Tuesday, 8 July 2025
Hard News Team

แพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ โดนผู้ป่วยหลอกยังไม่ได้ยาฟาวิพิราเวียร์ หวังเอาไปขายต่อ พบก่อเหตุแล้วหลายราย วอนหยุดพฤติกรรมดังกล่าว เหตุทำให้ต้องตรวจสอบเข้มงวดขึ้น ส่งผลการทำงานและทุกอย่างล่าช้า

นายแพทย์สุรเวช น้ำหอม คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Dr.Surawej Numhom นายแพทย์สุรเวช น้ำหอม ระบุว่า

#เพราะการรักษาโควิดการได้ยาFavipiravirเร็วนั้นสำคัญมาก

ในตอนนี้การรับมือกับการระบาดของโควิดในกรุงเทพ เราไม่มีเตียงจะให้คนไข้ทุกคนรักษาในโรงพยาบาลแล้ว การรักษาแบบ Home isolation จึงสำคัญมาก ในเวลาที่คนไข้ติดเชื้อมากมายในแต่ละวัน ทีมแพทย์และเภสัชพยายามจะรีบส่งยา Favipiravir ให้เร็วที่สุดเพื่อให้คนไข้ได้ยาทานก่อนที่อาการจะเป็นมาก ซึ่งแน่นอนว่าการพยายามส่งให้เร็วและจำนวนมาก การตรวจสอบก็จะไม่ได้มีขั้นตอนที่ละเอียดหรือซับซ้อนมากเพื่อความรวดเร็ว และในเวลานี้เรายังส่งยาได้ไม่เร็วพอเลยด้วยซ้ำ

#ตอนนี้มีคนไข้ที่ได้ยาไปแล้วกลับบอกว่าไม่ได้

แต่ในความพยายามที่จะทำให้เร็ว ก็มีคนไข้บางคนที่ได้ยาไปแล้วกลับบอกว่ายังไม่ได้ เพื่อจะให้ทีมแพทย์ส่งยา Favipiravir ไปให้อีกครั้ง จุดประสงค์เพื่อนำยาไปขายต่อ เพราะตอนนี้ราคายา Favipiravir ในตลาดมืดมีราคาสูงมาก เพราะคนกลัวว่าหากการระบาดยังมากขนาดนี้ ยาอาจจะมีไม่พอ จึงมีความต้องการยา Favipiravir มากและแน่นอนว่าการนำไปขายแบบนี้จะมีคนซื้อทันที

#หากเราต้องสร้างระบบตรวจสอบหลายขั้นทุกอย่างจะยิ่งช้า

ดังนั้นหากมีเหตุการณ์ที่คนไข้ได้ยาแล้วแต่บอกว่ายังไม่ได้ เช่นตอนนี้ก็สามารถจับได้หลายเคสแล้วที่ทำแบบนี้ และหากมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะทำให้เกิดความระแวงว่ายาจะรั่วไหล จะทำให้ต้องมีระบบการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งก็จะเพิ่มทั้งเวลาในการตรวจสอบและต้อง double check ทุกครั้งที่คนไข้บอกว่าไม่ได้ยา ซึ่งจะทำให้คนไข้ที่ไม่ได้ยาจริงยิ่งได้รับช้าขึ้นไปอีก

#เราได้ยาแล้วแต่ยังมีคนอื่นที่ยังไม่ได้ยาอีกมาก

จึงต้องขอว่าในเวลาที่วิกฤติแบบนี้ ทุกคนเดือดร้อนและลำบากกันหมด แค่ส่งยา Favipiravir ให้ถึงมือคนไข้ทุกคนให้ทันเวลาก็ยากแล้ว หากคนไข้ท่านใดที่แจ้งว่าไม่ได้ยาแล้วเราต้องมาตรวจสอบก่อนว่ามีหลักฐานการได้ยาไปแล้วหรือยัง ก็ต้องใช้เวลา ต้องสร้างระบบตรวจสอบ ต้องเพิ่มขั้นตอนในการทำงาน ซึ่งสุดท้ายทุกอย่างก็จะล้าช้าไปหมด

