Tuesday, 20 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

ชนดับ 3 ศพ ยักษ์ใหญ่รถพ่วงขยี้น้องเล็กรถกระบะ หลังไม่พบตัวคนขับในที่เกิดเหตุแล้ว

เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ศูนย์วิทยุกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุบริเวณโค้งสายชล บนถนนเพชรเกษม ฝั่งขาขึ้นกรุงเทพฯ หมู่ 3 ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ห่างจากศาลพ่อตาหินช้างประมาณ 1 กิโลเมตร

ร.ต.อ.สนธยา ไทยประเสริฐ พนักงานสอบสวนเวร สภ.สลุย รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย เขต อ.ท่าแซะ พบรถพ่วง 22 ล้อ ยี่ห้อวอลโว่บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ หมายเลขทะเบียน 77-4467 กรุงเทพมหานคร ชนทับอยู่บนรถกระบะ ยี่ห้อนิสสัน บิ๊กเอ็ม รุ่นฟรอนเทียร์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บร 1085 นครปฐม จนทำให้รถกระบะมีสภาพบี้แบนอยู่ด้านล่าง ภายในรถกระบะมีผู้เสียชีวิตที่โดยสารมากับรถกระบะรวม 3 ราย ประกอบด้วย นายวสันต์ เชื้อนุช อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148/1 ม.4 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร เป็นผู้โดยสารที่นั่งมาในรถกระบะ นายราเชญ ชาวปากน้ำ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/2 ม.7 ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร คนขับรถกระบะ และ น.ส.ธิดารัตน์ ตั้งซุยยัง อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ม.4 ต.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภรรยาของนายราเชญ ส่วนคนขับรถพ่วงทราบชื่อคือ นายณรงค์ชัย (ไม่ทราบนามสกุล) ไม่พบตัวในที่เกิดเหตุแล้ว

รับแจ้งจากเพื่อน ๆ ของผู้เสียชีวิตที่มาดูที่เกิดเหตุ ทราบว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ทำงานเกี่ยวกับสายเคเบิ้ลซึ่งขณะนี้กำลังทำการซ่อมแซมสายเคเบิ้ลอยู่ในบริเวณพื้นที่ใกล้ที่เกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุเพื่อน ๆ ได้โทรถามทีมผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายว่าอยู่ไหนแล้ว ก็ได้รับคำตอบว่า กำลังเก็บอุปกรณ์เพื่อเตรียมกลับที่พัก จากนั้นเสียงก็เงียบหายไป จนมาทราบว่าเพื่อน ๆ ทั้ง 3 ราย ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้ว

เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ต้องช่วยกันนำอุปกรณ์ตัดถ่างงัดซากรถเพื่อนำศพผู้เสียชีวิตออกมาจากใต้ท้องรถพ่วง เพื่อลำเลียงศพไปชันสูตรที่ รพ.ท่าแซะ และแจ้งไปยังญาติ ๆ ให้มารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลทางประเพณี ส่วนพนักงานสอบสวนจะตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด และติดตามคนขับรถพ่วงมาสอบปากคำก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

ลำพูน – อธิบดีกรมสุขภาพจิต ติดตามการขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหา ‘การฆ่าตัวตาย’ ภายใต้กิจกรรม 4 Plilar

แพทย์หญิง พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิตพร้อมคณะฯ ติดตามการขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการฆ่าตัวตาย ภายใต้กิจกรรม 4 Plilar ณ ห้องประชุมจามเทวี ศาลากลางจังหวัดลำพูน ถนนอินทยงยศ ตำในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน และประชุมติดตามผลการดำเนินงานสุขภาพจิตชุมชนในโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการฆ่าตัวตาย (4 pillar) จังหวัดลำพูน ในวันนี้ (30 มิ.ย. 64) เมื่อเวลา 09:30 น.

