Monday, 26 May 2025
Hard News Team

ขุนแผนญี่ปุ่น อวดชีวิตดี๊ดี!! เมีย 4 กิ๊ก 2 แต่รักปรองดองกันทั้งบ้าน ตั้งเป้ามีลูก 54 คน เพื่อครองตำแหน่ง ‘เทพเจ้าแห่งพ่อบ้านญี่ปุ่น’

(19 ต.ค. 67) พระลอต้องกราบ คาสโนวาต้องซูฮก ให้กับ วาตานาเบะ เรียวตะ ขุนแผนแสนสะท้านชาวญี่ปุ่นวัย 36 ปี ชาวฮอกไกโด เมื่อเขาเปิดเผยชีวิตรักสุดสะพรึง ว่าเขามีภรรยาที่เคยอยู่กินด้วยกันถึง 4 คน กับกิ๊กอีก 2 คน และลูก ๆ อีก 10 คน โดยไม่ต้องทำงาน และยึดอาชีพพ่อบ้าน Full-Time มานานถึง 10 ปีแล้ว

แม้จะฟังดูผิดหลักการใช้ชีวิตครอบครัว ที่กล่าวว่า เมีย 2 ต้องห้าม และในญี่ปุ่นไม่สามารถจดทะเบียนสมรสซ้อนได้ ดังนั้น ภรรยาของเขาจึงต้องใช้ชีวิตร่วมกับเรียวตะในสถานะ ‘พาร์ทเนอร์ที่อยู่กินฉันคู่สมรส’ เท่านั้น แต่เรียวตะ กลับมีเป้าหมายสูงกว่านั้นในการเป็นจะเป็นเทพเจ้าแห่งพ่อบ้านญี่ปุ่น ที่มีลูกให้ได้ถึง 54 คน

ชีวิตรักไร้ขีดจำกัดของเรียวตะ มีจุดเริ่มต้นเมื่อราวๆ 6 ปีก่อน ที่เขาต้องเลิกกับแฟนเก่า แถมตกงานมานาน จนตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นมาใหม่ พร้อมกับคติประจำใจว่า ‘สุขกันเถอะเรา เศร้าไปทำไม’ และเริ่มนัดเดตกับสาวญี่ปุ่นจำนวนมากที่ติดต่อกันผ่านเว็บไซต์หาคู่ จนท้ายสุดเขาลงเอยกับผู้หญิงถึง 4 คน และยังมีกิ๊กอีก 2 คนที่ยังติดต่อกันทางออนไลน์ 

แต่ตัวเขาไม่มีความสามารถทางเศรษฐกิจ ตกงานมานานเกือบ 10 ปี จึงไม่สามารถหาเลี้ยงภรรยา และลูก ๆ ถึง 10 คน ที่มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนสูงถึง 9.14 แสนเยน (ประมาณ 2 แสนบาท) ได้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนบทบาทมาเป็นพ่อบ้าน Full-Time ที่ต้องทำงานบ้าน เลี้ยงลูก ทำกับข้าว ดูแลภรรยาทุกอย่าง ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดตกเป็นหน้าที่ของภรรยาและกิ๊กของเขา ที่ช่วยกันหาร และออกค่าใช้จ่ายร่วมกัน

วิถีชีวิตครอบครัวสุดพิสดารของ วาตานาเบะ เรียวตะ ถูกเปิดเผยผ่านรายการโทรทัศน์ญี่ปุ่น Abema Prime ซึ่งเรียวตะ กล่าวว่า "เขาแค่มีความรักให้กับผู้หญิง และตราบใดที่เขารักพวกเธออย่างเท่าเทียมกัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร" 

เมื่อถูกถามว่า เขาทำอย่างไร จึงสามารถอยู่ร่วมชายคากับภรรยาหลายคนได้ เรียวตะ เปิดเผยว่า เขามีห้องส่วนตัวให้ภรรยาทุกคน และจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปหลับนอนกับพวกเธอในแต่ละคืน แถมยังอวดด้วยว่าเขามีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 28 ครั้งเป็นประจำทุกสัปดาห์ ภรรยาแต่ละคนต่างก็รักใคร่กันดี ไม่ได้มีปัญหาหึงหวงกันในครอบครัว 

