ปตท.ยังมีแผนลงทุนต่อเนื่องในวงเงินประมาณ 33,344 ล้านบาท

“ดีลที่เรากำลังเจรจาอยู่ก็มีทั้งในและต่างประเทศ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นต่างประเทศที่กำลังคุยอยู่ โดยมีหลายรูปแบบทั้งเข้าไปซื้อหุ้น การควบรวมและการซื้อกิจการ (M&A) และ Joint Venture หรืออาจจะเป็นความร่วมมือในรูปแบบที่ไม่ต้องใช้งบประมาณ ซึ่งจะปิดดีลปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5 ดีล ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจใหม่ที่เรากำลังสนใจทำ” นายอรรถพล กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ปตท.ได้ลงทุนในธุรกิจใหม่และมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็น 4 ธุรกิจ ประกอบด้วย

1.Mobility& Lifestyle ซึ่งเป็นการสร้างการขนส่งแบบไร้รอยต่อและเป็นการปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของ ปตท.จากธุรกิจน้ำมันและแก๊สไปสู่ธุรกิจ Energy Solution ประกอบด้วย

- การตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท Phnom Penh Aviation Fuel Service จำกัด โดยบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เพื่อบริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ณ สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญ

- Otteri โดยบริษัทลูกของ OR เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน ของบริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจจำหน่ายเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าแบบอุตสาหกรรม รวมถึงประกอบกิจการร้านสะดวกซักภายใต้แบรนด์ Otteri เงินลงทุนขั้นต้น 1,105 ล้านบาท

- ดุสิตฟู้ด โดยบริษัทย่อยของ OR ลงทุนถือหุ้นสัดส่วน 25% ในดุสิตฟู้ดส์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจอาหาร ด้วยการผสานจุดแข็งของกลุ่มดุสิตธานีที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจอาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำถึงปลายน้ำ

- การตั้งบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มบุญรอด โดยบริษัทย่อยของ OR เข้าไปถือหุ้นร่วมกับบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ในสัดส่วนฝ่ายละ 50% เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสำเร็จรูปพร้อมบริโภค (RTD)

- Traveloka โดย OR เข้าลงทุนใน Traveloka แพลตฟอร์มออนไลน์ด้านการจองบริการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

- Café Amazon โดย OR เข้าไปเปิดสาขาแรกในซาอุดีอาระเบีย สาขา InterHealth Hospital หรือ IHH ที่กรุงริยาด โดยได้ประเมินศักยภาพตลาดค้าปลีกในซาอุดีอาระเบีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดร้านกาแฟพรีเมียม

รวมทั้งมีการร่วมลงทุนในสตาร์ทอัป ประกอบด้วย Pomelo แพลตฟอร์มและแบรนด์ Fast Fasion , GoWabi แพลตฟอร์มบริการความงามและสุขภาพ , Freshket แพลตฟอร์มจำหน่ายวัตถุดิบอาหารครบวงจร , Carsome แพลตฟอร์มซื้อขายรถยนต์มือ 2 ออนไลน์

Protomate ผู้นำฮาร์ดแวร์และ AI สัญชาติไทย , Hangry สตาร์ทอัปด้านอาหาร พัฒนา Clound Kitchen

>>ต่อยอดไฮแวลู-โลจิสติกส์

2.High Value Business โดยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำ กัด (มหาชน) หรือ GC ได้เพิ่มสัดส่วนถือหุ้น Vencorex เป็น 100% ซึ่งจะเป็นการต่อยอดการสร้าง Synergy ร่วมกับ Allnex หลังจากที่บริษัทย่อยของ GC เข้าไปซื้อหุ้นของ Allnex รวมมูลค่า 148,000 ล้านบาท ซึ่งผลิต Coating Resins และสาร Additives ที่ใช้ในงานสถาปัตยกรรมอุตสาหกรรม

3.Logistic & Infrastructure ได้มีการตั้งบริษัท Global Multimodal Logistics (GML) เชื่อมเครือข่ายขนส่งในประเทศและระหว่างประเทศ โดย GML ร่วมมือกับกลุ่มมิตรผล ขนส่งน้ำตาลทรายทางระบบราง 10,000 ตู้ จากขอนแก่นไปชลบุรี 

รวมทั้งมีการศึกษากับองค์การคลังสินค้า (อคส.) พัฒนาธุรกิจห้องเย็นสำหรับสินค้าเกษตร เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าไปตลาดต่างประเทศ ร่วมกับผู้ประกอบการคลังห้องเย็นให้บริการแช่แข็งและจัดส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ นำร่องโดยทุเรียนแช่แข็งเพื่อรองรับนโยบายระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC)

