Saturday, 7 June 2025
Hard News Team

“บิ๊กป้อม” สั่งเข้ม กวาดล้างค้ามนุษย์ ตั้ง “บิ๊กโจ๊ก” ปธ.คณะทำงานป้องกันปราบปรามค้ามนุษย์  “ตั้งศูนย์คัดแยก เยียวยาผู้เสียหาย” ลั่น ฟันจนท.รัฐ มีเอี่ยวโดนสถานหนัก  

ที่ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม และคณะกรรมการป้องกันเจ้าหน้าที่รัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ 

โดยที่ประชุมเห็นชอบร่างพ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551  เพื่อนำทรัพย์สินที่อายัดในความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์เข้ากองทุนป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และเห็นชอบให้จัดตั้ง “ศูนย์คัดแยกผู้เสียหาย” ( ดอนเมือง )เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน  รวมทั้งแต่งตั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร.เป็นประธานคณะทำงานประสานและติดตามงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์  

และรับทราบความคืบหน้าผลประชุมร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯโดยสำนักงานตรวจสอบและต่อต้านการค้ามนุษย์ มีความเห็นว่าไทยควรมีการปรับปรุงด้านแรงงานบังคับให้ผู้ตรวจแรงงาน มีความรู้ความเข้าใจการดำเนินคดีและส่งต่อคดีให้ตำรวจมากขึ้น เร่งปรับปรุงระบบคัดแยกผู้เสียหาย และความคืบหน้าการจัดทำรายงานการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ปี 64 (เม.ย-ก.ย.64)และผลกระทบจากโควิด-19

นอกจากรับทราบผลการประเมินในรายงานสถานการณ์และการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบเลวร้ายที่สุดปี 2020 ในภาพรวม ซึ่งประเทศไทยอยู่ในระดับปานกลาง ยังมีการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กทางอินเตอร์เน็ต และพบเด็กไทยยังถูกใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายและการแสวงหาประโยชน์ทางเพศเชิงพาณิชย์ รวมทั้งยังไม่สามารถบรรลุมาตรฐานระหว่างประเทศด้านอายุขั้นต่ำของการจ้างแรงงาน  พร้อมกันนี้ได้รับทราบ ผลจากการที่คณะผู้แทนรัฐสภาสหรัฐ ได้เข้าเยี่ยมชม สถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จ.ปทุมธานี มีท่าทีพึงพอใจ และสนใจผลการปราบปรามสื่อลามกอนาจารเด็กและการค้ามนุษย์ที่เชื่อมโยงบนสื่อออนไลน์ พร้อมชื่นชมต่อความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนนโยบายของไทยในช่วง 6 ปี ที่ผ่านมา 

จากนั้นพล.อ.ประวิตร เป็นมีการประชุมต่อเนื่อง โดยได้พิจารณา กรณี ร้าน เดอะเบสท์ พื้นที่สอบสวน สน.บางซื่อ ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการนำพาบุคคลเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้รับอนุญาต ซึ่งอาจตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์  ที่ประชุมเห็นชอบมอบหมายให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับเป็นคดีพิเศษ โดยให้นำเทคโนโลยีและเครื่องมือพิเศษเข้ามาสอบสวนและให้แจ้ง ปปช.ดำเนินตามอำนาจหน้าที่ และให้ สตช.ดำเนินการทางวินัยเต็มอำนาจ

‘ไอซ์ รัชนก’ โวยโดน ‘ต้อม ยุทธเลิศ’ ตบหน้า-ถีบ หลังถูกเรียกมาเคลียร์ บนเรือย่านคลองสาน

‘ไอซ์-รัชนก’ เซเลบคลับเฮาส์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุถูก ‘ต้อม ยุทธเลิศ’ ผู้กำกับชื่อดังตบหน้า แถมโดดถีบที่ท้องบนเรือลำหนึ่งเทียบท่าย่านคลองสานหลังถูกเรียกมาเคลียร์

วันนี้ (22 พ.ย.) ในโลกโซเชียลฯ มีการแชร์ข้อความจากเฟซบุ๊ก Rukchanok Srinork ของ น.ส.รัชนก ศรีนอก หรือไอซ์ เซเลบคลับเฮาส์ และนักเคลื่อนไหวการเมือง โพสต์ข้อความเหตุการณ์ที่ถูกนายยุทธเลิศ สิปปภาค หรือ ต้อม ยุทธเลิศ ผู้กำกับภาพยนตร์ ตบหน้าและทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดที่เรือลำหนึ่งย่านคลองสาน กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 21.30 น. ของวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่า