ระบบราชการช้าและซ้ำซ้อนด้วยตัวเองอยู่แล้ว อย่าทำให้ช้าเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองเลย เวลานี้คนไข้และทีมแพทย์และทีมรักษาต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้เรารักษาคนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพราะเราจะต้องรอดไปด้วยกันจากวิกฤติครั้งนี้นะครับ


ที่มา : https://www.facebook.com/drsurawejrama/posts/4247879321968967?_trms=8b8b1fea5e570489.1628646891627


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รัฐบาล หนุน แจ้งข้อมูลเด็ก กระทบจากโควิด-19 ผ่านไลน์@savekidscovid19 - แอปพลิเคชัน “คุ้มครองเด็ก” สายด่วน1300 “ศูนย์ช่วยเหลือสังคม” เผย ข้อมูล ศบค. เด็กที่ติดเชื้อโควิดแล้วจำนวน 79,989 คน

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนากรัฐมนตรี กล่าวว่า  จากที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบในวงกว้าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้กำชับกับหน่วยงานต่างๆ ให้ดูแลกลุ่มเปราะบางของสังคมอย่างทั่วถึงทั้ง เด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในกรณีของเด็กนั้นพบว่าได้รับผลกระทบจำนวนมาก ทั้งจากกรณีการเป็นผู้ป่วยเองและได้รับผลกระทบจากกรณีพ่อแม่ผู้ปกครอง ป่วยแล้วไม่มีผู้ดูแลเด็ก เด็กขาดแคลนอาหารและยา  รวมถึงต้องหลุดออกจากวงจรการศึกษา

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การเล็งเห็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเด็ก 4 หน่วยงาน ประกอบด้วยกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสล.) สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ และยูนิเซฟ ได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ขึ้นเพื่อบูรณาการข้อมูลเด็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งประเทศ 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โดยได้รวมพลังของเจ้าหน้าที่จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อาสาสมัครชุมชน อาสาสมัครครูทั้งในและนอกระบบ อาสาสมัครสภาเด็กและเยาวชน เข้ามาร่วมดูแลเด็กเพื่อช่วยเหลือเด็กได้ทันสถานการณ์ไม่ถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว โดยจะมีกลไกการรับเด็กที่ได้รับผลกระทบผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะการรับแจ้งข้อมูล จากประชาชน 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รัฐบาลจึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศร่วมกันแจ้งข้อมูลเด็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เข้ามายังศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ทั้งการแจ้งผ่านไลน์  @savekidscovid19 หรือช่องทางอื่นๆ เช่น แอปพลิเคชั่น “คุ้มครองเด็ก” สายด่วน “ศูนย์ช่วยเหลือสังคม” โทร. 1300 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งได้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ 

“ปัจจุบันมีเพียงข้อมูลจากศบค. เกี่ยวกับจำนวนเด็กที่ติดเชื้อโควิด ที่ตั้งแต่ 1 ม.ค.– 10 ส.ค.2564  มีจำนวน 79,989 คน แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 18,260 คน ส่วนภูมิภาค 61,729 คน  แต่จะยังมีเด็กจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่ผู้ปกครอง ป่วย หรือเสียชีวิตแล้วขาดคนดูแล ซึ่งส่วนนี้ประชาชนที่พบเห็นสามารถแจ้งให้ศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 เพื่อเข้าช่วยเหลือได้ ทั้งผ่านไลน์ แอปพลิเคชั่น สายด่วน 1300 หรือบ้านพักเด็กและครอบครัวทั้ง 77 จังหวัด เพื่อช่วยกันดูแลให้เด็กได้รับความช่วยเหลือเร็วที่สุด” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

‘มูลนิธิมาดามแป้ง’ ผนึกกำลังพันธมิตรเอกชน หนุนศูนย์พักคอย 4 มุมเมือง

มูลนิธิมาดามแป้ง โดย ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ เดินหน้าสนับสนุนศูนย์พักคอย (Community Isolation) 4 มุมเมือง เสริมกำลังแกร่งด้วยพันธมิตรเอกชนกว่า 10 ราย ช่วยคนไทยสู้วิกฤตโควิด-19 พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ป่วย