นอกจากนี้ OR ได้ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และ JR Freight ทดสอบส่ง LNG ด้วยถัง ISO Container Tank รวมทั้งมีการขนส่งเม็ดพลาสติกทางรถไฟเส้นทางไทย-ลาว-จีน เที่ยวปฐมฤกษ์ จำนวน 25 ตู้ น้ำหนัก 620 ตัน

>>เร่งแผนธุรกิจ‘เอไอ-หุ่นยนต์’

4.AI,Robotics & Digitization ได้ตั้ง T-ECOSYS พัฒนา Industrial Digital Platform , ตั้ง P-DICTOR ดำเนินธุรกิจ AI หุ่นยนต์ ดิจิทัล 

รวมทั้งปรับโครงสร้างการถือหุ้นและเพิ่มทุน Mekha Tech และเปลี่ยนชื่อเป็น Mekha V เพื่อเป็นเรือธงในธุรกิจ AI&Robotics

นอกจากนี้ ร่วมกับธนาคารกรุงไทย ทดสอบระบบ National Corporate Identification (NCID) อละได้ร่วมกับ Kongsberg Ferrotech พัฒนา Nautilus เทคโนโลยีหุ่นยนต์สำรวจและซ่อมบำรุงท่อปิโตรเลียมใต้ทะเลแบบครบวงจรครั้งแรกของโลก

รวมทั้งได้ลงนามกับ HMC Polymers เพื่อใช้เทคโนโลยี UAV และ Digital Platform เพื่อตรวจสอบ Flare และ Confined Space ในการผลิตเม็ดพลาสติก และร่วมมือกับ ปตท.พัฒนาเทคโนโลยีประเมิน Carbon stock สำหรับภาคป่าไม้ และลงนามกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ บริการเครื่องมือคัดกรองสุขภาพและเก็บรวบรวมในรูปแบบดิจิทัล

>> ลุยแผนลงทุน 5 ปี 4 แสนล้านบาท

ส่วนแผนลงทุนระยะ 5 ปี (2566-2570) ปตท.คาดการณ์ใช้งบภายใต้วงเงินรวม 4 แสนล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินลงทุนในโครงการที่มีความชัดเจนและได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ (บอร์ด) ปตท.แล้ว 100,227 ล้านบาท แบ่งเป็น 

1.การลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 36,322 ล้านบาท 
2.การลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% มูลค่า 32,773 ล้านบาท 
3.การลงทุนในธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ 18,988 ล้านบาท 
4.การลงทุนในธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานและสำนักงานใหญ่ 8,828 ล้านบาท 
5.การลงทุนธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและปิโตรเลียมขั้นปลาย 3,316 ล้านบาท

สำหรับการลงทุนที่มีความชัดเจนแล้ว จะมีโครงการหลัก อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7, โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 8, โครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้, โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5, ลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า, ขยายธุรกิจของกลุ่ม บริษัท Innobic (Asia), พัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 และการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3

ขณะที่โครงการลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ปตท.ประเมินงบลงทุนอยู่ที่ 302,168 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นลงทุนโครงการตามวิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond

‘แมคไทย’ ปลื้ม!! ยอดขายพุ่งทะลุเป้า เชื่อ!! ผลพวงจากการเปิดประเทศรับ นทท.

(28 มี.ค.66) นางสาวกิตติวรรณ อนุเวชสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการในปี 2565 ที่ผ่านมานั้นเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ของปี มียอดขายสร้างรายได้ต่อเดือนสูงเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่า 10 ปีที่ผ่านมาในช่วงเดียวกันนี้ นับเป็นการสร้างปรากฏการณ์การเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยผลการดำเนินงานเติบโตกว่าปีก่อน 276% หรือมีผลกำไรมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท

ทั้งนี้ มาจากปัจจัยของสถานการณ์โควิดที่คลี่คลาย รวมไปถึงการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามายังประเทศ จึงเป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจอาหารมีทิศทางที่เติบโตตาม โดยเฉพาะร้านสาขาในโซนท่องเที่ยวและสนามบิน บวกกับได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องเข้าถึงคนไทย และรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีกำลังซื้อกลับมา ไม่ว่าจะเป็นจากการให้บริการหน้าร้านและดิลิเวอรี

