Monday, 23 June 2025
Hard News Team

‘พิชัย’ จี้ ‘ประยุทธ์’ เร่งเพิ่มรายได้คนไทยสู้เงินเฟ้อ ชี้ ฟื้นศก. ไทยต้องพึ่งต่างประเทศ หยุดขายฝันมั่ว

‘พิชัย’ จี้ ‘ประยุทธ์’ เร่งเพิ่มรายได้คนไทยสู้เงินเฟ้อก่อนจะอดตายกันหมด และหยุดขายฝันมั่ว ชี้ ฟื้นเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งต่างประเทศจึงต้องเข้าพบหลายสถานทูตสร้างความมั่นใจ แนะ หลักคิดเพื่อไทยฟื้นเศรษฐกิจได้แน่

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า เงินเฟ้อในเดือนเมษายนอยู่ที่ 4.65% ทำให้เงินเฟ้อของ 4 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 4.71% ซึ่งสูงมาก อย่างไรก็ตามในเดือนพฤษภาคมนี้เงินเฟ้อน่าจะสูงเพิ่มขึ้นอีกจากราคาน้ำมันดีเซลที่รัฐบาลปล่อยให้ทะลุเกินลิตรละ 30 บาท เป็นลิตรละ 32 บาทและ อีกไม่นานคงจะถึงลิตรละ 35 บาท (ทั้งที่ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ราคาน้ำมันโลกก็ประมาณ 100 กว่าเหรียญนี้ แต่ยังสามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลได้ลิตรละต่ำกว่า 30 บาทได้) อีกทั้งค่าไฟฟ้าปรับขึ้นเป็นหน่วยละ 4 บาท และราคาก๊าซหุงต้มก็ปรับขึ้นอีก ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าปรับขึ้นแทบทุกชนิด ทั้งราคาไข่ ราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ราคาหมู ราคาน้ำมันปาล์ม อาหารแทบทุกชนิดราคาเพิ่มขึ้นมาก และจะเพิ่มขึ้นอีกจากที่สมาคมขนส่งประกาศขึ้นค่าขนส่ง 20% หลังจากที่ราคาน้ำมันดีเซลทะลุเกิน 30 บาท สถานการณ์เงินเฟ้อ ข้าวของแพง พลเอกประยุทธ์ ทำท่าจะเอาไม่อยู่ ซึ่งจะทำให้คนเดือดร้อนกันอย่างมาก ซึ่งเรื่องนี้คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนมาก่อนเป็นเดือนๆ แล้วแต่พลเอกประยุทธ์ เหมือนไม่เข้าใจและทำเหมือนไม่เดือดร้อน

ล่าสุดพลเอกประยุทธ์ประกาศว่าจะเพิ่มรายได้ให้คนไทยเฉลี่ยปีละ 300,000 บาท ซึ่งไม่รู้เอาความคิดนี้มาจากไหน น่าจะฝันตื่นมาเห็นตัวเลขเหมือนฝันเลขหวย เพราะที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ บริหารเศรษฐกิจของไทยได้ย่ำแย่มาตลอด เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ จะไปเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนขนาดนั้นได้อย่างไร แนวคิดพัฒนาเศรษฐกิจยังโบราณมาก และไม่รู้ว่าเมาหรือเครียด พลเอกประยุทธ์ ยังได้กล้าประกาศว่าคนจนจะหมดไปในวันที่ 30 กันยายน 2565 นี้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย ไม่ต่างอะไรกับที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ ได้เคยประกาศไว้เช่นกันว่าคนจนจะหมดไปตั้งแต่ปี 2561 แต่หลังจากประกาศเศรษฐกิจไทยก็เละเทะมาตลอด คนจนกลับเพิ่มขึ้นมาก จนสุดท้ายต้องถูกปลดออกไป ดังนั้นการที่พลเอกประยุทธ์เลียนแบบนายสมคิดและประกาศตามก็คงเละตามกันไปเหมือนกัน คนจนจะยิ่งเพิ่มขึ้นอีกมาก และคนจะลำบากกันอย่างมากจนจะทนกันไม่ไหว 

จริงอยู่ สถานการณ์เงินเฟ้อเกิดขึ้นกับทั้งโลก แต่รัฐบาลที่ฉลาดและมีประสิทธิภาพเขาจะพัฒนาเศรษฐกิจให้ขยายตัวสูง ทำให้ประชาชนของประเทศเขามีรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อรับมือกับภาวะข้าวของแพงได้ แต่ประเทศ ไทยกลับทำตรงกันข้าม พลเอกประยุทธ์ด้อยความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ ทำให้คนไทยต้องเผชิญกับ เงินเฟ้อสูง ราคาข้าวของแพงแต่รายได้ไม่เพิ่ม ค่าแรงไม่เพิ่ม ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มน้อยมาก ยังไม่พอกับราคาค่าปุ๋ยที่แพงขึ้นมาก คนหาเช้ากินค่ำค้าขายฝืดเคืองเพราะขายของไม่ดีคนไม่มีเงินซื้อ พอแม่ค้าตอบพลเอกประยุทธ์ว่าขายไม่ดี พลเอกประยุทธ์กลับเสนอให้ไปขายของชนิดอื่น ซึ่งแสดงถึงความไม่เข้าเลยว่าเศรษฐกิจไม่ดี ขายอะไรก็ไม่ดี เปลี่ยนของขายก็จะขายไม่ดี ทางที่ดีที่สุดคือการต้องเปลี่ยนนายกฯ ทันทีอย่างเดียว และหานายกฯ ที่เก่งเศรษฐกิจมาบริหารถึงจะขายของได้ดี คนมีรายได้เพิ่ม 

