Tuesday, 20 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

คนร้ายแอบเข้าขโมย ปูไข่ ปูเนื้อ และกั้งทะเล ของร้านขายอาหารในอำเภอขลุง จ.จันทบุรี 3 วันติดต่อกัน ภาพวงจรปิดจับไว้ได้ เหมือนถูกซ้ำเติมจากสถานการณ์โควิด ตำรวจเร่งตามจับ

ที่ร้านขายอาหารทะเล ชื่อเดชา ปูคอนโด ตั้งอยู่ถนนเทศบาลสาย 3 ต.ขลุง อ.ขลุง จันทบุรี ถูกคนร้ายแอบเข้ามาขโมยปูไข่และปูเนื้อไป ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับได้ และเจ้าของร้านนำมาโพสต์เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนภัยร้านค้า และประชาชนให้ช่วยกันระวัง

แต่คืนต่อมาคนร้ายรายเดิมกลับมาอีกครั้ง รวม 3 ครั้ง ครั้งแรกคืนวันที่ 26 มิถุนายน 64 ไม่สามารถบันทึกภาพได้ ส่วนภาพครั้งที่ 2 ไม่ได้เปิดไฟล์ภาพจึงมืดมองไม่ชัด ครั้งที่สองนี้คนร้ายได้ปูไข่กิโลกรัมละ 800 บาท ไปประมาณ 10 กิโลกรัม และภาพล่าสุดชัดเจนมาก เนื่องจากทางร้านได้เปิดไฟแสงสว่าง จึงจับภาพคนร้ายและพฤติกรรมได้อย่างชัดเจน เป็นภาพเวลาประมาณตีหนึ่งเศษของคืนที่ผ่านมา ( 27 มิ.ย.64 )

ครั้งนี้คนร้ายมาพร้อมกับเพื่อนอีกหนึ่งคน เมื่อมาถึงก็มุ่งหน้าไปที่คอนโดปูเหมือนที่เคยขโมยในครั้งก่อน แต่เปิดดูแล้วไม่มีปู เพราะเจ้าของร้านย้ายที่เก็บรักษา จึงหันไปเอากั้งแก้วที่เลี้ยงไว้ ได้ไปประมาณ 2 กิโลกรัม ราคากั้งแก้วตามท้องตลาดกิโลกรัมละ 1,100 บาท ในครั้งแรกทางร้านไม่คิดที่จะแจ้งความ แต่ครั้งนี้ทำซ้ำอีกติดต่อกันแถมเดินเย้ยกล้องวงจรปิดอีกด้วย ตนเองทนไม่ไหวต้องเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองขลุง

หลังก่อเหตุ ยังไปก่อเหตุที่ร้านขายอาหารตามสั่งที่อยู่ติดกันอีกด้วยและได้ขโมยเงินสดไปได้จำนวนพันกว่าบาท จึงอยากให้เจ้าหน้าที่จับตัวขโมยรายนี้มาดำเนินคดี เพราะช่วงนี้รายได้ของร้านก็ลดลงเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 แล้ว ยังถูกขโมยมาซ้ำเติมอีก

ร้านเดชาปูคอนโด เปิดเป็นร้านขายอาหารทะเลสด รับซื้อปูจากชาวประมงพื้นบ้านและนำมาพักเลี้ยงปูเป็น ๆ ในกล่องพลาสติกสีน้ำเงินเรียงเป็นชั้น จึงเรียกว่าปูคอนโด และยังมีกั้งไซส์ใหญ่ ไว้รองรับลูกค้าที่จองโต๊ะมารับประทานที่ร้าน โดยทางร้านเปิดรับจองโต๊ะเพียงวันละ 10 โต๊ะ คือช่วงเที่ยง 5 โต๊ะและช่วงเย็นอีก 5 โต๊ะเท่านั้น เพื่อเป็นการป้องกันโควิด-19 รักษาระยะห่าง และดำเนินกิจการตามที่ ศบค.จังหวัดผ่อนปรนให้ เนื่องจากช่วงนี้ลูกค้าก็น้อยอยู่แล้วยังมาเจอกับขโมยเป็นการซ้ำเติมกันอีก อยากวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุดเพราะอาจจะไปก่อเหตุแบบนี้กับชาวบ้านในละแวกนี้อีกแน่


