Sunday, 19 May 2024
ECONBIZ NEWS

Runway 3 ยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิ เปิดใช้งาน ปี 67 พร้อมเตรียมแผนพื้นที่รองรับอาคาร SAT 2 ในอนาคต

(26 พ.ย.65) เพจ 'โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure' โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

พอดีผมไปเจอคลิปประชาสัมพันธ์โครงการ Runway 3 สุวรรณภูมิ ของทาง ทีมที่ปรึกษาโครงการ กลุ่มบริษัท AEC ซึ่งสรุปรายละเอียดโครงการไว้ได้ดีมาก

ดูได้จากลิ้งค์นี้ครับ
https://youtu.be/Kpk7H-aG8uM

โดยเมื่อ Runway 3 เสร็จ จะเพิ่มความสามารถในการรองรับเครื่องบิน จากเดิม จาก 68 เป็น 94 เที่ยวบิน/ชม ซึ่งสอดคล้องกับแผนการพัฒนาสนามบินในส่วนอื่นๆ เพื่อให้รองรับผู้โดยสารได้ 65-80 ล้านคน/ปี
—————————
รายละเอียดงานก่อสร้าง Runway 3 ประกอบไปด้วยงานย่อย ทั้งหมด 6 ส่วน คือ...

1. งานก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 และทางขับขนาน                                                                    

ก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 ความยาว 4,000 เมตร กว้าง 60 เมตร ทางด้านตะวันตกขนานกับระบบทางวิ่งเส้นปัจจุบัน (ทางวิ่งเส้นที่ 1) โดยทางวิ่งเส้นที่ 3 จะใช้สำหรับการบินร่อนลงเป็นหลัก ส่วนทางวิ่งเส้นปัจจุบันจะใช้สำหรับการบินขึ้น ทั้งนี้ ทางขับขนาน (Parallel Taxiway) จะอยู่ขนานกับทางวิ่งเส้นที่ 3 โดยจะมีทางขับออกด่วนเชื่อมต่อถึงกัน          

2. งานก่อสร้าง Rapid Exit Taxiway และทางขับเชื่อม                                                                           

การก่อสร้าง Rapid Exit Taxiway หรือทางขับออกด่วน จะมี 7 เส้น เพื่อให้อากาศยานที่ร่อนลงบนทางวิ่งเส้นที่ 3 ไม่ต้องเสียเวลาอยู่บนทางวิ่งนาน และสามารถเคลื่อนตัวออกจากทางวิ่งเข้าสู่ทางขนานได้รวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้สามารถรองรับจำนวนเที่ยวบินได้มากขึ้น

3. งานก่อสร้าง Perimeter Taxiway                         

ก่อสร้าง Perimeter Taxiway ต่อจากทางขับขนานไปทางทิศใต้ โดยเชื่อมระหว่าง Taxiway F และ Taxiway D เพื่อใช้เป็นทางขับให้อากาศยานสามารถขับเคลื่อนไปยังลานจอดได้สะดวก โดยไม่ต้องเคลื่อนตัดผ่านทางวิ่งเส้นปัจจุบันด้านตะวันตก (ทางวิ่งเส้นที่ 1)

.
4. งานก่อสร้าง Taxiway D Extension

การก่อสร้าง Taxiway D Extension เป็นการต่อขยายทางขับเดิม เพื่ออำนวยความสะดวกให้อากาศยานสามารถขับเคลื่อนออกจากทางวิ่งไปยังลานจอดได้โดยตรง                 
.                                                                     

5. งานผิวทางของทางวิ่งเส้นที่ 3 และทางขับต่างๆ                                                                          

รูปแบบผิวทางของทางวิ่งและทางขับ แบ่งเป็น 2 รูปแบบ...       