นอกจากนี้ เรียวตะ ยังตั้งเป้าที่จะเป็น ‘เทพเจ้าแห่งพ่อบ้านญี่ปุ่น’ ด้วยการทำลายสถิติ พ่อบ้านที่มีบุตรมากที่สุดในญี่ปุ่น  ซึ่งเจ้าของสถิติที่มีการจดบันทึกไว้คือ โชกุน โทกุกาวะ อิเอนาริ ที่เสียชีวิตในปี 1841 โดยอดีตโชกุนในยุคเอโดะคนนี้ มีลูก 53 คนที่เกิดจาก กับภรรยา และสนมรวมกันถึง 27 คน 

ดังนั้น เขาจึงตั้งเป้าหมายจะมีลูกให้ได้ 54 คน และยังไม่หยุดที่จะมองหาภรรยาเพิ่ม

การเปิดเผยชีวิตครอบครัวแบบหมดเปลือก ของ วาตานาเบะ เรียวตะ ผ่านสื่อโทรทัศน์ ทำให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ของญี่ปุ่น ทั้งในแง่ของศีลธรรม และ สิทธิในการใช้ชีวิต

หลายคนเป็นห่วงความรู้สึกของลูกๆของครอบครัววาตานาเบะ ที่ต้องเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมที่ยากจะอธิบายให้สังคมทั่วไปเข้าใจได้ง่าย และ พวกเด็กๆจะได้รับความรักที่สมบูรณ์แบบครอบครัวปกติทั่วไปหรือไม่ แต่ในขณะเดียวกัน บางคนก็มองว่า เป็นเรื่องส่วนบุคคล ที่ทุกคนมีสิทธิ์เลือกใช้ชีวิต และรับผิดชอบกับทางเลือกของตัวเอง ตราบใดที่เขาสามารถบริหารครอบครัวได้อย่างมีความสุข คนนอกก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปวิพากษ์ วิจารณ์ได้

และไม่ใช่ทุกคนที่จะใช้ชีวิตได้อย่าง วาตานาเบะ เรียวตะ เพราะเฮียอาจจะรักทุกคนได้ แต่ถ้าวันหนึ่ง ทุกคนเกิดไม่รักเฮียขึ้นมา ชีวิตก็จบเหมือนกัน 

สมุทรปราการ-จัดใหญ่!! เทศบาลตำบลแพรกษา แถลงข่าว มหกรรมอนุรักษ์ผ้าไทย และงานนฤมิตสายนที ประเพณีลอยกระทง ชมคอนเสิร์ต ลำไย ไหทองคำ ฟรี!! ตลอดงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในห้องประชุม ชั้น 5 สำนักงานเทศบาลตำบลแพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ นำโดย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นายวัฒนา เจริญจิตร นายอำเภอเมืองสมุทรปราการ ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน มหกรรมอนุรักษ์ผ้าไทย สุขใจได้ท่องเที่ยว ของดีตำบลแพรกษา และงานนฤมิตสายนทีประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567 

ภายในงานแถลงข่าวครั้งนี้ มีคณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการ และตัวแทนจากชุมชนต่างๆ ในเขตพื้นที่ตำบลแพรกษาร่วมรับฟังการแถลงข่าว 

โดยในปีนี้ ทางเทศบาลตำบลแพรกษา จัดใหญ่จัดเต็มเพื่อพี่น้องประชาชนคนสมุทรปราการ โดยจะมีงาน 'มหกรรมอนุรักษ์ผ้าไทย สุขใจได้ท่องเที่ยว ของดีตำบลแพรกษา' และงาน 'นฤมิตสายนทีประเพณีลอยกระทง' ประจำปี 2567 ภายใต้การสนับสนุนของท่าน อรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา โดยภายในงานจะเป็นการส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนสวมใส่ผ้าไทยซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 13-15 พฤศจิกายน 2567 นี้ 

ภายในสวนสาธารณะเทศบาลตำบลแพรกษา บนพื้นที่ กว่า 20 ไร่ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการประกวดธิดาโรงงาน การประกวดหนูน้อยแพรกษา การประกวดนางนพมาศ และการประกวดกระทงประดิษฐ์ นอกจากนี้ ยังมีการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง อาทิ ลำไย ไหทองคำ น้ำแข็ง ทิพวรรณ และ กวาง กมลชนก พร้อมกับซุ้มกิจกรรมของสถานศึกษา ซุ้มจำหน่ายสินค้าชุมชน รวมถึงร้านค้าต่างๆ มากมาย ภายในงานมีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 15 พฤศจิกายน ทางเทศบาลตำบลแพรกษา ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมลอยกระทง เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมไทยและประเพณีอันดีงามให้คงอยู่สืบไป 