"พยายามรวบรวมสติ (ตอนนี้แพนิก) เพื่อพิมพ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้สั้น ๆ

วันนี้ประมาณ 21.30 น. ต้อม ยุทธเลิศ เรียกเราไปคุยที่ชั้นบนของเรือที่ท่าเรือแถวคลองสานเนื่องจากเคยมีปัญหากัน เรื่องคือต้อมตั้งข้อกล่าวหาว่ามีคนโกงเงินม็อบโดยไม่มีหลักฐาน วันถัดมาเราจึงตั้งรูปดิสเพลย์ถามว่าต้อมยุทธเลิศขอโทษคนนั้นหรือยัง ความตั้งใจของเราต้องการจะเคลียร์ทำความเข้าใจกันและขอโทษในเรื่องนี้

เราขึ้นมาด้านบนของเรือ เรานั่งที่โต๊ะ ต้อมยืนที่หัวเรือ เราพูดติดตลกว่าบรรยากาศเหมือนขึ้นมาคุยกับมาเฟียเลย ซึ่งมันเหมือนจริง ต้องมีคนอนุญาตให้ขึ้น และต้องมีคนพาตัวเราขึ้นมา ต้องสั่งให้นั่งแล้วเขายืนคุมหัวโต๊ะ แล้วต้อมก็พูดว่าก็มึงกำลังเล่นกับมาเฟียอยู่ไง ตลอดเวลาขึ้นมึงกูและใช้อารมณ์กับเราตลอด คุยไปได้สักพัก ต้อมเดินมาตบหน้าเรา 2 ครั้ง เราทั้งตกใจและโมโหเลยลุกขึ้นคว้าของอะไรสักอย่างที่อยู่บนโต๊ะไว้เพื่อจะป้องกันตัว ทุกคนบนนั้นพยายามห้ามเรา ซึ่งเรางงว่าห้ามเราทำไม เราเป็นคนโดนตบหน้า แต่ต้อมยืนพูดจาท้าทายยืนด่าเราต่อ ซึ่งตอนนั้นตัวเราจากที่อยากขึ้นมาขอโทษ ก็คือกูโคตรผิดหวัง กูมาทำเ...ยไรตรงนี้ ตกใจ เสียใจ โมโห โกรธจนตัวสั่น กลัวจะโดนทำร้ายร่างกายเพิ่มอีกด้วยสถานการณ์ก็ชุลมุน จากนั้นมีผู้ชายอีกคน อยู่ดี ๆ ก็อารมณ์ขึ้น แล้วตะโกนชี้หน้าด่าเราว่าไอ้สัตว์ มึงด่าพี่กู แล้วก็อะไรอีกมากมาย ซึ่งด่ามา กูก็ด่าคืน

“ชวน” ไฟเขียว พร้อมบรรจุร่างกม.ลูกเข้าวาระประชุมสภาฯ รอ รบ.เสนอ คาดภายในเดือน ธ.ค. หวัง ไม่ยุบสภาก่อนพิจารณาเสร็จ “ชวน” ไฟเขียว พร้อมบรรจุร่างกม.ลูกเข้าวาระประชุมสภาฯ รอ รบ.เสนอ คาดภายในเดือน ธ.ค. หวัง ไม่ยุบสภาก่อนพิจารณาเสร็จ 

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีพระบรมราชโองการการโปรดเกล้าฯ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2564 ว่า เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว กฎหมายก็จะมีผลใช้บังคับ กระบวนการต่อไปที่สภาฯ ต้องเตรียมรับ คือ การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมใหม่ ขณะนี้สิ่งที่สภาฯ เตรียมรับ คือ รัฐบาลกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประสานกัน โดย กกต.จะมีหน้าที่เตรียมกฎหมายทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวเพื่อส่งไปยังรัฐบาล และรัฐบาลก็จะเป็นผู้เสนอกฎหมายต่อสภาฯ หรือมิเช่นนั้น ส.ส. ก็จะเข้าชื่อกันเสนอกฎหมาย

