Thursday, 5 June 2025
Hard News Team

‘บิลลี่’ ฝากถึงเด็กรุ่นใหม่ผู้ไม่เคยลำบาก ชี้! แผ่นดินไทยอุดมสมบูรณ์ได้ เพราะในหลวง ร.9

บิลลี่ โอแกน นักร้องขาร็อกมาดเข้มรุ่นใหญ่ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เวลากินข้าวที่ตั้งอยู่ตรงหน้านี้ทำให้เราได้คิดเห็นว่าคนสมัยใหม่อายุสัก 20-30 นี่ไม่ค่อยจะเคยลำบาก เพราะเกิดมาตอนบ้านเมืองเจริญก้าวหน้ามีไฟฟ้าสาธารณูปโภคพร้อมพรั่ง ทั้งอาหารการกินก็มีทุกอย่าง แต่เขาคงไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเมืองไทยเราไม่ได้ร่ำรวย เราเป็นประเทศเกษตร ปลูกข้าวเป็นหลัก กินผักกินปลา ที่เจริญมาได้ขนาดนี้ เพราะในหลวง ร.9 ท่านวางรากฐานไว้ให้ ท่านทำทุกอย่าง ท่านแทบไม่ได้อยู่สบายเลย ออกไปชนบท ช่วยคนให้ทำมาหาเลี้ยงตนและครอบครัวได้ ไม่มีน้ำ ท่านก็ทำฝายทำอ่างเก็บน้ำให้ ไม่มีพืชพันธุ์ท่านก็จัดหาให้ ไม่มีฝนท่านก็ทำฝนเทียมให้ ท่านทำให้ทุกอย่าง 

'ประกันสังคม' ชวนผู้ประกันตนตรวจสุขภาพ ได้ทุก รพ.ที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับผู้ใช้แรงงานหรือคนทำงานในสถานประกอบการทุกคน ให้มีสุขภาพที่ดี โดยสนับสนุนให้ผู้ประกันตนได้เข้าถึงบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคได้อย่างทั่วถึง และมีคุณภาพ กำชับนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ให้บริการดูแลสุขภาพเชิงรุก เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพผู้ประกันตน มีคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นกำลังผลิตที่สำคัญ ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศ มีการขับเคลื่อนและพัฒนาอย่างยั่งยืน

ด้าน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม ร่วมขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงแรงงาน เพื่อดูแลสุขภาพของผู้ประกันตนเชิงรุกในทุกมิติ โดยให้สิทธิผู้ประกันตนเข้ารับการตรวจสุขภาพกับสถานพยาบาลที่สมัครเข้าร่วมโครงการตรวจสุขภาพกับสำนักงานประกันสังคม ซึ่งกำหนดให้ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพฟรี 14 รายการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ส่งผลให้ผู้ประกันตนมีทางเลือกและมีความสะดวกในการตรวจสุขภาพ เพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงและป้องกัน และหากพบความผิดปกติ ผู้ประกันตนจะได้รับการบำบัดตั้งแต่ระยะแรก อาทิ การตรวจเต้านมเพื่อคัดกรองมะเร็งเต้านม การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด การตรวจน้ำตาลในเลือด การตรวจการทำงานของไต การตรวจไขมันในเส้นเลือด เพื่อหาความเสี่ยงโรคเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคไตวายเรื้อรัง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดอุดตัน ฯลฯ อย่างไรก็ดีเพื่อพัฒนาระบบคุณภาพบริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคให้กับผู้ประกันตนอย่างทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึง สิทธิและบริการด้านสุขภาวะในกลุ่มผู้ใช้แรงงานอีกด้วย

 

'ปลัดฯ แรงงาน' เยือน สพร.พังงา ดันแรงงานสร้างอาชีพ หนุนการท่องเที่ยวหลังเปิดประเทศ

นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ติดตาม รับฟังผลการดำเนินงาน พร้อมตรวจเยี่ยมการฝึกอบรมของสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานพังงา (สพร .พังงา) จำนวน 3 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรการประกอบธุรกิจกาแฟ มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 20 คน หลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อการทำงานด้วยรูปแบบทางไกล มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 20 คน และหลักสูตรการล้างและบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 15 คน รวมถึงร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ (ต้นรวงผึ้ง) ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ณ สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานพังงา

นายบุญชอบ กล่าวว่า สำหรับจังหวัดพังงา เป็นหนึ่งในกลุ่มจังหวัดอันดามันที่มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีชื่อเสียงระดับโลก มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการสร้างอาชีพและรายได้ให้กับคนในพื้นที่และประเทศชาติ แต่ภายหลังจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวลดลง ดังนั้น ในส่วนของกระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงมีส่วนสำคัญเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ด้วยการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการสร้างงาน สร้างอาชีพ ที่จะนำไปสู่การเกิดรายได้ของแรงงานทั้งในระดับท้องถิ่น ชุมชน และระดับอื่น ๆ

ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเป็นกำลังใจให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ รวมถึงผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกคน และขอฝากไว้ว่าในการพัฒนาทักษะฝีมือจะต้องเลือกพัฒนาให้สอดรับกับความต้องการของแรงงานที่อยู่ในพื้นที่และตลาดแรงงานมีความต้องการด้วย จึงจะส่งผลให้แรงงานเกิดอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ที่ยั่งยืน ขอให้ สพร.พังงา ได้พัฒนาหลักสูตรให้ทันต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะช่วงของการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวนี้ รวมถึงให้บูรณาการการทำงานร่วมกันกับ 5 เสือแรงงาน และหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันพัฒนาแรงงานให้มีคุณภาพต่อไป

 

“แรมโบ้” ซัด “ปิยบุตร-ไอติม” ดันร่างแก้รัฐธรรมนูญฉบับใต้ตาตุ่มปิยบุตร ฝันยกบ้านเมืองให้นักเลือกตั้ง สถาปนาระบอบทักษิณสายพันธ์ุใหม่ อันตรายกว่าเดิม เตือนชื่อ ปิยบุตร อย่าทรพีแผ่นดินเกิด ประชามติ 16 ล้านเสียงมาจากเสียงประชาชนอย่าดูหมิ่นดูแคลนเสียงประชาชน 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ อภิปรายในรัฐสภา กล่าวหาโจมตีนายกฯประยุทธ์ว่าเป็นไวรัสประยุทธ์ และผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ ‘ล้ม-โละ-เลิก-ล้าง’  

 นายเสกสกลเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ วัคซีนที่มารักษาโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ที่ปล่อยให้การเมืองสามานย์กินบ้านโกงเมืองอยู่ก่อนหน้านี้ จะเห็นว่ามีคนโกงหนีคดี มีอดีตรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูงเข้าคุกคดีโกงไม่รู้กี่คนต่อกี่คน รวมถึงใช้อำนาจคณะรัฐประหารจ่ายเงินค่าข้าวชาวนาที่รัฐบาลนักเลือกตั้งชักดาบชาวนาทิ้งไว้ด้วย 

"นายไอติมหลงคิดว่าตนเองวิเศษวิโส แกว่งปากหาเสี้ยน สอบตกในพื้นที่ กทม. ได้เข้าสภาก็เพราะวิ่งหาแสง อาศัยเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเข้ามาแล้วประดิษฐ์วาทกรรมกร่าง หลอกนายกฯในสภา คิดว่าโก้ ถือดีว่าเป็นนักเรียนนอก แต่ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานประสบความสำเร็จอะไรเลย ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เหมือนกบในบ่อน้ำ เห็นแค่ปากบ่อ คิดว่านั่นคือแผ่นฟ้าทั้งหมดแล้ว น่าเวทนามาก” 

