Tuesday, 20 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

ชลบุรี - ประกอบพิธีถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีฯ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ

ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อม รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรีและหัวหน้าส่วนราชการ ประกอบพิธีถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 4 กรกฎาคม 2564

วันที่ 2 ก.ค. 64 ที่ห้องโถงชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดชลบุรี อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี นายภัครธรณ์  เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อม รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี และหัวหน้าส่วนราชการ ประกอบพิธีถวายสักการะ และลงนามถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 4 กรกฎาคม 2564 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย

โดยกิจกรรมภายในงาน ประธานในพิธี เปิดกรวยดอกไม้ธูปเทียนแพถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ฯ พร้อมกล่าวถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติฯ ลงนามถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี และเยี่ยมชมนิทรรศการ อันเป็นการเสร็จสิ้นพิธี

สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงเป็นเจ้าฟ้าที่ประชาชนชาวไทยรัก เทิดทูน และศรัทธา พระองค์ทรงเป็นเจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์ ผู้มีผลงานดีเด่นของโลก ในสาขาสารเคมีก่อมะเร็ง และพิษวิทยาสิ่งแวดล้อม ทรงตั้งกองทุนจุฬาภรณ์ มูลนิธิจุฬาภรณ์ขึ้น เพื่อผลิตบุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุข รวมถึงนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่มีคุณภาพจึงเป็นที่มาในการก่อตั้ง "ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์" โดยมีพระประสงค์ให้เป็นสถาบันวิจัยวิชาการชั้นสูงและจัดการศึกษาทางวิชาการ วิชาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม การแพทย์และการสาธารณสุข

อีกทั้งยังทรงตระหนักถึงปัญหาผู้ป่วยยากไร้ และปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ จึงทรงดำริให้ก่อตั้ง "ศูนย์การแพทย์ภัทร มหาราชานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์" ขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชน ผู้มีรายได้น้อย เข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างครบวงจร

รวมทั้งเป็นโรงเรียนผลิตแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ นอกเหนือจากนี้ พระองค์ทรงก่อตั้งมูลนิธิ หน่วยงานและโครงการในพระอุปถัมภ์ โครงการบำเพ็ญพระกุศล และด้วยพระราชกรณียกิจอันทรงคุณประโยชน์ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและพสกนิกรเป็นอเนกประการ  รวมทั้งเข้าถึงการให้บริการด้านสาธารณสุขอย่างทั่วถึง

โดยเฉพาะวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ ทรงมีความห่วงใย และได้พระราชทานความช่วยเหลือต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น เครื่องช่วยหายใจ ยาและเวชภัณฑ์ ตลอดจน เครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อเสริมความเข้มแข็งให้ระบบสาธารณสุขไทย และบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ตลอดจนเป็นขวัญและกำลังใจแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ นับเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย เสมอมา


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล  ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

ชลบุรี - ทัพเรือภาคที่ 1 จัดพิธีส่งหมู่เรือ ไปปฏิบัติราชการหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน

พลเรือโท โกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 มอบหมายให้ นาวาเอก เกียรติกูล สุวรรณ รองเสนาธิการ ทัพเรือภาคที่ 1/ผู้บังคับหมวดเรือตระเวนขายแดน เป็นประธานในพิธีส่งหมู่เรือไปปฏิบัติราชการในหมวดเรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 ณ ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.64 เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล บริเวณพื้นที่ชายแดนทางทะเลไทย - กัมพูชา ประกอบด้วย เรือหลวงตากใบ , เรือ ต.113 , เรือ ต.237 และ เรือ ต.272 พร้อมให้โอวาทและมอบกระเช้า เพื่อให้กำลังพลมีขวัญและกำลังใจที่ดี ในการเดินทางไปปฏิบัติราชการชายแดนในครั้งนี้