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา ผู้สื่อข่าวจ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

กระบี่ - สื่อท้องถิ่นจิตอาสา ร่วม สาธารณสุขคลองท่อม ประชาสัมพันธ์เชิงรุก สถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ สสอ.คลองท่อม พร้อมเผยทาง สสจ.กระบี่ กำลังรวบรวมหลักฐานสาวโรงงานซิอิ้ว จ.ตรัง แจ้งความเอาผิดฝ่าฝืน พรบ.ควบคุมโรคติดต่อ

วันที่ 28 มิถุนายน 2564 ที่หน้าโรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ นายอนันต์ ลู่เกียง สาธารณสุขอำเภอคลองท่อม พร้อมด้วยสื่อท้องถิ่น สถานีวิทยุกระเสียง รถแห่ เจ้าหน้าที่กู้ชีพคลองท่อม ได้ร่วมกันปล่อยรถแห่ประชาสัมพันธ์เชิงรุก จำนวน 4 คัน เพื่อประชาสัมพันธ์คำสั่งประกาศคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดกระบี่ ในพื้นที่อำเภอคลองท่อม เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารข้อมูลได้อย่างถูกต้อง พร้อมกันนั้นได้กระจายเสียงตามสถานีวิทยุท้องถิ่น หลาย ๆ คลื่น เช่น Fm 91.0 เหนือคลอง 95.0 พรุดินนา 102.75 คลองท่อม 101.0 ลำทับ ในกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนตระหนัก และให้ความร่วมือเข้าใจต่อสถานการณ์ในพื้นที่  

สืบเนื่องด้วยสถานการณ์โรคระบาด โควิด-19 คัตเตอร์ใหม่พบผู้ป่วยจำนวนมากในกลุ่มผู้ที่มาร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพ วัดคลองท่อมซึ่งจัดงานในระหว่างวันที่ 12 ถึง 17 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมาและมีความเชื่อมโยงระหว่างการระบาดในพื้น อ.คลองท่อม จ.กระบี่

ผลการตรวจวิเคราะห์ การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 11/1 ภูเก็ต จากการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก(Active case finding) ณ.วัดคลองท่อม วันที่ 26 มิถุนายน 2564 จำนวน 1287 ราย ผลปกติ 1286 ราย ติดเชื้อ 1 ราย ทางสาธารณสุขได้ดำเนินการประสานและดำเนินการเข้าสู่กระบวนการรักษา และสอบสวนโรค เรียบร้อยแล้ว

ด้านนายอนันต์ ลู่เกียง สาธารสุขอำเภอคลองท่อม พร้อมเผยทาง สสจ.กระบี่ กำลังรวบรวมหลักฐานสาวโรงงานซิอิ้ว จ.ตรัง แจ้งความเอาผิดฝ่าฝืน พรบ.ควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งได้ฝ่าฝืนเดินทางมาร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพ ที่วัดคลองท่อม เมื่อวันที่ 12-17 มิย 2564 ที่ผ่านมา และมีความเชื่อมโยงระหว่างการระบาดไปยังผู้ปกครองครูพี่เลี้ยงเด็กและผู้ที่ไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพในพื้นที่ อ.คลองท่อม ตามวันเวลาสถานที่ดังกล่าว และยังคงรักษามาตรการอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือบ่อย ๆ จนกว่าผ่านสถานการณ์นี้ จนถึงวันที่ 9 กรกฏาคม 2564 จากคำสั่งประกาศคณะกรรมการควบคุมโรค จ.กระบี่ ฉบับที่ 23/2564 โดย พ.ต.ท มล.กิติบดี ประวิตร  ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ 