โดยอยากให้พลเอกประยุทธ์ ไปศึกษา 5 แนวทางที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เสนอไว้แล้ว คือการกระจายอำนาจ ดึงศักยภาพคนไทยด้วย Soft Power การใช้ AI เพื่อการเกษตร การปรับภาครัฐและภาคเอกชนเข้าสู่ Digital Transformation และ การเตรียมคนไทยเข้าสู่ Metaverse ซึ่งสามารถเปลี่ยนประเทศ และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต อีกทั้งจะเพิ่มรายได้ของประชาชนให้มากขึ้นได้อย่างแน่นอน อย่าอ้างแก้ตัวมั่วว่าได้ทำแล้วทั้งที่ตัวเองยังไม่เข้าใจเลย แล้วจะทำได้อย่างไร และพรรคเพื่อไทยยังจะมีนโยบายเศรษฐกิจที่จะฟื้นฟูประเทศไทยออกมาอีกมากที่จะประกาศเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ โดยเศรษฐกิจไทยเป็นเศรษฐกิจเล็กและเป็นเศรษฐกิจเปิด 

UNPKFC ตั้งวงบอยแบนด์ชื่อดังเกาหลีใต้ ศิลปิน K-POP วงเกรทกายส์ (GREATGUYS) เป็น ทูตสันติภาพเยาวชน  

UNPKFC ตั้งวงบอยแบนด์ชื่อดังเกาหลีใต้ ศิลปิน K-POP วงเกรทกายส์ (GREATGUYS) เป็น ทูตสันติภาพเยาวชน เพื่อแลกเปลี่ยนเผยแพร่วัฒนธรรมสันติภาพระดับนานาชาติ เพื่อให้เกิดคุณูปการต่อเยาวชนโลกที่จะเป็นผู้นำในอนาคต UNPKFC นำโดยประธานในที่ประชุม ดร.อภินิตา ไชยชนะ ประธาน UNPKFC พร้อมด้วยคณะบอร์ดบริหาร นายศรพงษ์ศักดิ์ สุวรรณปรุง ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการสำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี และคณะบอร์ดบริหาร เข้าร่วมประชุมหารือ เกี่ยวกับงาน UNPKFC GLOBAL PEACE SUMMIT 2022 ที่เตรียมการจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศไทย เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวันสันติภาพสากล 

โดยสหประชาชาติได้กำหนดให้ทุกวันที่ 21 กันยายน ของทุกปี ถือเป็นวันสันติภาพโลกของทุกปี และองค์กรได้ให้ความสำคัญและร่วมเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศไทยมายาวนาน ในประเทศไทย ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ได้มีบุคคลสำคัญเข้าร่วมประชุมหลายประเทศ ซึ่งได้รับเกียรติผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้โดยมีผู้แทนจากประเทศพม่า นำโดยรองสมเด็จพระสังฆราช ประเทศพม่า และศิลปินบอยแบนด์ชื่อดังของเกาหลีใต้ วงเกรทกายส์ เคป๊อป (GreatGuys Band) จากประเทศเกาหลี

ในวันเดียวกันได้มีการแต่งตั้ง ศิลปินบอยแบนด์ชื่อดังของเกาหลีใต้ วงเกรทกายส์ เคป๊อป (GreatGuys Band) จากประเทศเกาหลีให้ดำรงตำแหน่ง ทูตสันติภาพเยาวชน (Youth Peace Ambassador) อย่างเป็นทางการ วงบอยแบนด์ชื่อดัง GreatGuys ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกด้วยการแสดงที่ทำลายสถิติ มีพลังและการออกแบบท่าเต้นได้ดีทุกที่ที่พวกเขาแสดง และมีผู้ติดตามจำนวนมากในหมู่เยาวชนทั่วโลก และจะมีบทบาทสำคัญที่จะส่งสารสันติภาพ ด้านความหวังและความรัก  ให้เข้าถึงกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ทั่วโลก

ดร.อภินิตา ไชยชนะ ประธาน UNPKFC ได้พูดถึงแนวทางการพัฒนากิจกรรมที่สันติภาพโลกที่จะเกิดขึ้นที่เมืองไทย ซึ่งปกตินั้นตนได้ทำด้านนี้ยาวนานต่อเนื่องมาโดยตลอด ประสบการณ์และพลังเครือข่ายทั้งภาครัฐ และเอกชน ตลอดจนภาคประชาชนจิตอาสา พร้อมที่จะผลักดันเยาวชน ส่งเสริมพัฒนาการและทักษะ ด้วยวิธีการแลกเปลี่ยนการสืบสานวัฒนธรรม และสังคม ให้ทันตามยุคตามสมัย เพื่อการผลักดันเป้าหมายและการพัฒนาที่ยั่งยืนในปี  2030 โดยใช้หลักส่งเสริมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และความสามารถของเยาวชนที่แตกต่างหลากหลาย เพื่อการเผยแพร่วัฒนธรรมแห่งสันติภาพแบบบูรณาการในอนาคต จึงขอขอบคุณผู้บริหารและผู้แทนแต่ละประเทศ ที่ให้ความเชื่อมั่น และให้ความร่วมมือด้วยดีตลอดมา 