นาวาเอก เกียรติกูล สุวรรณ กล่าวว่า การส่งหมู่เรือเข้าปฏิบัติราชการ หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการปฏิบัติการทางเรือ บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ในพื้นที่รับผิดชอบบริเวณ จว.จันทบุรี และ จว.ตราด รวมถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหาการกระทำผิดกฎหมายต่าง ๆ หน้าที่สำคัญที่จะต้องยึดมั่น คือการบรรลุภารกิจให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะต้องเสริมสร้างความร่วมมือกับมวลชนในทะเล เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ และเน้นย้ำให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ความซื่อสัตย์ และความบริสุทธิ์ยุติธรรม

สำหรับความสำคัญของการจัดพิธีส่งหมู่เรือฯ ก็คือ การบำรุงขวัญและกำลังใจของเหล่าทหารหาญผู้กล้า ที่กำลังจะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดน ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการปะทะ อีกทั้งยังเป็นการอวยพรให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ รวมถึงสามารถปฏิบัติภารกิจที่กองทัพเรือมอบหมาย ได้สำเร็จลุล่วงต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี  

ผบ.ทรภ. 3 เข้าร่วมประชุมและร่วมกิจกรรม กับคณะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางมาตรวจราชการ PHUKET SANDBOX ในพื้นที่ภูเก็ต

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นวันที่จังหวัดภูเก็ต เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาพำนักอยู่ในพื้นที่ ตามโครงการ Phuket Sandbox อย่างเป็นทางการ โดยในวันนี้ พลเรือโท เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3  ได้เข้าร่วมการประชุมและร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วย 

เป็นประธานในพิธี เปิดโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว “HUG THAIS HUG PHUKET” จัดโดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต และหอการค้า จังหวัดภูเก็ต ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต

นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมการคัดกรองนักท่องเที่ยว เข้า-ออก จังหวัดภูเก็ต ณ ด่านตรวจภูเก็ต (ด่านท่าฉัตรไชย ซึ่งเป็นหน่วยตรวจสอบผู้เดินทางเข้าออกจังหวัดภูเก็ตทางบก) เป็นประธาน การประชุมติดตาม โครงการ Phuket Sandbox ณ โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ โดยได้มอบนโยบายและข้อสั่งการเพื่อความสำเร็จอย่างยั่งยืนของโครงการ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติตามนโยบายที่รัฐบาลกำหนดอย่างเคร่งครัด

นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมความพร้อมการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว เยี่ยมชมการฟื้นคืนสภาพของชายหาด และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยได้ทำกิจกรรมปลูกต้นจิกทะเล และปล่อยเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ

นายกรัฐมนตรี ต้อนรับนักท่องเที่ยว สายการบินที่เดินทางเข้าประเทศไทย ณ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต

นับว่าโครงการ Phuket Sandbox นี้ เป็นสิ่งที่ท้าทายชาวภูเก็ตเป็นอย่างมาก ซึ่งหากโครงการนี้สำเร็จ จะขยายไปสู่เมืองอื่น ๆ ในประเทศไทยได้ต่อไป เพื่อให้ประเทศของเราสามารถเดินไปข้างหน้าได้ตามภารกิจ 120 วัน เปิดประเทศให้ได้ที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายไว้


ภาพ/ข่าว ทัพเรือภาคที่3 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

ชลบุรี - "เมืองพัทยาพร้อม" รับจองฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 3 วัน ประชาชนทั้งในเขตและผู้อยู่อาศัย แห่ลงทะเบียนแล้ว 41,568 คน

ตามที่เมืองพัทยา ได้ดำเนินการตามแนวทางจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชน โดยมีเป้าหมายครอบคลุมร้อยละ 70 ของพื้นที่ สร้างระบบภูมิคุ้มหมู่ สอดคล้องกับนโยบายเปิดประเทศ 120 วัน ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดย นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ได้สั่งซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มจำนวน 1 แสนโดส สำหรับประชาชนในเขตเมืองพัทยา 5 หมื่นคน