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2566 - 2567 ที่กำลังดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทจะดำเนินการขยายสาขาใหม่ และรีโนเวทร้านสาขาเดิม ภายใต้คอนเซ็ปต์ Alphabet ที่เน้นความยั่งยืน เรียบง่าย อบอุ่น และทันสมัย เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย เข้าถึงแบรนด์ได้มากขึ้น พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนยุคใหม่ ด้วยงบประมาณการลงทุนมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 20 - 24 มี.ค.66 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ พร้อมแนวโน้ม 27 - 31 มี.ค.66

ราคาน้ำมันดิบในตลาดซื้อขายล่วงหน้าในสัปดาห์ที่ผ่านมาเฉลี่ยลดลงต่อเนื่องสัปดาห์ที่ 3 จากความกังวลผลกระทบปัญหาสถาบันการเงินในยุโรปจะลุกลามต่อ ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยวันที่ 24 มี.ค. 66 ราคาหุ้น Deutsche Bank (DB) ปิดตลาดลดลง 8.5 % มาอยู่ที่ 8.54 ยูโร ต่ำสุดในรอบ 5 เดือน หลัง Credit Default Swap (CDS) ระยะเวลา 5 ปี ซึ่งเป็นอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 142 จุด มาอยู่ที่ 173 จุด สูงสุดในรอบ 4 ปี โดย Deutsche Bank เป็นธนาคารใหญ่อันดับที่ 22 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของธนาคารสัญชาติของเยอรมนี มูลค่าสินทรัพย์ 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาหุ้นของธนาคารอื่นๆ ในยุโรปลดลงด้วยเช่นกัน อาทิ Commerzbank ของเยอรมนี ลดลง 5.5%, UBS ของสวิตเซอร์แลนด์ ลดลง 3.5%

ในขณะเดียวกัน รมว. กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ นาง Jennifer Granholm แถลงว่าในปีนี้สหรัฐฯ ไม่จำเป็นต้องเร่งเติมน้ำมันดิบเข้าคลังสำรองปิโตรเลียมเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) แม้ขณะนี้ ราคา NYMEX WTI ปิดตลาดต่ำกว่า 70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ เคยกล่าวว่า จะพิจารณาเข้าซื้อน้ำมันดิบเติมเข้าคลังสำรอง หากราคาน้ำมันดิบลดลงเข้าสู่ช่วง 67-72 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

จับตาการประชุม Joint Ministerial Monitoring Committee (JMMC) ของกลุ่ม OPEC และพันธมิตร (OPEC+) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 เม.ย. 66 โดยตลาดคาดว่า OPEC+ จะคงนโยบายการผลิตน้ำมันดิบด้วยการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปี 2566 แม้ว่าจะเกิดวิกฤตธนาคารในช่วงที่ผ่านมา โดยทางเทคนิคราคา ICE Brent ในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวระหว่าง 74-78 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

>> ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ

-ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาอยู่ที่ 4.75-5.0% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC) วันที่ 21-22 มี.ค. 66 ตามที่ตลาดคาดการณ์ และอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ภายในปี 66      

-Goldman Sachs ปรับลดประมาณการราคาน้ำมันดิบ ICE Brent ในไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลงจากประมาณการครั้งก่อนที่ 95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าราคา ICE Brent จะเฉลี่ยอยู่ที่ 97 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ภายในไตรมาส 2/67 จากอุปสงค์จากจีนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังเปิดประเทศ โดยคาดว่าอุปสงค์ของจีนในปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 15.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ปรับเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิม 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน) และในปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 0.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 16.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ตลท. จับมือ ‘ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้’ แลกเปลี่ยนข้อมูล เชื่อมโยงโอกาสลงทุน ระหว่าง 2 ตลาดหุ้น

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (Shanghai Stock Exchange: SSE) เชื่อมโยงข้อมูลการลงทุนให้หลักทรัพย์ไทยและจีนเป็นที่รู้จัก ผ่าน www.settrade.com และ www.csindex.com.cn เป็นครั้งแรก เพื่อให้ผู้ลงทุนเข้าถึงข้อมูลหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 2 ประเทศ 