‘เจ๊เกียว’ โอด ‘พิษโควิด - น้ำมันแพง’ ทำเจ๊งยับ แถมไร้คนสืบต่อกิจการ จ่อปิดตำนาน 65 ปี

สุจินดา เชิดชัย หรือ ‘เจ๊เกียว’ โอดพิษโควิด - น้ำมันแพง ทำขาดทุนยับ เตรียมขอขึ้นตั๋ว พร้อมประกาศขาย ‘เชิดชัยทัวร์’ เหตุไร้คนสืบทอดกิจการ จ่อปิดตำนานธุรกิจรถทัวร์ 65 ปี 

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม นางสุจินดา เชิดชัย หรือ เจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถร่วมรถโดยสาร บขส. และเจ้าของอู่รถเชิดชัย และบริษัท เดินรถเชิดชัย ดำเนินธุรกิจมา 65 ปี กล่าวเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลสูงขึ้นถึง 32 บาทต่อลิตร ในวันที่ 12 พฤษภาคม จะยื่นหนังสือต่อนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ขอขึ้นค่าโดยสารรถประจำทางอีก 1 สตางค์ต่อกิโลเมตร จากปัจจุบันคิดค่าโดยสารในราคาน้ำมัน 27 บาทต่อลิตร นอกจากนี้จะขอให้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรถร่วม โดยลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าประกันภัย และค่า พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถเพื่อบรรเทาภาระในช่วงรายได้ลดลง

‘เจนภพ’ สุดทน! รับไม่ได้กรณีโฆษณาลาซาด้า ชี้ ถ้าเป็นสมัยเก่า โดนกุดหัว 7 ชั่วโคตรไปแล้ว

‘เจนภพ จบกระบวนวรรณ’ รับไม่ได้กรณีโฆษณาลาซาด้า เผย ทำน้ำตาตกใน ไม่เคยพบไม่เคยเห็นแบบนี้ ถ้าเป็นสมัยเก่า โดนกุดหัวไปแล้วพร้อมระบุเขียนเพลงตั้งไว้สองชื่อ "ช้อปปี้ขยี้ใจ" กับ "เสร็จลาซาด้า" แต่สุดท้ายยอมทิ้ง แต่งเพลงใหม่

วันนี้ (9 พ.ค.) จากกรณี นายอนิวัต ประทุมถิ่น หรือ นารา เครปกะเทย เน็ตไอดอล ได้ทำแคมเปญโฆษณา Lazada 5.5 ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ที่พบว่ามีการแต่งกายล้อเลียนบุคคลสำคัญที่คนไทยเคารพ และล้อเลียนบุคคลทุพพลภาพหรือผู้พิการนั้น 

ล่าสุด เจนภพ จบกระบวนวรรณ นักแต่งเพลงและนักวิชาการเพลงไทยลูกทุ่ง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ปรากฎการณ์ ลาซาด้า ทำให้น้ำตาฅนสูงอายุอย่างผมต้องไหลพรากโดยไม่รู้ตัว เพราะตั้งแต่เกิดมาจนอายุใกล้ ๗๐ แล้ว ผมเผ้าหงอกเกือบหมดทั้งหัวแล้ว ไม่เคยพบไม่เคยเจอไม่เคยเห็นอย่างนี้มาก่อน

การกระทำเยี่ยงนี้ ไม่น่าจะเป็นการกระทำของ " ฅน " เลย ถ้าเป็นเพียง ไส้เดือน กิ้งกือ ก็แล้วไป แต่นี่เป็นความคิดและการกระทำของ " ฅน " ซ้ำยังเป็น " ฅนไทย " ด้วย ซึ่งปกติธรรมเนียมนิยมและวัฒนธรรมของ " ฅนไทย " เรื่องการล้อเลียนเหยียดหยามอย่างนี้เขาจะไม่ทำกัน เพิ่งจะมียุคนี้สมัยนี้นี่แหละ สมัยที่วัฒนธรรมตะวันตกไหลบ่าเข้ามาท่วมท้นสังคมไทยจนสำลักอิสระเสรีสิทธิมนุษยชนประชาธิปไตยโดยไม่รับผิดชอบต่อผู้อื่น กระทบกระเทือนผู้อื่น ซึ่งผมก็งงว่ามันเป็น สิทธิมนุษยชน - ประชาธิปไตย ตรงไหน?