ทั้งนี้ ได้เปิดให้บริการเพิ่มช่องทางการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ด้วยการดำเนินการ "โครงการเมืองพัทยาพร้อม" โดยเปิดให้ประชาชนสามารถลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ทั้งแบบระบบออนไลน์ Google from "เมืองพัทยาพร้อม" และ 8 จุดบริการรับลงทะเบียนทั่วเมืองพัทยา โดยเปิดให้ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 28 มิ.ย.ถึง 2 ก.ค.64

มีรายงานข้อมูลจาก ศูนย์ประสานงานนายกเมืองพัทยาว่า หลังจากเปิดรับลงทะเบียนจองฉีดวัคซีน "เมืองพัทยาพร้อม" ได้ 3 วัน พบว่ามีประชาชนทั้งในเขตและผู้อยู่อาศัย ทยอยลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ และผ่านจุดบริการรับลงทะเบียนกันอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงเวลาเปิดรับลงทะเบียน ตั้งแต่เวลา 9.00-15.00 น.

โดยล่าสุด มีประชาชนลงทะเบียนแล้วรวม 41,568 คน แบ่งเป็นประชาชนในเขตเมืองพัทยา ที่ลงทะเบียนแล้วรวมทั้งหมด 19,217 คน และมีประชาชนผู้อยู่อาศัยลงทะเบียนแล้วรวม 22,351 คน


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

“Blood Challenge” ได้เวลากลับมาช่วยเพื่อน บริจาคโลหิต ฝ่าวิกฤติ COVID-19 ส่งต่อบุญผ่านสื่อสังคมออนไลน์กับแนวคิดการนำกระแส Challenge เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เกิดการบริจาคโลหิตเพิ่มขึ้น

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เชิญชวนร่วมส่งต่อบุญผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กับโครงการ Blood Challenge สร้างกระแสการบริจาคโลหิต ผ่าน Facebook, Instagram, Twitter และ TikTok เพียงโพสต์ภาพและข้อความพร้อมติด #BloodChallenge และ Tag ชวนครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้จัก ร่วมแคมเปญอีก 3 คน ตั้งค่าเป็นสาธารณะ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป

รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 สร้างความวิตกกังวลต่อผู้บริจาคโลหิตเป็นอย่างมาก ทำให้ภาพรวมการบริจาคโลหิตมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง มีโลหิตสำรองไม่ถึง 3,000 ยูนิตต่อวัน ตามมาตรฐานงานบริการโลหิต ส่งผลให้โรงพยาบาลทั่วประเทศขาดแคลนโลหิต เสี่ยงต่อการเลื่อนการผ่าตัด เลื่อนการรักษา โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเลือดที่จำเป็นต้องได้รับเลือดเป็นประจำสม่ำเสมอ

จึงมีแนวคิดในการนำกระแส Challenge มาประชาสัมพันธ์ให้เกิดการบริจาคโลหิตเพิ่มขึ้น โดยขอเชิญชวนผู้บริจาคโลหิตและประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในกิจกรรม 2 รูปแบบ ดังนี้

1. ผู้บริจาคโลหิต ถ่ายภาพถือป้ายรณรงค์ เขียนข้อความเชิญชวนสั้น ๆ โพสต์ลง Social Media อาทิ Facebook, Instagram, Twitter, TikTok พร้อมทั้ง Challenge และ Tag ต่อไปยังครอบครัว เพื่อน คนรู้จัก ให้มาบริจาคโลหิตต่ออีก 3 คน และติด #BloodChallenge ตั้งค่าเป็นสาธารณะ

2. ผู้ที่ไม่สามารถบริจาคโลหิตได้ สามารถร่วมกิจกรรมเชิญชวนบริจาคโลหิต และประชาสัมพันธ์โครงการฯ โดยเขียนข้อความเชิญชวนสั้นๆ และโพสต์ลง Social Media พร้อมทั้ง Challenge และ Tag ต่อไปยังครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้จัก ให้มาบริจาคโลหิตต่ออีก 3 คน และติด #BloodChallenge ตั้งค่าเป็นสาธารณะ

เพียงเท่านี้ คุณก็ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ด้วยการบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอทุก 3 เดือน เพื่อให้มีโลหิตสำรองเพียงพอจ่ายให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ ลดภาวะการขาดแคลนโลหิตในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ได้