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่  รายงาน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมการค้าต่างประเทศ สามารถเจรจาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ให้กับรัฐบาลจีนได้เพิ่มอีก 20,000 ตัน เป็นชนิดข้าวขาว 5% ภายใต้สัญญาการซื้อข้าวจีทูจีของ 2 ประเทศรวม 1 ล้านตัน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมการค้าต่างประเทศ สามารถเจรจาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ให้กับรัฐบาลจีนได้เพิ่มอีก 20,000 ตัน เป็นชนิดข้าวขาว 5% ภายใต้สัญญาการซื้อข้าวจีทูจีของ 2 ประเทศรวม 1 ล้านตัน ซึ่งไทยจะส่งมอบให้เร็ว ๆ นี้ โดยหลังจากนี้แล้ว ไทยจะพยายามเจรจาขายจีนให้ครบสัญญาโดยเร็ว ส่วนการขายข้าวจีทูจีให้กับบังกลาเทศ ล่าสุด บังกลาเทศได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) จะซื้อข้าวจากไทย 1 ล้านตัน น่าจะมีการเจรจาซื้อขายกันได้เร็ว ๆ นี้

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ข้าวขาว 5% ปริมาณ 20,000 ตัน ที่ไทยขายให้กับจีนล่าสุด อยู่ภายใต้สัญญาซื้อขายจีทูจี 1 ล้านตัน ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกัน ควบคู่กับความร่วมมือในโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ที่ผ่านมา โดยจีนนำเข้าจากไทยครั้งละ 100,000 ตัน และนำเข้าแล้ว 7 ครั้ง รวม 700,000 ตัน ยังเหลืออีก 300,000 ตัน

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปลายปี 2562 ไทยพยายามเจรจาให้จีนนำเข้าให้ครบสัญญา แต่จีนระบุว่าข้าวไทยราคาแพง และปริมาณข้าวในประเทศมีมาก จึงชะลอการนำเข้า แต่หลังจากที่ไทยใช้ความพยายามต่อเนื่อง และรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน คืบหน้ามากแล้ว จีนจึงยอมนำเข้า 20,000 ตัน ราคาเอฟโอบี ตันละ 520 เหรียญสหรัฐฯ สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน ที่ตันละกว่า 400 เหรียญสหรัฐฯ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 10.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยทยอยส่งมอบภายในเดือนมิ.ย.-ก.ค.นี้

“ปกติไทยและจีนจะเจรจาซื้อขายกันครั้งละ 100,000 ตัน แต่ครั้งนี้ ไทยมีความยืดหยุ่นมาก เปิดกว้างให้จีนนำเข้าข้าวจากไทยได้ทุกชนิด ไม่จำกัดเพียงข้าวขาว และปริมาณก็ไม่ได้กำหนดขั้นต่ำไว้ที่ 100,000 ตัน จีนจึงได้ยอมนำเข้าที่ 20,000 ตัน ในราคาสูงกว่าราคาตลาด และหลังจากนี้ กรมฯ จะหารือกับคอฟโก (หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ดูแลการนำเข้าข้าวของจีน) เพื่อซื้อขายข้าวที่เหลืออีก 280,000 ตัน ให้เสร็จภายในปีนี้” นายกีรติกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปีนี้ กรมฯ จะเดินหน้าเจรจาขายข้าวจีทูจี ภายใต้เอ็มโอยูที่ไทยลงนามกับบังกลาเทศและอินโดนีเซีย โดยมีกรอบเอ็มโอยูซื้อข้าวจากไทยปีละ 1 ล้านตัน เพื่อให้การส่งออกข้าวไทยในปีนี้เป็นไปได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 6 ล้านตัน รวมถึงจะดำเนินการภายใต้แผนยุทธศาสตร์ข้าว ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการพัฒนาพันธุ์ข้าวนุ่มให้มีหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่นิยมบริโภคข้าวนุ่ม ในราคาไม่สูงมาก รวมถึงเพิ่มผลผลิตข้าวต่อไร่ และลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้ข้าวไทยแข่งขันในตลาดโลกได้ ทั้งในเรื่องของคุณภาพ และราคา

ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-23 มิ.ย. 2564 ไทยส่งออกข้าวแล้ว 2.2 ล้านตัน ลดลง 21.03% มีมูลค่า 1,382 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 28.14% เพราะราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่งสำคัญมาก ทั้งเวียดนาม อินเดีย ปากีสถาน รวมถึงจีน อีกทั้งยังมีปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก

 

ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/107868


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ชุมพร - "จับจริง" ลงตรวจสอบทุเรียนอ่อน เตรียมพร้อมลงกล่องส่งต่างประเทศ

จับจริง ฝ่าฝืนมีโทษ ทั้งจำทั้งปรับ  ลงตรวจทุเรียนอ่อนเตรียมพร้อมบรรจุลงกล่องส่งต่างประเทศระบาดหนัก  พร้อมให้ทีมงานไปค้นหาทุเรียน อ่อนหนีไปบรรจุลงกล่องส่งต่างประเทศที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี อีกด้วย

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน 2564 ภายใต้การอำนวยการของนายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร, นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายสัมฤทธิ์ กองเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายปกาสิต พรประสิทธิ์ นายอำเภอหลังสวน ได้มอบหมายให้ นาย ชยันต์รัฐ รุ่งโรจวรารักษ์ ปลัดอาวุโสอำเภอหลังสวน พร้อมด้วย นายดุสิต ศักดิ์รกานต์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร ปลัดอำเภอหลังสวน เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดชุมพร เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดชุมพร และสมาชิก อส.

ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบสถานประกอบการรับซื้อ - ส่งออกทุเรียน  "ทรัพย์สิริพงศ์ เฟรชฟรุ๊ต จำกัด โกดังมาโนช ระยอง" โดยได้ทำการสุ่มตรวจวิเคราะห์ปริมาณแป้งในเนื้อทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ที่บรรจุลงกล่องเพื่อส่งออกตลาดต่างประเทศ จำนวน 4 ตัวอย่าง ผลตรวจพบว่า ตัวอย่างที่ 1 วัดค่าได้ 25 เปอร์เซ็นต์  ตัวอย่างที่ 2 วัดค่าได้ 33 เปอร์เซ็นต์ ตัวอย่างที่ 3 วัดค่าได้ 30 เปอร์เซ็นต์ มีค่าต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เป็นทุเรียนด้อยคุณภาพ และดำเนินการทางกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

สมุทรปราการ - ผู้บริหาร บริษัท อริยะ ถวายข้าวสาร 2,000 ถุง น้ำดื่ม เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิด

ที่ศาลาพูลเกตุ ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายสมชาย เลิศอริยานันท์ ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท อริยะอีควิปเม้นท์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรกลหนักรถขุด KOBELCO และรถบด SAKAI พร้อมศูนย์อะไหล่และศูนย์บริการครบวงจร 30 สาขา ทั่วประเทศไทย 

เดินทางพาครอบครัวเลิศอริยานันท์ เข้ากราบขอพรจากท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง พร้อมทั้งจัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระ เนื่องในโอกาสครบรอบวันคลายวันเกิด อีกทั้งยังได้มอบข้าวสาร จำนวน 2,000 ถุง และน้ำดื่มอีก จำนวน 2,000 แพ็ค โดยมอบให้กับทางวัดบางพลีใหญ่กลาง และมอบให้กับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ มอบข้าวสารให้วัดบางพลีใหญ่กลาง จำนวน 1000 ชุด มอบข้าวสารให้โรงพยาบาลบางพลี จำนวน 400 ชุด  มอบข้าวสารให้ที่ว่าการอำเภอบางพลี จำนวน 200 ชุด

มอบข้าวสารให้เทศบาลตำบลบางพลี จำนวน 200 ชุด และมอบข้าวสารให้สถานีตำรวจภูธรบางพลี จำนวน 200 ชุด รวมทั้งสิ้น 2,000 ชุด จากนั้น ทางผู้บริหาร บริษัท อริยะอีควิปเม้นท์ จำกัด โดยนายสมชาย เลิศอริยานันท์ พร้อมด้วย นางปิยะนาถ เลิศอริยานันท์ และนายเลิศศักดิ์ เลิศอริยานันท์ และครอบครัวเลิศอริยานันท์ ตลอดจนพนักงานร่วมประกอบพิธีทำบุญเลี้ยงพระ ถวายภัตตาหารเพล  และถวายจตุปัจจัยเครื่องไทยธรรม แด่พระภิกษุสงฆ์ภายในศาลาพูลเกตุ  โดยนิมนต์พระสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง จำนวน 9 รูป ประกอบพิธี  ซึ่งได้รับความเมตตาจากท่าน  พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ  เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง  ประกอบพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ ชัยมงคลคาถา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัวเลิศอริยานันท์

