Wednesday, 7 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

รมว.แรงงาน ปลื้ม โครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม เกิดประโยชน์กับคนพิการ หลังนายจ้างแห่ให้สิทธิ์กว่า 2 พันราย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน  ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนประเทศอย่าง "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยกระทรวงแรงงาน ขานรับนโยบายรัฐบาล ในการเร่งสร้างโอกาส อาชีพ และการมีรายได้ที่มั่นคงให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะคนพิการซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง รวมถึงยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ และด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 

โดยตนได้มอบหมายให้กรมการจัดหางานดำเนินโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ประเภทจ้างเหมาบริการ เพื่อเชิญชวนนายจ้าง สถานประกอบการที่ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตามมาตรา 34 ให้ดำเนินการให้สิทธิแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการตามมาตรา 35 โดยจ้างงานคนพิการเป็นพนักงานเพื่อปฏิบัติงานสนับสนุนในหน่วยบริการสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ชุมชนใกล้บ้าน เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงเรียน/ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการ ศูนย์บริการคนพิการของเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งช่วยให้คนพิการในพื้นที่ห่างไกล ได้รับโอกาสมีอาชีพ มีงานทำอย่างทั่วถึง สามารถพึ่งพาตนเองได้ทัดเทียมคนทั่วไป

“โครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม เป็นโครงการที่ผมให้ความสำคัญมาก เพราะเกิดประโยชน์กับคนพิการอย่างแท้จริง ผู้พิการมีรายได้โดยตรงและได้ทำงานที่หน่วยงานใกล้บ้าน ซึ่งเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการและครอบครัวให้ดีขึ้น ต้องขอบคุณความร่วมมือของสถานประกอบการภาคเอกชน และชื่นชมการทำงานของกรมการจัดหางานที่ลงพื้นที่เชิงรุก เชิญชวนนายจ้าง/สถานประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเพิ่มช่องทางเข้าร่วมโครงการฯให้ทั้งคนพิการที่ต้องการรับสิทธิและสถานประกอบการที่ต้องการให้สิทธิตาม มาตรา 35 สามารถแจ้งผ่านระบบ e-Services ของกรมการจัดหางาน ได้สะดวก รวดเร็ว จนมีนายจ้าง/สถานประกอบการ แจ้งให้สิทธิคนพิการฯ ตามโครงการแล้วถึง 2,264 ราย” นายสุชาติ กล่าว

'กรณ์-วรวุฒิ' ควง 2 ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ชาติพัฒนากล้า ‘เทมส์-อรทัย’ ลงพื้นที่ยกระดับสินค้าชุมชนพรีเมียม พบสตาร์ทอัพท่องเที่ยววางแผนธุรกิจ

หลังเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 นางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ และ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 นายเทมส์ ไกรทัศน์ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าของวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และ นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคด้านเศรษฐกิจ ได้เดินทางไปยัง ศูนย์การเรียนรู้การทำผ้าบาติก ‘ยิ่งบาติคเพนท์’ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตและและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนโอทอป 5 ดาว ที่มีชื่อเสียงของภูเก็ต ซึ่งกลุ่มนายพิสิฐ เทพทอง ได้ริเริ่มและพัฒนาผ้าบาติกมาตั้งแต่ปี 2530 ซึ่งเป็นยุคเริ่มต้นของผ้าบาติก จากนั้นได้มีการพัฒนาลวดลายให้ทันสมัย และเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นเพื่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นายกรณ์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์บาติกมีลวดลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ตอนนี้มีคนรุ่นใหม่สานต่อ และโดยส่วนตัวแล้ว ตนก็ได้ทำโครงการข้าวอิ่มมาเป็นปีที่ 9 แล้ว ช่วยชาวนา จ.มหาสารคาม และนำมาเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการนำบรรจุภัณฑ์เป็น ผ้าขาวม้ามหาสารคาม มาสู่ กระจูดนครศรีธรรมราช และในโอกาสครบรอบ 9 ปี ก็จะนำผ้าบาติก จ.ภูเก็ต มาตกแต่งบรรจุภัณฑ์ให้พรีเมียม เป็น 1 ช่องทางที่จะช่วยผู้ประกอบการโอทอป เอสเอ็มอีได้ 

‘ปลากุเลาตากใบ’ ราชาแห่งปลาเค็ม ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในเมนูอาหารเสิร์ฟในงานเลี้ยงกาลาร์ดินเนอร์ เอเปค 2022 จากฝีมือการรังสรรค์ของ เชฟชุมพล แจ้งไพร