10 ส.ค.​ 64 ณ วัดกำแพง (บางแวก) เขตภาษีเจริญ ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ 
ซีอีโอ บมจ. เมืองไทยประกันภัย และประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง ในฐานะผู้สนับสนุนหลักการจัดตั้งศูนย์ นำคณะกรรมการมูลนิธิฯ เข้าตรวจเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยมีผู้อำนวยการเขตภาษีเจริญ ประธานกรรมการโรงพยาบาลมิตรประชา ร่วมพูดคุยให้ข้อมูลการบริการประชาชนและระบบการทำงานต่าง ๆ เพื่อสานต่อความช่วยเหลือในระยะต่อไปแก่ศูนย์ฯ สามารถดูแลผู้ป่วยได้แบบ 360 องศา โดยได้ให้กำลังใจผู้ป่วยผ่านระบบ INTERCOM

ในการนี้ มูลนิธิมาดามแป้ง ยังได้พันธมิตรเอกชน เข้าร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์พักคอยทั้ง 4 มุมเมืองนี้ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้มากยิ่งขึ้น และสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานรัฐอีกทาง โดยมีรายนามดังนี้ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน), อเมริกัน อีเกิล เอาท์ฟิตเตอร์ส (American Eagle Outfitters), บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน), บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน), บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) (ฟาร์มเฮ้าส์), บริษัท ล็อคตั้น วัฒนา อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไทย วี พี คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท พี แลนด์สเคป จำกัด, บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน), สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ รุ่น 47 และ บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด รวมถึงประชาชนจำนวนมากที่ร่วมสนับสนุนให้แก่มูลนิธิฯ อย่างต่อเนื่อง

ด้าน ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ กล่าวว่า “วันนี้พวกเราในฐานะมูลนิธิมาดามแป้ง มองว่าด้วยหนึ่งแรงช่วยเหลือคงจะน้อยนิดสำหรับความเดือดร้อนที่มีอยู่ในทุกหย่อมหญ้า การที่เราได้รับกำลังใจและแรงสนับสนุนจากพันธมิตรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บางท่านไม่ได้ให้แค่เงินสนับสนุน แต่ยังช่วยส่งทรัพยากรที่มี มาร่วมด้วยช่วยกัน ทั้งรถรับ-ส่ง, อาหาร, น้ำดื่ม ทำให้เราได้เห็นภาพความร่วมมือของภาคเอกชนที่ร่วมใจช่วยคนไทยในการต่อสู้วิกฤต และขอขอบคุณเงินทุกบาทของผู้ที่มีจิตศรัทธาที่หลั่งไหลมาตลอดตั้งแต่ช่วงที่เราเตรียมความพร้อม และเริ่มเปิด CI ทั้ง 4 ศูนย์ฯ ขอบคุณจากใจจริงค่ะ”

โดยขณะนี้ ศูนย์พักคอยวัดกำแพง (บางแวก) เขตภาษีเจริญ โดยโรงพยาบาลมิตรประชา มีขนาด 100 เตียง ซึ่งกำลังจะเพิ่มจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองอ่อน ที่ลงทะเบียนผ่านระบบคัดกรองเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะรับผู้ป่วยได้เต็มจำนวนเตียงภายในสัปดาห์นี้

'โฆษก ทร.' เผย 'ผบ.ทร.'​ รับมอบตู้พ่นฆ่าเชื้อโควิค19 จากบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ด้านอุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อติดตั้ง ณ จุดคัดกรอง รพ.ปิ่นเกล้า

10​ ส.ค.64 พลเรือเอก เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วย พลเรือโท วิชัย มนัสศิริวิทยา เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ และ พลเรือตรี นิธิ พงษ์อนันต์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ร่วมรับมอบตู้พ่นฆ่าเชื้อโรค สำหรับภารกิจต่อต้านการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ซึ่งผลิตโดยกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ จำนวน 2 ตู้ มูลค่า 200,000 บาท จากคุณไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) และ คุณทรงเดช วรยุทธการ ประธานกรรมการ บริษัท พีท แอนด์ เฟรนด์ จำกัด และ พลเรือตรี สราวุฒิ ใจชื้น เจ้ากรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ ในฐานะผู้ผลิต ร่วมส่งมอบให้โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพฯ

สืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เดิมทีกองทัพเรือมีระบบการคัดกรองการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 หลายรูปแบบ เช่น การใช้เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายที่เปรียบเสมือนด่านแรกในการคัดกรอง แต่ยังคงมีช่องว่างของการแพร่กระจายของเชื้อเพื่อตอบสนองต่อมาตรการของ พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19

ในการนี้ กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ จึงได้ทำโครงการวิจัยในการศึกษาความเป็นไปได้ และสร้างตู้พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ขึ้น เป็นเครื่องที่สามารถสร้างละอองหรือไอของสารฆ่าเชื้อโรค/ยับยั้งเชื้อโรคที่ปนเปื้อนภายนอกกับบุคคล ด้วยประสิทธิภาพของเครื่องมือในการสร้างละอองที่มีขนาดละเอียดเล็กมาก และครอบคลุมพื้นที่ในเวลาสั้นนี้ จึงเป็นตู้พ่นฯ ที่ประหยัดความสิ้นเปลืองของน้ำยา/สารเคมีได้ สามารถใช้งานได้กับน้ำยาหลากหลายแบบ ทั้ง Chemical Based และสารผสม เช่น สารสกัดสมุนไพร สารชีวภาพที่มีสารออกฤทธิ์ ยับยั้งเชื้อโรคได้ (Bioactive ingredients)
มีระบบทำลายพิษตนเองอัตโนมัติ (Auto self -cleaning Machine) เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของสารเคมี รวมถึงเชื้อโรค ก่อนใช้งานกับบุคคลอื่น และก่อนการปล่อยสาร/ของเสียสู่สิ่งแวดล้อม

องค์ประกอบของเครื่องพ่นฆ่าเชื้อโรค ประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ดังนี้... 

1. ส่วนสร้างละอองน้ำยาขนาดอนุภาคละเอียด (Ultrasonic Atomizer) 
2. ส่วนเติมน้ำยาฆ่าเชื้อโรคและหรือยับยั้งเชื้อโรค (Disinfectant solution tank)  
3. ส่วนห้องหรืออุโมงค์เพื่อเป็นพื้นที่ทำลายพิษ (Decontamination area) 
4. ระบบควบคุมอัตโนมัติและเซนเซอร์จับวัตถุ (Automatic Control & Sensors)​

บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่ประชาชนทั่วไปจะได้รับ จึงให้การสนับสนุนในการผลิตตู้ พ่นฆ่าเชื้อฯ และส่งมอบให้โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า เพื่อนำไปติดตั้ง ณ จุดผ่านเข้า-ออก ภายในโรงพยาบาล เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิค 19

องค์กรผู้ใช้น้ำ (สทนช.) ร่วมมือ แบ่งปันน้ำใจ  มอบน้ำดื่มให้ รพ.สนาม และศูนย์พักคอย รองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 กทม.และชลบุรี

องค์กรผู้ใช้น้ำ (สทนช.)โดยคุณธนวัฒน์ สันตินรนนท์ กรรมการบริหาร บ.อินดัสเตรียลวอเตอร์ รีซอร์สแมนเนจเม้นท์ จก. ผู้แทนกลุ่ม "ตนรักษ์น้ำ"และ คุณวิเชษฐ์ เกตุแก้ว ผู้แทน กลุ่ม"สภาอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทราลุ่มน้ำบางปะกง" ร่วมแบ่งปันน้ำดื่ม ให้แก่ นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครฯ ณ.โรงพยาบาล เอราวัณ 2 บางกอก อารีน่า เขตหนองจอก กทม.จำนวน 12,000 ขวด เพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสนาม 13 แห่ง ในความรับผิดชอบของ กทม. เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 