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ มอบวัตถุมงคล เป็นพญาครุฑ รุ่น จ.ขนาด 3 นิ้ว มอบแก่นายสมชาย เลิศอริยานันท์ เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล โดยในพิธีมีนายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี พร้อมด้วย นพ.พิเชษฐ พัวพันกิจเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี ดร.พัฒนพงศ์  จงรักดี นายกเทศมนตรีตำบลบางพลี  พ.ต.อ.วิโรจน์  ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี พ.ต.อ.พรณรงค์ เจริญวัฒนวิญญู หน.พฐ.จว.สมุทรปราการ  พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางปู พ.ต.อ.รักศักด์ เมฆจินดา ผกก.สภ.คลองด่าน ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติต่างเดินทางมาร่วมอวยพรและร่วมในพิธี พร้อมทั้งมอบกระเช้าอวยพร เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดของนายสมชาย เลิศอริยานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อริยะอีควิปเม้นท์ จำกัด


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ  รายงาน

นราธิวาส - จับมือมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ จัดตั้งโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 5 จำนวน 380 เตียง

ด้านผู้ว่าฯนราธิวาส ตรวจเยี่ยมสถานที่ในพื้นที่อำเภอเมืองนราธิวาส เตรียมตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่ม เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ให้เพียงพอ

วันที่ 25 มิ.ย. 64 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 5 ที่โรงยิมเนเซี่ยม สนามกีฬามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตำบลโคกเขือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส โดยมี นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 12 ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส  ผอ.โรงพยาบาลนราธิวาสฯ อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธีฯ

ทางด้านนายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ ณ ปัจจุบัน  มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันในโรงพยาบาล สะสมจำนวน 1,745 ราย กำลังรักษาจำนวน 543 ราย แยกเป็น รักษาตัวในโรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัดนราธิวาส จำนวน 192 ราย และ รักษาตัวโรงพยาบาลสนาม 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลสนาม ศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติด และ โรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก จำนวน 351ราย

ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มของจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากผู้ป่วยยืนยันคลัสเตอร์มัรกัส ซึ่งขีดความสามารถของโรงพยาบาลสนามทั้ง 2 แห่งของจังหวัดนราธิวาส ไม่เพียงพอ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ในฐานะฝ่ายรับผิดชอบทางด้านการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จึงได้ประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม แห่งที่ 5 ณ โรงยิมเนเซี่ยม มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อรองรับการให้บริการผู้ป่วย COVID-19 คลัสเตอร์มัรกัสเป็นการเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ป่วยยืนยันจำนวน 180 ราย โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ประกอบด้วย แพทย์ 5 คน พยาบาลวิชาชีพ 7 คน และพนักงานทำความสะอาด 2 คน โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัย บุคลากรปลอดภัย และจังหวัดนราธิวาสปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยเร็ว

ขณะที่จังหวัดนราธิวาสมีผู้ป่วยรายใหม่ตกประมาณวันละ 100 คน เพราะฉะนั้นในภาพรวมเรามีความจำเป็นที่จะต้องใช้เตียงประมาณ 1,400 เตียง ซึ่งตอนนี้เรามีเตียงทั้งหมด 1,000 เตียง ซึ่งหลังจากที่เปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 5 วันนี้ ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 380 เตียง เราถึงจำเป็นที่จะต้องหาพื้นที่เพื่อจัดตั้งโรงพยาบาลสนามอีก 500 เตียง ซึ่งในโรงพยาบาลสนามแห่งนี้จัดไว้เพื่อดูแลกลุ่มผู้ป่วยที่มาจากมัรกัสยะลา มัรกัสยี่งอ และมัรกัสศรีสาคร จึงออกแบบเพื่อให้ผู้ป่วยมีกิจกรรมและการดำรงชีวิตที่ไม่กระทบกับวิถีชีวิตปกติ 