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล เปิดเผยว่า ‘ปลากุเลาจากตากใบ’ ได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่จะเสริฟในงานเลี้ยงกาลาร์ดินเนอร์แก่ผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค 2022 ซึ่งจัดขึ้นที่หอประชุมกองทัพเรือ มีเชฟชุมพล เป็นผู้รับผิดชอบ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการโปรโมทของดีจังหวัดชายแดนใต้ เป็นสินค้าท้องถิ่นขึ้นชื่อของจังหวัดนราธิวาสให้โด่งดัง เพราะ ‘ปลากุเลาเค็มตากใบ’ เป็นปลาสายพันธุ์ท้องถิ่นของจังหวัดนราธิวาส ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา คนทั่วไปขนานนามว่า ‘ราชาแห่งปลาเค็ม’ เนื่องจากมีรสสัมผัสกลมกล่อม เนื้อฟู มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ส่งผลให้ปลากุเลาเค็มตากใบ มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 1,300-1,500 เป็นของฝากยอดนิยมที่ผู้คนมักซื้อไปฝากกัน

นางสาวรัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่าปลากุเลาเค็ม นอกจากจะเป็นสินค้าเลื่องชื่อของ อ.ตากใบ จ.นราธิวาสแล้ว ยังเป็นสินค้าโด่งดังของ จ.ปัตตานี ด้วยเช่นกัน ซึ่งรัฐบาล โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) ได้เข้าไปมีบทบาทในการส่งเสริมการแปรรูปอาหารทะเล เพื่อสร้างอาชีพและรายได้สู่ชุมชน ซึ่งเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจประมงพื้นบ้านของโครงการเมืองต้นแบบ ‘สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน’ อาทิ วิสาหกิจชุมชนโอรังปันตัย ที่ขณะนี้มีผู้รู้จักไปทั่วประเทศ ซึ่งจากการที่ ศอ.บต. ได้สนับสนุนและผลักดันที่ดินเพื่อการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจจำนวน 3 ไร่ และให้ทุนในการสร้างโรงเรือน ทำให้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และผลิตปลาเค็มที่ได้รับความนิยมจากประชาชนภายนอกเป็นอย่างมาก

อธิบดี “กรมทะเลและชายฝั่ง” มอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ฉลามขาว) ติวเข้มป้องกัน ปราบปราม ดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งครบทุกมิติ

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยหลังการประชุมมอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ศปพ.ทช.) ว่า กรมได้ดึงส่วนคุ้มครองทางทะเล และส่วนคุ้มครองป่าชายเลน เข้ามาเป็นหนึ่งเดียวในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันการบุกรุก และคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ภายใต้ ศปพ.ทช. (ฉลามขาว) เพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกันให้เป็นรูปธรรม และมีประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งด้านทะเล ด้านชายหาด และด้านป่าชายเลน เป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลระบบปฏิบัติการด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยการใช้ระบบเทคโนโลยีของ GISTDA เข้ามาใช้ ผ่านภาพถ่ายดาวเทียม การใช้โดรนบันทึกภาพทางอากาศ ในการเปรียบเทียบพื้นที่ รวมถึงการเฝ้าระวังการรุกล้ำพื้นที่เกาะและป่าชายเลน อีกทั้งเชื่อมโยงไปสู่การปฏิบัติงานร่วมกับ ศรชล. และการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) ตลอดจนการสร้างเครือข่ายข้อมูลข่าวสารในพื้นที่ร่วมกับชุมชนชายฝั่ง และอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล
   

‘ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย’ ลงพื้นที่ ‘บางรัก’ รับฟังปัญหาพี่น้องผู้ประกอบการ พบปัญหารายได้ไม่พบรายจ่ายเป็นปัญหาหลัก พูดคุยกับ ‘ชัชชาติ สิทธิพันธ์’ ผู้ว่าฯ กทม.เรื่องแนวทางการพัฒนาเมืองใหญ่และเศรษฐกิจซบเซาในเมืองใหญ่ โดยเล็งกระตุ้นเศรษฐกิจย่านบางรักให้กลับมาฟื้

จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางรัก สาทร ปทุมวัน และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าวันนี้ได้ลงพื้นที่เขตบางรัก พร้อมด้วย พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย เพื่อรับฟังปัญหาและขอความเห็นของประชาชนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยพบว่าผู้ประกอบการจำนวนมากประสบปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำเป็นเวลานาน การค้าขายฝืดเคือง รายได้ไม่พอรายจ่าย ยิ่งระยะหลังข้าวของแพง ค่าครองชีพพุ่ง ยิ่งทำให้การดำรงชีวิตเป็นไปอย่างยากลำบาก ชักหน้าไม่ถึงหลัง และยังมีหนี้สินเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จะมีผู้บริหารประเทศที่มีความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง เหมือนในอดีตที่เคยบริหารประเทศจนประสบความสำเร็จ ประชาชนอยู่ดีกินดี เศรษฐกิจหมุนเวียนดี เข้ามาบริหารแทนผู้บริหารในปัจจุบัน

โฆษก ตร. แนะเลี่ยงเส้นทางประชุมเอเปค 2022 ห้วง 16-19 พ.ย.นี้  งดให้บริการ MRT ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  พร้อมเตือนการชุมนุมในพื้นที่ห้าม ผิดกฎหมาย ชวนคนไทยเป็นเจ้าภาพที่ดี 

  วันที่ (13 พ.ย.65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. ออกมากล่าวถึงการบริหารจัดการจราจร และข้อห่วงใยการชุมนุม ตามมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในการประชุมเอเปค 2022 ว่า “ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติ เพื่อรองรับการประชุมเอเปค 2565 มาต่อเนื่องในทุกภารกิจ  


ทังนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์เน้นย้ำขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางบริเวณโดยรอบศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ห้วงระหว่างวันที่ 16-19 พ.ย.65 โดยเส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบด้านการจาจร ได้แก่
       1) ถนนรัชดาภิเษก แยกอโศกมนตรี- แยกพระราม 4 และถนนดวงพิทักษ์ตลอดสาย ขอให้งดใช้ตลอด 24 ชม.
       2) ถนนเพลินจิต (ขาเข้า), ถนนวิทยุ (ช่องทางหลัก) ตั้งแต่ แยกเพลินจิต – แยกสารสิน, ถนนราชดำริ (ฝั่งขาเข้า)  ตั้งแต่ แยกราชประสงค์ – แยกราชดำริ, ซอยต้นสน ตลอดสาย และซอยร่วมฤดี ตลอดสาย ขอให้งดใช้ช่วงเวลา ตั้งแต่ 18.00 น.-06.00 น.ของวันถัดไป
       3) จัดเดินรถทางเดียว (one way) ตั้งแต่เวลา 18.00-06.00 น. ถนนราชดำริ (ขาออก) ตั้งแต่ แยกราชดำริ - แยกราชประสงค์,  ถนนวิทยุ (ขาออกช่องคู่ขนาน) ตั้งแต่ แยกสารสิน – แยกเพลินจิต และถนนเพลินจิต (ฝั่งขวา) ) ตั้งแต่แยกใต้ด่วนเพลินจิต - แยกราชประสงค์

     มีการปิดให้บริการสถานี MRT ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งดจอดรับส่งผู้โดยสาร ตั้งแต่วันที่  16 พ.ย.2565 เวลา 00.01- จนถึงวันที่ 19 พ.ย.2565 เวลา 18.00 น.
     พร้อมกับปิดให้ บริการ สวนป่าเบญจกิติ ในวันที่ 14-19 พ.ย. เนื่องจากสวนดังกล่าวจะเป็นที่ตั้งของฝ่ายความมั่นคง และเป็นสถานที่ใกล้กับจุดที่มีการประชุมกัน จึงต้องให้เกิดความปลอดภัยอย่างสูงสุด

     นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ กำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในเขตกรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022  ระหว่างวันที่ 16-18 พ.ย.2565 รวมทั้งให้สถานศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และจังหวัดสมุปราการ ทุกสังกัด หยุดการเรียนการสอน เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจร อำนวยความสะดวกในการเดินทางของผู้เข้าร่วมการประชุม รวมทั้งเพื่อให้การอารักขาและการรักษาความปลอดภัยผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพสูงสุด“

   สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดสายด่วน 1197 บก.จร. ให้ประชาชนสอบถามการจราจร และเส้นทางเลี่ยงในห้วงดังกล่าว   

ตำรวจเข้ม ทริปน้ำไม่อาบ จับกุมรถ 200 กว่าคัน  สกัดไม่ให้สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน

วันที่13 พ.ย.65 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร  ได้สั่งการให้พล.ต.ต.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ กวดขันวินัยจราจร ปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง กรณีกลุ่มรถจักรยานยนต์แก๊ง”น้ำไม่อาบ”ออกทริปในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์