- Flexible Pavement ผิวทางแอสฟัลต์ สำหรับทางวิ่งและทางขับทั่วไป                                                   

- Rigid Pavement ผิวทางแบบคอนกรีต ผิวทางชนิดนี้จะสามารถรองรับน้ำหนักและแรงเฉือนได้ดี โดยจะก่อสร้างที่บริเวณจุดจอดรอก่อนเข้าทางวิ่ง (Holding Position) บนทางขับขนาน เพื่อให้บริเวณดังกล่าวมีความคงทนมากยิ่งขึ้น และก่อสร้างบริเวณ Taxiway D Extension-1

6. งานปรับปรุงคุณภาพดิน บริเวณลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 (SAT 2) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

งานปรับปรุงคุณภาพดินบริเวณลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 มีพื้นที่รวมประมาน 917,000 ตร.ม.

โดยใช้เทคนิคการปรับปรุงคุณภาพดินด้วยวิธี PVD Conventional Consolidation (PVD) พื้นที่ประมาณ 666,000 ตร.ม.

การปรับปรุงคุณภาพดินด้วยวิธี Vacuum Consolidation Method (VCM) พื้นที่ประมาณ 251,000 ตร.ม.

'บิ๊กตู่' หนุน SMEs ไทย บุกตลาดสินค้าออนไลน์ไต้หวัน ยก 'PChome-PINKOI' ช่องทางเหมาะต่อผู้ประกอบการไทย

'ทิพานัน' ชวน SMEs บุกตลาดสินค้าออนไลน์ไต้หวัน ผ่านแพลตฟอร์ม PChome และ PINKOI เพิ่มโอกาสสร้างรายได้และต่อยอดส่งออกสินค้า ย้ำ 'พล.อ.ประยุทธ์' สนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้เข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโอกาสของผู้ประกอบการขนาดกลางหรือขนาดย่อม (SMEs) ไทยใช้ช่องทางออนไลน์ขายสินค้าไปยังต่างประเทศว่า ล่าสุดกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ได้ทำการสำรวจโอกาสลู่ทางการส่งออกให้กับสินค้าไทยเข้าสู่ไต้หวันผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ที่กำลังเติบโตและได้รับความนิยมในไต้หวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ขายสามารถใช้แพลตฟอร์มพีซีโฮม (PChome) และพินคอย (PINKOI) ที่มีสาขาสามารถติดต่อในได้ประเทศไทย สะดวกสำหรับผู้ประกอบการต่างชาติในการเปิดร้านและรับจ่ายเงินค่าสินค้า เป็นแพลตฟอร์มที่สินค้าไทยเป็นสินค้าต่างชาติประเทศที่ 2 ที่ได้รับความนิยมรองจากญี่ปุ่น ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการทดลองตลาดก่อนในระยะที่ยังไม่มีผู้นำเข้า

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับแพลตฟอร์ม PChome Thai Shopping นั้นเป็นโอกาสที่ดีมาก เพราะกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ประสานเปิดร้าน TOPTHAI เพื่อเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าไทยไปไต้หวัน และยังมีแผนขยายธุรกิจโดยคัดเลือกสินค้าที่ได้รับความนิยมใน PChome Thai Shopping มาวางจำหน่ายใน PChome 24h  ซึ่งมีฐานลูกค้าที่ใหญ่กว่า โดยร้อยละ 98 ของรายได้ของ PChome มาจาก PChome 24h และได้เริ่มนำสินค้าแบรนด์ไทยเข้ามาวางจำหน่ายแล้ว 

ที่ผ่านมาทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้เปิดร้าน TOPTHAI ขึ้นใน PChome Thai Shopping เพื่อเป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าจากไทยไปยังไต้หวันได้โดยตรง และทางแพลตฟอร์มก็มีนโยบายที่จะจัดซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการไทยโดยตรงและจะเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคไต้หวันโดยตรงด้วย และหากเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก PChome Thai ก็จะจัดซื้อเป็นล็อตใหญ่มาเก็บไว้ในคลังสินค้าและส่งให้ลูกค้าเมื่อมีการสั่งซื้อ นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์ม PINKOI ที่เน้นงานฝีมือ งานหัตถกรรม ลูกค้าบนแพลตฟอร์มนี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่นิยมสินค้ามีดีไซน์ ปัจจุบันมีสินค้าไทยวางขายบน PINKOI กว่า 3,600 รายการแล้ว