ที่ผ่านมา คุณวิเชษฐ์ เกตุแก้ว องค์กรผู้ใช้น้ำ ( สทนช.)ผู้แทนกลุ่ม "สภาอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา ลุ่มน้ำบางปะกง” และคุณศราวุฒิ​ เปลี่ยนอารมย์​  ผู้จัดการทั่วไป บ.อินดัสเตรียล วอเตอร์ รีซอร์ส แมนเนจเมนท์(IWRM) ผู้ผลิตน้ำประปาเพื่อบริโภคและเพื่ออุตสาหกรรม ในเขตพื้นที่EECร่วมสนับสนุน น้ำดื่มและน้ำยาฆ่าเชื้อ" มอบให้ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง ต.หนองบอนแดง อ.บ้านบึง  จ.ชลบุรี จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม รองรับผู้ติดเชื้อโควิด19 ในพื้นที่จากจังหวัดกรุงเทพฯและจังหวัดชลบุรี จำนวน 80 เตียงโดยมีคุณศลิศา ศัลยกำธร ผู้อำนวยการศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้องพร้อมทีม เจ้าหน้าที่ อสม.อบตหนองบอนแดง อ.บ้านบึง ร่วมรับมอบ

ทั้งนี้ ยังได้มอบน้ำดื่ม CHON Water ให้กับ  ศูนย์พักคอย เทศบาลตำบลพานทอง  จำนวน1,200 ขวด โดย นายศิริเกียรติ ไม้งาม  นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลพานทอง  อ.พานทอง รับมอบและสนับสนุนน้ำดื่มอีก จำนวน1,200 ขวดให้กับ อบต.หน้าประดู่ รับมอบโดย นายรัชกฤต เจริญสุข นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าประดู่  ว่าที่ร้อยตรีศุภชัย สนธิรักษ์ปลัด อบต.หน้าประดู่และ นายนรภัทร แสงจันทร์ ผอ.กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อบต.หน้าประดู่  อ.พานทอง จากการระบาดของเชื้อโควิด-19  ขยายเป็นวงกว้างมีการพบเชื้อที่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง อปท.จึงจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอยเพิ่ม มีความจำเป็นต้องการน้ำ อาหาร ของใช้ที่จำเป็น ให้กับผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ อาสา ประจำศูนย์ จึงขอเชิญชวนร่วมบริจาค ณ.ศูนย์พักคอยได้ทุกที่ ไกล้บ้านท่าน เราจะก้าวผ่าน โควิด-19ไปด้วยกัน

'ทิพานัน' ย้ำไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์เคลมประกันโควิด เจอจ่ายจบ ใช้แค่ผล RT-PCR เท่านั้น เผยนายกฯ กำชับทุกภาคส่วนอำนวยความสะดวก-ป้องกันการเอาเปรียบประชาชนในยามวิกฤต กระตุกนักการเมืองช่วยกันกระจายข่าวสารมีประโยชน์ให้ชุมชน ดีกว่ามุ่งทำร้ายกันทางการเมือง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่รับฟังปัญหาพี่น้องประชาชนชุมชนวัดมงคลวราราม ชุมชนศิลปเดช และชุมชนวุฒากาศ 46 เขตจอมทอง พบว่าพี่น้องประชาชนผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีความวิตกกังวลกรณีไม่สามารถขอใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาลมายืนยันว่าตนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้อาจไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ตามกรมธรรม์ เนื่องจากก่อนหน้านี้หากติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องใช้ทั้งเอกสารรายงานผลการตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งใบรับรองแพทย์

แต่เมื่อติดเชื้อไวรัส-19 แล้วทำให้การเดินทางไปเป็นไปด้วยความยากลำบาก จึงไม่สามารถขอใบรับรองแพทย์ได้ ตนจึงได้ชี้แจงทำความเข้าใจข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า ขณะนี้คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ.ได้ผ่อนปรนสำหรับผู้เอาประกันแบบ เจอ จ่าย จบ สามารถใช้เพียงเอกสารการรายงานผลตรวจจากห้องปฏิบัติการที่ผ่านการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยวิธี RT-PCR แทนใบรายงานหรือรับรองจากแพทย์ เพื่อยื่นเคลมประกันกับบริษัทประกันภัยผู้รับทำประกัน

น.ส.ทิพานัน กล่าวย้ำว่า วันนี้ใช้เพียงผลตรวจ แบบ RT-PCR เพียงอย่างเดียวเท่านั้นในการเคลมประกัน เจอ จ่าย จบ ซึ่งเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน สอดคล้องกับมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนของรัฐบาลที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทุกภาคส่วนกำกับดูแลอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนในยามวิกฤตและไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบพี่น้องประชาชนได้