จากกรณีปรากฎตามสื่อสังคมออนไลน์ การชักชวนออกทริปของกลุ่ม “น้ำไม่อาบ” ซึ่งเป็นการนัดหมายรวมตัวกันของกลุ่มวัยรุ่นผู้ที่ชื่นชอบในการขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีการรวมตัวกันมาจากหลายพื้นที่ จุดหมายปลายทางไปร่วมกันทำกิจกรรมที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

โดย พล.ต.ต.ฐเดช ได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทางของ ศปข.ตร. ในพื้นที่ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทางที่ทำกิจกรรม เพื่อเข้มงวดกวดขันตั้งด่านสกัดกดดันกลุ่มผู้ขับขี่ดังกล่าว ไม่ให้สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านผู้ใช้รถใช้ถนนตลอดเส้นทาง ซึ่งมีผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ ดังนี้

 

สตม.ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ห้วงระหว่างวันที่ 10 ต.ค. - 12 พ.ย.65

ตามที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค หรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ประจำปี พ.ศ.2565 (APEC 2022 Thailand) ในห้วงระหว่างวันที่ 14 - 19 พ.ย. 65 ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รอง ผบ.ตร., และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่กำชับให้ สตม. ดำเนินการระดมกวาดล้าง สืบสวนจับกุม ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 โดยเน้นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการ   อยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) และความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง
เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่กำลังจะมีขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ อีกทั้งทำให้การปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์    ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. จึงดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค  โดยมีเป้าหมายหลัก เป็นคนต่างด้าวที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง และเมื่อมีการจับกุมผู้กระทำความผิดได้แล้ว ให้ขยายผลการจับกุมทุกรายเพื่อให้ทราบถึงผู้ร่วมกระทำความผิด เครือข่ายของผู้กระทำความผิด และให้ดำเนินการติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิด/เครือข่ายของผู้กระทำความผิด ต่อไป

นายกรัฐมนตรี เสนอกุญแจสำคัญ 3 ดอก เพื่อร่วมพัฒนาอาเซียนให้เติบโตอย่างสมดุล มุ่งส่งเสริมความยืดหยุ่น ปรับตัว และยั่งยืน ในการประชุม ASEAN Global Dialogue ครั้งที่ 2 

เมื่อเวลา 08.20 น.วันที่ 13 พ.ย.ที่กรุงพนมเปญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุม ASEAN Global Dialogue ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ “การเสริมสร้างประชาคมอาเซียนที่มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวและมีความยั่งยืนในยุคหลังโควิด-19 (Building Resilient and Sustainable ASEAN in the Post COVID-19 Era)” 

โดยการประชุมนี้ เป็นการประชุมแบบ เต็มคณะ มีสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเป็นประธานการประชุม ประกอบด้วย 25 ประเทศ/หน่วยงาน 9 ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน แคนาดา อินเดีย รัสเซีย สหภาพยุโรป และผู้แทนระดับสูงจากองค์การระหว่างประเทศ อาทิ สภาเศรษฐกิจโลก (WEF) องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารโลก (World Bank) คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียแปซิฟิก (ESCAP) ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) และ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA) รวมทั้ง องค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งเข้าร่วมโดยส่งข้อความผ่านการบันทึกเทปล่วงหน้า 

การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 2 จากที่เคยจัดเมื่อปี 2555 ซึ่งกัมพูชารื้อฟื้นกรอบการประชุมนี้ขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการนำเสนอวิสัยทัศน์ของผู้นำอาเซียนเกี่ยวกับการฟื้นตัวที่ยั่งยืนจากวิกฤตโควิด-19 เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความเห็น ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างอาเซียนกับองค์การระหว่างประเทศและร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์การฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ตลอดจน ส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคและความร่วมมือระหว่างประเทศ และส่งเสริมประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมการรื้อฟื้นการประชุมนี้ เพื่อให้ผู้นำอาเซียนและผู้แทนระดับสูงจากองค์การระหว่างประเทศได้แลกเปลี่ยนทัศนะและร่วมกันหาแนวทางการฟื้นตัวและการเติบโตที่ยั่งยืนภายหลังสถานการณ์โควิด-19 โลกกำลังฟื้นตัวอย่างช้า ๆ แต่ยังมีความท้าทายอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งเป็นเครื่องย้ำเตือนว่า อาเซียนจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนแก่ประชาชน โดยส่งเสริมความสมดุลและความยั่งยืนอย่างแน่วแน่ ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานที่จะช่วยให้เราสามารถปรับตัวต่อสภาวการณ์ต่าง ๆ และประคับประคองตนเองในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและไม่คาดคิด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top