ดังนั้น ตนคิดว่าน่าจะเดือนธ.ค.หรือ ม.ค. ที่รัฐบาลจะเสนอกฎหมายเข้ามา ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ส่งสัญญาณอธิบายเรื่องนี้มา 2-3 ครั้งแล้ว โดยฝ่ายสภาฯ ก็หารือกับฝ่ายเลขาสภาฯ ไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องเตรียมอะไรบ้างเพื่อรับกฎหมายที่กกต.และรัฐบาลเสนอเข้ามา ทั้งนี้ กฎหมายให้ใช้บังคับการเลือกตั้งทั่วไป ฉะนั้น ในช่วงเวลาดังกล่าวหากมีการยุบสภาขึ้นมาก็จะมีปัญหาเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจว่ากระบวนการคงไม่ช้า เพราะเท่าที่สอบถามภายในทราบว่า กกต.ได้เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วในเบื้องต้น นับตั้งแต่ที่กฎหมายนี้ผ่านสภาฯ ไป เพียงแค่รัฐบาลจะเสนอเข้ามาเมื่อไหร่ หากเสนอเข้ามาในช่วงเดือน ธ.ค. ก็สามารถบรรจุเข้าระเบียบวาระในเดือน ธ.ค.ได้เลย

เมื่อถามว่า กระบวนการพิจารณาของสภาใช้เวลานานหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ตนเข้าใจว่ากฎหมายจะไม่ซับซ้อนมาก เพราะแก้เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติม 

เมื่อถามว่า หากระหว่างนี้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นจริงๆ นายชวน กล่าวว่า มันก็จะมีปัญหา ซึ่งตนพูดไว้เผื่อล่วงหน้า เพียงแต่ก็หวังว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฝ่ายสภาฯ ก็ต้องเตรียมรับกฎหมายที่รัฐบาลจะเสนอมาเป็นหลัก ซึ่งตนได้กำชับไปแล้วว่าเมื่อเสนอเข้ามาก็ให้รีบดูและพิจารณาให้พร้อม และเข้าสภาฯ ในทันที

สภาพัฒน์ฯ เปิดภาวะว่างงานไตรมาส 3 พุ่งสูงสุด 2.25%

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี 2564 ว่า การว่างงานเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมีผู้ว่างงาน 8.7 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงานที่ 2.25% นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ที่มีการศึกษาระดับอุดมศึกษามีอัตราการว่างงานสูงสุด 3.63% รองลงมาเป็น ปวส. 3.16% ซึ่งผู้ว่างงานส่วนใหญ่จบในสาขาทั่วไป (บริหารธุรกิจการตลาด) จึงมีแนวโน้มประสบปัญหาการว่างงานยาวนานขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้อย่างจำกัดและคนกลุ่มนี้ที่มีทักษะไม่ต่างกันจึงหางานได้ยากขึ้น ขณะที่แรงงานที่มีอายุ 15-19 ปี มีอัตราการว่างงานสูงสุด 9.74% รองลงมาเป็นอายุ 20-24 ปี ที่ 8.35% 

ทั้งนี้สะท้อนว่า โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการที่เคยชะลอการเลิกจ้างบางส่วนไม่สามารถรับภาระต่อได้และจำเป็นต้องเลิกจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น ขณะที่เด็กจบใหม่ยังไม่มีตำแหน่งรองรับ เนื่องจากผู้ประกอบการยังได้รับผลกระทบและรอดูสถานการณ์จึงชะลอการขยายตำแหน่งงาน การว่างงานของแรงงานในระบบมีสัดส่วนผู้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานต่อผู้ประกันตนอยู่ที่ 2.47% ลดลงจากช่วงไตรมาสก่อนหน้าและปีก่อน เนื่องจากช่วงเดือนก.ค. - ส.ค.2564 รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการและผู้ประกันตนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดประกอบกับสถานประกอบการมีการหยุดกิจการชั่วคราวด้วยเหตุสุดวิสัยแทนการเลิกจ้าง ซึ่งมีจำนวนผู้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัย 2.1 แสนคน ในเดือนก.ย. 2564 เพิ่มขึ้นจาก 9 หมื่นคน ณ สิ้นไตรมาสก่อน