“ในยามวิกฤตแบบนี้ มีอะไรช่วยได้ ตนพร้อมจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แม้วันนี้ ทางคปภ. จะออกคำสั่งมาแล้ว แต่พี่น้องประชาชนในหลาย ๆ พื้นที่ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว กังวลจะเสียสิทธิในการเคลมประกันไป จึงขอเชิญชวนให้ฝ่ายการเมืองที่มีเครือข่ายอยู่ในชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยร่วมกันสื่อสารกระจายข้อมูล สร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนเพื่อคลายความทุกข์ และความกังวลใจในเรื่องดังกล่าว ดีกว่าหมกมุ่นกับการทำร้ายกันทางการเมือง” น.ส.ทิพานัน กล่าว


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม. เห็นชอบเร่งร่างกฎหมายล้มละลายฉบับใหม่ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ทุกกลุ่มยื่นคำร้องฟื้นฟูกิจการได้

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย ฉบับใหม่ โดยในส่วนกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยผลักดันให้เป็นกฎหมายที่ต้องปฏิรูปในระยะเร่งด่วน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีหลักการสำคัญในการสร้างกลไกให้ลูกหนี้ที่เป็นเอสเอ็มอี สามารถเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการได้เช่นเดียวกับการฟื้นฟูกิจการปกติ ลดขั้นตอนและใช้ระยะเวลาที่สั้นกว่า

สำหรับสาระสำคัญ คือ

1.) เพิ่มเติมจำนวนหนี้ของลูกหนี้ ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด หรือนิติบุคคลอื่นตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ที่สามารถร้องขอให้มีการฟื้นฟูกิจการได้ จาก “จำนวนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท” เป็น “ไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท” เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งการเพิ่มจำนวนหนี้อ้างอิงจากข้อมูลเชิงสถิติระหว่างปี 2560-2563 คดีที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอลูกหนี้มีจำนวนหนี้มากกว่า 50 ล้านบาท กว่า 90% ของคดีทั้งหมด

2.) กำหนดกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ที่มีลักษณะเป็นเอสเอ็มอี ดังนี้

(2.1.) ยกเลิกเงื่อนไขที่กำหนดให้ลูกหนี้ที่เป็นเอสเอ็มอี ต้องขึ้นทะเบียนกับ สสว. หรือที่จดทะเบียนกับหน่วยงานอื่นของรัฐ จึงจะสามารถร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการได้

(2.2.) กำหนดให้ลูกหนี้สามารถยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ได้ โดยที่ยังไม่ต้องจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการเสนอศาลเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้มีการพักชำระหนี้เมื่อศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ โดยลูกหนี้สามารถยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนศาลมีคำสั่งฟื้นฟูกิจการได้

3.) กำหนดให้มีกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการแบบเร่งรัด ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ในคดีฟื้นฟูกิจการ ได้แก่ ลูกหนี้ที่เป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ และลูกหนี้ที่เป็นเอสเอ็มอี สามารถเลือกยื่นคำร้องขอให้มีการฟื้นฟูกิจการแบบเร่งรัดได้ โดยแนบแผนพร้อมหลักฐานแสดงว่าเจ้าหนี้ได้มีมติยอมรับแผนแล้วต่อศาล

โดยให้ศาลพิจารณาคำร้องขอดังกล่าวเป็นการด่วน แต่หากศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอเพราะแผนไม่เข้าหลักเกณฑ์ ลูกหนี้อาจยื่นคำร้องขอให้มีการฟื้นฟูกิจการอีกได้ โดยไม่ติดเงื่อนไขข้อห้ามเรื่องระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่ศาลยกคำร้องขอกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการแบบเร่งรัด


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม. เคาะ อนุมัติวงเงิน 3.3 หมื่นล้านบาท ชดเชย ม.39-40 ในพื้นที่ 29 จังหวัดสีแดงเข้ม