แชร์ว่อนโลกโซเชียล ‘ว.วชิรเมธี’ นั่งสมาธิบนลานหิมะ ‘แพรรี่’ ฟาดใส่!! มันไม่ใช่ที่ จะไปนั่งหลับตาปฏิบัติธรรม

(19 ต.ค. 67) แชร์ว่อน ว.วชิรเมธี นั่งสมาธิบนลานหิมะ อดีตพระมหาชื่อดัง ชี้ ไม่ใช่ที่ ๆ พระจะไปนั่งหลับตาเพื่อปฏิบัติธรรมได้ นอกจากไปถ่ายรูปสวย ๆ

หลังมีคลิปเทศน์กับกลุ่มผู้บริหาร ดิไอคอนกรุ๊ป ทำให้ พระเมธีวชิโรดม ว.วชิรเมธี ถูกสังคมตั้งคำถามถึงเรื่องความเหมาะสม

ก่อนที่ต่อมา ว.วชิรเมธี จะมีประเด็นพาดพิง วิพากษ์วิจารณ์ หนุ่ม กรรชัย พิธีกรรายการโหนกระแส อย่างดุเดือด ว่าตั้งตนเป็นศาลเตี้ย และ เอาคนไม่ผิดเข้าคุก

ล่าสุด เพจ อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ เผยแพร่ภาพ ว.วชิรเมธี ที่ขณะนี้อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น กำลังนั่งสมาธิอยู่บนพื้นหิมะ พร้อมข้อความระบุว่า ท่านไปปฏิบัติธรรมนะคะ ใครที่บอกท่านไปเที่ยว ขอให้ดูด้วย ท่านนั่งสมาธิกลางหิมะ อดทน น่าเลื่อมใสอย่างยิ่ง

ด้าน ‘แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร’ อดีตพระมหาชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กวิจารณ์ในเรื่องดังกล่าว ระบุว่า นอกจากไปถ่ายรูปถ่ายคลิปสวย ๆ ลานหิมะไม่ใช่ที่ ๆ พระจะไปนั่งหลับตาเพื่อปฏิบัติธรรมได้หรอกค่ะ

‘รุ้งนารายณ์ เกียรติหมู่ 9’ น้อมรับผิด ขอโทษแฟนมวย โพสต์ข้อความ!! หลังแพ้ฟาวล์ยกแรก ‘มิเกล เฟอร์นานเดซ’

(19 ต.ค. 67) ‘รุ้งนารายณ์ เกียรติหมู่ 9’ น้อมรับผิด โพสต์หลังแพ้ฟาวล์ยกแรก มิเกล เฟอร์นานเดซ เนื่องจากยั้งไม่อยู่ ซัดลูกตามน้ำเข้าไปเต็ม ๆ ในศึกONE LUMPINEE 83 

‘ไฟท์นี้ผมยอมรับผิด ทุกประการ ผมไม่มีคำไหนจะพูด นอกจาก คำว่า 
ผมขอโทษจริง ๆ ขอโทษทุกคน’

หนุ่มน้อยนักเตะ ‘รร.กีฬาหนองคาย’ ดังไกลถึง ‘พรีเมียร์ ลีก’ หลังเป็นไวรัล!! มีคนนำไปเทียบ ‘เทรนท์-แจ็ค กรีลิช-เมซุต โอซิล’

(19 ต.ค. 67) เหตุเกิดในการแข่งขันฟุตบอลนักเรียน 7 คนชิงแชมป์ 7 สี เมื่อวันก่อนซึ่ง โรงเรียนกีฬาหนองคาย ถล่ม หนองกี่พิทยาคม จาก บุรีรัมย์ ไปแบบขาดลอยถึง 5-0 แต่ทุกคนกลับติดภาพจำจังหวะที่ไม่เป็นประตูเมื่อ ชญานนท์ กะมุตะเสน นักเตะตัวรุกของทีมผู้ชนะได้ลากเลื้อยเข้าไปยิงเต็มข้อ พร้อมหันมาทำท่าดีใจด้วยการทำนิ้วรูปตัว N โดยไม่ได้ดูว่า ลูกบอลเจ้ากรรมถูกคู่แข่งสกัดได้บนเส้นประตู