นอกจากนี้ ยังได้มีการอภิปรายหัวข้อการป้องกันแก้ไขปัญหาการฆ่าตัวตายประเด็น

1. นโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาการฆ่าตัวตายของจังหวัดลำพูน โดย นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน

2. สถานการณ์การฆ่าตัวตายของประเทศไทย และแนวทางแก้ไขปัญหา โดย แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต

3. บทบาทของพระสงฆ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการฆ่าตัวตาย โดย พระเทพรัตนนายก เจ้าคณะจังหวัดลำพูน

4. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการฆ่าตัวตายโดยใช้ลำพูนโมเดล (4 pillar) โดย นายแพทย์สุผล ตติยนันทพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำพูน

ดำเนินรายการ โดย นายแพทย์ กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนปรุง และ นางบุษบา อนุศักดิ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำพูน

จากนั้น อธิบดีกรมสุขภาพจิต พร้อมคณะฯ เดินทางไปยังเทศบาลตำบลทากาศเหนือ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เพื่อติดตามผลการดำเนินงานสุขภาพจิตชุมชน และ มอบทุนประกอบชีพให้กับผู้เปราะบาง โดย แพทย์หญิงพรรณพิมลฯ ก่อนเดินทางกลับ

นางพรรณพิมล อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า "จากสถานการณ์การฆ่าตัวตายประเทศไทย ในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมา พบมีอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จต่อแสนประชากรสูงอยู่ในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง , 2540 โดยในปี 2540-2542 พบร้อยละ 6.92-8.12 และสูงสุดในปี 2542 ร้อยละ 8.59 ส่วนในปี 2563 อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ ต่อแสนประชากร อยู่ที่ร้อยละ 7.37 และจากการรวบรวมข้อมูลตามเขตสุขภาพ ในช่วงเดือน ตุลาคม 2563 ถึง พฤษภาคม 2564 พบเขตสุขภาพที่ 18 จังหวัดภาคเหนือตอนบน) มีอัตราการฆ่าตัวตายสําเร็จต่อแสนประชากร ร้อยละ 10.01 และ สูงสุดในจังหวัดลำพูน ถึงร้อยละ 14.22"

สำหรับ การป้องกันปัญหาการฆ่าตัวตายและการลดอัตราการฆ่าตัวตายจะสำเร็จได้นั้น เกิดจากแรงขับเคลื่อนจากทุกภาคส่วน โดยมีคณะกรรมการระดับจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ภาคส่วนต่าง ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันช่วยเหลือ ค้นหา ผู้ที่มีความเสี่ยงการฆ่าตัวตายในกลุ่มนายจ้าง ลูกจ้าง และแรงงานในชุมชน ด้วยการใช้เครื่องมือ Mental Health Check-In เพื่อตรวจเช็คสุขภาพใจ สำรวจผู้ที่มีภาวะเครียด ซึมเศร้า ภาวะหมดไฟ เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย โดยข้อมูลที่ได้จะส่งต่อทีมสุขภาพจิตให้คำปรึกษา จะลดผลกระทบดังกล่าวได้ หรืออีกหนึ่งช่องทางการติต่อเพื่อปรึกษาปัญหาสุขภาพจิต สามารถติดต่อสายตรง 1323 หรือปรึกษาช่องทางออนไลน์ผ่านแฟนเพจ  Facebook  สายด่วนสุขภาพจิต 1323

ทั้งนี้ การใช้วัคซีนใจในชุมชน 4 สร้าง 2 ใช้ คือ สร้างชุมชนปลอดภัย สร้างชุมชนให้สงบ สร้างชุมชน ให้มีความหวัง สร้างชุมชนที่เข้าใจและให้โอกาส ใช้ศักยภาพชุมชน และใช้สายสัมพันธ์ในชุมชน รวมถึงการสอดส่อง มองหา ใส่ใจรับฟัง และส่งต่อเชื่อมโยง ในหลัก 3 ส. จะช่วยส่งเสริมป้องกันปัญหาการฆ่าตัวตายได้อย่างยั่งยืน อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยในที่สุด


ภาพ/ข่าว  กรรณิการ์  วิจิตรสกลการ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดลำพูน

#55 ‘แอโร่ซอฟ’ ช่วยผู้ประกอบการรายย่อยคนไทย เปิดโอกาสให้โปรโมทฟรีช่วงบอลยูโร 2020

???? #เฟส55ช่วยต่อไม่รอแล้ว

‘แอโร่ซอฟ’ ช่วยผู้ประกอบการรายย่อยคนไทย เปิดโอกาสให้โปรโมทฟรีช่วงบอลยูโร 2020

.