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้เห็นชอบกรอบวงเงิน 33,471.0050 ล้านบาท เยียวยาผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ในพื้นที่ 29 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐตามข้อกำหนดฯ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 5,000 บาท รวมทั้งสิ้น 6,694,201 คน โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

1.) พื้นที่ดำเนินการ 29 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา ระยอง ราชบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี ตาก อ่างทอง นครนายก สมุทรสงคราม และสิงห์บุรี

2.) กลุ่มเป้าหมายรวมประมาณ 6,694,201 คน ประกอบด้วย กลุ่มผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จำนวน 1,436,171 คน และมาตรา 40 จำนวน 5,258,030 คน

3.) คุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ที่มีสัญชาติไทย สถานะเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ในฐานทะเบียนประกันสังคมที่มีสถานะ A (Active) ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 (พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด) หรือ ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2564 (พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 16 จังหวัด)

กรณีเป็นผู้สมัครเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ในฐานทะเบียนประกันสังคมที่มีสถานะรอชำระเงิน W (Wait) ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ทั้งนี้ ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ต้องไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ต้องไม่เป็นข้าราชการหรือผู้รับบำนาญของกรมบัญชีกลาง

4.) วิธีการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 จะโอนเงินให้กับผู้ประกันตนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ (Prompt Pay) เฉพาะที่ผูกบัญชีกับเลขประจำตัวประชาชน

โฆษกรัฐบาลยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ครม.ยังให้กระทรวงแรงงาน เร่งตรวจสอบยืนยันตัวตนของผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือตามเป้าหมายเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน รวมทั้งขอให้โอนเงินให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตนตาม ม. 39 และ ม. 40 ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดใน 10 จังหวัด ก่อนระยะเวลาที่กำหนด ภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ที่มีสถานการณ์การระบาดของโควิด -19 ที่รุนแรงและได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามข้อกำหนดฯ ก่อนพื้นที่อื่น ๆ

อีกทั้ง กำหนดให้ผู้ที่ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 เพิ่มเติมในพื้นที่ 10 จังหวัด ต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบงวดแรกภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 และในพื้นที่ 19 จังหวัดต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบงวดแรกภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564

นอกจากนี้ ได้ให้กระทรวงแรงงานจัดทำข้อเสนอขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มเป้าหมายที่รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ 13 จังหวัดเพิ่มเติมอีกจำนวน 1 เดือน ซึ่งจะช่วยให้การให้ความช่วยเหลือนายจ้างและผู้ประกันตนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่อง


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"สภาสังคมสงเคราะห์ แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์" รับมอบน้ำดื่ม 3,600 ขวด อาหาร 150 กล่อง ช่วยเหลือประชาชน ในช่วงสถานการณ์โควิด-19

ณ สภาสังคมสงเคราะห์แห่ง ประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์  เลขที่ 257 ตึกมหิดล ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ "แพทย์หญิงสุวณี  รักธรรม" รองประธานสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ คุณศิริพร  คัมภีรยส ผู้ช่วยเลขาธิการ สมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ คุณนงลักษณ์  รอมไธสง ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้เกียรติเป็นประธานรับมอบน้ำดื่ม จำนวน 3,600 ขวด อาหาร จำนวน 150 กล่อง จาก "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย น.ส.ภัสวรินทร์ กิตติโชคกุลพัทธ์ นายกสมาคมส่งเสริมและพัฒนาคนพิการไทย นายโกสินธ์ จินาอ่อน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์ ที่ปรึกษาสมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคมเป็น "สะพานบุญ" ของ "บริษัทดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด" และ "น.ส.ชาลินี ลอยนุ้ย" เจ้าของร้านทุเรียน นุช-นนท์ (ตลาดสี่มุมเมือง) เพื่อนำสิ่งของดังกล่าวมามอบ และเป็นขอร่วมเป็นกำลังใจในการดำเนินงานของทาง "สภาสังคมสงเคราะห์" ที่มีบทบาทสำคัญให้การช่วยเหลือดูแล คนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส คนไร้ที่พึ่ง ในช่วงสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้