และในส่วนของการกระจายวัคซีนจากส่วนกลางมาที่จังหวัดนราธิวาสมีวัคซีนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจังหวัดนราธิวาสก็เป็นจังหวัดลำดับต้น ๆ ที่ได้รับการจัดสรรวัคซีน ซึ่งโดยภาพรวมก็เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้จัดตั้งไว้ โดยศักยภาพเต็มที่ของโรงพยาบาลทั้ง 13 แห่ง สามารถฉีดได้ประมาณวันละ 7,500 คน ซึ่งตอนนี้ฉีดไปแล้ว 40,000 กว่าคน ส่วนพื้นที่ที่มีการระบาดก็จะเพิ่มเติมก็จะมีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นด้วย

และขณะนี้มีการเปิดรับบริจาคสิ่งของที่จำเป็น ที่ใช้ในโรงพยาบาลสนามฯ เช่น เตียงนอน หมอน มุ้ง ขนมขบเคี้ยวต่าง  สามารถมาร่วมบริจาคสมทบได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ได้ในวันและเวลาราชการ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 073-532059

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ระลอกเดือนเมษายน 2564 จนถึงปัจจุบัน เกิดการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในกลุ่มคลัสเตอร์ต่าง ๆ และคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มของจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากคลัสเตอร์มัรกัส และในกลุ่มประชาชนทั่วไป ซึ่งขีดความสามารถของโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามที่มีอยู่ ทั้ง 2 แห่งของจังหวัดนราธิวาส รองรับในการรับดูแลรักษาผู้ป่วยอาจไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางแผนการควบคุม ป้องกันโรค และการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทำอย่างไรที่จะสามารถควบคุม จำกัดการแพร่ระบาดไม่ให้กระจายไปสู่พื้นที่วงกว้างในชุมชน และกระจายไปทั่วจังหวัด

ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมบริเวณสวนเปี่ยมสุขนราธิวาส และหอประชุมกองร้อย อส.อำเภอเมืองนราธิวาส เพื่อเตรียมใช้เป็นโรงพยาบาลสนามแห่งใหม่ ในการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้อย่างเพียงพอ


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ชลบุรี - กองทัพเรือ บูรณาการร่วมทุกภาคส่วนล้างตลาดสัตหีบแจกหน้ากากอนามัย ร่วมใจต้านภัยโควิด -19

วันนี้ 25 มิ.ย. 64 ที่ตลาดสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี กองทัพเรือ โดย ฐานทัพเรือสัตหีบ จัดกิจกรรม BiG Cleaning Day ฉีดทำความสะอาด  รอบตลาดสัตหีบ โดยมีหน่วยงานภาครัฐ เทศบาลเมืองสัตหีบ หน่วยงานกองทัพเรือ ในพื้นที่สัตหีบ จัดส่งกำลังพลเข้าร่วมในการทำความสะอาดพื้นที่ตลาดสัตหีบ พร้อม ประชาสัมพันธ์การป้องกัน โควิด-19

พลเรือโท อนุชาติ อินทรเสน ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ได้มีความห่วงใยประชาชนชาวสัตหีบ จากสถานการณ์ในพื้นที่มีผู้ติดเชื้อสูงในขณะนี้ ได้เดินทางลงพื้นที่ตลาดสัตหีบ นำคณะแจกหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และประชาสัมพันธ์การป้องกัน โควิด-19 ให้พี่น้องประชาชน ในตลาดสัตหีบ ให้ตระหนักถึงการป้องกัน โควิด-19 ในโครงการ กองทัพเรือ ร่วมใจต้านภัยโควิด -19 "สัตหีบปลอดภัยต้านภัยไวรัสโควิด-19" โดยมี นาย กิตติพงษ์ กิติคุณ นายอำเภอสัตหีบ นาย ณรงค์ บุญบรรเจิดศรี นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสัตหีบ พ.ต.อ.ปัญญา ดำเล็ก ผกก.สภ.สัตหีบ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ร่วมเดินมอบหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ ให้กับพี่น้องประชาชน