'บิ๊กตู่' สั่ง ให้สิทธิค่ายรถเลือกผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก เอื้อลงทุนต่อเนื่อง หลังตลาดในประเทศเติบโตชัด

'บิ๊กตู่' สั่ง ให้สิทธิค่ายรถเลือกผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก หวังดึงดูดลงทุนในไทย

(26 พ.ย.65) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่รัฐบาลกำหนดนโยบายให้การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ติดตามผลสัมฤทธิ์ของนโยบายอย่างต่อเนื่อง และพอใจกับแนวโน้มการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศที่เกิดขึ้นในขณะนี้

โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้รายงานว่าตั้งแต่รัฐบาลได้ประกาศมาตรการส่งเสริมการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าได้มีผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกให้ความสนใจประเทศไทย ประกอบกับไทยเป็นฐานผลิตยานยนต์ทั้งรถยนต์นั่ง กระบะ จักรยานยนต์ ที่สำคัญของโลกอยู่แล้ว ซึ่งผู้ผลิตหลายรายทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนได้ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเข้ามายังบีโอไอ และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาพูดคุยกับผู้ผลิตรถยนต์หลายราย จากทั้ง จีน ญี่ป่น และยุโรป ที่ให้ความสนใจมาลงทุนในไทยด้วย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ข้อมูลของบีโอไอแสดงให้เห็นว่านอกจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ชัดเจนแล้ว ความต้องการและตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็วในไทยเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดผู้ผลิตรถยนต์ แบตเตอรี่ ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า สนใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานผลิตเพื่อขายในไทยและส่งออกไปทั่วโลก

ล่าสุด กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้รายงานว่า 10 เดือนแรกของปี 2565 (ม.ค.-ต.ค.)  ทั่วประเทศมียานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) จดทะเบียนใหม่ 15,258 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 230.62 โดยส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่ง และจักรยานยนต์ ที่ 7,046 คัน และ 7,534 คัน ตามลำดับ ส่วนที่เหลือเป็นรถอื่นๆ เช่น รถโดยสาร รถกระบะ รถบรรทุก รถแวน รถสามล้อ เป็นต้น

สภาอุตสาหกรรมภาคกลางหนุนโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ (Petchburi Food Valley)

‘อลงกรณ์’ เดินหน้าผลักดันต่อเล็งดึงการลงทุนจากในประเทศและดูไบ ซาอุดีอาระเบียและจีนขับเคลื่อนโครงการเน้นอุตสาหกรรมสีเขียวใช้เทคโนโลยีเมดอินไทยแลนด์

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.) ได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยภาคกลาง 17 จังหวัด ครั้งที่ 3/2565 โดยมี นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโสสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายสุรชัย โสตถีรวรกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคกลาง ดร.เลิศจันฑา สีเหลืองสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรีและเลขาธิการกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 นายสมภพ ธีระสานต์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมภาคกลาง นายมานพ โตการค้า ผู้บริหารโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ และรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยคณะกรรมการและที่ปรึกษา สภาอุตสาหกรรมภาคกลาง สภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร นครปฐม สุพรรณบุรี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี  และสระบุรี ฯลฯ.เข้าร่วมประชุม ณ โรงแรมทะเล อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 

นายอลงกรณ์เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ได้แจ้งมติที่ประชุม ‘กรกอ.’ ครั้งล่าสุดที่เห็นชอบโครงการ เพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ (Petchburi Food Valley ) ในจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทั้งทางด้านคมนาคม การสื่อสาร ไฟฟ้า และระบบน้ำ โดยพื้นที่ดังกล่าว เคยเป็นโครงการสร้างเมืองอุตสาหกรรมท่องเที่ยวบริการ ปัจจุบันได้ปรับพื้นที่เป็นโครงการพัฒนาเกษตรกรรมและการแปรรูปทั้งพืช ประมงและปศุสัตว์ตามกฎหมายผังเมืองและกฎหมายอื่นๆ ถือเป็นหนึ่งในโครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งเป็นโครงการเรือธง (Flagship Project) ของคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในกลุ่มจังหวัดเพชรสมุทรคีรี (เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงครามและสมุทรสาคร) มีศูนย์ AIC เพชรบุรีคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีให้การสนับสนุน จุดเด่นอีกประการคือการใช้เทคโนโลยีเกษตรเมดอินไทยแลนด์เป็นส่วนใหญ่ เป็นอุตสาหกรรมสีเขียวและหวังว่าจะช่วยสร้างงานสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนและจังหวัดเพชรบุรีเพิ่มขึ้น