ในการนี้ "แพทย์หญิงสุวณี  รักธรรม" รองประธานสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กล่าวขอบคุณ ทุกท่านที่ได้นำสิ่งของเหล่านี้มาร่วมด้วยช่วยกันดูแลคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทย บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ภาครัฐ จิตอาสา และ หลายๆหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19  ร่วมกันต่อสู้ภัยร้ายนี้เพื่อการอยู่รอดปลอดภัยไปด้วยกัน

ทบ.ชื่นชม พร้อม ส่งทหารช่างช่วยซ่อมแซมบ้านพัก นายธนากร ทองหนูนุ้ย ผู้สอบได้อันดับ1 นตท. 3 เหล่าทัพ ระบุเป็นเพราะความสามารถและการเลี้ยงดูของครอบครัว เชื่อจะเป็นทหารที่ดีในอนาคต 

ที่กองบัญชาการทหารบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผนว่า จากการสอบคัดเลือกนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบก ประจําปี 2564 ซึ่ง นาย ธนากร ทองหนูนุ้ย นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จ.อุบลราชธานี สอบได้อันดับที่ 1 ของ 3 เหล่าทัพ คือเหล่าทหารบก ,ทหารเรือและทหาร อากาศ และยังสอบได้ท่ี 8 ในส่วนของสํานักงานตํารวจแห่งชาติด้วย โดยเจ้าตัวได้ตัดสินใจ เลือกเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบก และวันนี้ได้เขา้ รายงานตัวตามระบบ ณ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเรียบร้อยแล้ว

กองทัพบกขอช่ืนชมในความรู้ ความสามารถ ของ นาย ธนากรฯ ทั้งด้าน วิชาการและความขยันหมั่นเพียรในการฝึกฝน และเตรียมตนเอง เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบคัดเลือก จนประสบผลสําเร็จ และจากประวัติครอบครัว พบว่ามีพื้นฐานครอบครัวที่อบอุ่น บิดามารดาอบรมเลี้ยงดูปลูกฝังให้เป็นคนดี ส่วนเจ้าตัวมีความมุ่งมั่นต้ังใจจะเป็นทหาร  ซึ่งเกิดจากแรงบันดาลใจ ที่ผ่านประสบการณ์ด้านการทหารมาเมื่อปี 2553 ที่เกิดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเขาพระวิหาร ซึ่งตนเองและครอบครัวต้องออกนอกพื้นที่ ชายแดน จ.ศรีสะเกษ ชั่วคราวตามแผนอพยพประชาชน ได้มีโอกาสเห็นการนํากําลังทหาร เข้าดูแลพื้นที่ชายแดน เพื่อปกป้องประเทศดูแลประชาชน จึงเกิดความประทับใจ และตั้งใจว่าจะหน้าท่ีดูแลชาติบ้านเมืองด้วยการเป็นทหาร

ท้ังนี้จากนโยบายของกองทัพบกในการส่งเสริมและให้โอกาสกับผู้ที่มีใจรักใน อาชีพทหาร ที่มีคุณสมบัติ และมีอุดมการณ์เพื่อประเทศชาติ เข้ามารับราชการในกองทัพบก ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบให้กองทัพภาคที่ 2 เข้าดูแลและมอบทุนสนับสนุนการรายงานตัว และกองทัพบกยังได้มอบทุนการศึกษาเป็นรายเดือนให้ตลอดการศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร  อีกทั้งเตรียมเข้าช่วยปรับปรุงบ้านพักของบิดามารดา นายธนากรฯ ที่ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีษะเกษ

กรณีดังกล่าว นับเป็นตัวอย่างของผู้ที่มีความอุตสาหะ พากเพียร มีความต้ังใจ โดยเฉพาะการมีใจรักในอาชีพทหาร ซึ่งตรงกับนโยบายของกองทัพบกที่ส่งเสริมและได้เพิ่มโอกาสในการรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล เด็กเรียนดี ฐานะยากจน มีใจรักทหาร มีอุดมการณ์ เพื่อชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ สามารถเข้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวกองทัพบก ได้ ความสําเร็จในเบื้องต้นครั้งน้ี นํามาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ ตนเอง ครอบครัว และจะเป็นจุดเริ่มต้นในเส้นทางทหารอาชีพต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top