.

อุบลราชธานี - พัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายให้เป็น Premium OTOP

นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พบปะกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายให้เป็น Premium OTOP กิจกรรมที่ 3 สร้างการรับรู้ภูมิปัญญาผ้าและเครื่องแต่งกาย  ณ หอประชุมไพรพะยอม มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี

โครงการดังกล่าวกรมการพัฒนาชุมชน ได้มอบหมายให้จังหวัดอุบลราชธานี ดำเนินการ กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ผู้ผลิต ผู้ประกอบการจากจังหวัดอุบลราชธานี ร้อยเอ็ด มุกดาหาร บึงกาฬ อำนาจเจริญ และจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 50 กลุ่ม/ราย เพื่อเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ด้านการออกแบบเครื่องแต่งกายสิ่งทอและการอนุรักษ์ผ้าไทยให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ และพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายให้เป็นผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยม เป็นที่ต้องการของตลาด

พร้อมนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้กล่าวขอบคุณกรมการพัฒนาชุมชน โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนและคณะวิทยากร เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการ ตลอดจนผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วน บูรณาการการดำเนินงานโครงการให้สำเร็จตามวัถุประสงค์ที่ตั้งไว้


ภาพ/ข่าว  กิตติภณ เรืองแสน

กอ.รมน.สตูล นำกำลังเข้าตรวจยึดป่าชายเลนคืน กว่า 26 ไร่

พ.อ.กิตติ จันทร์เอียด รอง ผอ.รมน.จังหวัดสตูล(ท.),พ.ต.ปิยะเชษฐ์ หนูฉ้ง รอง หัวหน้ากลุ่มงานประสานความมั่นคง กอ.รมน.จังหวัดสตูล,เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดสตูลร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 ,เจ้าหน้าที่ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนจังหวัดสตูล สทช.7 ,สถานีเรือละงู,เจ้าหน้าที่กองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, หน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452, สถานีตำรวจภูธรทุ่งหว้า, ฝ่ายปกครองอำเภอทุ่งหว้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ได้สนธิกำลังเข้าดำเนินการยึด ทำลาย รื้อถอน หรือทำประการใดแก่สิ่งที่เป็นอันตราย หรือสิ่งที่ทำให้เสื่อมสภาพในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติ ตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 พ.ศ. 2559 ลง พฤษภาคม 2559 ท้องที่บ้านขอนคลานตะวันตก หมู่ที่ 3 ตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล เนื้อที่ จำนวน 26-0-84 ไร่ ซึ่งได้ดำเนินการรื้อถอนพืชผลอาสินที่ปลูกไว้ในพื้นที่ เป็นต้นมะพร้าว จำนวน 46 ต้น ต้นปาล์มน้ำมัน จำนวน 180 ต้น โดยในการนี้ ได้มอบเรื่องราวให้นายนิพนธ์ เต็มแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนที่ 26 (ทุ่งหว้า สตูล) นำเรื่องราวรายละเอียดการดำเนินการไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรทุ่งหว้า ไว้เป็นหลักฐานต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ตำรวจภูธรภาค 5 เร่งรัดการดำเนินคดีกับกลุ่มขบวนการปล่อยเงินกู้ผิดกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อ กรณีเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Anti หมวกกันน็อกออนไลน์ ได้นำตัวผู้แทนผู้เสียหายจากการกระทำของขบวนการ Application เงินกู้ออนไลน์ผิดกฎหมาย มาขอความช่วยเหลือจาก ผบช.ภ.5 เนื่องจากกลุ่มผู้เสียหายดังกล่าวเคยเข้าร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในเขต จังหวัดเชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง และลำพูน แล้ว ถูกเพิกเฉย ไม่รับแจ้งความหรือลงบันทึกประจำวัน 