 

ชลบุรี - พลังสามัคคี พลังราชนาวีพื้นที่สัตหีบ ร่วมกับหน่วยงานราชการ และประชาชนสัตหีบ รวมพลังบริจาคโลหิต เข้าสภากาชาดไทย ร่วมฝ่าวิกฤตชาติ COVID-19

วันที่ 1 ก.ค.64 น.อ.วุฒิชัย ภู่เจริญยศ ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน กองเรือยุทธการ นำกำลังพลหน่วยขึ้นตรงกองเรือยุทธการ จำนวน 60 นาย ร่วมโครงการน้อมดวงใจทำความดี บริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยกิ่งกาชาดอำเภอสัตหีบ ณ หอประชุมสถานีตำรวจภูธร อำเภอสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ทั้งนี้หน่วยของกองทัพเรือที่มีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.สัตหีบ ประกอบด้วย กองเรือยุทธการ , ทัพเรือภาคที่ 1, ฐานทัพเรือสัตหีบ , หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้รวมพลังสามัคคี พลังราชนาวี ด้วยความสมัครใจทั้งสิ้น จำนวน 230 นาย ร่วมกับหน่วยงานราชการ พี่น้องประชาชนในอำเภอสัตหีบ ร่วมบริจาคโลหิต เพื่อนำเลือดเข้าสู่คลังเลือด ที่ประสบปัญหาการขาดเลือดขั้นวิกฤต สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบัน

เป็นไปตามเจตนารมย์ของ พล.ร.อ.สุทธินันท์  สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ที่ย้ำต่อกำลังพลเสมอว่าให้ดำรงความพร้อมสำหรับการให้ความช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะสถานการณ์ของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชนในทุกด้าน กองเรือยุทธการพร้อมเคียงข้างประชาชนฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  กองกิจการพลเรือน กองเรือยุทธการ

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

ศรชล.และหน่วยงานประมง ร่วมส่งกำลังพล สห.ทร.และ สอ.รฝ. หลังจบภารกิจ ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จากบกสู่แรงงานภาคประมงในทะเล

เมื่อ 1 ก.ค.64 ศรชล.จว. สมุทรสาคร โดย น.อ. เอกภาพ สายโสภา รองผอ.ศรชล.จว.สมุทรสาคร พร้อมด้วย น.อ.สุรศักดิ์ กิ่มบางยาง หน.ศคท.จว.สมุทรสาคร กำลังพลในสังกัด ศรชล จว.สมุทรสาคร/ศคท.จว.สมุทรสาคร นายสนธยา บุญสุข ผอ.ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการด่านตรวจประมงเขต 5 จว.สมุทรสาคร ผู้แทนสมาคมการประมง จว.สมุทรสาคร  ผู้แทนองค์การสะพานปลา จว.สมุทรสาคร

ร่วมส่งกำลังพล สารวัตรทหารเรือ (สห.ทร.) และ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) กองทัพเรือ จำนวน 20 นาย ที่เสร็จสิ้นการปฎิบัติภารกิจ ตั้งจุดสกัดคัดกรองทางน้ำ และภารกิจควบคุมท่าเรือประมงพาณิชย์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จากบกสู่แรงงานภาคประมงทะเลในพื้นที่ จว.สมุทรสาคร ระหว่างวันที่  25 ธ.ค.63 - 30 มิ.ย.64 ตามคำสั่ง กองทัพเรือ/ศรชล. และ คำสั่ง จว.สมุทรสาคร