นายเสกสกลยังกล่าวถึงนายปิยบุตรด้วยว่า ร่างที่เสนอมา อ้างว่าฉบับประชาชน แต่ใครยกร่าง ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมแท้จริงหรอก เหมือนรัฐธรรมนูญฉบับใต้ตุ่มในประวัติศาสตร์การเมืองไทยนั่นเอง แต่คราวนี้เป็นใต้ตาตุ่มของนายปิยบุตร ผู้มีแนวคิดปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรง และหวังล้างแค้นศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ทั้งที่ตนเองทำผิดรัฐธรรมนูญจริงๆ สู้คดีก็แพ้ ขอขนานนามว่า “ปิแยร์กิโยติน หลวงชำนาญกฎหมายพ่ายทุกคดี” 

"ที่สำคัญ ร่างแก้ไขฉบับใต้ตาตุ่มปิยบุตร มุ่งรวบอำนาจให้นักการเมือง เหลือสภาเดียว ขนาดสหรัฐ อังกฤษ ก็มีสองสภาทั้งนั้น แบบนี้ส.ส.จะใหญ่คับบ้านคับเมือง เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงแม้กระทั่งอำนาจศาลยุติธรรม  เท่ากับจะยกบ้านยกเมืองให้นักการเมือง สถาปนาระบอบทักษิณสายพันธ์ุใหม่ ร้ายแรงกว่าเก่า ไม่ต่างจากโควิดสายพันธ์ุใหม่ แถมลบล้างผลพวงรัฐประหาร นักการเมืองโกงที่ได้ผลร้ายได้อานิสงส์ ทะลุฝาโลง ลุกขึ้นมาจากหลุม สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย การนำเสนอเช่นนี้เหมือนแบ่งงานกันทำกับขบวนการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั่นเอง”

“แรมโบ้” ซัด “หมอชลน่าน” ไม่ควรนำเรื่องร่าง รธน.ฉบับประชาชนมาขู่เอาม็อบลงถนน หากไม่ผ่านจะเกิดวิกฤตการเมือง ผ่านหรือไม่ม็อบก็ออกมาเคลื่อนไหวอยู่ดี เพราะเพื่อไทยชอบสู้บนท้องถนนเหมือนปี 52และปี53

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญฉบับภาคประชาชน ลักษณะข่มขู่สภาฯ หากไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ วิกฤตการเมืองเกิดแน่ โดยระบุว่าหากร่างรัฐธรรมนูญเป็นร่างที่มีเนื้อหาสาระที่ดี หมอชลน่านก็ไม่ควรวิตกกังวลว่าจะผ่านหรือไม่  อีกทั้งสมาชิกรัฐสภาฯทราบดีว่าควรที่จะพิจารณาอย่างไร ดังนั้นหมอชลน่านก็ไม่ควรที่จะนำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปอภิปรายเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของม็อบกลุ่มต่างๆในลักษณะของการข่มขู่ว่าหากร่างไม่ผ่านจะเกิดวิกฤตทางการเมือง

นายเสกสกล ยังมองว่าไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนจะผ่านหรือไม่ กลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ หรือม็อบ 3 กีบ ก็ไม่เลิกการเคลื่อนไหวสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างแน่นอน นอกจากนี้หมอชลน่านยังไม่ควรยกตัวอย่างการชุมนุมวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ชุมนุมถูกยิง 3 คน ลักษณะเช่นนี้เหมือนกับรัฐธรรมนูญรับรองว่าทำได้ แต่หมอชลน่านควรดูข้อเท็จจริงว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีพฤติกรรมอย่างไร สร้างความเดือดร้อน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่เช่นเดียวกัน

และหากหมอชลน่านไม่อยากให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มผู้ชุมนุม ขอแค่บอกไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหว สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนก็เพียงพอแล้ว เพราะหากแก้รัฐธรรมนูญแล้วก็ไม่ช่วยให้ม็อบเลิกสร้างความเดือดร้อน

"พรรคเพื่อไทยเคยสนับสนับสนุนกลุ่มนปช.ลงถนนมา เลยเคยชินกับการลงถนนไม่คิดยึดมั่นในระบบรัฐสภา คำก็ลงถนน สองคำก็ลงถนน จึงทำให้รู้ว่าอีแอบที่ส่งคนลงถนนคือพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่