การกระทำอย่างนี้ มิได้สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองเท่านั้น แต่ยังสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจกินไม่ได้นอนไม่หลับให้โคตรเหง้าสักหลาดของตัวเองด้วย เพราะญาติโกโหติกาท่านอื่นๆ เขาไม่ได้รู้เห็นดีด้วย เป็นสมัยเก่า โดนกุดหัว ๗ ชั่วโคตรไปแล้ว เป็นพระมหากรุณาธิคุณแค่ไหนที่เบื้องพระยุคลบาทไม่คิดเอาความ

กระนั้นก็เถอะ " ฅนไทย " ผู้จงรักภักดีที่มีท่วมแผ่นดิน ใฅรเขาจะยอม 

แรงกระเพื่อมของ ลาซาด้า ครั้งนี้ ไม่ได้เกิดกับ ไส้เดือน กิ้งกือ ไม่กี่ตัว แต่มันส่งผลกระเทือนมากมายไปยัง ทุกฅนที่หวังพึ่งพาแอพนี้ในการขายของซื้อของฝากของทำธุรกิจกับแอพนี้ ฅนซื้อน่ะไม่เท่าไหร่ ซื้อที่อื่นก็ได้ แต่ ฅนขาย นี่สิ ใฅรหน้าไหนจะรับผิดชอบความเสียหายที่เขาได้รับไปด้วย จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้กับใฅร? กับ ลาซาด้า กับ เอเจนซี่ต้นเรื่อง หรือกับ ไส้เดือน กิ้งกือ ตัวนั้น 

เรื่องหยามหยาบจาบจ้วงอย่างนี้ ถึงเวลาที่ " ฅนไทย " ทั้งมวล สำคัญที่สุดคือ รัฐบาล จะเพิกเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้แล้วครับ ที่จริงมันควรมีปฏิกิริยาอย่างจริงจังมานานแล้ว แต่ก็ทำตัวอยู่เหนือปัญหามาตลอด ไม่คิดจะแก้ไขสักที อย่าลืมนะครับว่าไม่มียุคใดสมัยใดที่ สถาบันพระมหากษัตริย์ จะถูกกระทำย่ำยีอย่างหนักหน่วงมากมายเท่ายุคนี้ !!!!!

มีหลายฅนแสดงอาการโกรธเคืองอย่างรุนแรง และ บอกว่า พวกไส้เดือนกิ้งกือ เหล่านี้ แค่ด่าทอมัน มันไม่รู้สึกรู้สาหรอก ต้องไปลากมันออกมากระทืบให้ตายคาตีน ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วยการใช้ความรุนแรงขนาดนั้น แต่ ฅนประเภทนี้ ถ้าไม่มีกฎบทกฎหมายอะไรจัดการได้ มันก็จะเป็นไฟสุมขอนสร้างความเดือดดาลสร้างความแตกแยกรุนแรงมากขึ้นๆ จนที่สุดก็ปะทุ ได้ 

บางท่านบอกกับผมว่า เห็นเป็น ไส้เดือน กิ้งกือ ก็ยังสูงเกินไป เพราะ ไส้เดือน กิ้งกือ จริงๆ ก็มีประโยชน์ มีคุณค่า ควรจะเห็นว่าเป็นเพียง เห็บ เหา เท่านั้น ซึ่งไร้ค่าไร้ประโยชน์ควรกำจัดเสียให้สิ้นซากสถานเดียว

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ งง! คนแซะ ‘ลุงตู่’ ชักศึกเข้าบ้าน เหตุไปร่วมประชุมกับผู้นำมะกัน ยันไม่กระทบสัมพันธ์จีน

(9 พ.ค. 65) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart เรื่อง “นาโต 2 (2)” ระบุว่า ขอเพิ่มเติมเรื่องนาโต 2 เอาให้ชัดเจน จะได้ไม่คาใจ แรกสุดอยากจะเล่าว่า ไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่จะไปร่วมประชุมกับผู้นำอเมริกัน แต่ไทยและกลุ่มอาเซียนได้รับเชิญจากไบเดนให้ไปร่วมประชุม ลุงตู่ไม่ได้วิ่งไปขอให้เค้าเชิญ มีเพียงพม่าประเทศเดียวที่ไม่ได้รับเชิญ และผู้นำฟิลิปปินส์ที่จะไม่ไปเพราะติดเลือกตั้งในประเทศ

เรื่องที่สอง งงๆ กับวิธีคิดว่า การไปอเมริกาจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน วิธีคิดอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่ ไทยไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับประเทศใด เราดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับทุกประเทศ ไทยพยายามถ่วงดุลอำนาจ ไม่ได้เป็นศัตรูกับประเทศใด ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับประเทศใด เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศจีน ที่หลายคนเป็นห่วง

อ.เจษฎ์ เตือน ‘นักดื่ม’ อย่าเสี่ยง ชี้ เรื่องจริง ‘กินทุเรียนกับเหล้า’ ผลร้ายถึงตาย

ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ถึงกรณี ทหารหนุ่มวัย 24 ปี กินทุเรียนตามด้วยเบียร์ผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมงหน้ามืดหายใจไม่ออกเสียชีวิต โดยระบุว่า กรณี ห้ามกินทุเรียนกับเหล้าเบียร์นั้น เป็นเรื่องจริง

ก่อนอื่น ต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องเพื่อนฝูง ของทหารท่านที่เสียชีวิตไป ภายหลังจากกินทุเรียนและเบียร์ ตามข่าวด้านล่างนะครับ

แม้ว่าคำเตือนเรื่อง "ห้ามกินอาหารคู่กัน" หลายๆ อย่าง จะเป็นเรื่องมั่วเรื่องหลอก เป็นส่วนใหญ่ (เช่น ห้ามกินทุเรียนร่วมกับโคล่า เพราะจะมีพิษอันตราย ระดับเดียวกับพิษงูเห่า....ก็เป็นเรื่องหลอกนะครับ)  