“เสกสกล” หนุน “ซูเปอร์โพล" ไม่เห็นด้วยขบวนการสั่นคลอนสถาบัน เย้ย ส.ส.เพื่อไทย ทนทำตามคำสั่งนายใหญ่ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน “รู้ทันความเคลื่อนไหวทำลายชาติ”พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 96.5 ระบุสถาบันกษัตริย์เป็นรากฐานสำคัญของประเทศที่ต้องอยู่คู่กับประชาชน และร้อยละ 96.3 ไม่เห็นด้วยกับขบวนการสั่นคลอนสถาบัน พยายามบิดเบือน จาบจ้วงก้าวล่วง พาคนลงถนน คุกคามและไม่เคารพผู้อื่น ทำบ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวายและทำลายความหวังของประชาชนที่จะร่วมกันฟื้นฟูประเทศ

นายเสกสกล กล่าวว่า ผลสำรวจดังกล่าวเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ จงรักภักดี เคารพเทิดทูนต่อสถาบัน อย่างมั่นคงเคารพ ไม่ยอมให้ใครมาจาบจ้วงและเคลื่อนไหวทำลายชาติ สร้างความเดือดร้อนเด็ดขาด ดังนั้นขอให้กลุ่มม็อบและบางพรรคการเมืองที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องของสถาบัน ฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศว่าการออกมาเคลื่อนไหวจาบจ้วง ก้าวล่วงสถาบัน เป็นการทำร้ายจิตใจของคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ

ทรู-ดีแทค เผยอยู่ระหว่างศึกษา ‘ควบรวมธุรกิจ’ เดินหน้าตั้งบริษัทร่วมทุน ดันไทยสู่ฮับเทคโนโลยี

เครือซีพี และกลุ่มเทเลนอร์ พิจารณาสร้างความร่วมมืออย่างเท่าเทียมกัน (Equal Partnership) เพื่อปรับโครงสร้างองค์กร (Transformation) สู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี หรือ Tech Company ภายใต้ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีฮับ

วันนี้ (22 พฤศจิกายน 2564) เครือเจริญโภคภัณฑ์ (เครือซีพี) และกลุ่มเทเลนอร์ ประกาศการพิจารณาสร้างความร่วมมืออย่างเท่าเทียมกัน (Equal Partnership) โดยการสนับสนุนให้บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC) ตั้งเป้าปรับโครงสร้างธุรกิจสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี (Technology Company) ภายใต้ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีฮับ พร้อมเสริมธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ การสร้างดิจิทัลอีโคซิสเต็ม และกองทุนสตาร์ทอัพ เพื่อสอดรับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีระดับภูมิภาค

ในระหว่างการศึกษาและพิจารณาการปรับโครงสร้างครั้งนี้ ธุรกิจของทรู และดีแทค จะยังคงดำเนินไปตามปกติของแต่ละบริษัท ในขณะที่เครือซีพี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของทรู และกลุ่มเทเลนอร์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของดีแทค ตั้งเป้าที่จะหาข้อสรุปในรายละเอียดของความร่วมมืออย่างเท่าเทียมกัน (Equal Partnership) ซึ่งจะส่งผลให้ เครือซีพีและกลุ่มเทเลนอร์ ถือหุ้นเท่าเทียมกันในบริษัทใหม่ที่จะร่วมกันสร้างขึ้น นอกจากนี้ ทรูและดีแทคจะดำเนินการตามเงื่อนไขต่าง ๆ ทั้งการตรวจสอบกิจการของอีกฝ่ายหนึ่งแล้วเสร็จเป็นที่พอใจ (Due Diligence) การขออนุมัติที่เกี่ยวข้องจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท ตลอดจนการดำเนินขั้นตอนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ให้แล้วเสร็จ

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาพรวมของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (Telecom Landscape) ได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากเทคโนโลยีใหม่ และตลาดที่เปิดกว้างต่อการแข่งขัน โดยผู้ประกอบการจากอุตสาหกรรมดิจิทัลขนาดใหญ่ในระดับภูมิภาคเข้ามาเสนอรูปแบบบริการดิจิทัลมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคม ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากการพัฒนาการให้บริการเครือข่าย (Connectivity) ให้เป็นอัจฉริยะแล้ว ยังต้องเสริมศักยภาพและความรวดเร็ว ในการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) จากโครงข่ายการสื่อสารและส่งมอบเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ให้กับลูกค้า ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้การปรับโครงสร้าง (Transformation) ของบริษัทไทยสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี ให้สามารถแข่งขันกับผู้เล่นชั้นนำระดับโลกได้นั้น ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง”