และในโอกาสนี้ น.อ.เอกภาพ สายโสภา รอง ผอ.ศรชล.จว.สมุทร สาคร ได้กล่าวให้โอวาทและกล่าวขอบคุณ กำลังพลทุกนายในนามของ กองทัพเรือ/ศรชล.และ ในนามของ จว.สมุทรสาคร สมาคมการประมง จว.สมุทรสาคร และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคประมงทะเลสมุทรสาคร และได้ร่วมมอบของที่ระลึกที่ได้รับมอบจาก สมาคมการประมง จว.สมุทรสาคร (ผลิต ภัณฑ์อาหารทะเลตากแห้ง) ส่งมอบให้กับกำลังพล สห.ทร.และ สอ.รฝ. ทุกนาย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและเป็นที่ระลึก ก่อนเดินทางกลับที่ตั้งปกติ อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี โดยสวัสดิภาพ ณ ท่าเทียบเรือ องค์การสะพานปลา จว.สมุทรสาคร อ.เมืองสมุทร สาคร จว.สมุทรสาคร

ภายหลังพิธีส่งกำลังพล สารวัตรทหารเรือและ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ แล้วกำลังพลทั้งหมดได้เดินทางไป ที่ วัดศรีสุทธาราม (วัดกำพร้า) และวัดโกรกกราก เพื่อถวายปัจจัย ตู้ทำน้ำเย็นและอุปกรณ์ทำความสะอาด ถวายแด่ เจ้าอาวาสที่มีเมตตาในการจัดหาที่พัก สิ่งอำนวยความสะดวกและจัดเตรียมสถานที่ ในการปฎิบัติงานตั้งจุดสกัดคัดกรองทางน้ำ ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย


ภาพ/ข่าว  ศรชล.ภาค 1 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

ลำปาง - ททท.สำนักงานลำปาง ร่วมกับ ชมรมสนามกอล์ฟลำพูน แถลงเปิดตัว กิจกรรม"เล่นกอล์ฟ ผ่อนคลาย ที่ลำพูน Green Season"

เมื่อวันพฤหัสบดีที่  1 กรกฏาคม 2564 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ชมรมสนามกอล์ฟลำพูน จัดแถลงข่าว กิจกรรม“เล่นกอล์ฟ ผ่อนคลาย ที่ลำพูน Green Season” (Playing Golf at Lamphun in Green Season) โดยมีนางสาวสรัสวดี อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาค ภาคเหนือ ททท.นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลำปาง และนายสุพชฌาย์ เสวตไอยาราม ประธานชมรมสนามกอล์ฟลำพูน ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดสนามกอล์ฟและรีสอร์ทในเครือกัชชัน ร่วมแถลงข่าว เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวจังหวัดลำพูนภายใต้มาตรฐาน SHA ณ ห้องฟ้าประทาน คลับเฮาส์ กัซซัน เลกาซี่ กอล์ฟ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยภูมิภาคภาคเหนือ และ ททท. สำนักงานลำปาง ร่วมกับชมรมสนามกอล์ฟลำพูน และ 6 สนามในจังหวัดลำพูน (สนามกอล์ฟอัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ (ลำพูน), สนามกอล์ฟอาทิตยา เชียงใหม่ กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท (ลำพูน), สนามกอล์ฟกัซซัน ขุนตาน กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท, สนามกอล์ฟกัซซัน พาโนราม่า กอล์ฟ คลับ, สนามกอล์ฟกัซซันเลกาซี่ กอล์ฟ คลับ และสนามกอล์ฟหริภุญชัย กอล์ฟ คลับ) จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Lover) ในช่วง Green Season “เล่นกอล์ฟ ผ่อนคลาย ที่ลำพูน Green Season” หรือ Playing Golf at Lamphun in Green Season ระหว่างวันที่ 10 กรกฎาคม ถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2564

โดย ททท. มอบสิทธิประโยชน์ คูปองชุดอาหาร จำนวน 700 คูปองต่อสนามกอล์ฟ ทั้งนี้ทุกสนามกอล์ฟดำเนินกิจกรรมภายใต้ มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย Safety & Health Administration (SHA) และยึดหลัก D-M-H-T-T นักกอล์ฟสามารถมาออกรอบท่ามกลางความเขียวขจีของ Fairway และ Putting Green ในบรรยากาศสดชื่นสวยงามมีเอกลักษณ์ของแต่ละสนามกอล์ฟ