แต่เรื่อง "ห้ามกินทุเรียน กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ" เป็นเรื่องจริงนะครับ ! แล้วก็เตือนกันมานานแล้ว ผมเคยทำเป็นคลิปวีดีโออธิบายไว้แล้วตามนี้ (ดูคลิปรายการ SciFind ตอน ห้ามกินอาหารคู่กัน จริงหรือ? https://youtu.be/5kHa9A4iQS0)

ส่วนการกินทุเรียนกับการดื่มเหล้าเบียร์แล้วอันตรายนั้น คาดกันว่ามาจากเหตุผลดังนี้

- ปรกติ เมื่อดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว ร่างกายของเรา จะมีกลไกในการทําลาย เพื่อลดความเป็นพิษของแอลกอฮอล์

- เริ่มจากการเปลี่ยนแอลกฮอล์ ให้เป็นสาร อะเซตาดีไฮด์ (acetaldehyde) โดยใช้เอนไซม์ชื่อ แอลกอฮอล์ดีไฮโดรจีเนส (alcohol  dehydrogenase, ADH)

- แล้วเปลี่ยนต่อเป็นสาร อะซีเตท (acetate) ด้วยเอนไซม์ แอลดีไฮน์ดีไฮโดรจีเนส (aldehyde dehydrogenase, ALDH)

- จากนั้น อะซีเตทจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และขับออกจากร่างกายในที่สุด 

- แต่ในทุเรียนมีสารบางตัวค่อนข้างมาก คือ พวกสารประกอบซัลเฟอร์ (ธาตุกำมะถัน) ที่สามารถยับยั้งการทํางานของเอนไซม์ ALDH 

- ดังนั้น การกินทุเรียนร่วมกับการดื่มเหล้า อาจจะทําให้การทําลายแอลกอฮอล์ไม่สมบูรณ์ เกิดการคั่งของสาร acetaldehyde (ที่เป็นสารตัวกลางของปฏิกิริยา) ทําให้มีอาการไม่พึงประสงค์ เช่น หน้าแดง เหงื่อออก คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หายใจเร็ว 

- อาการดังกล่าว จะคล้ายกับอาการของผู้ที่ได้รับยาเลิกเหล้าชื่อ ไดซัลฟูแรม (Disulfuram หรือ tetraethylthiuram disulfide) ส่วนใหญ่ อาการดังกล่าวไม่ค่อยจะรุนแรง 

- อย่างไรก็ตาม ใน "บางราย" ที่มีปฏิกิริยารุนแรง อาจจะทําให้เกิดภาวะหายใจลําบาก หัวใจล้มเหลว และอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

- นอกจากนี้ ทุเรียนยังเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง โดยมีคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง  (เนื้อทุเรียน 100 กรัมให้พลังงาน 150-160 แคลอรี่) 

- ขณะที่ แอลกอฮอล์ ก็ให้พลังงานสูง และดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว (แอลกอฮอล์ 1 กรัม ให้พลังงาน 7 แคลอรี่เทียบกับคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน ที่ให้พลังงาน 4 แคลอรี่ต่อกรัม และไขมันให้พลังงาน 9 แคลอรี่ต่อกรัม)

- การกินทุเรียนร่วมกับการดื่มเหล้า จึงทำให้ร่างกายได้รับพลังงานสูงอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างกายย่อยอาหารพวกนี้ ทําให้เกิดความร้อนเพิ่มขึ้น น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น 

- นอกจากนี้ การดื่มแอลกอฮอล์ มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ ส่งเสริมให้ร่างกายมีภาวะขาดน้ำได้  

- ยิ่งถ้าเป็นคนที่มีโรคประจําตัวเบาหวาน กินยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ อาจจะกระตุ้นให้เกิดภาวะขาดน้ำ น้ำตาลในเลือดสูง และเกลือแร่ผิดปกติได้

#สรุปว่า การกินทุเรียนร่วมกับเหล้าเบียร์ อาจจะมีผลเสียต่อสุขภาพได้ โดยอาการอาจจะมากน้อยขึ้นกับปัจจัยแต่ละคน คือ ปริมาณที่กิน และ ความสามารถของร่างกายในการทําลายแอลกอฮอล์

ข้อมูลจากบทความเรื่อง "กินทุเรียนตอนเมาอาจเสียชีวิตจริงหรือไม่ ?" ในนิตยสารวาไรตี้เพื่อสุขภาพ Volume: 

ฉบับที่ 6 เดือน มกราคม 2556 โดย

พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล https://www.rama.mahidol.ac.th/atrama/issue006/believe-it-or-not

เร่งส่งออกผลไม้ปั๊มเงินเข้าไทย 2.8 แสนล้าน “เกษตร-พาณิชย์” ผนึกทีมไทยแลนด์โปรโมตผลไม้ไทยทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่รัสเซีย เผยตลาดทุเรียนในออสเตรเลียสดใสเติบโตกว่า 181%

