Sunday, 15 June 2025
Hard News Team

กาฬสินธุ์จัดกิจกรรมวันดินโลกพิชิตดินเค็มเติมเต็มผลผลิตสร้างชีวิตเกษตร

จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดงานวันดินโลก ปี 2564 ในรูปแบบนิทรรศการกิจกรรมเสริมสร้างครามรู้ ภายใต้แนวคิด “พิชิตดินเค็ม  เติมเต็มผลผลิต สร้างชีวิตเกษตร” เพื่อรำลึกและสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ที่สถานีพัฒนาที่ดิน จ.กาฬสินธุ์ นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ มอบหมายนายพิชัย ส่งสุขเลิศสันติ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดกิจกรรม “วันดินโลก” (World Soil Day) ปี 2564 โดยมีนายสันติ จัตุพันธ์ นายอำเภอยางตลาด นายอรรถวุฒิ กรุงแสนเมือง ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดิน จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หมอดินอาสา ร่วมงาน กิจกรรมมีการนิทรรศการกิจกรรมเสริมสร้างครามรู้ ภายใต้แนวคิด พิชิตดินเค็ม  เติมเต็มผลผลิต สร้างชีวิตเกษตร 

นายพิชัย ส่งสุขเลิศสันติ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงดำรงมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรม และทรงยึดมั่นในพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

อีกทั้งทรงพระวิริยอุตสาหะปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ ทรงทุ่มเทพระวรกาย เพื่อประชาชนให้ได้รับความร่มเย็น นำความผาสุกมาสู่ประเทศโดยถ้วนหน้า บนหลักของการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ ก่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม เป็นที่มาของการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัล “นักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม” เป็นพระองค์แรกของโลก โดยสหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ 

ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้มีมติรับรองให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันดินโลก (World Soil Day) เพื่อใช้เป็นโอกาสในการขับเคลื่อนกิจกรรมเผยแพร่ความรู้ทางด้านดิน และสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของดินทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก กระทรวงมหาดไทย จึงได้อนุมัติโครงการ การจัดกิจกรรม “วันดินโลก” (World Soil Day) ปี 2564 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และเพื่อถวายสดุดีพระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงศึกษาค้นคว้าวิธีการจัดการทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน นำมาซึ่งความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกรและประชาชน

ด้านนายอรรถวุฒิ กรุงแสนเมือง ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดิน จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าการจัดงานวันดินโลก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกถึงความตระหนักในบทบาทอันสำคัญยิ่งของทรัพยากรดินที่มีต่อสิ่งมีชีวิต และร่วมกันดูแลรักษาเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน เพื่อให้เป็นวาระในการสื่อความสำคัญของทรัพยากรดินให้เป็นที่รับทราบในวงกว้าง โดยงานวันดินโลกปี 2564 กำหนดหัวข้อหลัก พิชิตดินเค็ม เติมเต็มผลผลิต สร้างชีวิตเกษตรกร เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับดิน และการจัดการกับความเค็มของดิน ผลกระทบของดินเค็มที่มีต่อผลผลิตทางการเกษตร วิธีการจัดการดินเค็มอย่างครบวงจร มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงดินเค็มในเชิงรุก ป้องกันและแก้ไขปัญหาของดินที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยทางด้านอาหาร