จากสถานการณ์ ในปัจจุบัน ของพื้นที่สัตหีบ ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทวีความรุนแรงมี ยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ในคลัสเตอร์ตลาดเช้าสัตหีบ ทางกองทัพเรือ โดย ฐานทัพเรือสัตหีบ มีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก จึงใคร่ขอความร่วมมือจากประชาชน สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหน้ากากอนามัยช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ที่สวมแพร่กระจายไวรัสไปยังผู้อื่น อย่างไรก็ตาม หน้ากากอนามัยเพียงอย่างเดียวป้องกันเชื้อโควิด-19 ไม่ได้ จึงควรรักษาระยะห่าง และหมั่นทำความสะอาดด้วยเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำจากหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่อย่างเคร่งครัด ลดความเสี่ยงไม่ไปอยู่ในที่แอดอัดมีผู้คนมากมาย วิกฤตโควิด-19 นี้ เราทุกคนจะผ่านไปด้วยกันให้ได้


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล ทิพย์ศรี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี  

นครนายก – พิธีเปิดการฝึกอบรมเยาวชน ประชาชนร่วมปกป้องผืนป่าและทรัพยากรธรรมชาติ ประจำปี 2564

ที่ลานประชุมอเนกประสงค์องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแสง อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก นายพิเชษฐ รุ่นประพันธ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแสง เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมเยาวชนและประชาชนร่วมปกป้องผืนป่าและทรัพยากรธรรมชาติ ประจำปี 2564 โดยมีพันเอกอมร บุตรชา หัวหน้าศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน.จังหวัดนครนายก ให้การต้อนรับและกล่าวรายงาน พร้อมมี เจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่า ,ผู้นำชุมชน , อาสาสมัคร อปพร. ,ประชาชน ,เยาวชน เข้าร่วมในพิธีเปิด พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และปลูกต้นไม้ , ปล่อยพันธุ์ปลาลงสระน้ำสาธารณประโยชน์หนองโสน เป็นอันเสร็จพิธี

ด้วย กอ.รมน.จังหวัดนครนายก ได้รับมอบหมายให้จัดทำการฝึกอบรมเยาวชนและประชาชนร่วมปกป้องผืนป่าและทรัพยากรธรรมชาติ ประจำปี 2564 โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ เพื่อกระตุ้นและปลูกจิตสำนึกเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ โดยการอบรมเพิ่มเติมองค์ความรู้วิธีการปกป้องรักษาป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ ให้สามารถมีความรู้ความเข้าใจพื้นฐานในการอนุรักษ์ด้วยตนเอง อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามศักยภาพ เพื่อให้เยาวชนและประชาชน มีความรู้ความสามารถ ความเข้าใจ ตามแนวทางศาสตร์พระราชา ในการอนุรักษ์ป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ ให้เกิดความเชื่อมั่นและเห็นความสำเร็จ ของการร่วมมือร่วมใจ ในการรวมพลังและศักยภาพ ของทุกภาคส่วน อย่างเป็นกระบวนการเดียวกัน


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่ / ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

ชลบุรี - น้อมรำลึก วันทหารนาวิกโยธิน ครอบรอบปีที่ 62

วันที่ 25 มิ.ย. 64 พลเรือโท รณรงค์ สิทธินันทน์ ผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) เป็นประธานในพิธี เปิดกรวยถวายราชสักการะ พร้อมอัญเชิญเพลงมาร์ช “ราชนาวิกโยธิน” ขึ้นประดิษย์ฐาน ณ แท่นปะรำพิธีต่อหน้า พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  รัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ณ บริเวณอนุสาวรีย์ทหารนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี อันเป็นการเทิดพระเกียรติ และย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ ในครั้งที่ได้รับพระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์มาร์ช “ราชนาวิกโยธิน” จนถือเป็นกำเนิดวันทหารนาวิกโยธิน โดยมีผู้บังคับบัญชาหน่วยขึ้นตรง และกำลังพลกว่าพันนายเข้าร่วมในพิธี และในโอกาสเดียวกันนี้ ได้มอบรางวัลการทดสอบร่างกายและการคัดเลือกบุคคลดีเด่น นย. อีกด้วย