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ. และประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาผลไม้ล่วงหน้าในคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยวันนี้ (8.พ.ค) ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงการท่องเที่ยวฯ. เดินหน้าโปรโมตผลไม้ไทยในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มฤดูกาลผลไม้ปีนี้เพื่อเพิ่มการส่งออกในตลาดหลักและขยายตลาดใหม่ เช่น จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย อียู อิตาลี เบลเยี่ยม สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ตามนโยบายของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board)

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกผลไม้ไทยทั้งผลไม้สด ผลไม้แช่แข็ง ผลไม้แห้งและผลไม้แปรรูปในปี 2565 เป็นมูลค่า 280,000 ล้านบาท เพิ่มจากการส่งออกในปี 2564 ซึ่งมีมูลค่า 250,000 ล้านบาท

นายอลงกรณ์กล่าวว่า สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายเกษตร ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจวร่วมกับสถานกงสุลใหญ่ และหน่วยงานทีมประเทศไทย ณ เมืองเซี่ยเหมิน โปรโมทผลไม้ไทยในงานเทศกาลอาหารไทย ณ เมืองเซี่ยเหมิน ระหว่างวันที่ 29 เมษายน - 4 พฤษภาคม 2565 ได้รับความสนใจอย่างมากและจะ
จัดงานเทศกาลผลไม้ไทย นครหนานหนิง ระหว่างวันที่ 12 - 18 พ.ค. 65 โดยดำเนินการร่วมกับ สคต. หนานหนิง และบริษัท Shenzhen Pagoda Orchard Industrial (Group) จำกัด ในรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ ผ่านร้านพาโกดาในพื้นที่เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประมาณ 80 สาขา และจะจัดงานเทศกาลผลไม้ไทย ณ เมืองเซินเจิ้น ระหว่าง 8-15 มิ.ย. 65 ร่วมกับ สคต. กวางโจว และ ซุปเปอร์มาร์เก็ต Hema (บริษัท Shenzhen HEMA Network Technology Co.,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Alibaba) ในรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ 

ก่อนหน้านี้สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงปักกิ่ง ร่วมกับ ซีพีเซ็นเตอร์ สำนักงานใหญ่เครือเจริญโภคภัณฑ์ เขตประเทศจีน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงปักกิ่ง จัดงานเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๕  ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๙ เมษายน ๒๕๖๕ ณ ตึกซีพีเซ็นเตอร์ กรุงปักกิ่ง โดยสปษ.ปักกิ่ง ร่วมกับกรมหม่อนไหม มีการประชาสัมพันธ์ผ้าไหมของไทย โดยการเดินแฟชั่นโชว์ ร่วมกับการประชาสัมพันธ์ทุเรียนของไทยเพื่อเป็นการผสมผสานกิจกรรมและขยายตลาดสินค้าเกษตรของไทยในตลาดจีน

ในขณะที่ฝ่ายเกษตรประจำกรุงจาการ์ตา มีแผนส่งเสริมการตลาดผลไม้และสินค้าเกษตรอื่นๆ ร่วมกับทีมประเทศไทย ในงานต่างๆ อาทิ งาน Mini Thailand Week 2022 ระหว่างวันที่ 9-12 มิถุนายน 2565 ณ จังหวัดสุรายายาและงาน Thai Festival ช่วงเดือนสิงหาคม 2565 ณ กรุงจาการ์ตา 

ส่วนสำนักงานเกษตร ณ กรุงโตเกียว กำลังเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมงานเทศกาลไทยที่เมืองนาโกย่า เมืองเซนได เมืองชิสึโอกะระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว (สอท.) และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) กรุงโตเกียว

นอกจากนี้สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายเกษตร ณ นครแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย รายงานว่าระหว่าง
วันที่ 14-15 พ.ค. 2565 จะนำมะม่วงและผลไม้ไทยโปรโมตในงาน Thailand Grand  Festival ที่นครซิดนีย์ โดยเปิดให้มีการลิ้มลองรสชาติมะม่วงไทย และข้าวเหนียวมะม่วง และกำลังวางแผนที่จะจัดงานเทศกาลอาหารและทุเรียนนานาชาติ (International Durian and Food Festival) ที่นครซิดนีย์ เป็นปีที่สอง โดยปีที่แล้วเปิดตัวที่นครเมลเบิร์น ได้รับการตอบรับท่วมท้น คนมาเข้าคิวชิมและซื้อทุเรียนแกะพูแช่เย็น เครื่องดื่มกะทิผสมทุเรียนและมะม่วง ตลอดจนสินค้าอาหารไทยกันไม่ขาดสายแม้ต้องเข้าคิวนานเป็นชั่วโมง

คาดว่าจะจัดประมาณปลายเดือนมิถุนายน หรือต้นกรกฎาคม โดยทุเรียนไทยในตลาดออสเตรเลียยังคงมีอนาคตที่สดใส ทั้งนี้ในปี 2564 ออสเตรเลียนำเข้าทุเรียนแช่แข็ง 451 ตัน มูลค่า 5.38 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้นร้อยละ 181.59 เมื่อเทียบกับปี 2563 และออสเตรเลียนำเข้าทุเรียนแกะเนื้อแช่เย็นเป็นพูบรรจุมาในกล่อง 71 ตัน มูลค่า 1.52 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้นร้อยละ 54.78 เมื่อเทียบกับปีก่อน