(27 มี.ค. 66) นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ เชื่อมโยงข้อมูลการลงทุนให้หลักทรัพย์ไทยและจีนเป็นที่รู้จัก โดยความร่วมมือนี้อยู่ภายใต้การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านดัชนี (Index Cross-border Cooperation) ที่จัดทำขึ้นระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัท China Securities Index Company Limited (CSI) ซึ่งเป็นบริษัทผู้จัดทำและเผยแพร่ดัชนีในเครือตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ เพื่อแลกเปลี่ยนการเผยแพร่ข้อมูลดัชนี โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้นำข้อมูลดัชนีของตลาดทุนไทยไปเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของ CSI เพื่อชูศักยภาพและความน่าสนใจลงทุนของตลาดทุนไทย และเพื่อให้ผู้ลงทุนในประเทศจีนได้นำข้อมูลไปวิเคราะห์ก่อนการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ CSI มีเครือข่ายผู้ใช้ข้อมูลเฉลี่ย 8,000 รายต่อวัน ความร่วมมือด้านดัชนีครั้งนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งในแผนงานสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการเชื่อมโยงโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้เป็นผลจากการหารือเชิงลึกระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการตลาดทุนระหว่างสองตลาด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ได้ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคอาเซียนด้านดัชนี ทั้งนี้ นายจาง จื่อหมิง ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท China Securities Index Company Limited (CSI) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การเชื่อมโยงข้อมูลดัชนีนี้ เพื่อเพิ่มช่องทางในการส่งเสริมความเข้าใจระหว่างตลาดทุนจีนและอาเซียน ซึ่ง CSI มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์ทั้งสองแห่ง ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มการรับรู้และความน่าสนใจในดัชนีของจีนในระดับสากล

ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถติดตามข้อมูลการเผยแพร่ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ไทย ประกอบด้วย ดัชนี SET Index, SET 50 Index และ SET THSI Index ได้ที่ www.csindex.com.cn และดัชนีของตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ประกอบด้วย ดัชนี SSE Composite Index, SSE 50 Index, SSE Science and Technology Innovation Board 50 Index, CSI 300 Index และ CSI Smallcap 500 Index ที่ www.settrade.com ภายใต้เมนู Global โดยใช้ชื่อว่า “International Index Cooperation”

สำหรับตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกันตั้งแต่ปี 2553 เพื่อขยายโอกาสให้หลักทรัพย์ไทยและจีนเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น พร้อมเปิดโอกาสการเชื่อมโยงทั้งสองตลาดเพื่อเพิ่มทางเลือกในการระดมทุน ซึ่งที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนบุคลากรและจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง

‘ททท.’ ตั้ง ‘เบิร์ด ธงไชย’ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ กระตุ้นวัยเก๋า ตั้งเป้าปีนี้!! สร้างรายได้เที่ยวในประเทศ 8.8 แสนล้านบาท

(27 มี.ค. 66) นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ททท.เตรียมเปิดตัวแคมเปญโฆษณาชุด โมเมนต์ที่ใช่ สร้างได้ไม่ต้องรอ และเปิดตัว เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ นักร้องชื่อดัง เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในปี 2566 ททท.ได้กำหนดให้เป็นปีท่องเที่ยวไทย 2566 เพื่อเดินหน้ากระตุ้นให้มีการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยมากขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายทั้งปีจะต้องมีการท่องเที่ยวในประเทศ 135 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 8.8 แสนล้านบาท ตลอดทั้งปีนี้

‘บิ๊กตู่’ สั่ง ‘ททท.’ เตรียมความพร้อมจัดกิจกรรมสงกรานต์ เร่งวางแผนหนุนการท่องเที่ยว คาด นนท.สูงถึง 17–20 ล้านคน

(26 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม วางแนวทางการทำงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 สั่งการให้เตรียมความพร้อมจัดงานเพื่อเฉลิมฉลองสงกรานต์แบบยิ่งใหญ่ ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจะเติบโตมาก วางแผนวิจิตรสงกรานต์ 5 ภาค พร้อมประชาสัมพันธ์โครงการ ‘365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน’ กระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวภายในประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการคาดการณ์แนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 ททท. คาดว่าจะคึกคักมากกว่า ปี 2562 ช่วงสงกรานต์ก่อนสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมคาดการณ์ว่า การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ จะสนับสนุนให้เกิดการเดินทางในประเทศทั้งเดือนเมษายน ปี 2566 อยู่ที่ 17-20 ล้านคน/ครั้ง

ปตท. คว้า 7 รางวัล รัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม-ดีเด่น ประจำปี 2565 สะท้อนศักยภาพการดำเนินงานที่เป็นเลิศในทุกมิติ

เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรี มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยมประจำปี 2565 (SOE Award) ให้แก่ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) โดย ปตท. รับรางวัลรวม 7 รางวัล

ประกอบด้วย รางวัลรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยมประจำปี รางวัลคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น (เกียรติยศ) รางวัลการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน รางวัลการดำเนินงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น

2 เดือนแรกของปี 66 ต่างชาติลงทุนรวม 26,756 ลบ. สะท้อนความสำเร็จนโยบายพัฒนา ศก. ‘รัฐบาลลุงตู่’

(24 มี.ค.66) เพจ ‘ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี - PMOC’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย โดยระบุว่า…

ต่างชาติเข้ามาลงทุนธุรกิจในไทยเพิ่มขึ้น 305% ใน 2 เดือนแรกของปี 2566 เงินลงทุนรวม 26,756 ล้านบาท สะท้อนศักยภาพความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทย ย้ำความสำเร็จนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล

ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยช่วง 2 เดือนแรกของปี 2566 มีเงินลงทุนรวม 26,756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 305% จากช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปี 2565 สะท้อนศักยภาพความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทย ถือเป็นความสำเร็จของมาตรการส่งเสริมการลงทุนไทย ตามนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดเผยรายงานการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งมีจำนวน 113 ราย โดยลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 37 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 76 ราย รวมเป็นเงินลงทุน 26,756 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานคนไทยถึง 1,651 คน

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 พบว่า อนุญาต 62 ราย มูลค่าการลงทุน รวม 6,602 ล้านบาท และจ้างงาน 1,239 คน ซึ่งเท่ากับตัวเลขเพิ่มขึ้นในทุกส่วนได้แก่ การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น 51 ราย ยอดลงทุนเพิ่ม 20,154 ล้านบาท และการจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้น 412 ราย

‘ท่องเที่ยวไทย’ บูม!! ส่งผล ‘อสังหาฯ’ ฟื้นตัว ชี้!! ‘คอนโดมิเนียม’ มีแรงหนุนจาก ‘นทท.ต่างชาติ’

ภาพรวมอสังหาฯ ปีนี้ฟื้นตัวได้ตามลำดับ คอนโดมิเนียมจะมีแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวจากชาวต่างชาติที่เริ่มกลับมา

(24 มี.ค.66) นายกสมาคมอาคารชุดไทย พีระพงศ์ จรูญเอก ระบุ ภาพรวมอสังหาฯ ปีนี้ฟื้นตัวได้ตามลำดับ คอนโดมิเนียมจะมีแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวจากชาวต่างชาติที่เริ่มกลับมา ภาคโรงแรมและอสังหาฯที่เกี่ยวโยงกับการเปิดประเทศจะได้รับผลบวกจากการท่องเที่ยว ภาคบริการ กระจายตัวในทุกภูมิภาคจึงมีผลบวกสูง กระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความมั่นใจในการซื้อที่อยู่อาศัย ส่วนปัจจัยที่ฉุดคือการส่งออกที่ชะลอตัวจากเศรษฐกิจโลก

คาดว่าปีนี้บ้านจัดสรรเติบโตแบบประคองตัวระดับ 3-4% จาก 3 ปีขยายตัว 10% โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่ผ่านมาคนซื้อบ้านหลังที่ 2 และ 3 ปีนี้บ้านระดับราคา5-10 ล้านบาทเติบโตต่อเนื่อง ตลาดคอนโดมิเนียมเริ่มฟื้นตัว ระดับราคา 1-3 ล้านบาทขายดี เนื่องจากมีการกระจายการจ้างงาน และเป็นการซื้อล่วงหน้ากระจายภูมิภาค ตามจังหวัดท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานโรงแรม หรือพื้นที่มีการจ้างงานสูง

เงินสะพัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดหมื่นล้าน

BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2023 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี-นวัตกรรมพลังงานสะอาด

เมื่อไม่นานมานี้ นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA รับรางวัลอันทรงเกียรติ BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2023 ในสาขาผลิตภัณฑ์กลุ่มยานยนต์ ประเภทรถกระบะไฟฟ้า จากความสำเร็จของสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี ที่นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาสร้างสรรค์ได้อย่างยอดเยี่ยม ในผลิตภัณฑ์ EV Mini Truck ‘MINE MT 30’ รถกระบะไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของไทย สามารถขับเคลื่อนได้ระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร/การชาร์จ 1 ครั้ง ใช้เวลาชาร์จเพียง 15 นาที ด้วยเทคโนโลยี Ultra-fast Charge ได้ถูกออกแบบและผลิตโดยฝีมือคนไทย ภายใต้แนวคิด Respect Environment ประหยัดพลังงานและลดต้นทุนในภาคขนส่งเชิงพาณิชย์ ช่วยลดมลพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเป็นการสนับสนุนการใช้ EV ขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของประเทศ

'ค่ายดาวสามแฉก' สนั่น!! วันแรก 'มอเตอร์โชว์ 2023' หลัง EQB 250 AMG รถอีวี 100% ถูกจองเต็มโควตา 70 คัน

เมื่อวานนี้ (22 มี.ค.66) เป็นวันแรกของการจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 หรือ มอเตอร์โชว์ 2023 (Motor Show 2023) บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ประกาศหยุดรับจองรถยนต์รุ่น EQB 250 AMG Line รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ที่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 และเปิดรับจองวันแรกภายในงาน มอเตอร์โชว์ 2023 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566

ทั้งนี้ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นดังกล่าวมี โควตาการนำเข้าและจำหน่ายอยู่ที่ 70 คัน และมีผู้สนใจจองเต็มจำนวนดควตาดังกล่าวแล้ว กระทั่งต้องประกาศหยุดรับจอง

สำหรับ EQB 250 AMG Line เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ (เอสยูวี) ขนาด 5 ที่นั่ง ด้วยการนำเข้าแบบรถยนต์สำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 66.5 kWh ซึ่งมีระยะทางการวิ่งสูงสุด 460 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP)

‘ส.อ.ท.’ ผิดหวัง ‘กกพ.’ ขึ้นค่าไฟครัวเรือน ทั้งที่ทิศทางพลังงานขาลง ลั่น!! ทำไมรัฐไม่ปรับราคาให้เป็นบวกกับผู้บริโภคมากขึ้น

(23 มี.ค. 66) นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึง คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เคาะค่าไฟงวด พฤษภาคม – สิงหาคม 2566 อัตรา 4.77 บาทต่อหน่วย เป็นอัตราเดียวทั้งครัวเรือนและเอกชน ซึ่งปัจจุบันครัวเรือนจ่าย 4.72 บาทต่อหน่วย และเอกชนจ่าย 5.33 บาทต่อหน่วย ว่ารู้สึกผิดหวังเพราะไม่ได้ช่วยครัวเรือนเลย ทำไมครัวเรือนต้องจ่ายแพงขึ้นแค่ 5 สตางค์ ทั้งๆที่รอบจากนี้ไปเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ทิศทางพลังงานของโลกก็ลง

ดังนั้นตามความเป็นจริงทำไมภาครัฐไม่ปรับสมมติฐานราคาให้เป็นบวกกับผู้บริโภคมากขึ้น อีกทั้งงวดนี้ราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ลงเพราะปัจจัยภายนอก อาทิ ค่าเงินและราคาพลังงานทั่วโลกเป็นหลัก ไม่ได้มีกลไกแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและหาทางเลือกอื่นเลย นอกจากก๊าซในอ่าวไทยที่เพิ่มขึ้น

ทันตะ จุฬาฯ จับมือ ปตท. ต่อยอดเทคโนโลยีด้านทันตกรรม มุ่งยกระดับมาตรฐานการแพทย์ไทย

เมื่อวันที่ (21 มี.ค.66) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.ทพ.ดร.พรชัย จันศิษยานนท์ คณบดี คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์วัสดุชั้นสูงและการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ และการแพทย์ทางไกลในด้านการดูแลสุขภาพสำหรับสุขภาพช่องปากและการรักษาทางทันตกรรม ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

‘อนุชา’ เผย ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเติบโต สะท้อนผลสำเร็จมาตรการของ รบ. ผลักดันไทยเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

(23 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รับทราบและยินดีที่มียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ถึง 317,502 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.47 จากช่วงเดียวกันของปี 2565 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญของไทยในการเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต และเป็นผลสำเร็จจากการดำเนินมาตรการเชิงรุกของรัฐบาลที่สนับสนุนให้เกิดการผลิตและใช้ยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศมากขึ้น โดยยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 3 ประเภท ในกลุ่มรถยนต์นั่ง ล่าสุดในเดือน ก.พ. มียอดจดทะเบียนสะสม 331,885 คัน ยอดจดทะเบียนสูงสุดคือรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle: HEV) รองลงมาได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน (Plug-in Hybrid Electric Vehicle: PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top