เรื่องที่เกิดขึ้นกลายเป็น ไวรัล ทำเป็นคลิปแชร์ว่อนโซเชียล เกิดมีมต่าง ๆ มากมาย ถึงขั้นสกรีนลวดลายบนเสื้อยืดยังมี กระทั่งล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก พรีเมียร์ลีก ได้นำรูปของ ชญานนท์ มาโพสต์แบบ 4 ช่องเคียงข้างท่าดีใจของสตาร์ดังทั้ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวา ลิเวอร์พูล, แจ็ค กรีลิช ปีกทีมชาติอังกฤษสมัยสังกัด แอสตัน วิลล่า และ เมซุต โอซิล อดีตจอมทัพ อาร์เซนอล

พร้อมกันนั้นยังโพสต์แคปชันข้อความแบบปั่น ๆ พลางให้กำลังใจในเวลาเดียวกันว่า ‘ไม่เป็นไรนะน้อง...อย่างน้อยเราก็เท่’

‘เคทีซี’ เผยตัวเลข 9 เดือน กำไรกว่า 5 พันล้านบาท ชี้!! มีการปรับตัว รับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลง

(19 ต.ค. 67) นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ‘เคทีซี’ หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน ทำให้การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว อีกทั้งความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนกลุ่มเปราะบางที่ปรับลดลงจากรายได้ที่ฟื้นตัวช้า ล้วนส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงอุตสาหกรรมสินเชื่อผู้บริโภคโดยภาพรวม อย่างไรก็ตาม เคทีซียังคงรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อให้อยู่ภายใต้กรอบเป้าหมายที่วางไว้ได้ พอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตจะชะลอตัวลงบ้าง ส่วนหนึ่งจากผลของการปรับอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรยังเติบโตดีต่อเนื่อง สำหรับพอร์ตสินเชื่อบุคคลยังขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่ NPL Coverage Ratio อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยเคทีซีได้ปรับกระบวนการทำงานให้ยืดหยุ่นพร้อมรับมือกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลง และมุ่งรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่ดีเสมอ ซึ่งเป็นรากฐานในการทำธุรกิจของเคทีซีมาโดยตลอด ทำให้สามารถสร้างผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากอัตราส่วนของหนี้ด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อยังอยู่ภายใต้กรอบเป้าหมายที่กำหนด และเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

“เคทีซียังร่วมมือกับภาครัฐ ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending: RL) โดยการพิจารณาให้สินเชื่อสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ และต้องไม่ทำให้ลูกหนี้มีภาระหนี้เพิ่มขึ้นจากภาระหนี้เดิมเกินสมควร รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้เรื้อรัง (Severe Persistent Debt: SPD) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 จนถึงปัจจุบันมีลูกหนี้เคทีซีสมัครเข้าร่วมโครงการฯ คิดเป็นผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยจริงที่ 1.7% ของผลกระทบที่เคยประมาณการไว้ 18 ล้านบาทต่อเดือน หากลูกหนี้ที่เข้าเกณฑ์ทุกรายเข้าร่วมโครงการฯ นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ประกาศเป็นเขตประสบสาธารณภัย โดยกลุ่มลูกหนี้ที่มีสถานะปกติ หรือไม่ค้างชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยเกินกว่า 30 วัน นับแต่วันที่แจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการ สามารถแจ้งความประสงค์ได้ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 โดยเคทีซีคาดว่าการช่วยเหลือลูกหนี้ตามมาตรการข้างต้น จะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาพรวมการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท”

ผลการดำเนินงานของเคทีซีและกลุ่มบริษัทเทียบจากงวดเดียวกันของปี 2566 มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2567 เท่ากับ 1,919 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3.4%) รายได้รวมเท่ากับ 6,890 ล้านบาท เติบโต 6.6% จากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และหนี้สูญได้รับคืนที่เพิ่มขึ้นจากการตัดหนี้สูญได้เร็วขึ้น  ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 4,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% ส่วนใหญ่จากค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายที่สูงขึ้นตามปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากการจัดโปรโมชันส่งเสริมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต รวมถึงผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) สูงขึ้น จากการตั้งสำรองตามคุณภาพของลูกหนี้ และการตัดหนี้สูญเร็วขึ้นตามการปรับใช้นโยบายหนี้สูญใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 อีกทั้งต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินที่ปรับสูงขึ้น

ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 เคทีซีมีฐานสมาชิกรวม 3,445,286 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 106,183 ล้านบาท (ลดลง 0.5%) อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) 1.93% แบ่งเป็นสมาชิกบัตรเครดิต 2,758,150 บัตร (เพิ่มขึ้น 5.4%) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 69,093 ล้านบาท (ลดลง 0.2%) NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 1.30% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร 9 เดือนของปี 2567 เท่ากับ 211,459 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10.0%) สมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซี 687,136 บัญชี (ลดลง 3.9%) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ยค้างรับรวม 34,806 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.1%) NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 2.21% โดยเป็นยอดสินเชื่อ 'เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน' จำนวน 2,959 ล้านบาท ในส่วนของลูกหนี้ตามสัญญาเช่าในบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL) มีมูลค่า 2,284 ล้านบาท (ลดลง 32.2%) ซึ่งเคทีซีได้หยุดปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 และปัจจุบันมุ่งเน้นการติดตามหนี้และบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่มีอยู่ 

ในส่วนของแหล่งเงินทุน กลุ่มบริษัทมีเงินกู้ยืมทั้งสิ้น 60,054 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น (รวมส่วนของเงินกู้ยืมและหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระภายใน 1 ปี) 35% และเงินกู้ยืมระยะยาว 65% อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.78 เท่า ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 2.07 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพัน (Debt Covenants) ที่กำหนดไว้ 10 เท่า และมีวงเงินกู้ยืมคงเหลือ (Available Credit Line) 28,201 ล้านบาท (ระยะสั้น 23,201 ล้านบาท และระยะยาว 5,000 ล้านบาท) โดยกลุ่มบริษัทมีหุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาวที่จะครบกำหนดในไตรมาส 4/2567 ทั้งสิ้น 5,245 ล้านบาท สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2567 ต้นทุนการเงินอยู่ที่ 2.9% เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 2.7%

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ ปลุกทุกภาคส่วน ร่วมผลักดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญปัญหาสิ่งแวดล้อม เตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ชื่นชม ‘GC’ จับมือทุกฝ่ายผลักดันแนวคิด ‘ยั่งยืนไม่ยาก’    

(18 ต.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวในการปาฐกถาพิเศษ เปิดงาน GC Sustainable Living Symposium 2024 ซึ่งจัดโดยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ภายใต้แนวคิด ‘ยั่งยืนไม่ยาก’ ซึ่งเป็นการรวมพลังครั้งสำคัญของคนหัวใจรักษ์โลก หรือ GEN S (Generation Sustainability) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำว่า ขอแสดงความยินดีและชื่นชมกับ พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ GC ที่ได้จัดงาน Sustainable Living Symposium 2024 ขึ้นเป็นครั้งที่ 5 ในปีนี้ เพื่อให้ Gen S ได้มาแสดงจุดยืนร่วมกันว่า ‘การสร้างความยั่งยืน≠ยาก’ และเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน

เวทีการเสวนาที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้จะเกิดการระดมความคิดเห็น บอกเล่าวิธีแก้ปัญหา แบ่งปันเรื่องราวการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของผู้คน ตลอดจนสะท้อนให้เห็นว่า บทบาทของภาคธุรกิจที่จะร่วมกันก้าวข้ามความยากสู่ความยั่งยืนไปด้วยกันเป็นอย่างไร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการผลักดันประเทศไทยไปสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม 

นายประเสริฐ กล่าวว่า การขับเคลื่อนการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความร่วมมือระหว่างกัน และกระผมรู้สึกประทับใจมากที่ได้เห็น Gen S จากทุกภาคส่วน ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม มาร่วมหาแนวทางและแบ่งปันประสบการณ์และเผยแพร่นวัตกรรมที่ทันสมัยที่จะมาสร้างสมดุลทางสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคนอย่างเท่าเทียม และจะส่งผลต่อเศรษฐกิจ และสังคมตลอดจนความน่าเชื่อถือของประเทศไทยบนเวทีโลก  
ภาครัฐได้ให้ความสำคัญและขับเคลื่อนเรื่องการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนและพยายามร่วมกันลดผลกระทบมานับ 10 ปี  

“วันนี้เราทุกคนได้ตระหนักชัดแล้วว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีความรุนแรงมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั่วโลกและประเทศไทย และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้นในอนาคต เมื่อภาวะโลกร้อนได้ยกระดับความรุนแรงจนเรียกได้ว่าเข้าสู่ภาวะโลกเดือด (Boiling World) ที่ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งรุนแรงในหลายพื้นที่ทั่วโลก ขณะที่พายุฝนประจำถิ่นสร้างความเสียหายแก่หลายประเทศมากกว่าที่เคยเป็นมา และอุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรที่สูงขึ้นทำให้เรายังได้พบเจอกับ Rain Bomb ที่มีคนเปรียบเทียบว่าเหมือนระเบิดฝนที่ตกลงมาคล้ายกับ ‘สึนามิจากฟ้า’ มีความรุนแรงและความรวดเร็วจนพี่น้องประชาชนในภาคเหนือและทภาคใต้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหนักเฉียบพลัน ซึ่งสร้างความเสียหายทั้งทางความเป็นอยู่ ทรัพย์สินและเศรษฐกิจท้องถิ่นในวงกว้าง” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีกล่าว   