“การปรับโครงสร้างสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ที่จะก้าวเป็นฮับของเทคโนโลยีในระดับภูมิภาค โดยโทรคมนาคม (Telecom) จะยังคงเป็นธุรกิจหนึ่งของโครงสร้าง และจะต้องพัฒนาธุรกิจเพิ่มเติมในส่วนที่มุ่งเน้นด้านเทคโนโลยี รวมไปถึงปัญญาประดิษฐ์ ระบบคลาวด์เทคโนโลยี ไอโอที อุปกรณ์อัจฉริยะ เมืองอัจฉริยะ ดิจิทัลมีเดียโซลูชั่น และปรับโครงสร้างเพื่อให้สนับสนุนการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี (Tech Startup) โดยการจัดตั้ง Venture Capital ที่มุ่งเน้นลงทุนในสตาร์ทอัพไทย และสตาร์ทอัพต่างประเทศ ที่ตั้งในประเทศไทย นอกจากนี้ เรายังมีแผนที่จะศึกษาด้านเทคโนโลยีอวกาศ (Space Technology) เพื่อนำมาปรับใช้กับธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดกว้างกรอบความคิดในการทำนวัตกรรมใหม่เพิ่มเติมด้วยเช่นกัน”

“การก้าวสู่บริษัทเทคโนโลยี คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาแบบก้าวกระโดด และสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กระจายไปทั่วประเทศได้ ซึ่งในฐานะบริษัทไทย เรามุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยปลดล็อกศักยภาพที่มีอยู่อย่างมหาศาลของธุรกิจไทยและผู้ประกอบการดิจิทัลไทย รวมทั้งยังจะสามารถดึงดูดคนที่เก่งที่สุดและธุรกิจล้ำสมัยจากทั่วโลกให้มาทำธุรกิจในประเทศไทยได้อีกด้วย”

“วันนี้ เป็นการก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวตามแนวทางดังกล่าว โดยเราหวังว่า จะเป็นส่วนเสริมพลังให้กับคนรุ่นใหม่ทั้งหมด และสร้างงานด้านเทคโนโลยี ในการเติมเต็มและดึงเอาศักยภาพ ให้เป็นผู้ประกอบการที่ส่งมอบมูลค่าเพิ่มผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้วยการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทางด้านโทรคมนาคมดิจิทัลที่ล้ำสมัยนี้” นายศุภชัยกล่าว

นายซิคเว่ เบรคเก้ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเทเลนอร์ กล่าวว่า “เรามีประสบการณ์ในการขับเคลื่อนโลกดิจิทัลในประเทศต่าง ๆ ในเอเชียมาแล้ว ดังนั้น ขณะที่เรายังพัฒนาต่อไป ทั้งผู้บริโภคและธุรกิจต่างคาดหวังบริการที่ล้ำสมัยและการเชื่อมต่อที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เราเชื่อว่า บริษัทใหม่นี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอด ยกระดับประเทศไทย ไปสู่การเป็นผู้นำในโลกดิจิทัลได้ ด้วยการผนวกความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ากับการบริการที่ดึงดูดลูกค้า พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีเยี่ยม”

นายเยอเก้น โรสทริป รองประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเซีย กล่าวว่า “ข้อตกลงในครั้งนี้จะช่วยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในการเสริมสร้างฐานของเราในเอเชียให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ตลอดจนสร้างคุณค่า และพัฒนาตลาดในภูมิภาคนี้ต่อไปในระยะยาว เรามีความมุ่งมั่นและพันธกิจต่อทั้งประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียมาอย่างยาวนาน และความร่วมมือครั้งนี้ก็จะเสริมความมุ่งมั่นและพันธกิจนี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การที่เราสามารถเข้าถึงทั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ และทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพดีที่สุด จะเป็นปัจจัยเสริมที่สำคัญสำหรับบริษัทใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นในครั้งนี้”

นายเยอเก้นกล่าวว่า “บริษัทใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้น จะตั้งกองทุนมูลค่าประมาณ 100 - 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนส่งเสริมผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพบนแพลตฟอร์มดิจิทัล เน้นการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ เพื่อประโยชน์แก่ผู้บริโภคในประเทศไทย”