ซึ่งโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ (Petchburi Food Valley) ยังเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันตก (Western Economic Corridor: WEC) ตามนโยบายรัฐบาล จากการสร้างฐานการแปรรูปสินค้าเกษตรอาหาร กระจายการลงทุนใน 18 กลุ่มจังหวัด เพื่อการพัฒนาอย่างเท่าเทียมและยกระดับเกษตรแบบดั้งเดิมสู่เกษตรมูลค่าสูงตามหมุดหมายใหม่ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 เป็นการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นครัวโลก พร้อมกับขอบคุณสภาอุตสาหกรรมภาคกลางที่ให้การสนับสนุนโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ (Petchburi Food Valley)

S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือไทย BBB+ ชูความน่าเชื่อถือที่ระดับมีเสถียรภาพ

'ทิพานัน' ชี้เศรษฐกิจฟื้นตัว 'พล.อ.ประยุทธ์' บริหารถูกทาง โชว์ S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) จากปัจจัยท่องเที่ยวโตเกินคาด ประมาณ 10 ล้านคนในปี 65 ชี้ EEC การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน 

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า บริษัท S&P Global Ratings (S&P) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ถือเป็นข่าวดีของประเทศไทยที่ได้ภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาชาวโลกและจะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจาก S&P ถือเป็นบริษัทในเครือของ S&P Global Inc สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โดยจากรายงานของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ระบุเหตุผลสำคัญที่ S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยมาจากการคลี่คลายของสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตลอดจนการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของ COVID-19 และอนุญาตให้มีการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย และการที่ประชาชนได้รับวัคซีนป้องกัน COVID-19 อย่างทั่วถึง เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดย S&P คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นจาก 428,000 คน ในปี 2564 เป็นประมาณ 10 ล้านคนในปี 2565 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ และเศรษฐกิจไทย (Real GDP) จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 2.9 ในปี 2565 เป็นเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 3.2 ในช่วงปี 2565-2568

ผู้ประกอบการใจชื้น!! ดัชนีเชื่อมั่น SME โตต่อเนื่อง 3 เดือนติด หลังรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวสำเร็จ

รัฐบาล ชี้ ผลสำเร็จมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ บูมท่องเที่ยว ดันดัชนีเชื่อมั่น SME โตต่อเนื่อง 3 เดือน พร้อมย้ำข่าวดีโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำธุรกิจโรงแรมและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) เดือนตุลาคม 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 อยู่ที่ระดับ 53.1 โดยที่เดือนกันยายน และสิงหาคม 2565 มีค่าดัชนีอยู่ที่ 52.9 และ 51.2 ตามลำดับ โดยที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) เดือนตุลาคม 2565 มีปัจจัยบวกมาจากการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเป็นสำคัญ อีกทั้งราคาน้ำมันและราคาวัตถุดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ส่งผลดีต่อกำไรของภาคธุรกิจ

'โรงหนัง SF' ท้า!! 28 พ.ย.นำภาชนะใดก็ได้ไปใส่ป็อปคอร์น ข้อแม้!! ลูกค้าต้องสามารถยกไปได้ด้วยตนเองคนเดียว

โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ (SF) ร่วมกับ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอมเมอร์เชียล จำกัด จัดแคมเปญพิเศษ 'SF x COKE เปิดความซ่า ท้าให้ลอง!' มอบความสุขที่ขาดกันไม่ได้กับ 2 คำท้าที่ชวนให้ลูกค้ามาลองร่วมสนุกในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ

ท้าที่ 1 ซ่าจัดหนัก..ป๊อปจัดเต็ม เฉพาะโรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิล์ด ซีเนม่า เมื่อซื้อน้ำอัดลม ขนาด 44 ออนซ์ พร้อมป๊อปคอร์น ในราคาพิเศษ 199 บาท รับสิทธิ์เติมน้ำอัดลมฟรี ไม่จำกัดทั้งวัน และรับสิทธิ์เติมป๊อปคอร์นในภาชนะใดก็ได้ ที่จุดขายป๊อปคอร์นเครื่องดื่มโรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เท่านั้น

แต่ถึงจะบอกว่าใส่ในภาชนะใดก็ได้ ก็มีเงื่อนไขอยู่สักเล็กน้อย ดังต่อไปนี้...

DES แนะวิธีลงทุนออนไลน์ไม่ให้โดนหลอก ระวังคำชี้ชวน ‘ผลตอบแทนสูง – ใช้ภาพคนมีชื่อเสียง’

วันที่ 25 พ.ย. 2565 น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า ปัจจุบันมีการเชิญชวนให้ลงทุนออนไลน์จำนวนมาก ซึ่งอาจมีมิจฉาชีพเข้าหลอกลวงประชาชนให้ลงทุนออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหุ้น, ลงทุนคริปโทฯ และลงทุนธุรกิจต่างๆ ที่มักจะมีข้อเสนอ เชื้อเชิญ จูงใจชวนให้อยากร่วมลงทุน ซึ่งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงได้แนะนำวิธีการ ‘ลงทุนออนไลน์อย่างไรไม่ให้ถูกหลอก' ดังนี้

1. อย่าด่วนตัดสินใจในการลงทุน โดยเฉพาะการเชิญชวนผ่าน social media หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ควรตรวจสอบรายละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

2. สังเกตสัญญาณเตือนกลโกงจากข้อเสนอการลงทุน โดยส่วนมากมักจะมีข้อเสนอที่อ้างผลตอบแทนสูง, มีการรับประกันผลตอบแทน, เร่งรัดให้ตัดสินใจลงทุน และดึงดูดใจด้วยสินทรัพย์ใหม่ ๆ

กดปุ่ม ‘วังจันทร์ วัลเลย์’ เริ่มเปิดใช้เฟสแรกแล้ว พร้อมเดินหน้าสู่การพลิกโฉมอุตสาหกรรมไทย

EECi วังจันทร์ วัลเลย์ ศูนย์รวมนวัตกรรม แห่ง EEC เฟส 1 เสร็จแล้ว!!! สมเด็จพระเทพฯ เสด็จเปิด เอกชนเข้าใช้งาน พฤศจิกายน 65 นี้!!!

เพจโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure อัพเดท โครงการ EECi หรืออีกชื่อคือ ‘วังจันทร์ วัลเลย์’ โดยมี ปตท. เป็นแกนนำในการพัฒนาพื้นที่ EECi แห่งนี้ โดยระบุว่า

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 65 ที่ผ่านมา สมเด็จพระเทพฯ ทรงเสด็จมาเปิดอาคารสำนักงานใหญ่ EECi ในพื้นที่วังจันทร์ วัลเลย์ ตามลิ้งค์นี้
https://fb.watch/g-gnbVJeMb/?mibextid=nJa2DX
คลิปประชาสัมพันธ์ EECi
https://youtu.be/9piHc3eis9E

โดยในพื้นที่ EECi วางแผนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับการพัฒนา EEC ทั้งหมด 6 ด้านคือ
1. อุตสาหกรรมแบตเตอรี่และยานยนต์สมัยใหม่
2. อุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ
3. อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ
4. อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์
5. อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงและเคมีชีวภาพ
6. อุตสาหกรรมเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ
ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย และองค์กรต่างๆ มากกว่า 60 องค์กร