รัฐบาลจะเดินหน้าทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในการแก้วิกฤตสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย โดยมีนโยบายและแผนพลังงานชาติที่กำหนดแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ.2065 เรากำหนดเป้าหมายให้มีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50% ภายใน ปี พ.ศ.2573 ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคไฟฟ้าและขนส่งได้อย่างมีนัยสำคัญ และที่สำคัญไม่แพ้กันคือความท้าทายจากการใช้กลไกราคาคาร์บอนมากำหนดมาตรการทางภาษี ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและการดำเนินธุรกิจทั่วโลก ดังนั้น การกำหนดนโยบาย เช่น กลไกภาษีคาร์บอน ควบคู่กับการกลไกสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำต่าง ๆ ของประเทศไทย จึงมีความจำเป็นต้องขับเคลื่อนโดยการร่วมคิดของทุกภาคส่วน เพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการไทย

รัฐบาลมุ่งที่จะสนับสนุนภาคเอกชนในการใช้พลังงานหมุนเวียน การพัฒนาเทคโนโลยีสะอาดไปพร้อมกับการส่งเสริมการปรับตัวเพื่อลดความสูญเสียจากภัยธรรมชาติ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงในมิติของการลงทุน รัฐบาลให้การสนับสนุนแนวทางของกองทุน ESG ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้น อันจะเป็นกลไกสำคัญในการลงทุนเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังช่วยภาคธุรกิจสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีโครงการแก้ปัญหาขยะล้นเมือง โดยรัฐจะสนับสนุนระบบ Circular System เพื่อลดปริมาณขยะและเป็นการสร้าง Value chain สนับสนุนการคัดแยก การขนส่ง การจัดเก็บและการทำลายให้ถูกวิธี อย่างไรก็ดี การที่ประเทศไทยของเราสนับสนุนกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมให้มีความเข้มแข็ง เป็นการสร้างผลลัพธ์ที่ดี ด้านการลงทุนจากต่างประเทศ นักลงทุนจากทั่วโลกเชื่อมั่นในภาคอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยั่งยืน รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมความร่วมมือทุกระดับ เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น การเข้าถึงบริการพลังงานสะอาด ในราคาที่เหมาะสมและมีความน่าเชื่อถือภายในปี พ.ศ.2573 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพลังงานหมุนเวียนต่าง ๆ เช่น การสร้าง Ecosystem ของการผลิตและใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ผลิตพลังงานชีวมวล และการลงทุนด้านการบริหารจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมของไทยได้รับเสียงชื่นชมในระดับโลก  

นายประเสริฐ กล่าวว่า ในวันนี้ขอเชิญชวน Generation Sustainability หรือ Gen S ทุกท่านร่วมมือกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนเพื่อเป็นประโยชน์ของคนไทยและประเทศไทยของเราและเราจะทำเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่ายได้ เพื่อปกป้องโลกใบนี้ไปด้วยกัน  และกระผมเชื่อมั่นว่าเวทีเสวนาในงานนี้จะนำไปสู่แนวทางใหม่ๆ ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) และสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับพวกเราและลูกหลานของเรา

”พิชัย“ เปิด Bangkok Jewelry Week 2024 ปักหมุด Landmark กรุงเทพฯ บางรัก-สัมพันธ์วงศ์-พระนคร เป็นถนนท่องเที่ยวสายอัญมณีและเครื่องประดับไทย ต้อนรับผู้รักอัญมณีจากทั่วโลก