นางสาวสรัสวดี อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ กล่าวเพิ่มเติมถึงการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ว่า เป็นการกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองที่มีศักยภาพโดยใช้อัตลักษณ์สนามกอล์ฟที่มีมาตรฐานการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงกีฬาให้เป็นที่รู้จักและสามารถขยายผลในการกระจายรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นใกล้เคียงได้ ททท.สำนักงานลำปาง และชมรมสนามกอล์ฟลำพูน  

จึงขอเชิญชวนผู้รักกีฬากอล์ฟมาร่วมกิจกรรม “เล่นกอล์ฟ   ผ่อนคลาย ที่ลำพูน Green Season” เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดลำพูนอย่างปลอดภัยผ่านทางกีฬากอล์ฟ ซึ่งเชื่อมโยงไปสู่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับสนามกอล์ฟในหลายภาคส่วนอีกด้วย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก สนามกอล์ฟอัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ (ลำพูน) โทร. 053 880 888 สนามกอล์ฟอาทิตยา เชียงใหม่ กอล์ฟ แอนด์  รีสอร์ท (ลำพูน) โทร. 053 096 333  สนามกอล์ฟกัซซัน ขุนตาน กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท โทร. 053 507 006 สนามกอล์ฟกัซซัน พาโนราม่า กอล์ฟ คลับ โทร. 053-921-815  สนามกอล์ฟกัซซันเลกาซี่ กอล์ฟ คลับ โทร. 053 921 846 และ สนามกอล์ฟหริภุญชัย กอล์ฟ คลับ โทร. 053 096 222


ภาพ/ข่าว  วิภาดา / เชียงใหม่

สุรินทร์ - แม่ทัพภาคที่ 2 ตรวจเยี่ยมความพร้อมหน่วยฝึกทหารใหม่ มทบ.25,ร23.พัน 3 กำชับดูแลทหารใหม่อย่างใกล้ชิด ภายใต้มาตรการ covid-19 อย่างเคร่งครัด

วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 พลโทธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พลตรีสาธิต เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 ,พลตรีอดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พันเอกสงคราม โชคชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมรับทหารใหม่ ผลัดที่ 1 ประจำปี 2564 ณ หน่วยฝึกกองร้อยมณฑลทหารบกที่ 25 และหน่วยฝึกทหารใหม่ ร.23 พัน 3 อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์

เพื่อตรวจเยี่ยมความพร้อมการรับทหารใหม่ จำนวน 111 นาย ที่เข้ามาประจำการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 พร้อมเยี่ยมชมการสาธิตขั้นตอนการปฏิบัติในการรับทหารใหม่ โดยเน้นย้ำการปฏิบัติต้องอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 อย่างเคร่งครัด ตลอดจนให้คำแนะนำในการปฏิบัติต่าง ๆ แก่หน่วยฝึก โดยจะมีการกักตัวทหารใหม่ จำนวน 14 วัน ก่อนเริ่มทำการฝึก  และการฝึกจะเป็นในลักษณะปิด (บับเบิ้ลเทรนนิ่งแอเรีย) มีทั้งการตรวจสอบ การคัดกรอง การกักตัวและมาตรการของการควบคุมในการพบปะ โดยจำกัดสถานที่ เพื่อลดการนำเชื้อเข้าสู่หน่วยฝึก และลดการกระจายเชื้อเข้าสู่หน่วยทหาร รวมถึงเพื่อควบคุมการติดเชื้อของหน่วยฝึก ในกรณีที่มีการแพร่ระบาด

โดยมีครูฝึกทหารใหม่ ผู้ช่วยผู้ฝึก ครูนายสิบ ให้การต้อนรับ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เน้นย้ำผู้ฝึกทหารใหม่ ผู้ช่วยผู้ฝึก ครูนายสิบ และครูทหารใหม่ทุกนาย ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งการรับทหารใหม่เข้ามาในหน่วย ทุกคนมีหน้าที่ที่จะฝึกอบรม สอนทหารใหม่มีระเบียบวินัยเป็นทหารของชาติ ทั้งยังกำชับถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ที่มีความรุนแรงในปัจจุบัน ให้หน่วยฝึกปฏิบัติตามมาตรการป้องกันของกองทัพบก และกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยให้หน่วยฝึกวางแผนการปฏิบัติตามระเบียบ ปฏิบัติประจำวัน ให้มีความเหมาะสม