"อย่าบิดเบือนอำนาจสว. กล่าวหาแบบเป็นเท็จ เพราะหากคนที่พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกฯไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ไม่สามารถจะเสนอชื่อให้สว.พิจารณาได้อยู่แล้วมิใช่หรือ ไม่ว่าจะเป็นใครบรรดาสว.ก็คงจะฟังเสียงประชาชน ถ้าประชาชนเลือกพรรคไหนมาเป็นอันดับหนึ่งมาเป็นแกนนำเพื่อจัดตั้งรัฐบาล และพรรคนั้นๆเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ สว.ก็คงลงมติเลือกนายกฯจากพรรคนั้น สว.มิอาจ กล้าปฎิเสธความต้องการของประชาชนที่พรรคชนะอันดับหนึ่งได้รับฉันทานุมัติจากเสียงของประชาชนผ่านสนามเลือกตั้งมา 

 

Tencent คิดใหญ่ สร้าง Metaverse สัญชาติจีน ด้านรัฐบาลจีนไม่ว่า ขอแค่เคารพกฎหมาย

Tencent เอาด้วย หลังจากที่ Facebook ประกาศเปิดตัว Metaverse จักรวาลโลกเสมือนอย่างยิ่งใหญ่ ที่สร้างความกระแสฮือฮาไปทั่วโลก ว่ามันเป็นสิ่งที่จะมาปฏิวัติโลกดิจิทัลในอนาคต ทำให้องค์กรทุกระดับทั่วโลกต่างกระตือรือร้นที่จะขอเป็นส่วนหนึ่งของ Metaverse เพราะกลัวจะ 'Out' หรือถูกทิ้งไว้ข้างหลังกระแสนิยมโลก 

ทั้งนี้ การสร้าง Metaverse ให้สมบูรณ์แบบ ใช้งานได้จริง จะต้องใช้โครงสร้างเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ที่ซับซ้อนและล้ำสมัยมาก ๆ อย่าง AI, 5G, Blockchain และอุปกรณ์ดิจิทัลรุ่นใหม่ ๆ ที่ต้องทำให้ผู้ใช้เข้าถึงได้ง่าย จึงสามารถสร้างสังคมผู้ใช้จำนวนมากพอที่จะสร้างโลกอีกใบ ที่ทำได้เกือบทุกอย่าง และมีมูลค่าในระบบเศรษฐกิจไม่ต่างจากโลกจริง 

และต้องยอมรับว่า ตอนนี้สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีความพร้อมพอที่จะสร้าง Metaverse ให้เกิดขึ้นจริงได้ บวกกับการครอบครอง Big Data ระดับมหึมาของ Facebook จึงทำให้หลายองค์กร / บริษัท ต่างสนใจอยากเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย 

ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจที่อยู่ในสายเทคโนโลยี อย่าง Tencent บริษัทเกมและดิจิทัลเจ้าดังของจีน ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกธุรกิจที่น่าจะได้อานิสงส์อย่างมากมายในการเข้าร่วมใน Metaverse 

แต่ทว่า Tencent ดูจะมีเป้าหมายสูงกว่านั้น เพราะเขาจะไม่ใช่สนใจแค่ "ร่วมแจม" แต่ต้องการสร้าง Metaverse เป็นของตนเองเลยทีเดียว 

และมีความเป็นไปได้สูงเสียด้วย เพราะนอกจากสหรัฐอเมริกา ก็มีจีนอีกประเทศที่เติบโตจนกลายเป็นอีกหนึ่งมหาอำนาจด้านเทคโนโลยี และมีระบบนิเวศทางดิจิทัลล้ำสมัย ครบครัน ไม่ห่างจากสหรัฐอเมริกามากนัก 

แถมรัฐบาลจีนยังมีแผนที่จะผลักดันประเทศให้เป็นเจ้าแห่ง AI ในอนาคตอีกด้วย โดยปักธงไว้ว่าภายในอีก 5 ปีข้างหน้าจะต้องตีตลาดนวัตกรรม AI สัญชาติจีนให้เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก เพื่อก้าวขึ้นสู่ผู้นำด้านเทคโนโลยี AI ของโลกให้ได้ภายในปี 2030