ทั้งเครือซีพีและกลุ่มเทเลนอร์ ต่างมั่นใจว่า การพิจารณาสร้างความร่วมมืออย่างเท่าเทียมกันในครั้งนี้จะสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภคและประชาชนไทย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของภูมิภาคตามยุทธศาสตร์ของประเทศไทยได้สำเร็จตามเป้าหมาย

'ผบ.ทอ.' เตรียมพร้อมรถทหาร หนุนรัฐบาล หากรถบรรทุกหยุดวิ่ง พร้อมเปิดโครงการช่วยชาวนาขายข้าว 1-7 ธ.ค.นี้ ยัน! ดูแลอธิปไตยน่านฟ้าเต็มที่ หลัง นายฯ กำชับรับมือสู้รบชายแดนไทย-เมียนมา

พล.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.)  กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมสนับสนุนรัฐบาล หากรถบรรทุกหยุดวิ่งประท้วงราคาน้ำมัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนว่า ทุกสิ่งที่เกิดในบ้านเมืองเราก็เฝ้าติดตามโดยตลอดโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของประชาชนพี่น้องเกษตรกรเราได้ช่วยเหลือมาทุกยุคทุกสมัย เช่นการซื้อมังคุด ลำไย ในช่วงที่ราคาตกต่ำว่า ขณะนี้ทราบว่าชาวนาประสบปัญหาข้าวราคาต่ำกองทัพอากาศจึงมีโครงการการนำเข้าของชาวนา มา จำหน่ายที่สนามกีฬาธูปะเตมีย์และคาดว่าโครงการนี้จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรหรือชาวนาไม่มากก็น้อยซึ่ง สามารถดำเนินการได้ในวันที่ 1-7 ธ.ค  นี้

ในส่วนของรถทหารเราพยายามทำอย่างเต็มที่ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงอย่างมากเนื่องจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงซึ่งรัฐบาลพยายามจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้ดีที่สุดอาจจะไม่ทันใจ แต่ท่านก็ได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพได้เตรียมกำลังรถบรรทุกเท่าที่มีอยู่ซึ่งกองทัพอากาศก็มีรถบรรทุกที่สามารถดำเนินการได้ในเรื่องเหล่านี้อยู่จำนวนหนึ่งแม้จะไม่มากเท่ากับเหล่าทัพ เนื่องจากไม่ใช่พาหนะหลักของกองทัพอากาศแต่เราทุ่มเทสรรพกำลังเท่าที่มีอยู่เพื่อช่วยให้ภารกิจนี้ประสบความสำเร็จอย่างดีที่สุด

ผบ.ทอ เปิดกิจกรรม “ทัพฟ้า ร่วมใจภักดิ์ รักษ์สามัคคี” สำนึกพระ มหากรุณาธิคุณ ร.9 และ ร.10 ฝากถึงเยาวชนรุ่นหลัง เล็งเห็นความสำคัญของสถาบัน

ที่รพ.ภูมิพลอดุลยเดช  พล.อ.อ.นภาเดช  ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม “ทัพฟ้า ร่วมใจภักดิ์ รักษ์สามัคคี” ว่า  กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9  ที่พระองค์ท่านทรงมีต่อประชาชนในประเทศตลอดการทำงานอย่างหนักตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ท่านนอกจากนั้นเป็นการส่งเสริมพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งท่านได้มีโครงการจิตอาสา 904 เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์

การจัดกิจกรรมครั้งนี้กองทัพอากาศได้จัดกิจกรรมทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในทุกกองบินรวมถึงหน่วยงานของกองทัพอากาศทุกหน่วยตลอดเดือนธันวาคม ใน 4 รูปแบบ คือ 1.การบริจาคโลหิตเพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศล ซึ่งอยู่ในห้วงขาดแคลนเนื่องจากโควิด 2. พัฒนาอาคารสถานที่ต่างๆ  สวนสาธารณะ 3. การพัฒนาภายในให้เกิดความเป็นระเบียบ 4. การรักษาความสะอาด