ภาพ/ข่าว  ปุรุศักดิ์ แสนกล้า 

กาฬสินธุ์ – บูรณาการท้องถิ่น ใส่ใจความสะอาดตามค่านิยม 11 ประการ

จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับสำนักงานท้องถิ่นจังหวัดกาฬสินธุ์ แขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ แขวงทางหลวงชนบทกาฬสินธุ์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกาฬสินธุ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดกาฬสินธุ์ และแขวงทางหลวงสกลนคร ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือรักษาความสะอาดของถนน เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณสองข้างทางให้มีความสะอาด สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย สองคล้องกับค่านิยม 11 ประการ “ใส่ใจความสะอาด” ของผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมโสมพะมิตร ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ ชั้น 4 นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานบันทึกข้อตกลง ว่าด้วยความร่วมมือในการรักษาความสะอาดของถนน ในเขตพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระหว่างแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ แขวงทางหลวงชนบทกาฬสินธุ์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.กาฬสินธุ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ.กาฬสินธุ์ และแขวงทางหลวงสกลนคร โดยมีนายเลิศบุศย์ กองทอง รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นายปัญญา ปานแก้ว ท้องถิ่น จ.กาฬสินธุ์ นางดวงตา พายุพล ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ พ.จ.ต.สำเนียง  หวังเจริญ ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่น พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน จ.กาฬสินธุ์ 151 แห่ง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงอย่างพร้อมเพรียง

นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่ตนได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติราชการด้วยค่านิยม 11 ประการ ประกอบด้วย

1.ความรู้คู่คุณธรรม

2.ปฏิบัติตามกฎหมาย

3.ใส่ใจความสะอาด

4.มีมารยาทแบบไทย

5.รักษาวินัยจราจร

6.ทรัพยากรต้องรักษา

7.รู้ค่าประชาธิปไตย

8.ครอบครัวปลอดภัย

9.ห่างไกลยาเสพติด

10.ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 

11.เคียงคู่จิตอาสา

ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 9 เดือนที่ปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกับส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ เอกชนและทุกภาคส่วน ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการบริหารราชการและพัฒนาด้านอื่นๆ เพื่อให้การพัฒนาเดินหน้า นำมาซึ่งความอยู่เย็นเป็นสุข และความอยู่ดีกินดีมาสู่พี่น้องประชาชนชาวกาฬสินธุ์

นายทรงพลกล่าวอีกว่าในส่วนของการลงนามบันทึกข้อตกลง ว่าด้วยความร่วมมือในการรักษาความสะอาดของถนนดังกล่าวนั้น เนื่องจากถนนทุกสาย ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของหลายหน่วยงาน บางสายอยู่ในความรับผิดชอบของแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ หรือแขวงทางหลวงชนบทกาฬสินธุ์ และอยู่ในพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ใกล้ชิดกับถนน ดังนั้นเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการดูแลถนนร่วมกัน ในรูปแบบของการบูรณาการ ทั้งงบประมาณ รวมถึงการการปรับปรุงภูมิทัศน์ และการรักษาความสะอาด

นายทรงพลกล่าวเพิ่มเติม เพื่อให้การดำเนินโครงการถนนสะอาด เกิดการบูรณาการ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยู ว่าด้วยความร่วมมือในการรักษาความสะอาดของถนน ในเขตพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระหว่างแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ แขวงทางหลวงชนบทกาฬสินธุ์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.กาฬสินธุ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ.กาฬสินธุ์ และแขวงทางหลวงสกลนคร ทั้งนี้ เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณสองข้างทางให้มีความสะอาด สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย สอดคล้องกับค่านิยม 11 ประการ  ข้อที่ 3 “ใส่ใจความสะอาด” ของผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ดังกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top