นายอรรถวุฒิกล่าวอีกว่า งานวันดินโลก 2564 สถานีพัฒนาที่ดินกาฬสินธุ์ ร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้จัดแสดงนิทรรศการ ตามหัวข้อหลักคือ “พิชิตดินเค็ม เติมเต็มผลผลิต สร้างชีวิตเกษตรกร” เพื่อแสดงทรัพยากรดินของ จ.กาฬสินธุ์ การพัฒนาพื้นที่ดินเค็มแบบบูรณาการโดยประยุกต์ใช้เมืองเพียโมเดล การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีของกรมพัฒนาที่ดินและหน่วยงานภาคีมาใช้ในการจัดการดินเค็ม มีการจัดแสดงนิทรรศการของหน่วยงาน เปิดตัวพืชดาวรุ่งที่เจริญเติบโตได้ในดินเค็ม “รากสามสิบ” ตลาดขายสินค้าผลิตผลของเกษตรกร หมอดิน เครือข่ายของกรมพัฒนาที่ดิน
“ทั้งนี้ มีเป้าหมายร่วมกัน 2 ประการ ประการแรกเพื่อน้อมรำลึกและเทิดพระเกียรติคุณในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอดพระราชปณิธานแห่งพระบรมราชนกนาถ เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรดิน รวมทั้งการพัฒนาที่ดินอย่างต่อเนื่อง และประการที่ 2 เพื่อร่วมใจกันปกปักรักษาดิน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญยิ่งของประเทศ ให้เป็นมรดกของลูกหลาน ภายใต้แนวคิด “ดินดี” คุณภาพชีวิตที่ดี” นายอรรถวุฒิกล่าว

 

‘ปูติน’ กร้าว! ขู่ชาติตะวันตก ยัน จะตอบโต้พฤติกรรมคุกคามแน่

มอสโก (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส) - ความตึงเครียดหนักระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกยังไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทาเบาบางลง ล่าสุด ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียขู่ว่าจะตอบโต้ภัยคุกคาม พร้อมกับเผยโฉมเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์รุ่นใหม่

ในระหว่างการประชุมร่วมกับนายทหารระดับสูงที่กรุงมอสโก ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้กล่าวถึงความตึงเครียดกับชาติตะวันตกกรณียูเครน ว่า ปัญหาตึงเครียดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO สถานการณ์มีแต่เลวร้ายลงตลอดทำให้รัสเซียต้องถูกบีบบังคับให้ต้องรับมือ และพร้อมจะใช้กำลังตอบโต้หากถูกชาติตะวันตกคุกคามด้วยความก้าวร้าวทางการเมือง

ในคำแถลงนี้ จุดสำคัญที่เป็นข้อเรียกร้องของปูตินต่อชาติพันธมิตรตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ คือ การสร้างหลักประกันว่า NATO จะไม่ขยายอิทธิพลด้วยการติดตั้งอาวุธประชิดพรมแดนของรัสเซีย และห้ามไม่ให้ยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO ด้วย ซึ่งข้อเรียกร้องของปูตินนี้อยู่ในร่างความตกลง ที่รัสเซียส่งให้ชาติตะวันตกเมื่อไม่กี่วันก่อน เพื่อยุติการเผชิญหน้าบริเวณพรมแดนยูเครนกับรัสเซีย หลังจากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียระดมกำลังทหารกว่าแสนนาย พร้อมรถถังและยุทโธปกรณ์จำนวนมากไปประชิดพรมแดน จนหลายฝ่ายเกรงกันว่ารัสเซียจะบุกยูเครนอีกครั้ง หลังจากที่ยึดคาบสมุทรไครเมียไปจากยูเครนเมื่อ 7 ปีก่อน และจากนั้นมารัสเซีย ยังได้หนุนหลังกองกำลังแบ่งแยกดินแดนในยูเครนมาโดยตลอด

การเคหะฯ ปรับปรุง ‘บ้านสบายเพื่อยาย - ตา’ สร้างรอยยิ้มให้ผู้สูงวัยรายได้น้อย - ยากไร้

การเคหะแห่งชาติ เดินหน้าโครงการปรับปรุง ‘บ้านสบายเพื่อยาย-ตา’ สร้างรอยยิ้มให้ผู้สูงอายุ ลุยซ่อมแซม-ปรับปรุง สร้างบ้านใหม่ให้ผู้สูงอายุซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อยและผู้ยากไร้รวม 64 หลัง ใน 7 จังหวัดตลอดปี 64