​ตำรวจภูธรภาค 5 ขอเรียนว่า เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Anti  หมวกกันน็อกออนไลน์ ได้มาพบและยื่นหนังสือต่อ ผบช.ภ.5 โดยแจ้งว่าทางกลุ่ม ได้ดำเนินการประสานงานกับหน่วยราชการ หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเป็นสื่อกลางในการให้การช่วยเหลือ แนะนำแนวทางแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากกลุ่มขบวนการเงินกู้ผิดกฎหมายดังกล่าว และแจ้งด้วยว่ายังมีประชาชนที่อยู่ในเขตจังหวัดจังหวัดเชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง และลำพูน ที่ได้รับความเดือดร้อน แต่ไม่ทราบถึงวิธีการดำเนินการและแนวทางในการติดต่อเพื่อขอรับความช่วยเหลือและแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งยังได้พาตัวแทนผู้เสียหายจำนวน 4 รายมาพบเพื่อให้รายละเอียดข้อเท็จจริง

ผบช.ภ.5 จึงสั่งการ ให้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ของตำรวจภูธรภาค 5 (ศปอส.ภ.5) ดำเนินการตรวจสอบข้อมูล สอบถาม ผู้เสียหายทั้ง 4 ราย สรุปได้ว่าทั้งหมดเป็นผู้เสียหาย จาก Application เงินกู้ออนไลน์ และมีที่อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ , สันทราย , แม่ออน และเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา โดยทุกสถานีตำรวจดังกล่าว ได้ดำเนินการรับแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดไปตามอำนาจหน้าที่แล้ว ทั้งนี้ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศของตำรวจภูธรภาค 5 ได้รวบรวมข้อมูล จากผู้เสียหาย แยกเป็นบัญชี ธนาคาร ที่ Application เงินกู้ ใช้ในการรับโอนเงินกับผู้เสียหาย

โดยได้ทำการตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน และข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ที่กลุ่มทวงเงินใช้ในการกระทำความผิดทวงหนี้โดยการข่มขู่ เพื่อเป็นข้อมูลและพยานหลักฐานเพิ่มเติมจัดส่งให้พนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจที่รับผิดชอบดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป อนึ่ง เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.ประจวบ  วงศ์สุข  ผบช.ภ.5 ได้ประชุมสั่งการให้หัวหน้าสถานีตำรวจ ในสังกัด จำนวน 159 สถานี ให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน ที่จะคิดกู้ยืมเงินผ่าน Application เงินกู้ออนไลน์ ขอให้พิจารณาอย่างรอบคอบ อย่าได้หลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และได้กำชับให้พนักงานสอบสวน รับแจ้งความ และให้คำแนะนำแก่ผู้เสียหายในทุกคดี “ห้ามปัด ไม่รับแจ้งเหตุ” โดยในรอบปี พ.ศ.2564 นี้ ทางตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ปล่อยเงินกู้ผิดกฎหมายแล้ว จำนวน 12 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 15 คน มีการตรวจยึดของกลางเช่น เงินสด รถจักรยานยนต์ โทรศัพท์ บัญชีรายชื่อลูกค้าที่ตกเป็นเหยื่อไว้เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผล

รมว.เฮ้ง ลงพื้นที่เตรียมกำลังแรงงานพร้อมเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์”

รมว.เฮ้ง ลงพื้นที่เตรียมกำลังแรงงานพร้อมเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เตรียมความพร้อมกำลังแรงงาน สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาล ในการเปิดประเทศเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาโดยเร็ว 

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดภูเก็ต ณ ห้องประชุมตึก 3 ชั้น สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 21 ภูเก็ต โดยมี นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายพิเชษฐ์  ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายสุทา  ประทีป ณ ถลางสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 จังหวัดภูเก็ต 