และเมื่อเกิดสงครามการค้า จีน- สหรัฐฯ ที่นับวันจะยิ่งตึงเครียด ซึ่งสหรัฐอเมริกา พยายามอย่างหนักที่จะกีดกันการขยายอิทธิพลของจีนในทุกรูปแบบ ไม่เว้นแม้แต่การเข้าถึง หรือแชร์ทรัพยากรด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของสหรัฐฯ ก็ทำให้จีนไม่มีทางเลือก ต้องพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง 

และการสร้างสังคม Metaverse ฉบับจีนอยู่ในแผนของ Tencent มาแล้วตั้งแต่ปี 2019 โดยได้จับมือร่วมกับ Roblox หนึ่งในแพลตฟอร์มเกมโลกเสมือนที่ได้รับความนิยมมาก มาสร้างฐาน Metaverse ในจีน โดย Tencent ตั้งใจจะนำทั้งเกม 3D และ Wechat ซูเปอร์แอปฯ ของตนมารวมกัน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้ามาเล่น/เรียน/ทำงาน/ซื้อของ/สังสรรค์/สร้างธุรกิจ หรือแม้แต่กลุ่มสังคมโลกเสมือนส่วนตัวได้เอง 

“บิ๊กตู่”โพสต์ปลื้ม สัญจรใต้ ส่งสัญญานทั้วโลกเปิดประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อควาทบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า วานนี้ (16 พ.ย.) เป็นอีกวันที่รู้สึกยินดีที่ได้มาลงพื้นที่ตรวจราชการ ในพื้นที่ภาคใต้ โดยได้สัมผัสถึงความพร้อมอย่างเต็มที่ ของประชาชน ในการต้อนรับผู้ที่มาเยือน เพื่อเดินหน้าประเทศแบบ New normal ทั้งนี้ภายหลังการเปิดประเทศตามนโยบายรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นมา มีผู้ที่เดินทางเข้าประเทศแล้ว 54,939 คน ในจำนวนนี้ พบว่าติดเชื้อโควิดเพียง 65 คน หรือ 0.12% ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนที่น้อย และสามารถบริหารจัดการได้ โดยไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อส่วนรวม

สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 6 จังหวัด พร้อมด้วยผู้แทนภาคเอกชนนั้น ถือว่าเกิดผลสำเร็จในหลายประการ เช่น 1. การอนุญาตให้ใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยแก่ชุมชน เนื้อที่รวม 4,105 ไร่ ใน 21 จังหวัด โดยมีพื้นที่ภาคใต้ 12 จังหวัด เพื่อลดความขัดแย้งในเรื่องการบุกรุกครอบครองผืนป่าชายเลน แล้วเพิ่มการส่งเสริมพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศป่าชายเลนต่อไป

2. การผลักดันโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี จำนวน 7 โครงการ  วงเงิน 494 กว่าล้านบาท ได้แก่ (1) โครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล (2) โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้อนุรักษ์ฟื้นฟูพะยูนและสัตว์ทะเลหายาก จังหวัดตรัง (3) โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และสิ่งแวดล้อม จังหวัดระนอง (4) โครงการ Phuket Health Sandbox จังหวัดภูเก็ต (5) โครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา จังหวัดพังงา (The Park Khaolak) (6) โครงการปรับปรุงท่าเทียบเรือโดยสาร-ท่องเที่ยวปากคลองจิหลาด จังหวัดกระบี่ และ (7) โครงการพัฒนาแหล่งสปาวารีบำบัดน้ำพุร้อนคลองท่อมเมืองสปา จังหวัดกระบี่ ซึ่งทั้ง 7 โครงการนี้ จะช่วยสร้างความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นในจังหวัดภาคใต้ตามนโยบายเปิดประเทศ

3. การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการงานเมกะอีเว้นท์ รวม 3 รายการ ได้แก่ (1) งาน Expo2028 Phuket-Thailand ในปี 2571 เพื่อผลักดันบทบาทของประเทศไทยและภูเก็ตให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) และเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก (2-3) มหกรรมพืชสวนโลก 2 ครั้ง ที่จังหวัดอุดรธานี ในปี 2569 และจังหวัดนครราชสีมา ในปี 2572 เพื่อแสดงศักยภาพในการวิจัย พัฒนา และเทคโนโลยี ด้านพืชสวนแบบครบวงจรของไทย ให้เป็นที่ประจักษ์ระดับโลก และต่อยอดเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และศูนย์กลางนวัตกรรมด้านการเกษตร ในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง (GMS) ที่สามารถต่อยอดสู่เศรษฐกิจ BCG Model ทั้งนี้ หากประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพ เมกะอีเว้นท์ทั้ง 3 งาน ประเมินได้ว่าจะสามารถสร้างการจ้างงาน 230,442 คน สร้างเงินสะพัดในประเทศรวม 100,173 ล้านบาท เก็บภาษีเข้ารัฐ 20,641 ล้านบาท และผลักดันการเติบโตให้จีดีพีได้ 68,520 ล้านบาท

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ครม.ยังได้เห็นชอบให้เสนอแหล่งมรดกทางธรรมชาติ พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ระนอง พังงา และภูเก็ต ประกอบด้วย 6 พื้นที่อุทยาน และ 1 พื้นที่ป่าชายเลน พื้นที่รวมกว่า 2,908 ตารางกิโลเมตร ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก ซึ่งล้วนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เชิงอนุรักษ์ที่สำคัญ ที่นอกจากสร้างรายได้หล่อเลี้ยงชาวชุมชนแล้ว ยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หายาก เช่น ชะนีมือขาว ค้างคาวแม่ไก่เกาะ กระเบนราหู วาฬหัวทุย โลมา เต่ามะเฟือง เต่าหญ้า ที่นับวันจะลดลงไปมาก ดังนั้น เราต้องรักษาระบบนิเวศเหล่านี้ไว้ให้ดี เพื่ออนุรักษ์สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไว้ให้ลูกหลานไทยได้ภาคภูมิใจต่อไป

 

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ เร่งเดินหน้าเศรษฐกิจ BCG  เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้ประเทศและประชาชน 4 ปี EEC อนุมัติการลงทุนแล้วกว่า 1.6 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 94 ของเป้าหมายมูลค่าการลงทุน  1.7 ล้านล้านบาท 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการสร้างความมั่นคง ก้าวหน้า ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม  วางรากฐานเพื่อการเจริญเติบโตอย่างยั่นยืน รวมทั้งส่งเสริมภาคการผลิตและบริการให้มีความแข็งแรง ภายใต้นโยบาย เศรษฐกิจ BCG ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างช่องทางสร้างรายได้ใหม่ๆ  ให้กับประชาชนและประเทศ 

ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนของ BOI ตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2564 จำนวน 1,271 โครงการ วงเงินรวม 520,053.8 ล้านบาท ขณะที่ ตั้งแต่  2561 – 2564 โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)  ที่มีการอนุมัติการลงทุนแล้ว ตั้งแต่  2561 – 2564 ประมาณ 1,605,465 ล้านบาท หรือ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น ร้อยละ 94 ของเป้าหมายมูลค่าการลงทุน  (ปื 2561-2565 ) จำนวน  1.7 ล้านล้านบาท  ประกอบด้วย รัฐ-เอกชนร่วมลงทุน  4 โครงการโครงสร้างพื้นฐานหลัก  จำนวน 633,635 ล้านบาท ออกบัตรส่งเสริมการลงทุน โดย BOI จำนวน 889,840 ล้านบาท และงบบูรณาการ จำนวน 82,000 ล้านบาท      

นายธนกร กล่าวว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมตาม BCG Model ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และ เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)   ซึ่ง BCG เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมให้เกิดความสมดุล มั่นคงและยั่งยืน และลดก๊าซเรือนกระจก สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล วิสัยทัศน์และถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีในที่ประชุม COP 26 เน้นการเติบโตอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดก๊าซเรือนกระจก 

วันนี้ในอดีต ‘จอมพลถนอม กิตติขจร’ ก่อการปฏิวัติรัฐประหารตนเอง จัดตั้งรัฐบาลคณะปฏิวัติขึ้นปกครองประเทศ จนกระทั่งมีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองแห่งราชอาณาจักร!!

หลังจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2511 มีการเลือกตั้งทั่วไปและมีรัฐสภา ในปี พ.ศ. 2514 ‘จอมพลถนอม กิตติขจร ได้ทำรัฐประหารรัฐบาลของตนเอง และได้จัดตั้งสภาบริหารคณะปฏิวัติขึ้น เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง หนึ่งในผู้ที่ยืนหยัดวิจารณ์อย่างไม่เกรงกลัวอำนาจ ได้แก่ ‘ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์’ ที่เขียนจดหมายในนาม ‘นายเข้ม เย็นยิ่ง’ ถึง ‘ผู้ใหญ่ ทำนุ เกียรติก้อง’ (หมายถึงจอมพลถนอมนั่นเอง)

จนกระทั่งมีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองแห่งราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2515 และสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามธรรมนูญการปกครองดังกล่าวได้มีมติให้ ‘จอมพลถนอม กิตติขจร’ เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป

จอมพลถนอม กิตติขจร พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา พ.ศ. 2516 รัฐบาลได้ใช้อาวุธสงครามเข้าปราบปรามนักศึกษาประชาชนที่ชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จากเหตุการณ์นี้ ทำให้พลังทางการเมืองหลายฝ่ายกดดันให้จอมพลถนอม ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยการยึดอำนาจและรัฐประหารทั้งสิ้น 10 ปี 6 เดือนเศษ หลังจากนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของจอมพลถนอม จนนำไปสู่การยึดทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่สุจริตเป็นจำนวนมาก

สถาบันพระปกเกล้า ปิดหลักสูตร 'สิทธิมนุษยชน'​ รุ่น 2 ด้าน 'ศ.วุฒิสาร'​ มองบทเรียนโควิด มีความซับซ้อนจากความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม 

16 พ.ย.64​ ศ.วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า บรรยายเรื่อง สังคมไทยได้อะไรจาก Covid-19 ในพิธีปิดการศึกษาอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง​ (ปสม.) รุ่นที่ 2 

โดยมีนายวิทวัส ชัยภาคภูมิ รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า, นางสาวรตญา กอบศิริกาญจน์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, นายณัฐพงศ์ รอดมี ผู้อำนวยการสำนักบริการวิชาการสถาบันพระปกเกล้า และนักศึกษาหลักสูตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปสม.) รุ่นที่ 2 

ศ.วุฒิสาร ตันไชย กล่าวในตอนหนึ่งถึงสังคมไทยได้เรียนรู้จากสถานการณ์โควิดในเรื่อง การจัดการเชิงพื้นที่ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ยากจน การปรับวิถีการทำงาน พลัง หรือทุนทางสังคมของสังคมไทย มีมูลค่าสูง (อาสาสมัครมีพลังสูงมาก น้ำใจเอื้อเฟื้อ คนไทยมีวินัยและรับผิดชอบทางสังคม) การจัดการภายใต้ฐานข้อมูลร่วมกัน

สำหรับบทเรียนจาก Covid-19 มีความซับซ้อนของปัญหาความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม เศรษฐกิจระดับรากฐาน ผู้ประกอบการย่อย ประสบปัญหามากที่สุด การว่างงาน การว่างงานแฝง ภาคเศรษฐกิจท่องเที่ยวประสบภาวะถดถอยอย่างรุนแรง เศรษฐกิจครัวเรือนมีปัญหามากขึ้น คุณภาพการศึกษาระยะสั้น ระยะยาว​ จึงเป็นบทเรียนของสังคมไทย ในการจัดการเชิงพื้นที่ แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การใช้ฐานข้อมูลร่วมกัน​ (Big data) ทุนทางสังคมไทยมีศักยภาพสูง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top