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติกล่าวว่า จากภารกิจหลักด้านการพัฒนาและจัดสร้างที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนผู้ที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ตลอดจนกลุ่มเปราะบาง และผู้ด้อยโอกาสในสังคม หนึ่งในโครงการที่ “การเคหะแห่งชาติ” ได้ดำเนินการมาครบกว่า 1 ทศวรรษ ตั้งแต่ปี 2553 คือ โครงการปรับปรุงที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อยและผู้ยากไร้ของการเคหะแห่งชาติ (บ้านสบายเพื่อยายตา) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตด้านการอยู่อาศัยของ “ผู้สูงอายุ" ผู้มีรายได้น้อยและผู้ยากไร้ โดยการปรับปรุงซ่อมแซม หรือจัดทำที่อยู่อาศัยใหม่ทั้งหลัง รวมทั้งการปรับสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการตามคุณลักษณะเฉพาะของผู้อยู่อาศัย ทำให้สามารถอยู่อาศัยได้อย่างเป็นปกติสุขในชุมชนเดิมอย่างยั่งยืน

การเคหะแห่งชาติได้จัดสรรเงินจากกำไรสุทธิประจำปี เพื่อสนับสนุนการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้กับผู้สูงอายุซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อยและผู้ยากไร้ ผ่านการประชาคมจากหน่วยงานท้องถิ่นสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้านตามสภาพความเป็นจริง โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หลังจากนั้นมอบหมายผู้รับจ้างหรือจิตอาสาในพื้นที่ดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านของผู้สูงอายุจนแล้วเสร็จ และการเคหะแห่งชาติจะจัดพิธีส่งมอบบ้านให้กับผู้สูงอายุฯ “บ้านสบายเพื่อยายตา” อย่างเป็นทางการ

เปิดจีดีพีเกษตรฯ ทั้งปีนี้โต 1.5% คาดปีหน้าพุ่งต่อ 2 – 3%  

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการเกษตรปี 2564 พบว่า ขยายตัว 1.5% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยมีปัจจัยสนับสนุน จากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2563 ต่อเนื่องถึงปี 2564 ซึ่งเพียงพอต่อการเพาะปลูกพืช และประมง ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดที่ปรับตัวดีขึ้นจูงใจให้เกษตรกรเพิ่มการผลิตและบำรุงรักษาที่ดี รวมไปถึงการดำเนินนโยบายและมาตรการของภาครัฐ นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ขยายตัวมากขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้หากพิจารณาในแต่ละสาขา พบว่า สาขาพืช ในปี 2564 ขยายตัว 3.3% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยพืชสำคัญที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวนาปรัง มีผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากในปี 2564 มีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับการเพาะปลูก รวมถึงการปลูกทดแทนพืชชนิดอื่น อาทิ อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และในบางพื้นที่สามารถเพาะปลูกข้าวนาปรังได้ 2 รอบ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกษตรกรมีการดูแลรักษาที่ดี ควบคุมและกำจัดหนอนกระทู้ได้ดีขึ้น ประกอบกับมีปริมาณน้ำเพียงพอ ส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น 

ส่วน มันสำปะหลัง ผลผลิตเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคามันสำปะหลังปรับตัวเพิ่ม เช่นเดียวกับยางพารา ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้นยางสมบูรณ์ดี ขณะที่ ปาล์มน้ำมัน มีผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากแหล่งผลิตสำคัญทางภาคใต้มีปริมาณน้ำฝนมากขึ้นในช่วงปลายปี 2563 ประกอบกับในปี 2564 มีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ต้นปาล์มน้ำมันที่ให้ผลผลิตในช่วงกลางปีถึงปลายปี 2564 มีทะลายสมบูรณ์ดี 