นายประทีป ทรงลำยอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และท่านรองนายกรัฐมนตรี ท่านพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงานมีความห่วงกังวลและต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลายประเทศใช้มาตรการการล็อกดาวน์หรือปิดเมือง เพื่อจำกัดการเคลื่อนที่ของผู้คนและลดการสัมผัสใกล้ชิด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อบุคคลที่อยู่ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างกะทันหัน ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงาน จึงได้กำหนดมาตรการและการช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องผู้ใช้แรงงาน จึงได้เร่งรัดให้ทุกจังหวัดสำรวจความต้องการการฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกันตน เพื่อเป็นการป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการมีงานทำให้กับผู้จบการศึกษาใหม่ การพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อรองรับวิถีใหม่ โดยการ Up skill และการ Re skill การคุ้มครองสิทธิแรงงาน และการสร้างหลักประกันทางสังคม รวมถึงมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการอีกด้วย ในวันนี้ผมจึงได้ลงพื้นที่มาเพื่อประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดภูเก็ต เพื่อติดตามรายงานสถานการณ์ด้านแรงงาน และการดำเนินงานตามภารกิจกระทรวงแรงงานเพื่อเตรียมการรองรับการเปิดเมืองภูเก็ต และตรวจเยี่ยมกิจกรรมที่สอดรับการเปิดเมือง เช่น การประเมินความรู้ความสามารถสาขาช่างไฟฟ้า ทดสอบมาตรฐานสาขาช่างไฟฟ้า มอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้ผ่านการประเมินความรู้ความสามารถสาขาช่างไฟฟ้า สาธิตบาริสต้า อบรมภาษาอังกฤษผ่านระบบซูม 

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ได้มีการดำเนินการของหน่วยงานในพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับมาตรการดังกล่าว ได้แก่ การเตรียมตำแหน่งงานว่างรองรับสำหรับผู้ว่างงาน การฝึกอาชีพอิสระ โดยเฉพาะภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ การ Up - skill/Re - skill/New - skill เพื่อยกระดับศักยภาพกำลังแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ สร้างความรับรู้ความเข้าใจ ให้คำปรึกษาด้านแรงงานแก่สถานประกอบการเกี่ยวกับใช้ระบบแรงงานสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง การดูแลสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีผู้ถูกเลิกจ้างว่างงานจากผลกระทบโควิด-19 ตลอดจนการส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาล ในการเปิดประเทศตามโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาโดยเร็ว 

รมว.แรงงาน ยังได้กล่าวส่งความห่วงใยและให้กำลังใจข้าราชการและเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดชายแดนภาคใต้และทุกจังหวัดในภาคใต้ที่เข้าร่วมประชุมผ่านระบบ Zoom  โดยขอให้ทุกคนระมัดระวังดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงปลอดภัยจากการที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในตรวจแรงงานต่างด้าว การตรวจเยี่ยมสถานประกอบการ ซึ่งกระทรวงแรงงานมีหน้าที่ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานให้ทันสมัย ทั้งการรับสมัครงาร อบรมฝึกอาชีพ แรงงานสัมพันธ์ การสร้างหลักประกันความมั่นคง ความปบอดภัยในการทำงานอีกด้วย

พิจิตร – สาธารณสุขและฝ่ายปกครองเมืองพิจิตร กวาดต้อนแรงงานก่อสร้าง1,389 ราย จับตรวจหาเชื้อโควิด

โควิดระบาดกรุงเทพและปริมณฑลรัฐบาลสั่งล็อกดาวน์รวมถึงพื้นที่ต่าง ๆ ในเมืองใหญ่หรือเมืองท่องเที่ยวก็ล้วนหากินยากลำบากส่งผลแรงงานก่อสร้างและชาวพิจิตรที่ไปทำมาหากินต่างถิ่นแห่กลับบ้านนับรวมจาก12อำเภอของพิจิตร1,389ราย ล่าสุดสาธารณสุขจับมือฝ่ายปกครอง ให้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และ อสม.ระดมกวาดต้อนจับตรวจหาเชื้อโควิดปฏิบัติการเชิงรุก

วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2564 ที่โรงพยาบาลพิจิตร นายแพทย์กมล กัญญาประสิทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร,นายแพทย์สุรชัย แก้วหิรัญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพิจิตร ,นายแพทย์โสภณ โฆษิตวานิชย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพิจิตร พร้อมด้วย นายไชยา สมถวิล นายอำเภอเมืองพิจิตร ได้ร่วมกันปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อโควิดที่เป็นกลุ่มแรงงานก่อสร้างและผู้ประกอบอาชีพสาขาอื่นที่ไปทำงานในกรุงเทพฯและปริมณฑลรวมถึงจังหวัดใหญ่ ๆ ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวแต่หลังจากที่รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ไซต์งานก่อสร้างและกิจการร้านอาหารและสถานบันเทิง ส่งผลให้ชาวพิจิตรที่ไปทำงานยังที่ต่างๆ ต่างเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองพิจิตรกันเป็นจำนวนมาก โดยมีสถิติของฝ่ายปกครองและสาธารณสุขแจ้งจำนวนผู้เข้ามาในพิจิตรเมื่อ 29 มิ.ย. 64  พบว่าจากพื้นที่ 12 อำเภอของพิจิตรมีผู้เดินทางเข้ามา 1,388 ราย และเป็นผู้ที่มาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจำนวน 550 คน  กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี  สมุทรปราการ และมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด 11 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตรัง นครปฐม ปัตตานี เพชรบุรี สงขลา สมุทรสาคร สระบุรี ยะลา นราธิวาส  อีกจำนวน 391 ราย  รวมถึงมาจากพื้นที่ควบคุม 9 จังหวัด 177 ราย  พื้นที่เฝ้าระวัง 53 จังหวัด 271 ราย