โพลชี้ 'ลูกชายเผด็จการมาร์กอส' อาจชนะแบบเด็ดขาด เชื่อ!! อาจหยุดค้นหาทรัพย์สินที่ปล้นออกไปต่างแดนลูกชายเผด็จการ

รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ฝ่ายตำรวจและทหารฟิลิปปินส์แถลงวันนี้ (8 พ.ค.) ว่า สถานการณ์ทั่วไปก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์อยู่ในความสงบในระหว่างเตรียมความพร้อมนาทีสุดท้ายก่อนที่คูหาเลือกตั้งจะเปิดขึ้นวันพรุ่งนี้ (9 พ.ค.) ผลโพลล่าสุดชี้ อดีต ส.ว.เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ บุตรชายอดีตเผด็จการฟิลิปปินส์ผู้อื้อฉาวจะชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ท่ามกลางความวิตกจะกลับมาขวางการค้นหาทรัพย์สินที่ซุกไว้ในต่างแดนของตระกูลมาร์กอส

รอยเตอร์รายงานวันนี้ (8 พ.ค.) ว่า ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งฟิลิปปินส์จะออกไปคูหาในวันพรุ่งนี้ (9 พ.ค.) เพื่อเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ตำแหน่งสมัย 6 ปี ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต และการเลือกตั้งระดับรัฐสภาคองเกรสฟิลิปปินส์และระดับท้องถิ่นในวันเดียวกัน

การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นการพบกันอีกครั้งระหว่างอดีต ส.ว.เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ วัย 64 ปี บุตรชายอดีตเผด็จการฟิลิปปินส์ผู้อื้อฉาว เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส และรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ นักกฎหมายสิทธิมนุษยชนชื่อดังและเป็นผู้หญิง เลนี โรเบรโด (Leni Robredo) วัย 57 ปีที่เคยเอาชนะเขามาได้อย่างเฉียดฉิวในการเลือกตั้งรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ปี 2016 ในฐานะคู่ชิงของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์เต

ดูเตอร์เตไม่ได้ออกมาให้การสนับสนุนผู้สมัครคนใดอย่างเป็นทางการในการเลือกตั้งครั้งนี้แต่ทว่าได้ส่งให้บุตรสาว ซารา ดูเตอร์เต-คาร์ปิโอ (Sara Duterte-Carpio) ขึ้นในฐานะคู่ชิงร่วมรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ของมาร์กอส และพรรคของดูเตอร์เตให้การสนับสนุน บองบอง มาร์กอส (Bongbong Marcos) ซึ่งเป็นชื่อเรียกของ ส.ว.มาร์กอส จูเนียร์ภายในฟิลิปปินส์

ผู้บัญชากองทัพบกฟิลิปปินส์ พล.ท.อันเดรส เซนติโน (Andres Centino) กล่าววันอาทิตย์ (8 พ.ค.) ในงานแถลงข่าวร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจฟิลิปปินส์ พล.ต.ท.วินเซนเต ดาเนา (Vicente Danao) และเจ้าหน้าที่คณะกรรมการเลือกตั้งแห่งชาติฟิลิปปินส์มีใจความว่า “พวกเรามีความพร้อมสำหรับสิ่งที่อาจมีความเปลี่ยนแปลง”

และกล่าวต่อว่า “พวกเรามีพันธะ...ที่ต้องทำให้มั่นใจว่าพวกเรามีการเลือกตั้งที่มีความมั่นคง ถูกต้อง เสรี และยุติธรรมในวันพรุ่งนี้”

ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจฟิลิปปินส์แถลงว่า “หวังว่าพวกเราจะยังคงมีความสงบไปจนถึงวันสุดท้ายตามระบบการเลือกตั้งของพวกเรา”

ทั้งนี้ โฆษกคณะกรรมการเลือกตั้งฟิลิปปินส์กล่าวถึงสถานการณ์ก่อนวันเลือกตั้งว่ามีความสงบโดยทั่วไป และมีการกระทำผิดเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งราว 16 คดี รวมถึงคดียิงที่จังหวัดนูเวบาเอซีฮา (Nueva Ecija) และจังหวัดอีโลกอสซูร์ (Ilocos Sur)

รอยเตอร์กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะยาวนานกว่าปกติเนื่องมาจากมาตรการความปลอดภัยทางโควิด-19 ซึ่งคูหาเลือกตั้งจะเปิดในเวลา 06.00 น. และจะปิดลงในเวลา 19.00 น.ของวันจันทร์ (8 พ.ค.)

โพลสำรวจก่อนการเลือกตั้งพบว่า บุตรชายอดีตผู้นำฟิลิปปินส์ บองบอง มาร์กอส ขึ้นนำในทุกโพลของปีนี้ รอยเตอร์ชี้ว่าในรายงานผลโพลเลือกตั้งของพัลซ์ เอเชีย (Pulse Asia) ที่ออกมาเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ชี้ไปว่า มาร์กอส จูเนียร์ ได้รับคะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 ที่ 56% ส่วนโรเบรโดได้ไป 23% และอดีตนักชกแชมเปี้ยนโลกชื่อดัง แมนนี ปาเกียว 7% ส่วนนายกเทศมนตรีกรุงมะนิลา ฟรานซิสโก โดมาโกโซ (Francisco Domagoso) 4% สำหรับผู้ที่ตอบแบบสอบถาม 2,400 คนในโพลการสำรวจจัดทำเมื่อกลางเดือนเมษายน