พล.อ.อ.นภาเดช กล่าวอีกว่า อยากให้เยาวชนรุ่นหลังหรือน้องๆได้เล็งเห็นถึง ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ จากประวัติศาสตร์ของชาติทำให้เราได้ทราบอย่างถ่องแท้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหลักที่มีพระคุณล้นเหลือต่อประชาชนทุกคน สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โครงการต่างๆที่เป็นโครงการพระราชดำริเป็นเครื่องยืนยันอย่างแน่ชัดว่าประชาชนได้รับประโยชน์อย่างยิ่งโครงการที่เกี่ยวกับน้ำ ป่า วิชาชีพ ล้วนแล้วแต่มีรากฐานมาจากสายพระเนตรและวิสัยทัศน์อันยาวไกลของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน ตนในฐานะผู้บังคับหน่วยก็ตั้งใจที่จะรักษาและปลูกฝังความรู้สึกนี้ไปสู่กำลังพลของกองทัพอากาศทุกคน

“เพื่อชาติ” ชูนโยบาย เพื่อชาติ เพื่อประชาชน  

เรียกได้ว่าสร้างกระแสฮือฮาในแวดวงการเมืองได้ไม่น้อยสำหรับพรรคเพื่อชาติกับการเปิดตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ในการประชุมวิสามัญพรรคเมื่อวานที่ผ่านมา ( 21 พฤศจิกายน 2564)  สำหรับนาย ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ หรือพี่หนวดเอลวิส อดีต สส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย  

นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ ระบุว่า หลังจากเมื่อวานได้มีการเปิดตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ นาย ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ อดีต สส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย  ก็ได้สร้างความฮือฮาอย่างมากในแวดวงการเมือง เรียกได้ว่ากลบกระแสการเป็นงูเห่ากินกล้วยไปได้อย่างราบคาบสำหรับนายศรัณย์วุฒิ  เพราะท้ายที่สุดแล้ว นายศรัณย์วุฒิก็ไม่ได้ย้ายไปซบอกขั้วตรงข้ามอย่างที่หลายๆคนคิดกัน แต่ยังคงอยู่กับฟากฝั่งฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อชาติ ที่ยืนหยัดอยู่บนสโลแกนในการเป็นพรรคเกาะกลางประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถมาร่วมอุดมการณ์ได้ 

แต่ทีเด็ดที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือนโยบายที่ได้เปรยๆออกมาในงานประชุมใหญ่ครั้งนี้ ที่พรรคเพื่อชาติชู นโยาย เพื่อชาติ เพื่อประชาชน เตรียมผลักดันนโยบาย “เกษตรร่ำรวย” ออกมาเรียกคะแนนเสียงชาวเกษตรกร  ถือว่างานนี้คุณศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ และพรรคเพื่อชาติทำการบ้านมาดี งัดเอาตำราวิชาการด้านภูมิศาสตร์เศรษฐกิจมาใช้ มองคุณสมบัติเด่นของไทยที่อยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตร และการมีมรสุมพัดผ่าน กะว่าจะบริหารจัดการน้ำฝนแก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วม และให้ชาวเกษตรกรภาคอีสานรวมถึงภาคเหนือได้เฮไปพร้อมๆกัน 

'โฆษกรัฐบาลฯ' สวน 'พิธา' บอก ปากอ้างเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่วิธีทำงานยิ่งกว่าพรรคการเมืองเก่า ถามกลับ เคยได้ยินบ้างไหม ใครอยู่หลังม็อบให้เด็กออกมาเป็นโล่

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังคงบุญชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุรัฐบาลแช่แข็งความหวัง แช่แข็งความสำเร็จ ด้วยการโปรยเศษเงินให้กับพี่น้องประชาชน ว่า นายพิธาคงจะเข้าใจอะไรผิด เพราะน่าจะเป็นพรรคก้าวไกลมากกว่าหรือไม่ ที่แช่แข็งความหวังของประชาชนด้วยการบอกว่าตัวเองเป็นพรรคการเมืองใหม่ เป็นความหวังของประชาชน แต่วิธีการทำงานที่ผ่านมากลับยิ่งกว่าพรรคการเมืองที่ก่อตั้งมานานแล้วเสียอีก ทั้งรีบไปฉีดวัคซีนก่อนประชาชน ทั้งๆ ที่ปากด่าตลอดเวลาว่าวัคซีนไม่ดี หรือแม้กระทั่งไม่สามารถหาข้อมูลทุจริตต่างๆ ที่มีหลักฐานเพียงพอมาอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อล้มรัฐบาลในสภาฯ ได้ ก็ออกไปสนับสนุนม็อบอยู่บนถนนแทน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top