ภายในพื้นที่ EECi ได้ออกแบบสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการพัฒนาองค์ความรู้ และนวัตกรรม พร้อมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายให้แก้นักวิจัยและคนครอบครัว 
ขณะเดียวกัน ยังก่อสร้างอาคารและห้องทดลองในการพัฒนาสินค้า และนวัตกรรม เพื่อรองรับการพัฒนาในด้านต่างๆ จากนักวิจัยจากทั่วประเทศ และทั่วโลก

อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สำคัญในการวิจัย ทางด้านเคมีฟิสิกส์ คือ เครื่องกำเนิดแสงซิงโครตอน ซึ่งก่อสร้างเป็นเครื่องที่ 2 ของประเทศ หลังจากได้รับเครื่องบริจาคที่อยู่ ที่ มหาวิทยาลัยสุรานารี ซึ่งเครื่องนี้จะเป็นตัวดึงดูดนักวิจัยที่จะพัฒนาการวิจัยได้อีกมาก 

ปัจจุบัน มีการก่อสร้าง ในเฟส 1 เสร็จแล้วได้แก่

- อาคารสำนักงานใหญ่ EECi มีพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร

- ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน 'Sustainable Manufacturing Center' หรือเอสเอ็มซี (SMC) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเมืองนวัตกรรมหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมไทย เข้าสู่ความยั่งยืนโดยการบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับเทคโนโลยีการผลิต ปัจจุบันได้เปิดให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม สามารถใช้ประโยชน์ในรูปแบบการสาธิต การเรียนรู้และการทดลองปฏิบัติจริง รวมไปถึงกิจกรรมวิจัยเพื่อการสร้างนวัตกรรมได้

- ศูนย์นวัตกรรมกรรมการเกษตรของเมืองนวัตกรรมชีวภาพ (EECi BIOPOLIS) ที่สนับสนุนการขับเคลื่อนภาคเกษตร สร้างดุลยภาพระหว่างการเพิ่มปริมาณผลผลิต กับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมชีวภัณฑ์ ยา อาหารเสริม เครื่องสำอางและวัสดุชีวภาพ โดยปี 2565 ได้ดำเนินการพัฒนาโรงเรือนปลูกพืชอัจฉริยะ ทดลองปลูกพืชสมุนไพรในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้น อาทิ ฟ้าทะลายโจร, ใบบัวบก, ขมิ้นชัน และกระชายดำ

- สนามทดสอบเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle หรือ UAV) ซึ่งมีพื้นที่กว่า 6 ไร่

‘นายกฯ’ ปลื้ม!! ยอดนักท่องเที่ยวในประเทศ ถึงสิ้น ต.ค.65 พุ่งแตะ 200 ล้านคน

โฆษกรัฐบาล เผย ยอดนักท่องเที่ยวในประเทศถึงสิ้น ต.ค. 65 พุ่งแตะ 200 ล้านคน นายกฯ ปลื้มไทยเที่ยวไทยมากขึ้น ช่วยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้ง

(25 พ.ย. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบข้อมูลและยินดีที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวในประเทศ ตั้งแต่ต้นปี 2565 ถึงสิ้นเดือน ต.ค. 2565 มีคนไทยเที่ยวไทยมากถึง 200 ล้านคน-ครั้งแล้ว ขณะที่ตัวเลขก่อนโควิดในปี 2562 คนไทยเที่ยวไทยอยู่ที่ 222 ล้านคน-ครั้ง จากเดิมที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าคนไทยเที่ยวไทย ปี 2565 ไว้ 160 ล้านคน-ครั้ง โดย ททท. เตรียมทบทวนเป้าหมายนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวในประเทศใหม่ เพราะคาดว่าตัวเลขจะสูงกว่าช่วงก่อนโควิด ขณะที่รายได้ของตลาดไทยเที่ยวไทย ททท. คาดว่าจะแตะ 8 แสนล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 6.56 แสนล้านบาท เนื่องจากคนไทยมีความต้องการเดินทางเที่ยวในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางเที่ยวแบบครอบครัวและการประชุมสัมมนา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top