เอเอฟพีรายงานวันเสาร์ (7 พ.ค.) ว่า บุตรชายเของเผด็จการอดีตประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ได้ยุติการหาเสียงในวันเสาร์ (7 พ.ค.) ท่ามกลางผู้ให้การสนับสนุนที่เข้าร่วมการปราศรัยจำนวนมหาศาลจากผลโพลต่างๆ ชี้ไปว่าเขาจะชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย โดยโพลครั้งสุดท้ายของ พัลซ์ เอเชีย ได้ไป 56% เหนือกว่าคู่แข่งโรเบรโดที่ได้ไป 33% 

เอเอฟพีรายงานว่า หากว่าบองบอง มาร์กอสได้รับการเลือกตั้งกลับเข้าทำเนียบมาลากันยังอีกครั้ง นักวิจารณ์ต่างพากันวิตกว่าเขาจะยุติการค้นหาสมบัติฟิลิปปินส์ที่เคยถูกปล้นออกไปและซุกในต่างแดนในสมัยของอดีตประธานาธิบดีมาร์กอสผู้พ่อ

ทั้งอดีตประธานาธิบดีมาร์กอส และอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ฟิลิปปินส์ อีเมลดา มาร์กอส และคนใกล้ชิดเชื่อว่ายักยอกทรัพย์สินออกไปมากถึง 10 พันล้านดอลลาร์จากคลังหลวงในระหว่างการดำรงตำแหน่ง 20 ปี

‘ไบเดน’ ส่งอาวุธช่วยยูเครนอีก 150 ล้านดอลฯ จัดเต็มชุดใหญ่ ทั้ง ‘กระสุนปืนใหญ่-โดรน-เรดาร์’

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ อนุมัติจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนเพิ่มเติมอีก 150 ล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ (6 พ.ค.) โดยมีทั้งกระสุนปืนใหญ่ เรดาร์ และยุทโธปกรณ์อื่นๆ ที่จะช่วยต้านทานการบุกของรัสเซีย

“วันนี้สหรัฐฯ ได้ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องแก่ชาวยูเครนผู้กล้าหาญ ซึ่งปกป้องบ้านเมืองของตนจากการรุกรานของรัสเซียที่ยังคงดำเนินอยู่” ไบเดน ระบุในคำแถลง

นับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ. สหรัฐฯ ได้ส่งมอบอาวุธให้แก่เคียฟแล้วเป็นวงเงินไม่ต่ำกว่า 3,400 ล้านดอลลาร์ โดยมีทั้งปืนใหญ่ฮาวอิตเซอร์ (howitzers) ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานแบบประทับบ่ายิง “สติงเกอร์” (Stinger) ขีปนาวุธต่อต้านรถถังเจฟลิน (Javelin) กระสุนปืนใหญ่ และล่าสุดที่เพิ่งจะมีการเปิดเผยก็คือ อากาศยานไร้คนขับที่เรียกกันว่า “โดรนนกปีศาจ” (Phoenix Ghost drones)

สำหรับแพกเกจอาวุธล่าสุดประกอบด้วยกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. จำนวน 25,000 ลูก เรดาร์ต่อต้านปืนใหญ่ อุปกรณ์รบกวนสัญญาณ และอะไหล่ต่างๆ รวมมูลค่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การจัดส่งอาวุธครั้งนี้เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย Presidential Drawdown Authority ซึ่งอนุญาตให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถสั่งเคลื่อนย้ายอาวุธส่วนเกินในคลังแสงของสหรัฐฯ ได้ในกรณีฉุกเฉิน โดยไม่จำเป็นต้องขอการอนุมัติจากสภาคองเกรส

เมื่อเดือน เม.ย. ไบเดน ได้ขออนุมัติงบประมาณ 33,000 ล้านดอลลาร์ จากสภาคองเกรสเพื่อใช้ในการสนับสนุนยูเครนตลอดช่วง 5 เดือนข้างหน้า โดยกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์จะเป็นความช่วยเหลือในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์

จีนเข้ม สั่ง 'กิจการของรัฐ-บริษัทจีนใน/นอกประเทศ' เลิกใช้ PC ต่างชาติภายใน 2 ปี พร้อมหยุดซื้อเพิ่ม

นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า...

ด่วน!!

จีน สั่งให้หน่วยงานของรัฐและเอกชนจีนทั่วประเทศ ยกเลิกการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ PC จากต่างประเทศภายใน 2 ปี ซึ่งจะมีจำนวนถึง 100 ล้านเครื่อง 

หมายความว่า...

1.) นับตั้งแต่วันนี้ไป บริษัทและกิจการของรัฐในประเทศจีนหรือนอกประเทศจีนจะต้องไม่ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ PC ของต่างประเทศอีก ซึ่งกว่า 80% เป็นของสหรัฐฯ

2.) เครื่องคอมพิวเตอร์แบบ PC ที่มีใช้อยู่จะต้องค่อยๆ ปลดระวางออกไป ก่อนกำหนด (ซึ่งปกติจะมีกำหนดปลดระวาง 5 ปี) หมายความว่าต้องปลดระวางให้หมดภายใน 2 ปี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top