(19 ต.ค. 67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน Bangkok Jewelry Week 2024 (เส้นทางถนนสายอัญมณีและเครื่องประดับ) จัดโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ณ ลานมิ่งเมือง ชั้น 1 ศูนย์การค้าดิโอลด์สยาม พลาซ่า เป็นโครงการพัฒนาต่อยอดเครื่องประดับ เพื่อการท่องเที่ยวชุมชนเก่าแก่เชิงสร้างสรรค์บนถนนสายอัญมณีและเครื่องประดับในกรุงเทพมหานคร เริ่มตั้งแต่บางรัก สัมพันธ์วงศ์ และพระนคร ซึ่งถือได้ว่าเป็นชุมชนเก่าแก่และเป็นสัญลักษณ์ของการเติบโตของชุมชนเศรษฐกิจไทยมาอย่างยาวนาน เป็นแหล่งที่รวมพหุวัฒนธรรม และงานฝีมือ การผลิตอัญมณีและเครื่องประดับที่มีอัตลักษณ์ สร้างการจดจำ นำ Soft Power ท้องถิ่นให้ทั่วโลกได้เห็นมากยิ่งขึ้น

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การจัดงาน Bangkok Jewelry Week 2024 นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งและเป็นก้าวแรกสร้าง Landmark แห่งใหม่ให้กับกรุงเทพมหานคร สร้าง“เส้นทางท่องเที่ยวสายอัญมณีและเครื่องประดับ: บางรัก สัมพันธ์วงศ์ พระนคร” ผลักดันให้กรุงเทพ และประเทศไทยเป็น “หมุดหมาย” ของผู้ที่รักอัญมณีและเครื่องประดับ ให้กับทุกคนที่คิดจะซื้ออัญมณีหรือเครื่องประดับต้องคิดถึงประเทศไทย และ ตรงมาที่ Landmark แห่งนี้ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าจะได้เครื่องประดับที่มีมาตรฐานอย่างแน่นอน ผ่านการรับรองจากสถาบัน GIT และการเป็นสมาชิกในโครงการเลือกซื้อด้วยความมั่นใจ (Buy With Confidence)

นอกจากนี้ ยังได้เห็นความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ และเอกชนทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ เป็นพี่เลี้ยงหรือกูรูให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก และรายย่อย เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่ๆ และผู้ประกอบการจากภูมิภาคต่างๆ มาแสดงผลงานและจำหน่ายสินค้า ให้คนตัวใหญ่ช่วยคนตัวเล็ก เปิดโอกาสให้คนที่อยากจะมีแบรนด์เป็นของตัวเอง หรืออยากมีเครื่องประดับฝีมือตนเอง ได้เข้ามาทดลองผ่าน Workshop และนิทรรศการต่าง ๆ รวมถึงการเปิดให้เข้าชมโรงงานผลิตเครื่องประดับแบบ Exclusive เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในถนนสายอัญมณีและเครื่องประดับ บางรัก สัมพันธวงศ์ และพระนคร ผ่านการท่องเที่ยวที่มีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติเข้าร่วมชมงานและเลือกซื้อสินค้าที่มีมาตรฐาน อีกทั้ง จะสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แปลกใหม่และน่าสนใจบนเส้นทางถนนสายอัญมณีและเครื่องประดับ ที่สร้างการรับรู้ด้านวัฒนธรรมและภูมิปัญญาความเป็น “Thailand: Land of Jewel” และช่วยให้ทุกภาคส่วนสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป

“ผมทำจิวเวอรี่มาก่อน ดีใจที่ธุรกิจนี้เติบโต เป็นธุรกิจที่คนซื้อดีใจคนขายก็ดีใจ เป็นธุรกิจที่ดี ทุกวันนี้ก็ยังติดตามราคาอัญมณีและทองอยู่เสมอ วันนี้ทองก็ยังมีแนวโน้มจะขึ้น เพราะคนมาถือทองมากขึ้น ยังมีโอกาส และสำหรับเพชรพลอยและเครื่องประดับตนเชื่อว่ายังสามารถโตได้  ซึ่งผมและกระทรวงพาณิชย์ จะส่งเสริมจิวเวอรี่ต่อไป ยินดีช่วยแก้ไขปัญหาให้ผู้ประกอบการอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถส่งออกและขายได้ เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงและมีผู้เกี่ยวข้อง มีการจ้างงานเป็นจำนวนมาก สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้มาก” นายพิชัยกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานฯ นายพิชัยได้มอบใบรับรองโครงการเลือกซื้อด้วยความมั่นใจ (Buy With Confidence) ให้กับผู้ประกอบการ จำนวน 25 ราย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับให้กับผู้บริโภคด้วย สำหรับงานเทศกาลเส้นทางการท่องเที่ยวถนนสายอัญมณีและเครื่องประดับ Bangkok Jewelry Week 2024 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-25 ตุลาคม 2567 พร้อมมีกิจกรรม Press Tour สถานที่ท่องเที่ยวและเยี่ยมชม Landmark ธุรกิจอัญและเครื่องประดับที่สำคัญในเขตบางรักและเขตสัมพันธวงศ์ด้วย สำหรับผู้สนใจ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fan page : Bangkok Jewelry Week

“อลงกรณ์-เอฟเคไอไอ.”เปิดเวทีวาระประเทศไทย “อนาคตพลังงานไทย : ปัญหาและโอกาส !!!“ ถกปมใครผูดขาดพลังงาน ? ทางแก้น้ำมันก๊าซไฟฟ้าแพง ?