พลเรือโท รณรงค์ สิทธินันทน์ กล่าวว่า ทุกวันที่ 28 มิ.ย. ของทุกปี หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ได้ถือเป็น “วันทหารนาวิกโยธิน” สืบเนื่องจาก เหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เมื่อ 60 ปี ก่อน หรือ พ.ศ.2502 ซึ่ง น.อ.สนอง นิสาลักษณ์ ผู้บังคับการกรมนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) ท่านที่ 4 (ยศขณะนั้น) เข้าเวรราชองครักษ์ ณ วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในระหว่างที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 กำลังทรงพระเกษมสำราญอยู่กับการทรงดนตรี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ผบ.นย. ขึ้นไปร้องเพลงนาวิกโยธิน แต่เนื่องจากเพลงนาวิกโยธิน ยังไม่มี จึงได้ร้องเพลงทหารเรือถวาย

ขณะที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงพักจากการทรงดนตรีเสด็จลงมาประทับข้างล่าง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรดาผู้เข้าเฝ้าได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท อย่างใกล้ชิด ขณะนั้น ผบ.นย.ได้มีโอกาสเข้าไปกราบลงแทบพระบาท พร้อมกับขอพระราชทานเพลงประจำทหารนาวิกโยธิน ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ผบ.นย. เข้าเฝ้าฯ และพระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์ “มาร์ชราชนาวิกโยธิน” เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2502

จากพระราชประสงค์ และพระอัจฉริยภาพใน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  รัชกาลที่ 9 ที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยจะให้ทหารนาวิกโยธิน มีเพลงประจำหน่วย จึงพระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์ “มาร์ชราชนาวิกโยธิน” ที่เป็นบทเพลงอันทรงคุณค่าเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทหารนาวิกโยธินทุกคน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน จึงถือเอาวันดังกล่าวเป็น “วันทหารนาวิกโยธิน” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ดั่งบนตอนช่วงหนึ่งของเนื้อเพลงที่ทหารนาวิกโยธิน ได้จดจำฝังลงในจิตใจคือ “กาย ใจ ชีวิต มอบเป็นราชพลี”


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

อส.อำเภอเมือง ชุมพรที่ 2 ร่วมกันจับกุม ยาบ้าจำนวน 6,000 เม็ด

วันที่ 25 มิถุนายน 2564 ภายใต้การอำนวยการของ นายนักรบ ณ ถลาง นายอำเภอเมืองชุมพร ได้สั่งการให้นายธีระวุฒิ นุชนงค์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองชุมพร พร้อมเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเมือง ชุมพรที่ 2 ได้ร่วมกันจับกุมนาย บุญยัง คงชีพ ที่อยู่ 12 หมู่ที่ 12 ตำบลชุมโค อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร โดยมียาเสพติดประเภทที่ 1 ยาบ้า จำนวน 3 มัดรวม 6000 เม็ด และมีอาวุธปืนไทยประดิษฐ์จำนวน 1 กระบอก ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย  ขณะขับรถนต์กระบะอีซูสุ สีเท่า หมายเลขทะเบียน บร 8665 ชุมพร บริเวณริมถนนสายเพชรเกษมขาล่องใต้ ปากซอยศรีเพชร ใกล้ทางเข้าท่าแซะรีสอร์ท ตำบลทรัพย์อนัน อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร

เจ้าหน้าที่ได้สอบถาม นายบุญยังฯ แจ้งว่าได้มีผู้ว่าจ้างให้มาบรรทุกของดังกล่าว โดยการสั่งซื้อยาเสพดังกล่าวมาจาก อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี และให้นำมาส่งให้สายสืบที่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ให้ นายนายบุญยังฯ ทราบ โดยนายบุญยัง ฯ ทราบข้อกล่าวหาดีแล้ว

ฐานความผิด 1. มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

ผู้ถูกจับ ได้รับทราบข้อกล่าวหา และสิทธิข้างตันแล้ว ให้การับสารภาพตลอดข้อกล่าวทา จึงได้นำตัวผู้ถูกจับพร้อมด้วยของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top