โดยในวันนี้ นายไชยา สมถวิล นายอำเภอเมืองพิจิตร ได้ให้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านและ อสม.เมืองพิจิตร ไปทำการค้นหาตัวและกวาดต้อนชุดแรกจำนวน 41 คน มาทำการ Swap หาเชื้อโควิดและวันพรุ่งนี้ก็จะนำพามาอีก 35 คน เช่นเดียวกับอำเภออื่น ๆ ก็ดำเนินการด้วยวิธีแบบนี้ด้วยเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ นายสมชาย (นามสมมุติ) เล่าว่าตนเองเป็นชาวบ้านอยู่  ต.บ้านบุ่ง อ.เมืองพิจิตร ไปขี่วินมอเตอร์ไซด์รับจ้างอยู่ที่จังหวัดระยองให้บริการคนงานก่อสร้างและผู้ใช้บริการทั่วไป ขณะนี้แคมป์คนงานก่อสร้างสั่งหยุดงานกิจการร้านค้า  ร้านอาหาร ก็ต้องปิดกิจการไปตาม ๆ กัน ทำให้ไม่มีผู้ใช้บริการจึงทำให้ขาดรายได้ ฝืนอยู่ที่ จ.ระยอง บ้านต้องเช่า ข้าวต้องซื้อ รายได้ก็ไม่พอกิน จึงตัดสินใจพาตัวเองและภรรยากลับพิจิตรบ้านเกิด แต่ก่อนที่จะเดินทางมาก็โทรประสานงานกับผู้ใหญ่บ้านทุกระยะและเมื่อกลับมาก็ปฏิบัติตามนโยบายของทางราชการไม่ได้ไปมั่วสุมกับใคร วันนี้ อสม.-ผู้ใหญ่บ้าน ชี้แจงชักชวนให้มา Swapหาเชื้อโควิดตนเองก็เต็มใจมาทั้งนี้เพื่อจะได้นำผลตรวจไปแสดงให้เพื่อนบ้านและญาติพี่น้องได้รู้ได้เห็นแล้วจะได้สบายใจ ซึ่งถือว่านโยบายของจังหวัดพิจิตรดูแลชาวพิจิตรได้เป็นอย่างดีอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

รมช.แรงงาน เดินหน้าปรับปรุงแผนการดำเนินงานด้านพัฒนากำลังคนของประเทศ รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve รับสถานการณ์โควิด-19

วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ครั้งที่ 3/2564 โดยมีหม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมประชุม และนางสาวจิราภรณ์ ปุญญฤทธิ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ทำหน้าที่เลขานุการ ณ ห้องประชุมปกรณ์ อังศุสิงห์ ชั้น 10 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน ตามแผนการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve เพื่อให้เกิดการผลิตและพัฒนากำลังคนรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศอย่างบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก การรวบรวมแผนงานโครงการด้านการผลิตและพัฒนาแรงงาน การวิเคราะห์ตำแหน่งงานและความต้องการแรงงาน และการจับคู่ระหว่างแผนโครงการและความต้องการแรงงาน เพื่อหาช่องว่างของการพัฒนา นำไปสู่แผนงานโครงการในอนาคต นอกจากนี้ยังได้มีการปรับแผนปฏิบัติงาน เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้งดจัดการประชุม และห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของบุคคลจำนวนรวมกันมากกว่า 20 คน ทำให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานไม่สามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ได้ โดยในที่ประชุมได้เสนอให้มีการประชุมกลุ่มย่อยแต่ละอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น ประสานข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อให้ข้อมูลมีความสมบูรณ์และเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงาน รวมถึงให้รายงานความก้าวหน้าในทุกสัปดาห์ เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด

รมช.แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ทบทวนและเพิ่มเติมแผนงานโครงการในปี พ.ศ. 2564-2471 ให้เป็นปัจจุบันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้วิเคราะห์ตำแหน่งงานและความต้องการแรงงานเชิงปริมาณในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ประกอบด้วย ข้อมูลทักษะเพื่ออนาคตและตำแหน่งงานที่เป็นที่ต้องการของแต่ละอุตสาหกรรม ข้อมูลความต้องการแรงงานใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายปี พ.ศ. 2563 ซึ่งขณะนี้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้จัดทำร่าง 2nd Function Map โดยได้หารือร่วมกับผู้แทนกลุ่มอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมดิจิทัล เพื่อพิจารณาร่างแผนตำแหน่งงานและความต้องการแรงงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“แม้ว่าในช่วงนี้สถานการณ์โควิด-19 ยังระบาดอย่างอย่างต่อเนื่อง แต่ภารกิจในการเตรียมแรงงานให้มีความพร้อมในอุตสาหกรรม S-Curve ยังคงเดินหน้าต่อไป โดยต้องปรับรูปแบบและแนวทางการดำเนินงานให้สอดรับกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม เพื่อให้แรงงานมีทักษะ มีความรู้ความสามารถ และแข่งขันในตลาดแรงงานได้ ” รมช. แรงงงาน กล่าวทิ้งท้าย

มุกดาหาร - แถลงข่าวการจัดงานมหัศจรรย์มุกดาหาร 3 พิภพ ณ วัดรอยพระพุทธบาทภู โดยงานมหัศจรรย์มุกดาหาร 3 พิภพ Miracle Mukdahan จะจัดขึ้น 3 แห่ง คือ ลานกิจกรรมแก่งกะเบา, ลานกิจกรรมสะพานมิตรภาพไทย-ลาว, และวัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 เวลา 18.30 น นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้ร่วมแถลงข่าวจัดงานมหัศจรรย์มุกดาหาร 3 พิภพ พร้อมผู้ร่วมแถลงข่าว พระราชรัตนโมลี เจ้าคณะจังหวัดมุกดาหาร นายศศิพงศา จันทรสาขา รองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดมุกดาหาร และนายกสมาคมเครือข่ายมุกดาหาร เมืองสามธรรม นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ททท. นางสาวกนกวรรณ ดุงศรีแก้ว ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม และประชาชนชาวมุกดาหารเกือบ 200 คน ทั้งนี้ภายในงานยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรม นาฏยนาคีศรีมุกดา การแสดงศิลปวัฒนธรรมรำมวยโบราณ และฟ้อนหางนกยูง เพื่อแสดงถึงวัฒนธรรมที่สวยงามของจังหวัดมุกดาหารอีกด้วย

สำหรับการจัดงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวเมืองสามธรรม "ย้อนตำนาน พญานาคราชออนซอนกลุ่มชาติพันธุ์ลุ่มน้ำโขงจังหวัดมุกดาหาร" และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการพัฒนาการท่องเที่ยว เมืองสามธรรมในวิถีชีวิตลุ่มน้ำโขงจังหวัดมุกดาหารสู่ความยั่งยืน ก่อให้เกิดเส้นทางท่องเที่ยวที่หลากหลาย สำหรับนักท่องเที่ยวและบุคคลทั่วไป ที่มีความเชื่อความศรัทธา เรื่องพญานาคในลุ่มแม่น้ำโขงเชื่อมโยงกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 รวมทั้งรุ่งสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการพัฒนาการท่องเที่ยวเมือง 3 ธรรม (ธรรมะ ธรรมชาติ และวัฒนธรรม) ในวิถีชีวิตลุ่มน้ำโขงจังหวัดมุกดาหารสู่ความยั่งยืนสืบไป


ภาพ/ข่าว  ชุด ฉก.พญาอินทรีย์ / เดวิท โชคชัย จ.มุกดาหาร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top