(19 ต.ค. 67) ไฮไลท์เชิญ“หม่อมกร”ถอดรหัสประเด็นร้อนปัญหาMOU44 กับพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาและแหล่งน้ำมัน-ก๊าซใต้ทะเลมูลค่ากว่า10ล้านล้านบาท ใครได้ใครเสีย ?

สถาบันเอฟเคไอไอ. ไทยแลนด์(FKII Thailand และสถาบันทิวา(Transformation Valley จัดเสวนาโต๊ะกลมวาระประเทศไทยหัวข้อ “อนาคตพลังงานไทย:ปัญหาและโอกาส โดยวิทยากรชื่อดัง ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงานและนายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบัน FKII Thailand รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ปชป.และอดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ มีนายชยดิฐ หุตานุวัชร์ ประธานสถาบันทิวา(TVA)เป็นผู้สรุปการเสวนา

โดยการเสวนาจะครอบคลุมประเด็นปัจจุบันและอนาคตความมั่นคงทางพลังงาน การพัฒนาพลังงานทดแทน การอนุรักษ์พลังงานและปมปัญหาที่สังคมข้องใจเช่นปัญหาการผูกขาดพลังงาน???คำถามและทางแก้ทำไมค่าไฟแพง น้ำมัน-ก๊าซแพง?รวมทั้งปัญหาMOU44กับพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาและแหล่งก๊าซ-น้ำมันใต้ทะเลมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านบาท ใครได้ใครเสีย ?

โดยจัดในวันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2567
เวลา 14.00 - 16.30 น.
ณ สวนเสียงไผ่ สถาบันทิวา ทาวน์อินทาวน์ กรุงเทพฯ.
https://maps.app.goo.gl/YxVYudCo6RNZuUbA9?g_st=il
สำรองที่นั่งด่วน รับจำนวนจำกัด
ที่ LineOA FKII Thailand: https://lin.ee/BgPCPvd
ติดต่อสอบถาม
คุณลิต้า 093-1252012
คุณวรวุฒิ 091-1805459
หมายเหตุ : สามารถจอดรถที่ Lotus's Go Fresh สาขา Town in Town (มีค่าใช้จ่ายตามเงื่อนไขของสถานที่)
https://maps.app.goo.gl/KpjJocYk9YgGET6P8

#FKIIThailand #FKII #FKIINationalAgenda
#ThinkTankRoundTable #การเสวนาวาระประเทศไทย#พลังงาน #อนาคตพลังงานไทยปัญหาและโอกาส
#TVA #สถาบันทิวา #สวนเสียงไผ่

ศบภ.ทร. โดย นบภ.นย. พร้อมให้การช่วยเหลือเมื่อเกิดภัย

เมื่อวันที่ (19 ต.ค. 97) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ (ศบภ.ทร.) โดย หน่วยบรรเทาสาธารณภัยหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นบภ.นย.) กองพันทหารราบที่ 7 ฯ และกองพันซ่อมบำรุงฯ  (พัน.ร.7ฯ และ พัน.ซบร.ฯ) ดำเนินการสนธิกำลัง เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ ซึ่งจากการแจ้งเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา ในห้วงวันที่ 19 - 23 ต.ค.67 ประเทศไทย จะได้รับผลกระทบ จากลมมรสุมทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะพื้นที่ จ.ชลบุรี จ.ระยอง จ.จันทบุรี และ จ.ตราด จึงขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังอันตราย จากฝนฟ้าคะนอง ลมกรรโชกแรง และจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากต่อเนื่องสะสม ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้เส้นทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณา รวมถึงการขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นสู่ที่สูง ผูกมัดรัดตึงให้เกิดความแข็งแรง

หากต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือหน่วยบรรเทาสาธารณภัยหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน พื้นที่ อ.สัตหีบ หมายเลข 0948464244 และ 0993339736 พื้นที่ จว.ระยอง หมายเลข 0817241893 และ 0833971800 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top