ก.แรงงาน เดินหน้าพัฒนาอาชีพภาคการท่องเที่ยว เปิดประตูสู่การสร้างรายได้ที่ยั่งยืน

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เปิดโครงการ Re-skill และ Up Skill เร่งสร้างทักษะแรงงานในการประกอบอาชีพกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มุ่งเป้าให้แรงงานมีอาชีพเสริม เพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมอบหมายให้นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดฝีกอบรมโครงการ Re-skill และ Up Skill เพื่อสร้างทักษะแรงงานในการประกอบอาชีพ การพัฒนาศักยภาพด้านทักษะฝีมือแรงงานสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ซาติ 20 ปี ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ก้าวสู่การพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างมีคุณภาพ โดยมี ดร.จำลอง ช่วยรอด ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะผู้บริหารระดับสูงสังกัดกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมฯ ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 10 อาคารกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน

นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การบริหารประเทศของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงานได้ให้ความสำคัญให้กำลังแรงงานได้รับการพัฒนาศักยภาพด้านทักษะฝีมือแรงงานสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ซาติ 20 ปี ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ก้าวสู่การพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างมีคุณภาพประกอบกับประเทศไทยและทั่วโลกต้องเผชิญกับสถนการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้แรงงานได้รับผลกระทบอย่างหนัก รัฐบาลจึงมีนโยบายเร่งเยียวยาช่วยเหลือโดยให้ความสำคัญกับการปรับระดับฝีมือ (Re-Skill) รองรับการทำงานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และยกระดับต่อยอดความรู้ ความชำนาญ (Up-Skil) ให้แก่กลุ่มแรงงานฝีมือที่ได้รับผลจากเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจึงมอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานดำเนินโครงการดังกล่าว

‘หมอยง’ ย้ำ ‘โอมิครอน’ ตรวจจับยาก-ระบาดเร็ว แนะวิธีป้องกัน ให้คิดว่าทุกคนอาจเป็นผู้ติดเชื้อ

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ออกมาแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับ "โอมิครอน" ชี้ระบาดได้รวดเร็ว และตรวจจับยาก แนะวิธีป้องกันตนเองขอให้คิดไว้ก่อนว่าบุคคลที่เราจะใกล้ชิดอาจจะเป็นผู้ติดเชื้อ ต้องป้องกันตนเองอย่างเข้มงวด

วันนี้ (23 ธ.ค.) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว "Yong Poovorawan" ในประเด็น "โอมิครอน การติดต่อและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว" โดยได้ระบุข้อความว่า

"ในระยะหลัง ไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มแพร่กระจายได้เร็วขึ้นมาโดยตลอด ตามสายพันธุ์ที่วิวัฒนาการขึ้นมา

ปัจจัยหนึ่งที่แสดงให้เห็นได้ชัด มีการติดเชื้อ แล้วผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่มีอาการน้อย หรือไม่มีอาการ แต่สามารถแพร่กระจายได้ อัตราการเสียชีวิตของทั่วโลก ก็เริ่มลดลงมาโดยตลอด จะเห็นได้จากตั้งแต่สายพันธุ์อู่ฮั่น ในระยะแรกอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 3 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ และต่อมามีการระบาดที่ยุโรปโดยเฉพาะอิตาลี อัตราการเสียชีวิตในระยะแรกค่อนข้างสูง และมีแนวโน้มที่จะลดลงมาเรื่อยๆ การเสียชีวิตทั่วโลกขณะนี้น้อยกว่า 2% ประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 0.9 เปอร์เซ็นต์ และแนวโน้มการติดเชื้อจะอยู่ในกลุ่มที่มีอายุน้อยลง อัตราการเสียชีวิตก็จะน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อมีผู้ติดเชื้อที่มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ

‘หนุ่มอิสราเอล’ หนีกักตัว ไม่พบติดเชื้อโควิด หลังหลบหนีออกจากโรงแรมเที่ยวเกาะสมุย 

สุดงง..! ผลตรวจหาเชื้อ "โควิด" "หนุ่มอิสราเอล" ที่โรงพยาบาลเกาะสมุย หลังหลบหนีออกจากโรงแรม ซึ่งเป็นสถานที่กักตัว พบผลเป็นลบ แต่ยังมีความผิดฐานหลบหนี ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค

จากกรณีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ซึ่งเดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้หนีออกจากโรงแรม ย่านสุขุมวิท ซึ่งเป็นสถานที่กักตัว ตามมาตรการ ในรูปแบบ Test and Go ในระหว่างรอผลตรวจ "โควิด" แบบ RT-PCR จนกระทั่งต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรอง ได้มีการระบุว่า "หนุ่มอิสราเอล" รายนี้ ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ซึ่งการหลบหนีออกจากสถานกักตัว ถือว่าเข้าข่ายฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.ควบคุมโรค กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ และสามารถติดตามจับกุมตัวเอาไว้ได้ที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น  

"กรณ์" มั่นใจคุณภาพผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม สงขลา มุ่งมั่นสร้างการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ "พงศธร" จับได้เบอร์ 4 เชื่อกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจ - คนรุ่นใหม่ หันมาเลือกพรรคกล้า "ผู้การชาติ" เชื่อฐานเสียงในพื้นที่ยังเหนียวแน่น 

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า , พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ประธานกรรมการยุทธศาสตร์ภาคใต้ พร้อมด้วยทีมงานและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ร่วมให้กำลังใจ นายพงศธร สุวรรณรักษา ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมเขต 6 สงขลา เข้าสมัครรับเลือกตั้งช่วงเช้าวันนี้ ที่ศูนย์ประสานงานเลือกตั้ง อ.สะเดา จ.สงขลา บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ส่วนการรับสมัครเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาเอกสารหรือข้อกฎหมาย โดยนายพงศธร ได้ "เบอร์ 4" 

นายกรณ์ กล่าวว่า ผู้สมัครของพรรคกล้าเป็นคนธรรมดาคนนึงที่มีจิตสาธารณะ ต้องการเอาความรู้ความสามารถ มาช่วยเหลือแก้ปัญหาพี่น้องประชาชนในฐานะ ส.ส. ซึ่งเป็นประเภทคนที่พรรคอยากสนับสนุน ทำให้การเมืองไทยพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นได้ ถ้ามีคนแบบนี้มาเป็นผู้แทนในสภาฯ จึงเสนอตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงการเมืองในพื้นที่ไปในทิศทางที่ดีขึ้น สร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชน 

หัวหน้าพรรคกล้า ยังกล่าวถึงนโยบายเกี่ยวกับราคายางว่า ควรจะมีราคาสูงขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ โดยไม่ต้องพึ่งพาภาษีประชาชนมาจ่ายส่วนต่าง ยางพาราภาคใต้เป็นแหล่งผลิตยางมีคุณภาพที่สุดในโลก แต่ขาดการบริหารจัดการ ซึ่งวิธีการที่จะเสนอและสามารถทำได้ คือการส่งเสริมให้สหกรณ์เข้มแข็ง มีการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ นอกจากรับซื้อยางจากชาวสวนในราคาสูงแล้ว ยังต้องมีศักยภาพในการแปรรูป สามารถหาตลาดส่งออกเอง โดยตรง ไม่ต้องพึ่งพ่อค้าคนกลาง ซึ่งเป็นโมเดลที่พิสูจน์มาแล้วในพื้นที่อื่นๆ ว่าสามารถมีสหกรณ์ที่มีมาตรฐานแบบนี้ได้ จึงน่าแปลกใจว่า ทำไมแหล่งผลิตยางพาราอย่างสงขลา จึงไม่มี สหกรณ์ที่เป็นของเกษตรกร ยังต้องพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง จนขาดอำนาจในการต่อรอง จึงเกิดเป็นนโยบายที่พรรคกล้าจะสร้างความเปลี่ยนแปลง เพื่อประชาชนตัวเล็กๆ เพื่อเกษตรกร 

“บิ๊กตู่” นั่งหัวโต๊ะถกงบปี 66 ขอดำเนินการต่อเนื่องครบกระบวนความ พร้อมย้ำ เดินหน้ามาตรการเข้มข้น ป้องกันเฝ้าระวัง ‘โอมิครอน’ กำชับ สธ. ตช. เฝ้าระวังกลุ่มบุคคล/กิจกรรม ช่วงปีใหม่ ตั้งเป้า ปีหน้า ‘ปีแห่งการฉีดวัคซีนบูสเตอร์’

ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวเริ่มต้นการประชุม ว่า เป็นการประชุมที่รับทราบเกี่ยวกับตัวเลขและสมมติฐานต่างๆ ที่ได้มีการหารือกันระหว่างสำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงการคลัง และ ธนาคารแห่งประเทศไทย  (ธปท.) อย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ให้สอดคล้องกับแผนการคลังระยะปานกลางในปี 2566 - 2569 ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้เห็นชอบไปแล้วเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา จึงขอให้ดำเนินการให้เกิดความต่อเนื่อง จนครบถ้วนกระบวนความในการจัดสรรงบประมาณปี 2566 ด้วย

นอกจากนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ย้ำให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความถี่และความเข้มข้นในการเฝ้า ระวัง และติดตามนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ หรือคนไทยที่เดินทางกลับเข้าประเทศ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการเข้าประเทศและมาตรการสาธารณสุขที่กำหนด ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะผอ. ศบค. ดำเนินทุกมาตรการเพื่อป้องกันและชะลอการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน ขณะเดียวกัน ก็เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อเนื่อง ทั้งการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเปราะบาง รวมทั้งให้ทำความเข้าใจกลุ่มผู้ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีน เพื่อให้เห็นประโยชน์ของการฉีดวัคซีนด้วย โดยตั้งเป้าหมายให้รณรงค์ให้ปีหน้าเป็นปีแห่งการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ หรือวัคซีนเข็มกระตุ้น สำหรับคนไทยด้วย

“รองโฆษกรัฐบาล” เผย เดินหน้ารัฐบาลดิจิทัล “ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP)” เพิ่มความโปร่งใส ประหยัดงบ 7.8 หมื่นล้านบาท 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ว่า พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้ทุกส่วนราชการ ปรับระบบการทำงาน โดยนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในทุกส่วนงาน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน  เพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความโปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยกรมบัญชีกลาง ดำเนินการเป็นรูปธรรม ในการจัดทำระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) เพื่อส่งเสริมความเป็นรัฐบาลเปิด สร้างความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง ทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าถึงข้อมูลได้สะดวก มีรายละเอียดที่ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนและทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เป็นการสนับสนุนแหล่งข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างให้กับหน่วยงานภาครัฐนำไปใช้อ้างอิงในการกำหนดราคากลางหรือของบประมาณ ลดขั้นตอน และเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดซื้อจัดจ้าง ตลอดจนลดต้นทุนของภาครัฐและเอกชนในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ผลการดำเนินงานล่าสุด  ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 หน่วยงานรัฐได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแล้วจำนวนทั้งสิ้น 5,247,846 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 98.34 ของจำนวนโครงการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด โดยมีมูลค่าที่จัดหาได้ 1.33 ล้านล้านบาท สามารถประหยัดงบประมาณได้จากการใช้ระบบ e-GP จำนวน 7.86 หมื่นล้านบาท (ประหยัดได้ ร้อยละ 5.57 ของวงเงินงบประมาณในการจัดหา) โดยวิธีการจัดซื้อจัดจ้างที่สามารถประหยัดงบประมาณได้มากที่สุด คือ วิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ ประหยัดงบประมาณได้ร้อยละ 15.14 ของวงเงินงบประมาณในการจัดหา เป็นวิธีการซื้อหรือจ้างที่มีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของพัสดุที่ไม่ซับซ้อน หรือเป็นสินค้าหรืองานบริการที่มีมาตรฐาน และได้กำหนดไว้ในระบบข้อมูลสินค้า (e-catalog) สามารถทำได้ 2 ลักษณะ คือ (1)  การเสนอราคาโดยใบเสนอราคา และ (2)  การเสนอราคาโดยการประมูลอิเล็กทรอนิกส์ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top